ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 273 สู้รบขั้นเด็ดขาด (4)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 273 สู้รบขั้นเด็ดขาด (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงก็กระทืบเท้าใส่ปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูก ทันใดนั้นโครงกระดูกยักษ์ก็คำรามออกมา มันอ้าปากพ่นลำแสงสีดำโจมตีม่านแสงทันที

ม่านแสงสีฟ้าส่งเสียงดังโครมครามและพร่ามัวในฉับพลัน ผนังด้านนอกเว้าเข้าไปในพริบตา แต่ไม่ว่าลำแสงจะเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่งเท่าใดก็ตาม ก็ยังไม่มีรอยแตกร้าวเลยแม้แต่น้อย

เมื่อลำแสงจากปากปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกดับไป ม่านแสงสีฟ้าก็คืนรูปร่างเป็นปกติดังเดิม

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

ขณะนั้นเอง จางซิ่วเหนียงที่อยู่ด้านข้างกลับโยนกระบี่ยาวไปกลางอากาศ ขณะเดียวกันกลิ่นอันน่าตกใจก็พุ่งขึ้นฟ้า มือทั้งสองทำท่ามือชี้ไปทางกระบี่อย่างรวดเร็ว

“ฟู่!”

กระบี่ยาวหิมะขาวพร่ามัวกลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นคมมีดยักษ์ใหญ่สิบจั้งก่อนฟันลงมา

“ฉับ!”

พอแสงเย็นสะท้านตกใส่ม่านแสงสีฟ้า มันก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พื้นผิวของมันแตกร้าวเป็นรอย

จางซิ่วเหนียงเห็นเช่นนี้ก็ยักคิ้ว และรีบกระตุ้นเคล็ดวิชากระบี่ทันที

กระบี่ยักษ์กลายเป็นเงากระบี่ฟันลงไปอย่างบ้าคลั่ง

หลิ่วหมิงและชายหนุ่มแซ่อวิ๋นเห็นเช่นนี้ย่อมรู้สึกดีใจมาก พวกเขาทั้งสองต่างก็กระตุ้นปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกกับวานรสามตาช่วยอีกแรง

แม้ม่านแสงนี้จะมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก แต่ไหนเลยจะสามารถต้านทานพลังการโจมตีของทั้งสามได้

ครู่เดียว มันก็กลายเป็นจุดสีฟ้าแตกกระจายหายไป

พวกหลิ่วหมิงทั้งสามต่างก็พุ่งเข้าไปในลานกว้างทันที

ขณะนี้ หญิงสาวชุดเขียวกับชายหนุ่มผมขาว กำลังรับมือกับเผ่าเจ้าสมุทรที่บุกเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต

คนหนึ่งถือดาบที่กลายเป็นคมโลหิต อีกคนกระตุ้นมุกกลมๆ แวววาวทั้งสามให้กลายเป็นแสงลูกกลมๆ สีเขียว

ถ้าเผ่าเจ้าสมุทรเหล่านั้นไม่ถูกแสงโลหิตฟันออกเป็นสองส่วน ก็ถูกมุกสีเขียวพุ่งทะลุหน้าอก ไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าพลังของผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

พอพวกหลิ่วหมิงทั้งสามเข้าไปในลานกว้าง และเคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็อยู่ห่างจากแท่นบูชาไม่ค่อยไกลแล้ว

แต่ขณะนั้นเอง ทั้งสามกลับรู้สึกว่าพื้นดินที่แข็งแกร่งอ่อนตัวลงในฉับพลัน ลานกว้างกลายเป็นน้ำทะเลซัดสาดท่ามกลางแสงสีฟ้าที่เปล่งประกาย

ขณะเดียวกัน รูปสลักอสูรสมุทรทั้งสี่ที่อยู่รอบด้านก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมา

พวกมันสั่นหัวกระดิกหางท่ามกลางเสียงดึงหวึ่งๆ และภายใต้การเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่งของอักขระบนพื้นผิว พวกมันก็ขยายใหญ่เกือบร้อยจั้ง และกระโจนเข้าหาพวกเขาทั้งสาม

ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นในร่างวานรยักษ์เห็นเช่นนี้ ก็คำรามออกมาด้วยความโมโห และพุ่งไปยังปลาหมึกหนวดแปดเส้นทันที พอแสงสีทองเปล่งประกายออกมา อสูรขนาดมหึมาทั้งสองก็ปะทะเข้าด้วยกัน

หนวดปลาหมึกทั้งแปดโบกสะบัดอยู่ไม่หยุด ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นก็ทุบกำปั้นทั้งสองลงไปอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งสองล้วนมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ชั่วเวลาเดียวก็ต่อสู้กันพัลวัน

วาฬยักษ์เพียงแค่ส่ายหางอย่างรุนแรง ทันใดนั้นคลื่นยักษ์ก็โหมกระหน่ำขึ้นมา และม้วนมาทางหลิ่วหมิง

เต่ายักษ์ก็หดหัวหดขาเข้าไปในกระดองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็ดีดตัวพุ่งมาหาหลิ่วหมิง

ส่วนมังกรแกะสลักนั้น เห็นได้ว่าเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุด

มันเพียงแค่อ้าปาก ก็มีคมวายุจำนวนมากพุ่งมาหาจางซิ่วเหนียง ขณะเดียวกันพอมันเคลื่อนไหวก็มีพายุบ้าระห่ำบังเกิดขึ้น พอมีเสียงดังกังวานออกมา มันก็แยกเขี้ยวยิงฟันพุ่งเข้าหาหญิงนิกายจันทราสวรรค์ตามคมวายุมาติดๆ

ภายใต้สถานการณ์ที่ระดับการฝึกฝนของจางซิ่วเหนียงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นางย่อมไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย พอนางสะบัดกระบี่ยาวหิมะขาว เงากระบี่ก็ฟันไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง

ในขณะเดียวกัน อสูรสี่ตัวกับคนสามคนก็แบ่งการต่อสู้ออกเป็นสามกลุ่ม และต่อสู้กันอย่างดุเดือด

หลิ่วหมิงเผชิญกับอสูรยักษ์ตรงหน้าสองตัว ย่อมไม่มีเวลาสนใจคนอื่น เขาได้แต่กระตุ้นป้ายกระดูกอย่างสุดชีวิต ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็แปะยันต์จำนวนมากไว้บนตัว ม่านแสงหลากสีเปล่งประกายออกมา

ขณะเดียวกันปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกหัวเราะแปลกประหลาดออกมา ไอดำบนร่างก็พวยพุ่งไปรวมกันตรงหน้า กลายเป็นโล่สีดำขนาดใหญ่ เพื่อต้านทานคลื่นยักษ์ที่โจมตีเข้ามา

คลื่นยักษ์ทั้งหมดพุ่งชนโล่ราวกับชนก้อนหินขนาดใหญ่

วาฬยักษ์เห็นเช่นนี้ ก็บิดตัวเพื่อสร้างคลื่นยักษ์ทำการโจมตีต่อ

แต่ปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกกลับย่อตัวลง มือที่แผ่ไอเย็นสะท้านจุ่มลงในน้ำทะเลด้านล่าง

ฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว

พอได้ยินเสียงดัง “ซ่าๆ!”

น้ำทะเลบริเวณรอบๆ วาฬยักษ์ก็กลายเป็นสีดำทันที น้ำแข็งเย็นสะท้านเกาะตัวขึ้นมา พริบตาเดียวมันก็ห่อหุ้มอสูรตัวนี้ไว้

วาฬยักษ์ไม่ทันระวังตัว จึงถูกน้ำแข็งเกาะผนึกไว้

ขณะนั้นเอง เต่ายักษ์ก็พุ่งมาด้านหน้าปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกราวกับว่ามันเป็นภูเขาลูกเล็ก และชนใส่โล่สีดำด้วยเสียงอันดัง “ตู๊ม!”

โล่ที่ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พลันสั่นกระเพื่อมขึ้นมา พอมีเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!” มันก็ค่อยๆ แตกร้าวออกมา

เมื่อไม่มีสิ่งใดต้านทาน เต่ายักษ์ก็พุ่งตัวเข้าใส่ปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกทันที

“เพล้ง!” “เพล้ง!”

แขนปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกพร่ามัวไปคว้าขอบกระดองหนาๆ ของเต่ายักษ์ไว้ได้ ขณะเดียวกัน มันก็คำรามเสียงและชูร่างของเต่ายักษ์ขึ้นมา

ครั้งนี้ เต่ายักษ์รีบยื่นหัวยื่นขาออกจากกระดองด้วยความตกใจ และดิ้นรนอยู่ไม่หยุด

แต่ขณะนี้ วาฬยักษ์ที่ถูกน้ำแข็งสีดำปิดผนึกไว้ ก็มีแสงสีฟ้าหมุนอยู่รอบตัว จนดูเหมือนว่าน้ำแข็งที่ห่อหุ้มไว้จะแตกออกมา

หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าดุร้าย และโบกป้ายกระดูกในมือไปยังวาฬยักษ์ทันที

ขณะนั้น ปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกก็คิดจะโยนเต่ายักษ์ใส่วาฬยักษ์ที่ถูกน้ำแข็งปิดผนึกอยู่ในฉับพลัน

พอพายุบ้าระห่ำก่อตัวขึ้น เต่ายักษ์ก็กลายเป็นกลุ่มแสงพุ่งยิงออกไป

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น!

ร่างของเต่ายักษ์ปะทะใส่วาฬยักษ์อย่างรุนแรง

อสูรสมุทรตนนี้ร้องออกมาอย่างเวทนา และระเบิดตัวกลายเป็นแสงสีฟ้า น้ำแข็งที่เกาะผิวอยู่ก็แตกกระเด็นออกไป

แต่เต่ายักษ์ได้หดหัวหดขาเข้ากระดองตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่าจะหกคะเมนตีลังกาจนหน้ามืดตาลาย และไม่สามารถตั้งหลักได้ แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก

แต่หลิ่วหมิงกลับเลิกคิ้ว และส่งพลังเวทย์ไปยังป้ายคำสั่งในมือ อักขระสีดำเปล่งประกายออกมา และพุ่งเข้าร่างของปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูก

ปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกคำรามด้วยเสียงอันดัง เท้าทั้งสองสาวไปตามผิวน้ำ แม้จะดูเหมือนเชื่องช้า แต่ความจริงแล้วเร็วมาก พอมันมาถึงหน้าเต่ายักษ์ เปลวเพลิงสีดำอันคุโชนก็ลุกไหม้บนแขนของมัน

“ฟู่!”

นิ้วทั้งห้าของโครงกระดูกแนบชิดติดกัน จากนั้นก็แทงทะลุร่างเต่ายักษ์ราวกับเป็นคมมีด กระดองที่ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่สามารถทำการต้านทานใดๆ ได้เลยแม้แต่น้อย

“ตู๊ม!”

เปลวเพลิงปีศาจสีดำลุกไหม้ออกจากตัวเต่ายักษ์ ทำให้มันร้องออกมาอย่างเวทนา จากนั้นก็ระเบิดตัวกลายเป็นเศษหิน

ขณะนี้ หลิ่วหมิงมีสีหน้าซีดขาวเป็นอย่างมาก ป้ายกระดูกในมือกลายเป็นสีดำ และดูไร้แสง

ประจักษ์ชัดว่าการกระตุ้นปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกให้ทำการโจมตีในเมื่อครู่ ทำให้เขาสูญเสียงพลังไปไม่ใช่น้อย

เขาหยิบโอสถสีแดงที่มีกลิ่นหอมเตะจมูกออกมาทาน จากนั้นถึงค่อยมองออกไปทางด้านอื่น

สายรุ้งสีขาวหมุนรอบตัวมังกรตนนั้นอย่างรวดเร็ว และบดขยี้มันจนกลายเป็นผุยผง และร่วงหล่นลงไป

จากนั้นสายรุ้งสีขาวก็หมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ พอแสงดับลงร่างของจางซิ่วเหนียงก็ปรากฏออกมา

อีกด้านหนึ่ง วานรสามตาได้คำรามเสียงออกมา มันกำลังฉีกหมึกตัวนั้นออกเป็นสองส่วน หลังจากโยนลงในน้ำแล้ว มันก็กลายเป็นก้อนหินจมลงไปใต้น้ำ

“รีบไปเอาอาวุธจิตวิญญาณ!”

พอหญิงชุดเขียวที่ยุ่งอยู่กับเผ่าเจ้าสมุทรอยู่ เห็นสถานการณ์ทางฝั่งนี้ ก็รีบกล่าวออกมาด้วยความดีใจ

จางซิ่วเหนียงได้ยินเช่นนี้ ก็กลายร่างเป็นแสงสีขาวพุ่งไปยังแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว

ขณะที่แสงสีขาวม้วนตัวมาถึง และจางซิ่วเหนียงกำลังจะยื่นมือคว้าโถสีดำกลมๆ นั้น

กลับมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน!

“ฟู่!”

แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกจากโถกลมๆ และชนใส่หน้าอกของจางซิ่วเหนียงทันที

นางทำเสียงฮึดฮัด และกระอักเลือดออกมา ร่างอรชรกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงอยู่ใกล้แถวนั้นพอดี พอเห็นเช่นนี้ ก็รีบกระโดดลงจากร่างปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกอย่างไม่ลังเล และรับร่างของจางซิ่วเหนียงที่กระเด็นมาได้พอดี

บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

พอหลิ่วหมิงรับรู้ถึงพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้ออกจากร่างของหญิงสาว แขนทั้งสองของเขาก็ร้อนขึ้นมา จากนั้นก็ร่นถอยไปสิบกว่าก้าว

เขาตะคอกออกมาด้วยความโมโห จากนั้นร่างของเขาถึงสามารถตั้งหลักได้

ขณะนี้ แสงสีฟ้าที่พุ่งออกจากโถกลมๆ ก็หมุนติ้วๆ อยู่เหนือแท่นบูชา และพร่ามัวหายไป

ครู่ต่อมา มีคลื่นก่อตัวขึ้นตรงหน้าวานรสามตาที่ชายหนุ่มแซ่อวิ๋นควบคุมอยู่ วงแหวนสีฟ้าที่โปร่งใสแวววาวปรากฏออกมามา มันพร่ามัวมาโจมตีหน้าอกของวานรสามตา โดยที่มันยังไม่ทันได้ตั้งตัว

ร่างวานรสามตาถูกโจมตีจนสั่นไหว และกระเด็นออกไป แต่ยังไม่ทันที่ร่างของมันจะหล่นถึงพื้น วงแหวนสีฟ้าก็เปล่งประกายออกมา และชนใส่ร่างวานรยักษ์อีกครั้ง

ร่างวานรสีทองพุ่งกระเด็นขึ้นฟ้า!

วงแหวนสีฟ้าเปล่งประกายติดต่อกัน จากนั้นก็ทำลายแสงสีทองที่คุ้มกันอยู่จนสลายไป และโจมตีแขนขาทั้งสี่ของวานรสีทองทันที

แสงสีฟ้าเปล่งประกายบนแขนขาทั้งสี่ของวานรสีทอง พอลำแสงดับลงร่างของมันก็หดตัวอย่างรวดเร็ว และกลับมามีขนาดสูงสองจั้งเท่าเดิม

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด