ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 664 ซื้อ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 664 ซื้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทราบ! เพียงแค่ผู้อาวุโสถามมา พวกข้าจะตอบทุกสิ่งที่รู้” ชายหนุ่มชุดขาวได้ยินก็รู้สึกโล่งใจมาก แต่ยังคงมีสีหน้านอบน้อมเช่นเดิม

“การฝึกฝนของพวกเจ้าต่ำเช่นนี้ ไม่มีระดับผลึกเลยแม้แต่คนเดียว ไม่กลัวจะเผชิญกับเรื่องที่คาดไม่ถึงหรือ?” หลิ่วหมิงสังเกตดูคนเหล่านี้ทีหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยๆ กล่าวออกมา

“ผู้อาวุโสมาตลาดเหมียวจงเป็นครั้งแรก อาจจะไม่รู้สถานการณ์ในสถานที่แห่งนี้ พวกข้าเป็นศิษย์นิกายโคสวรรค์ที่อยู่บริเวณตลาดเหมียวจง  รับคำสั่งจากอาจารย์ให้มามอบของเซ่นไหว้ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าหมาน หรือเผ่าปีศาจต่างก็ไม่มีใครเข้ามายุ่ง” ชายหนุ่มชุดขาวรีบตอบกลับไป

“มอบของ? พวกเจ้ามอบของเซ่นไหว้ให้ใครกัน?” หลิ่วหมิงถามต่อด้วยแววตาที่เป็นประกาย

“ผู้อาวุโสไม่รู้อะไร ตลาดเหมียวอยู่ภายใต้การปกครองของฝ่ายชิงหมานในเผ่าหมาน แต่ผู้ที่ฝ่ายชิงหมานมอบของเซ่นไหว้ให้ก็คือปีศาจวายุหมัวเจี๋ยที่เป็นหนึ่งในสามผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจในดินแดนป่าเถื่อนทางใต้ ว่ากันว่าท่านหมัวจี๋ได้เข้าใกล้ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์แล้ว ทั่วทั้งดินแดนทางตอนใต้ยังไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดเลย” ชายหนุ่มชุดขาวรีบอธิบายออกมา

“สามผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจ ก่อนหน้านั้นข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจวายุที่เป็นรูปธรรมนี้ กลับไม่ค่อยเข้าใจอย่างชัดแจ้ง” หลิ่วหมิงได้ยินก็กล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ผู้อาวุโส ปีศาจวายุไม่จัดอยู่ในกลุ่มอิทธิพลของเผ่าปีศาจในดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้ เป็นแค่ผู้ฝึกฝนอิสระเท่านั้น แต่กลับอาศัยชื่อเสียงอันโด่งดังทำให้เผ่าหมานจำนวนไม่น้อยในแดนใต้มอบของเซ่นไหว้ให้ หากมนุษย์ผู้ฝึกฝนอย่างพวกเราอยากจะยืนมั่นในบริเวณเทือกเขาจูหลง ก็ได้แต่มอบของจำนวนหนึ่งให้อยู่เสมอๆ ถึงไม่ถูกรังแกและกดขี่จากผู้ฝึกฝนเผ่าหมาน” ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวอย่างนอบน้อม

“อ๋อ? ในเมื่อเป็นผู้ฝึกฝนอิสระ ต่อให้จะได้รับของเซ่นไหว้ แต่ทำไมถึงมีเวลาสนใจเรื่องของดินแดนทางใต้ล่ะ” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา

“ผู้อาวุโสไม่รู้อะไร ท่านหมัวจี๋ย่อมไม่มีเวลาสนใจเรื่องของสถานที่แห่งนี้ แต่ผู้ที่ประจำการอยู่ฝ่ายชิงหมานเป็นศิษย์สายตรงผู้หนึ่ง และกลุ่มอิทธิพลอื่นในแดนใต้ก็จะไม่ไปยุแหย่เผ่าที่มอบของเซ่นไหว้ให้ปีศาจวายุเหล่านี้ และยอมรับเป็นกลุ่มอิทธิพลเดียวกับเขาโดยปริยาย เพียงแต่เผ่าที่มอบของเช่นไหว้ให้ปีศาจวายุเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่เดียวกัน แต่กลับกระจัดกระจายไปทั่วส่วนต่างๆ ของแดนใต้” ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวกล่าวอย่างละเอียด

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เอาล่ะ! พวกเจ้าไปได้แล้ว” หลิ่วหมิงฟังจบถึงรู้สึกวางใจขึ้นมา

ในเมื่อตลาดเหมียวจงแห่งนี้มีปีศาจวายุผู้แข็งแกร่งอย่างหมัวจี๋เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง คงไม่มีคนกล้าหาเรื่องในนี้อย่างแน่นอน เช่นนี้หากเขาปะปนอยู่ในนั้น ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นมากเกินไป

ชายหนุ่มชุดขาวฟังคำพูดของหลิ่วหมิงแล้ว ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามาก จากนั้นก็คารวะอย่างนอบน้อมอีกครั้ง และพาคนอื่นๆ กระโดดขึ้นหลังอสูรจิตวิญญาณก่อนทะยานฟ้าจากไป

หลิ่วหมิงกลับมีแสงสีทองเปล่งประกายรอบตัว จากนั้นก็กลายเป็นแสงหลบหลีกพุ่งไปยังเมืองที่อยู่ไกลๆ

ไม่นาน หลิ่วหมิงก็ร่อนลงตรงทางเข้าด้านหนึ่งของตลาดเหมียวจง และเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้าไปท่ามกลางคนเผ่าหมาน

เทียบกับความเจริญรุ่งเรืองของตลาดในนิกายยอดบริสุทธิ์แล้ว ตลาดเหมียวจงแห่งนี้ไม่มีอะไรที่เทียบไม่ได้ พอเขาเดินมาถึงบนถนน ก็ได้ยินเสียงอึกทึกที่ดังมาจากด้านในอย่างไม่ขาดสาย เผ่าปีศาจกับเผ่าหมานที่สวมเสื้อผ้าแบบต่างๆ และผู้ฝึกฝนที่ดูจากการแต่งกายก็รู้ว่ามาจากข้างนอก กำลังเข้าออกร้านค้าบริเวณนั้นอย่างไม่ขาดสาย ดูเหมือนจะคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

ในตลาดที่หลิ่วหมิงเคยเห็นในก่อนหน้านั้น มีแค่ตลาดเมืองจันทราสายน้ำเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้

เพราะในตลาดระดับนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนทั้งหมด แต่ส่วนมากกลับเป็นคนธรรมดา

เขาใช้ห้าร้อยหินจิตวิญญาณซื้อแผนที่ตลาดเหมียวจงจากผู้ขายตรงปากทางเข้ามาชุดหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปในส่วนลึกของตลาด

ในตลาดเหมียวจงก็เต็มไปด้วยร้านหลอมอาวุธ ร้านโอสถต่างๆ เหมือนกับตลาดอื่นๆ เพียงแต่ว่าร้านค้าส่วนมากเป็นรูปแบบการก่อสร้างของเผ่าหมาน ส่วนใหญ่ใช้ไม้ขนาดใหญ่กับกิ่งไม้แห้งสร้างขึ้นมา

สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ภายนอกดูหยาบๆ แต่ข้างในกลับมีทุกอย่างครบครัน

หลิ่วหมิงเดินดูมาตลอดทางจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ถึงมาถึงลานใจกลางตลาด

ทั่วทั้งลานกว้างขวางมาก มีขนาดพื้นที่หลายหมู่ ตรงกลางมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์สูงประมาณร้อยกว่าจั้งตั้งตระหง่าน ดูเหมือนจะเป็นปีศาจก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิง มีแสงทรงกรดจางๆ เปล่งประกายบนพื้นผิว ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ชนิดหนึ่งที่เป็นที่เคารพของชนเผ่าหมาน

และพื้นรอบด้านรูปปั้นแกะสลักมีแผงลอยของผู้ฝึกฝนอิสระจัดวางกระจัดกระจายอยู่ไม่น้อย มีคนเดินซื้อวัสดุจิตวิญญาณต่างๆ อย่างหนาแน่น มีเสียงร้องเรียกอยู่ไม่หยุด ให้ความรู้สึกของตลาดในเมืองมนุษย์ธรรมดาๆ

ข้างถนนหลายสายรอบลานกว้างมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สูงห้าหกจั้ง ทั้งตัวสร้างโดยไม้ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง นี่คือร้านค้าสองสามแห่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด และด้านนอกก็เป็นร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก

หลังจากหลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดูแผนที่ในมือแล้ว ก็เลี้ยวไปทางถนนบางแห่ง ไม่นานก็เดินเข้าไปในร้านโอสถที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุไว้ในแผนที่

ชั่วเวลาครึ่งเค่อต่อมา ขณะที่เขาเดินออกจากร้านค้าด้วยสีหน้าปกตินั้น ก็ซื้อวัตถุดิบเสริมในการปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณมาได้จำนวนหนึ่งแล้ว และยังแอบสอบถามราคา ปริมาณ และสถานการณ์อื่นๆ ของของเหลวห้าแสงด้วย

หลิ่วหมิงนำแผนที่ออกมาดูอีกที จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านโอสถอีกแห่ง

เขาเดินวนในตลาดราวๆ สองชั่วยาม จากนั้นก็ตรวจสอบร้านโอสถที่แสดงบนแผนที่ไปหนึ่งรอบ

สุดท้ายก็ค้นพบว่าเทือกเขาจูหลงสมกับเป็นดินแดนผลิตน้ำผึ้งจิตวิญญาณจริงๆ มีของเหลวห้าแสงขายอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนว่าจะมีขายทุกร้าน แต่ส่วนมากจะมีคุณภาพกลางถึงต่ำ ของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงยังคงมีอยู่ไม่มาก ระดับสุดยอดยิ่งไม่มีเลย

หลังจากสืบข่าวมา หลิ่วหมิงก็รู้ว่าเนื่องจากของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงกับคุณภาพสุดยอดมีจำนวนน้อย ส่วนมากจะอยู่ในการควบคุมของฝ่ายชิงหมาน และสามปีถึงนำออกมาประมูลหนึ่งครั้ง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติ ของเหลวห้าแสงที่ถูกปล่อยออกมาจึงมีคุณภาพไม่ค่อยสูงมากนัก แม้ว่าจะพบเจอคุณภาพสูงจำนวนหนึ่งอยู่บ้าง แต่ก็พอจะนับว่ามีคุณภาพสูงเล็กน้อย ไม่อาจทำให้รู้สึกพึงพอใจได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมีคนจากภายนอกจำนวนไม่น้อยเข้าไปหารังผึ้งห้าแสงในภูเขาโดยตรง เพื่อเก็บน้ำผึ้งจิตวิญญาณคุณภาพสูง

ไม่อาจพูดได้ว่าหลิ่วหมิงรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้ แต่เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงหาโรงเตี๊ยมบางแห่งใจกลางตลาด และจ่ายสามหมื่นหินจิตวิญญาณเช่าบ้านที่มีห้องลับหลังหนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปวางชั้นจำกัดไว้ในห้องลับ และนั่งเข้าฌาน

เช้าวันที่สอง หลิ่วหมิงแปลงโฉมเป็นบัญฑิตสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านโอสถที่เมื่อวานบอกว่ามีของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงอยู่

พอเดินเข้าไปในประตูร้าน ชายฉกรรจ์เผ่าหมานผู้หนึ่งก็เดินออกมารับ

“ข้าเป็นเถ้าแก่ของร้านนี้ ไม่ทราบว่าสหายจะมาซื้อสมุนไพรอะไรที่ร้านเราหรือ?” ชายฉกรรจ์กล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

“ไม่ทราบว่าร้านของท่านมีของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงขายหรือไม่?” หลิ่วหมิงถามออกมาตามตรง

“อ๋อ! ของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงย่อมมีอย่างแน่นอน หากสหายไม่รังเกียจ พวกเราไปคุยรายละเอียดบนห้องรับรองชั้นสองกันเถอะ” ชายฉกรรจ์ได้ยินหลิ่วหมิงกล่าวเช่นนี้ ก็รู้ว่ามีลูกค้ารายใหญ่มาหาถึงที่แล้ว จึงรีบกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม

หลิ่วหมิงทำท่าทางให้ฝ่ายตรงข้ามนำทางให้

ชายฉกรรจ์เรียกพนักงานหนุ่มมาดูหน้าร้าน จากนั้นก็สั่งหญิงรับใช้ให้เตรียมชา ส่วนตนเองก็นำหลิ่วหมิงเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

ในห้องรับรองหรูหราบนชั้นสอง

หลิ่วหมิงนั่งจิบชาจิตวิญญาณอยู่บนเก้าอี้ไม้ และกวาดสายตาดูการตกแต่งภายในห้อง

ผนังทั้งสี่ด้านสร้างขึ้นจากไผ่เขียวที่มีขนาดๆ เท่ากัน ตรงมุมยังมีดอกไม้แปลกประหลาดวางอยู่สองสามกระถาง และตู้ไม้ที่มีหินแปลกประหลาดวางอยู่บนเป็นจำนวนมาก ตรงกลางเป็นโต๊ะไม้กลมๆ กับเก้าอี้ไม้สองสามตัว ประตูห้องรับรองเป็นม่านแสงสีเทาจางๆ คงเป็นชั้นจำกัดกั้นเสียงของห้องรับรองนี้

“เมื่อครู่สหายบอกว่าอยากซื้อของเหลวห้าแสงคุณภาพสูง แม้ว่าของเหลวห้าแสงนี้จะสามารถซื้อได้ตามร้านค้าต่างๆ ในตลาดของเรา แต่ที่มีคุณภาพสูงกลับมีน้อยมาก ด้วยเหตุนี้ราคาจึงไม่ถูกตามไปด้วย ไม่ทราบสหายต้องการเท่าใด?” พอชายฉกรรจ์เข้ามาในห้องก็ถามด้วยรอยยิ้มทันที

“หากข้าซื้อครั้งละมากๆ จะมีส่วนลดหรือไม่?” หลิ่วหมิงถามอย่างไม่สะทกสะท้าน

“สหายดูเป็นคนตรงไปตรงมา ของเหลวห้าแสงนี้ขวดละห้าแสนหินจิตวิญญาณ หากสหายซื้อทีเดียวห้าขวดล่ะก็ ทางร้านเราสามารถลดราคาให้เป็นสองล้านสามแสนหินจิตวิญญาณ” ชายฉกรรจ์หัวเราะก่อนกล่าวออกมา

“ราคานับว่าสมเหตุสมผล ถ้าอย่างนั้นก็เอาห้าขวดก่อน” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ

“ท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเอาเดี๋ยวนี้” ชายฉกรรจ์ได้ยินก็ลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม จากหลังออกจากห้องรับรองแล้ว ก็เดินขึ้นไปบนชั้นสาม

หลิ่วหมิงจิบชาจิตวิญญาณด้วยสีหน้าครุ่นคิด

โอสถแฝงจิตวิญญาณนี้ใช้เวลาในการปรุงค่อนข้างมาก ต่อให้เขาจะฝึกฝนทุกวันทุกคืน อย่างน้อยของเหลวห้าแสงห้าขวดนี้ ก็นานพอที่จะปรุงโอสถได้สองเดือน

เวลาผ่านไปไม่นาน เถ้าแก่ร้านก็กลับมาในห้องรับรองบนชั้นสองด้วยรอยยิ้ม ในมือถือขวดสีเงินเล็กๆ ห้าขวดอยู่ และค่อยๆ วางลงบนโต๊ะตรงหน้าหลิ่วหมิง

“เชิญสหายตรวจสอบเล็กน้อย” ชายฉกรรจ์กล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม

หลิ่วหมิงพยักหน้าเล็กน้อย พอชี้มือข้างหนึ่งออกไป จุกขวดสีเงินเล็กๆ ก็เปิดออก และกลิ่นหอมจรุงใจก็โชยออกมา

ในขณะที่เขากวาดสายตามองดูของเหลวสีเหลืองอ่อนในขวดนั้น กลับเผยแววตาผิดหวังเล็กน้อย

ของเหลวห้าแสงนี้มีคุณภาพสูงไม่มีผิด แต่เทียบกับห้าขวดที่ซื้อในเมืองจันทราสายน้ำในก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นหรือความหอม ก็ดูเหมือนจะด้อยกว่าส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ขวดละห้าแสนหินจิตวิญญาณก็ไม่นับว่าถูกมาก

ดูท่าคงจะเป็นอย่างที่เขาสอบถามมาในก่อนหน้านั้นไม่มีผิด ของเหลวห้าแสงที่มีคุณภาพสูงยังคงต้องรองานประมูลถึงจะซื้อได้ แต่อย่างไรซะนี่ก็เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูง เทียบกับขวดละสองแสนหินจิตวิญญาณที่พบเจอในวันก่อนแล้ว ยังนับว่าสมเหตุสมผลอยู่

ผ่านไปสักพัก หลิ่วหมิงก็ตรวจสอบของเหลวห้าแสงทั้งห้าขวดเสร็จสิ้น และวางลงบนโต๊ะเบาๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ท่านพอใจหรือไม่ หากมาซื้อของเหลวห้าแสงกับร้านเราเป็นเวลานาน ห้าขวดนี้จะคิดราคาสองล้านหินจิตวิญญาณ” เถ้าแก่เห็นเช่นนี้สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป และถามออกมาเบาๆ

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด