ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 810 ร่วมมือ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 810 ร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 810 ร่วมมือ
ชายหนุ่มรถเงินได้ยินสายตาพลันเย็นเยียบ ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็ยกขึ้น เสียง “ฟึบๆ” ดังออกมา แขนขวาที่ถูกชุดเกราะจักรกลหุ้มอยู่ส่องแสงสีเงินสามสายออกมาทันใด เห็นเป็นเข็มเงินประดุจเส้นผมสามเล่มชัดเจน

ชั่วพริบตาแสงสีเงินแล่นผ่านอากาศลากเส้นไหมสีเงินเส้นแล้วเส้นเล่าออกมาถักทอประสานกันประหนึ่งตาข่ายไหมสีเงินครอบเข้าใส่หนอนประหลาด

ในดวงตาของมนุษย์ตะขาบแววตาดูแคลนฉายผ่านไป มันกระตุกมุมปากทีหนึ่งแล้วอ้าปากกว้าง ไอเปรี้ยวสายหนึ่งพุ่งออกมา เห็นชัดว่าเป็นน้ำกรดข้นเหนียวสีเขียวก้อนหนึ่ง

เสียง “ผลุบ” ดังขน

ตาข่ายไหมสีเงินสัมผัสถูกน้ำข้นเหนียวสีเขียวปุบก็ทะลุในพริบตา

น้ำกรดนี่ถึงกับกัดหินละลายโลหะได้ กระทั่งอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดถูกมันพ่นใส่ยังละลาย!

ชายหนุ่มรถเงินสีหน้าเคร่งเครียด เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปทันที ตาข่ายไหมที่เหลืออยู่ส่งเสียงกังวานทีหนึ่งก็พังทลาย แสงสีเงินสองสายพุ่งเร็วรี่ออกมาจากด้านในอีกครั้ง พวกมันบินวนเป็นวงอย่างรวดเร็วรอบหนึ่งกลางอากาศ อ้อมน้ำสีเขียวข้นหนืดก้อนนั้น พุ่งเร็วรี่เข้าใส่สองด้านของหัวหนอนยักษ์อัปลักษณ์ในพริบตา

ทันใดนั้นสองตาของมนุษย์ตะขาบก็กลอกไปสองด้านพร้อมกัน หลังเหล่มองแสงสีเงินสองสายมันก็แค่นเสียงหยันเบาๆ หมอกสีเทาชั้นหนึ่งโถมออกมาทั่วร่างในทันที

เสียง “ปัง” ดังขึ้นสองหน แสงสีเงินสองสายโจมตีเข้าใส่เปลือกแข็งสองข้างบนศีรษะมันแต่ไม่ทิ้งรอยอันใดไว้ด้านบนสักนิด เกิดประกายไฟสายหนึ่งแล้วดีดกระเด็นออกมาทันที

เปลวเพลิงสีเทาม้วนโถมลงมาครู่เดียวก็กลบแสงสีเงินไว้มิด พวกมันกลายเป็นเข็มเรียวเล็กหม่นหมองไร้แสงสองเล่มอีกครั้งแล้วร่วงหล่นลงมา ทว่าด้านบนยังคงส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ไม่หยุด ผิวหน้ามีรอยสนิมอยู่ประปราย

ชายหนุ่มรถเงินประจักษ์ภาพนี้กับตา สีหน้ายิ่งย่ำแย่…

เข็มเงินชุดนี้ที่ซ่อนอยู่ในชุดเกราะจักรกล เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดของจริงเชียวนะ!

แม้เขาไม่คาดหวังให้การโจมตีหยั่งเชิงครั้งนี้ได้ผล แต่อีกฝ่ายจัดการได้อย่างสบายๆ เช่นนี้ก็ยังคงทำให้ในใจเขาเคร่งเครียด

ดูท่าน้ำกรดสีเขียวที่สัตว์ประหลาดตะขาบตัวนี้พ่นออกมา พลังคงน่าตะลึงอย่างยิ่ง นอกจากนี้เปลือกหนอนรอบร่างก็ไม่ใช่วิชาธรรมดาจะโจมตีทะลุได้ ดูท่าอีกฝ่ายคงเป็นตัวตนระดับเดียวกับชวีเหยาจริงๆ มิเช่นนั้นเพียงแค่ร่างแปลงร่างหนึ่งไม่มีทางร้ายกาจถึงระดับนี้ได้เด็ดขาด

หลิ่วหมิงเห็นทุกสิ่งนี้กับตา รูม่านตาก็พลันหดเล็กลง ในใจครุ่นคิดอย่างเร็วไวไม่หยุด

“เด็กรุ่นหลังทั้งสองคนยังมีกระบวนท่าอันใดก็ใช้ออกมาให้หมดเสีย ข้าถูกขังอยู่ที่นี่ไม่ได้ขยับกระดูกกระเดี้ยวมานานนัก จะเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าสักหน่อยก็ได้!” ร่างกายของหนอนยักษ์อัปลักษณ์ยังคงบิดเลื้อยอยู่กลางอากาศ ในดวงตาแสงสีเลือดกะพริบตาไม่หยุด เอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า

“สหายมีวิธีถ่วงเวลาหนอนประหลาดตัวนี้สักครู่หนึ่งหรือไม่ หากข้าเข้าใกล้ในระยะไม่กี่จ้างได้บางทีอาจมีวิธีทำร้ายสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้บาดเจ็บหนักได้” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็ส่งกระแสจิตเบาๆ มาหาชายหนุ่มรถเงินด้านข้าง

ชายหนุ่มรถเงินไม่ตอบคำ เขาเพียงเหล่ตามองหลิ่วหมิงหนหนึ่งแล้วไม่พูดพร่ำล้วงลูกแก้วกลมหลากสีสันสิบกว่าลูกออกมาจากในแขนเสื้อจากนั้นขว้างไปด้านหน้า พร้อมกันนั้นปากก็ท่องมนตร์ เฮือกเดียวยิงเคล็ดวิชาหลายสายพุ่งจมลงไปในลูกแก้วสีฟ้า

แสงสีฟ้าส่องสว่างพร้อมกับเสียงดังแครก ลูกแก้วกลมกลายเป็นหุ่นอัศวินสูงสองสามจั้งสิบว่าตัวกับหุ่นหมาป่ายักษ์สีเทาสิบกว่าตัว

บนร่างหุ่นอัศวินเหล่านี้มีชุดเกราะสีทองอ่อนหุ้มอยู่ ดวงตาเปล่งประกายแสงเจิดจ้า แสงสีฟ้าอ่อนขมุกขมัวคลุมทั่วร่าง นอกจากนี้แต่ละตัวยังชักดาบโค้งสีฟ้าแหลมคมเล่มหนึ่งออกมาจากข้างเอว ทยอยกันพลิกตัวขี่บนร่างหุ่นหมาป่ายักษ์สีเทา

หุ่นหมาป่าสีเทาเหล่านี้หลังส่งเสียงหอนทีหนึ่งก็วิ่งแยกออกเป็นสองทางตีวงโอบล้อมตะขาบยักษ์แต่ไกล โอบกลายเป็นวงล้อมเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบกว่าจั้งวงหนึ่ง

ต่อจากนั้นเคล็ดวิชาที่มือชายหนุ่มรถเงินก็เปลี่ยนไป

แสงสีน้ำเงินสายแล้วสายเล่าพุ่งเร็วรี่ต่อเนื่องออกจากแผ่นหลังของชุดเกราะ จากนั้นวนล้อมรอบร่างเขาพร้อมเสียงดังอื้ออึง

แสงสีน้ำเงินเหล่านี้ถึงกับเป็นกระบี่บินจักรกลที่ส่องแสงขมุกขมัวเล่มแล้วเล่มเล่ามากมายถี่ยิบ มีมากถึงหนึ่งร้อยแปดเล่ม!

กระบี่แต่ละเล่มล้วนยาวหนึ่งฉื่อกว่า บางประหนึ่งปีก บนตัวกระบี่สลักลวดลายจิตวิญญาณสีน้ำเงินเรียวยาวเส้นแล้วเส้นเล่าแลดูงดงามประณีตอย่างที่สุด ตรงคมกระบี่แสงสีน้ำเงินสายเล็กๆ กะพริบวูบวาบไม่หยุด

“พุ่ง”

เมื่อชายหนุ่มรถเงินชี้อากาศ กระบี่บินจักรกลสีน้ำเงินหนึ่งร้อยแปดเล่มข้างตัวเขาก็สั่นอย่างรุนแรง หลังแสงสีน้ำเงินสว่างจ้าระลอกแล้วระลอกเล่าส่องออกมา พวกมันก็กลายเป็นแสงกระบี่ยาวหนึ่งจั้งกว่าสายแล้วสายเล่าพุ่งเร็วรี่มากมายถี่ยิบเข้าใส่ตะขาบยักษ์

ส่วนหุ่นอัศวินสีฟ้าเหล่านั้นที่ล้อมมนุษย์ตะขาบอยู่ก็บีบสองขาแน่นพร้อมกัน หุ่นหมาป่าสีเทาส่งเสียงหอนทุ้มต่ำครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้นบินโถมเข้าหาตะขาบตรงกลางเช่นกัน ดาบคมสีฟ้าในมือส่องแสงรัศมีสีฟ้า กลายเป็นแสงดาบสีฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าระดมฟันเข้าไป

ในเวลาเดียวกันนี้หลิ่วหมิงก็กระตุ้นเคล็ดวิชาทันที ปราณดำทั้งร่างพลุ่งพล่าน ร่างกายขยับวูบหนึ่งก็กลายเป็นเงาคนสีดำสามสายพุ่งเร็วรี่เข้าใส่หนอนประหลาดขนาดยักษ์

สองตาของมนุษย์ตะขาบขยับพร้อมกัน มันเหล่มองแสงสีน้ำเงินมากมายกับหุ่นอัศวินสีฟ้ารอบด้านหลายหนแต่ไม่มีเจตนาจะหลบหลีกสักนิด มันเพียงสั่นร่างเล็กน้อย ปราณสีเทาที่วนอยู่รอบด้านก็เข้มขึ้นหลายส่วน

“ติงตังๆ” เสียงดังสะเทือนแก้วหูแทบดับ!

แสงกระบี่สีน้ำเงินกับแสงดาบสีฟ้าฟันลงบนร่างมนุษย์ตะขาบตามต่อกันแต่ไม่อาจกรีดร่างมันได้สักนิด ทำได้เพียงสร้างแสงรัศมีแสบตาสีน้ำเงินครามจำนวนหนึ่งรอบตัวมันเท่านั้น พลังค่อนข้างน่าตะลึง

ทว่าเมื่อปราณสีเทาประหลาดรอบร่างตะขาบยักษ์ซัดออกมา แสงกระบี่ แสงดาบก็ทยอยพังทลายดีดออกมา

เงาสามสายที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้นฉวยโอกาสนี้กะพริบวูบวาบอ้อมผ่านด้านข้างตะขาบยักษ์ห่างไปเจ็ดแปดจั้ง

ในเวลานี้เองตะขาบฉับพลันบิดหัวเก้าสิบองศา สองตามองมาอย่างไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงตกตะลึง ทว่ายังไม่ทันตอบสนองอย่างไร ตะขาบยักษ์ก็อ้าปาก เงาสีเขียวสามก้อนพ่นออกมาแล้วพร่าเลือนหายไปกลางอากาศระหว่างทาง

“แย่แล้ว”

ประสบการณ์การต่อสู้กับผู้คนของหลิ่วหมิงพรั่งพร้อมเพียงใด แทบไม่ต้องคิดร่างต้นก็กระโจนพุ่งเร็วรี่ไปด้านข้าง

เสียง “ฟู่” ดังขึ้นสองหน เงาลวงอีกสองร่างถูกเงาสีเขียวที่ดีดพุ่งออกมากะทันหันกลางอากาศใกล้ๆ โจมตีเข้าอย่างจังจนพังทลายสลายไปในพริบตา

จุดที่ร่างต้นของหลิ่วหมิงยืนอยู่เดิมก็ถูกเงาสีเขียวก้อนที่สามแล่นทะลุผ่านไปเช่นกัน แต่แน่นอนโจมตีพลาดเป้า

“เอ๋”

ตะขาบยักษ์อุทานเบาๆ คำหนึ่ง สายตาฉายแววคาดไม่ถึง แต่ครู่ต่อมาสองตาก็มีแสงสีเลือดไหลผ่าน สองขาคู่หน้าสุดชี้ไปหาน้ำข้นเหนียวสีเขียว ของเหลวเหนียวสีเขียวสามก้อนรวมตัวกันกลายเป็นรูปลูกศรสีเขียวสามดอกในพริบตา จากนั้นส่งเสียงดัง “ฟึบ” ไล่ตามร่างหลิ่วหมิงไปติดๆ

ลูกศรน้อยสีเขียวเร็วกว่าหลิ่วหมิงหลายส่วน เสียงแหวกอากาศดังขึ้นปุบก็พุ่งมาห่างแผ่นหลังหลิ่วหมิงเพียงครึ่งจั้งแล้ว

ทว่าร่างกายของหลิ่วหมิงกลับลอยขึ้นอีกครั้ง ศีรษะไม่หันกลับ เพียงดีดสามนิ้วไปด้านหลัง ทันใดนั้นปราณกระบี่แวววสามเส้นก็ซัดออกไปโจมตีบนลูกศรน้อยอย่างแม่นยำยิ่งทันที

หลังเสียงแผ่วเบาสามครั้ง ปราณกระบี่ก็ถูกลูกศรน้อยสีเขียวโจมตีสลายในพริบตา ตัวเขาเองก็ชะงักไปชั่วครู่เช่นกัน

หลิ่วหมิงฉวยโอกาสนี้ทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างหนึ่ง เสียง “ฟู่” สองครั้งดังขึ้นเบื้องหลัง ปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งก่อตัวขึ้นมา เพียงกระพือครั้งหนึ่ง ร่างกายก็ขยับวูบประหนึ่งภูตพราย ปรากฏตัวขึ้นห่างจากตะขาบยักษ์ไม่เกินสามจั้ง

ชายหนุ่มรถเงินเห็นเช่นนี้ ในดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจไม่หยุด พร้อมกับที่ควบคุมกระบี่บินจักรกลต่อ เขาก็ยกแขนเสื้อขึ้นอีกครั้ง แสงเรืองรองสีเงินกับทองสองสีสายหนึ่งฉายออกมา รถยักษ์สีเงินที่มีอาชายักษ์สีทองแปดตัวลากที่เขานั่งก่อนหน้านี้คันนั้นนั่นเอง

ดวงตาเขาเปล่งประกายเจิดจ้า เคล็ดวิชาสองมือเร็วขึ้นอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ เคล็ดวิชาเจิดจ้าแสบตาสายแล้วสายเล่ายิงออกมาอย่างต่อเนื่อง!

ล้อของรถยักษ์สีเงินหมุนเร็วไวจนเกิดเป็นเงาล้อบินสีเงินสี่วง อาชาสว่างสีทองแปดตัวด้านหน้ากรีดร้องแล้วพ่นเปลวเพลิงสีทองดวงแล้วดวงเล่าออกจากปาก หลังเงาล้อบินสีเงินถูกเปลวเพลิงสีทองล้อมก็กลายเป็นเงาล้อบินสีทองสี่วงพุ่งขึ้นฟ้าไป

ในเวลานี้เองหลิ่วหมิงด้านหน้าก็กู่ร้องเสียงยาว จิตกระบี่ท่วมฟ้าสายหนึ่งชั่วพริบตาแหวกออกมาจากร่าง ต่อจากนั้นแสงสีทองรอบร่างก็ฉายวาบกลายเป็นรุ้งยาวสีทองเส้นหนึ่งพุ่งออกมา

พลังของ “วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่ง” นั่นเอง

ลูกศรน้อยที่สร้างจากน้ำกรดสีเขียวซึ่งไล่ตามติดมาด้านหลังเพียงถูกปลายคลื่นที่แผ่ออกมาจากจิตกระบี่มโหฬารสายนี้โจมตีพริบตาก็ระเบิดกระจุย

ด้านหน้ารุ้งยาวสีทองเห็นวงแหวนแสงสีน้ำนมวงหนึ่งอยู่เลือนราง มันชักพาให้อากาศรอบด้านเกิดคลื่นไหวกระเพื่อมชั้นแล้วชั้นเล่า หลิ่วหมิงกระตุ้นพลังแห่งแม่เหล็กดาราของกระบี่ว่างเปล่าอย่างไม่ลังเลสักนิด

บนหน้ามนุษย์ตะขาบยักษ์ในที่สุดก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมานิดๆ มันจัดการการโจมตีของหุ่นอัศวินรวมถึงกระบี่บินใกล้ๆ อย่างไม่ใส่ใจแล้วจ้องรุ้งทองที่โถมเข้ามาเขม็ง เขี้ยวโค้งทั้งคู่แยกออกกำลังจะพ่นน้ำกรดสีเขียวออกมาอีกครั้ง

ทว่าในเวลานี้เองชายหนุ่มรถเงินก็ท่องมนตร์จบ ล้อบินสีทองสี่วงระเบิดกลางท้องฟ้ากลายเป็นแสงสีทองแสบตาประหนึ่งดวงตะวันร้อนแรงเต็มฟ้าในพริบตา

มนุษย์ตะขาบไม่ทันระวังแสงสีทองแสบตาที่สาดมาบนท้องฟ้า สองตาหลับลงอย่างแทบไม่รู้ตัว ทว่ามันยังคงอ้าปากพ่นน้ำสีเขียวก้อนใหญ่ออกมา

เล่าแล้วช้าเวลาจริงเร็ว เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง รุ้งยาวสีทองฉับพลันหักเลี้ยวหลบน้ำกรดที่พุ่งประจันหน้าเข้ามา หลังขยับพ้นก็ทะลวงผ่านปราณสีเทารอบร่างตะขาบยักษ์ไป

“กี๊ซ!”

ตะขาบยักษ์กรีดร้องทีหนึ่ง ขานับร้อยสองข้างสะบัดอย่างบ้าคลั่ง กลางร่างของมันปรากฏรูเลือดรูใหญ่ขนาดหนึ่งจั้งกว่าเห็นชัดเจน เลือดสีเทาของมันไหลจ๊อกออกมา

ครู่ต่อมาเส้นไหมแวววาวสีขาวเส้นแล้วเส้นเล่าก็พลันพุ่งทะลวงออกมาจากรูเลือดบนร่างหนอนประหลาด มันดีดดิ้นบ้าคลั่งอยู่พักหนึ่ง ร่างกายและขานับร้อยที่แลดูแข็งแกร่งอย่างยิ่งทั้งหมดก็ถูกฟันกลายเป็นเนื้อขนาดเท่ากำปั้นก้อนแล้วก้อนเล่า โปรยปรายลงมาประหนึ่งสายฝน

ไม่ไกลเบื้องหน้าร่างชายหนุ่มรถเงิน รุ้งยาวสีทองม้วนกลับมา เผยหลิ่วหมิงที่มือถือกระบี่บินสีทองออกมาอีกครั้ง

เขาในเวลานี้แม้หอบหายใจแฮกๆ เล็กน้อย สีหน้าก็ซีดขาวอยู่บ้างแต่กลางหว่างคิ้วกลับฉายความยินดีจางๆ เขาเอี้ยวศีรษะไปพยักหน้าให้ชายหนุ่มรถเงิน

ชายหนุ่มรถเงินก็ยินดียิ่ง โล่งอกเฮือกใหญ่เช่นกัน เขายิ้มกว้างพยักหน้าให้หลิ่วหมิงจากนั้นกวักมือจะเรียกกระบี่บินจักรกลกับหุ่นอัศวินเต็มฟ้ากลับมา

ทว่าในตอนนี้เอง มนุษย์ตะขาบที่ร่างแยกกระจัดกระจายเลือดไหลโชกอยู่กลับส่งเสียงหัวเราะประหลาดที่ชวนให้คนขนลุกขนชันออกมาในทันใด!

“ดี ดียิ่ง! กระบี่บินพลังจิตวิญญาณคมกล้าเช่นนี้ มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ แม้วันนี้ข้าเป็นเพียงร่างแยกที่ก่อตัวขึ้นมาชั่วคราว กระบี่บินพลังจิตวิญญาณระดับทั่วไปก็อย่าหวังว่าจะฟันหนังเนื้อของข้าขาด ทว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าอย่างนั้นข้าทำให้กระบี่บินของเจ้าไม่มีที่ให้ลงมือก็พอ”

เสียงเห็นชัดว่าดังออกมาจากหัวของตะขาบยักษ์ที่แยกออกจากร่างมาแล้ว

หัวนี้ถูกฟันขาดมากกว่าหนึ่งในสาม ทว่าทั้งที่สองตาหลับแน่น หลังปากพ่นวาจากลับเริ่มท่องมนตร์งึมงำฟังไม่ชัดบางอย่างอีกหน

เลือดเนื้อก้อนแล้วก้อนเล่าที่เดิมทีถูกฟันร่วงเกลื่อนพื้นเริ่มขยับยุกยิกอยู่กับที่พร้อมกับเสียงท่องมนตร์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด