ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 776 ต่างแสดงความเก่งกาจ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 776 ต่างแสดงความเก่งกาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท้องฟ้าเหนือบึงน้ำกลมขนาดสิบกว่าจั้งอีกแห่งหนึ่งในแดนลึกลับ แสงสีเงินสายหนึ่งร่วงจากท้องฟ้าลงมาในพงต้นกกใกล้บึงน้ำ เมื่อรัศมีแสงดับลง บุรุษหนุ่มชุดน้ำเงินผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น

เป็นหลัวเทียนเฉิง

ไม่ไกลจากเท้าของเขา ศพรูปร่างอนาถร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงนั่น บริเวณหน้าอกไม่รู้ว่าถูกสิ่งใดแทงทะลุเป็นรูขนาดใหญ่สิบกว่ารู เลือดย้อมพื้นดินใกล้ๆ ต้นกกจนแดงฉาน

งานประตูสวรรค์เพิ่งเริ่มได้ไม่นานก็มีคนตายมากมายแล้ว นี่ทำให้สีหน้าของหลัวเทียนเฉิงอดถมึงทึงขึ้นมาบ้างไม่ได้

คนที่ตายผู้นี้ร่างกายสวมชุดยาวลายเมฆาแดง หลัวเทียนเฉิงจำเครื่องแต่งกายนี้ได้ เขาน่าจะเป็นศิษย์ของนิกายใหญ่อายุหมื่นปีที่ชื่อว่านิกายเลี่ยหยาง

“เอ๋…” ทันใดนั้นหลัวเทียนเฉิงก็เพ่งสายตามอง หลังปากร้องเอ๋เบาๆ ออกมาคำหนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว เสียงปึกดังขึ้นทีหนึ่งเตะศพพลิกกลับมา

บนข้อมือของคนผู้นี้เห็นชัดว่าสวมกำไลสีดำสนิทวงหนึ่งไว้ เห็นชัดว่าไว้ใช้เก็บของ

ดวงตาของหลัวเทียนเฉิงฉายแววประหลาดใจ หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งฉับพลันมือข้างหนึ่งก็ส่งแรงดูดสายหนึ่งไปที่กำไล

เวลานี้เองเสียงฟึบทีหนึ่งก็ดังขึ้น แสงสีดำเรียวเล็กเส้นหนึ่งเหาะพุ่งออกมาจากในเสื้อของศพอย่างไม่มีเค้าลางสักนิด แทงเข้าใส่หน้าอกของหลัวเทียนเฉิงรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบ

เผชิญหน้ากับเหตุพลิกผันน่าตระหนกเช่นนี้ บนหน้าหลัวเทียนเฉิงกลับเผยรอยยิ้มเย็นชาจางๆ ในแขนเสื้อแสงสีน้ำเงินสว่างวูบ แผ่นกลมสีน้ำเงินดำชิ้นหนึ่งพุ่งออกมาขวางเบื้องหน้าของเขา

เสียงตึงแผ่วเบาดังขึ้น แสงสีดำถูกขวางไว้ในทันใด

หลังจากนั้นเขารีบหมุนตัวกลายเป็นเงาพร่าเลือนสายหนึ่งโจมตีหนึ่งหมัดรุนแรงเข้าใส่พงต้นกกสูงเท่าคนจุดหนึ่งใกล้ๆ

เสียงตูมดังขึ้นทีหนึ่ง

กระแสลมสีเงินพุ่งออกมาจากหมัดประหนึ่งวายุสลาตัน คลื่นคลั่งล้อมอาณาเขตหลายจั้งเอาไว้ข้างใน พงต้นกกผืนใหญ่ชั่วพริบตาถูกสายลมจากหมัดฉีกกระชากแหวกออก พื้นดินก็ถูกปาดผิวหน้าลึกครึ่งฉื่อ

เวลานี้เองกลางพงต้นกกระเนระนาดที่ถูกพัดกระจาย เงาร่างคนสีดำสนิทร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นนอกจากนี้เมื่อเผยตัวแล้วก็โซเซเหาะถอยหลัง พร้อมกันนั้นปากก็แค่นเสียงแผ่วเบาออกมา คล้ายได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการโจมตีก่อนหน้านี้ของหลัวเทียนเฉิง

ดวงตาของหลัวเทียนเฉิงทอประกายเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง ตอนที่คิดจะลงมืออีกครั้ง เงาร่างคนสีดำสนิทกลับพ่นปราณดำนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างอย่างรวดเร็ว ฉับพลันกลายเป็นเงาเลือนรางจางๆ สายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไกลออกไป ความเร็วว่องไวเพียงชั่วแวบหนึ่งก็ห่างไปร้อยกว่าจั้ง หลังวูบไหวไม่กี่ทีก็หนีไปถึงสุดขอบฟ้าแล้ว

หลัวเทียนเฉิงแค่นเสียงเหอะทีหนึ่งแต่ไม่ได้ไล่ตามไป

อย่างไรแดนลึกลับแห่งนี้ก็อันตรายมาก เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้แน่ชัดย่อมไม่ยินดีบุ่มบ่ามไล่ตาม

แน่นอนสาเหตุสำคัญที่สุดก็คือคนทั้งหมดล้วนเข้ามาที่นี่ไม่นาน อีกฝ่ายไม่มีทางมีโชคชะตาอยู่ที่ตัวมากนัก เขาย่อมคร้านจะเสี่ยงอันตรายไล่ตามไป

แต่ถึงแม้เรื่องที่อีกฝ่ายปรากฏตัวเมื่อครู่จะเป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลัวเทียนเฉิงก็จำเสื้อผ้าของนิกายปีศาจลี้ลับที่เงาร่างนั้นสวมได้ นี่ทำให้เขามีความเป็นอริต่อนิกายปีศาจลี้ลับยิ่งขึ้นกว่าเดิม

จากนั้นเขาก็สะบัดมือทีหนึ่ง แสงสีเงินกลุ่มหนึ่งหอบกำไลเก็บของบนศพขึ้นมา เมื่อเห็นว่าไม่มีสภาพแปลกๆ อีกเขาถึงเก็บมันไป จากนั้นกระทืบเท้าทีหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า เหาะเร็วรี่ไปยังอีกทิศทางหนึ่ง

……

ข้างตาน้ำพุที่ผุดไหลออกมาไม่หยุดแห่งหนึ่ง คนสี่คนแบ่งเป็นสองฝ่าย สมบัติและอาวุธจิตวิญญาณในมือต่างส่องแสงฟาดฟันเข้าใส่กันอย่างดุเดือดไม่หยุดหย่อน แบ่งพวกต่อสู้กันอยู่

ข้างน้ำพุ เห็ดหลินจือสีแดงดั่งโลหิตที่ส่งกลิ่นหอมประหลาดอบอวลหลายดอกงอกอยู่บนไม้แห้งท่อนหนึ่ง พวกมันกำลังแกว่งไกวแผ่วเบาตามสายลม

ในสี่คนนี้ ฝั่งหนึ่งคือเซียนหงส์ดำกับพี่ชาย อีกฝั่งคือโอวหยางเชี่ยนกับสตรีชุดเขียวผู้นั้น

พี่ใหญ่ของเซียนหงส์ดำคือบุรุษหน้าตาหล่อเหลาสวมชุดสีดำ เวลานี้เขากลับไม่ได้ใช้วิชาแปลงรูปลักษณ์ แต่มือถือดาบยาวสีเลือดเล่มหนึ่ง ทุกครั้งที่สะบัดจะมีแสงดาบสีเลือดสิบกว่าสายพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วประหนึ่งลมพายุฝนกระหน่ำ

ผู้ที่กำลังสู้กับเขาอยู่ก็คือโอวหยางเชี่ยน เงามังกรสีขาวสะอาดประหนึ่งหยกตัวหนึ่งกำลังอ้าปากสะบัดกรงเล็บขดอยู่รอบร่างของสตรีนางนี้ มันจำแลงร่างมาจากร่างเดิมคืออาวุธเวทมีดปีกตาข่ายที่นางซื้อมาจากตลาดฉางหยางนั่นเอง แต่เมื่อเทียบพลังของมันตอนที่อยู่ในวังมายานภาแล้ว  พลังเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่า

มังกรขาวสะบัดหางมหึมาโจมตีแสงดาบสีเลือดเล่มแล้วเล่มเล่าจนแตกสลายอย่างง่ายดาย ปากพ่นแสงสีเงินท่วมท้นออกมาเป็นระยะ ต่อสู้กับบุรุษชุดดำอย่างดุเดือด ตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้ชั่วขณะ

เซียนหงส์ดำด้านข้างลอยอยู่กลางอากาศ เส้นผมสลวยปลิวสยายไปรอบด้าน สองมือตั้งเป็นวงกลมอยู่ตรงหน้าอก ตรงกลางลูกไฟสีดำสนิทขนาดเท่ากระบวยลูกหนึ่งลอยอยู่ พร้อมกับที่นางท่องมนตร์ ในเปลวไฟสีดำพลันปรากฏอสูรจิตวิญญาณอัคคีสีดำเช่นอสรพิษอัคคี วิหคอัคคีที่ว่องไวอย่างยิ่งตัวแล้วตัวเล่าเหาะออกมาเป็นระยะ

ในมือสตรีชุดเขียวเหวี่ยงพัดผ้าแพรสีม่วงอ่อน พัดไปกลับรอบหนึ่งก็พ่นเมฆแสงสีม่วงที่โจมตีได้ป้องกันได้แถบแล้วแถบเล่าออกมา ต่อสู้อยู่กับเซียนหงส์ดำ

ทว่าทั้งสองคนเห็นชัดว่าล้วนไม่ได้ทุ่มกำลังทั้งหมด คล้ายกับกำลังรอคอยอะไรอยู่

เวลานี้เองดาบยาวสีเลือดในมือบุรุษชุดดำฉับพลันเปล่งแสงรัศมีเจิดจ้า แสงดาบสีเลือดนับไม่ถ้วนฟันอย่างบ้าคลั่งปะทะกับแสงสีเงินที่มังกรพ่นออกมา สองฝ่ายต่างสลายหายไป ร่างของเขาฉวยโอกาสนี้กระโจนไปด้านหลังถอยหลังไปหลายก้าว

“สหายโอวหยาง งานประตูสวรรค์นี่เพิ่งเริ่มต้น เจ้ากับข้าสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องสู้เอาเป็นเอาตายกันเพื่อหลินจือผนึกโลหิตไม่กี่ต้นนี้ ไม่สู้เลิกรากันเท่านี้ แบ่งหลินจือเหล่านี้เท่าๆ กันเป็นอย่างไร?” ดาบยาวในมือบุรุษชุดดำสั่นเล็กน้อย แสงสีเลือดฉับพลันหดกลับไป พร้อมกันนั้นปากก็เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ

โอวหยางเชี่ยนแววตาทอประกาย นิ้วเรียวงามชี้ มังกรสีขาวก็หยุดท่าโจมตีเช่นกัน หลังนางครุ่นคิดเล็กน้อยถึงแค่นเสียงเหอะแผ่วเบาพลางพยักหน้า

“เหอะ เช่นนี้ก็ดี สู้กันเอาเป็นเอาตายก่อนก็มีแต่ยกประโยชน์ให้ผู้อื่นจริงๆ”

เห็นทั้งสองคนหยุดสู้ เซียนหงส์ดำกับสตรีเสื้อเขียวก็คล้ายเห็นพ้องต้องกันอย่างยิ่ง หยุดมือพร้อมกันแล้วเก็บอาวุธจิตวิญญาณไป

พวกเขาเหล่านี้เข้าร่วมงานประตูสวรรค์ได้ นอกจากจะเป็นศิษย์ที่โดดเด่นของนิกายต่างๆ และมีพลังลึกล้ำแล้ว ความคิดสติปัญญาก็ล้วนเป็นที่หนึ่งของที่หนึ่ง รู้ว่าทำอย่างไรนิกายและตนเองจะได้ประโยชน์มากที่สุด

ต่อมาหลังจากที่พวกเขาหารือกันเล็กน้อยแล้ว เซียนหงส์ดำกับสตรีชุดเขียวต่างก็เก็บหลินจือไปคนละหลายดอก

ภายใต้สายตาระแวดระวังของแต่ละฝ่ายทั้งสี่คนแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายพากันหมุนตัวเหาะเร็วรี่จากไปคนละทิศ

……

ในทะเลทรายซึ่งผืนทรายสีทองทอดยาวหมื่นลี้แห่งหนึ่ง หลงเหยียนเฟยกำลังถือกระบี่เหาะเรียวยาวสีฟ้าใสเล่มหนึ่งสะบัดร่อนประหนึ่งอสรพิษสู้กับหนอนทรายสีเหลืองระดับผลึกขนาดสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งอย่างดุเดือด

เทียบกับร่างกายมหึมาประหนึ่งภูเขาของหนอนทรายแล้ว หลงเหยียนเฟยย่อมตัวเล็กจ้อยอย่างถึงที่สุด แต่ด้วยร่างกายที่ประหนึ่งสายฟ้า ไม่เพียงการโจมตีด้วยหมอกทรายที่หนอนทรายพ่นออกมาไม่อาจแตะต้องนางได้สักนิดแล้ว ยังถูกนางใช้แสงกระบี่สายหนึ่งโจมตีเป็นระยะ ไม่นานก็บาดเจ็บทั่วร่าง

“โฮก” เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้น

หนอนทรายฉับพลันระเบิดเสียงคำรามเกี้ยวกราดดังลั่น ปากมหึมาอ้าออก รอบร่างแสงสีเหลืองส่องสว่าง ไม่ไกลจากตัวหลงเหยียนเฟยพลันปรากฏมังกรทรายเจ็ดแปดตัวเหาะขึ้นมาก่อตัวรอบด้านอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเชื่อมกันกลายเป็นม่านทรายแน่นหนากระทั่งสายลมก็มิอาจลอดผ่าน ขังสตรีผู้นี้ไว้กลางอากาศ

หลงเหยียนเฟยดวงตาทอประกายเย็นเยียบ สะบัดแขนทีหนึ่ง กระบี่เหาะสีฟ้าใสพลันเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า ตัวกระบี่ชั่วพริบตาขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่า แสงกระบี่ชั้นแล้วชั้นเล่าล้อมตัวกระบี่ไว้ตรงกลางจากนั้นกลายเป็นรุ้งสีฟ้าตระการตายาวหลายจั้งเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมา เข้าไปกลางม่านทรายทันที

เสียง “ฉึบ” “ฉึบ” หลายครั้งดังขึ้น!

แสงสีเลือดสว่างวาบ ร่างกายของหนอนทรายฉับพลันถูกรุ้งสีฟ้าที่ทะลวงออกมาจากม่านทรายล้อมเป็นวงหลายชั้นปั่นกลายเป็นชิ้นๆ ร่วงลงกับพื้นดังตึง

หลังแสงกระบี่สีฟ้าวนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งก็เผยร่างของหลงเหยียนเฟยที่ถือกระบี่จิตวิญญาณสีฟ้าอยู่ในมือออกมาอีกครั้ง เพียงแต่นางสีหน้าซีดเผือดอยู่บ้าง

เห็นชัดว่าวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งก่อนหน้านี้ทำให้นางเสียพลังปราณอยู่บ้าง

ทว่าเมื่อสตรีนางนี้เอื้อมมือข้างหนึ่งเก็บแก่นผลึกของหนอนทรายออกมาจากร่างจริงๆ และก้มศีรษะมองเห็นโซ่แห่งโชคชะตาบนข้อมือที่สว่างวาบขึ้นมาแล้ว บนใบหน้างามที่เดิมทีเฉยชาก็เผยสีหน้ายินดีจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกระทืบเท้าเหาะจากไป

……

ริมลำธารใสระหว่างเขาลูกน้อยสองลูกแห่งหนึ่ง สตรีผู้งามล้ำเลิศนางหนึ่งกำลังหัวเราะคิกคักกับผิวน้ำ หวีเส้นผมยาวสลวยสีเงินแลดูสบายใจอย่างยิ่ง

บุรุษผมม่วงหน้าตาโดดเด่นอีกคนหนึ่งยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่งไม่ไกล สองแขนกอดอกกำลังหลับตารวมสมาธิอยู่

ในพงหญ้าห่างจากทั้งสองคนหลายสิบจั้ง ปีศาจอสูรวานรสิบกว่าตัวนอนเกลื่อน หมดลมหายใจสิ้นไปนานแล้ว ทว่าเมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ทั้งร่างบนและล่างกลับคล้ายไม่มีบาดแผลสักนิด

หลังเวลาผ่านไปนาน สตรีผมเงินในที่สุดก็มวยผมสีเงินขึ้นไปเรียบร้อย ส่วนบุรุษผมม่วงก็ลืมตาขึ้นเหมือนตอบรับพอดี

ทั้งสองคนไม่ได้พูดกันสักประโยค เพียงสบตากันทีหนึ่งจากนั้นก็เหาะขึ้นฟ้าอย่างเข้าขา พุ่งออกไปไกลอย่างรวดเร็ว

……

ไม่ไกลจากสระน้ำขนาดสิบกว่าจั้งแห่งหนึ่งกลางพงหญ้ารกที่งอกอยู่กลางป่าโล่งกว้างสักแห่งในแดนลึกลับ ศิษย์ชายของนิกายเทียนกงผู้สวมชุดเรียบง่ายผู้หนึ่งกำลังลอบเข้าใกล้ริมขอบสระน้ำอย่างระมัดระวัง

เห็นเพียงตรงกลางสระน้ำใส บัวหิมะสีฟ้าใสแวววาวดอกหนึ่งงอกนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น สายลมแผ่วเบาโชยพัดก็ทอแสงแวววาวเรืองๆ

ศิษย์นิกายเทียนกงผู้นี้มีหน้าตาแน่วแน่ ในมือถือมีดสั้นสีเหลืองเล่มหนึ่ง แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยสีหน้าระวัง แต่ยิ่งใกล้สระน้ำมากขึ้นเท่าไหร่ เปลวเพลิงร้อนแรงในแววตาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกที

เมื่อมาถึงริมสระน้ำห่างจากบัวหิมะดอกนั้นเพียงไม่กี่จั้ง เขากลับหยุดชะงักจากนั้นประเมินรอบด้านพักหนึ่ง หลังครุ่นคิดชั่วครู่ ฉับพลันเขาก็ก้มตัวลงเก็บเศษหินก้อนหนึ่งข้างเท้าขึ้นมาขว้างออกไปที่สระน้ำ หลังจากนั้นร่างกายขยับวูบไปซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งด้านข้าง

เสียง “ต๋อม” ดังขึ้น พริบตาที่เศษหินร่วงลงไปในสระน้ำ คลื่นน้ำแผ่วเบาวงแล้ววงเล่าพลันกระเพื่อมขึ้นมา

ผลปรากฏว่าชั่วครู่ให้หลัง ผิวน้ำที่ดูเหมือนสงบก็มีเสียงซ่าแผ่วๆ หลายเสียงดังขึ้น ทันใดนั้นฟองอากาศสายหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ผิวน้ำกระเพื่อมซัดอย่างรุนแรง ตามติดมาด้วยหนวดสีเลือดหนาขนาดเท่าถังน้ำที่มีปุ่มดูดคล้ายปลาหมึกเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากในสระ ส่ายสะบัดอยู่พักหนึ่งประหนึ่งกำลังค้นหาเหยื่อ

หลังเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย หนวดสีเลือดเหล่านี้ถึงทยอยจมลงไปในน้ำไม่เห็นร่องรอย สระน้ำกลับมาเงียบสงบอีกหน น้ำในสระก็คืนสภาพใสกระจ่างด้วยเช่นกัน

“อสูรโลหิตแปดขาตัวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ โชคดีรู้ก่อนว่าอสูรตัวนี้จะปราฏตัวรอบๆ บัวหิมะวารีพิสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเพิ่งเข้ามาในแดนลึกลับแห่งนี้ก็คงต้องเสียโชคชะตาไปบ้างแล้ว” ศิษย์สำนักเทียนกงเดินออกมาจากหลังก้อนหินยักษ์ ในใจลอบคิดอย่างยินดี

เขาใช้เคล็ดวิชาทันที บนร่างมีเพลิงปราณสีเหลืองอ่อนชั้นหนึ่งปรากฏออกมา จากนั้นเขาสะบัดมืดสั้นในมืออย่างรวดเร็ว แสงสีเหลืองแสบตาขนาดจั้งกว่าสายหนึ่งแล่นออกไป พุ่งรวดเร็วเข้าใส่ผิวน้ำติดๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด