ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 689 หวงอิ๋งกับหมาป่ายักษ์

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 689 หวงอิ๋งกับหมาป่ายักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เขาขยับตัวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทันใดนั้นไอดำก็พวยพุ่งออกมาทันที แขนข้างหนึ่งปล่อยกำปั้นออกไปอย่างรุนแรง

“ตู๊ม!” มังกรหมอกดำตัวหนึ่งส่งเสียงคำรามออกมา และปะทะกับหัวหมาป่ายักษ์พอดี พริบตาเดียวก็ระเบิดออกมาเป็นแสงทรงกลดสีดำ

คลื่นอากาศสั่นสะเทือนไปทั่วทิศ มังกรหมอกกับหัวหมาป่าสลายไปพร้อมกัน

“ขอบคุณสหายที่ยื่นมือเข้าช่วย” หญิงชุดเหลืองนำดาบเล็กสีทองอร่ามออกมาทำท่าป้องกันไว้ พอเห็นหลิ่วหมิงโจมตีสำเร็จในกำปั้นเดียว นางก็กล่าวด้วยความดีใจ

ขณะนี้หมาป่ายักษ์ตรงหน้าก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นกลับกระโดดขึ้นมาด้วยความโมโห และกระโจนเข้าใส่หลิ่วหมิงทั้งสอง

หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดทันที พอร่างของเขาเคลื่อนไหว เงาร่างสามเงาก็พุ่งยิงออกไป ภายใต้การเคลื่อนไหวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ทำให้ทิ้งเงาพร่ามัวไว้จำนวนมาก พริบตาเดียว ร่างจริงของเขาก็มาปรากฏตัวด้านข้างหมาป่าสีเขียว และปล่อยสายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยออกไป

เดิมทีหมาป่ายักษ์สีเขียวก็ถูกการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดของหลิ่วหมิงทำให้เวียนหัวอยู่แล้ว พอเห็นสายฟ้าโจมตีเข้ามา ก็รีบบิดตัวอย่างรวดเร็วจนหลบการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด และคว้ากรงเล็บมาทางหลิ่วหมิงทันที

หลิ่วหมิงเลิกคิ้วขึ้นมา หลังจากร่างของเขาพร่ามัวแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมา มีเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวรอบตัวหมาป่ายักษ์สีเขียวในระยะสองสามจั้ง จากนั้นสายฟ้าสีเงินก็ปกคลุมเข้ามาเต็มฟ้า และพุ่งเข้ามาจากมุมต่างๆ อย่างหนาแน่น

หลิ่วหมิงนำวิชาเงาร่างสามส่วนมาประกอบกับวิชาสายฟ้าสวรรค์ได้อย่างยอดเยี่ยม คล้ายกับว่าใช้ไหมสายฟ้าสร้างลูกกลมๆ สีเงินล้อมรอบหมายักษ์สีเขียวในระยะสามสี่จั้งไว้

หมาป่ายักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาทันที แรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลระเบิดออกมาจากชิ้นส่วนในลูกสายฟ้าสีเงิน จากนั้นเงาสีเขียวก็กะพริบออกจากไหมสายฟ้าสีเงินที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้น

“ใช้ต่อสู้กับศัตรูครั้งแรก ยังไม่ค่อยคุ้นชินมากนัก” หลิ่วหมิงวางแขนลงและพูดพึมพำออกมา

ที่เขาใช้ในเมื่อครู่คือ วิชาถักทอสายฟ้าสวรรค์ที่ต้องฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบถึงจะแสดงออกมาได้ สามารถใช้ไหมสายฟ้าสีเงินที่เกิดจากสายฟ้าสวรรค์มาถักทอเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ต้องการ เช่นรูปแบบตาข่าย หรือไม่ก็เป็นรูปแบบง่ายๆ อย่างอื่น หรือไม่ก็เป็นสิ่งของอย่างอื่น เพียงแต่ว่าอานุภาพของมันไม่แข็งแกร่งเหมือนการกระตุ้นวิชาสายฟ้าสวรรค์โดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น มันใช้ในการตรึงหรือผลลัพธ์พิเศษบางอย่าง และเมื่อเวลาผ่านไปพลังของไหมสายฟ้าเหล่านี้ ก็จะสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากหมาป่ายักษ์สีเขียวหนีออกจากลูกสายฟ้าที่ถักทอมาจากสายฟ้าสีเงินได้ ดวงตาทั้งคู่ของมันก็จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยท่าทีเดือดดาล และส่งเสียงคำรามเบาๆ แต่กลับไม่ทำการโจมตีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

หลิ่วหมิงก็ยกมือข้างหนึ่งไปแตะระหว่างคิ้ว ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีทอง กระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมา “ฟิ้ว!” ขณะเดียวกันไอกระบี่มหาศาลก็พุ่งตามมา

พอเขาชี้มือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ กระบี่เล็กสีทองอร่ามก็หยุดอยู่บริเวณหน้าอกเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งไปทางหมาป่ายักษ์สีเขียว

พอหมาป่ายักษ์สีเขียวเห็นการปรากฏตัวของกระบี่บินพลังจิตวิญญาณ มันก็เผยแววตาหวาดกลัวออกมา ทันใดนั้นลวดลายจิตวิญญาณสีเขียวก็เปล่งประกายบนตัว ทันทีที่หันตัวกลับมา มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งออกไปด้านข้าง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปทันที แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พอโบกมือข้างหนึ่ง กระบี่เล็กสีทองก็หมุนตัวพุ่งกลับมา

พลังของปีศาจตัวนี้ไม่ได้อ่อนแอ ในเมื่อมันยอมถอยออกไปเอง เขาย่อมไม่คิดตามไปตัดสินความเป็นความตายกับมันอีก

จากนั้นร่างของเขาก็เปล่งประกายพุ่งกลับไปตรงหน้าหญิงสาวชุดเหลือง

“ข้าน้อยหวงอิ๋ง ขอบคุณสหายที่ยื่นมือเข้าช่วย” หญิงชุดเหลืองเห็นหลิ่วหมิงร่อนลงมา นางก็รีบคารวะด้วยรอยยิ้ม

หลิ่วหมิงไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด แต่กลับหรี่ตาสังเกตดูหญิงสาวเผ่าหมานที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรผู้นี้อย่างละเอียด

หญิงสาวมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ดวงตางดงามทั้งคู่เปล่งประกายแวววาว ชุดกระโปรงสีเหลืองโบกสะบัดตามลมเบาๆ ผิวหนังที่โผล่ออกมามีสีคล้ำเล็กน้อย แลดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง

“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงถูกปีศาจตัวนี้ไล่ล่า?” หลิ่วหมิงกระแอมไอเบาๆ และถามอย่างราบเรียบ

“สหาย ข้าน้อยคือผู้อาวุโสชนเผ่าตันเก๋อ ก่อนหน้าข้าได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเผ่าให้พาคนในเผ่าระดับผลึกหลายคนออกไปทำภารกิจด้วยกัน ในระหว่างทางได้พบกับกลุ่มผู้ฝึกฝนปีศาจที่เป็นลูกน้องของเลี่ยเจิ้นเทียนเข้า และพูดจาไม่ถูกคอกันจึงเกิดการต่อสู้ในทันที แต่ขณะนั้นเอง เลี่ยเจิ้นเทียนก็ปรากฏตัวออกมาพอดี ทั้งยังสังหารคนในเผ่าทั้งหมดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่กลับจับข้าน้อยไว้เป็นเชลยเพียงคนเดียว และนำมาทิ้งไว้ในแดนลึกลับแห่งนี้” หญิงสาวเสื้อเหลืองอธิบายให้หลิ่วหมิงฟัง พอพูดถึงตอนท้ายนางกลับมีสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย

“ตามที่เจ้าพูดมา ในแดนลึกลับคงมีสหายระดับแก่นแท้จำนวนไม่น้อยจริงๆ” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบ

“ข้าน้อยเข้าแดนลึกลับมาไม่ถึงครึ่งเดือนกว่า แต่กลับเผชิญกับการถูกลอบโจมตีอยู่หลายครั้ง ในนั้นนอกจากจะมีเผ่าปีศาจหนึ่งคนแล้ว ยังมีเผ่าหมานอีกหลายคน แต่ดีที่ว่ามีการฝึกฝนระดับเดียวกัน จึงมีแพ้บ้างชนะบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ข้าน้อยก็สามารถเอาตัวรอดได้ พลังของปีศาจหมาป่ายักษ์สีเขียวที่เจอในวันนี้แข็งแกร่งเกินไป หากไม่ใช่ว่าสหายยื่นมือเข้าช่วย เกรงว่าคงต้องเสียชีวิตในสถานที่แห่งนี้แล้ว” ขณะที่พูด หญิงสาวชุดเหลืองก็มองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าซาบซึ้ง

“สหายไม่ต้องมากพิธี หากไม่ใช่ว่าปีศาจหมาป่าตัวนั้นคิดจะม้วนตัวข้าผู้แซ่หลิ่วเข้าไปด้วยล่ะก็ ข้าจะไม่ลงมืออย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงกล่าว

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากไม่มีพี่หลิ่ว ข้าน้อยคงผ่านด่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ยาก ไม่รู้ว่าคนในแดนลึกลับนี้เป็นอะไรกัน พอเจอกันถ้าไม่หลบไปไกลๆ ก็จะทำการโจมตีคนอื่นๆ อย่างบ้าคลั่ง พี่หลิ่วเป็นผู้ฝึกฝนคนแรกที่ข้าน้อยได้เชื่อมสัมพันธ์ด้วย ดูท่าปีศาจวายุจับพวกเรามาทิ้งไว้ที่นี่ จะต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน” หญิงสาวชุดเหลืองได้ยินกลับถอนหายใจเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา

“ที่นี่ขาดแคลนทรัพยากร คนที่ถูกขังมานานเหล่านั้นเลี่ยงไม่ได้ที่จะสังหารผู้อื่นแย่งชิงสมบัติมา เพื่อไม่ให้ระดับการฝึกฝนของตนเองลดลง แต่ว่าที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ต้องรีบหาทางออกหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นพอเวลานานเข้า หินจิตวิญญาณที่พกมาหมดลง เกรงว่าเจ้ากับข้าก็คงเป็นเหมือนพวกเขาไม่มีผิด” หลิ่วหมิงกล่าว

“สหายกล่าวได้ถูกต้องที่สุด ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ไม่สู้พวกเราทั้งสองร่วมมือกันหาทางออกดีหรือไม่?” หวงอิ๋งพยักหน้าเห็นด้วย

นางได้ปล่อยจิตออกไปตรวจสอบระดับการฝึกฝนของฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ ตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับไม่รับรู้ถึงกลิ่นไอใดๆ เลย ขณะเดียวกันก็ทำการคาดเดาอยู่ในใจ ทันใดนั้นนางก็คิดว่าหลิ่วหมิงคงมีระดับการฝึกฝนเหนือกว่าระดับแก่นแท้ขั้นกลางขึ้นไป นางจึงมีท่าทีเคารพเป็นอย่างมาก

หลิ่วหมิงได้ยินก็ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับ

อย่างไรซะนางผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่ง หากมีนางร่วมเดินทางด้วย ก็เป็นผู้ช่วยที่ไม่เลว เขาจึงไม่คิดปฏิเสธแต่อย่างใด

และหลังจากผ่านการแลกมือกับระดับแก่นแท้มาหลายครั้ง ตอนนี้หลิ่วหมิงก็รับรู้ถึงระดับพลังของตนเองได้ชัดเจนขึ้น ต่อให้นางผู้นี้จะมีความคิดอื่น เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ภายในพริบตา

หวงอิ๋งได้ยินคำตอบรับของหลิ่วหมิง นางย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

เวลาต่อมา หลิ่วหมิงกับนางผู้นี้ก็แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเขตพื้นที่ที่เดินทางผ่านมาในก่อนหน้านั้น หลังจากนำมาผนึกกับแผนที่หยาบๆ ด้านหลังป้ายอาญาสิทธิ์แล้ว ในที่สุดก็หาตำแหน่งที่ทั้งสองอยู่ได้

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ทั้งสองหารือกันหนึ่งรอบแล้ว ก็ตัดสินใจเดินทางไปยังใจกลางแดนลึกลับตามที่แผนที่บอก

ในระหว่างทาง แม้ว่าทั้งสองจะเผชิญกับผู้ฝึกฝนต่างเผ่าที่มีใบหน้าเป็นสีแดง แต่พอฝ่ายตรงข้ามเห็นหลิ่วหมิงกับหวงอิ๋ง ก็ต้องหันหน้าหลบหนีไปไกลๆ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

หลิ่วหมิงทั้งสองย่อมไม่คิดจะตามไปอย่างใด

สองวันต่อมา ขณะที่ทั้งสองกำลังหลับตานั่งสมาธิพักผ่อนอยู่ตรงตีนเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งนั้น พลันมีเสียงแผดร้องอันคุ้นเคยดังเข้ามา

พอหลิ่วหมิงได้ยินก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาทันที

หวงอิ๋งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ และถามด้วยความสงสัย

“หากข้าฟังไม่ผิดล่ะก็ เสียงนี้ดูเหมือนจะ…”

“คงจะเป็นปีศาจหมาป่าตัวนั้นไม่มีผิด ช่างน่าสนใจซะแล้วสิ!” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ ดวงตาทั้งคู่จ้องไปทางที่มาของเสียงอย่างไม่กะพริบ

ผ่านไปสักพัก มีเสียงดังก้องเข้ามาไม่ไกล เงาสีเขียวบางอย่างปรากฏตัวเหนือยอดเขาที่อยู่ห่างจากทั้งสองไม่มากนัก ดวงตาทั้งคู่ของมันจ้องมาทางหลิ่วหมิงทั้งสอง

หลิ่วหมิงขยับตัวไปหลบอยู่ด้านหลังก้อนหินสีดำอย่างไร้สุ้มเสียง

หวงอิ๋งเห็นเช่นนี้ก็พุ่งไปอยู่ข้างหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็จับตามองทุกความเคลื่อนไหวของเงาร่างสีเขียว

เงาร่างสีเขียวก็คือหมาป่ายักษ์สีเขียวที่หลิ่วหมิงพบเจอเมื่อหลายวันก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าบนตัวของมันเต็มไปด้วยคราบเลือด กลิ่นไอก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

ที่หลิ่วหมิงรีบซ่อนตัวเร็วเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะปีศาจหมาป่าตัวนี้ แต่เป็นเพราะกลิ่นไอแข็งแกร่งอีกแบบที่กำลังพุ่งมาทางหมาป่ายักษ์อย่างรวดเร็ว

“ฟู่!” ไฟปีศาจสีแดงขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ และปะทะใส่ยอดเขาเล็กๆ ที่หมาป่ายักษ์อยู่อย่างรวดเร็ว

หมาป่ายักษ์สีเขียวกระโดดเซไปเซมา

“ตู๊ม!”

แสงไฟลุกพรึบบนยอดเขาทันที ก้อนหินขนาดเท่าแผ่นโม่กระเด็นไปทั่วทิศ

ขณะนั้นเอง แสงสีขาวก็เปล่งประกายตรงขอบฟ้า แสงหลบหลีกเจิดจ้าลำหนึ่งพุ่งเข้ามาในพริบตา มันกะพริบแค่ทีเดียวก็กลายเป็นชายชุดคลุมสีขาวที่ดูสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่ง และจ้องมองหมาป่ายักษ์สีเขียวที่อยู่ไม่ไกลด้วยแววตาโหดเหี้ยม

พอหลิ่งหมิงเขม้นตาดู ก็มองเห็นชายชุดคลุมสีขาวผู้นี้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีหน้าตาสวยสดงดงาม แต่กลิ่นไอที่แผ่ออกมาอย่างหนาแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ฝึกฝนปีศาจที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง

ดีที่ว่าผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้มีการฝึกฝนแค่ระดับแก่นแท้ขั้นต้น และดูเหมือนว่ายังไม่ถึงขั้นกลาง สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ในใจยังคงรู้สึกเคร่งเครียดเล็กน้อย

แค่ผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้ขั้นต้นผู้หนึ่ง ก็มีกลิ่นไอแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว นี่ก็หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามย่อมไม่ธรรมดา เกรงว่าคงจะแข็งแกร่งกว่าระดับแก่นแท้ขั้นต้นที่เขาพบเจอในก่อนหน้านั้นมาก

“เฮ่อๆ! วิ่งหนีได้เร็วดีนี่ แต่ว่าหมาแก่อย่างเจ้าคงต้องจบชีวิตลงในสถานที่แห่งนี้แล้ว” ชายชุดคลุมสีขาวหัวเราะด้วยสีหน้าครึมอึม พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง แสงสีแดงก็เปล่งประกายบนตัว ทันใดนั้นลูกไฟปีศาจสีแดงแต่ละลูกก็ปรากฏออกมาอย่างหนาแน่น พริบตาเดียวก็มีเกือบร้อยลูก

ชายชุดคลุมสีขาวเพียงแค่ชี้นิ้วไปกลางอากาศ ลูกไฟปีศาจทั้งหมดก็สั่นสะท้านและพุ่งเข้าใส่หมาป่ายักษ์สีเขียว

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด