ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 473 ทดสอบ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 473 ทดสอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากหลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูแล้ว ก็ค้นพบว่าบริเวณกำแพงหยก ยังมีคนที่สวมชุดศิษย์ดำเนินการอยู่สองสามคน และมีคนเข้าไปถามอยู่ตลอดเวลา พอคนเหล่านี้คลายข้อสงสัยแล้วก็จากไป

หลิ่วหมิงฉุกคิดขึ้นมาอย่รวดเร็ว หลังจากรอจนคนเริ่มน้อยลงแล้ว ก็เดินไปหาคนที่ว่างอยู่

“รบกวนศิษย์พี่ท่านนี้แล้ว ศิษย์น้องมีปัญหาบางอย่าง อยากขอให้ท่านช่วยชี้แนะเล็กน้อย” หลิ่วหมิงเดินมาตรงหน้าศิษย์คนหนึ่ง และประสานมือคารวะก่อนกล่าวออกมา

คนผู้นี้ดูมีอายุราวๆ สามสิบต้นๆ แลดูฉลาดเฉียบแหลมมาก ดวงตาทั้งคู่แหลมคม ประจักษ์ชัดว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญาและมีประการณ์มาก

“อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นศิษย์สายนอก มีเรื่องอันใดก็สอบถามได้เลย” ก่อนหน้านั้นชายผู้นี้ถูกศิษย์ธรรมดาหลายคนรุมถามจนเผยสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา แต่พอเห็นหลิ่วหมิงที่สวมชุดศิษย์สายนอก ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที

“ข้าเพิ่งเข้านิกายไม่นาน และมาหอลี้ลับเป็นครั้งแรก จึงมีเรื่องสงสัยอยากให้ศิษย์พี่ช่วยชี้แนะเล็กน้อย” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไร ข้าทำงานที่หอลี้ลับมาระยะหนึ่งแล้ว หากศิษย์น้องมีอะไรไม่เข้าใจก็สอบถามได้เลย” ซุนสือรับปากโดยไม่ลังเล

หลิ่วหมิงเห็นคนผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมา เขาจึงถามข้อสงสัยในเมื่อครู่ทันที

“อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ บอกศิษย์น้องอย่างไม่ปิดบัง ป้ายที่แสดงอยู่นี้เป็นป้ายประกาศนอก ด้านในหอลึกลับยังมีป้ายประกาศในอยู่ ภารกิจในนั้นอันตรายกว่าป้ายประกาศนอกมาก และค่าตอบแทนก็มีแต้มคุณูปการเป็นหลัก”

“ในเมื่อศิษย์น้องเข้านิกายแล้ว คงจะค้นพบว่าในนิกายยอดบริสุทธิ์ของเรา ใช้แต้มคุณูปการมากกว่าหินจิตวิญญาณ ดังนั้นภารกิจบนป้ายประกาศในจึงยากตามไปด้วย มีภารกิจไม่น้อยที่มีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นภารกิจบนป้ายประกาศนี้ จึงไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ธรรมดาจะสัมผัสได้ มีแค่ศิษย์สายในกับศิษย์สายนอกที่มีพลังมากเท่านั้น ถึงมีคุณสมบัติรับภารกิจไป” ชายผู้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้ หลิ่วหมิงถึงแสดงสีหน้าเข้าใจในฉับพลัน ชายผู้นี้หัวเราะแล้วกล่าวต่อ

“ในเมื่อศิษย์น้องหลิ่วเพิ่งเป็นศิษย์สายนอก ไม่สู้ลองรับภารกิจบนป้ายประกาศนอกก่อน ส่วนภารกิจบนป้ายประกาศใน รอผ่านไประยะหนึ่งจะดีกว่า”

ที่แท้ป้ายประกาศลี้ลับนี้ ก็แบ่งเป็นป้ายประกาศนอกกับป้ายประกาศใน ซุนสือผู้นี้พูดถึงอันตรายของภารกิจบนป้ายประกาศในอยู่หลายครั้ง ประจักษ์ชัดว่ามันคงไม่ใช่ข่าวที่แสร้งปล่อยออกมาเพื่อเขย่าขวัญอย่างแน่นอน

แต่ขณะนี้ หลิ่วหมิงรีบร้อนใช้แต้มคุณูปการจำนวนมาก เรื่องการหลอมตัวอ่อนกระบี่เขาพระสุเมรุ ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งกว่า

หลังจากเขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็กล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว

“ขอบคุณศิษย์พี่ที่เตือน แต่ข้าเชื่อว่าตนเองยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง ขอศิษย์พี่ให้ความกระจ่างว่า ทำอย่างไรถึงจะรับภารกิจป้ายประกาศในได้?”

ชายที่ดูเฉียบแหลมได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจในตอนแรก จากนั้นก็พูดเกลี้ยกล่อมทันที

หลิ่วหมิงย่อมไม่เปลี่ยนความตั้งใจอย่างแน่นอน

ชายฉลาดที่ดูเฉียบแหลมได้แต่ควักยันต์เก็บของมอบให้หลิ่วหมิงอย่างไม่มีทางเลี่ยง จากนั้นก็ชี้ไปยังประตูที่อยู่ด้านข้าง และกล่าวออกมา

“ในเมื่อศิษย์น้องยืนกรานเช่นนี้ ก็ผ่านประตูนี้ไป และเปลี่ยนชุดที่อยู่ในนี้ จากนั้นก็จะพบกับป้ายประกาศในเอง แต่ว่าในระหว่างทางจะต้องผ่านการทดสอบหนึ่งอย่าง ถึงจะมีสิทธิ์ได้สัมผัสกับป้ายประกาศใน ข้าขอกล่าวเพียงเท่านี้ ขอให้รักษาตัวด้วย” ซุนสือกล่าวจบ ก็หันไปตอบคำถามศิษย์คนอื่นๆ ต่อ

หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว ก็รับยันต์เก็บของและเดินผ่านไป

พอเข้าเดินเข้าไปในประตูที่อยู่ด้านข้าง ก็ค้นพบว่าตรงหน้าเป็นทางแคบยาวสายหนึ่ง

ทันใดนั้น หลิ่วหมิงก็ขยี้ยันต์เก็บของในมือจนแตกกระจาย เผยให้เห็นเสื้อผ้าสีเทาชุดหนึ่ง เขารีบสวมมันอย่างรวดเร็ว และปิดคลุมร่างกายไว้อย่างแน่นหนา

ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกตกใจเมื่อค้นพบว่า เสื้อผ้าชุดนี้ทำมาจากวัสดุพิเศษ บนเนื้อผ้ามีอักขระแปลกประหลาดปกคลุมอยู่เต็มไปหมด ทำให้กลิ่นไอของเขาไม่สามารถหลุดรอดออกมาได้ และจิตรับรู้ก็ไม่สามารถออกไปจากร่างได้เลยแม้แต่น้อย

“นิกายยอดบริสุทธิ์มีสมบัติลึกล้ำจริงๆ แค่เสื้อผ้าตัวเดียวยังสามารถบดบังกลิ่นไอได้อย่างง่ายดาย ผลลัพธ์ยังเหนือกว่าวิชาซ่อนเร้นทั้งหลายมาก ใช้ในการดักซุ่มยิ่งสะดวกสบายมากขึ้น ในโลกภายนอกคงมีมูลค่าอย่างน้อยหลายหมื่นหินจิตวิญญาณล่ะมัง……” หลิ่วหมิงรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปยังส่วนลึกของทางเดิน

“ศิษย์ใหม่เหล่านี้ แต่ละคนยังจมอยู่ในวงวันในก่อนหน้า คิดว่าตนเองแตกต่างจากคนอื่น มีความสามารถโดดเด่น รอได้ลิ้มรสความทุกข์ก่อนเถอะ แล้วจะรู้ว่าตนเองเป็นแค่กบในกะลาเท่านั้น” ชายที่ดูเฉียบแหลมเหลือบมองหลิ่วหมิงที่หายไปในประตู และส่ายหน้า จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

ทางเดินสายนี้ยาวสิบจั้งกว่าๆ มันก่อขึ้นมาจากหินสีดำ ผนังที่อยู่ไม่ไกลมีหินเรืองแสงสีขาวเลี่ยมฝังอยู่ก้อนหนึ่ง มันส่องแสงสว่างให้กับพื้นที่ในนี้

เนื่องจากหลิ่วหมิงไม่สามารถนำจิตรับรู้ออกจากร่างได้ เขาจึงเดินอย่างระมัดระวัง

และคำพูดของซุนสือในก่อนหน้านั้น ก็พูดเป็นนัยๆ ว่าทางเดินไปป้ายประกาศในสายนี้ จะต้องไม่สงบราบรื่นอย่างแน่นอน

ไม่นาน ก็มีประตูใหญ่ขวางอยู่ตรงปลายสุดของทางเดิน

หลิ่วหมิงสูดหายใจลึกๆ หลังจากผลักประตูออกแล้ว ก็ค้นพบว่าในนั้นเป็นอุโมงค์ทางเดินมืดๆ สายหนึ่ง

ปากอุโมงค์มีบันไดลาดเอียงลงไปด้านล่าง มันยากที่จะจินตนาการได้ว่ามุ่งไปยังสถานที่แห่งใด

หลังจากหลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็เดินลงไป

อุโมงค์ไม่ยาวมาก ไม่นานก็มาถึงหน้าห้องลับธรรมดาแถวหนึ่ง

ห้องที่อยู่ตรงกลางสุดได้ปิดไปแล้ว บนประตูมีลวดลายจิตวิญญาณที่ลึกล้ำจนยากจะเข้าใจประทับอยู่จำนวนหนึ่ง

หลิ่วหมิงเดินเข้าไปหนึ่งในห้องลับที่เปิดประตูอยู่ โดยไม่ได้คิดอะไรมาก

ด้านในห้องลับค่อนข้างกว้างขวาง มีขนาดหลายสิบจั้ง

พอเขาเข้าไปด้านใน ประตูที่อยู่ด้านหลังก็ปิดตัวลงอย่างไร้สุ้มเสียง

ภายใต้การกวาดสายตามองของหลิ่วหมิง ก็ถูกเงาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ในห้องลับดึงดูดความสนใจทันที

นี่เป็นหุ่นนักรบสูงใหญ่ตัวหนึ่ง ตัวดำทั้งตัว ดูเหมือนว่าร่างของมันจะหล่อหลอมมาจากหินผาชนิดหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ร่างของมันถูกเกราะสีแดงอ่อนห่อหุ้มไว้ บนหัวมีเขาสีเลือดอยู่สองอัน คมเขี้ยวเต็มปาก ดวงตาทั้งคู่เปล่งแสงสีแดงออกมา ราวกับเปลวไฟปีศาจสีแดงที่เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด

ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังสังเกตอยู่นั้น หุ่นนักรบก็ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของเขา มันจึงหันหน้ามาทันที

มีเสียง “แคล็กๆ!” ดังออกมาจากร่างของมันชั่วขณะหนึ่ง

หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก เขายังไม่ทันได้ทำอะไร หุ่นนักรบก็คำรามออกมา ร่างหนักอึ้งของมันโค้งงอ และพุ่งขึ้นราวกับลูกธนู

พอมีเงาดำกระพริบอยู่ตรงหน้า หุ่นนักรบก็พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงราวกับพายุ ครู่ต่อมาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง พอกางนิ้วทั้งห้าออกก็คว้าลงบนศีรษะ

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา ร่างของเขาเคลื่อนไหวจนหลบการโจมตีนี้ได้ ขณะเดียวกัน ก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีเขียว คมวายุขนาดเท่าบานประตูก็ก่อตัวขึ้นตรงหน้า

“ไป!”

หลิ่วหมิงคำรามเสียงออกมา พอสะบัดข้อมือ คมวายุยักษ์ก็พุ่งออกไป และฟันลงบนหลังหุ่นนักรบ

“เต๊ง!”

แสงสีแดงเปล่งประกายอยู่บนหลังหุ่นนักรบชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็ก่อตัวเป็นม่านแสงหนึ่งชั้น พอคมวายุปะทะกับมัน ก็กลายเป็นจุดแสงแวววาว

ดูเหมือนว่าการโจมตีของหลิ่วหมิงในเมื่อครู่ จะกระตุ้นให้หุ่นนักรบโมโหจนถึงขีดสุด พอมันแผดเสียงคำรามออกมา ร่างของมันก็พร่ามัวอีกครั้ง

มีเงาร่างสีดำกระพริบอยู่กลางอากาศ หุ่นนักรบชกไปยังศีรษะของหลิ่วหมิงด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าก่อนหน้านั้น

ความเร็วเช่นนี้ หลิ่วหมิงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย หลังจากหลบหลีกไปได้แล้ว เขาก็ทำท่ามือขึ้นมา

ทันใดนั้น ไอเย็นก็แผ่ออกมารอบด้าน ครู่เดียวก็ก่อตัวเป็นแท่งน้ำแข็งที่ยาวหลายจั้ง

“ไป!”

แท่งน้ำแข็งยักษ์พุ่งออกไปด้วยเสียงอันดัง มันกระพริบแค่ทีเดียวก็โจมตีลงบนหน้าอกของหุ่นนักรบ

แสงสีแดงเปล่งประกายออกมา ม่านแสงสีแดงปรากฏออกมาอีกครั้ง และต้านทานวิชาแท่งวารีไว้

“เพล้ง!”

พอแท่งน้ำแข็งยักษ์ปะทะกับม่านแสง มันก็ระเบิดออกมาทันที แต่ไอเย็นที่มากับวิชาแท่งวารีกลับไม่ได้หายไป ทันใดนั้นมันก็เกาะตัวเป็นน้ำแข็ง และห่อหุ้มร่างครึ่งหนึ่งของหุ่นนักรบไว้อย่างแน่นหนา ร่างขนาดใหญ่ของมันชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง

หลิ่วหมิงตาเป็นประกายขึ้นมา และแวบไปอยู่ตรงหน้าหุ่นนักรบทันที ไอดำที่พวยพุ่งอยู่บนร่างได้กลายเป็นมังกรพยัคฆ์ และลอยวนอยู่บนตัวเขาตั้งนานแล้ว ท่ามกลางเสียงแผดร้องของมังกรพยัคฆ์ เขาก็ชกกำปั้นใส่หน้าอกหุ่นนักรบอีกครั้ง

“เต๊ง!”

ร่างมหึมาของหุ่นนักรบถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปหลายจั้ง และตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง ห้องลับสั่นสะเทือนจนฝุ่นคลุ้งขึ้นมา

พอหุ่นนักรบตกลงพื้น มันก็พลิกตัวลุกขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่ารอยกำปั้นจางๆ บนหน้าอก เป็นร่องรอยการโจมตีของหลิ่วหมิงในเมื่อครู่

“หุ่นนักรบนี้แข็งแกร่งมาก บนตัวยังมีเกราะสีฟ้าที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา มีความสามารถต้านทานการโจมตีเทียบเท่ากับปีศาจอสูรระดับของเหลวขั้นปลาย แตกต่างจากราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตในทะเลหนานไห่ไม่มาก” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็พูดพึมพำออกมา

ขณะนี้ หุ่นนักรบได้จับตำแหน่งของหลิ่วหมิงไว้ และพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ร่างของมันเคลื่อนไหวติดต่อกันอย่างรวดเร็ว จนทิ้งเงาจำนวนมากไว้เบื้องหลัง ส่วนหลิ่งหมิงก็เริ่มร่นถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

หุ่นนักรบย่อมไม่ละทิ้งความพยายามอย่างแน่นอน มันไล่ตามหลิ่วหมิงอยู่ในห้องลับราวกับว่าพลังบนตัวไม่มีวันหมด การโจมตีแต่ละครั้งมีอานุภาพรุนแรงมาก

หลิ่วหมิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายลมพัดขนปุยสีขาว ด้านหนึ่งหลบหลีกกำปั้นพายุของหุ่นนักรบ อีกด้านหนึ่งก็สังเกตดูบนตัวของมัน

หลังจากหลบหลีกกำปั้นของหุ่นนักรบไปหนึ่งลูก หลิ่วหมิงก็กระโดดเตะข้อพับขาที่เป็นจุดสำคัญของหุ่นนักรบอย่างรุนแรง

หุ่นนักรบหยุดชะงักในทันที ท่าทีของมันเชื่องช้าลงครึ่งหนึ่ง

หลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้แผ่ไอดำออกมา และบิดตัวมาด้านหน้าหุ่นนักรบ ไม่รู้ว่ามีมุกสีดำสองเม็ดปรากฏบนมือเขาตั้งแต่เมื่อใด หลังจากเอาฝ่ามือทั้งสองมาถูกันแล้ว มันก็รวมเป็นเม็ดเดียว และถูกเขากำไว้แน่น

จากนั้นก็มีร้องคำรามของมังกรพยัคฆ์ดังออกมา กำปั้นที่เปล่งแสงสีดำของหลิ่วหมิงโจมตีรอยเว้าบนหน้าอกของมันอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น พลังมหาศาลทะลักออกมา เกิดเสียงดังอู้อี้บริเวณหน้าอกของหุ่นนักรบ เกราะสีฟ้าเกิดรอยร้าวขึ้นมา และแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว

“เพล้ง!”

รูขนาดเท่าปากถ้วยปรากฏบนหน้าอกของหุ่นนักรบ และค่ายกลควบคุมที่อยู่ในร่างของมัน ก็โผล่ออกมากลางอากาศ และส่งเสียงดัง “ฟู่!” จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีขาวก่อนที่จะสลายไปในอากาศ

หุ่นนักรบร่นถอยออกไปติดต่อกัน แสงสีแดงในดวงตาดับลง จากนั้นก็ล้มโครมลงพื้น

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด