ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 591 อันดับหนึ่งของศิษย์สายนอก

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 591 อันดับหนึ่งของศิษย์สายนอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คิดไม่ถึงว่าพลังจิตของจินเทียนชื่อจะแข็งแกร่งเช่นนี้……” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วทั้งสองและครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้พลังจิตของเขาสูญเสียไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ว่าหมียักษ์ที่ฝ่ายตรงข้ามสร้างขึ้นมายังคงดุร้ายเช่นเดิม และยังโจมตีอสูรจิตวิญญาณสิบกว่าชนิดที่เขาสร้างขึ้นมา จนพ่ายแพ้ไปหมดสิ้น

พลังจิตที่แข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ มิน่าล่ะถึงได้เสนอให้มีการประลองจิตวิญญาณด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้

ดูท่าหากเขาไม่กระตุ้นหนอนพลังจิตล่ะก็ คงจะไม่ได้การแล้ว

หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ ทันใดนั้นก็แบ่งพลังจิตไปสัมผัสหนอนพลังจิตตรงหน้าอก

หนอนพลังจิตค่อยๆ แทรกเข้าไป ทันใดนั้นพลังจิตสายหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา และจมหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าไปในทะเลจิตรับรู้ของเขา

หลิ่วหมิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง แสงสีแดงบนตัวหมาป่ายักษ์ก็สว่างขึ้นมา ขณะเดียวกันร่างก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที

“เอ๊!” จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้ ก็ส่งเสียงอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้

มีเสียงคำรามเบาๆ พอหมาป่ายักษ์สีแดงพุ่งออกไป ก็กระโจนใส่หมียักษ์สีทองจนล้มลงพื้น และส่ายหัวของมันฉีกทึ้งคอหอยของหมียักษ์สีทองอย่างรวดเร็ว

จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็ตบมือข้างหนึ่งไปยังแผ่นทรงกลมตรงหน้า

“ฟู่!” ร่างของหมียักษ์สีทองกลายเป็นเปลวไฟคุโชนสีทอง หลังจากแยกออกไปซ้ายขวาแล้ว ก็มีนักรบสวรรค์เกราะทองคำเดินออกมาจากตรงกลาง

นักรบสวรรค์เกราะทองคำเหล่านี้มีรูปร่างสูงใหญ่ บนตัวสวมเกราะสีทอง ในมือถือกระบี่ยักษ์สีทองเล่มหนึ่ง แลดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง เหมือนว่าจะองอาจห้าวหาญกว่าอสูรแปลกประหลาดในก่อนหน้านั้นไม่น้อย แต่แสงบนตัวมืดลงกว่าการต่อสู้ในก่อนหน้านั้น

พอเห็นฉากเช่นนี้ หมาป่ายักษ์สีแดงก็ขยายยาวภายในพริบตา และกลายเป็นมังกรสีแดงตัวหนึ่ง

ครู่ต่อมา อสูรขนาดมหึมาทั้งสองก็ปะทะเข้าด้วยกัน มังกรสีแดงม้วนร่างของนักรบสวรรค์เกราะทองคำไว้ แต่บนตัวของมันก็ถูกกระบี่ยักษ์สีทองแทงจนกลายเป็นบาดแผลลึกๆ

“ฟู่!” มังกรสีแดงอ้าปากพ่นเสาเพลิงสีแดงโจมตีหน้าอกของนักรบสวรรค์เกราะทองคำ

นักรบสวรรค์เกราะทองคำเพียงแค่ใช้มือข้างหนึ่งจับร่างของมังกรไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โบกสะบัดกระบี่ยักษ์ฟาดฟันเสาเพลิง

หลังจากแสงสีทองกระพริบผ่านไป เสาเพลิงอันน่าตกใจก็ถูกฟันจนกระเด็น และกระบี่สีทองยังคงฟันไปยังบริเวณหัวมังกร

“เต๊ง!” มังกรสีแดงคว้าคมดาบสีทองเอาไว้ และแสงกระบี่สีทองก็เผาไหม้กรงเล็บมังกรจนเกิดเสียงดังขึ้นมา

นิ้วมือที่แตะระหว่างคิ้วของหลิ่วหมิงสั่นสะท้าน พลังจิตมหาศาลทะลักออกมาทันที ลำคอของมังกรพร่ามัว จากนั้นก็กลายเป็นมังกรเก้าหัวที่มีลักษณะเหมือนกันไม่มีผิด

มังกรเก้าหัวส่งเสียงคำรามติดต่อกัน พออ้าปากขนาดใหญ่ เสาเพลิงเก้าลำก็โจมตีลงบนร่างส่วนต่างๆ ของนักรบสวรรค์เกราะทองคำ

“เพล้ง!” “เพล้ง!” เกิดเสียงดังติดต่อกัน

เกราะบนตัวนักรบสวรรค์เกราะทองคำถูกระเบิดจนแตกกระจาย จากนั้นหัวมังกรทั้งเก้าก็กัดลงบนส่วนต่างๆ ของนักรบสวรรค์เกราะทองคำ

“แคว๊ก!”

ร่างสูงใหญ่ของนักรบสวรรค์เกราะทองคำถูกมังกรเก้าหัวฉีกทึ้งจนขาดเป็นหลายส่วน ลำตัวของมันร่วงลงพื้นทะเลทรายโบราณอย่างรุนแรง ทำให้เกิดฝุ่นคละคลุ้ง แสงสีทองบนตัวก็มืดลงไปเล็กน้อย

ประจักษ์ชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่ ทำให้จินเทียนชื่อสูญเสียพลังจิตไปมาก

ร่างของมังกรเก้าหัวก็มืดลงไปเล็กน้อย มันหมุนวนขึ้นบนอากาศ ดวงตาทั้งสิบแปดข้างเป็นประกาย และจ้องมองร่างของนักรบสวรรค์เกราะทองคำบนพื้น

ประจักษ์ชัดว่าเพียงแค่เขามีการเคลื่อนไหวใดๆ มังกรก็จะกระโจนเข้าไปฉีกทึ้งทันที

“พลังจิตของพี่หลิ่วไม่ธรรมดาจริงๆ ข้ายอมแพ้แล้ว!”

ในขณะที่หลิ่วหมิงเตรียมพร้อมรับมือนั้น จินเทียนชื่อที่อยู่อีกด้านของแท่นประลองก็ลืมตาในฉับพลัน และหัวเราะก่อนกล่าวออกมา

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมา พอแสงบนแผ่นทรงกลมดับลง ก็ตัดขาดการเชื่อมต่อกับลำแสงสีทอง และศพนักรบสวรรค์เกราะทองคำ ก็กลายเป็นจุดแสงสีทองก่อนสลายไปในพริบตา

แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกแปลกใจมาก แต่ก็เก็บพลังจิตกลับไปเช่นกัน และขมวดคิ้วลุกขึ้นมา

แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะเหนือกว่าหนึ่งขั้น แต่กลับเป็นเพราะว่าอาศัยพลังจิตของหนอนพลังจิตช่วยเสริม และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังของจินเทียนชื่อยังคงเหลืออยู่ แต่กลับไม่ยอมสู้ต่อ

แม้หลิ่วหมิงจะมีสีหน้าสงบ แต่ในใจก็ทำการคาดเดาอยู่ไม่หยุด

“ผู้ชนะคือ หลิ่วหมิงจากสาขาห่านฟ้า” ผู้อาวุโสชุดเหลืองจ้องมองทั้งสองด้วยสายที่ลึกซึ้งทีหนึ่ง จากนั้นก็ประกาศผลการประลองออกมา

พอคำพูดนี้ดังขึ้น แสดงว่าลำดับการประลองใหญ่ในครั้งนี้ได้ถูกตัดสินออกมาแล้ว ทำให้บรรดาศิษย์บริเวณรอบๆ พากันฮือฮาขึ้นมาทันที

”เจ้าทำได้ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าจะสามารถโจมตีพลังจิตของข้าได้ หวังว่าเจอกันครั้งหน้าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่านี้” พลันมีน้ำเสียงราบเรียบของจินเทียนชื่อดังขึ้นข้างหู หลิ่วหมิงรีบมองออกไปด้วยความตกใจ

ชายหนุ่มชุดคลุมสีทองกลับกระพริบตาให้เขา และเหาะออกจากแท่นประลองด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีทองพุ่งจากไป

ทันใดนั้น บนยอดเขาก็เกิดความโกลาหลอยู่ครู่หนึ่ง

หลิ่วหมิงจ้องมองเงาร่างของจินเทียนชื่อที่จากไปไกลๆ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปมา

ไม่รู้ว่าจินเทียนชื่อผู้นี้เป็นศิษย์ลึกลับมาจากไหน การจากไปอย่างฉับพลันของเขา ย่อมทำให้บรรดาศิษย์ที่อยู่ด้านล่างแท่นประลองเกิดความฮือฮาขึ้นมา ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้บนแท่นหยกกลับมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้

“เจ้าไปสืบหน่อยว่า จินเทียนชื่อผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ ดูว่าใช่ศิษย์ที่ผู้อาวุโสท่านใดกำหนดไว้ว่าจะรับเป็นศิษย์สายในหรือไม่? สืบได้แล้วให้รีบมารายงานข้า” บนมุมหนึ่งของแท่นหยก ชายวัยกลางคนที่สะพายกระบี่ยาวสีเทาส่งเสียงไปสั่งศิษย์ของตนเอง

ศิษย์สายในผู้นั้นได้ยินเช่นนี้ ก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีฟ้าพุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง

และฉากเช่นเดียวกันนี้ ก็เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสควบคุมยอดเขาแต่ละแห่ง

หลังจากเสียงอึกทึกครึกโครมผ่านไป การประลองของแท่นประลองอีกสี่แห่งก็ทยอยกันสิ้นสุดลง

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ มาเรียงแถวหน้ากระดานตรงหน้าแท่นหยกสูงอีกครั้ง และบรรดาศิษย์ทั้งหลายก็พากันมารายล้อมอยู่รอบด้าน สายตาของทุกคนต่างก็มองไปยังแท่นสูง

แม้ว่าในใจทุกคนจะรู้ผลการประลองแล้ว แต่ยังคงต้องรอการประกาศครั้งสุดท้าย

ชายอ้วนเตี้ยกระแอมไอเบาๆ จากนั้นก็ออกมายืนอยู่ตรงหน้าสุดของแท่นหยก หลังจากโบกแขนทั้งสองไปมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบด้านก็หยุดลงทันที จากนั้นก็ประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงแจ่มชัด

“การประลองใหญ่ของศิษย์สายนอกทั้งแปดสาขาที่จัดขึ้นทุกๆ สิบปี บัดนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว สามอันดับแรกได้แก่หลิ่วหมิงจากสาขาห่านฟ้า จินเทียนชื่อ และเจ้าอั้นอินจากสาขาเสวียนจี หลิ่วหมิงได้อันดับหนึ่งในงานประลองใหญ่ นอกจากจะได้รับรางวัลใหญ่ที่ทางนิกายเตรียมไว้ให้แล้ว ก็มีสิทธิ์เลือกฝึกเคล็ดวิชาของศิษย์สายในได้หนึ่งวิชา”

ขณะที่ชายอ้วนเตี้ยกล่าวจบนั้น ศิษย์ที่อยู่รอบด้านก็กู่ร้องด้วยความยินดี ซึ่งเสียงของศิษย์สาขาห่านฟ้าย่อมดังที่สุด

เพราะหลิ่วหมิงเป็นศิษย์ของสาขาห่านฟ้าเพียงหนึ่งเดียวที่เข้าสู่รอบสิบอันดับแรกได้ ตอนนี้ยังชิงอันดับหนึ่งมาได้ด้วย ผู้คนในสาขาทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักเขา ย่อมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

หลิ่วหมิงในขณะนี้ก็เผยสีหน้าปลื้มปีติออกมา สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาของศิษย์สายในได้โดยไม่ต้องมีค่าตอบแทนเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่เขาต้องการเป็นอย่างยิ่ง

เพราะว่าต่อให้เป็นศิษย์สายในที่อยากจะศึกษาวิชาในนิกาย อย่างน้อยก็ต้องใช้แต้มคุณูปการหนึ่งแสนแต้มขึ้นไป แม้กระทั่งเคล็ดวิชาที่ไม่ค่อยมีคนสนใจบางวิชา ยังต้องใช้แต้มคุณูปการสองสามล้านแต้ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

มิเช่นนั้นคนในหอคุมกฎคงไม่ให้เขาจ่ายหนึ่งล้านแต้มคุณูปการสำหรับเคล็ดวิชาที่มีคนฝึกฝนน้อยอย่างเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ

นอกจากหลิ่วหมิงที่ได้อันดับหนึ่งจะมีสิทธิ์เลือกฝึกฝนเคล็ดวิชาของศิษย์สายในแล้ว ศิษย์สิบอันดับแรกในงานประลองใหญ่ ย่อมได้รับรางวัลใหญ่อื่นๆ ด้วย

ยกตัวอย่างเช่นหลิ่วหมิง จะได้รับหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ แต้มคุณูปการสามหมื่นแต้ม “โอสถอูหมาง” ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทะลวงคอขวดระดับผลึก

จินเทียนชื่อที่ได้ที่สองซึ่งจากไปแล้วจึงไม่ได้พูดถึงชั่วคราว รางวัลที่อันดับสามอย่างเจ้าอั้นอินได้รับ ก็เป็นหินจิตวิญญาณจำนวนแปดแสน แต้มคุณูปการสองหมื่นห้าพันแต้มกับ “โอสถอูหมาง” หนึ่งเม็ด

ศิษย์สิบอันดับแรกคนอื่นๆ ก็ได้รับรางวัลที่ลดหลั่นกันไป แต่ที่มีมูลค่ามากที่สุดก็เป็น “โอสถอูหมาง” นั่นเอง และสิ่งนี้ก็เป็นเป้าหมายสำคัญของศิษย์สายนอกที่เข้าร่วมประลองใหญ่ในครั้งนี้ เพราะพอเข้าสู่ระดับผลึกสำเร็จ ก็จะได้เป็นศิษย์สายในทันที

สำหรับศิษย์ที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรก แต่กลับไม่ได้เข้าสู่สิบอันดับแรก ก็จะได้รับคนละหนึ่งแสนหินจิตวิญญาณ แต้มคุณูปการสามพันแต้ม และโอสถเพิ่มพูนพลังเวทหนึ่งขวด

ในระหว่างที่ชายอ้วนเตี้ยประกาศนั้น ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ที่มาชมการประลองต่างก็แยกย้ายกันพุ่งขึ้นฟ้า และกลายเป็นแสงสีต่างๆ พุ่งออกไปไกลๆ

ไม่นานผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้หลายสิบคนก็จากไปกว่าครึ่งหนึ่ง

และหัวหน้าสาขาทั้งแปดกับคนอื่นๆ ต่างก็ยังอยู่ที่เดิมทั้งหมด

หลังจากเจียงจ้งกับเหลียงจ้านเกอสบตากันทีหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย

ศิษย์อันดับแรกในงานประลองใหญ่ที่ผ่านมา แม้อาจจะเนื่องด้วยเหตุผลต่างๆ จึงไม่เป็นที่ถูกใจของบรรดาผู้ควบคุมยอดเขากับผู้อาวุโสจนถึงขนาดรับเป็นศิษย์ ถึงแม้ว่าจะถูกใจ แต่ก็จะรอจนงานประลองสิ้นสุดไปหลายวัน จึงจะเรียกเข้าไปพบเป็นการส่วนตัว

แต่ศิษย์ที่ได้อันดับหนึ่ง กลับดูเหมือนว่าจะถูกรับเข้านิกายไปเลย แม้กระทั่งยังเคยเกิดเหตุการณ์ที่ผู้อาวุโสยอดเขาแย่งศิษย์ที่ได้อันดับหนึ่งต่อหน้าผู้ดำเนินการจนหน้าดำหน้าแดง

และวันนี้ ผู้อาวุโสเหล่านี้กลับแยกย้ายกันไปโดยไม่มองศิษย์ที่ได้อันดับหนึ่งเลย ย่อมแสดงถึงการตัดสินใจของพวกเขาแล้ว

สำหรับศิษย์สาขาห่านฟ้าที่คิดจะเข้าไปแสดงความยินดีกับหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ต่างก็เผยสีหน้าฉงนสนเท่ห์เป็นอย่างมาก

ขณะที่ศิษย์ที่ได้สิบอันดับแรกของสาขาอื่นๆ ต่างก็พากันจากไปท่ามกลางการห้อมล้อมของศิษย์ในสาขานั้น หลิ่วหมิงกลับยิ้มอย่างขมขื่น หลังจากโค้งคารวะให้กับเจียงจ้งแล้วก็เหาะขึ้นฟ้าไป

เดิมทีเจียงจ้งก็อยากจะให้กำลังใจเขาเล็กน้อย แต่พอเห็นฉากเช่นนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้า

เหลียงจ้านเกอก็ถอนหายใจออกมา และจากไปโดยที่ไม่ได้ทักทายศิษย์สาขาห่านฟ้าเลยแม้แต่น้อย

ไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับสามชีพจรจิตวิญญาณของหลิ่วหมิง ก็แพร่กระจายไปทั่วศิษย์สายนอก ไม่รู้ว่ามีศิษย์สายนอกจำนวนเท่าใด ที่รู้สึกตกตะลึงปากอ้าตาค้างจนกรามเกือบหลุดจากปาก

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด