ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 667 งานประมูลในตลาดเหมียวจง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 667 งานประมูลในตลาดเหมียวจง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็รู้สึกร้อนบนแขนข้างหนึ่ง อักขระแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนผิวหนัง จากนั้นก็สูญเสียความรู้สึกไปโดยไม่อาจควบคุมได้ ไม่ว่าจะกระตุ้นอย่างไรก็ไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย

ขณะนี้ พอไอหมอกสีเหลืองม้วนตัวออกมา ชายฉกรรจ์เผ่าหมานก็มาปรากฏตัวด้านข้างหลิ่วหมิง กระบองฟันหมาป่าในมือโจมตีเข้ามา

แมลงเมฆาสีดำกลายเป็นฝูงผึ้งพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง

ทั้งสามร่วมมือกันได้อย่างไม่มีที่ติ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาร่วมมือรับมือกับศัตรูอยู่บ่อยๆ

ร่างหลิ่วหมิงพร่ามัว จากนั้นแสงสีดำก็ม้วนตัวออกมา และกลายเป็นเงาร่างสองเงาเคียงข้างกัน กระบองฟันหมาป่าฟาดใส่เงาร่างหนึ่งในนั้นจนดับไป

แต่เงาร่างอีกเงากลับกลายเป็นร่างแจ่มชัดของหลิ่วหมิงอีกครั้ง  และตบมือข้างหนึ่งไปทางแมลงเมฆาสีดำ สายฟ้าสีเงินขนาดเท่าปากถ้วยเปล่งประกายออกมา และพุ่งเข้าไปในกลุ่มแมลง จากนั้นก็ระเบิดออกมาเป็นไหมเงินจำนวนนับไม่ถ้วน

เกิดเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!” แมลงปีกแข็งแต่ละตัวร่วงลงมาพร้อมกับหมอกควันสีดำ

แมลงที่เหลือไม่ถึงครึ่งรู้สึกหวาดกลัวพลังของสายฟ้าอย่างเห็นได้ชัด มันบินวนอยู่บริเวณนั้น และไม่กล้าเข้าใกล้หลิ่วหมิงเลยแม้แต่น้อย

ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าส่งเสียงคำรามออกมา พออ้าปาก แสงโลหิตก็ถูกพ่นออกมา และเจาะทะลุผ่านศีรษะหลิ่วหมิงไป

แต่ร่างหลิ่วหมิงกลับพร่ามัวกลายเป็นจุดแสงสีดำก่อนสลายไป

ครู่ต่อมามีคลื่นสั่นสะเทือนด้านหลังชายฉกรรจ์ จากนั้นหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ขณะเดียวกัน พอยกแขนข้างหนึ่งขึ้น สายฟ้าสีเงินขนาดเท่าปากถ้วยก็ฟาดออกมา

ชายฉกรรจ์เผ่าหมานกลับมีปฏิภาณเฉียบแหลมมาก พริบตาที่รับรู้ว่ามีคลื่นสั่นสะเทือนด้านหลัง เขาก็หันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว และอ้าปากพ่นอาวุธจิตวิญญาณสีทองอร่ามออกมา มันหมุนวนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นม่านแสงสีทองจางๆ ขณะเดียวกัน กระบองฟันหมาป่าในมือก็ฟาดออกไปด้านหน้า

“ตู๊ม!” เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

สายฟ้าสีเงินแฉลบผ่านด้านข้างกระบองฟันหมาป่า และม่านแสงสีทองจางๆ ก็ไม่อาจต้านทานอานุภาพของสายฟ้าสีเงินได้เลยแม้แต่น้อย พอถูกปะทะก็แตกกระจายออกมาราวกับกระจก!

หลังจากเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ ก็มีเสียงระเบิดดัง “ตู๊ม!”

พอสายฟ้าสีเงินดับลง รูเลือดขนาดเท่าศีรษะก็ปรากฏอยู่บนหน้าอกของชายฉกรรจ์ผู้นี้

แม้ว่าผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นกลางของเผ่าหมานผู้นี้ จะมีระดับการฝึกฝนไม่เบา แต่กลับต้านทานสายฟ้าสวรรค์ของหลิ่วหมิงราวกับว่ามันเป็นวิชาประเภทสายฟ้าทั่วไปเช่นนี้แล้วย่อมเป็นเรื่องรนหาที่ตายชัดๆ

หลังจากโซซัดโซเซถอยออกไปสองก้าวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาก็โยนกระบองฟันหมาป่าที่ชำรุดทิ้ง และร่วงลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ฟู่!”

เงากำปั้นสีดำพุ่งออกมา พริบตาเดียวก็โจมตีศีรษะของชายฉกรรจ์จนแตกกระจุย ส่วนร่างของเขาก็หล่นลงบนพื้นอย่างรุนแรง

ขณะนี้หลิ่วหมิงถึงเก็บกำปั้นกลับไป และมองดูผู้ฝึกฝนเผ่าหมานทั้งสองด้วยท่าทีเย็อกเย็น ตั้งแต่เขากระตุ้นเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬจนถึงตอนที่สังหารชายฉกรรจ์เผ่าหมาน ใช้เวลาแค่สองสามอึดใจเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกฝนระดับผลึกคนหนึ่งจะเสียชีวิตเช่นนี้!

พวกเขาทั้งสอง คนหนึ่งยังคงกระตุ้นฝูงแมลงอย่างสุดชีวิต อีกคนก็ยังทำท่ามือแปลกประหลาดอยู่

ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะหายจากอาการตกใจกับการตายของหัวหน้า มืออีกข้างของหลิ่วหมิงที่เดิมทีไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ก็ส่งเสียงดังขึ้นมา และเคลื่อนไหวท่ามกลางแสงสายฟ้าที่รายล้อม

หลิ่วหมิงสะบัดแขนเบาๆ และกวาดสายตาลงบนพื้น

จะเห็นว่าอักขระแปลกๆ ที่โผล่บนแขนในก่อนหน้านั้นหายไปท่ามกลางแสงสายฟ้าอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มเล็กน้อย

แม้เขาจะไม่รู้ว่าวิชาที่ชายหนุ่มร่างผอมแสดงออกมาในก่อนหน้านั้นเป็นวิชาอะไร แต่ก็ดูชั่วช้าเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากเขานำพลังสายฟ้าเข้าไปในแขนแล้ว ก็สามารถทำลายวิชานี้ได้อย่างง่ายดาย

เพราะวิชาชั่วร้ายประเภทนี้ เดิมทีก็ถูกพลังสายฟ้าควบคุมอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาสายฟ้าสวรรค์เลย

“พี่ใหญ่!”

หลังจากผู้ฝึกฝนเผ่าหมานที่มีแผลเป็นเต็มใบหน้าได้สติกลับมา ก็ตะโกนด้วยเสียงอันดัง และกระโจนเข้าหาศพของชายฉกรรจ์โดยไม่สนใจแมลงปีกแข็งสีดำที่ใกล้จะตายเพราะถูกสายฟ้าสวรรค์โจมตี

“เจ้าเด็กสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ขณะที่ผู้ฝึกฝนที่มีแผลเป็นบนใบหน้าแหงนหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็คำรามด้วยความโมโห และสะบัดแขนเสื้อเพื่อทำการโจมตีอีกครั้ง

แต่ขณะนั้นเอง มีเงาร่างเคลื่อนไหวข้างตัวของเขา จากนั้นชายหนุ่มร่างผอมก็มาปรากฏตัวด้านข้างราวกับปีศาจ และดึงแขนของเขาไว้ก่อนกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว

“พี่รอง คนผู้นี้สามารถทำลายวิชาของพวกเรา และสังหารพี่ใหญ่อย่างง่ายดายเช่นนี้ จะต้องเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้อย่างแน่นอน เพียงแต่เป็นเสือซ่อนเล็บเท่านั้น ยังไม่รีบไปอีก! รออะไรอยู่เล่า!”

จากนั้น ชายหนุ่มเผ่าหมานก็ขยี้ยันต์ในแขนเสื้อโดยไม่รอให้ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดอะไรออกมา แสงสีฟ้าม้วนตัวออกมาห่อหุ้มทั้งสองไว้ และกลายเป็นสายรุ้งยาวสีฟ้าก่อนพุ่งออกไป เพียงแค่เคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็มาถึงอากาศที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยกว่าจั้ง

แต่หลิ่วหมิงไหนเลยจะปล่อยให้ทั้งสองหนีไปได้โดยง่าย มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่บินสีทองก็พุ่งออกไปราวกับสายน้ำ

“กระบี่ร่างเป็นหนึ่ง!”

แสงกระบี่สีทองลำหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากหมุนวนกลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีทองที่ยาวยี่สิบกว่าจั้ง และพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะเร็วกว่าแสงสีฟ้าตรงหน้าหนึ่งเท่าขึ้นไป

ครู่ต่อมา มีเสียงร้องอย่างเวทนาดังขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน ศพสองศพที่ถูกฟันเป็นสี่ส่วนร่วงลงมาจากแสงสีฟ้าท่ามกลางฝนโลหิต…….

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลิ่วหมิงขี่เมฆไปท่ามกลางหุบเขาต่อ

โจรปล้นสะดมในเมื่อครู่มีสมบัติไม่น้อย

หลิ่วหมิงค้นตัวทั้งสามจนได้หินจิตวิญญาณมาลี่ล้านกว่า และได้โอสถระดับของเหลวกับระดับผลึกมาจำนวนหนึ่ง อาวุธจิตวิญญาณระดับกลางถึงระดับสูงมีไม่น้อยกว่ายี่สิบถึงสามสิบชิ้น แต่ระดับสุดยอดกลับมีไม่กี่ชิ้น รวมทั้งหมดคงมีมูลค่าห้าสิบล้านกว่าหินจิตวิญญาณ

นอกจากนี้แล้วยังมีวัสดุที่มีมูลค่าไม่น้อยอยู่จำนวนหนึ่ง จากการที่หลิ่วหมิงได้ฟังได้เห็นมาในหลายเดือนนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญลักษณ์เคล็ดวิชาบางอย่างที่เผ่าหมานวาดขึ้น

ภายใต้เวลาอันกระชั้นชิด หลิ่วหมิงไม่อาจดูอย่างละเอียดได้ แต่กลับเอาสิ่งของเหล่านี้ใส่เข้าไปในแหวนย่อส่วน จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ

ระยะเวลาหลังจากนี้ เขาพยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางเปล่าเปลี่ยวจำนวนหนึ่ง พร้อมกับเก็บซ่อนรูปโฉมและกลิ่นไอที่แท้จริงอย่างระมัดระวัง ในที่สุดก็กลับถึงตลาดเหมียวจง

เวลาในช่วงสองปีต่อมา หลิ่วหมิงปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณอยู่ไม่หยุด ไม่เพียงแต่ทำให้ระดับการฝึกฝนของเขาก้าวหน้าเท่านั้น ทั้งยังสะสมหินจิตวิญญาณจนได้จำนวนที่น่าตกใจ ซึ่งมีทั้งหมดราวๆ ห้าสิบล้าน

ในขณะเดียวกัน การประเมินในตลาดเหมียวจงก็เริ่มขึ้นในที่สุด

บริเวณถนนทางเข้าหลักทางด้านเหนือของลานกว้างในตลาดเหมียวจง มีหอสีขาวที่ดูคล้ายกับพระราชวังเปล่งประกายอยู่หลังหนึ่ง พอมองจากด้านนอก มันมีทั้งหมดห้าชั้น พื้นที่มีขนาดลดน้อยลงจากล่างขึ้นบน ซึ่งดูคล้ายกับเจดีย์

หอแห่งนี้นับว่าสูงที่สุดในตลาด เป็นสิ่งก่อสร้างที่สะดุดตามากที่สุด

งานประมูลในตลาดเหมียวจงที่ขึ้นในทุกๆ สามปี จะจัดขึ้นที่นี่

วันที่เริ่มงานประมูลนั้น ผู้คนบนลานจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาไม่น้อย และจะเห็นคนเดินเข้าเดินออกหอสีขาวอยู่ตลอดเวลา

หลิ่วหมิงปะปนเข้าไปกับฝูงชน และยืนมองมาจากที่ไกลๆ

ขณะนี้เขาสวมชุดผ้าแพร พอโบกพัดภาพวาดในมือถือ ก็สามารถปลอมตัวเป็นคุณชายผู้สูงสง่าได้

มองดูไกลๆ จะเห็นว่ามีผู้พิทักษ์สวมชุดเกราะสีดำยืนอยู่ทั้งสองด้าน

ตลาดเหมียวจงนี้อยู่ภายใต้การดูแลของฝ่ายชิงหมาน เห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนที่มาจากฝ่ายชิงหมาง

ผ่านไปสักพัก หลิ่วหมิงถึงเดินมาถึงด้านหน้าของหอ

ขณะนี้ยังห่างจากเวลาที่งานประมูลจะเริ่มขึ้นเล็กน้อย

ผู้พิทักษ์ทั้งสองมองดูหลิ่วหมิงทีหนึ่ง และโค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยเขาเข้าไป

ตอนนี้หลิ่วหมิงเข้าร่วมงานประมูลโดยไม่ปิดบังระดับการฝึกฝนของตนเอง อาศัยสถานะผู้ฝึกฝนระดับผลึกเข้าร่วมในงานประมูลย่อมเพียงพอแล้ว

วันนี้มีผู้ฝึกฝนมาร่วมงานประมูลที่จัดขึ้นสามปีครั้งเป็นจำนวนมาก ระดับแก่นแท้ก็มีไม่น้อย หากระดับการฝึกฝนต่ำล่ะก็ จะไม่เอื้อประโยชน์ต่อการประมูล

เพราะในดินแดนป่าเถื่อนทางใต้ หากพูดถึงพลังที่แท้จริงล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือว่าผู้ฝึกฝนล้วนปฏิบัติตัวตามกฎของการอยู่รอด โดยผู้ที่อ่อนแอเป็นเนื้อสมัน ผู้แข็งแกร่งเป็นเนื้อสมิง

“ผู้อาวุโสท่านนี้ ยินดีต้อนรับที่มาร่วมงานประมูลในครั้งนี้!”

หลิ่งหมิงเพิ่งจะเหยียบเข้าไปในสถานที่ทำการประมูล หญิงสาวชุดเขียวที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ก็คารวะอย่างอ่อนช้อย

เพียงแค่มองดู หลิ่วหมิงก็รู้ว่าหญิงนางนี้แตกต่างจากผู้ฝึกฝนระดับของเหลวสองคนที่อยู่ด้านนอก ซึ่งนางมีการฝึกฝนแค่ระดับศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น

หลังจากหลิ่วหมิงตอบรับเบาๆ แล้ว ก็เงยหน้ามองสถานที่ประมูลโดยไม่สนใจหญิงนางนี้อีก

สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างกว้างขวาง ด้านในมีโต๊ะหินจัดวางอยู่หลายร้อยตัว บนนั้นมีผลไม้จิตวิญญาณ ชาหอม และสิ่งของอื่นๆและเพื่อตอบสนองความต้องการของแขก ข้างโต๊ะก็มีเก้าอี้กว้างๆ หนึ่งถึงสองตัววางอยู่

งานประมูลยังไม่ทันได้เริ่มขึ้น ก็มีคนนั่งอยู่ที่นี่ไม่น้อยแล้ว แต่ว่าสถานที่ใดก็ตามที่มีแขก ก็จะมีหญิงรับใช้สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวยืนอยู่หนึ่งคน

ส่วนแขกเหล่านี้ก็มีการฝึกฝนระดับผลึกเช่นเดียวกับหลิ่วหมิง พวกเขาต่างก็นั่งอยู่อย่างสงบ บ้างก็มองดูหลิ่วหมิง และละสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว

“ข้าน้อยลี่ว์อวิ๋น เชิญผู้อาวุโสตามข้ามา” หญิงสาวชุดเขียวพาหลิ่วหมิงเดินเข้าไปด้านใน จนมาถึงเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่

“ไม่ต้องเรียกผู้อาวุโสอะไรนั่นแล้ว นี่เรียกข้าซะแก่เชียว เรียกข้าตรงๆ ว่าคุณชายเย่ก็พอ ใช่สิ! ข้าได้ยินมาว่าตลาดเหมียวจงของพวกเจ้าอุดมณ์ไปด้วยของเหลวห้าแสง ข้าเดินทางมาไกลเพื่อร่วมงานประมูลใหญ่ในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าครั้งนี้มีสินค้าระดับสูงเหลืออยู่หรือไม?” หลิ่วหมิงนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ ด้านหนึ่งนำพัดออกมาพัดเบาๆ ด้านหนึ่งก็แสร้งสอบถามอย่างไม่ใส่ใจ

“คุณชายเย่วางใจได้เลย งานประมูลใหญ่ในครั้งนี้จัดขึ้นสามปีครั้ง ของเหลวห้าแสงเป็นสิ่งของสำคัญในการประมูล ซึ่งครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงออกมาประมูลเป็นจำนวนมาก ส่วนคุณภาพสุดยอดก็อาจจะมีปรากฏออกมาก็ได้” พอหญิงสาวชุดเขียวได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิง ก็รีบเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกทันที

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด