ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 708 ยันต์จันทราฟ้าร้อง

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 708 ยันต์จันทราฟ้าร้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเกิดเสียงดัง “อู้ๆ!” เงาดำสองเงาก็โจมตีเข้าใส่ปีศาจสายฟ้า

“หืม?” เลี่ยเทียนเจิ้นเห็นเช่นนี้ก็ไม่ขยับแขนขาแต่อย่างใด แสงสายฟ้าเปล่งประกายบนตัว จากนั้นแสงสีม่วงก็ม้วนตัวออกมา ทำให้เงาดำทั้งสองจนหยุดชะงักลง มันคือไม้เท้าแห้งเหี่ยวกับดาบสั้นสีดำเล่มหนึ่ง ดูจากแสงจิตวิญญาณที่เปล่งประกายแล้ว เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นต้นแบบอาวุธเวท

ในขณะนั้นเอง ต้นแบบอาวุธเวททั้งสองก็ระเบิดออกมาเป็นดอกเห็ดสีเหลืองกับสีดำสองกลุ่มที่สูงหลายสิบจั้ง ทำให้ก้อนหินจำนวนมากพังทลายลงมา

แม้ว่าเลี่ยเจิ้นเทียนจะมีพลังล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาได้ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยสายฟ้าป้องกันตัวออกมาต้านทานไว้

ในระหว่างเวลานี้ หลิ่วหมิงอาศัยเวลาเพียงพริบตาเดียวกระตุ้นปีกสีเงินบนหลังออกมา จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นแสงสีทองบินออกจากปากถ้ำ และพุ่งออกไปไกลๆ

หลังจากนั้น ยอดเขาทั้งลูกก็พลังทลายลงมาทันที

แต่ทว่าผ่านไปแค่สามอึดใจ แสงสายฟ้าสีม่วงลำหนึ่งก็พุ่งออกจากในนั้น พอแสงดับลงก็เผยให้เห็นร่างของปีศาจสายฟ้า

แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่บนตัวก็มีสภาพกระเซอะกระเซิงเป็นอย่างมาก สีหน้าดำราวกับเหล็ก พอแหงนหน้าส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห แสงโลหิตก็เปล่งประกายบนตัว อักขระสีเลือดปรากฏบนหน้าผาก จากนั้นก็ม้วนร่างของเขาพุ่งตามออกไปในพริบตา

……

ครึ่งวันต่อมา เหนือเทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกันแห่งหนึ่ง แสงกระบี่สีทองที่ยาวสิบกว่าจั้งพุ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ ราวกับฝนดาวตก

ท่ามกลางแสงสีทอง จะเห็นว่ามีชายหนุ่มชุดคลุมสีเทากำลังกวาดสายตามองดูด้านหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เขาก็คือหลิ่วหมิงที่หลบหนีมาตลอดทางจนมาถึงสถานที่แห่งนี้นั่นเอง

หลังจากผ่านศึกในครั้งก่อน ทำให้เขารู้จักพลังของปีศาจสายฟ้าชัดเจนขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย

“หืม?”

หลิ่วหมิงรู้สึกใจเต้นขึ้นมา เมื่อครู่จิตรับรู้ของเขาค้นพบว่ามีเสียงดังหวึ่งๆ อยู่ด้านหน้าไม่ไกล มันคือปีศาจผึ้งห้าแสงฝูงใหญ่นั่นเอง

หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว หลิ่วหมิงก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย พอเขาเปลี่ยนท่าเคล็ดกระบี่ ก็เปลี่ยนทิศทางไปยังยอดเขาบางแห่งที่อยู่บริเวณนั้นทันที

ไม่นาน มีจุดแสงสองสามจุดเปล่งประกายบนยอดเขา และหายไปอย่างรวดเร็ว

พอแสงหลบหลีกสีม่วงตามมาถึง ก็หยุดชะงักกลางอากาศทันที พอแสงสีม่วงดับลง ร่างของปีศาจสายฟ้าก็ปรากฏออกมา

ตอนนี้เขากำลังหรี่ตาทั้งคู่จ้องมองยอดเขาด้านล่าง เมื่อครู่เขารู้สึกว่าหลิ่วหมิงหยุดลงในฉับพลัน ทั้งยังซ่อนตัวอยู่บริเวณนี้ แต่ว่ากลิ่นไอของเขาไม่แน่นอน คิดว่าคงจะแสดงวิธีซ่อนเร้นขั้นสูงอีกแล้ว

“เจ้ามนุษย์น้อย วิ่งไม่ไหวแล้วหรือ? ยอมรับความตายเสียโดยดีเถอะ ไม่แน่ข้าอาจจะใจดีให้ศพเจ้ามีสภาพสมบูรณ์ก็ได้” เลี่ยเจิ้นเทียนตะโกนออกมาราวกับเสียงฟ้าร้อง ขณะเดียวกัน พลังจิตมหาศาลก็กวาดดูบริเวณนั้นว่าตรงไหนมีเงาของมนุษย์อยู่บ้าง

“ฮึ! เจ้ามนุษย์น้อยขี้ขลาด!” ปีศาจสายฟ้าทำเสียงฮึดฮัด ทันใดนั้นก็เลิกคิ้วแล้วมองไปยังมุมบางแห่งตรงด้านล่าง

เมื่อครู่ดูเหมือนเขาจะเหลือบเห็นแสงสีทองอันคุ้นเคยเปล่งประกายผ่านก้อนหินยักษ์บนยอดเขาด้านล่างอย่างรวดเร็ว

ด้วยระดับการฝึกฝนของเลี่ยเจิ้นเทียน ย่อมไม่ยอมให้เบาะแสนี้หลุดรอดไปอย่างแน่นอน หลังจากสูดหายใจเข้าไปหนึ่งทีแล้ว ก็หายวับมาปรากฏตัวเหนือก้อนหินยักษ์ และฟาดฝ่ามือลงไปอย่างไม่ลังเล จนทำให้ก้อนหินระเบิดออกมา

แต่ว่าก้อนหินด้านล่างล้วนว่างเปล่า!

แต่ขณะนั้นเอง แสงสีทองก็เปล่งประกายท่ามกลางเศษหินที่ระเบิดออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าหาปีศาจสายฟ้าอย่างรวดเร็ว

มียันต์สีเหลืองทองถูกห่อหุ้มอยู่ท่ามกลางแสงสีเหลือง มันคือยันต์จันทราฟ้าร้องที่อินจิ่วหลิงมอบให้หลิ่วหมิงใช้ป้องกันชีวิตนั่นเอง!

ยันต์สีเหลืองทองยังไม่ทันได้สัมผัสกับเลี่ยเจิ้นเทียน มันก็ระเบิดตัวกลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นแสงสายฟ้าสีเทาขนาดเท่าล้อรถ และพวยพุ่งเข้าหาเลี่ยนเจิ้นเทียนด้วยอานุภาพดุดัน

ระยะห่างอันใกล้เช่นนี้ เลี่ยเจิ้นเทียนไม่อาจหลบหลีกได้ทัน จึงเลิกคิ้วขึ้นมาทันที และนำแขนทั้งสองมาไขว้กันด้านบนด้วยสีหน้าบึ้งตึง สายฟ้าสีม่วงสองกลุ่มปรากฏบนฝ่ามือ พอดึงลงทั้งสองด้าน สายฟ้าสีม่วงขนาดเท่าลำแขนหนึ่งเส้น ก็ปรากฏในระหว่างฝ่ามือทั้งสอง และต้านทานแสงสายฟ้าสีเทาไว้โดยตรง

ครู่ต่อมา สายฟ้าสีเทาปะทะลงมาราวกับฝนดาวตก!

“ตู๊มต๊าม!”

เกิดเสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่น เมฆสายฟ้าสีเทากับสีม่วงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าจั้งพุ่งออกมาจากอากาศ และม้วนร่างเลี่ยเจิ้นเทียนไว้ด้านใน จนแม้แต่ลมพายุก็ไม่อาจเล็ดลอดเข้าไปได้

เสียงระเบิดประสานเข้ากับแสงสายฟ้าเจิดจ้า ทำให้ทุกสิ่งที่อยู่บริเวณรอบๆ มืดสลัวไร้ซึ่งสีสัน

พอมองดูอย่างละเอียด สายฟ้าสีม่วงแต่ละเส้นที่ดูราวกับอสรพิษกำลังเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางเมฆสายฟ้าสีเทา บริเวณที่สายฟ้าสีม่วงพุ่งผ่าน เมฆสายฟ้าสีเทาก็เบาบางลงและสลายไป

ผ่านไปแค่สองสามอึดใจ ภายใต้การพุ่งผ่านของสายฟ้าสีม่วง เมฆสายฟ้าสีเทาก็พังทลายลง เผยให้เห็นเลี่ยเจิ้นเทียนที่ยังยกแขนทั้งสองอยู่

ยันต์จันทราฟ้าร้องที่มีเทียบเท่ากับการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของระดับแก่นแท้ขั้นปลายนี้ สำหรับปีศาจสายฟ้าระดับดาราพยากรณ์ที่ฝึกฝนทางด้านสายฟ้าเป็นหลักแล้ว ย่อมไม่อาจทำอันตรายอะไรเขาได้ แต่ภายใต้การโจมตีระยะใกล้โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ กลับทำให้เขาหน้าตามอมแมมไปด้วยฝุ่น

จะเห็นว่าชุดคลุมสีม่วงของเขาถูกระเบิดจนกลายเป็นสีดำไปทั้งแถบ และมีกลิ่นไหม้โชยออกมาเล็กน้อย

เลี่ยเจิ้นเทียนทำเสียงฮึดฮัด พอวางแขนทั้งสองลง ก็กวาดสายตามองดูรอบด้านเพื่อหาร่องรอยของหลิ่วหมิง

แต่ครู่ต่อมา สีหน้าของเขากลับค่อยๆ เปลี่ยนไป และอดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นมาดมเล็กน้อย ทันใดนั้น กลิ่นไออันหอมหวานก็พุ่งเข้าเตะจมูก

“นี่คือ…น้ำผึ้งราชินีผึ้งห้าแสง?” แม้เขาจะไม่สนใจว่าหลิ่วหมิงจะวางยาพิษหรือไม่ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิ่วหมิงถึงซ่อนน้ำผึ้งราชินีผึ้งห้าแสงไว้ในยันต์จันทราฟ้าร้อง

ขณะที่รู้สึกอึ้งเล็กน้อยนั้น ก็มีเสียงกระบี่เข้าดังมาจากสถานที่ที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นเงาร่างสีเทาก็กลายเป็นแสงกระบี่สีทองพุ่งออกจากด้านหลังก้อนหิน และทะยานขึ้นฟ้า หลังจากหมุนวนหนึ่งที ก็พุ่งออกไปไกลๆ

“เจ้ามนุษย์น้อยอย่าคิดหนีนะ!” เลี่ยเจิ้นเทียนรีบพุ่งตามไปโดยไม่ทันได้คิดอะไรมาก

แต่ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงหวึ่งๆ ดังเข้ามา

พอเลี่ยเจิ้นเทียนขมวดคิ้วแหงนหน้ามองออกไป สีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไปในทันที

ไม่รู้ว่าอากาศรอบด้านมีเมฆแมลงสีเหลืองดำปรากฏตัวออกมาเป็นฝูงๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฝูงที่มีขนาดใหญ่ก็กินพื้นที่หนึ่งหมู่กว่าๆ ขนาดเล็กก็กว้างหลายจั้ง พวกมันปกคลุมเต็มฟ้าจนทำให้ท้องฟ้ากว่าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีเหลืองดำ

เสียงดังหวึ่งๆ ในก่อนหน้านั้น ย่อมมาจากเมฆแมลงเหล่านี้

เมฆแมลงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่อึดใจ เงาร่างแมลงจิตวิญญาณตรงหน้าก็ดูชัดเจนขึ้นมา

มันคือฝูงผึ้งห้าแสงนั่นเอง สองสามตัวที่อยู่ตรงหน้ามีการฝึกฝนระดับแก่นแท้แล้ว!

ทิศทางที่เมฆแมงบินเข้ามาก็คือ ทิศทางที่ปีศาจสายฟ้าอยู่นั่นเอง

มาถึงเวลานี้แล้ว ไหนเลยเลี่ยเจิ้นเทียนจะไม่รู้ว่าตนเองตกอยู่ในหลุมพรางของหลิ่วหมิงเข้าแล้ว ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะด้วยความโกรธแค้น

แขนทั้งสองเริ่มสั่นสะท้านในทันที แสงสายฟ้าเปล่งประกายบนตัว พอโบกมือยักษ์ สายฟ้าสีม่วงขนาดใหญ่ก็ฟาดฟันใส่ฝูงผึ้ง

“ตู๊ม!”

พอแสงสายฟ้าสีม่วงร่วงเข้าไปท่ามกลางเมฆแมลง มันก็ระเบิดตัวออกมาเป็นสายฟ้าสีม่วงหลายสิบเส้น และทะลวงไปมาในเมฆแมลง

ขณะที่มีเสียงสายฟ้าดังเปรี้ยงๆ ปีศาจผึ้งห้าแสงจำนวนมากก็ถูกระเบิดจนแตกกระจาย และร่วงลงมา แต่ปีศาจผึ้งที่เหลือกลับม้วนตัวเข้าหาปีศาจสายฟ้าด้วยความโมโหกว่าเดิม และพากันปล่อยเหล็กในพิษออกมา

ทันใดนั้น หนามดำเรืองแสงสีเขียวก็ร่วงลงเต็มฟ้าราวกับฝนตก

แม้ว่าเลี่ยเจิ้นเทียนจะไม่รู้สึกหวาดกลัวเหล็กไนพิษเหล่านี้ แต่ท่ามกลางผึ้งห้าแสงเหล่านี้ยังมีระดับผลึก ระดับแก่นแท้ปะปนอยู่ไม่น้อย หากไม่ระวังล่ะก็ การขับพิษก็ค่อนข้างยุ่งยากเช่นกัน ที่สำคัญก็คือมันยังส่งผลกระทบต่อการจับตัวหลิ่วหมิงด้วย

เขาทำเสียงฮึดฮัดออกมาในทันที พอยกแขนเสื้อขึ้น เกราะกำบังสายฟ้าก็เปล่งประกายตรงหน้า พอเหล็กในพิษเหล่านี้ปะทะลงบนนั้น ก็ค่อยๆ ร่วงลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง

ขณะที่เลี่ยเจิ้นเทียนต้านทานการโจมตีของเหล็กไนพิษไปหนึ่งรอบนั้น เขาก็ปล่อยมือออกไปโจมตีอย่างรวดเร็วอยู่หลายครั้ง หลังจากโจมตีปีศาจผึ้งส่วนมากไปแล้ว ปีศาจผึ้งห้าแสงเหล่านี้ก็ดวงตาแดงก่ำ และโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่คิดถึงชีวิต

และพอเขาเหลือบตามอง ก็ค้นพบว่าห่างออกไปไม่ไกลมีเมฆแมลงสีเหลืองดำขนาดใหญ่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่ายิ่งโจมตีมันจะยิ่งมีมากขึ้น

เลี่ยเจิ้นเทียนคำรามด้วยความโมโห แสงสายฟ้าเปล่งประกายรอบตัว

แขนทั้งสองทำท่ามือ และกระตุ้นเคล็ดวิชาในทันที

สายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยแต่ละเส้นก่อตัวขึ้นมา และหมุนวนรอบตัวไม่หยุด จากนั้นเขาก็หมุนตัวเองหนึ่งรอบอย่างรวดเร็ว  สายฟ้าสีม่วงม้วนตัวออกไปเป็นรูปพัด และม้วนเข้าใส่เมฆแมลงกลางอากาศ

เกิดเสียงฟ้าร้องดังอยู่พักหนึ่ง!

สายฟ้าสีม่วงขนาดใหญ่แต่ละเส้นพุ่งออกจากแสงสายฟ้ารูปพัด และกวาดผ่านเมฆแมลงราวกับอสรพิษยักษ์ ทำให้เกราะกำบังถูกฟันจนกลายเป็นผุยผง!

เลี่ยเจิ้นเทียนพุ่งออกมาราวกับเทพสายฟ้าบรรพกาล และกลายเป็นแสงสายฟ้าสีม่วงพุ่งยิงออกไปไกลๆ

ความเร็วของเขารวดเร็วจนคาดไม่ถึง!

หลิ่วหมิงรับรู้ถึงคลื่นสั่นสะเทือนในหุบเขาที่อยู่เบื้องหลังไกลๆ ได้ หลังจากเห็นเลี่ยเจิ้นเทียนพุ่งออกมาด้วยอานุภาพน่าตกใจ เขาก็กลืนโอสถลงไปหลายเม็ด และกระตุ้นพลังเวทอีกครั้ง

เขากระตุ้นเกราะอสูรให้งอกปีกออกมาครู่หนึ่ง พอกระพือปีก ก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นทันที

“เจ้ามนุษย์น้อย รอจับตัวได้ก่อนเถอะ ข้าจะลอกหนังดึงเอ็นขยี้กระดูกของเจ้าจนป่นเลย!” น้ำเสียงของเลี่ยเจิ้นเทียนดังมาจากที่ไกลๆ

อย่างที่รู้ว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดในแดนใต้ ไหนเลยจะเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะถูกมนุษย์ระดับผลึกผู้หนึ่งจูงจมูกจนเวลาผ่านไปนานเช่นนี้ ทั้งยังไม่ได้แตะชายเสื้อของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย!

ต่อมา แสงหลบหลีกสีทองกับสีม่วงก็ไล่ล่ากันจนเข้าไปสู่ส่วนลึกของเทือกเขาจูหลง

หนึ่งเดือนต่อมา แสงกระบี่สีทองพุ่งเข้ามาบริเวณขอบเทือกเขา และพุ่งออกไปไกลๆ ในพริบตา

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป แสงสายฟ้าสีม่วงก็พุ่งผ่านบริเวณนี้ไป และพุ่งตามไปอย่างไม่ลดละ

หลิ่วหมิงกับปีศาจสายฟ้าไล่ล่ากันเช่นนี้ จนออกไปจากอาณาเขตเทือกเขาจูหลงโดยไม่รู้ตัว

ภายใต้การหลบหลีกเป็นเวลานาน แม้จะบอกว่ามีโอสถจำนวนมากคอยช่วยเสริม แต่หลิ่วหมิงก็รู้สึกว่าใจสู้แต่พลังไม่สู้แล้ว ประจักษ์ชัดว่าสูญเสียพลังใจ พลังกาย และพลังจิตไปมาก

ขณะนี้ ปีศาจสายฟ้าที่อยู่ด้านหลังก็รู้สึกรับไม่ไหวเช่นกัน ใบหน้าไร้ความรู้สึกของเขาซีดขาวเล็กน้อย ดวงตากลับดูเคร่งครึมเด็ดขาด ประจักษ์ว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว ต่อให้จะตามล่าจนออกไปจากแผ่นดินจงเทียน ก็จะสังหารหลิ่วหมิงให้ได้!

แต่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับพยากรณ์ผู้นี้ ก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แค่ผู้ฝนระดับผลึกคนหนึ่งกลับมีโอสถฟื้นฟูพลังเวทมากมายเช่นนี้ ตามความคิดของเขาในตอนแรก คงจะตามเจ้ามนุษย์น้อยนี้ทัน และฉีกศพเขาเป็นชิ้นๆ ไปได้ตั้งนานแล้ว

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด