ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 272 สู้รบขั้นเด็ดขาด (3)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 272 สู้รบขั้นเด็ดขาด (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชายหนุ่มตะคอกเสียงต่ำออกมา มือข้างหนึ่งชี้ไปทางวานรสีทอง

ร่างวานรสีทองเกิดการเคลื่อนไหว และก้าวยาวๆ เข้ามา

ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นกระโจนเข้าใส่วานรสีทอง ร่างของเขาพร่ามัวและจมหายเข้าไปในนั้น

วานรสีทองที่ดูแข็งกระด้างกลับมีแสงเปล่งประกายขึ้นในดวงตา ตอนนี้มันดูปราดเปรียวเป็นอย่างมาก

“ฮ่าๆ! ศิษย์น้องหลิ่ว ศิษย์พี่จาง ข้าควบคุมหุ่นจิตวิญญาณเลือดเนื้อไปก่อนนะ”

พอกล่าวจบ วานรสีทองก็กระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้น ก่อนที่จะกลายเป็นแสงสีทองพุ่งไปยังเมืองลอยน้ำ

“หุ่นจิตวิญญาณเลือดเนื้อ!”

ข้าได้ยินมานานแล้วว่า ในสมัยบรรพกาล หุบเขาเก้าช่องเคยได้หุ่นจิตวิญญาณเลือดเนื้อจากแดนลึกลับแห่งหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นวานรสามตาตัวนี้! จากชื่อเสียงของวานรสามตาในสมัยบรรพกาล ต่อให้มันจะแสดงพลังของมันแค่หนึ่งถึงสองในสิบส่วน ก็เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกฝนระดับผลึกเลย” เซวี่ยเฟิงแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นฉากนี้

“แต่ตามบันทึกกล่าวว่า ถ้าจะควบคุมร่างหุ่นจิตวิญญาณเลือดเนื้อที่ปรับแต่งมาจากอสูรจิตวิญญาณ โดยทั่วไปไม่อาจใช้วิธีการควบคุมหุ่นมาควบคุมได้ เกรงว่าศิษย์น้องอวิ๋นคงมีสายโลหิตเดียวกับหุ่นจิตวิญญาณเลือดเนื้อ ถึงเข้าไปในร่างมันได้อย่างราบรื่น” หญิงชุดเขียวกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย

“ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีโลหิตของภูตอยู่ในร่าง เพื่อให้กำเนิดลูกหลานที่แข็งแกร่งของมนุษย์เราในสมัยบรรพกาล จึงมีการเกี่ยวดองกับคนต่างเผ่าถ่ายทอดทายาทมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้เกรงว่าเผ่ามนุษย์เราต่างก็มีพลังของสายเลือดต่างเผ่าแฝงอยู่หนึ่งถึงสองเผ่า มิเช่นนั้นไหนเลยจะให้กำเนิดร่างจิตวิญญาณที่มีคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้ได้อย่างไร แต่สายโลหิตวานรสามตาของในร่างของศิษย์น้องอวิ๋นคงจะเจือจางเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปสามารถมองข้ามไปได้เลย แต่เอามาใช้กระตุ้นหุ่นจิตวิญญาณตัวนี้กลับเหมาะสมเลยทีเดียว ด้วยสายโลหิตวานรสามตาที่หาได้ยากยิ่ง ไม่รู้ว่าหุบเขาเก้าช่องใช้ความพยายามไปตั้งเท่าไหร่ ถึงหาศิษย์น้องอวิ๋นเจอ” ชายหนุ่มผมขาวค่อยๆ กล่าวออกมา

หญิงชุดเขียวได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้าราวกับคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็ดึงยันต์ที่ติดอยู่บนกล่องหยกออก และโยนออกไปด้านหน้าก่อนที่จะทำท่ามือด้วยมือเดียวและชี้ออกไป

ทันใดนั้นมีเสียงดังหวึ่งๆ ขึ้นมา ฝากล่องเปิดออก เผยให้เห็นโครงกระดูกขนาดเล็กที่สูงฉื่อกว่าๆ ลำตัวเต็มไปด้วยอักขระสีเงิน และมีสภาพไม่สมบูรณ์ ซึ่งขาดแขนไปข้างหนึ่ง

พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ป้ายคำสั่งสีขาวก็ปรากฏในมือ เขาค่อยๆ โบกไปทางโครงกระดูก ขณะเดียวก็ตะโกนคำว่า “เร็ว!” ออกมา

“ฟู่!”

อักขระสีดำบนแผ่นป้ายเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ไอสีดำพวยพุ่งออกจากพื้นผิวของโครงกระดูก พริบตาเดียวโครงกระดูกก็จมอยู่ในนั้น

หลิ่วหมิงตาเป็นประกายเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาขยับตัวพุ่งเข้าไปในไอดำ

ครู่เดียว ก็มีเสียงคำรามออกจากไอดำ จากนั้นไอดำก็พากันม้วนตัวกระจายไปรอบทิศทาง

แสงสีขาวเปล่งประกายขึ้น!

พอไอดำสัมผัสโดนขอบค่ายกลของจางซิ่วเหนียง ก็ถูกม่านแสงสีขาวต้านทานไว้

หญิงสาวขุดเขียวและชายหนุ่มชุดขาวเห็นเช่นนี้ ก็ถอยออกไปด้วยความแปลกใจ

หลิ่วหมิงกลับไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเพียงแต่ใช้แผ่นป้ายกระตุ้นอยู่ท่ามกลางไอดำไม่หยุด

“ตู๊ม!”

เท้ากระดูกยักษ์สีขาวขนาดเท่าอ่างล้างหน้าก้าวออกจากไอดำ ขณะเดียวกันโครงกระดูกขนาดมหึมาที่สูงสามสิบกว่าจั้ง ก็ปรากฏตัวขาดๆ หายๆ ภายใต้แสงสีเงินที่เปล่งประกาย

หลิ่วหมิงเหยียบอยู่บนไหล่ของโครงกระดูกยักษ์ และตะโกนคำว่า “ไป!” ออกมา

ทันใดนั้น ไอดำบริเวณนั้นก็พวยพุ่งรวมตัวเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ห่อหุ้มโครงกระดูกกับหลิ่วหมิงไว้ ก่อนที่จะพาทะยานขึ้นฟ้าเหาะไปยังเมืองลอยน้ำ

เวลานี้ ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นที่ออกนำไปก่อน ก็มาถึงขอบเมืองลอยน้ำ หุ่นจิตวิญญาณวานรสีทองที่ควบคุมอยู่ก็กลายเป็นอสูรขนาดมหึมาที่มีขนาดใหญ่ร้อยกว่าจั้ง และปลดปล่อยอานุภาพอันเกรียงไกรโจมตีอสูรสมุทรชนิดต่างๆ

พริบตาเดียวก็มาถึงเมืองลอยน้ำ

เผ่าเจ้าสมุทรที่เฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองลอยน้ำเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนออกมาเป็นระลอกๆ ขณะเดียวกันธนูยักษ์ที่ติดตั้งอยู่บนนั้นก็พุ่งยิงไปยังวานรสีทองราวกับสายฝนกระหน่ำ แต่พอมันเข้าใกล้วานรสีทองในระยะไม่กี่จั้ง ก็ถูกแสงสีทองดีดกระเด็นกลับอย่างง่ายดาย

อาวุธกับวิชาต่างๆ ที่เผ่าเจ้าสมุทรใช้โจมตี ไม่สามารถทำอะไรแสงสีทองนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

พอวานรยักษ์สีทองชกหมัดใส่หัวอสูรสมุทรสองตนที่เหลืออยู่ในทะเลสาบแล้ว ร่างของมันก็มาอยู่บนอากาศเหนือเมืองลอยน้ำ และทุบหมัดใส่กำแพงเมืองส่วนหนึ่งอย่างรุนแรง

“ตู๊ม!”

ม่านแสงหลากสีเป็นชั้นๆ ปรากฏออกมาบนพื้นผิวของเมืองลอยน้ำเป็น เพื่อต้านทานการโจมตีของวานรสีทองตัวนี้

แต่ภายใต้การควบคุมวานรสีทองของชายหนุ่มแซ่อวิ๋น มันก็กระหน่ำโจมตีเมืองลอยน้ำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ม่านแสงชั้นจำกัดค่อยๆ สลายไปราวกับหิมะที่ละลายท่ามกลางแสงแดด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยักคิ้วขึ้นมา ดูท่าเขาคงไม่ต้องรีบเข้าไปช่วย ศิษย์พี่อวิ๋นคนเดียวก็สามารถทำลายชั้นจำกัดภายนอกจนหมดเกลี้ยงได้

ขณะนี้มีแสงเปล่งประกายตรงอากาศบริเวณด้านข้าง เงาร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนไอดำที่โครงกระดูกยักษ์สร้างขึ้น

หลิ่วหมิงหันไปมองก็เห็นเป็น ‘ศิษย์พี่โม่’ นั่นเอง

“ศิษย์น้องหลิ่ว นี่คือปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกที่มีชื่อเสียงของนิกายเจ้าใช่ไหม? อิๆ! เจ้าไม่เหมือนกับศิษย์น้องอวิ๋น ถ้าเจ้าควบคุมปีศาจมนุษย์ตนนี้ล่ะก็ คงไม่สามารถทำการป้องกันได้ ให้ข้าคุ้มกันเจ้าสักครู่เถอะ!” หญิงสาวชุดเขียวหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา

“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนศิษย์พี่โม่แล้ว” หลิ่วหมิงคิดอย่างรวดเร็ว และพยักหน้ากล่าวอย่างสงบ

ด้วยระดับความเร็วอันน่าตกใจของปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูก พอพายุพัดกระหน่ำทีเดียว พวกเขาก็มาถึงด้านบนของเมืองลอยน้ำ พอหลิ่วหมิงเห็นชั้นจำกัดของเมืองลอยน้ำถูกวานรยักษ์สีทองทำลายจนเหลือแค่สองสามชั้น แผ่นป้ายกระดูกขาวในมือก็เปล่งแสงสีดำออกมา

พอปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกขยับแขน ฝ่ามือยักษ์ค้ำฟ้าก็ตบใส่เมืองลอยน้ำด้านล่าง นิ้วทั้งห้ามีเปลวเพลิงปีศาจสีดำพวยพุ่ง พลังมหาศาลพุ่งลงไปในฉับพลัน

“ตู๊ม!”

พอถูกวานรยักษ์สีทองกับปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกรวมพลังกันโจมตี เศษชั้นจำกัดที่ดูเหมือนอยู่ในช่วงวิกฤตก็แตกสลายไป

เผ่าเจ้าสมุทรหลายร้อยคนที่เฝ้าอยู่บนกำแพงเห็นเช่นนี้ ก็ถอยออกไปด้วยความตกใจ แต่กลับสายไปเสียแล้ว

วานรยักษ์สีทองเปล่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาดออกมา หลังจากปล่อยหมัดติดต่อกันออกไปอย่างรุนแรง แสงสีทองก็พุ่งยิงออกมา เผ่าเจ้าสมุทรที่สัมผัสโดนมันต่างก็ค่อยๆ สลายตัวเป็นหมอกโลหิต

และไอดำบนร่างปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกก็ม้วนตัวออกไปทันที เผ่าเจ้าสมุทรที่สัมผัสโดนมันต่างก็ถูกแช่แข็งอยู่ที่เดิม

หญิงสาวชุดเขียวที่ยืนอยู่ข้างปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกรู้สึกดีใจเมื่อเห็นเช่นนี้ และขณะที่กำลังเร่งให้หลิ่วหมิงแฉลบผ่านกำแพงเมืองไปโดยตรงนั้น พลันมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมาจากใจกลางเมืองลอยน้ำ อาจารย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรห้าหกคนพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห ปีศาจอสูรระดับของเหลวที่มีกลิ่นไอไม่ธรรมดาตามติดมาด้านหลัง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

มิน่าผู้อาวุโสระดับผลึกผู้นั้นถึงได้จากเมืองลอยน้ำไปง่ายดายเช่นนี้ ที่แท้ก็ยังมีคนเฝ้าอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก

แต่ด้วยพลังของปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกกับวานรสามตาที่เข้าใกล้ระดับผลึก ย่อมไม่เกรงกลัวผู้ฝึกฝนระดับของเหลวเหล่านี้

ดวงตาหลิ่วหมิงเป็นประกายออกมา และคิดที่จะกระตุ้นปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกให้ชิงโจมตีก่อน

แต่ขณะนั้นเองพลันมีเสียงดังกังวานมาจากด้านหลัง

สายรุ้งสีขาวแสบตาแฉลบผ่านระหว่างปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกกับวานรสามตาไป มันพุ่งเข้าใส่เผ่าเจ้าสมุทรกับอสูรสมุทรที่กำลังพุ่งเข้ามา จากนั้นก็มีเสียงร้องอย่างกราดเกรี้ยวกับเสียงคำรามดังออกมา พริบตาเดียว สายรุ้งก็กลายเป็นวงแหวนแสงเย็นสะท้านม้วนตัวออกไป

ขณะที่แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายอีกครั้งนั้น ร่างของอาจารย์เผ่าเจ้าสมุทรกับอสูรสมุทรทั้งหมดก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วน กลิ่นคาวเลือดเต็มไปทั่วท้องฟ้า

วงแหวนแสงหมุนติ้วๆ และหดตัวลง พอแสงสีขาวดับไป ก็ปรากฏภาพจางซิ่วเหนียงที่ยืนถือกระบี่อยู่บนอากาศเหนือศพเหล่านั้น

แม้ว่าตอนนี้นางจะมีใบหน้า และการแต่งกายเหมือนก่อนหน้านั้นไม่มีผิด แต่กลิ่นไอบนตัวเข้มข้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมีระดับการฝึกฝนอยู่ในเขตแดนของเหลวขั้นปลาย

“ศิษย์พี่จาง นี่คือ……”

ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นที่อยู่ในร่างวานรสามตาก็รู้สึกตกตะลึงจนตาค้าง

“ข้าเพียงแค่ใช้สมบัติล้ำค่าที่ปรมาจารย์ให้ไว้ในปีนั้น ถึงทำให้ระดับการฝึกฝนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจยืนหยัดได้นาน ทางที่ดีพวกเรารีบลงมือเถอะ!” จางซิ่วเหนียงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“แน่นอน! ว่าแต่มันเป็นสมบัติล้ำค่าแบบใดกัน ถึงได้ยกระดับการฝึกฝนได้ถึงสองขั้นอย่างรวดเร็ว? ช่างเหลือเชื่อจริงๆ! นิกายจันทราสวรรค์สมกับเป็นหนึ่งในแคว้นต้าเสวียนจริงๆ ซึ่งมีพลังล้ำลึกจนยากจะคาดเดาได้” ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นที่อยู่ในร่างวานรสีทอง ยังคงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“ศิษย์น้องอวิ๋นกล่าวเกินไปแล้ว พูดถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง หุ่นจิตวิญญาณวานรสามตากับปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกของศิษย์น้องหลิ่ว ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าในตอนนี้เลย” จางซิ่งเหนียงหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน เห็นได้ชัดว่าไม่คิดที่จะตอบคำถามฝ่ายตรงข้าม

ขณะนี้ ชายหนุ่มผมขาวก็ตามมาถึงในที่สุด

ด้วยเหตุนี้ คนทั้งห้าก็คุยกันอีกเล็กน้อย จากนั้นก็มุ่งไปยังใจกลางเมืองลอยน้ำอย่างไม่รอรี

ระหว่างทาง ย่อมมีเผ่าเจ้าสมุทรกับอสูรสมุทรโจมตีเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวตัวตาย แต่ภายใต้การลงมือของคนทั้งสาม พริบตาเดียวก็สังหารจนหมดสิ้น โดยที่พวกมันไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย

ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงใจกลางเมืองลอยน้ำ และมองเห็นลานกว้างที่ถูกอักขระสีฟ้าจางๆ จำนวนมากโอบล้อมอยู่

พื้นที่รอบด้านของลานกว้าง มีรูปสลักของอสูรสมุทรสี่ตัวที่แตกต่างกันตั้งตระหง่านอยู่ แต่ละตัวล้วนมีขนาดสิบกว่าจั้ง

พวกมันมีสีขาวแวววาวไปทั่วร่าง แบ่งเป็นเต่ายักษ์ หมึก วาฬ กุ้งมังกรเป็นต้น

ใจกลางลานมีแท่นบูชาหยกสีขาวสูงสิบกว่าจั้งอยู่แท่นหนึ่ง โถกลมๆ ที่ดูไม่เข้าตาเลยแม้แต่น้อยวางอยู่ในอ่างสีเงินที่อยู่บนนั้น

“ลงมือเถอะ! นี่คือคือาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดของเผ่าเจ้าสมุทรชิ้นนั้น!” พอหญิงสาวชุดเขียวมองเห็นโถสีดำบนแท่นบูชา นางก็กล่าวออกมาด้วยตาที่เป็นประกาย

ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก วานรสีทองที่ควบคุมอยู่กระแทกเท้าข้างหนึ่งลงพื้น

“ฟู่!” ร่างขนาดมหึมากระโจนไปยังแท่นบูชาทันที

“ตู๊ม!”

พริบตาที่วานรสามตาประชิดขอบลานกว้าง มันก็ถูกม่านแสงสีฟ้าชั้นหนึ่งต้านทานไว้ได้ และภายใต้ชนอย่างรุนแรง ทำให้มันกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว

วานรยักษ์ร่นถอยไปสิบกว่าก้าว ถึงส่ายหัวและตั้งหลักได้

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด