ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 280 การต่อสู้อย่างดุเดือดบนเทือกเขา (1)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 280 การต่อสู้อย่างดุเดือดบนเทือกเขา (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าเด็กน้อย เจ้าจะออกมาเองหรือให้ข้าจับเจ้าออกมา!” พลังจิตของมนุษย์เกราะทองคำพุ่งไปยังท้องน้ำด้านล่าง และกล่าวออกมาด้วยสีหน้าอึมครึม

ขณะนี้ หลิ่วหมิงค้นพบว่าผู้อาวุโสแซ่ลี่ไม่ได้อยู่ข้างบนแล้ว กลับถูกแทนที่ด้วยมนุษย์เกราะทองคำระดับของเหลว และยังมีใบหน้าค่อนข้างคล้ายผู้อาวุโส เขาจึงรู้สึกแปลกใจมาก

แต่หลิ่วหมิงถูกค้นพบเข้าแล้ว และยังถูกพลังจิตของฝ่ายตรงข้ามหาตำแหน่งพบ ทำให้ไม่อาจหลบซ่อนได้อีกต่อไป หลังจากเงียบไปสักพักก็โบกธงสีฟ้าในมือ ส่วนมืออีกข้างก็คว้าออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ เพื่อเก็บของทั้งสองชิ้นเข้าไปชั่วคราว ขณะเดียวกันม่านวารีโปร่งใสกับไอหมอกหนาแน่นในนั้นก็สลายไปในพริบตา ยันต์สีดำตรงหลังก็มอดไหม้กลายเป็นขี้เถ้า

ที่ก่อนหน้านั้นเขาหลบการค้นหาของผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรได้ ด้านหนึ่งเป็นเพราะว่าสถานที่หลบซ่อนค่อนข้างเร้นลับ อีกด้านหนึ่งก็ใช้มุกพลังวารีกับธงวารีบริสุทธิ์ปิดบังไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอหมอกที่ปล่อยออกมา เกือบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกันกับลำน้ำ บวกกับการใช้วิชาผนึกลมปราณและกลั้นหายใจไว้ ทำให้เขามีพลังชีวิตอยู่ในระดับต่ำสุด เงื่อนไขทั้งหมดนี้รวมเข้าด้วยกัน จึงทำให้พอที่จะหลบพลังจิตของผู้อาวุโสแซ่ลี่ไปได้

แน่นอน นี่ก็เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้ไม่เชี่ยวชาญวิชาเกี่ยวกับพลังจิต ถ้าเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่เชี่ยวชาญทางด้านพลังจิตล่ะก็ ชีวิตหลิ่วหมิงคงน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ

ครู่ต่อมา ไอดำจำนวนหนึ่งก็พุ่งขึ้นจากพื้น หลังจากพวยพุ่งรวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นเงาร่างของหลิ่วหมิง

“ท่านเป็นใครกัน? เป็นเผ่าเจ้าสมุทรหรือ?” เขาให้จิตกวาดดูทั่วทิศ และไม่ค้นพบร่องรอยของผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทร ถึงได้ถามฝ่ายตรงข้ามด้วยความโล่งใจ

“ข้าคือใครนั้น จำไม่จำเป็นต้องรู้ เจ้ารู้แค่ว่าข้าเป็นคนที่เฒ่าลี่ให้มาจัดการเจ้าก็พอ ไข่เทพอสูรใบนั้นคงพกคิดตัวด้วยใช่ไหม? ถ้าเจ้ายอมมอบมันให้ข้าซะดีๆ ข้าจะให้เจ้าตายแบบสบายๆ มิเช่นนั้นล่ะก็……” มนุษย์เกราะทองคำกล่าวข่มขู่อย่างไม่ลังเล

“มาดการพูดจาของท่านดูไม่เบา ไข่เทพอสูรคือสิ่งใดกัน?” หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แต่ในสมองพลันผุดภาพไข่อสูรสีม่วงไม่ทราบชื่อใบนั้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจยอมรับว่าของสิ่งนี้อยู่ในมือของตนเอง

“เจ้าไม่รู้จักไข่เทพอสูร? ช่างเถอะ! ไม่ว่าเจ้าจะไม่รู้จักจริงๆ หรือแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจก็ตาม เพียงแค่ข้าฆ่าเจ้าแล้วก็จะรู้เอง จำไว้ให้ดี! ผู้ที่ฆ่าเจ้ามีนามว่า ‘ลี่เจี่ย’ ” มนุษย์เกราะทองคำขมวดคิ้ว แต่พอกลิ่นไอสังหารบนตัวแผ่ออกมา ก็โบกมือข้างหนึ่งลงพื้น หนามทองคำจำนวนมากพุ่งจากพื้นและพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงราวกับสายฝนกระหน่ำ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว ไอดำพวยพุ่งรวมตัวกลายเป็นหนวดสัมผัสสีดำจำนวนมาก และโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็กลายเป็นเงาม่านสีดำปกป้องเขาไว้ในนั้น

ในขณะเดียว ปราณแกร่งสีฟ้าชั้นหนึ่งก็ออกมาจากม่านสีดำ และกลายเป็นม่านแสง

ครู่ต่อมา เสียงราวกับฝนตกกระทบรั้วไม้ไผ่พลันดังขึ้นมา

พอหนามทองคำที่ดูดุดันปะทะใส่ม่านแสงสีดำ มันก็กลายเป็นแสงสีทองระเบิดตัวออกไป แต่นอกจากจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามแตกกระเจิงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ไม่สามารถทำลายการป้องกันนี้ได้!

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ขณะที่ยังไม่ทันเข้าใจว่าการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามมีเป้าหมายอันใดนั้น กลุ่มแสงสีทองที่ระเบิดออกมาก็พุ่งไปรวมตัวอีกด้านหนึ่ง หลังจากพร่ามัวไม่กี่ที ก็กลายเป็นมนุษย์เกราะทองคำอีกคน

พอมนุษย์เกราะทองคำผู้นี้ปรากฏตัวในระยะอันใกล้ ก็ทุบกำปั้นออกไปด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

ในขณะเดียวกัน มนุษย์เกราะทองคำที่อยู่ไกลๆ อีกคน ก็สลายตัวกลายเป็นแสงสีทอง

วิธีการอันแปลกประหลาดของมนุษย์เกราะทองคำ ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก เขาคิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันการเสียแล้ว ทำให้เพียงแต่ขยับแขนทั้งสองย่างรวดเร็ว และประสานไว้ตรงหน้า ขณะเดียวกัน ทองคำหลอมเหลวก็ม้วนตัวออกมาห่อหุ้มแขนทั้งสองจนกลายเป็นสีทองอร่าม

“ตู๊ม!”

กำปั้นสีทองทุบใส่ม่านสีดำอย่างง่ายดาย ทำให้มันสั่นสะเทือนจนแตกกระจายออกมา

ส่วนม่านแสงสีฟ้าที่อยู่ด้านหลัง ก็ถูกเงากำปั้นขนาดเท่าอ่างล้างหน้าโจมตีจนแตกกระจายอย่างง่ายดาย

เงากำปั้นยักษ์พร่ามัวทีเดียว ก็ทุบเข้าใส่แขนทั้งสองของหลิ่วหมิงที่ใช้ป้องกันตัวอยู่

บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

เงากำปั้นสีทองระเบิดตัวระหว่างหลิ่วหมิงกับมนุษย์เกราะทองคำ จากนั้นก็กลายเป็นคลื่นสั่นสะเทือนออกไปทั่วทิศ

ร่างหลิ่วหมิงกับมนุษย์เกราะทองคำสั่นไหวขึ้นมา ภายใต้พลังโจมตีอันมหาศาล ทำให้พวกเขาร่นถอยไปพร้อมกันหลายก้าว

พอทั้งสองตั้งหลักได้แล้ว ก็สบตากันทีหนึ่ง และหลุดปากออกมาเกือบพร้อมกัน

“เจ้าใช้เคล็ดวิชาอันใด?”

“เจ้าเป็นผู้ฝึกร่าง!”

หลิ่วหมิงกับมนุษย์เกราะทองคำต่างก็ตกตะลึงเล็กน้อย และนิ่งเงียบไปพร้อมกัน

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาเล็กน้อย แต่มนุษย์เกราะทองคำกลับเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา

“ดูท่าข้าคงจะประมาทเจ้าเกินไป ที่แท้ผู้ที่ทำให้เฒ่าลี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนธรรมดา แต่ต่อให้จะเป็นผู้ฝึกร่างแล้วจะทำไม เจ้าเป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นต้นเท่านั้น เพียงแค่ไม่โจมตีในระยะประชิด ร่างกายอันแข็งแกร่งของเจ้า ก็เป็นแค่เป้าตัวหนึ่งเท่านั้น” ในที่สุดมนุษย์เกราะทองคำก็กล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย

จากนั้นเขาก็ยกมือข้างหนึ่งปล่อยแสงสีทองออกไป มันพร่ามัวกลายเป็นไหมสีทองจำนวนมาก และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงที่ดัง “ซิ้วๆ!”

หลิ่วหมิงพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ธงเล็กสีฟ้าโผล่ขึ้นในมือ จากนั้นก็เสียบเข้าร่างของตนเองอย่างไร้สุ้มเสียง

แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมา พริบตาเดียวร่างเขาก็กลายสภาพเป็นกึ่งโปร่งใส

ไหมทองคำเจาะทะลุร่างหลิ่วหมิงไป และทิ้งรูเล็กๆ ไว้จำนวนมาก ด้านในเป็นของเหลวกึ่งโปรงใสที่ไม่ทราบชื่อ

“ธงวารีบริสุทธิ์ ไอ้สวะเผ่าเจ้าสมุทรคนไหน ที่ทำให้สมบัติชิ้นนี้ตกอยู่ในมือของเจ้า! ดูท่าเล่ห์เหลี่ยมคงไม่อาจทำอะไรเจ้าได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เตรียมรับมือกับการโจมตีของข้าเถอะ!” มนุษย์เกราะทองคำเห็นเช่นนี้ ก็กร่นด่าออกมา และกล่าวด้วยใบหน้าที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก

จากนั้นร่างมนุษย์เกราะทองคำก็สั่นไหว ไหล่ทั้งสองสั่นสะท้าน อักขระสีทองนับไม่ถ้วนลอยออกจากเกราะบนตัว ขณะเดียวกันเงาร่างยักษ์สีทองที่สูงสิบกว่าจั้ง ก็ปรากฏตรงด้านหลังอย่างไร้สุ้มเสียง

แม้เงาร่างยักษ์นี้จะพร่ามัวจนมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะมองเห็นใบหน้าและเขี้ยวที่ยื่นออกมาอยู่ลางๆ ลำตัวเปลือยครึ่งหนึ่ง มีหนังเรียบง่ายพันอยู่ตรงเอว และดูทรงพลังเป็นอย่างมาก

มนุษย์เกราะทองคำทำท่ามือด้วยมือเดียว และตะโกนออกมา มนุษย์ยักษ์สีทองตรงด้านหลังยกแขนขึ้นทันที ฝ่ามือขนาดใหญ่ค่อยๆ คว้าไปยังฝ่ายตรงข้าม

พอหลิ่วหมิงรู้สึกว่ามีเงามืดเหนือศีรษะ เงาฝ่ามือขนาดเท่าห้องๆ หนึ่งก็ปรากฏออกมาท่ามกลางอักขระที่พวยพุ่ง และมันก็กางนิ้วทั้งห้าออกก่อนที่จะกดลงมา

เกิดเสียงดังหวึ่งๆ ไปทั่วทิศ!

หลิ่วหมิงเกิดความรู้สึกว่าไม่อาจหลบหนีได้ ขณะเดียวกันพลังมหาศาลก็ลงมาถึงตัวของเขา จนเหมือนกับว่าเขาไม่อาจกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย

เขาเลิกคิ้วทั้งคู่ พอรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องพยายามอย่างสุดชีวิตแล้ว เขาก็กัดลิ้นและตะโกนออกมา แขนขาทั้งสี่ขยายใหญ่ขึ้น

เขาปลุกพลังขึ้นมาในทันที พริบตาเดียวก็หลุดพ้นจากพลังมหศาลที่ผูกมัดเขาไว้ ขณะเดียวกันก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ธงเล็กสีฟ้าในตัวพุ่งออกมา ฝ่ามือทองคำอร่ามที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อจับมุกพลังวารีไว้แน่น และทุบกำปั้นใส่ฝ่ามือยักษ์กลางอากาศ

“ตู๊ม!”

กำปั้นหลิ่วหมิงดูอ่อนแอเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับฝ่ามือยักษ์กลางอากาศ แต่พริบตาที่โจมตีออกไป อากาศบริเวณนี้ก็พร่ามัวและบิดเบี้ยว ขณะเดียวกันก็ระเบิดเสียงดังแสบแก้วหูออกมา หลังจากแสงสีทองกับกำปั้นปะทะกัน กลุ่มแสงสีทองก็ระเบิดออกมา

พายุบ้าระห่ำสีเทาก่อตัวขึ้น คลื่นอากาศสีทองม้วนตัวอออกไปทั่วทิศ

พอมนุษย์เกราะทองคำรู้สึกว่าร่างสั่นสะท้าน อักขระสีทองบนตัวก็สลายไปเกือบครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันเงาร่างยักษ์ตรงด้านหลังก็พร่ามัว และแตกกระจายเป็นแสงสีทอง

มนุษย์เกราะทองคำรู้สึกประหลาดใจมาก เขาพยายามเบิกตาทั้งคู่ และจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีพายุบ้าระห่ำสีเทาต้านทานไว้ ทำให้มองเห็นอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก

ครู่ต่อมา แสงเย็นสะท้านก็เปล่งประกายออกมา สายรุ้งสีเขียวยาวจั้งกว่าๆ พุ่งยิงออกไป เพียงแค่เคลื่อนไหวทีเดียว ก็มาถึงตรงหน้ามนุษย์เกราะทองคำ และหมุนวนศีรษะเขาหนึ่งรอบ

“เปรี๊ยะ!”

บริเวณลำคอของมนุษย์เกราะทองคำแตกกระจายออกมาเป็นจุดแสงสีทอง ศีรษะขนาดใหญ่กลิ้งหล่นลงไป

ขณะนี้ พายุบ้าระห่ำตรงหน้าแยกออกจากกันทันที หลิ่วหมิงเดินออกจากในนั้นด้วยความดีใจ

สายรุ้งสีเขียวคือวิชาขี่กระบี่ที่เขาเพิ่งฝึกสำเร็จ และใช้มันในเมื่อครู่ ผลจากการใช้กระบี่จันทราหยก ทำให้เขาสามารถสังหารศัตรูแข็งแกร่งตรงหน้าได้อย่างคาดไม่ถึง

แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ต้องชะงักลงในฉับพลัน

เพราะร่างของมนุษย์เกราะทองคำไม่ได้ล้มลงไป แต่แขนข้างหนึ่งกลับเคลื่อนไหว และคว้าออกไป มันจับกระบี่สั้นสีเขียวที่เพิ่งกลับสู่สภาพเดิมไว้แน่น

จากนั้นก็มีเสียงดังก้องฟ้า ศีรษะมนุษย์เกราะทองคำพุ่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ และมันอ้าปากพ่นอักขระสีทองใส่กระบี่สั้นสีเขียวติดต่อกัน

อักขระเหล่านั้นเพียงแค่หมุนติ้วๆ ก็ติดอยู่บนกระบี่อย่างน่าประหลาดใจ

กระบี่สั้นที่พยายามสลัดตัวให้หลุดพ้น ก็ดับแสงลง จากนั้นก็ไม่เคลื่อนไหวอีก

สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับกระบี่จันทราหยกของตนเองได้

ขณะนี้ ศีรษะของมนุษย์เกราะทองคำก็ลอยมาตกอยู่บนร่างอย่างมั่นคง แสงสีทองเปล่งประกายตรงลำคอ จากนั้นมันก็ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติโดยไม่มีบาดแผลใดๆ เลย

ดวงตาที่ปิดสนิทของมนุษย์เกราะทองคำเปิดออกมา และยิ้มแปลกๆ ให้กับหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ย่อมตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง!

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฝึกฝนวิชากระบี่บินด้วย ทั้งยังเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ ถ้าเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลายคนอื่นๆ ล่ะก็ การโจมตีเมื่อครู่อาจทำให้เสียชีวิตแล้วก็เป็นได้ แต่คิดจะทำร้ายข้า มันเป็นเรื่องที่เพ้อฝันหน่อย ในเมื่อพลังมหัศจรรย์ของข้าไม่อาจฆ่าเจ้าได้ คงต้องใช้พลังที่แท้จริงบดขยี้เจ้าโดยตรงซะแล้ว!” มนุษย์เกราะทองคำกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด