ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 208 หยดพลังวารี

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 208 หยดพลังวารี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 208 หยดพลังวารี

พื้นที่ทางด้านนั้น ถูกหมอกดำที่เกิดจากการระเบิดตัวของมุกดำแผ่คลุมไว้

หมอกดำเหล่านี้ดูอับชื้นมาก ทั้งยังแผ่คลุมพื้นที่เล็กๆ เพียงไม่กี่ฉื่อ และดูเหมือนจะไม่ยอมสลายตัวง่ายๆ

หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เขาสะบัดแขนเสื้อในฉับพลัน ทันใดนั้นพายุบ้าระห่ำก็พัดกระหน่ำออกมา และพุ่งไปหาหมอกดำ

“ฟิ้ว!” พายุบ้าระห่ำแฉลบผ่านหมอกดำไป และไม่สามารถทำอะไรหมอกดำได้เลยแม้แต่น้อย

ครั้งนี้หลิ่วหมิงรู้สึกเสียวสะท้านขึ้นมาจริงๆ แล้ว เขารีบปล่อยลูกเปลวไฟออกไปในทันที

พอลูกเปลวไฟปะทะกับหมอกดำ มันก็ดับลงทันทีราวกับเจอดาวมฤตยู

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกแปลกใจมากขึ้น

หลังจากที่ลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อทันที หลังจากมีเสียงดังเต้งๆ ออกมา โซ่สีเงินเส้นหนึ่งก็ดีดตัวออกจากแขนเสื้อ และพุ่งเข้าไปในหมอกดำ

“เพล้ง!”

ปลายโซ่สีเงินเข้าไปในหมอกดำได้เพียงนิดเดียว ก็ถูกพลังแปลกประหลาดบางอย่างต้านทานไว้

ขณะที่หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสอง และกำลังจะเพิ่มพลังของตนเองนั้น พลังแปลกประหลาดนี้ก็หายไปในพริบตา

โซ่สีเงินพุ่งผ่านหมอกดำไป ในนั้นล้วนว่างเปล่า และไม่มีสิ่งใดอยู่

หลิ่วหมิงตวัดโซ่สีเงินกลับมา พอมองไปที่ไอหมอกแล้ว ก็กะจะเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย

แต่ขณะนั้นเอง กลุ่มหมอกก็พวยพุ่งขึ้น ทันใดนั้นมันก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และบริเวณที่เคยถูกมันแผ่คลุม ได้ปรากฏหลุมลึกๆ กว้างประมาณปากถ้วยอยู่หลุมหนึ่ง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็คิดถึงสถานที่เกิดเสียงดังในก่อนหน้านั้น แล้วเดินเข้าไปราวกับคิดอะไรอยู่ เขาจ้องไปในหลุมด้วยตาที่เป็นประกาย และต้องแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา

“นี่คือสิ่งใดกัน ช่างดูแปลกประหลาดยิ่งนัก!”

หลิ่วหมิงกล่าวพึมพำเสร็จ ก็กางนิ้วทั้งห้าไปทางหลุมที่อยู่ด้านล่าง

พอพลังเวทย์ในร่างเขาถูกกระตุ้นขึ้นมา ไอสีดำก็วนเป็นเกลียวออกมาตามแขน และกลายเป็นหนวดสัมผัสเส้นหนึ่ง ก่อนที่จะพุ่งลงไปในหลุมลึก

จากนั้นพอเขาสะบัดแขน หนวดสัมผัสสีดำก็ถูกดึงกลับในฉับพลัน ดูเหมือนว่าเกือบจะลากอะไรบางอย่างออกมาได้

ถึงแม้หนวดสัมผัสสีดำจะตรงดิ่งเป็นพิเศษ และตึงแน่นเป็นอย่างมาก แต่สิ่งของที่อยู่ในหลุมก็ยังอยู่ในก้นหลุมอย่างมั่นคง โดยไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ คิ้วของเขาก็ค่อยๆ ขมวดขึ้นมา เขาแกว่งแขนในทันที พลังไร้รูปพรั่งพรูผ่านหนวดสัมผัสไปยังด้านล่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นนิ้วทั้งห้าก็ค่อยๆ งอเข้าหากัน

พลังมหาศาลที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่า ม้วนตัวกลับในทันที

“ตู๊ม!” ภายใต้การใช้พลังของหลิ่วหมิง หินสีดำบนพื้นที่เขาเหยียบแตกออกในฉับพลัน แต่สิ่งที่อยู่ในหลุมยังคงไม่กระเตื้องเลยแม้แต่น้อย

ครั้งนี้สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

พลังที่เขาใช้เมื่อครู่ ต่อให้เป็นสิ่งของหนักหลายร้อยจินก็สามารถดูดออกมาได้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งที่อยู่ในหลุมได้

นี่ก็เท่ากับว่า สิ่งนี้มีน้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งพันจินขึ้นไป

มิน่าล่ะ! พอมันออกมาจากมุกดำ ก็กระแทกผ่านพื้นหิน และจมเข้าไปลึกเช่นนี้

หลิวหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เขาไม่กล้าดูแคลนเจ้าสิ่งนี้แล้ว จากนั้นก็เริ่มทำท่ามือด้วยมือทั้งสองกระตุ้นเคล็ดวิชาต่างๆ และยื่นแขนข้างหนึ่งออกไปด้านหน้า

หนวดสัมผัสสีดำม้วนเข้าไปในร่างเขา จากนั้นก็มีเสียงเต๊งตั๊งดังมาจากแขนเสื้อ และโซ่สีเงินก็พุ่งเข้าไปในหลุม

พอเขาคำรามเสียงออกมา

แขนทั้งสองก็จับโซ่ไว้แน่น จากนั้นก็ดึงขึ้นมาในทันที

บังเกิดเสียงดังครั่นเครืน!

ร่างของเขาระเบิดกลิ่นไออันน่าตกใจออกมา!

ห้องลับสั่นสะเทือนเล็กน้อย ในที่สุดสิ่งที่อยู่ในรูก็ค่อยๆ ถูกดึงขึ้นมา

กล้ามแขนทั้งสองที่นูนขึ้น และร่องรอยตรงหน้าผาก ทำให้เห็นชัดว่าต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก

ผ่านไปไม่นาน เมื่อหลิ่วหมิงออกแรงดึงมันขึ้นมาอยู่ไม่หยุด ในที่สุดก็ดึงปลายโซ่ขึ้นมาได้ ปลายโซ่รัดกลุ่มแสงสีดำขนาดเท่าลูกกำปั้นไว้

ใจกลางกลุ่มแสง คือหยดของเหลวสีดำที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว มันดำสนิทราวกับหมึก ทั้งยังมีไอสีดำสองสามสายหมุนวนอยู่ไม่หยุด

พอหลิ่วหมิงได้เจอกับหยดของเหลวที่ไม่ค่อยเตะตานี้ เขากลับสะบัดแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว และเตาหลอมสีเงินก็ลอยออกมาจากในนั้น หลังจากนั้นมันก็พร่ามัวและยืดสูงขึ้นหลายฉื่อ แล้วค่อยๆ หล่นมาอยู่ด้านล่างของเหลวอย่างมั่นคง

เขาก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว ธงที่ปักอยู่ในมุมห้องลับเปล่งประกายออกมาสองสามที ม่านแสงที่ปกคลุมอยู่ด้านบนพลันหล่นร่วงลงมา และจมหายเข้าไปใต้ดิน

พื้นหินสีดำที่ดูธรรมดา เปล่งประกายแวววาวขึ้นมาทันที

ขณะนี้หลิ่วมิงถึงได้หยุดปล่อยพลังเวทย์ในฉับพลัน

ในขณะที่ปลายโซ่พร่ามัวนั้น หยดของเหลวสีดำก็ตกลงในเตาหลอมอย่างแม่นยำ

ครูต่อมาก็มีเสียงดังสนั่น!

เตาหลอมเปล่งประกายแสงออกมาอย่างบ้าคลั่ง ขาเตาหลอมทั้งสามจมลึกลงในพื้นดินครึ่งฉื่อกว่าๆ

สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงจ้องมองจนนึกอะไรไม่ออก

นี่คือการที่เขาตั้งใจกระตุ้นชั้นจำกัด และเสริมความแข็งแกร่งให้ห้องลับ

มิเช่นนั้นเตาหลอมจะเป็นเหมือนเมื่อครู่ คือจมหายไปใต้ดินอย่างไร้ร่องรอย

แต่มันก็แปลกเสียจริง!

เมื่อครู่เหมือนเขาใช้พลังที่มีทั้งหมด ถึงฝืนยกหยดของเหลวสีดำนี้ขึ้นมาได้ คาดว่าอย่างน้อยก็คงหนักสามสี่พันจิน มิเช่นนั้นมันคงไม่เป็นเช่นนี้

ของสิ่งนี้จะต้องไม่ใช่สมบัติธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย

หลิ่วหมิงคิดวกไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เคยเห็นหรือได้ยินของสิ่งนี้จากคัมภีร์เล่มไหนมาก่อน

แต่ตอนนี้เขามีเวลาแล้ว ในที่สุดก็สามารถตรวจสอบมันได้

หลิ่วหมิงเก็บโซ่สีเงินก่อนเดินไปใกล้ๆ เตาหลอม และก้มมองหยดของเหลวสีดำอย่างละเอียด

……

ขณะเดียวกัน บนเกาะยักษ์กลางมหาสมุทรแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากแคว้นต้าเสวียนตั้งเท่าไหร่ ในวิหารศิลาขนาดใหญ่ที่สูงยี่สิบกว่าจั้ง ผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรที่สวมชุดคลุมสีม่วง กำลังว่ากล่าวองครักษ์สวมชุดเกราะขาวด้วยสีหน้าโมโห

ไร้ประโยชน์! ร่างไร้ประโยชน์เสียจริง! พวกเจ้าเฝ้าคลังสมบัติกันอย่างไร ทำไมถึงให้องครักษ์คนนี้ ขโมยหยดพลังวารีที่ข้าใช้เวลาเกาะผลึกเป็นร้อยปีไปได้ เจ้ารู้ไหมว่าถ้าขาดหยดพลังวารีหยดนี้ไป สมบัติล้ำค่าที่ข้าสร้างจนเกือบสำเร็จในตอนแรก จะมีอานุภาพลดลงไปเกือบครึ่ง ในคลังสมบัติมีของอย่างอื่นหายไปด้วยหรือไม่?”

“ผู้อาวุโสโปรดระงับโทสะ! นอกจากหยดพลังวารีแล้ว สมบัติอื่นๆ ในคลังไม่ได้หายไปไหน และข้าได้ตรวจพบว่าองครักษ์ที่น่าสงสัยผู้นั้น ได้รับคำสั่งให้ไปแคว้นต้าเสวียนเพื่อคุ้มครองคุณหนูสิบสามเมื่อไม่นานมานี้”

“ไปคุ้มครองคุณหนูสิบสามแล้ว ฮึ! ดูท่าเขาคงวางแผนไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหยดพลังวารีนี้เป็นของที่พิเศษอย่างมาก และมันไม่สามารถทำลายชั้นจำกัดได้ล่ะก็ เกรงว่าคงไม่หายไปแค่นี้ รีบให้คนส่งข่าวบอกคุณหนูสิบสาม ให้จับองครักษ์ที่ขโมยสมบัติชิ้นนี้ไป จากนั้นส่งตัวมาให้ข้าทันที” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีม่วงทำเสียงฮึดฮัด และกล่าวด้วยความโมโหมากกว่าเดิม

“ทราบ! ข้าจะส่งข่าวให้คุณหนูสิบสาม! ใช่สิ! เมื่อไม่นานมานี้ จักรพรรดิเจ้าสมุทรได้ส่งสาส์นมาเชิญผู้อาวุโสไปปรึกษาหารือ ดูเหมือนกับว่าจักรพรรดิอีกสองเผ่าก็อยู่ด้วย” องครักษ์ผู้นี้รีบตอบรับในทันที แต่พอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็รีบรายงานออกไป

“อีกสองเผ่าส่งทูตมาแล้วหรือ ช่วงนี้พวกเขาไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง ดูท่าคงใกล้ถึงเวลาทำการใหญ่แล้ว” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีม่วงได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด และกล่าวเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่

ไม่นาน แสงสีขาวก็พุ่งขึ้นจากเกาะยักษ์ หลังจากที่มันแกว่งไหวไม่กี่ที ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น

……

หลิ่วหมิงถอนหายใจ และสะบัดข้อมือเพื่อเก็บกระบี่จันทราหยก

ชั่วเวลาเกือบหนึ่งชั่วยามที่ผ่านมา เขาใช้วิธีการต่างๆ ทดสอบหยดของเหลวสีดำนี้ จนค้นพบว่ามันไม่เพียงแต่จะมีน้ำหนักมากเท่านั้น แต่ยังแผ่กลิ่นไอพลังธาตุน้ำออกมา และดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างอัดแน่นอยู่ด้านใน

แม้เขาจะไม่รู้ว่าพลังนี้คือสิ่งใด แต่อานุภาพของมันจะต้องเป็นสิ่งที่เขาพบเห็นได้น้อยมาก ถ้าหากปลดปล่อยมันออกมาได้ ต่อให้เขาเซียนทอแสงจะระเบิดไปส่วนหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และเมื่อใช้คมมีดฟันหยดของเหลวสีดำนี้ ก็ฟันไม่เข้าเลยแม้แต่น้อย แต่กลับถูกพลังในนั้นปัดกระเด็นออกมา

นอกจากนี้มันยังมีอานุภาพหลบหลีกน้ำไฟได้อย่างเหลือเชื่อ

พอเปลวไฟเข้าใกล้หยดของเหลวสีดำครึ่งฉื่อ มันก็ได้รับผลกระทบจนต้องดับลงไป ถ้าน้ำเข้าใกล้หยดของเหลว มันก็จะค่อยๆ ระเหยกลายเป็นไอ

ความลึกลับของสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่เขาพบเจอได้น้อยมาก!

แม้เขาจะไม่รู้ที่มาของมัน แต่ในเมื่อได้มาจากคนของเผ่าเจ้าสมุทร มันคงเกี่ยวข้องกับเผ่าเจ้าสมุทรอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่อาจนำออกมาถามคนอื่นได้ง่ายๆ

รอเขาจัดการปัญหาเรื่องเผ่าเจ้าสมุทรเสร็จแล้ว ค่อยไปพลิกอ่านคัมภีร์เกี่ยวกับสิ่งของล้ำค่าในตลาด เพื่อดูว่าจะหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่

พอหลิ่วหมิงคิดถึงจุดนี้ ก็พลิกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นหอยสังข์ขนาดเท่าลูกกำปั้นก็ปรากฏออกมา

เขาจับมันแกว่งไปด้านหน้าทีเดียว แสงสว่างก็ม้วนตัวเข้ามา จากนั้นเตาหลอมกับหยดของเหลวสีดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ตอนนี้หลิ่วหมิงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

โชคดีที่มีหอยสังย่อส่วน ที่ไม่มีขีดจำกัดในการรับน้ำหนัก ถ้าไม่อย่างนั้นต่อให้จะใช้ยันต์เก็บของเก็บของสิ่งนี้ แต่ด้วยน้ำหนักของมัน ก็ทำให้ไม่อาจพกติดตัวได้

ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คงเกิดเรื่องยุ่งยากไม่น้อย

เช้าวันที่สอง หลิ่วหมิงออกไปนอกถ้ำโดยไร้สุ้มเสียง เขาปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคนที่ไม่ค่อยเตะตามากนัก จากนั้นก็เดินลงเขาไป

พอถึงเวลาเย็น ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นใบหน้าเดิม ตอนที่กลับไปถึงถ้ำ ก็เห็นเฉียนหรูผิงกับหูชุนเหนียงพูดคุยกันอย่างสนิทสนม

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกทึ่งอย่างอดไม่ได้

เป็นเพราะเฉียนหรูผิงมีชีวิตที่ขมขื่นในวัยเด็ก นางจึงระแวดระวังบุคคลแปลกหน้ามาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าหูชุนเหนียงจะใช้เวลาสั้นๆ แค่ครึ่งวันตีสนิทกับเด็กสาวผู้นี้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปสามารถทำได้

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด