ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 733 ความวุ่นวายในหนานฮวง (2)

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 733 ความวุ่นวายในหนานฮวง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทุกท่านคือสหายที่มาจากที่ใด มาที่ยอดเขาเหล็กของข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ?”

ขณะนี้ น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงพลังดังออกมาจากหอที่อยู่ด้านล่าง ขณะเดียวกันก็มีเงาร่างปรากฏออกมา จากนั้นปีศาจเหล็กที่สวมชุดสีดำก็ปรากฏตัวบนอากาศ

พอม่านแสงปรากฏออกมา ปีศาจเหล็กก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติทันที พอกวาดจิตดูก็รับรู้ได้ในทันทีว่า เทือกเขาทั้งลูกรวมถึงใต้ดินล้วนถูกม่านแสงปกคลุมไว้ด้านใน ขณะนี้เขากำลังจ้องมองคนกลุ่มนี้ผ่านม่านแสงด้วยแววตาเยือกเย็น

“เจ้าคือปีศาจเหล็กจงเหยียนสินะ หลายเดือนก่อนผู้อาวุโสขุยมู่ที่หุบเขาปีศาจสวรรค์ส่งออกมาหายตัวไปในดินแดนทางตอนใต้ จนถึงวันนี้ถึงตรวจสอบได้ว่าถูกเจ้ากับปีศาจสายฟ้าจับตัวไป อีกทั้งเจ้ายังวางแผนมุ่งร้ายที่จะสืบสานปีศาจสวรรค์ของหุบเขาปีศาจสวรรค์เราด้วย เจ้าคิดว่าเจ้ามีความผิดหรือไม่?” ผู้อาวุโสผอมแห้งที่อยู่ด้านหน้ายิ้มอย่างเยือกเย็น และกล่าวด้วยเสียงอันดัง

“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของท่าน และไม่รู้เรื่องสืบสานปีศาจอะไรด้วย พวกท่านตีกลองชูธงโจมตีหุบเขาเหล็กเรา หรือว่าจะยุแหย่ให้เกิดศึกใหญ่ระหว่างหนานฮวงกับหุบเขาปีศาจสวรรค์หรือ?” พอปีศาจเหล็กได้ยินคำว่าหุบเขาปีศาจสวรรค์ แววตาของเขาก็มีความหวาดกลัวแฝงอยู่ แต่ก็แสร้งทำเป็นตะโกนด้วยสีหน้าสงบ

“ท่านไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เดิมทีพวกเราก็จะมาดึงหนังของท่านอยู่แล้ว เพียงแต่รับคำสั่งจากเจ้าหุบเขาให้มายืมใช้ศีรษะของท่านโดยเฉพาะ” ผู้อาวุโสร่างผอมสูงจ้องมองปีศาจเหล็กที่อยู่ไม่ไกลตาไม่กะพริบ และส่งเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็น

ปีศาจเหล็กได้ยินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เห็นได้ชัดว่าชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้ามีท่าทีเมินเฉยเป็นอย่างมาก หญิงชุดดำอีกคนก็มองดูบรรดาปีศาจที่กำลังลนลานอยู่ภายในม่านแสง

“ลงมือเถอะ สังหารคนที่อยู่ที่นี่ให้หมด ไม่ต้องเหลือใครไว้!” ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งโบกมือเบาๆ ชายฉกรรจ์กับหญิงชุดดำกระโจนไปด้านหน้าในทันที และกลายเป็นเงาร่างพร่ามัวสองเงากะพริบแค่ทีเดียว ก็ทะลุไปในม่านแสงสีทอง และพุ่งเข้าหาปีศาจเหล็ก

ขณะเดียวกัน คนชุดดำสิบกว่าคนที่อยู่ด้านหลังของทั้งสองก็ตามติดเข้าไปในม่านแสง ลำแสงสีต่างๆ ปรากฏขึ้นในมือของพวกเขา และเริ่มโจมตีปีศาจผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ที่อยู่ในยอดเขาเหล็ก

พอชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่กลางอากาศขยับแขนทั้งสอง มันก็กลายเป็นก้ามปูยักษ์คู่หนึ่ง มันมีขนาดใหญ่หนึ่งจั้งกว่าๆ ลำแสงสีขาวเจิดจ้าปะทุออกจากก้ามปู ยอดเขาเหล็กกว่าครึ่งหนึ่งถูกแสงสีขาวเจิดจ้าปกคลุมไว้ในนั้น

จากนั้นชายฉกรรจ์ก็ส่งเสียงคำรามออกมา เขาวางแขนทั้งสองตัดสลับกัน และพุ่งไปยังปีศาจเหล็ก

ปีศาจเหล็กมีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามคิดจะโจมตีก็โจมตีเลย ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง แผ่นกลมๆ สีดำพุ่งออกจากแขนเสื้อ ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา

แผ่นกลมๆ สีดำเปล่งประกายสองสามที ก็กลายเป็นแผ่นแสงสลัวๆ ที่มีขนาดหลายจั้ง ทันใดนั้นมันก็พุ่งไปรับมือกับก้ามยักษ์ของฝ่ายตรงข้าม

“โครม!” เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น!

แสงสีดำกับสีขาวประสานกันไปมาจนเกิดประกายระยิบระยับ แผ่นกลมๆ สีดำถูกก้ามยักษ์ทั้งคู่หนีบไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย!

อาวุธเวทนี้เป็นอาวุธเวทมีชื่อเสียงที่ปีศาจเหล็กใช้เวลาสร้างขึ้นมาหลายร้อยปี ประกอบกับพลังเหล็กหลอมในตัวเขาแล้ว มันมีอานุภาพฟันหินเปิดภูเขาได้ แต่ชายฉกรรจ์ตรงหน้าอาศัยเพียงร่างปีศาจก็รับไว้ได้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ปีศาจเหล็กแอบร้องทุกข์อยู่ในใจอย่างอดไม่ได้

แต่ทว่าในขณะนั้นเอง เสียงร้องอย่างเวทนาก็ดังมาจากด้านล่าง ทำให้ใจของปีศาจเหล็กจมดิ่งลงไป และรีบหันไปมองทันที

จะเห็นว่ายอดเขาเหล็กในขณะนี้ ดูเหมือนกับกลายเป็นสนามรบไปทั้งแถบ ทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยฉากนองเลือด ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่หญิงชุดดำที่มีการฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์พาปีศาจผู้ฝึกฝนไปสังหารศิษย์ของยอดเขาเหล็ก

แม้ว่าศิษย์ของปีศาจเหล็กจะมีจำนวนมาก แต่ส่วนมากล้วนมีการฝึกฝนระดับต่ำ ระดับผลึกมีแค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ส่วนระดับแก่นแท้ก็มีแค่สี่ห้าคน

นี่ก็ไม่แปลก ปีศาจผู้ฝึกฝนที่มีพลังแข็งแกร่งของยอดเขาเหล็ก ล้วนตายในแดนลึกลับบนเขาเหลยฉือจนหมดสิ้น

แม้ว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ของหุบเขาปีศาจสวรรค์จะมีแค่สิบกว่าคน แต่ทว่าแต่ละคนล้วนมีพลังระดับแก่นแท้ขั้นกลางขึ้นไป พูดถึงพลังแล้วเหนือกว่าศิษย์ของยอดเขาเหล็กมาก

และมือทั้งสองของหญิงชุดดำก็โบกสะบัดแถบผ้าสีดำสองสายอยู่ไม่หยุด ร่างของนางปราดเปรียวราวกับผีเสื้อสีดำพุ่งไปมาท่ามกลางปีศาจผู้ฝึกฝนบนยอดเขาเหล็ก ทุกครั้งที่โบกสะบัดแถบผ้าออกไป ก็เอาชีวิตของศิษย์บนยอดเขาเหล็กไปได้หลายชีวิต

ฉากเช่นนี้ มันคือฉากสังหารคนตายเป็นเบือ!

“นี่พวกเจ้าจะสังหารให้สิ้นซากเลยหรือ!” ปีศาจเหล็กเห็นเช่นนี้ก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโหอย่างอดไม่ได้

ฉากการสงครามนี้ เขาใช้จิตรับรู้กวาดดูก็รู้ได้อย่างชัดเจน บาตรสีทองขนาดใหญ่ที่ถูกปล่อยออกมาเป็นม่านแสงสีทองปกคลุมไว้นี้ มันเป็นอาวุธเวทที่มีระดับไม่ต่ำชิ้นหนึ่ง ขณะนี้ทั่วทั้งยอดเขาถูกมันปกคลุมไว้ด้านใน และขังผู้คนทั้งหมดไว้ ประจักษ์ชัดว่าไม่คิดจะไว้ชีวิตผู้ใดแล้ว

ชายฉกรรจ์ยิ้มอย่างเยือกเย็นแต่ไม่พูดอะไรออกมา พริบตาที่ปีศาจเหล็กเผลอนั้น แสงสีขาวเจิดจ้าก็เปล่งประกายตรงด้านหลังของเขา หางตะขอสีขาวแวววาวบริสุทธิ์ยื่นออกจากแสงสีขาว

ภายใต้การพร่ามัวของหางตะขอ มันก็อ้อมแผ่นกลมๆ ตรงหน้าปีศาจเหล็กไปโจมตีบนหน้าอกของเขา

หางตะขอเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก กว่าปีศาจเหล็กจะรู้ตัวก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ทันแล้ว ภายใต้ความรีบร้อน แสงสีดำก็เปล่งประกายในดวงตาทั้งคู่ เปลวไฟสีดำเปล่งประกายบนตัว ครู่ต่อมาร่างของเขาก็กลายเป็นสีดำแวววาว

“เต๊ง!” พอหางตะขอโจมตีลงบนหน้าอกของปีศาจเหล็ก ก็เกิดเสียงโลหะกระทบกัน การโจมตีอย่างกะทันหันของหางตะขอ ไม่อาจแทงทะลุหน้าอกของปีศาจเหล็กได้เลยแม้แต่น้อย

แต่แม้ว่าปีศาจเหล็กจะต้านทานการโจมตีไว้ได้ แต่กลับรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่พวยพุ่งบนหน้าอก ทันใดนั้นร่างของเขาก็ร่นถอยออกไปด้านหลัง

ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งยืนอยู่บนอากาศ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่างล้วนอยู่ในสายตาของเขา ทันใดนั้นเขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดพึมพำออกมา

“ช้าเกินไปแล้ว!”

ขณะที่พูดมือทั้งสองก็ทำท่ามืออยู่บริเวณหน้าอก ครู่ต่อมา อักขระสีทองแน่นขนัดก็ปรากฏตัวเหนือม่านแสงรูปบาตรสีทอง ภายใต้การรวมตัวกันของอักขระสีทอง พริบตาเดียวก็กลายเป็นแผนภาพที่ดูคล้ายกับกงล้อหมุน

ครู่ต่อมา จะเห็นว่ากงล้อค่อยๆ หมุนวน อย่างช้าๆ มีลำแสงสีทองพุ่งออกจากกงล้อราวกับน้ำพุ และพุ่งเข้าใส่ยอดเขาแต่ละลูกในม่านแสง บริเวณที่ลำแสงพุ่งผ่านก็จะมีเสียงหินระเบิดดังออกมา

ครู่เดียวเทือกเขาทั้งแถบก็เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอย่างต่อเนื่อง เศษหินดินทรายกระเด็นปกคลุมเต็มฟ้า อานุภาพน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ปีศาจเหล็กเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ซีดขาวอย่างถึงขีดสุด ยอดเขาเหล็กได้จบสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว

ชั่วเวลาผ่านไปแค่หนึ่งก้านธูป เรือยักษ์สีเงินลำหนึ่งกะพริบกลางอากาศ และพุ่งห่างออกไปจากยอดขาเหล็กจนเกิดเงาสีขาวยาวๆ หนึ่งเส้น

และเทือกเขาในขณะนี้มีสภาพเละเทะเป็นอย่างมาก ยอดเขาสูงตระหง่านหลายลูกได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยหินยักษ์ระเกะระกะ ราวกับว่าถูกพลิกขึ้นมา

ไม่นาน เรื่องที่ผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์ของหุบเขาปีศาจสวรรค์พาศิษย์จำนวนมากเยื้องกรายมาถึงหนานฮวง  ก็แพร่สะพัดไปทั้งหนานฮวง พวกเขาใช้วิธีการทรงอานุภาพสังหารปีศาจเหล็กกับศิษย์ทั้งหมด และศิษย์ของปีศาจสายฟ้าก็เผชิญกับเคราะห์กรรมเช่นเดียวกัน ผู้คนบนเขาเหลยฉือล้วนถูกสังหารจนหมดสิ้น

และพอผู้แข็งแกร่งของหุบเขาปีศาจสวรรค์ถอยออกไป ก็ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวออกมาว่า ปีศาจวายุหมัวเจี๋ยที่มีการฝึกฝนบรรลุระดับดาราพยากรณ์ขั้นปลาย ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย

ตอนแรกกลุ่มอิทธิพลใหญ่ต่างๆ ในดินแดนทางตอนใต้ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เห็นได้ชัดว่ายังคงมีความเกรงกลัวปีศาจวายุที่มีระดับการฝึกฝนสูงสุดในดินแดนทางตอนใต้ไม่น้อย แต่หลังจากครึ่งปีผ่านไป คนหมู่มากก็ค้นพบว่าหุบเขาวายุเขียวที่ปีศาจวายุอยู่ได้เปิดค่ายกลใหญ่ปิดหุบเขาไว้ และศิษย์ของเขาก็เก็บตัวไม่ออกมาข้างนอก จึงทำให้ทั่วทั้งหนานฮวงเกิดความวุ่นวายขึ้นมา

ผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์หลายคนที่ยังอยู่ในเขตพื้นที่แห่งนี้ ก็เกิดการปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง และเริ่มถือโอกาสแย่งชิงพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ในขณะที่สามปีศาจใหญ่ไม่อยู่

จู่ๆ ทั่วทั้งหนานฮวงก็เกิดการสับเปลี่ยนกำลังครั้งใหญ่ในรอบพันกว่าปี

…….

การฝึกฝนไร้ซึ่งกาลเวลา พริบตาเดียวเวลาเจ็ดแปดปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้ ห้องลับภายในถ้ำบนเทือกเขาไร้นามที่อยู่ห่างจากหนานฮวงไม่รู้กี่หมื่นลี้ มีเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังออกมาอยู่พักหนึ่ง

จะเห็นว่ามังกรหมอกดำสี่ตัวที่ดูราวกับมีชีวิต กำลังหมุนวนไปมาบนเพดานถ้ำอย่างร่าเริง บางครั้งก็รัดพันกัน บางครั้งก็ต่อสู้และกัดกัน

และด้านหลังชายชุดคลุมสีเทาที่นั่งอยู่บนเบาะด้านล่าง ก็มีพยัคฆ์ดำสี่ตัวกำลังคลานอยู่บนพื้น แสงสีดำเปล่งประกายในดวงตาทั้งสอง ดูเหมือนสะสมพลังเตรียมพร้อมที่จะปล่อยออกมา

เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง

พอดวงตาของเขาฉายแววเฉียบขาด สายตาก็เขม้นมองไปบนผนังถ้ำ พยัคฆ์ดำทั้งสี่พุ่งไปตามสายตาหลิ่วหมิงราวกับลูกธนู

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็เปลี่ยนท่ามือทันที พยัคฆ์ดำกับมังกรดำกลายเป็นแสงสีดำพุ่งไปมาภายในถ้ำ พริบตาเดียวห้องลับภายในถ้ำก็กลายเป็นสีดำไปทั้งแถบ หากมีคนนอกมาเห็นล่ะก็ จะมองไม่ออกเลยว่าภายในเกิดอะไรขึ้น

สิ่งนี้คือพลังมังกรพยัคฆ์ทมิฬที่หลิ่วหมิงสามารถเก็บและปล่อยออกมาได้ดั่งใจหลังจากฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากขั้นสูงของเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่ห้า จำเป็นต้องมีการฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลายถึงจะฝึกฝนได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้แต่ฝึกฝนพลังนี้ซ้ำไปซ้ำมา เพื่อยกระดับความสามารถและความคล่องตัว

เทียบกับก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ว่าอานุภาพของเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬจะยังไม่ก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ภายใต้การใช้งานอย่างต่อเนื่องของหลิ่วหมิง ก็บรรลุถึงขั้นที่สามารถคบควบคุมได้ดั่งใจแล้ว เวลาที่ใช้ในการกระตุ้นก็ลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง

อาจเป็นเพราะว่าหลิ่วหมิงมีเม็ดผลึกหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดที่เหนือกว่าคนทั่วไปมาก ผ่านการฝึกฝนในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี บวกกับการทานโอสถแฝงจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากคอขวดระดับผลึกขั้นปลายเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงได้ยินเสียงดัง “ฟี้ๆ!” ตรงเอว ขณะเดียวกันกลิ่นไออันแข็งแกร่งก็พุ่งออกมา ทันทีที่เขากวาดจิตดู ดูเหมือนว่าหมึกแปดขาตัวนั้นจะออกจากถุงหนังมาให้ได้

หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว พอตบถุงหนังบนเอว แสงสีเงินก็เปล่งประกาย หมึกขนาดหลายฉื่อตัวหนึ่งพุ่งออกมาปรากฏตัวด้านหน้าที่อยู่ห่างออกไปหลายจั้ง “ฟู่!”

เทียบกับร่างเดิมที่มีขนาดเท่าฝ่ามือแล้ว ร่างของมันในขณะนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาไม่รู้กี่เท่า และผิวหนังสีชมพูก็กลายเป็นสีฟ้า กลิ่นไอที่แผ่อยู่บนตัวก็พอเทียบกับผู้ฝึกฝนระดับของเหลวทั่วไปได้แล้ว

ปีศาจสมุทรแปดขาตัวนี้ไม่ใช่อสูรน้อยอีกต่อไป แต่กลับเข้าสู่วัยเต็มตัวแล้ว

พออสูรตัวนี้ปรากฏออกมา ก็ส่งเสียงร้องประหลาดอยู่บนพื้นทันที ร่างเดิมที่มีขนาดหลายฉื่อ ก็ขยายใหญ่ขึ้นมาหลายส่วน ลวดลายจิตวิญญาณสีเงินที่พร่ามัวบนตัว ก็ดูแจ่มชัดขึ้นมา

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด