ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 289 ความสงสัยในการถูกยึดร่าง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 289 ความสงสัยในการถูกยึดร่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขารู้สึกคันที่ฝ่ามือเล็กน้อย ทันใดนั้นเกล็ดแผ่นที่สอง แผ่นสาม และแผ่นอื่นๆ ก็โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียว ฝ่ามือของหลิ่วหมิงก็ถูกเกล็ดสีแดงปกคลุมไว้ และเปล่งแสงสีแดงจางๆ ออกมา แต่บนเกล็ดไม่มีกลิ่นไออย่างอื่นเลย ราวกันว่ามันเป็นสิ่งที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด

ตอนที่เกล็ดเหล่านี้โผล่ออกมา หลิ่วหมิงได้ส่งพลังจิตตรวจสอบผิวหนังใต้ฝ่ามืออย่างละเอียดแล้ว

สาเหตุที่เกล็ดมังกรเหล่านี้โผล่ออกมา เป็นเพราะว่าหลังจากใช้พลังเวทย์กระตุ้นฝ่ามือแล้ว จะมีแสงสีแดงแวววาวเป็นจุดๆ โผล่ออกมาจากกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง และพอมันพุ่งออกจากผิวหนัง ก็จะกลายเป็นเกล็ดสีแดงดังเช่นตอนนี้

และพอเขาเรียกพลังเวทย์กลับมา เกล็ดมังกรเหล่านี้จะหดตัวย่อส่วนลงไปอยู่ใต้ผิวหนังอย่างรวดเร็ว และหายเข้าไปในกล้ามเนื้อ จนมองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ เลย

พอหลิ่วหลิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจออกมา แต่ก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

สำหรับเขาแล้ว การที่เกล็ดมังกรซ่อนตัวอยู่ภายในร่าง ซึ่งสามารถปรากฏออกมาและหายไปได้ตลอดเวลา นับว่าเป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้

เพราะว่าถ้าไม่เจอกับศัตรู ใครก็ไม่อยากให้มีสิ่งของที่คล้ายกับปีศาจอสูรโผล่ออกมาในร่าง

แต่จะว่าไปแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเกล็ดของมังกรแดงระดับผลึก แม้จะไม่รู้สาเหตุแท้จริงที่กลิ่นไอมังกรถูกจำกัดไป แต่ความแข็งแกร่งในการป้องกัน กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน จากการต่อสู้ในหลายครั้งก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ จากนั้นเขาก็กระตุ้นพลังเวทย์ไปที่แขน เพื่อที่จะพิสูจน์วิธีการอื่นๆ

เขาจ้องมองออกไปทันที

แขนที่ม้วนตัวขึ้น เริ่มถูกเกล็ดมังกรแดงห่อหุ้มไว้

แต่พอหลิ่วหมิงรับรู้ได้ว่ากล้ามเนื้อใต้ผิวหนังยังคงมีจุดสีแดงกำเนิดออกมา เขาก็เลิกคิ้ว และส่งพลังเวทย์กระตุ้นผิวหนังตรงแขนอยู่ไม่หยุด

ฉากอันน่าประหลาดใจได้ปรากฏขึ้นแล้ว

เริ่มปรากฏเกล็ดชั้นที่สองออกมา และทั้งสองก็ค่อยๆ ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ทำให้เกล็ดบนแขนดูหนาแน่นขึ้นมา คงไม่ต้องสงสัยว่าพลังการป้องกันของมันจะเพิ่มขึ้นมามากเท่าใด

พอรับรู้ได้ว่ายังมีจุดแสงเหลืออยู่เล็กน้อย เกล็ดชั้นที่สามก็เริ่มทับซ้อนออกมา

พอเกล็ดชั้นที่สามทับซ้อนออกมา ก็ไม่มีจุดแสงเหลืออยู่ในกล้ามเนื้ออีกเลย

หลิ่วหมิงมองดูแขนอัปลักษณ์ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยตาที่เป็นประกาย มืออีกข้างก็ทำท่ามือ ทันใดนั้นคมวายุสีเขียวจางๆ ได้ปรากฏออกมา และฟันใส่แขนอัปลักษณ์อย่างไม่ปราณี

“ฟิ้ว!”

คมวายุฟันลงบนแขน แต่กลับต้องดีดตัวกลับในพริบตา ซึ่งไม่สามารถทิ้งร่องรอยไว้บนนั้นได้เลยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก กระบี่สั้นสีทองถูกกำแน่นอยู่ในมือ และเปล่งแสงเย็นสะท้านกรีดใส่แขนที่มีเกล็ดห่อหุ้มอยู่

“ฟิ้ว!”

ร่องรอยสีขาวจางๆ ปรากฏขึ้นบนเกล็ด แต่ไม่สามารถทำลายเกล็ดหนาๆ นี้ได้

หลิ่วหมิงปล่อยพลังเวทย์ใส่กระบี่จันทราทองคำด้วยความตื่นเต้น

“ฟู่!”

ลำแสงสีทองยาวหลายชุ่นพุ่งออกจากปลายกระบี่ และแทงเข้าใส่ท่อนแขน

แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายออกมา

มีรูสีขาวเล็กๆ อยู่บนแขนหลิ่วหมิง แต่ไม่มีโลหิตไหลออกมาเลย

หลิ่วหมิงจ้องมองอย่างละเอียด ก็พบว่ารูนี้ทะลุแค่เกล็ดสองชั้นที่อยู่ภายนอกเท่านั้น ซึ่งยังไม่ทะลุชั้นที่สามเลยแม้แต่น้อย

แค่นี้ก็ทำให้เขาปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง

อย่างที่รู้อยู่ว่า กระบี่จันทราทองคำในมือเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด แม้จะมีชั้นจำกัดต่ำสุดแค่ยี่สิบแปดชั้น แต่ก็มีอานุภาพแตกต่างจากอาวุธจิตวิญญาณระดับกลาง ที่มีชั้นจำกัดยี่สิบเจ็ดชั้นราวฟ้ากับดิน

และบนแขนเขามีเกล็ดมังกรซ้อนทับกันแค่สามชั้น หากทำให้เกล็ดเหล่านี้แนบชิดติดกันมากขึ้น และซ่อนทับกันอีกสองสามชั้นล่ะก็ ไม่เท่ากับว่าสามารถรับการโจมตีของอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดได้อย่างไม่มีปัญหาหรือ!

หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่เช่นนี้ พอกระตุ้นพลังเวทย์ เกล็ดบนแขนก็หายไปอย่างรวดเร็ว และเริ่มไปปรากฏบนกำปั้นเป็นชั้นๆ

ไม่นาน กำปั้นที่ถูกเกล็ดหนาๆ จำนวนมากห่อหุ้มอยู่ ก็ปรากฏตรงหน้าหลิ่วหมิง

กำปั้นกลายเป็นสีแดงเข้ม แผ่นเกล็ดซ้อนตัวกันสิบกว่าชั้น

หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว และขยับนิ้วทั้งห้าที่ดูไม่ค่อยจะคล่องแคล่วมากนัก ทันใดนั้นก็คว้าออกไปด้านข้าง แขนของเขาขยายใหญ่ขึ้นมาเท่าตัว นิ้วสีแดงเข้มทั้งห้าจมลงในผนังหินอย่างง่ายดาย ราวกับมีดที่เสียบเข้าไปในก้อนเต้าหู้

หลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และดึงนิ้วทั้งห้ากลับมาด้วยความพอใจ

เขาแน่ใจว่าด้วยระดับความแข็งแกร่งของฝ่ามือในตอนนี้ ถ้าเพิ่มพลังเวทย์เข้าไปเป็นจำนวนมาก เกรงว่าหากปะทะกับกระบี่จันทราทองคำ ก็คงไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

แน่นอน วิธีการกระตุ้นให้เกล็ดมังกรเหล่านี้เกิดการเปลี่ยนแปลง เขายังต้องฝึกฝนให้มากถึงจะคล่องมือ มิเช่นนั้นระดับความเร็วในการทำให้เกล็ดซ้อนทับกันนี้ คงยังไม่พอที่จะใช้ในการต่อสู้กับคนอื่น

เขาถอนเกล็ดบนมือกลับไปอีกครั้ง จากนั้นก็จ้องมองกระบี่สั้นสีทองบนมือ

กระบี่นี้ นับว่าเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นแรกของหลิ่วหมิง

ตามที่เขาทราบมา แม้แต่นิกายปีศาจก็มีอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่สามารถนับชิ้นได้

ในนิกายปีศาจ นอกจากอาจารย์อาเยี่ยนกับประมุขนิกายปีศาจที่มีอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดแล้ว คนอื่นๆ ที่มีอาวุธระดับนี้จะต้องมีอยู่น้อยมาก และถ้าไม่ถึงช่วงเวลาสำคัญก็จะไม่นำออกมาใช้

ผู้ที่ยึดร่างเขาไปนั้น กลับใช้เวลาหนึ่งวันกว่าๆ ก็สามารถยกระดับกระบี่จันทราหยกที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางไปสู่อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดได้ ในขณะเดียวกันยังทำเรื่องที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย ดูท่าฝ่ายตรงข้ามคงมีความสามารถที่ไม่อาจคาดเดาได้

อย่างน้อย เขาก็แน่ใจว่า แม้แต่อาจารย์อาเยี่ยนก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้

ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องมีระดับการฝึกฝนอย่างน้อยระดับแก่นแท้ขึ้นไป

พอนึกได้ว่าตนเองถูกผู้ที่น่ากลัวเช่นนี้หมายตาไว้ หลิ่วหมิงก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

เขาเอามือลูบกระบี่จันทราทองคำ และเริ่มคิดใคร่ครวญเรื่องที่เขาถูกยึดร่าง

และพอเขานึกถึงเรื่องตอนที่ถูกยึดร่าง กับสิ่งที่เขาเห็นในห้องว่างเปล่าลึกลับ ทำให้แน่ใจได้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือ ‘หลิ่วหมิง’ คนที่สองสองที่ปลอมแปลงเป็นเขา

ส่วนเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามปรากฏออกมาได้อย่างไร ทำไมถึงปลอมแปลงเป็นตัวเองได้นั้น เกรงว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับฝ่ามือค้ำฟ้าที่ปรากฏตัวในแดนลึกลับอย่างแน่นอน

เพราะก่อนหน้านั้น ‘หลิ่วหมิง’ คนที่สอง ไม่เคยปรากฏตัวในห้องว่างเปล่าลึกลับมาก่อน

ดีที่ว่า ฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนไม่อาจไปจากห้องว่างเปล่าลึกลับ เพื่อยึดร่างเขาได้โดยง่าย มิเช่นนั้น การแสดงออกอันน่ากลัวของฝ่ายตรงข้ามในขณะยึดร่างเขา เกรงว่าเขาคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ตั้งแต่ตอนอยู่ในแดนลึกลับแล้ว

พอหลิ่วหมิงคิดดูอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่าเงื่อนไขแปดถึงเก้าส่วนในการยึดร่าง มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายของเขามาก

สาเหตุที่เขาโผล่เข้าไปในห้องว่างเปล่าลึกลับโดยกะทันหัน เป็นเพราะว่าตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายใต้สถานการณ์ที่ใกล้จะเสียชีวิต ถึงสูญเสียการควบคุมกายเนื้อของตนเองไป

และพอเขาออกไปจากห้องว่างเปล่าลึกลับ และกลับเข้าร่างของตนเองนั้น ร่างกายของเขาก็กลับมาเป็นปกติทั้งภายในและภายนอก และยังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นเกือบครึ่งหนึ่ง

ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เขาเพียงแค่ป้องกันไม่ให้ตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่ายตรงข้ามคงจะไม่มีโอกาสครอบครองร่างเขาได้ และถึงแม้จะครอบครองได้ชั่วคราว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถครอบครองได้นาน มิเช่นนั้นคงไม่อาจอธิบายได้ว่า ตนเองออกจากห้องว่างเปล่าลึกลับ และกลับเข้าสู่ร่างได้อย่างไร

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น ข้อมูลที่รู้ในตอนนี้มีอยู่น้อยมาก จึงไม่อาจตัดสินออกมาอย่างชัดเจนได้ ส่วนสถานการณ์จริงจะเป็นเช่นไรนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

เพื่อป้องกันไม่ได้ตนเองถูกครอบครองร่างอีก แม้จะไม่อาจทำอะไรฟองอากาศลึกลับนั้นได้ แต่กลับสามารถใช้วิธีการบางอย่างป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง

อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง อย่างน้อยจากการที่เขาอ่านคัมภีร์มาเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้ว่ามียันต์บางอย่างที่สามารถป้องกันไม่ให้ตนเองถูกครอบครองร่างได้ ยันต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่มีราคาสูง ทั้งยังเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถอาศัยมันได้นาน

นอกจากนี้ ยังมีอาวุธเวทย์บางอย่าง ที่แค่พกติดตัวก็ให้ผลเหมือนกันแล้ว แน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันแตกต่างกันมาก และยังมีราคาสูงมากกว่าด้วย

นอกจากนี้ หลิ่วหมิงยังรู้ว่าหากผ่านการจารึกอักขระจิตวิญญาณไว้ในกายเนื้อ ก็สามารถควบคุมไม่ให้เกิดเรื่องการถูกแย่งชิงร่างได้ แต่มันมีผลค้างเคียงในภายหลังไม่ใช่น้อย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาย่อมไม่ใช้วิธีการนี้อย่างแน่นอน

ทั้งสามวิธีนี้ วิธีที่หาได้ง่ายที่สุดคือวิธีการที่สาม

การจารึกอักขระจิตวิญญาณในนิกายปีศาจ เพียงแค่ใช้แต้มคุณูปการจำนวนหนึ่ง ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

ส่วนยันต์จิตวิญญาณในวิธีการแรกนั้น แม้จะมีมูลค่าไม่น้อย แต่กลับพบเจอในตลาดน้อยมาก แต่ถ้าหากวิ่งไปตลาดบ่อยๆ และอดทนรอคอยเล็กน้อย ก็สามารถหาซื้อได้ผืนสองผืน

ที่หาได้ยากที่สุด ก็เป็นอาวุธเวทย์ที่หลอมขึ้นมาเพื่อป้องกันการถูกยึดร่างโดยเฉพาะ

ตามที่เขาทราบมา อาวุธจิตวิญญาณแบบนี้ ไม่เพียงแต่ใช้วัสดุล้ำค่า และวิธีการหลอมที่ยุ่งยาก แต่ยังใช้งานเฉพาะทางได้อย่างเดียว ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธจำนวนน้อยมาก ที่จะหลอมมันขึ้นมา และที่หลุดออกไปข้างนอกยิ่งมีน้อยกว่ามาก

ซึ่งปรากฏออกมาสองสามชิ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น และก็ถูกประมูลขายด้วยราคาที่สูง

ถ้าหากเขาดวงไม่ดีล่ะก็ ต่อให้ใช้เวลาสิบกว่าปี ก็ไม่แน่ว่าจะพบของสิ่งนี้ในตลาด

จากความสามารถอันน่าตกใจของผู้ที่ยึดร่างเขา เกรงว่าอาวุธอาญาสิทธิ์ก็ไม่ส่งผลกับมันมากนัก อย่างน้อยต้องใช้อาวุธจิตวิญญาณขึ้นไปถึงจะมีผลบ้าง

ด้วยเหตุนี้ มันย่อมหาได้ยากยิ่ง

หลิ่วหมิงถือกระบี่จันทราทองคำอยู่ในมือ และครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด