ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 356 การต่อสู้หมู่ในหุบเขา (3)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 356 การต่อสู้หมู่ในหุบเขา (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮึ่ม!”

ขณะที่พายุบ้าระห่ำก่อตัวขึ้นใต้เท้าอสูรหัวสิงโตร่างวัว มันก็กระโดดมาอยู่ห่างจากเจียหลานไม่ไกล

“ฟู่!” มีคลื่นสั่นสะท้านบริเวณนั้น พายุบ้าระห่ำสีดำสูงสิบกว่าจั้งพุ่งออกมา และม้วนตัวมาทางเจียหลานอย่างบ้าคลั่ง

และขณะที่อสูรยักษ์บังคับพายุบ้าระห่ำโจมตีเจียหลาน มันก็อ้าปากออกมา

“ฟิ้วๆ!”

คมวายุสีดำจำนวนมากพุ่งยิงใส่เจียหลาน

สีหน้าเจียหลานเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นเช่นนี้ นิ้วเรียวเล็กเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว อักขระแต่ละตัวพุ่งออกจากมือ และหมุนวนรอบตัวนางไม่หยุด

ขณะที่อักขระเหล่านี้หมุนย้อนกลับ แสงสีฟ้าก็พุ่งออกมา หลังจากกระจายออกไป ก็ก่อตัวเป็นม่านแสงหนาๆ ชั้นหนึ่ง

“ตู๊ม!”

พายุบ้าระห่ำสีดำปะทะใส่ม่านแสง อักขระที่หมุนวนอยู่ข้างในสั่นไหวขึ้นมาทันที ลำแสงแบบต่างๆ เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด แต่ก็ยังต้านทานเอาไว้ได้

ครู่ต่อมา คมวายุจำนวนมากพุ่งยิงเข้ามา ในขณะที่เกิดเสียงดังกังวาน ลำแสงสีดำก็ระเบิดออกมา พลังของมันน่าตกใจเป็นอย่างมาก

ม่านแสงส่งเสียงดังออกมาทันที ลำแสงมืดลงไปไม่น้อย

เจียหลานเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าชักช้าอีก นางชี้มืออันเรียวเล็กออกไป

ทันใดนั้น อากาศบริเวณที่นางชี้ ก็ก่อตัวเป็นระลอกคลื่น และกระเพื่อมออกมา มันม้วนตัวไปทางอสูรยักษ์สีดำ จากนั้นก็ก่อตัวเป็นไหมสีดำจำนวนมาก

นิ้วทั้งสิบของเจียหลานหยุดเคลื่อนไหว ไหมดำจำนวนมากพร่ามัวกลายเป็นตาข่ายยักษ์ห่อหุ้มอสูรยักษ์ไว้

ขณะที่นางทำท่ามือด้วยมือเดียวเพื่อจะกระตุ้นนั้น ก็มีเสียงดัง “ฟู่!”

ของเหลวสีฟ้าได้กลายเป็นหอกยักษ์สีคราม และพุ่งยิงเข้ามา

หอกยักษ์ยังมาไม่ทันถึง อากาศที่มันพุ่งผ่านก็เกิดเป็นรอยสีฟ้าเส้นหนึ่ง ขณะเดียวกันเสียงระเบิดก็ดังออกมา

เจียหลานเห็นเช่นนี้รู้สึกตกใจมาก พลังของอสูรทั้งสองตนนี้ เหนือกว่าที่นางคาดการณ์ไว้มากนัก

มือสวยราวกับหยกของนางค่อยๆ เปลี่ยนท่ามือ เงาร่างแต่ละเงาพุ่งออกจากตัวอีกครั้ง อากาศบริเวณรอบๆ ก็เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา

นางแสดงวิชาละเมอฝันอีกครั้ง!

ท่ามกลางเสียงแหลมสูง หอกยักษ์แทงทะลุหน้าอกเจียหลานในทันที

ฉากอันน่าประหลาดใจได้ปรากฏขึ้นแล้ว!

ร่างของเจียหลานที่ถูกหอกสีครามแทงทะลุพร่ามัวขึ้นมาทันที หลังจากบิดไปมากลางอากาศแล้ว ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

นี่เป็นแค่เงาร่างที่นางทิ้งไว้!

ครู่ต่อมา มีคลื่นสั่นสะเทือนกลางอากาศอีกด้านหนึ่ง เจียหลานปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หลังจากมีเสียงดังขึ้นเบาๆ นางก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น ไม่รู้ว่าวงแหวนขนาดฉื่อกว่าๆ โผล่ขึ้นในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ พอโยนออกไป มันก็ทุบลงบนหอกสีครามอย่างรุนแรง

พริบตานั้น มีเงาจำนวนมากกระพริบออกจากพื้นผิวของวงแหวน จากนั้นก็กลายเป็นระลอกคลื่นปกคลุมหอกสีครามไว้อย่างรวดเร็ว

มีเสียงคำรามต่ำดังออกมา!

หอกยักษ์ที่ถูกกักขังอยู่สั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่นานก็กลายเป็นของเหลวสีฟ้าขนาดเท่าอ่างล้างหน้าอีกครั้ง มันกลิ้งตัวอยู่กลางอากาศไม่หยุด เพื่อพยายามออกไปจากระลอกคลื่นนี้ให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย

ส่วนอีกด้านหนึ่ง พอมีเสียงดัง “ฉับๆ!” ลำแสงบนตัวอสูรยักษ์ที่ถูกไหมดำของเจียหลานรัดพันไว้ ก็หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นไหมดำเหล่านี้ก็ขาดกระจุย และกลายเป็นไอดำก่อนสลายตัวไปในอากาศ

อสูรยักษ์คำรามเสียง และพ่นเปลวไฟปีศาจออกมา ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ดูเหมือนจะโมโหเป็นอย่างมาก

อักขระสีดำเปล่งประกายออกมาห้าแถว ภายใต้การเปล่งประกาย มีพายุบ้าระห่ำสีดำพัดออกมาห้าลูก มันพุ่งมาหาเจียหลานราวกับดาวหางที่มาจากนอกโลก

เจียหลานเห็นเช่นนี้ ก็แตะเท้าลงพื้นเบาๆ ร่างของนางถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ทำท่ามือ และชี้ไปทางวงแหวนที่อยู่ไม่ไกล

แสงกระพริบบนอาวุธจิตวิญญาณ และม้วนตัวออกไปทั่วทิศ

หลังจากแสงเหล่านี้พุ่งผ่านกลางอากาศ ระลอกคลื่นก็ก่อตัวขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว และยังเชื่อมโยงกันเป็นโซ่ที่เปล่งแสงแวววาวจำนวนหลายเส้น

เจียหลานเลิกคิ้ว และเปลี่ยนท่ามืออีกครั้ง

“ฟู่!” อักขระแวววาวจำนวนมากพรั่งพรูออกจากโซ่เหล่านี้ จากนั้นก็เริ่มพร่ามัวอย่างรวดเร็ว และกระพริบหายไปในที่สุด

ครู่ต่อมา มีเสียง “เต๊งตั๊ง!” ดังมาจากร่างของอสูรยักษ์ โซ่แวววาวแต่ละเส้นปรากฏออกมาโดยไร้สุ้มเสียง และรัดพันมันไว้อย่างแน่นหนา โดยที่มันคิดไม่ถึงมาก่อน

แต่ขณะนี้ พายุบ้าระห่ำสีดำทั้งห้าลูก ปะทะใส่ม่านแสงบนตัวเจียหลานติดต่อกัน และระเบิดออกมาเป็นแสงทรงกลดสีดำ

หลังจากมีเสียงดังตูมตามดังออกมา ม่านแสงก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ในที่สุดก็กลายเป็นจุดแสงแวววาว และสลายตัวไป

หลังจากพายุบ้าระห่ำหายไปแล้ว เจียหลานถึงปรากฏตัวออกมาโดยที่ไม่เป็นอะไรเลย แต่ใบหน้าดูซีดขาวเล็กน้อย นางกัดฟันโยนวงแหวนในมือออกไปกลางอากาศ ขณะเดียวกันก็กัดปลายลิ้น และพ่นโลหิตใส่วงแหวน จากนั้นก็เริ่มร่ายคาถาออกมา

“ฟู่!”

ท่ามกลางเสียงร่ายคาถา วงแหวนปล่อยลำแสงสีฟ้าออกมาเป็นจำนวนมากจนดูแสบตาขึ้นมา สิ่งที่ดูคล้ายพระอาทิตย์สีฟ้าอันเจิดจ้าปรากฏขึ้นในมือ

“ไป!”

เมื่อแสงทรงกลดบนวงแหวนเปล่งประกายจนถึงขีดสุดแล้ว มันก็สั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา

เจียหลานตะโกนออกมา จากนั้นสิ่งที่อยู่ในมือก็พุ่งยิงออกไป มันขยายใหญ่ตามแรงลมจนมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวสิบกว่าจั้ง และหล่นลงมาพร้อมกับเสียงแผดร้อง

“เพล้งๆ!”

วงแหวนปะทะใส่ร่างอสูรยักษ์สีดำตนนั้นก่อน จากนั้นก็ดีดตัวออกอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ และทุบใส่ร่างอสูรที่เป็นของเหลวสีฟ้าตนนั้น

ดูเหมือนทั้งสองจะส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา แต่หลังจากถูกโจมตีแล้ว พวกมันต่างก็บิดตัวหลุดพ้นไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็พุ่งเข้ามาด้วยความโมโห

วิชาละเมอฝันช่างแปลกประหลาดถึงเพียงนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าสามารถกักตัวอสูรทั้งสองได้เพียงชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น

เจียหลานเห็นเช่นนี้ ก็รีบกระตุ้นวงแหวนกลางอากาศทันที ทันใดนั้นเงาวงแหวนจำนวนมากหล่นลงมา พริบตาเดียวก็ต้านทานปีศาจอสูรทั้งสองไว้

แต่ขณะนี้เจียหลานกลับหอบแฮ่กๆ ราวกับว่าใช้พลังเวทย์เกินขนาด แต่นางก็กัดฟันหยิบยันต์ออกมาผืนหนึ่ง และแปะไว้บนตัว

ลำแสงสีเหลืองเปล่งประกายออกมา พริบตาเดียว ใบหน้าที่ซีดขาวก็ดีขึ้นมามาก

เวลาต่อมา เจียหลานไม่กล้าใช้พลังจำนวนมากกระตุ้นวิชาละเมอฝันกักศัตรูโดยตรงอีก นางอาศัยแค่วงแหวนมหัศจรรย์กับเงาร่างที่สร้างขึ้นมารับมือกับศัตรู

ดีที่ว่าก่อนหน้านั้นปีศาจอสูรทั้งสองเสียเปรียบไปมาก ประกอบกับได้รับบาดเจ็บมาด้วย จึงถูกเจียหลานลากตัวไว้ได้

……

อีกด้านหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าการแลกมือของหงซานกับชิงฉินดุเดือดรุนแรงกว่าทางด้านเจียหลานมาก

หลังจากชิงฉินกับหงซานตะโกนออกมา ก็มีเสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นกลางอากาศ

อสูรยักษ์หัวมัจฉาร่างวิหคที่ชิงฉินสร้างขึ้นมาในก่อนหน้านั้น กำลังปะทะกับฝ่ามือยักษ์สีแดงเข้มของหงซานอย่างรุนแรง

อากาศบริเวณที่ทั้งสองอยู่ ถูกอักขระที่เปล่งแสงสีดำแดงปกคลุมไปชั่วขณะหนึ่ง

คลื่นสั่นสะเทือนสีดำแดงปะทะเข้าด้วยกัน และกลายเป็นคลื่นอากาศกระเพื่อมออกไปทั่วทิศ

ท้องฟ้าสั่นสะเทือนขึ้นมา

จากนั้นจะเห็นว่าทั้งสองต่างก็ทำท่ามืออยู่ไม่หยุด และชี้ไปยังอสูรยักษ์กับฝ่ามือยักษ์ที่อยู่กลางอากาศ

แสงสีดำและสีแดงสั่นสะเทือน และเริ่มขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว

“ตู๊ม!”

แสงสีดำกับสีแดงต่างก็ระเบิดออกมา และกลายเป็นจุดแสงก่อนหายไปกลางอากาศ

ภายใต้การม้วนตัวของระลอกคลื่น ทำให้หงซานกับชิงฉินร่นถอยไปสิบกว่าก้าว

ชิงฉินทำเสียงฮึดฮัด และพลิกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ง้าวสามง่ามสีดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นในมือ

เขาทำท่ามือ และโยนง้าวสามง่ามขึ้นบนอากาศ ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา

ทันใดนั้น อักขระที่สลักอยู่บนง้าวสามง่ามค่อยๆ ขยับตัว แสงสีดำพุ่งออกจากในนั้น พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่สิบกว่าจั้ง

“ไป!”

ชิงฉินตะคอกด้วยเสียงอันดัง วิชาถูกปล่อยออกไปจากมือ และหายเข้าไปบนง้าวสามง่าม

“ฟู่!”

ลำแสงบนง้าวสามง่ามดับลง และพุ่งยิงแสงสีดำใส่แสงสีแดงตรงหน้าอย่างรุนแรง

หงซานเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป เขาตบยันต์เก็บของ จากนั้นกระบองสั้นสีดำที่มีลักษณะเหมือนกับที่ลี่คุนใช้ ก็ปรากฏออกมา เพียงแต่สีของมันไม่เหมือนกันเท่านั้น

เขาโยนกระบองสั้นขึ้นบนอากาศ พริบตาที่เปลี่ยนท่ามือนั้น เขาก็เริ่มร่ายคาถาออกมา

กระบองสั้นขยายใหญ่ขึ้นทันที ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจก็ขยายใหญ่ยี่สิบกว่าจั้ง

“ขึ้น!”

หงซานชี้ไปทางกระบองยักษ์

กระบองยักษ์เปล่งแสงสีแดงออกมา และทุบใส่ง้าวสามง่ามอย่างรุนแรง

“ตู๊ม!”

กระบองกับง้าวปะทะเข้าด้วยกัน ทั้งสองโจมตีกันบนอากาศจนระเบิดเสียงดังที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

พื้นที่บริเวณรอบๆ บ้านตรงด้านล่าง ค่อยๆ พังทลายลงมา พริบตาเดียว พื้นที่บริเวณนี้ก็ถล่มทลาย ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

ต่อมา ภายใต้การกระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งระดับผลึกทั้งสอง จะเห็นว่ากระบองและง้าวปะทะกันอยู่ไม่หยุด จนก่อให้เกิดเสียงดัง “เต๊งๆ!”

และกลุ่มนักรบโลหิตเหล็กของวังเพลิงดำที่ลาดตระเวนผ่านมาเห็นเช่นนี้ ต่างก็พากันเดินกลับไปยังทิศทางที่จากมา

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด