ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 695 ศึกอันดุเดือด

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 695 ศึกอันดุเดือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากชายฉกรรจ์หัวล้านปล่อยกำปั้นโจมตีออกไปแล้ว เขากลับยืนมองหน้าผาที่พังทลายโดยไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

“ที่แท้ก็เป็นสหายระดับแก่นแท้ขั้นกลาง” ครู่ต่อมา พลันมีน้ำเสียงทุ้มต่ำดังมาจากซากหน้าผา “ฟู่!” คนผู้หนึ่งพุ่งออกมาท่ามกลางเศษหินที่กระเด็นไปทั่วทิศ เขาก็คือผู้อาวุโสขุยมู่นั่นเอง

แต่ขณะนี้ สายตาที่เขามองดูชายฉกรรจ์หัวล้านเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

“ทำไมมีแค่คนเดียว อีกสองคนล่ะ? ให้พวกเขาไสหัวออกมาเถอะ!” พอชายฉกรรจ์หัวล้านเห็นผู้อาวุโสขุยมู่แค่คนเดียว เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย

ประจักษ์ชัดว่าปีศาจตัวนี้ได้ตรวจสอบผ่านค่ายกลแล้วว่า ที่นี่ไม่ได้มีแค่คนเดียว

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพวกเราทั้งสามอยู่ที่นี่ ยังกล้ามาคนเดียวอีก ดูค่าคงจะป็นผู้มากฝีมือที่ใจกล้าไม่เบา” ผู้อาวุโสค่อยๆ หดรูม่านตาลง และกล่าวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อแต่อย่างใด

“ฮึ! เอาคำพูดไร้สาระมาจากไหนกัน ในเมื่อพวกเขาทั้งสองไม่ยอมออกมา ก็มอบวิญญาณของเจ้าให้ข้าก่อนเถอะ” ชายฉกรรจ์หัวล้านได้ยินก็ทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง จากนั้นควันดำก็ถูกพ่นออกมาทางจมูก แสงสีดำเปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นเงาร่างพุ่งออกไป พริบตาเดียวก็มาอยู่ห่างจากผู้อาวุโสขุยมู่ไม่กี่จั้ง

แต่ขณะนั้นเอง เกิดเสียงดัง “ปัง!” “ปัง!” อักขระหลากสีเปล่งประกายบนพื้นบริเวณนั้นทันที และระเบิดออกมาภายในพริบตา ไอหมอกสีขาวสลัวๆ พวยพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นทะเลหมอกอันหนาแน่นปกคลุมชายฉกรรจ์ไว้

“ค่ายกล?”

ชายฉกรรจ์หัวล้านเห็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะหยุดชะงักลง แต่กลับเผยแววตาดุร้ายและอ้าปากในฉับพลัน ลำแสงสีดำลำหนึ่งถูกพ่นออกมา หลังจากกะพริบผ่านไปแล้ว ก็เจาะทะลุหมอกขาวตรงหน้าจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ และโจมตีลงบนตัวผู้อาวุโสขุยมู่ที่อยู่ไม่ไกลพอดี

“ตู๊ม!”

โล่ไม้สีเขียวปรากฏออกมาตรงหน้าผู้อาวุโสขุยมู่ แต่พริบตาเดียวก็ถูกลำแสงสีดำโจมตีจนแตกกระจาย ทำให้เขาจำต้องเอาไม้เท้าในมือมาตั้งขวางไว้ตรงหน้า ภายใต้การปล่อยแสงสีเขียวเป็นระยะๆ ถึงต้านทานอานุภาพของลำแสงที่เหลือได้

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ของหุบเขาปีศาจสวรรค์ผู้นี้ ก็ต้องร่นถอยออกไปสองก้าว

ผู้อาวุโสขุยมู่รู้สึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้ ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเล

“สหายทั้งสอง ปีศาจตนนี้ได้ตกอยู่ค่ายกลแล้ว หากยังไม่ลงมือในตอนนี้ จะรอจนถึงเมื่อไหร่เล่า”

พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง หมอกขาวก็แยกออกมา หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งปรากฏตัวทั้งด้านพร้อมกัน ทั้งสามยืนเป็นมุมสามเหลี่ยมปิดล้อมชายฉกรรจ์หัวล้านไว้

หวงอิ๋งตะคอกออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เงาสีเขียวเปล่งประกายบนมือ ขลุ่ยหยกสีเขียวปรากฏออกมาอีกครั้ง พอมันสั่นไหวก็มีเสียงขลุ่ยดังกังวาน แสงสีเขียวบนพื้นผิวหลุดออกมา พริบตาเดียวก็กลายเป็นอสรพิษหยกสิบกว่าตัวที่มีขนาดหลายจั้ง และกระโจนเข้าใส่ชายฉกรรจ์หัวล้าน

หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย ไอดำพวยพุ่งออกจากร่าง แขนทั้งสองยื่นออกไปด้านหน้าทันที เกิดเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังอยู่พักหนึ่ง จากนั้นมังกรหมอกดำสี่ตัวกับพยัคฆ์หมอกดำสี่ตัว ก็พุ่งออกไปข้างหน้าพร้อมกัน

ผู้อาวุโสขุยมู่พลิกฝ่ามือทั้งสองข้าง จากนั้นธงเล็กสีขาวก็ปรากฏบนมือข้างละอัน พอมีเสียงร่ายคาถาต่ำๆ ดังออกมา ธงเล็กในมือทั้งสองก็สะบัดไปซ้ายขวา แสงสีขาวค่อยๆ เปล่งประกายออกจากธง และเข้าไปรวมกับค่ายกล

ไอหมอกสีขาวพวยพุ่งภายในค่ายกลทั้งสองด้านทันที ชายฉกรรจ์หัวล้านรู้สึกถึงคลื่นสั่นสะเทือนรอบด้าน พลังมหาศาลกดดันเข้ามาจากทั่วทิศ

ชายฉกรรจ์หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง อักขระสีดำปรากฏบนพื้นผิวเป็นชั้นๆ พริบตาเดียวก็ต้านทานพลังรอบด้านไว้ได้ จากนั้นก็อ้าปากพ่นดาบเล็กที่มีรูปร่างคล้ายเขาโคออกมา มันขยายใหญ่ตามแรงลมจนมีขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ และพร่ามัวฟันออกไปทั่วทิศ

แสงดาบสีดำม้วนตัวขึ้นมา

“ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” เกิดเสียงดังติดต่อกัน!

อสรพิษหยกสิบกว่าตัวสัมผัสกับแสงดาบเพียงเล็กน้อย ก็ถูกฟันจนกลายเป็นชิ้นๆ

มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกที่ตามมาถึงทีหลัง รับมือกับแสงดาบสีดำได้เพียงครู่เดียว ก็ระเบิด “ตู๊ม!” กลายเป็นไอดำอันพวยพุ่ง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกใจเย็นสะท้าน พอดีดนิ้วทั้งสิบออกไป ปราณกระบี่สีทองก็ม้วนตัวออกมาต้านทานการโจมตีของแสงดาบไว้ได้

หวงอิ๋งรีบโบกสะบัดขลุ่ยหยกด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที จากนั้นมันก็กลายเป็นเงาร่างวิหคสีเขียว ที่พอจะต้านทานแสงดาบสีดำที่โจมตีเข้าหานางไว้ได้อย่างยากลำบาก

ผู้อาวุโสขุยมู่กลับคำรามเสียงต่ำออกมา ธงเล็กในมือถูกโยนออกไปด้านหน้า และดีดนิ้วทั้งสิบออกไปอีกครั้ง

พอหมอกขาวรอบด้านม้วนตัว มันก็กลายเป็นคลื่นยักษ์สีขาวพุ่งใส่ชายฉกรรจ์หัวล้านที่อยู่ตรงกลาง

อานุภาพน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง!

ชายฉกรรจ์หัวล้านเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะฮ่าๆ! พอเอามือทั้งสองถูกัน กลุ่มแสงสีเขียวก็พุ่งขึ้นฟ้า และหมุนติ้วๆ กลายเป็นคลื่นน้ำวนสีดำ

แรงดึงดูดอันน่าเหลือเชื่อม้วนตัวออกมา

หมอกขาวที่โจมตีเข้ามารอบด้านถูกแรงดึงดูดมหาศาลนี้ดูดเข้าไป และค่อยๆ จมหายไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย

ผู้อาวุโสขุยมู่เห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าซีดขาวโดยไม่รู้ตัว

ขณะนี้ชายฉกรรจ์หัวล้านทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง คลื่นน้ำวนสีดำเหนือศีรษะขยายใหญ่ขึ้นมาในฉับพลัน

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ รู้สึกถึงร่างกายที่สั่นสะท้าน และก็ถูกแรงดึงดูดนี้ลากไปตรงหน้าชายฉกรรจ์โดยตรง

หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดในทันที เกิดเสียงดังกรอบแกรบภายในร่าง จากนั้นร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นเท่าตัว และทรงตัวไว้ได้อย่างมั่นคง

ผู้อาวุโสขุยมู่กับหวงอิ๋งก็พากันทำท่ามือ จากนั้นแสงหลากสีก็เปล่งประกายบนตัวอย่างบ้าคลั่ง และหลุดพ้นจากแรงดึงดูดนี้ได้

ขณะนี้ ไอหมอกสีขาวถูกคลื่นน้ำวนสีดำดูดไปจนหมดสิ้นแล้ว คลื่นน้ำวนที่เคยเป็นสีดำก็เริ่มซีดลงเล็กน้อยแล้ว

ชายฉกรรจ์หัวล้านหัวเราะเฮ่อๆ! พอก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ชุดดำบนตัวก็สะบัดตามแรงลม ขณะเดียวกันก็ชี้มือข้างหนึ่งขึ้นฟ้า และตะโกนคำว่า “ระเบิด!” ออกมา

“ตู๊ม!”

คลื่นน้ำวนสีดำระเบิดออกมาในพริบตา จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีดำสองกลุ่มที่มีขนาดเท่าล้อรถ และพวยพุ่งไปทางหลิ่วหมิงทั้งสาม

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ไอดำพุ่งออกจากแขนเสื้อ และหมุนติ้วๆ กลายเป็นโล่กระดูกสีดำอันหนึ่ง มันขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดจั้งกว่าๆ และต้านทานไว้ตรงหน้า

“ตู๊ม!”

กลุ่มแสงสีดำระเบิดตัวบนโล่กระดูกจนกลายเป็นแสงทรงกลดเจิดจ้า พลังมหาศาลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง ร่างกายของเขาสั่นสะเทือนจนต้องร่นถอยออกไปครึ่งก้าว

ขณะเดียวกัน หลังจากแสงสีดำเปล่งประกายผ่านทั้งสองด้านของเขาไป มันก็ระเบิดอานุภาพอันน่าตกใจออกมา และผสมคละเคล้าด้วยเสียงร้องอย่างเวทนา

พอหลิ่วหมิงเหลือบตามอง ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที

ผู้อาวุโสขุยมู่กระเด็นออกไปสิบกว่าจั้ง ร่างกายของเขาโซเซและทรงตัวได้ใหม่อีกครั้ง ไม่รู้ว่ามีง่ามสีเหลืองที่มีลวดลายจิตวิญญาณสีเงินปกคลุมเป็นชั้นๆ ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ใบหน้าซีดขาวผิดปกติ หน้าอกก็กระเพื่อมขึ้นลงอยู่ไม่หยุด

อีกด้านหนึ่ง หวงอิ๋งกึ่งคุกเข่าอยู่กลางหลุมยักษ์แล้ว ขลุ่ยหยกสีเขียวถูกฟันเป็นชิ้นๆ ร่วงอยู่ด้านข้าง

มือขวาที่เคยถือขลุ่ยหายไปอย่างไร้ร่องรอย โลหิตกำลังพุ่งออกจากบาดแผลตรงไหล่ราวกับน้ำพุ

กลุ่มแสงสีดำในเมื่อครู่รวดเร็วมากจริงๆ นางคิดจะใช้ขลุ่ยหยกในมือต้านทาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอานุภาพของแสงกลุ่มนี้จะน่าตกใจเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำลายขลุ่ยหยกไปเท่านั้น แม้แต่แขนของนางก็ถูกสั่นสะเทือนจนกลายเป็นหมอกโลหิต

ภายใต้ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นางยังไม่ทันได้ใช้มือข้างที่เหลือนำยันต์ออกมารักษาบาดแผล ก็มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” พอเงาดำเคลื่อนไหวผ่านตรงหน้า ร่างขนาดมหึมาของขายฉกรรจ์หัวล้านก็ปรากฏออกมา

“ข้าเกลียดคนเผ่าหมานอย่างพวกเจ้าที่สุด ไปตายซะเถอะ!” ชายฉกรรจ์เผยแววตาโหดเหี้ยมออกมา พอคว้ามือข้างหนึ่งออกไป ดาบรูปเขาโคก็ปรากฏออกมาในมือ เพียงแค่สะบัดเล็กน้อย มันก็กลายเป็นคมดาบสีดำจำนวนมาก และฟันลงมาทันที

หญิงสาวที่มีกลิ่นไออ่อนแออย่างถึงขีดสุดรู้สึกใจสั่นสะท้าน แต่ก็กัดฟันเอามือข้างที่มีสภาพสมบูรณ์คว้าไปยังบาดแผล

“ฟู่!” แถบสีเลือดถูกดึงออกจากแขนข้างที่ขาด หลังจากรวมตัวกันกลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นคมดาบสีเลือดเล่มหนึ่ง

“ตู๊ม!” คมดาบโลหิตปะทะกับคมดาบยักษ์ แม้ว่ามันจะแตกกระจายออกมาเป็นหมอกโลหิต แต่ก็ทำให้คมดาบยักษ์ที่ร่วงมาหยุดชะงักเล็กน้อย

หวงอิ๋งถือโอกาสนี้บิดตัวกลายเป็นเงาร่างพุ่งออกไปด้านหลัง

เห็นได้ชัดว่าชายฉกรรจ์คิดไม่ถึงว่านางจะยังมีไม้นี้อยู่ จึงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว และนำคมดาบยักษ์ในมือมาตั้งขวางไว้ จากนั้นก็ฟันออกไปเรียบๆ

ขณะนั้นเอง เกิดคลื่นสั่นสะเทือนตรงหน้าชายฉกรรจ์ จากนั้นหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาราวกับปีศาจ และยกมือข้างหนึ่งปล่อยสายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่ออกไป ขณะเดียวกันแขนอีกข้างก็พร่ามัวขึ้นมา กำปั้นที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีม่วงชกออกไปอย่างบ้าคลั่ง เงากำปั้นขนาดเท่าอ่างล้างหน้าพุ่งออกไปพร้อมเสียงแผดร้อง

เกิดเสียงดังขึ้นมา!

ชายฉกรรจ์หัวล้านตะคอกด้วยความโมโห ดาบยักษ์ในมือยังคงฟันออกไป จนทำให้เงากำปั้นสีดำถูกผ่าจากตรงกลาง แต่ว่าพลังอันน่าตกใจที่พุ่งออกจากกำปั้นทำให้แขนของเขารู้สึกร้อนขึ้นมา

ครู่ต่อมา เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น

พอแสงสายฟ้าเปล่งประกาย สายฟ้าสีเงินก็โจมตีลงบนดาบยักษ์ และกลายเป็นไหมเล็กละเอียดพุ่งออกมาจำนวนมาก

ชายฉกรรจ์รู้สึกแค่ว่ามือที่จับดาบอยู่ชาขึ้นมาทันที ร่างกายครึ่งหนึ่งหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว

ขณะนั้นเอง หวงอิ๋งที่พุ่งถอยออกไปกลับร่ายคาถาออกมา และชี้มือข้างหนึ่งไปทางชายฉกรรจ์

“ฟิ้ว!” หมอกโลหิตที่เกิดจากการแตกกระจายของดาบโลหิตม้วนตัวกลับไปทันที และกลายเป็นโซ่โลหิตพันรอบตัวชายหัวล้านไว้ในพริบตา และพยายามรัดแน่นยิ่งขึ้น

ชายฉกรรจ์รู้สึกว่าตัวแน่นขึ้นมา บวกกับอานุภาพการโจมตีของวิชาสายฟ้าสวรรค์ยังคงเหลืออยู่ จึงไม่สามารถหลุดออกมาได้ชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

“ฟู่!” เงาร่างจางๆ กะพริบผ่านด้านข้างชายฉกรรจ์ราวกับพายุ และมาปรากฏอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ซึ่งเขาก็คือผู้อาวุโสขุยมู่นั่นเอง

ชายฉกรรจ์หัวล้านส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ทันใดนั้นแขนทั้งสองก็ออกแรงสลัดจนหลุดออกจากโซ่โลหิตไปได้ แต่ร่างของเขากลับโซเซจนเกือบล้มลงพื้น

บนไหล่ของเขามีง่ามบินสีเหลืองที่จมเข้าไปครึ่งหนึ่ง

ขณะนี้ ผู้อาวุโสขุยมู่ที่หันหน้ากลับมาไม่มีสีหน้าดีใจเลยแม้แต่น้อย สายตาที่มองดูชายฉกรรจ์กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ผู้ฝึกฝนปีศาจคนนี้แข็งแกร่งมาก ขณะที่ถูกโซ่โลหิตพันอยู่ ยังสามารถบิดตัวในช่วงเวลาสำคัญจนหลบพ้นจุดสำคัญไปได้ อีกอย่างกายเนื้อก็แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ง่ามบินที่นับว่าเป็นต้นแบบอาวุธเวทก็ไม่อาจแทงทะลุได้

ขณะนั้นเอง เกิดเสียงดังก้องฟ้า เงากระบี่สีทองจางๆ พุ่งยิงเข้ามา จากนั้นก็พร่ามัวพุ่งยิงไปทางหน้าผากของชายฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว

การกระทำรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ!

ในที่สุดชายฉกรรจ์หัวล้านก็เผยสีหน้าตกใจออกมา หลังจากส่งเสียงคำรามออกมา แสงสีดำแวววาวจำนวนมากก็พุ่งออกจากตัว ขณะเดียวร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นมา

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด