ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 256 ราชาปีศาจฟื้นชีพ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 256 ราชาปีศาจฟื้นชีพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 256 ราชาปีศาจฟื้นชีพ

หลิ่วหมิงกลับถึงนิกายถึงรู้ว่า ตอนที่หยางเฉียนเข้าสู่ระดับของเหลวนั้น เป็นที่ฮือฮาในนิกายอยู่พักหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าในเวลาสั้นๆ นิกายปีศาจจะมีอาจารย์จิตวิญญาณเพิ่มขึ้นมาถึงสองคน

ถ้าไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องที่เผ่าเจ้าสมุทรรุกรานล่ะก็ ผู้ฝึกฝนระดับสูงในนิกายปีศาจคงคิดว่า มีเรื่องดีเกิดขึ้นกับนิกายอีกครั้งแล้ว

หลิ่วหมิงรู้สึกว่ากลิ่นไอของหยางเฉียนในตอนนี้ หนักแน่นและมั่นคงมากขึ้นกว่าเดิม ประจักษ์ชัดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายปีศาจในตอนนั้น ก็สะสมพลังมาเป็นอย่างมาก และไม่ได้เข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณเพราะความโชคดีเลย

หลิ่วหมิงกับหยางเฉียนพูดคุยกันได้สองประโยค ก็พลันได้เสียงของอาจารย์อาเยี่ยนดังขึ้นในหู

“เอาล่ะ! มีเรื่องอะไรที่อยากพูดให้พูดกันต่อในภายหลัง ตอนนี้ถือโอกาสที่ทุกคนอยู่พร้อมกัน เรามาปรึกษาหารือกันสักสองสามเรื่องเถอะ”

ได้ยินผู้อาวุโสระดับผลึกเพียงหนึ่งเดียวของนิกายปีศาจกล่าวเช่นนี้ ทุกคนย่อมเชื่อฟัง และแยกไปนั่งเก้าอี้ทั้งสองด้านทันที

“ศิษย์หลานเหลย เจ้าเป็นอาจารย์จิตวิญญาณที่เข้าร่วมศึกก่อนใคร เจ้าเล่าเรื่องความร่วมมือเป็นพันธมิตร และเรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าเจ้าสมุทรให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องเจ้าฟังคร่าวๆ เถอะ” อาจารย์อาเยี่ยนเห็นเช่นนี้ก็กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“ทราบ! ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านคงได้รับข่าวในก่อนหน้านั้นแล้ว คิดว่าคงพอเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอยู่บ้าง แต่ในความเป็นจริง ศึกมนุษย์เรากับเผ่าเจ้าสมุทรมันแย่กว่าที่พวกท่านคิดไว้มาก” ชายฉกรรจ์แซ่เหลยตอบรับ และลุกขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“พวกข้าจะตั้งใจฟัง” ประมุขนิกายปีศาจกล่าวด้วยสีหน้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป

หลิ่วหมิงและคนมาใหม่ได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมา

“หลังจากที่กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรถูกพวกเราขัดขวางเมื่อหลายปีก่อน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทราบว่าไม่สามารถทำลายฝ่ายตรงข้ามในระยะเวลาสั้นๆ ได้ ดังนั้นต่างฝ่ายต่างก็สร้างเมืองสงครามขึ้นมา เพื่อเตรียมทำศึกระยะยาว เดิมทีในปีแรก ผู้ฝึกฝนระดับผลึกของนิกายต่างก็ไม่มีใครยอมลงมือ ทั้งสองฝ่ายต่างก็หยั่งเชิงฝ่ายตรงข้ามอยู่ในเมืองสงครามของตนเอง และต่างก็ยังรักษาสถานะของตนเองไว้ได้ แต่สามปีให้หลัง ทางฝ่ายเผ่าเจ้าสมุทรกลับมีกำลังแข็งแกร่งมาสนับสนุนเพิ่ม ทำให้พวกเราลำบากไม่น้อย ต่อมาได้สอบถามจากปากเผ่าเจ้าสมุทรที่ถูกจับเป็นมาคนหนึ่ง ถึงทราบว่า พอเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่มหาสมุทรที่ไกลออกไป ได้ทราบข่าวเรื่องสามเผ่าใหญ่ของเจ้าสมุทรยึดครองแคว้นในแผ่นดินอวิ๋นชวนของพวกเราได้ ก็ส่งคนมาร่วมด้วย และเผ่าเจ้าสมุทรที่มาจากแดนไกลนี้ มีผู้อาวุโสระดับผลึกสองคน ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกฝนระดับผลึกของนิกายต่างๆ ยิ่งไม่กล้าออกหน้าโดยง่าย ดังนั้นการต่อสู้ในภายหลังพวกเราล้วนตกเป็นเบี้ยล่าง จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เผ่าเจ้าสมุทรได้โจมตีมาถึงหน้าเมืองสงคราม ถ้าไม่ใช่เพราะว่า พวกเรารวมพลังใช้ท่าไม้ตายหลากหลายรูปแบบ ทำให้เผ่าเจ้าสมุทรเสียเปรียบเป็นอย่างมากล่ะก็ เกรงว่าคงถูกฝ่ายตรงข้ามล้อมโจมตีแล้ว

สถานการณ์ที่ทุกท่านเห็นในก่อนหน้านั้น พวกเรากำลังให้คนซ่อมแซมกำแพงที่ถูกทำลายไป เพื่อที่มันจะมากลับมาแข็งแกร่งเช่นเดิม นอกจากนี้ ในหนึ่งเดือนก่อน เผ่าเจ้าสมุทรส่งทูตมาบอกว่า พวกเขาเตรียมทำลายนัดหมายที่ผู้อาวุโสระดับผลึกได้ทำไว้ในก่อนหน้า นอกเสียจากว่าอาจารย์อาเยี่ยนและผู้ฝึกฝนระดับผลึกคนอื่นๆ จะนัดหมายประลองกับผู้ฝึกฝนระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรสักครั้ง แต่การต่อสู้ในครั้งนั้น ทำให้อาจารย์อาเยี่ยนกับผู้อาวุโสหลิงอวี้บาดเจ็บมาจนถึงทุกวันนี้ และฝ่ายตรงข้ามกลับยังมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกเพิ่มขึ้นมา ถ้าต่อสู้กันในสถานการณ์ปกติล่ะก็ ฝ่ายพวกเราไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะเลยแม้แต่น้อย

ดีที่ว่าในตอนนี้ กำลังสนับสนุนของแต่ละแคว้นในแผ่นดินอวิ๋นชวน คงออกเดินทางมากันแล้ว คาดว่าสามเดือนให้หลังคงจะมาถึง ดังนั้นแผนของพวกเราในตอนนี้ตอนนี้คือ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยืนหยัดให้ผ่านสามเดือนนี้ไปให้ได้

ดีที่ถึงแม้เผ่าเจ้าสมุทรเหล่านั้นจะพูดว่า จะทำลายนัดหมายของผู้อาวุโสระดับผลึก แต่พวกเขาก็หวาดกลัวอาจารย์อาเยี่ยนและคนอื่นๆ จะตอบโต้กับกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทร ช่วงนี้จึงยังไม่เห็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกร่วมทำศึก ดูท่าคงจะยืดไปเวลาออกไปได้ระยะหนึ่ง” ชายฉกรรจ์แซ่เหลยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“อาจารย์อา ท่านได้รับบาดเจ็บแล้วทำไมถึงไม่พูดเรื่องนี้กับทางนิกายล่ะ?” พอประมุขนิกายปีศาจฟังจบ ก็หันไปถามอาจารย์อาเยี่ยนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเปลี่ยนไปมาก

“วางใจเถอะ! แม้ว่าตอนนั้นข้าถูกเผ่าเจ้าสมุทรคนหนึ่งโจมตี แต่ตอนนี้ก็ฟื้นฟูมาเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว ที่เหลือนับว่าบาดเจ็บเบาๆ เท่านั้น ที่ไม่บอกพวกเจ้าในตอนแรก เพราะกลัวว่าจะสร้างความกังวลให้กับพวกเจ้า เพราะว่านิกายปีศาจยังต้องให้คนแก่อย่างข้าดูแลอยู่” อาจารย์อาเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม และดูเหมือนจะไม่ใส่ใจมัน

“ศิษย์หลานละอายใจยิ่งนัก ที่ยังให้ผู้อาวุโสอายุเยอะอย่างอาจารย์อาต้องมากังวลเรื่องของนิกาย ถ้าตอนนั้นไม่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดกับศิษย์พี่หลานล่ะก็ ไม่แน่นิกายเราอาจจะมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกเพิ่มขึ้นมาอีกคน” ประมุขนิกายปีศาจรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และเขาก็กล่าวด้วยสีหน้าละอายใจ

“เรื่องศิษย์พี่หลานของเจ้าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ แต่นี่เป็นเพราะว่าเขามีวาสนาน้อย มิเช่นนั้นแค่เขาออกไปจัดการเรื่องง่ายๆ นอกนิกาย จะหายสาบสูญไปได้อย่างไร และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจหาสาเหตุการเสียชีวิตของเขาได้” อาจารย์อาเยี่ยนได้ยินชื่อ ‘ศิษย์พี่หลาน’ ก็มีสีหน้ามืดมนขึ้นมาทันที

หลิ่วหมิงย่อมไม่รู้ว่า ‘ศิษย์พี่หลาน’ ที่กล่าวถึงคือใคร แต่ดูจากสีหน้าที่ดูไม่ปกติของอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ นอกจากหยางเฉียน และเกาชงแล้ว ก็พอจะรู้ได้ว่าคนผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

“เอาล่ะ! เรื่องเก่าอย่าไปพูดถึงให้มากเลย สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ ทำอย่างไรถึงจะผ่านด่านเคราะห์ตรงหน้านี้ไปได้ แม้คนแก่อย่างพวกข้าจะตัดสินใจยืดเวลาออกไป แต่ก็อยากจะโจมตีอย่างรุนแรงสักครั้งสองครั้ง เพื่อให้เผ่าเจ้าสมุทรได้รับความเจ็บปวด พวกมันจะได้ไม่มาบีบบังคับพวกเรามากเกินไป ดีที่ยังมีเวลารอจนกว่ากำสนับสนุนจะมาถึง ศิษย์หลานท่านประมุข ของที่ข้าให้เอามา เจ้านำมาด้วยหรือไม่?” ดวงตาของอาจารย์อาเยี่ยนเปล่งประกายอยู่สองสามที จากนั้นถึงถามประมุขนิกายปีศาจด้วยสีหน้าสงบ

“อาจารย์อาวางใจเถอะ! ข้านำมันมาหมดแล้ว และยังมีเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึงอีกเรื่อง ตอนนี้ศิษย์หาผู้ที่เหมาะสมจะควบคุมของสิ่งนั้นได้แล้ว ซึ่งก็คือศิษย์น้องหลิ่วที่เพิ่งบรรลุระดับมานั้นเอง” ประมุขนิกายปีศาจตอบอย่างนอบน้อม

“อะไรนะ! เจ้าหาคนควบคุมมันได้แล้ว? ศิษย์หลานหลิ่ว เป็นเรื่องจริงหรือ?” อาจารย์อาเยี่ยนแสดงสีหน้าตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก และกวาดสายตาไปที่หลิ่วหมิง

แม้ว่าหลังจากบรรลุระดับแล้ว หลิ่วหมิงจะพบอาจารย์อาเยี่ยนเป็นครั้งแรก แต่การแสดงออกในแดนลึกลับ และการทำความเข้าใจกำแพงเก็บเงาในครั้งนั้น สร้างความประทับใจเล็กๆ ไว้ให้กับผู้อาวุโสระดับผลึกท่านนี้ ต่อมาประมุขนิกายปีศาจ และคนอื่นๆ ก็ส่งข่าวเรื่องที่มีอาจารย์จิตวิญญาณคนใหม่มาให้ เขาจึงย่อมไม่แปลกใจที่เห็นหลิ่วหมิงมาปรากฏตัวที่นี่

“เรียนอาจารย์อา ศิษย์พอที่จะควบคุมของสิ่งนั้นได้จริงๆ แม้ว่าจะไม่ค่อยชำนาญมากนัก แต่จะพยายามทำเพื่อนิกายเราอย่างสุดความสามารถ” หลิ่วหมิงย่อมรู้ว่าที่ทั้งสองกล่าวถึงคือปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกตนนั้น เขาจึงรีบลุกขึ้นกล่าวอย่างนอบน้อม

“ฮ่าๆ! ดีมาก! ข้าว่าแล้วศิษย์หลานหลิ่วจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา เช่นนี้ล่ะก็ กำลังของนิกายปีศาจเราคงเพิ่มขึ้นมาไม่ใช่น้อย ใช่สิ! อีกเดี๋ยวศิษย์หลานอยู่รอสักครู่ ข้ามีเรื่องบางอย่างจะถามเจ้าเล็กน้อย” อาจารย์อาเยี่ยนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกำชับออกไปสองประโยค

แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับ

“ศิษย์หลานฉู่ ในเมื่อเจ้าก็ตามมาด้วย ดูท่าเรื่องที่ข้าให้เจ้าทำคงจะสำเร็จแล้ว” อาจารย์อาเยี่ยนรอจนหลิ่วนั่งลงไป แล้วค่อยหันไปถามฉู่ฉีที่เป็นผู้นำสาขาหยินทนทรมาณ

“เรียนอาจารย์อา แม้ว่าตำแหน่งของราชาปีศาจจะถูกปิดผนึกมาหลายปี แต่ข้ากับศิษย์น้องปิงใช้เคล็ดวิชาพลังจิตซ่อมแซมแล้ว ตอนนี้ได้ฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ แต่หัวราชาปีศาจไม่อยู่แล้ว พลังของมันจึงเหลือแค่สามส่วนเท่านั้น” ฉู่ฉีลุกขึ้นมากล่าวอย่างนอบน้อม

“ฮึ! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าหนูปิงประมาทเลินเล่อจนทำให้ไส้ศึกของเผ่าเจ้าสมุทรขโมยไปล่ะก็ ไหนเลยจะต้องกังวลว่าเผ่าเจ้าสมุทรจะมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกเพิ่มขึ้นมาสองคน ใช่สิ! ทำไมเจ้าหนูปิงถึงไม่มาด้วย ตอนที่ออกไปรับพวกเจ้า ข้าไม่เห็นนาง” อาจารย์อาเยี่ยนพยักหน้า และกล่าวด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

“ศิษย์น้องปิงรู้ว่ามีโทษติดตัว จึงไม่กล้ามาพบอาจารย์อาโดยง่าย แต่ในตอนนั้นศิษย์น้องปิงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ศิษย์ที่ตนเองรักมากที่สุดจะเป็นคนของเผ่าเจ้าสมุทร และพอหาหัวราชาปีศาจเจอ ก็ได้เอาออกมากะทันหัน มิเช่นนั้นศิษย์น้องปิงจะยอมให้ศิษย์จิตวิญญาณเอาไปได้อย่างไร แม้ว่าจะมีพลังของราชาปีศาจแค่สามส่วน แต่ก็เชื่อว่าสามารถรับมือกับผู้ฝึกฝนระดับผลึกโดยทั่วไปได้” ฉู่ฉีได้ยินก็รีบก้มหน้ากล่าวด้วยรู้สึกเย็นสะท้านในใจ

“ใช่แล้ว! ถ้าเป็นราชาปีศาจที่สมบูรณ์แบบ เกรงว่ามันคงไม่ยอมให้พวกเราควบคุมได้โดยง่าย” ประมุขนิกายปีศาจกล่าว

“ช่างเถอะ! เพียงแค่สาขาหยินทนทรมาณสามารถควบคุมราชาปีศาจสร้างผลงานให้นิกายเราได้ ข้าจะไม่ติดใจในเรื่องนี้” อาจารย์อาเยี่ยนขมวดคิ้ว และถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา

“ขอบคุณอาจารย์อาที่เมตตา!” ฉู่ฉีกล่าวด้วยความยินดี

หลิ่วหมิงฟังมาถึงจุดนี้ ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

คิดไม่ถึงว่า ภายใต้สถานการณ์ที่นิกายปีศาจขาดหัวราชาปีศาจไป แต่ยังคงฟื้นชีพราชาปีศาจที่ทรงพลังในแคว้นต้าเสวียนได้ และดูเหมือนว่าจะใช้กับเผ่าเจ้าสมุทรในสงครามนี้ด้วย

อาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ ไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดเกี่ยวกับเรื่องของราชาปีศาจ ประจักษ์ชัดว่าทุกต่างก็พอทราบเรื่องนี้อยู่บ้าง

ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ พลังของนิกายปีศาจจะต้องไม่ธรรมดา มันไม่ได้อ่อนแออย่างที่ทุกคนรู้จัก

เวลาต่อมา ภายใต้คำสั่งของอาจารย์อาเยี่ยน อาจารย์จิตวิญญาณของนิกายปีศาจกลุ่มนี้ ก็หารือเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ ในการเตรียมรบ

หลังจากหารือกันเสร็จแล้ว ก็ค่อยๆ พากันกล่าวลาและแยกย้ายกันไป

พริบตาเดียวในหอใหญ่ ก็เหลือแค่หลิ่วหมิงกับอาจารย์อาเยี่ยนเท่านั้น

“ศิษย์หลานหลิ่ว เจ้าไปสังเกตกำแพงเก็บเงาในครั้งนั้น มีเรื่องแปลกประหลาดอันใดเกิดขึ้นหรือไม่?” คำพูดแรกของอาจารย์อาเยี่ยนทำให้หลิ่วหมิงตกใจเป็นอย่างมาก

หลิ่วหมิงใจเต้นขึ้นมา แต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ บนสีหน้า และเขาก็ตอบกลับไปอย่างนอบน้อม

“เหตุใดอาจารย์อาจึงถามเช่นนี้ ตอนที่ศิษย์สังเกตกำแพงเก็บเงานั้น ไม่ได้ค้นพบเรื่องแปลกประหลาดใดๆ เลย”

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด