ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 582 ประลองใหญ่แปดสาขา (5)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 582 ประลองใหญ่แปดสาขา (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คู่ต่อสู้ของนางเป็นชายชุดขาวที่ใช้ค้อนคู่ในการต่อสู้ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างรวดเร็ว เขาก็โบกสะบัดค้อนสีแดงเพลิงทั้งสองอย่างรวดเร็วจนแม้แต่พายุก็ไม่อาจเล็ดลอดผ่านไปได้ เงาค้อนกลางอากาศจำนวนมากก่อตัวเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่ง

 ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หน้าผากของชายชุดขาวก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว

 ขณะนั้นเอง มีเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!”

 แสงสีเงินแฉลบผ่านตรงหน้าชายหนุ่มราวกับสายฟ้าแลบ ภายใต้การเปล่งประกายของเงากรงเล็บสีเงิน เงาค้อนแน่นขนัดที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกตะกุยจนแตกกระจาย

 ภายใต้เสียงร้องอย่างเวทนา ชายชุดขาวทนไม่ไหวจนต้องถอยออกไปหลายก้าว บริเวณหน้าอกทางด้านซ้ายมีรอยกรงเล็บอยู่สามรอย และมีโลหิตสดๆ ไหลออกมา ดูเหมือนมันจะลึกจนมองเห็นกระดูก

 ชายหนุ่มชุดขาวเห็นเช่นนี้ก็ตะโกนออกมา สายฟ้าสีแดงเข้มส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ และพุ่งออกจากค้อนทั้งคู่ ขณะเดียวกัน แสงสีแดงก็พุ่งออกจากร่างของเขา และรวมตัวเป็นเกราะอัสนีกลมๆ ปกคลุมร่างของเขาไว้

 หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าหัวเราะอย่างเยือกเย็น นางยื่นนิ้วออกไปพร้อมกับร่ายคาถา ทันใดนั้นแสงสีเงินจางๆ ก็ปกคลุมนิ้วมือทั้งสิบไว้

 ครู่ต่อมา พอหญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าชี้นิ้วออกไป กรงเล็บบินสีเงินทั้งสองก็เปล่งแสงสีเงินออกมา และรวมตัวเข้าด้วยกันทันที

 เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายดังออกมา กรงเล็บบินทั้งสองรวมตัวกันเป็นเสือดาวที่มีแสงสีเงินแวววาว และกระพริบหายไปจากแท่นประลอง

 ชายชุดขาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น เขาก็ปล่อยพลังเวทใส่เกราะอัสนีอย่างบ้าคลั่ง

 ขณะที่ชายชุดขาวเพิ่งจะยกค้อนทั้งสองขึ้นมาบริเวณหน้าอกนั้น เงามายาสีเงินก็กระพริบมาถึงตรงหน้า

 “ตูม!”

 เกราะอัสนีถูกกรงเล็บของเสือดาวสีเงินแหวกจนเป็นรูขนาดใหญ่

 แสงสีเงินกระพริบแค่ทีเดียวก็มาถึงตรงหน้าชายชุดขาว กรงเล็บแหลมคมจำนวนมากเปล่งประกาย จากนั้นร่างของเขาก็กระเด็นออกนอกแท่นประลอง

 ขณะนี้ ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่เพิ่งจะมองเห็นรอยเลือดพร่ามัวบริเวณหน้าอกของชายชุดขาว และมองเห็นรอยตะกุยลึกๆ สองรอยได้อย่างลางๆ

 บนแท่นประลอง หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าดวงตาเป็นประกาย เสือดาวสีเงินกลายเป็นกรงเล็บบินสองข้างพุ่งกลับมาในมือนางอีกครั้ง

 “ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าที่ยั้งมือให้” ด้านล่างแท่นประลอง ชายชุดขาวพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาหยิบยันต์ห้ามโลหิตมาแปะไว้บริเวณหน้าอก และกุมมือกล่าวขอบคุณหญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้า

 ประจักษ์ชัดว่า หากเมื่อครู่หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าโจมตีหนักอีกหน่อย หัวใจของเขาคงถูกควักไปแล้ว

 “หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าผู้นี้ เป็นศิษย์เก่าของสาขาเสวียนจี มีนามว่าเจ้าอั้นอิน งานประลองใหญ่ในครั้งก่อนได้แสดงพลังแข็งแกร่งออกมา กรงเล็บบินคู่นั้นก็เป็นชุดอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่พบเจอได้น้อยมาก” เยี่ยนหมิงกล่าวกับหลิ่วหมิงเบาๆ

 สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที หลังจากพยักหน้าเล็กน้อยแล้ว ก็แอบจดจำเหตุการณ์ของหญิงนางนี้อย่างเงียบๆ

 เพราะยอดฝีมือระดับนี้ ในการต่อสู้รอบก่อนชิงชนะ จนกระทั่งการช่วงชิงสิบอันดับแรก ก็มีโอกาสที่จะเจอกันค่อนข้างมาก

 ……

 ครึ่งชั่วยามผ่านไป ณ เขตประลองที่สี่

 ชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์ เส้นผมเป็นสีขาวหิมะ กำลังยืนอยู่บนแท่นประลองด้วยมือเปล่า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้นำอาวุธจิตวิญญาณใดๆ ออกมา

 และคู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงผู้หนึ่ง

 อากาศตรงหน้าชายหนุ่มผมขาวมีคมวายุ ลูกเปลวไฟ ศรวารี หินยักษ์ ลอยอยู่เป็นจำนวนมาก พอเขายกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น สิ่งของเหล่านี้ก็พุ่งยิงออกไปอย่างแน่นขนัด พอโบกมืออีกข้าง ก็มีคมวายุ ลูกเปลวไฟ และอื่นๆ ก่อตัวขึ้นมาแทน

 หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้ ชายหนุ่มผมขาวผู้นี้ได้ฝึกฝนวิชาพื้นฐานเหล่านี้ไปจนถึงระดับที่สมบูรณ์แบบทั้งหมดแล้ว!

 อีกด้านหนึ่ง ตรงหน้าชายหนุ่มผอมสูงมีโล่ป้องกันรูปสามเหลี่ยมต้านทานอยู่ ภายใต้การโจมตีของคมวายุ ลูกเปลวไฟ ทำให้มีแสงทรงกลดแผ่ออกมาตลอดเวลา ขณะเดียวกัน กระบี่ยาวที่เปล่งประกายสีฟ้าแวววาวบนมือเขา ก็ถูกโบกสะบัดอยู่ไม่หยุด แสงกระบี่สีฟ้าจำนวนมากตัดสลับกันไปมา และฟันใส่ศรวารี ก้อนหินยักษ์ที่พุ่งเข้ามาจนแตกกระจาย

 ชายร่างผอมสูงสามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้ ย่อมมีพลังไม่อ่อนแอ โล่สามเหลี่ยมและกระบี่ยาวสีฟ้าในมือล้วนเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงที่มีคุณภาพไม่เลว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขากลับมีพลังต้านทานเท่านั้น ดูเหมือนไม่คิดจะโจมตีกลับด้วย

ชายหนุ่มผมขาวปล่อยศรวารี คมวายุออกไปอย่างหนาแน่นอีกครั้ง หลังจากถูกฝ่ายตรงข้ามค่อยๆ จำกัดไปแล้ว มือทั้งสองก็ดึงจากบนลงล่าง และคมวายุสีเขียวขนาดเท่าประตูบานหนึ่งก็พุ่งยิงออกไปอย่างรวดเร็ว

ครู่ต่อมา มีเสียงดังขึ้น คมวายุยักษ์โจมตีลงบนโล่สามเหลี่ยม

ภายใต้สถานการณ์ที่ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงไม่ทันได้ระวัง ร่างของเขาจึงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง โลหิตสูบฉีดไปทั่วร่าง

ขณะที่เขาเพิ่งจะตั้งหลักได้นั้น คมวายุยักษ์อีกสายก็ก่อตัวบนมือของชายหนุ่มติดต่อกัน ราวกับว่ามันไม่ได้ทิ้งระยะห่างเลยแม้แต่น้อย

 พอเห็นฉากเช่นนี้ แม้แต่หลิ่วหมิงก็รู้สึกตื่นตระหนกตกใจขึ้นมา แม้เขาจะสามารถปล่อยคมวายุยักษ์แบบนี้ได้ แต่ไม่อาจก่อตัวได้รวดเร็วเช่นนี้

 ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ประจักษ์ชัดว่าเขารู้ดีว่าตนเองไม่มีความเชื่อมั่นที่จะรับมือกับคมวายุยักษ์ที่โจมตีถี่ๆ เช่นนี้ได้

 แต่ทว่าครู่ต่อมา เขารู้สึกแน่นที่เท้าทั้งสอง และร่างของเขาก็หยุดชะงักลง

 บนเท้าทั้งสอง มีเถาวัลย์ขนาดเท่าข้อมือรัดพันอย่างแน่นหนา!

 ขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากนั้น ลูกเปลวไฟขนาดเท่าศีรษะเจ็ดแปดลูกก็พุ่งตามติดคมวายุยักษ์มา

 “ข้า…… ข้ายอมแพ้!” ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาทั้งคู่หลับสนิทอย่างช่วยไม่ได้

 ขณะที่ผู้ชมด้านล่างส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ และคิดว่าชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นมา

 ชายหนุ่มผมขาวเพียงกวักมือข้างหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ คมวายุยักษ์กับลูกเปลวไฟที่พุ่งเข้าหาชายรูปร่างผอมสูงก็สลายไปในพริบตา!

 ผู้ชมด้านล่างแท่นประลองเห็นเช่นนี้ ต่างก็สูดหายใจด้วยความตะลึงจนปากอ้าตาค้าง!

 “การต่อสู้รอบนี้ โหวคุนชนะ!” ผู้ดำเนินการกลางอากาศก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา หลังจากได้สติกลับมาแล้ว ก็รีบประกาศผลทันที

 ด้านล่างแท่นประลอง หลิ่วหมิงกลับครุ่นคิดถึงฉากการที่เพิ่งสิ้นสุดลงต่อสู้

 อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นโจวเทียนรุ่ย เจ้าอั้นอินหญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ต่างก็เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งมาก ทั้งยังมีอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดอยู่ในมือ ซึ่งมีพลังพอที่จะเทียบเคียงกับผู้ฝึกฝนระดับผลึกแล้ว แต่ทว่าเมื่อเทียบกับสองคนนี้แล้ว ชายผมขาวผู้นี้ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกตกใจมากกว่าอีก

 ดูจากวิชาห้าธาตุในเมื่อครู่ที่สามารถเก็บและปล่อยได้ดั่งใจแล้ว การควบคุมพลังห้าธาตุของคนผู้นี้ คงเข้าถึงระดับที่ยากจะคาดคิดแล้ว!

 …….

 บนแท่นสูงสีขาวหยก บรรดาหัวหน้าสาขาทั้งแปดต่างก็วิพากษ์วิจารณ์การต่อสู้ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปในเมื่อครู่

 “งานประลองใหญ่ในครั้งก่อน โจวเทียนรุ่ยกับเจ้าอั้นอินต่างก็มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปสิบปีแล้ว พลังของทั้งสองจะต้องก้าวหน้าเป็นอย่างมาก”

 “ย่อมเป็นเช่นนั้น แต่ว่าศิษย์ผมขาวผู้นั้นกลับดูแปลกประหลาดเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะฝึกฝนวิชาห้าธาตุถึงระดับนี้ได้”

 “พี่เจิน ชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นเป็นศิษย์ของสาขาเสวียนเหมี่ยวสินะ ช่างซ่อนไว้มิดชิดจริงๆ”

 พอได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นๆ ก็มองมาทางชายอ้วนเตี้ยที่ยืนอยู่ตรงกลาง

 สีหน้าของชายอ้วนเตี้ยไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย คำพูดของเขาดูสุภาพ แต่ในใจกลับรู้สึกกลัดกลุ้มยิ่งนัก

 ชายหนุ่มผมขาวผู้นี้เป็นศิษย์สาขาเสวียนเหมี่ยวจริงๆ เพิ่งเข้านิกายมาไม่กี่ปีก่อน แต่กลับเก็บตัวฝึกฝนอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด

 หลายปีมานี้ เขาเคยเจอศิษย์ผู้นี้แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น และไม่เคยสนใจเลย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะแสดงออกมาได้โดดเด่นเช่นนี้

 ทางด้านแท่นหยก ผู้ควบคุมยอดเขากับผู้อาวุโสของยอดเขาต่างๆ ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง

 ศิษย์เก่าอย่างโจวเทียนรุ่ย พวกเขาย่อมเคยเห็นมาแล้ว และวันนี้สายตาส่วนมากต่างก็ตกอยู่บนตัวของชายหนุ่มผมขาว

 “ศิษย์พี่หลู สำหรับคนผู้นี้ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร?” ทารกเฮ่าเยวี่ยถามชายแซ่หลูที่อยู่ด้านข้าง

 “ดูเหมือนว่าเขาจะมีวิชาห้าธาตุที่ไม่ธรรมดา ข้าคิดว่า…… คงเป็นร่างจิตวิญญาณบางอย่างที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ” ชายแซ่หลูเงียบไปเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา

 “พี่หลูกล่าวไม่ผิด ตามที่ข้าทราบมา มีโอกาสเป็นไปได้มากว่า ศิษย์ผู้นี้จะมีร่างห้าธาตุในตำนาน” นักพรตชุดแดงที่อยู่อีกด้านเอ่ยปากแทรกออกมา

 “ร่างห้าธาตุ?” พอคนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินเช่นนี้ ต่างก็มองมาที่นักพรตชุดแดงด้วยความตกใจ

 “ข้าเองก็พอจะรู้มาจากการอ่านตำราในนิกายโดยไม่ตั้งใจ ร่างห้าธาตุนี้มีพลังในการทำความเข้าใจวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวกับธาตุทั้งห้าค่อนข้างสูง นับว่าเป็นร่างฝึกฝนวิชาห้าธาตุที่พบเจอได้น้อยมากในรอบพันปี แต่เนื่องจากธาตุทั้งห้าต่างก็ควบคุมกัน และยากที่อยู่ภายในร่างเดียวกันได้ ด้วยเหตุนี้ร่างจิตวิญญาณระดับนี้จึงเป็นสิ่งที่พบเจอได้น้อยมาก” นักพรตชุดแดงยิ้มบางๆ จากนั้นก็อธิบายให้กับทุกคนฟัง

 และพอคำพูดนี้ออกจากปาก กลับทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความคิดขึ้นมา

 ขณะที่ท้องฟ้าใกล้จะมืดนั้น การต่อสู้รอบแรกในเขตประลองทั้งหมดก็สิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ และศิษย์ร้อยอันดับแรกก็ถูกคัดเลือกออกมาแล้ว

 หลิ่วหมิง โจวเทียนรุ่ย เจ้าอั้นอิน และศิษย์คนอื่นๆ รวมร้อยกว่าคน กำลังยืนอยู่หน้าแท่นหยกสูง และรอบด้านก็มีศิษย์หลายพันคนรายล้อมอย่างหนาแน่น พวกเขาต่างก็มองศิษย์ร้อยคนนี้ด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป มีทั้งอิจฉา ริษยา ใฝ่ฝัน เคารพเลื่อมใส เป็นต้น

 บนแท่นสูง ชายอ้วยเตี้ยแซ่เจินที่เป็นผู้ดำเนินการประลองพลันก้าวออกมาสองสามก้าว และกวาดสายตามองดูรอบด้าน

 การแสดงออกเหนือความคาดหมายของชายหนุ่มผมขาวในก่อนหน้านั้น ทำให้สีหน้าเขาดูไม่ได้เป็นอย่างมาก หลังจากมองผ่านไปเล็กน้อยแล้ว ก็ประกาศสิ้นสุดการประลองรอบแรกด้วยเสียงอันดัง ขณะเดียวกันก็แจ้งเกี่ยวกับการประลองรอบก่อนชิงชนะในวันพรุ่งนี้

 สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการประลองรอบก่อนชิงชนะ ก็จะคัดเลือกศิษย์สิบคนจากร้อยคนที่อยู่ตรงหน้านี้

 นอกจากนี้แล้วยังใช้วิธีการเสี่ยงทายแยกทั้งหมดออกเป็นสิบกลุ่ม กลุ่มละสิบคน และใช้ระบบคัดออกเพื่อเลือกหนึ่งคนเข้ารอบสิบอันดับแรก

 และการประลองใหญ่ในวันนี้ย่อมสิ้นสุดเพียงเท่านี้ บรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างก็พากันไปจากยอดเขา

 ศิษย์สายนอกหนึ่งร้อยคนที่ผ่านการคัดเลือก ย่อมไม่มีผู้ใดเป็นผู้อ่อนแอ หลิ่วหมิงไม่อาจประมาทการประลองในวันพรุ่งนี้ได้ พอกลับถึงถ้ำที่พักก็รีบไปนั่งพักผ่อนในห้องลับอย่างเงียบๆ เพื่อปรับร่างกายให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

 เช้าวันที่สาม ศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์หลายพันคนก็มารวมตัวกันบนยอดเขาเมฆาเลิศล้ำอีกครั้ง และหลิ่วหมิงกับศิษย์ร้อยอันดับแรกคนอื่นๆ ก็มาถึงตรงหน้าแผ่นศิลาเสี่ยงทายอีกครั้ง

 ………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด