ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 231 ต่อสู้กับผีดิบไอปีศาจ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 231 ต่อสู้กับผีดิบไอปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 231 ต่อสู้กับผีดิบไอปีศาจ

จากนั้นชายหนุ่มก็ยกแขนขึ้น และชี้นิ้วมาทางหลิ่วหมิง

“ฟู่!”

พายุไร้รูปพุ่งมาตรงหน้าหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว จนทำให้เขาไม่มีแม้แต่เวลาจะคิดพิจารณา

เขาเพียงแค่หันศีรษะไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พายุเฉียดผ่านหูปะทะใส่ผนังหินด้านหลังที่อยู่ไม่ไกล

ก่อให้เกิดรูขนาดเท่านิ้วมือ

“ปราณแกร่ง!”

พอหลิ่วหมิงเห็นฉากเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

ชายหนุ่มร่างผอมบางบนเก้าอี้สีทองกลับหัวเราะออกมา และดีดนิ้วออกไปติดต่อกัน

“ฟิ้วๆ!” พายุจำนวนมากโจมตีส่วนต่างๆ ของหลิ่วหมิงพร้อมกัน

แต่หลิ่วหมิงที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว จะยืนนิ่งอยู่ที่เดิมได้อย่างไร เขาเคลื่อนไหวติดต่อกันจนเกิดเป็นเงา และมาปรากฏตัวในสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปหลายจั้ง

พายุจำนวนมากพัดผ่านไป ทำให้ผนังหินด้านหลังเกิดรูเป็นจำนวนมาก

“ไม่ถูกต้อง! เจ้าไม่ใช่อาจารย์จิตวิญญาณ! ปราณแกร่งของอาจารย์จิตวิญญาณที่แท้จริงไม่ได้อยู่แค่ระดับนี้!” หลิ่วหมิงหันไปมองรูบนผนังหินทีหนึ่ง แล้วหันไปดูการโจมตีของชายหนุ่มร่างผอมบางในรอบนี้ และเห็นว่าเขาไม่ได้ปล่อยนิ้วพายุออกมาอย่างต่อเนื่อง หลิ่วหมิงก็หรี่ตาพูดออกมาทันที

“เฮ่อๆ! ข้าฝึกปราณแกร่งสำเร็จแล้ว จะใช่อาจารย์จิตวิญญาณหรือไม่ มันแตกต่างกันตรงไหน! เจ้าเป็นแค่ศิษย์จิตวิญญาณ ยังคิดจะหนีไปจากเงื้อมมือข้าได้หรือ? สถานที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกไว้ นอกเสียจากว่าจะมีระดับการโจมตีเทียบเท่ากับอาจารย์จิตวิญญาณถึงจะสามารถทำลายมันได้ มิเช่นนั้นเจ้าต้องถูกฆ่าดูดโลหิตหมดตัวอย่างแน่นอน” ชายร่างผอมบางหัวเราะก่อนกล่าวออกมา

จากนั้นเขางอนิ้วทั้งห้าให้กลายเป็นกรงเล็บคว้ามาหาหลิ่วหมิง

บังเกิดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง!

เคลื่อนสั่นไหวเหนือศีรษะหลิ่วหมิง มือสีขาวเทากึ่งโปร่งแสงขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น และคว้าลงมาอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย เพียงแค่ขยับตัว ก็หลบออกไปราวกับใบหลิวที่ไหวตามแรงลม

ขณะเดียวกัน แมงป่องกระดูกขาวกับหัวบินก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน เส้นผมยาวเต็มศีรษะม้วนตัวออกไป หางตะขอกลายเป็นเส้นสีดำสิบกว่าเส้นเจาะทะลุออกไป

มือใหญ่สีขาวเทาเผชิญกับการโจมตีทั้งสองพร้อมกัน หลังจากกะพริบไม่กี่ที มันก็กลายเป็นจุดแสงก่อนที่จะสลายไป

ชายหนุ่มร่างผอมบางเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็ดูหนักอึ้งขึ้นมา เขาขยับแขนและดูเหมือนจะคว้าเข้าใส่หลิ่วหมิง

แต่ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงกลับหัวเราะขึ้นมา

“น่าสนใจ! การโจมตีเมื่อครู่ดูเหมือนจะมีอานุภาพไม่น้อย แต่ข้าจะดูแต่เปลือกนอกได้อย่างไร คำพูดของท่านที่แฝงออกมาในแต่ละครั้ง ดูเหมือนจะตั้งใจให้ข้างัดท่าไม้ตายออกมาทำลายชั้นจำกัดนี้ ให้ข้าเดาล่ะก็ ถ้าไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้วิธีทำลายชั้นจำกัดนี้ จึงคิดจะยืมมือข้าทำเรื่องนี้แทนล่ะก็ คงเป็นเพราะว่าร่างกายของท่านไม่สมบูรณ์พอ จึงตั้งใจทำให้ข้าตกใจ ดูเหมือนว่าท่านยังไม่ได้ไปจากเก้าอี้ตัวนั้นเลย”

พอชายร่างเปราะบางได้ยินหลิ่วหมิงพูดเช่นนี้ ก็เผยแววดุร้ายออกมา แต่ก็ไม่เห็นพูดอะไร เพียงแค่ขยับแขนชักกระบี่ยาวสีเงินตรงเอวออกมา และฟันเข้าใส่หลิ่วหมิง

เสียงแหลมแสบหูดังขึ้นมา!

หลิ่วหมิงเพียงแค่รู้สึกว่าแสงสีเงินตรงหน้าปรากฏออกมา จากนั้นปราณกระบี่สีเงินครั่นคร้ามก็มาถึงเหนือศีรษะเขา และฟันลงมาอย่างรุนแรง

เขากำลังจะหลบด้วยความตกใจ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากพื้น ทันใดนั้นมือสีเหลืองขนาดใหญ่สองข้างก็พุ่งขึ้นมา และคว้าเท้าทั้งสองของเขาไว้อย่างแน่นหนา

หลิ่วหมิงรู้สึกหนักอึ้งในใจ กระบี่สั้นสีเขียวในมือฟาดฟันปราณกระบี่ออกไปในอากาศ ปราณกระบี่พุ่งขึ้นฟ้า ขณะเดียวกันโซ่สีเงินรอบตัวก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง มันไม่เพียงแต่จะหวดใส่มือสีเหลืองจนแหลกละเอียด แต่ยังกลายเป็นเงาสีเงินปกป้องร่างเขาไว้

พอปราณกระบี่สีเขียวกับสีเงินในอากาศปะทะกัน ก็ระเบิดเสียงอันน่าตกใจออกมา

ชายร่างผอมบางบนเก้าอี้สีทองเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น เขาสะบัดแขนข้างที่ถือกระบี่ และฟันมาทางหลิ่วหมิงทันที

ทันใดนั้นปราณกระบี่สีเงินอีกสายก็ฟันลงมาจากที่สูงราวกับสายฟ้าแลบ

ด้วยเหตุนี้ ปราณกระบี่สีเขียวเพียงแค่ส่งเสียงออกมา และกลายเป็นจุดแสงเขียวๆ ก่อนสลายไป

ปราณกระบี่สีเงินทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง และฟันใส่เงาโซ่สีเงินอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้นได้เกิดเสียงระเบิดดังออกมาติดต่อกัน

ร่างหลิ่วหมิงโซเซ และในที่สุดก็สามารถออกมาจากวงล้อมของอานุภาพปราณกระบี่สีเงินได้

โซ่สีเงินแวววาวในตอนแรกกลับดำมืดลงไปมาก

แต่พอเท้าทั้งคู่ของหลิ่วหมิงยืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง เขาก็กวาดสายตาดูโซ่สีเงินสลับกับชายหนุ่มร่างผอมแห้ง แล้วก็ถามออกไปด้วยสีหน้าแปลกใจ

“นี่คือท่าไม้ตายของเจ้าหรือ? ดูท่าข้าคงเดาไม่ผิด ตอนนี้เจ้ามีสภาพไม่สมบูรณ์เล็กน้อยจริงๆ”

พอกล่าวจบ เขาก็โยนกระบี่สั้นสีเขียวในมือไปบนอากาศทันที มือข้างหนึ่งทำท่ามือและร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว

กระบี่สั้นสีเขียวหมุนติ้วๆ กลายเป็นจันทราสีเขียว และหมุนวนขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน แมงป่องกระดูกขาวกับหัวบินก็เคลื่อนไหว และกระโจนไปยังหลุมขนาดใหญ่

หัวบินเคลื่อนไหวเพียงแค่ไม่กี่ที ก็มาอยู่กลางอากาศห่างจากชายหนุ่มร่างผอมบางไม่ไกล มันอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีเขียวออกมา จากนั้นก็สะบัดผมยาวเต็มศีรษะจนกลายเป็นไหมหยกพุ่งยิงออกไปจำนวนมาก

ชายร่างผอมบางเผยรอยยิ้มอันน่าเกลียดน่ากลัว และอ้าปากพ่นแสงสีขาวเทาออกมาโดยฉับพลัน มันสูดเอาเปลวเพลิงสีเขียวทั้งหมดเข้าไปในปาก แต่ไม่สนใจเส้นผมยาวที่พุ่งมาเต็มฟ้า แต่กลับขยับแขนชกหมัดออกไป

“ตู๊ม!”

ขณะที่เส้นผมยาวเจาะไปยังร่างของชายหนุ่มนั้น หัวบินก็ถูกพลังไร้รูปบางอย่างโจมตีจนกระเด็นออกไปพร้อมเสียงร้องอย่างเวทนา

ขณะนี้ แมงป่องกระดูกขาวกระโจนตามมา มันอ้าปากพ่นเพลิงสีม่วงออกมาเช่นกัน ขณะเดียวกันหางตะขอตรงหลังก็เคลื่อนไหวกลายเป็นเส้นสีดำสิบกว่าเส้น เจาะทะลุเข้ามา

“ซู่!” “ซู่!”

ชายหนุ่มร่างผอมบางปล่อยให้เปลวไฟสีม่วงกับเส้นสีดำโจมตีร่างเขาตามอำเภอใจ และเขาก็ขยับแขนราวกับอสรพิษคว้าเอาหางตะขอสีดำมืดไว้ จากนั้นก็สะบัดข้อมือกระแทกแมงป่องกระดูกขาวกับขอบหลุมขนาดใหญ่

บังเกิดเสียงดังขึ้นมา!

พื้นดินค่อยๆ สั่นสะเทือน!

สถานที่ที่แมงป่องกระดูกขาวอยู่ยุบลงไปบางส่วน ทำให้มันไม่สามารถปีนขึ้นมาได้

เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ แมงป่องกระดูกถูกกระแทกไปไม่เบา

แต่ที่ทำให้คนตกใจยิ่งกว่าก็คือ ไม่ว่าบาดแผลที่ชายรูปร่างผอมแห้งได้รับมาจากเส้นผมยาวของหัวบิน หรือหางตะขอของแมงป่องกระดูกขาวนั้น มีเพียงแค่ไอสีดำพุ่งออกมา และไม่มีโลหิตไหลเลยแม้แต่น้อย

แต่ขณะนั้นเอง กระบี่จันทราหยกกลางอากาศก็ขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าอ่างล้างหน้า พอหลิ่วหมิงตะคอกเสียงต่ำออกมา มันก็พร่ามัวหายไป

ครู่ต่อมา จันทราสีเขียวก็มาปรากฏตัวเหนือร่างชายหนุ่มร่างผอมบาง และตกลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง พร้อมกับสาดแสงเย็นสะท้านอันน่ากลัวลงมา

เดิมทีชายหนุ่มร่างผอมบางคิดจะจัดการแมงป่องกระดูกขาวกับหัวบินก่อน แต่พอเห็นกลิ่นไออันน่ากลัวของจันทราสีเขียว สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาสะบัดกระบี่ยาวสีเงินออกไป และปราณกระบี่สิบกว่าสายก็ฟันขึ้นบนอากาศพร้อมกัน

พริบตาเดียว จันทราสีเขียวก็ปะทะกับปราณกระบี่สีเงิน และส่งเสียงระเบิดดังออกมา

แสงสีเขียวกับแสงสีเงินตัดสลับกัน และต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน

ขณะนั้นเอง คมวายุยักษ์ขนาดยาวครึ่งจั้งได้ก่อตัวขึ้นตรงหน้าหลิ่วหมิง พอเขาสะบัดมือทั้งสองคมวายุยักษ์ก็พร่ามัวหายไป

ชายหนุ่มร่างผอมบางตาเป็นประกาย และคว้ามือเปล่าไปยังด้านหน้า

มือของเขาลีบแห้งจนยากจะหาที่เปรียบได้ และยังมืดดำราวกับหมึก

“เพล้ง!”

คมวายุยักษ์พร่ามัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม และถูกเขาคว้าเอาไว้ได้พอดี

ฉากอันน่าเหลือเชื่อได้ปรากฏขึ้นแล้ว

คมวายุยักษ์ที่ฟันลงบนมือ ไม่สามารถจะตัดมือให้ขาดได้ แต่หลังจากที่ชายร่างผอมบางเผยสีหน้าดุร้ายออกมา เขาก็บีบคมวายุจนแตกกระจาย

แม้หลิ่วหมิงเป็นคนใจเย็นมาโดยตลอด แต่พอได้เห็นฉากนี้ใจก็ร่วงหล่นลงไป แต่มือของเขาก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว นิ้วทั้งสิบเคลื่อนไหวจนดูคล้ายล้อรถหมุน จากนั้นแสงสีแดงก็ปรากฏออกมาตรงหน้า หลังจากหมุนรวมกันติ้วๆ แล้ว ก็หลายเป็นลูกเปลวไฟ และขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว

ชายร่างผอมบางเห็นฉากเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเย็นสะท้าน พอเขาอ้าปากก็พ่นของเหลวสีดำออกมาสองกลุ่ม

แต่พริบตาที่ทั้งสองอย่างตกลงพื้น มันก็เลื้อยขยุกขยิกกลายเป็นปีศาจวานรสีดำที่สูงจั้งกว่าๆ หลังจากแผดเสียงคำรามออกมา มันก็แยกเขี้ยวยิงฟันพุ่งมาหาหลิ่วหมิง

แต่ขณะนั้นเองได้มีเสียงดัง “ฟู่!” ออกมา

ปีศาจวานรทั้งสองถูกตาข่ายแผ่คลุมไว้ในพริบตา มันคือหัวบินที่พุ่งยิงเข้ามาพร้อมกับเส้นผมยาวบนหัว

แม้ปีศาจวานรทั้งสองจะดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ในตาข่าย แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ใบหน้าชายหนุ่มร่างผอมบางดูไม่ได้เล็กน้อย เขาสะบัดกระบี่ยาวสีเงิน เพื่อฟันฟันใส่หัวบิน

แต่ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นเหนือศีรษะเขา

มันคือจันทราสีเขียวที่ระเบิดออกมาในพริบตา ปราณกระบี่สีเขียวร้อยกว่าสายพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง และโจมตีจนปราณกระบี่สีเงินเหล่านั้นสลายไป ทั้งยังม้วนแสงเย็นสะท้านอันน่าครั่นคร้ามลงมา

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง ชายร่างผมบางได้แต่เปลี่ยนทิศทางของกระบี่ยาวสีเงิน และฟาดฟันมันออกไปในอากาศ

ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดังครึกโครมมาจากทางด้านหลิ่วหมิง ลูกเปลวไฟยักษ์ขนาดเท่าอ่างล้างหน้าพวยพุ่งเข้ามาถึงแล้ว

ชายร่างผอมบางปราดตามองอานุภาพของลูกเปลวไฟยักษ์ แล้วก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ยอมไปจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แต่กลับแผดเสียงแหลมออกมา และอ้าปากพ่นของเหลวสีดำออกไปห้าหกกลุ่ม

ของเหลวที่พ่นออกมาในแต่ละกลุ่ม ทำให้สายตาของชายหนุ่มร่างผอมบางมืดลงเล็กน้อย

เมื่อมีเสียงดัง “ซู่!” “ซู่” ของเหลวสีดำก็รีบพุ่งไปเผชิญกับลูกเปลวไฟยักษ์

สถานการณ์อันน่าแปลกใจได้เกิดขึ้นแล้ว

พอลูกเปลวไฟยักษ์ที่คุโชน สัมผัสโดนของเหลวสีดำเหล่านี้ มันก็พร่ามัวก่อนที่จะดับลงไป

แต่ขณะนั้นเอง มีแสงสีเขียวเปล่งประกายขึ้นมา พริบตาเดียวเข็มเหงาหยกก็ดีดตัวออกมา

จากนั้นก็กะพริบผ่านไป และมาอยู่ระหว่างคิ้วของชายร่างอ้วนจนเกือบจะเจาะทะลุได้แล้ว

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด