ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 636 กระจกหยินหยางแยกผสาน

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 636 กระจกหยินหยางแยกผสาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘วังหลีเหอ’ ตรงหน้านี้ เป็นที่เก็บกระจกหยินหยางแยกผสานที่เป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายยอดบริสุทธิ์ นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามสำคัญของนิกาย

ที่นี่ไม่เพียงแต่มีชั้นจำกัดมากมาย ด้านนอกด้านในล้วนเต็มไปด้วยชั้นจำกัด ขณะเดียวกัน ในวังหลีเหอยังมีผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ประจำการอยู่ที่นี่ตลอดปี เพื่อป้องกันศัตรูบุกรุกจากภายนอก

ข้อมูลเหล่านี้หลิ่วหมิงรู้ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากยืนนิ่งอยู่หน้าวังครู่หนึ่ง เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเหาะไปหน้าประตูวัง

นอกวังหลีเหอไม่มีศิษย์คอยเฝ้าอยู่ ประตูใหญ่ปิดสนิทตลอดปี ทำให้รู้สึกถึงความเงียบเหงาและห่างไกล

หลิ่วหมิงนำป้ายศิษย์สายในออกจากเอว และโบกไปหน้าประตูใหญ่เบาๆ

มีแสงสีเงินเปล่งประกายบนประตูใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่พักหนึ่ง แต่ก็มืดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากมีเสียงดังแกร๊กๆ! ประตูก็ค่อยๆ เปิดออกมาจากด้านใน

หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้านเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเข้าไปด้านใน

ภายในห้องโถงใหญ่ยังคงว่างเปล่าและเงียบสงัด ใจกลางห้องโถงมีค่ายกลส่งตัวสีขาวอยู่หนึ่งหลัง นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีเงาร่างของคนแม้แต่คนเดียว

หลิ่วหมิงยืนตรงหน้าประตูใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าไม่มีคนออกมา ก็คิดจะตะโกนเรียก แต่ขณะนั้นเอง พลันมีน้ำเสียงอบอุ่นดังขึ้นข้างหู

“ไม่ต้องมองซ้ายมองขวา เข้ามาเถอะ!”

หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน พอมองดูรอบด้านก็ยังไม่เห็นเงาของใครเลย จากนั้นจึงก้าวเข้าไปทันที

“เจ้าเป็นศิษย์ยอดเขาลั่วโยวหรือ? วิชาที่ฝึกฝนก็เป็นมังกรพยัคฆ์ทมิฬด้วย” ภาพตรงหน้าหลิ่วหมิงพร่ามัว จากนั้นผู้อาวุโสตัวเล็กๆ ก็มองเขาด้วยรอยยิ้ม

ผู้อาวุโสมีผมสีขาว ใบหน้าค่อนข้างยาว มีรอยเหี่ยวย่นเต็มตัว แต่ดวงตาทั้งคู่กลับดูสว่างไสวราวกับมองทะลุใจคนได้

“เรียนผู้อาวุโส ศิษย์หลิ่วหมิง เป็นศิษย์ยอดเขาลั่วโยวจริงๆ” หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้อาวุโสตรงหน้าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์อย่างแน่นอน ทันใดนั้น เขาก็โค้งตัวคารวะอย่างนอบน้อม

“ข้าฝูจื่อ รับผิดชอบดูแลวังหลีเหอ เจ้าเรียกข้าว่าผู้เฒ่าฝูก็ได้ การฝึกฝนของเจ้าเข้าถึงระดับของเหลวขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว คงมาที่นี่เพื่อกระจกหยินหยางแยกผสาน”

“คารวะผู้เฒ่าฝู ศิษย์อยากจะยืมใช้พลังของกระจกหยินหยางแยกผสาน เพื่อเข้าสู่ระดับผลึก” หลิ่วหมิงถอนหายใจแล้วแสดงความต้องการของตัวเองออกมา

“กฎของนิกายเรา เมื่อศิษย์สายในทั้งหมดเข้าสู่ระดับผลึก ก็สามารถยืมใช้กระจกหยินหยางแยกผสานได้ แต่ว่าแต้มคุณูปการทั้งหมดเจ้าคงเตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่” ผู้อาวุโสผมขาวพยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา

“ศิษย์เตรียมพร้อมไว้แล้ว”

หลิ่วหมิงได้ยินก็รีบหยิบป้ายศิษย์สายในออกมา และประคองสองมือยื่นออกไป

“เจ้าหนุ่มน้อย ไม่ต้องนอบน้อมขนาดนี้ก็ได้ ข้าเป็นแค่คนที่ดูแลสมบัตินี้เท่านั้น” ผู้อาวุโสผมขาวเห็นหลิ่วหมิงมีท่าทีนอบน้อมเช่นนี้ ก็โบกมือกล่าวออกมา เขาค่อยๆ งอนิ้ว จากนั้นป้ายก็หลุดออกจากมือหลิ่วหมิง และร่วงลงบนมือของเขา

ผู้อาวุโสโบกนิ้วบนแผ่นป้าย และเก็บแต้มคุณูปการมาสองแสนห้าหมื่นแต้ม

“เอาล่ะ! สิ่งนี้คือแผ่นค่ายกลน้าวนำกระจกหยินหยางแยกผสาน เจ้าเก็บไว้ชั่วคราวก่อน” ผู้อาวุโสผมขาวคืนป้ายให้หลิ่วหมิง จากนั้นก็มอบแผ่นค่ายกลสีดำขาวให้กับเขา

หลิ่วหมิงรีบยื่นมือออกมารับ และไปยืนอยู่บนค่ายกลส่งตัวตามที่ผู้อาวุโสบอก

“เจ้าฝึกฝนพลังสายปีศาจ ถ้าอย่างนั้นก็ส่งเจ้าไปที่ถ้ำตำแหน่งที่สิบสองในแผนภูมิปฐพีก็แล้วกัน หลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืน กระจกหยินหยางแยกผสานก็จะเปิดออกมา ส่วนจะเข้าสู่ระดับผลึกได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าแล้ว” ผู้อาวุโสผมขาวเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ขอบคุณผู้เฒ่าฝูที่ชี้แนะ” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างนอบน้อมอีกครั้ง

พอผู้อาวุโสผมขาวโบกมือ ค่ายกลส่งตัวก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ

หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว ครู่ต่อมาก็มาปรากฏตัวในห้องหินที่มีปราณหยินหนาแน่นเป็นอย่างมาก ในนั้นมีไอหมอกสีเทาปกคลุมไปทั้งแถบ ซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายกับถ้ำจันทรา

ก่อนหน้านั้นหลิ่วหมิงรู้จากคัมภีร์มาว่า ภายในวังหลีเหอวางพื้นที่ฝึกฝนไว้จำนวนมาก และตั้งชื่อตามแผนภูมิสวรรค์

ถ้ำตำแหน่งที่สิบสองที่เขาอยู่นี้เป็นถ้ำปราณหยิน นอกจากนี้ยังมีถ้ำปราณไม้ ถ้ำปราณอัคคี และถ้ำอื่นๆ ที่คล้ายกับถ้ำห้าธาตุ

ทั้งหมดนี้มีไว้สำหรับศิษย์สายในเพื่อจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกฝน ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จอีกเล็กน้อย

หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูสภาพภายในห้องรอบด้าน

จะเห็นว่าผนังทั้งสี่ด้านมีแสงระยิบระยับ ดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยชั้นจำกัดกั้นคลื่นพลังจิตวิญญาณจำนวนหนึ่ง

และใจกลางห้องหินก็มีแท่นหินขนาดเท่าโต๊ะวางอยู่ บนแท่นหินมีอักขระที่ดูคล้ายกับค่ายกลสลักอยู่เต็มไปหมด ใจกลางก็มีรอยเว้ากลมๆ ขนาดเล็ก นอกจากนี้แล้วภายในห้องก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก

หลิ่วหมิงมองลงบนแท่นหินอีกครั้ง แต่ว่ารอยเว้าบนนั้นสอดคล้องกับแผ่นคล้ายกลน้าวนำในมือเขามาก หลังจากคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้ว ก็เข้าใจความสัมพันธ์ของมันทันที ทันใดนั้น เขาก็หายวับไปอยู่บนแท่นหิน และวางแผ่นค่ายกลน้าวนำลงไปบนรอยเว้าเบาๆ จากนั้นถึงนั่งขัดสมาธิลงไป

เขานั่งทำสมาธิเล็กน้อย พอโบกมือข้างหนึ่ง ขวดเล็กสามขวดก็ร่วงลงตรงหน้าเบาๆ

ขวดเล็กสีเขียวหยกใบแรกบรรจุของเหลวสีแดงเข้มครึ่งขวด ซึ่งเป็นโลหิตของกวางจิตวิญญาณเก้าสี ของสิ่งนี้เพียงแค่รับประทานโดยตรงก็พอแล้ว

ขวดใบที่สองเป็นโอสถสีแดงฉานหนึ่งเม็ด มันคือโอสถแฝงตะวันที่มีหลินจือแฝงตะวันเป็นวัตถุดิบหลักนั่นเอง

ส่วนขวดใบสุดท้าย เป็นโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาหนึ่งเม็ดที่มีลายโอสถหกเส้น ซึ่งหลิ่วหมิงเก็บไว้ให้ตนเองโดยเฉพาะ

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ หลิ่วหมิงก็ปรับลมหายใจ และค่อยๆ เข้าสู่ความว่างเปล่า

เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น มีเสียงดังโครมครามมาจากเพดาน ปราณหยินสีเทาสลัวๆ ที่ปกคลุมอยู่บนเพดาน หมุนวนเหนือแท่นหินราวกับคลื่นน้ำวน

หลิ่วหมิงลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาทันที และหยิบขวดใบที่สามมาบีบอย่างไม่ลังเลจนมันแตกละเอียด และกลืนโอสถผลึกเย็นลงไป

พริบตานั้น ไอดำพวยพุ่งออกจากร่างของเขา ไม่นานก็ควบแน่นเป็นรังไหมหมอกดำที่มีลักษณะราวกับของจริง และหมุนวนอยู่รอบตัวเขา

ภายในรังไหมหมอกขนาดใหญ่ มีเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังก้องขอบฟ้าอยู่พักหนึ่ง มองเห็นมังกรดำกับพยัคฆ์ดำอย่างละสามตัวลางๆ มันโบกสะบัดเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางหมอกดำอยู่ไม่หยุด

โอสถผลึกเย็นระดับพสุธาที่มีลายโอสถหกเส้นนี้ มีพลังเหนือกว่าการคาดการณ์ของหลิ่วหมิงมาก

ขณะเดียวกัน ภายในห้องลับพิเศษบนชั้นบนสุดของวังหลีเหอ  มีหมอกขาวพวยพุ่งปกคลุมอยู่ พอมองอย่างละเอียดก็ค้นพบว่ามันไม่ใช่ไอหมอกธรรมดาที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังจิตวิญญาณฟ้าดิน แต่กลายร่างมาจากเม็ดผลึกเล็กๆ แต่ละเม็ด

หมอกขาวเหล่านี้ล้วนมาจากกระจกสีขาวดำที่ลอยอยู่กลางอากาศ

และฝูจื่อกำลังหลับตายืนนิ่งอยู่ตรงหน้ากระจกอย่างเงียบๆ  แรงกดดันจิตวิญญาณแผ่ออกจากร่างของเขา และเกิดเป็นร่องรอยของระลอกน้ำกลางอากาศ

ขณะที่หมอกขาวกลางอากาศหนาแน่นมากขึ้น ฝูจื่อก็ยื่นมือขวาออกมาด้วยสีหน้าระมัดระวัง นิ้วทั้งห้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่ากำลังทำท่ามือบางอย่างอยู่

ผ่านไปสักพัก เขาก็หยุดทำท่ามือลง พอโบกมือข้างหนึ่ง แสงสีขาวก็ตกลงบนกระจกโบราณ ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา

พริบตานั้น แสงแวววาวก็เปล่งประกายบนกระจกโบราณ และกระพริบออกจากหมอกขาวก่อนพุ่งออกไปไกลๆ

……

ภายในห้องหิน หลิ่วหมิงเพียงแค่รู้สึกแน่นตัว แผ่นค่ายกลน้าวนำบนโต๊ะหินก็เปล่งแสงสีดำขาวออกมา

ครู่ต่อมา ลำแสงขนาดใหญ่ลำหนึ่งพุ่งออกจากไอหมอกกลางอากาศที่พวยพุ่งอยู่บนเพดาน บริเวณที่มันเคลื่อนตัวผ่าน ทำให้ปราณหยินบริเวณนั้นกลายเป็นสีเทากับสีขาว และปกคลุมร่างหลิ่วหมิงไว้

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเจ็บปวดอยู่พักหนึ่ง พลังกดดันมหาศาลเกิดขึ้นทั่วร่างของเขา

เขารู้สึกแต่ว่าร่างกายหนักอึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้ จะขยับแขนก็ลำบากเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าอยู่ในแรงดันน้ำที่ไร้ขอบเขต

ดีที่ว่ากายเนื้อของเขาแข็งแกร่งอย่างถึงขีดสุด เวลาแค่ครู่เดียวก็ปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับแรงกดดันนี้ได้แล้ว

ทันใดนั้น พลังร้อนเย็นสองสายก็พุ่งเข้าไปในร่างของหลิ่วหมิง เขารู้สึกแค่ว่าร่างกายครึ่งหนึ่งร้อนรุ่มผิดปกติ ส่วนอีกครึ่งก็เยือกเย็นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

และไอดำพวยพุ่งบนร่างของเขาที่ถูกลำแสงสาดส่องเข้ามา ก็ดูราวกับหิมะที่ค่อยๆ ละลายท่ามกลางแสงแดด เงาร่างมังกรและพยัคฆ์อย่างละสามตัวคำรามออกมาสองครั้ง จากนั้นก็สลายตัวกลายเป็นกระแสอากาศสีดำกับสีขาวอย่างรวดเร็ว และหมุนวนรอบตัวหลิ่วหมิง

ความรู้สึกนี้มหัศจรรย์ยิ่งนัก วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬที่คุ้นเคย กลายเป็นพลังที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้สองสาย ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกหน้ามาก

แต่ว่าไม่นานเขาก็ทำจิตให้สงบได้โดยเร็ว พลังเวทดำขาวสองสายนี้เดิมทีก็เป็นพลังเวทภายในร่าง จึงควบคุมได้อย่างรวดเร็ว

“นี่คือผลลัพธ์ของกระหยกหยินหยางแยกผสาน……” หลิ่วหมิงพูดพึมพำกับตัวเอง

แม้เขาจะเคยอ่านเจอในคัมภีร์ว่า กระจกหยินหยางแยกผสานสามารถแยกพลังหยินหยางที่ผสมกันได้ จึงเพิ่มอัตราการทะลวงระดับผลึกได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะมีปรากฏการณ์เช่นนี้

หลิ่วหมิงชี้นิ้วไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเล พอเขาอ้าปาก โลหิตบริสุทธิ์ของกวางจิตวิญญาณเก้าสีในขวดหยก ก็พุ่งเข้าไปในปากทันที

พอโลหิตบริสุทธิ์เข้าไปในท้อง ความรู้สึกร้อนผะผ่าวก็พวยพุ่งขึ้นมาทและละลายเข้าไปในกระดูกทั่วร่าง พลังเวทตามชีพจรทั่วร่างหมุนวนเร็วขึ้นสามส่วน

“ฟู่ๆ!”

ไอดำขาวที่หมุนวนรอบตัวหลิ่วหมิงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไม่นานก็เพิ่มขึ้นสองเท่ากว่า จนเกือบจะปกคลุมร่างกายของเขา

ขณะเดียวกัน ใบหน้าหลิ่วหมิงประเดี๋ยวก็กลายเป็นสีแดง ประเดี๋ยวก็กลายเป็นสีขาว พลังเวทบริสุทธิ์ในร่างถูกกระจกหยินหยางแยกผสานส่งผลสะท้อนจนแยกแยะเย็นร้อนอย่างชัดเจน

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ มือทั้งสองเคลื่อนไหวราวกับล้อรถ พลังที่ปล่อยออกมาเป็นลูกโซ่ จมเข้าไปในทะเลจิตวิญญาณ

พลังของเหลวในทะเลจิตวิญญาณสั่นสะเทือนอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นก็ค่อยๆ หมุนวนสับเปลี่ยนกัน และแข็งขึ้นเล็กน้อย

พอหลิ่วหมิงรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในทะเลจิตวิญญาณ ก็รู้สึกดีใจมาก กระจกหยินหยางแยกผสานนี้ สามารถแยกแยะพลังของหยินหยางได้ หยางเพื่อการกำเนิด หยินเพื่อการสลาย หมุนวนสับเปลี่ยนไปมา ทำให้พลังเวทของตนเองในขณะนี้ บริสุทธิ์ขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอัตราความสำเร็จในการเข้าสู่ระดับผลึก ก็ได้รับการยกระดับไม่น้อย

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด