ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 808 ปรากฏตัว

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 808 ปรากฏตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายลมหมุนสีเงินยวงรวดเร็วประหนึ่งคมวายุแหลมคมหอบหนวดเนื้อสีเลือดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเข้ามาด้านในเป็นระยะ หลังเสียงฟู่ๆ ดังขึ้นก็ปั่นจนแหลกละเอียดกลายเป็นเนื้อแหลกเหลวกองแล้วกองเล่ากระจายออกมา

แต่สิ่งที่เซวียผานคิดไม่ถึงก็คือแม้พายุหมุนซึ่งเกิดจากลิ่มแหลมที่มือจะปราบหนวดเนื้อที่พุ่งออกมาจากกำแพงเนื้อเหล่านี้ได้ แต่ความเร็วก็ต่างจากหนวดเนื้อที่งอกออกมาเพิ่มไม่ขาดสายไม่เท่าไร การจะทะลุวงล้อมออกไปเห็นชัดว่าคงไม่เป็นดั่งใจอยู่บ้าง

เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยพร้อมกับที่หยาดเลือดกัดกร่อน พายุหมุนสีเงินยวงที่เดิมทีแหลมคมก็ค่อยๆ หดเล็กลงกว่าก่อนหน้านี้

……

“เจ้าสิ่งนี้จัดการยากเสียจริง ดูท่าคงได้แต่ใช้หยกจันทร์เพ็ญที่อาจารย์มอบให้แล้ว” ชายหนุ่มรถเงินมองหุ่นเต่ายักษ์สีเงินสีเงินที่ย้อมด้วยเลือดไม่น้อยตรงหน้าแล้วส่ายศีรษะเอ่ยกับตัวเอง

เพิ่งเอ่ยจบ ทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงมือกระชากข้างเอว ป้ายหยกใสแวววาวแผ่นหนึ่งถูกเขากำไว้ในมือ

แววตาปวดใจแล่นผ่านในดวงตาเขา เมื่อมือข้างหนึ่งดีดแผ่วเบา แสงสีน้ำเงินเส้นหนึ่งก็พุ่งเร็วรี่ไปยังป้ายหยก

เสียง “ฟู่” ดังขึ้นแผ่วเบาหนึ่งหน ป้ายหยกแวววาวพริบตาเปล่งแสงสีขาวสว่างจ้า อักขระสีน้ำนมตัวหนึ่งลอยออกมาจากผิวหน้าของป้ายหยก ทันใดนั้นมันก็กะพริบบ้าคลั่งกลางอากาศสองสามครั้งแล้วระเบิดออก

แสงเรืองรองสีเงินอ่อนโยนสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาสี่ด้านในทันที จันทร์สว่างกระจ่างดวงหนึ่งฉับพลันลอยอยู่กลางอากาศ

รอบดวงจันทร์กระจ่าง วงแหวนแสงสีเงินยวงวงแล้ววงเล่ากระเพื่อมประหนึ่งคลื่นน้ำ ในอาณาเขตหลายจั้งรอบด้านไม่ว่าหนวดเนื้อสีเลือดหรือกำแพงเนื้อใต้วงแหวนแสงสีเงินยวงล้วนแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว

ดวงจันทร์กระจ่างยิ่งขยายใหญ่ขึ้นทุกที วงแหวนแสงที่แผ่ออกมาก็ยิ่งเต็มแน่นขึ้นทุกที ล้อมมิติสีเลือดทั้งหมดที่ชายหนุ่มรถเงินอยู่อย่างรวดเร็วด้วย

หนวดเนื้อสีเลือดจากกำแพงเนื้อรอบด้านตอนนี้แห้งเหี่ยวหงิกงอ หลุดร่วงออกมาไม่หยุด กำแพงเนื้อสีเลือดก็ค่อยๆ แห้งแตกแทบจะบางจนเหลือเพียงหนังหนึ่งชั้น

ในเวลานี้เองชายหนุ่มรถเงินก็ตบกลางอกทีหนึ่ง เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้นทีหนึ่ง ชุดเกราะจักรกลบนแผ่นหลังส่องแสงสีทองวูบหนึ่ง ปีกจักรกลสีทองขนาดหนึ่งจั้งกว่าสามคู่ก่อตัวบนแผ่นหลังร่างของเขาแล้วเริ่มกระพือเร็วไวดังอื้ออึง

……

หลิ่วหมิงนั่งสงบอยู่ในมิติเลือดเนื้อ รอบตัวเขาเด็กน้อยชุดเขียวหน้าตาเหมือนกันเก้าคนกำลังพ่นเปลวไฟสีเทาขมุกขมัวดวงแล้วดวงเล่าออกจากปากต้านทานหนวดเนื้อสีเลือดที่พุ่งออกมามากมายรอบด้านสุดกำลัง

“เฟยเอ๋อร์ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากที่ซื้อเวลาให้ข้าไม่น้อย” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็ปรือตาทั้งสองข้างขึ้นพลางเอ่ยนิ่งๆ

“นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำขอรับ นายท่าน!”

เด็กน้อยชุดเขียวทั้งหมดเวลานี้สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินหลิ่วหมิงเอ่ยชมเขา หนึ่งในนั้นก็ยังคงเอ่ยตอบดีใจอย่างเห็นได้ชัด

“พักสักครู่ก่อนเถิด ต่อไปให้ข้าจัดการเอง”

หลิ่วหมิงยิ้ม มือข้างหนึ่งก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอว เด็กน้อยเก้าคนระเบิดพร้อมเพรียงกลายเป็นไอหมอกหลอมรวมเป็นก้อนเดียวจากนั้นม้วนตัวมุดเข้าไปในถุงหนัง

แม้เฟยเอ๋อร์เพียงซื้อเวลาให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในช่วงเวลานี้หลิ่วหมิงก็กลืนโอสถจินหยวนระดับสูงต่อกันไปสามเม็ด ฟื้นพลังเวทขึ้นมาได้บ้าง

หลังเขาเก็บเฟยเอ๋อร์ไปสายตาก็เย็นชา มือตั้งท่าเคล็ดวิชา กระตุ้นพลังเวทในร่างกรอกเข้าไปในกระบี่บินพลังจิตวิญญาณในร่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

กระบี่น้อยสีทองในร่างของเขาสั่นเบาๆ พร้อมกับเสียงใสกังวาน มันบินออกมาจากกลางหว่างคิ้วเขากลายเป็นรุ้งกระบี่สีทองยาวห้าหกจั้งเส้นหนึ่ง หลังบินวนข้างกายรอบหนึ่งก็พุ่งเขาไปหาจุดหนึ่งบนกำแพงเนื้อสีเลือด

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง

รุ้งสีทองพุ่งจมลงไปในกำแพงเนื้อค่อนครึ่ง เคล็ดวิชาที่มือหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนไปอย่างเร็วไวอีกครั้ง

เสียง “ชือๆ” ดังลั่น ปราณกระบี่แหลมคมสายแล้วสายเล่าแยกออกมาจากบนรุ้งกระบี่กลายเป็นสายสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าเกี่ยวพันกันไปมา

ระหว่างที่แสงสีทองขยับวูบไหว แม้เลือดเนื้อบนกำแพงเนื้อจะทนทานอย่างยิ่ง แต่ก็หลุดล่อนลงมาชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

หลังเวลาสิบกว่าลมหายใจบนกำแพงเนื้อก็ปรากฏรูยักษ์สีเลือดขนาดครึ่งจั้งรูหนึ่งขึ้นมา ทว่าเลือดเนื้อรอบด้านขยับยุกยิกเข้ามาโถมอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่ต้นจนจบจึงยังไม่อาจทะลุกำแพงเนื้อได้สำเร็จ

เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง ร่างกายหลิ่วหมิงพร่าเลือนวูบหนึ่งหายไปจากที่เดิมหลบการโจมตีของหนวดเนื้อหลายเส้นที่หวดมาถึง

ครู่ต่อมาเบื้องหน้ารูยักษ์สีเลือด เงาร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมา พร้อมกับเสียงตวาดแผ่วเบา แขนข้างหนึ่งก็หนาขึ้นแล้วต่อยหนึ่งหมัดออกไปเบื้องหน้าในทันใด เงาพยัคฆ์หมอกสีดำตัวหนึ่งส่งเสียงคำราม ชั่วพริบตาด้านในรูยักษ์ก็ระเบิด หมอกสีดำพลุ่งพล่านพลันกลายเป็นคลื่นปราณระเบิดซัดออกมา

เสียงเปรี้ยงดังสนั่น!

รูใหญ่สีเลือดเกิดแสงสว่างวาบ ระเบิดฉีกออกเป็นช่องยาวหลายฉื่อช่องหนึ่ง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ในใจพลันยินดี ไม่พูดพร่ำมือข้างหนึ่งกวักเรียกกระบี่ว่างเปล่า รอบร่างส่องแสงสีทองสว่างจ้ากลายเป็นรุ้งสีทองแสบตาเส้นหนึ่งพุ่งออกจากรอยแยก หนีออกจากที่คุมขังในทันใด

เมื่อแสงกระบี่สีทองกลางอากาศดับลง ร่างกายของหลิ่วหมิงก็ปรากฏขึ้น มือข้างหนึ่งถือกระบี่ สายตากวาดไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว

เขาเห็นบนพื้นของมิติสีเลือดมีรังไหมสีเลือดขนาดสิบจั้งกว่ารังแล้วรังเล่าวางอยู่ทั่ว มันบิดเต้นไม่หยุดประหนึ่งหัวใจของคนเป็น ผิวด้านนอกของรังไหมสีเลือดเหล่านี้มีหนวดเนื้อเส้นแล้วเส้นเล่ารัดพันไม่หยุด ทำให้รังไหมสีเลือดขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เห็นชัดเจนว่ายิ่งเวลานานรังไหมสีเลือดนี้ก็ยิ่งหนาขึ้นทุกที ความเป็นไปได้ที่คนซึ่งถูกขังอยู่ด้านในจะทะลวงออกมาได้ก็ยิ่งน้อย

ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง รังไหมสีเลือดที่เหมือนกับถุงลมแฟบรังหนึ่งปรากฏอยู่บนพื้น ทั้งยังเหลือเพียงครึ่งเดียวไม่ครบรัง

ท้องฟ้าด้านบนของมันบุรุษผมม่วงแห่งหอเป๋ยโต่วหนีรอดออกมานานแล้ว ในมือกำลังแกว่งไกวมีดสีม่วงแวววาวเล่มหนึ่งฟันหนวดเนื้อสีเลือดที่ปรากฏขึ้นต่อเนื่องไม่ขาดสายรอบด้านไม่หยุด

หลังเขาเห็นหลิ่วหมิงปรากฏตัวก็มองด้วยสายตาเย็นชาแล้วละสายตาออกไป เหวี่ยงมีดสีม่วงในมือต่อไม่หยุด

ในเวลานี้เองใกล้ๆ หลิ่วหมิงก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น รอบด้านมีหนวดเนื้อสีเลือดมากมายโอบรัดเข้ามาเช่นเดียวกัน

หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน กระบี่ว่างเปล่าในมือเพียงสั่นทีหนึ่ง เงากระบี่แถบแล้วแถบเล่าก็ซัดออกไปอย่างบ้าคลั่งฟันหนวดเนื้อที่เข้าใกล้ทั้งหมดกลายเป็นหมอกโลหิตในทันใด

ในเวลานี้เองรังไหมสีเลือดมหึมาไม่ธรรมดารังหนึ่งตรงกลางระหว่างหลิ่วหมิงกับบุรุษผมม่วงพลันมีปราณเย็นยะเยือกชวนให้คนขนลุกสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า

หลิ่วหมิงใจสะท้านก้มศีรษะมองไปทันที บุรุษผมม่วงก็กวาดตาไปเช่นเดียวกัน สายตาฉายประกายประหลาดใจวูบหนึ่ง

ครู่ต่อมาหลังรังไหมสีเลือดก็ขยายหดอย่างกะทันหันครั้งหนึ่งแล้วส่งเสียงดัง “เปรี้ยง” ระเบิดออกมา แสงรัศมีสีน้ำนมสายแล้วสายเล่าพุ่งทะลุออกมาจากด้านใน จากนั้นดวงจันทร์สีเงินสว่างไสวดวงหนึ่งก็ส่องแสงรัศมีสว่างแล้วพร่าเลือนไป เงาคนในชุดเกราะจักรกลสีทองอ่อนร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ปีกสีทองสามคู่บนแผ่นหลังขยับกระพือ

ชายหนุ่มรถเงินของนิกายเทียนกงผู้นั้นนั่นเอง ผิวชุดเกราะของเขามีรูเลือดขรุขระกระจายไปทั่ว เห็นชัดว่าผ่านการต่อสู้ดุเดือดศึกหนึ่งมาถึงหนีรอดออกมาได้

ชายหนุ่มรถเงินปรากฏตัวปุบก็กะพริบตาทีหนึ่ง เมื่อเห็นหลิ่วหมิงกับบุรุษผมม่วง เขาก็อดไม่ได้ตกตะลึงเล็กน้อย

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร ด้านในหมอกโลหิตขมุกขมัวบนท้องฟ้าสูงก็มีเสียงแหลมของสตรีดังออกมา

“จิ๊ๆ ถึงกับมีเด็กน้อยระดับผลึกสามคนทะลวงคุกโลหิตออกมาได้ ดูท่าช่วงนี้แผ่นดินจงเทียนจะพรั่งพร้อมด้วยคนมีความสามารถ”

“ผู้ใดทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ที่นั่น!”

บุรุษผมม่วงได้ยินพลันสีหน้าเย็นเยียบ เขาไม่พูดพร่ำยกมือข้างหนึ่งขึ้น มีดสั้นสีม่วงแวววาวในมือหลุดออกจากมือไป

หลังเสียง “ฉึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง

มีดสั้นโต้ลมขยายกลายเป็นรุ้งยาวสีม่วงยาวสิบกว่าจั้ง ส่งเสียงหวีดแหลมประหลาดซัดไปยังจุดที่เสียงดังออกมาสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

เสียงหัวเราะหยันดังขึ้น ทันใดนั้นสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านนั้นก็เกิดแรงสั่นไหวเป็นระลอก เปลวเพลิงสีดำดวงหนึ่งฉับพลันปรากฏออกมา มันโฉบแวบหายไปแล้วปะทะเข้ากับรุ้งยาวสีม่วง!

เสียงระเบิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน!

รุ้งยาวสีม่วงกับเปลวเพลิงสีดำปะทะกันแล้วทลายสลายไปพร้อมกัน มีดสั้นสีม่วงที่ไร้แสงรัศมีร้องครวญครางทีหนึ่งก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

บุรุษผมม่วงเลิกคิ้ว มือข้างหนึ่งกวักอากาศ ทันใดนั้นแรงดูดล่องหนสายหนึ่งก็ส่งออกไป มีดสั้นถูกดูดกลับมาอยู่ในมือในพริบตา

ในเวลานี้เองหนวดสีเลือดทั้งหมดที่เดิมทีสะบัดร่อนบ้าคลั่งอยู่ใกล้กับทั้งสามคนก็หยุดนิ่ง จากนั้นสลายกลายเป็นหมอกโลหิตสายแล้วสายเล่าหายไปกับอากาศ

หลิ่วหมิงใจสะท้านเก็บกระบี่ว่างเปล่าในมือไป สองตาหรี่ลงจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสูง

ใบหน้าของชายหนุ่มรถเงินก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงชะเง้อมองไปเช่นกัน

เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นหนึ่งครั้ง หลังหมอกโลหิตบนท้องนภาถาโถมอยู่พักหนึ่งทันใดนั้นมันก็แยกออกซ้ายขวา เผยเงาร่างประหลาดสีเลือดที่พร่าเลือนไม่ชัดร่างหนึ่งออกมาจากความว่างเปล่า สายตามันเผยแววตาดุร้ายมองคนทั้งสามเบื้องล่างทั้งยังเปล่งเสียงหัวเราะประหลาดออกมา

สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูแล้วสูงกว่าคนปกติอยู่หลายส่วน มันสูงราวหนึ่งจั้งกว่า เขาแหลมยาวหนึ่งฉื่อกว่าคู่หนึ่งบนศีรษะส่องแสงสีแดงเรืองๆ หลังร่างเป็นปีกเนื้อขนาดยักษ์สีแดงหม่นคู่หนึ่งกับหางกระดูกหน้าตาประหลาดหนาเท่าแขนเส้นหนึ่ง ในมือถือตรีศูลที่ส่องแสงสีดำเล่มหนึ่ง บนตรีศูลเพลิงปราณสีดำสายแล้วสายเล่ากำลังลอยไม่นิ่ง

สายตาของหลิ่วหมิงกวาดผ่านเพลิงปราณดวงนั้นแล้วอดไม่ได้คิ้วขมวดเล็กน้อย ปราณเส้นเล็กเส้นน้อยที่แผ่ออกมาจากเพลิงปราณสีดำนั่นบนตรีศูลคล้ายกับไอปีศาจแท้อยู่หลายส่วน

ในเวลานี้เองข้างกายสัตว์ประหลาดสีเลือดก็มีไอหมอกสองก้อนสีเขียวกับสีเทาลอยออกมาอย่างกะทันหัน

หลังไอสีเขียวเรืองรองกระจายออกก็เห็นสตรีหน้าตางดงามซึ่งครึ่งท่อนบนสวมอาภรณ์สีเหลืองนางหนึ่ง แลดูค่อนข้างงดงามน่ารัก ทว่าครึ่งท่อนล่างใสแวววาวอวบอ้วนคล้ายหนอนไหม เวลานี้นางกำลังยกมือข้างหนึ่งปิดปากหัวเราะคิกคักมองทั้งสามคน

ใจกลางหมอกสีเทากลุ่มนั้น หนอนยักษ์ตัวหนึ่งที่มีเปลือกแข็งแวววาวเป็นท่อนๆ มีขาไม่น้อยกว่าหลายสิบคู่ประหนึ่งตะขาบยักษ์กำลังขยับขาคู่หน้าหนาใหญ่สองข้าง ทำท่าแยกเขี้ยวกางกรงเล็บ

แม้หนอนยักษ์ร่างกายอัปลักษณ์ แต่ใบหน้ากลับคล้ายมนุษย์ทว่ามีเขี้ยวโง้งอ้าหุบไปทางซ้ายขวาไม่หยุดคู่หนึ่งซึ่งมีน้ำสีเทาไม่ทราบชื่อไหลออกมา

หลิ่วหมิงเห็นสัตว์ประหลาดหน้าตาดุร้ายสองตัวที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ ในใจก็พรั่นพรึง ลอบปล่อยจิตสัมผัสกวาดออกไปเงียบๆ

ไม่ผิดจากที่คาดเมื่อพลังจิตของเขากวาดผ่านทั้งสามตนกลับไม่รู้พลังของสามตนอีกฝั่งไม่ได้สักนิด

ในเวลานี้เองเสียงแผ่วเบาระลอกหนึ่งก็ดังมาจากรังไหมสีเลือดอีกรังหนึ่งข้างใต้ทั้งสามคน ผิวหน้าของรังไหมสีเลือดฉับพลันมีแสงสีเงินเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งทะลุออกมาจากนั้นก็ระเบิดออก แสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาจากด้านใน

เมื่อแสงรัศมีดับลงก็ปรากฏเงาคนร่างหนึ่ง หลัวเทียนเฉิงผู้นั้นนั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด