ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 732 ความวุ่นวายในหนานฮวง (1)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 732 ความวุ่นวายในหนานฮวง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อยากจะถามว่าเหตุใดโลหิตปีศาจสวรรค์หยดนั้นถึงได้หายไปล่ะสิ!” หลิ่วหมิงพูดยังไม่ทันจบ หลัวโหวกลับเอ่ยปากออกมาก่อน

“ใช่แล้ว! ขอผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ!” หลิ่วหมิงก็ไม่ได้รู้สึกเดือดดาลแต่อย่างใด แต่กลับประสานมือกล่าว

“เจ้ารู้ไหมว่า เจ้าเดินผ่านประตูนรกไปหนึ่งรอบแล้ว” หลัวโหวจ้องมองหลิ่วหมิงแล้วกล่าวอย่างราบเรียบ

หลิ่วหมิงได้ยินก็มีสีหน้าตกใจขึ้นมา

“เจ้าคิดว่าโลหิตหยดนั้นคือโอสถที่หาได้ทั่วไปหรือ คิดจะกลืนก็กลืนได้หรือ? โลหิตปีศาจสวรรค์แฝงไปด้วยสายเลือดเข้มข้นของเผ่าปีศาจต่างๆ สำหรับผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจแล้วสามารถพูดได้ว่าเป็นของที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง หากทานเข้าไปล่ะก็ จะได้รับพลังล้างไขกระดูกหมื่นปีศาจ นำสายเลือดของเผ่าต่างๆ เข้าไปรวมกันในร่าง ร่างปีศาจของตัวเองถึงแข็งแกร่งขึ้นมาเป็นอย่างมาก แต่เจ้าไม่ใช่เผ่าปีศาจ ตอนที่กลืนโลหิตหยดนั้น เดิมทีควรจะร่างระเบิดเสียชีวิตไปแล้ว หลัวโหวทำราวกับมองไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลิ่วหมิง และยังคงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น

สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่ง และไม่ได้พูดต่อแต่อย่างใด

เพราะเขารู้ดีว่า ในเมื่อหลัวโหวพูดถึงเรื่องนี้แล้ว จะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างชัดเจนแน่นอน

เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ไม่นานหลัวโหวก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม

“ไม่รู้จะบอกว่าเด็กอย่างเจ้าดวงแข็งหรือโชคดีกันแน่ หลังจากกลายร่างเป็นปีศาจในตอนนั้น ไม่รู้ว่าไปสัมผัสกับพลังป้องกันของกรงขังได้อย่างไร ถึงได้ใช้พลังนี้กลั่นโลหิตหยดนั้นไปหนึ่งรอบ มันถึงผสมผสานเข้าไปในร่างของเจ้า”

“ถ้าอย่างนั้นโลหิตเผ่าปีศาจที่ผสานเข้าไปในร่างของข้าจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่?” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็มีเหงื่อเย็นผุดออกมาตรงหลัง และรีบถามออกไปทันที

“กรงขังล้ำลึกมหัศจรรย์ไม่มีที่สิ้นสุด โลหิตปีศาจสวรรค์ที่ถูกทำให้บริสุทธิ์แล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่มีผลร้าย แต่ยังมีส่วนช่วยในการทำให้กายเนื้อของเจ้าแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในภายหน้าด้วย” หลัวโหวค่อยๆ กล่าวออกมา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ผู้น้อยก็วางใจแล้ว แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นมา ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดอสูรเลี้ยงทั้งสองของผู้น้อยถึงหลับลึกมาจนถึงวันนี้ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่?” หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจมาก และรู้สึกวางใจไปเปราะหนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาถามออกไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่ผิด! ส่วนที่ไม่อาจผสานเข้ากับร่างของเจ้าได้ หลังจากถูกกรงขังแยกออกมา ก็ถูกใส่เข้าไปในอสูรเลี้ยงทั้งสองของเจ้า แมงป่องกระดูกกับหัวบินก็ได้รับความโชคดีกับเคราะห์ในครั้งนี้ด้วย ภายในร่างของพวกมันเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ตอนที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งคงจะบรรลุระดับผลึกโดยตรง” หลัวโหวหยักหน้าแล้วกล่าวต่อ

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ” หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจึงรีบกล่าวขอบคุณออกมา

“เจ้าอย่ารีบดีใจจนเกินไป เจ้ากลายร่างเป็นปีศาจหลายครั้ง คุณสมบัติปีศาจสะสมอยู่ในร่างของเจ้าไม่น้อย บวกกับหลังจากทานโลหิตปีศาจสวรรค์หยดนี้ลงไปแล้ว ร่างกายไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง หากกลายร่างเป็นปีศาจอีกครั้งล่ะก็ เกรงว่าคงจะสูญเสียสติสัมปชัญญะโดยสมบูรณ์ กลายเป็นตัวประหลาดสังหารและไม่อาจชิงร่างคืนกลับมาได้อีก”

ครู่ต่อมา คำพูดเยือกเย็นของหลัวโหวหนึ่งประโยค ก็ราวกับน้ำเย็นที่รดลงบนหัวใจของหลิ่วหมิง ทำให้ใจของเขาจมดิ่งลงไปอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสคงมีวิธีแก้ไขใช่หรือไม่?” หลังจากหลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ก็กุมมือกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“วิธีการก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่ว่าต้องทุ่มเทสติปัญหาทำด้วยความยากลำบากหน่อย” หลัวโหวเงียบไปพักใหญ่ๆ จากนั้นถึงพยักหน้ากล่าวออกมา

“ขอผู้อาวุโสขยายความให้กระจ่าง” หลิ่วหมิงพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด

“จิตปีศาจแฝงลึกอยู่ในร่างของเจ้า หากจะยับยั้งก็ไม่อาจพึ่งพลังภายนอกได้ หากเจ้าสามารถฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์ถึงขั้นสมบูรณ์แบบโดยเร็ว และเสี่ยงอันตรายดูดซับสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่แท้จริงเข้าไปเก็บไว้ในร่างได้ ก็จะยับยั้งจิตปีศาจในร่างเจ้าได้” ในที่สุดหลัวโหวก็ไม่เล่นแง่อีกต่อไป และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ทำได้แค่ยับยั้งไว้ชั่วคราวหรือ?” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วถาม

“แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น เจ้าคิดว่าจิตปีศาจแท้จะสามารถควบคุมได้ง่ายเช่นนี้หรือ? แม้ว่าสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าจะพอยับยั้งจิตปีศาจในร่างได้บ้าง แต่นี่ก็เป็นแผนการยับยั้งเพื่อซื้อเวลาให้ตัวเจ้าเอง รอเจ้าทะลวงระดับแก่นแท้ จะมีโอกาสปั้นกายเนื้อใหม่หนึ่งครั้ง ตอนนั้นก็อาศัยพลังย้ายเส้นเอ็นล้างไขกระดูกกับพลังสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าหล่อหลอมกายเนื้อขึ้นใหม่อีกครั้ง เช่นนี้ถึงจะลบภัยที่มองไม่เห็นของโลหิตปีศาจสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์” หลัวโหวจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยความไม่พอใจ และพูดออกมาอย่างเยือกเย็น

“สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้านี้ ต้องฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบถึงจะสามารถนำมันมาผสานเข้าร่างได้ เทียบกันแล้วมันก็มีอันตรายไม่น้อย?” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปากถาม

“ที่เจ้าคิดไม่ผิด! การนำสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าเข้าร่างเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพียงแค่ไม่ระวังก็อาจจะเสียชีวิตภายใต้พลังสายฟ้าได้ จะไร้ซึ่งศพและกระดูก วิญญาณแตกสลาย อีกอย่างหลังจากทำเช่นนี้แล้ว ก่อนที่จะปั้นกายเนื้อใหม่ขึ้นมา เจ้าไม่อาจใช้วิชาสายฟ้าสวรรค์ในขณะต่อสู้กับศัตรูได้ มิเช่นนั้นเนื่องจากการยับยั้งจิตปีศาจเป็นเวลานานในก่อนหน้า พอกระตุ้นสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า ร่างของเจ้าก็จะกลายเป็นปีศาจทันที พอถึงตอนนั้นก็ไม่อาจฟื้นฟูได้อีก” หลัวโหวเตือนอย่างระมัดระวัง

“ผู้น้อยเข้าใจแจ่มแจ้งหมดแล้ว ขอบคุณผู้อาวุโสที่เตือน!” หลังจากหลิ่วหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โค้งตัวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

“เฮ่อๆ! ที่ข้าทำเช่นนี้ ก็แค่ไม่อยากให้กรงขังเปลี่ยนนายใหม่เร็วเกินไปก็เท่านั้น” หลังจากหลัวโหวหัวเราะออกมาแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อก่อนหายตัวไป

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ตรวจสอบสถานการณ์ของอสูรเลี้ยงทั้งสองอีกรอบ

แม้ว่าแมงป่องกระดูกกับหัวบินจะไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่กลิ่นไอกลับมั่นคงเป็นอย่างมาก คิดว่าคงเป็นอย่างที่หลัวโหวบอก คงจะอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงอยู่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

เวลาต่อมา หลิ่วหมิงก็ทานโอสถทำการฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬต่อ ขณะเดียวกันก็ละทิ้งเรื่องราวอื่นๆ และเข้าไปตั้งใจฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์ในแดนมายาทุกวัน

และในขณะที่หลิ่วหมิงตั้งใจฝึกฝนนั้น ดินแดนหนานฮวงก็เกิดคลื่นใต้น้ำอีกครั้ง บรรยากาศดูตรึงเครียดเป็นอย่างมาก

บนเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาในหนานฮวง ไอหมอกลอยเอื่อยๆ ล้อมรอบยอดเขาสูงชันแต่ละลูก

พอมองดูอย่างละเอียด จะเห็นว่ามีกลุ่มสิ่งก่อสร้างแบบดินแดนทางตอนใต้ปกคลุมอยู่บนเขา และยังมีเงาร่างคนเดินขวักไขว่ไปมาระหว่างยอดเขาแต่ละลูก

ท่ามกลางยอดเขาเหล่านี้ มียอดเขาที่สูงโดดเด่นอยู่กลางเทือกเขา ซึ่งสูงตระหง่านมาก สูงกว่ายอดเขาบริเวณใกล้เคียงกว่าครึ่งหนึ่ง บนยอดเขามีเสาธงสีดำที่สูงหลายสิบจั้งตั้งอยู่ ธงสีดำขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนปลายเสาโบกสะบัดตามลม บนธงมีอักขระเดินทองประทับอยู่ ‘เหล็ก’ ลายเส้นแข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างมาก

คนที่คุ้นเคยกับหนานฮวงย่อมรู้ดีว่า ที่นี่ก็คือยอดเขาเหล็ก หนึ่งในสามปีศาจผู้ฝึกฝนใหญ่ในหนานฮวง และเป็นที่ตั้งของปีศาจเหล็ก

หอแปดเหลี่ยมสูงเกือบร้อยจั้งที่อยู่ห่างจากเสาธงไปไม่ไกล มีสีดำแวววาวราวกับเหล็กหลอม และแผ่กลิ่นไอหนักๆ ออกมา

ห้องโถงใหญ่ชั้นบนสุดของหอ ชายวัยกลางคนหน้าดำที่สวมชุดสีดำกำลังนั่งอยู่บนเก้าไม้สีทองม่วงตรงหน้าห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เขาก็คือปีศาจเหล็กจงเหยียนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามปีศาจใหญ่แห่งหนานฮวงนั่นเอง และตรงหน้าของเขาก็มีชายหนุ่มชุดดำกำลังหมอบอยู่บนพื้น

“เจ้าว่าอะไรนะ! จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก?” ปีศาจเหล็กเงียบไปครู่หนึ่ง และมองดูชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าเยือกเย็น

“ใช่แล้ว! ข้าน้อยทราบมาจากปากของศิษย์ปีศาจสายฟ้าว่า วันที่ปีศาจสายฟ้าจากไปหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในแดนต้องห้ามนั้น จวบจนวันนี้ยังไม่มีข่าวคราวการกลับมาเลย” ชายหนุ่มมีสีหน้าซีดขาว และไม่กล้าหายใจแรงเลยแม้แต่น้อย

ปีศาจเหล็กได้ยิน ใบหน้าที่ดำอยู่แล้วก็ดำมากขึ้นกว่าเดิม มือขวาตบบนที่วางแขนอย่างรวดเร็ว และลุกขึ้นมา ที่วางแขนสีทองม่วงเกิดรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที

“ข่าวนี้เป็นจริงหรือ?” ปีศาจเหล็กถามอย่างเยือกเย็น

“ข้าน้อยไปยืนยันกับผู้เฒ่าซิงบนเขาเหลยฉือด้วยตนเองแล้ว ข่าวนี้เป็นจริงอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มร่างผอมกล่าวอย่างระมัดระวัง

“สถานการณ์บนเขาเหลยฉือตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ปีศาจเหล็กกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย

“สามวันก่อน เขาเหลยฉือได้ปิดเขาไปแล้ว และเปิดค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาไว้ ตอนนี้ศิษย์ทั้งหมดล้วนอยู่ในเขาเหลยฉือ” ชายหนุ่มร่างผอมตอบ

“สังเกตสถานการณ์ในเขาเหลยฉือต่อไป นอกจากนี้ส่งคนไปติดตามความเคลื่อนไหวของนิกายอื่นๆ ในหนานฮวงด้วย หากมีการเคลื่อนไหวผิดปกติให้รีบมารายงาน” ปีศาจเหล็กเงียบไปพักใหญ่ๆ ถึงเอ่ยปากออกมา

“ทราบ!” ชายหนุ่มร่างผอมได้ยินก็รู้สึกราวกับโดนนิรโทษ หลังจากทำการคารวะแล้วก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ปีศาจเหล็กค่อยๆ ยืนขึ้นมา และขมวดคิ้วเดินวนไปวนมาในห้องโถง

ตอนแรกที่เขากับปีศาจสายฟ้าร่วมมือกัน เดิมทีคิดว่าแผนการคงเชื่อถือได้เก้าในสิบส่วน ใครจะไปคิดล่ะว่าจะความผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้

อย่างที่รู้กันว่าเพื่อแผนการในครั้งนี้ ได้จับผู้ฝึกฝนหลายเผ่าเข้าไปในแดนต้องห้ามจำนวนไม่น้อย ทั้งยังล่วงเกินหุบเขาปีศาจสวรรค์อย่างไม่เสียดาย

แม้ว่าเรื่องนี้จะเร้นลับ แต่ก็ปิดบังได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงของเขาเหลยฉือในครั้งนี้ กลุ่มอิทธิพลจำนวนหนึ่งที่ค่อนข้างไวในเรื่องของข่าวสาร คงจะค้นพบเบาะแสในนั้นแล้ว

เดิมทีแม้ว่าเรื่องราวจะถูกเปิดเผย ด้วยการฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ของเขากับปีศาจสายฟ้า ก็สามารถสั่นสะเทือนกลุ่มอิทธิพลเหล่านั้นได้ อย่างมากก็แค่พาศิษย์สืบสานปีศาจสวรรค์ไปหลบซ่อนด้วยกัน รอบรรลุระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์แล้ว ค่อยออกมาปรากฏตัวก็ยังไม่สาย

แต่ตอนนี้แผนการกลับไม่สำเร็จ ปีศาจสายฟ้าก็หายตัวไปกะทันหัน สิ่งนี้ทำให้เขารับมือไม่ทัน

ขณะเดียวกัน หลังจากชายหนุ่มร่างผอมที่สวมชุดสีดำถอยออกไปจากห้องโถงแล้ว เขาก็หายใจด้วยความโล่งอก หลังจากเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้ว ก็นำรถเหาะเหล็กสีดำออกมา และพุ่งออกไปไกลๆ

ขณะที่ขี่รถเหาะเหล็กสีดำขึ้นบนอากาศนั้น พลันมีเสียงดัง “ฟิ้ว!” จากนั้นปราณกระบี่สีเขียวขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมา พริบตาเดียวก็ฟันเขาและรถเหาะออกเป็นสองส่วน

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ราวกับสายฟ้าแลบ!

ชายหนุ่มยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ร่างกายและจิตรับรู้ของเขา ก็ถูกปราณกระบี่สั่นสะเทือนจนหายไป

ต่อมา บาตรสีทองขนาดหลายหมู่ก็ปรากฏออกมา และกลายเป็นม่านแสงรูปบาตรขนาดใหญ่ปกคลุมยอดเขาเหล็กทั้งหมดไว้ภายในพริบตา บนม่านแสงมีอักขระแปลกประหลาดหมุนวนอย่างช้าๆ แสงเจิดจ้าสาดส่องจนรอบด้านสว่างไสว

เรือยักษ์สีเงินลำหนึ่งที่อยู่นอกม่านแสงปรากฏออกมา หลังจากมีเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ก็มีคนสิบกว่าคนเหาะออกจากในนั้น

คนเหล่านี้ต่างก็สวมชุดสีดำ กลิ่นไออันแข็งแกร่งแผ่ออกมาโดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย ระดับการฝึกฝนที่อ่อนสุดในนั้นก็เป็นระดับแก่นแท้ขั้นกลาง

สามคนที่อยู่ด้านหน้ามีกลิ่นไอเหนือกว่าระดับแก่นแท้ หนึ่งในนั้นเป็นชายฉกรรจ์ที่มีกล้ามเนื้อเต็มตัว อีกคนเป็นผู้อาวุโสผอมแห้ง อีกคนเป็นหญิงรูปร่างอรชรสวมชุดสีดำ

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจที่พุ่งออกมาเกือบพันคน ทั้งสามยังคงมีท่าทีไม่สะทกสะท้าน

ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจในยอดเขาเหล็กมองเห็นการตายของชายหนุ่มร่างผอม ก็รู้ว่าผู้ที่มาไม่ประสงค์ดีอย่างแน่นอน จึงรีบลงมือโจมตีม่านแสงที่ปกคลุมยอดเขาทันที แต่พอการโจมตีทั้งหมดสัมผัสกับม่านแสง มันก็จมหายไปราวกับดินเหนียวจมลงไปในทะเล ไม่สามารถทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือนได้เลยแม้น้อย

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด