ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 867 การต่อสู้ของระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 867 การต่อสู้ของระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใบหน้างามของซาฉู่เอ๋อร์ซีดเผือด นางกำลังจะบังคับหุ่นให้พุ่งเข้าไป

แต่หลิ่วหมิงกลับตวาดเสียงดังแล้วสะบัดแขนสองข้างชิงลงมือก่อนก้าวหนึ่ง

ปราณดำบนร่างเขาพลุ่งพล่านออกมาทันที ชั่วพริบตาก็กลบร่างกายไว้ด้านในจนมิด พวกมันหมุนวนแล้วหยุดนิ่งกลายเป็นลูกบอลสีดำขนาดยักษ์ใหญ่เท่าหอแห่งหนึ่ง บนผิวส่องแสงสีดำวิบวับ ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงนับไม่ถ้วนลอยออกมา เพียงครู่เดียวก็เหมือนเป็นวัตถุจริง

มือใหญ่ที่ส่องแสงสีม่วงอยู่กลางท้องฟ้าคล้ายจะชะลอความเร็วลง ลูกบอลสีดำเพิ่งก่อตัวก็พาพลังนับไม่ถ้วนโจมตีขึ้นไปด้านบน

เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นเบาๆ!

ตัวลูกบอลสีดำราวกับลูกบอลหนังที่ถูกมือใหญ่กดจนบุ๋มลงไป ถูกโจมตีทีเดียวก็เหมือนจะทะลุแตกสลาย

“ระเบิด!”

เสียงตวาดเย็นชาของหลิ่วหมิงดังออกมาจากด้านในลูกบอลสีดำ ลูกบอลสีดำสั่นระริกครั้งหนึ่งก็ระเบิดกลายเป็นรัศมีสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งรวดเร็วเข้าใส่ฝ่ามือยักษ์สีม่วงในทันใด

เปรี๊ยะๆๆ!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นนับไม่ถ้วน ฝ่ามือยักษ์สีม่วงถูกแสงสีดำหวดจนสั่นสะเทือนเบาๆ

บุรุษผู้สยายผมเห็นเช่นนี้ก็ร้องเอ๋เสียงเบา ทว่าเมื่อแขนที่ยืดออกมาของเงายักษ์เบื้องหลังกดลงมา มือใหญ่สีม่วงพริบตาเดียวก็จับตัวแข็งขึ้นมากกว่าครึ่ง บนผิวมีตราคำสาปสีม่วงดวงแล้วดวงเล่าผุดออกมา จากนั้นกดทับลงมาดังครืนอีกครั้ง

มือยักษ์ยังไม่ทันร่วงลงมาจริงๆ พลังพันธนาการล่องหนสายหนึ่งก็ครอบทับลงมาก่อน

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าอากาศรอบด้านอัดแน่น ทั้งร่างราวกับถูกเขาไท่ซานกดทับ แม้กายเนื้อยามนี้ของเขาแข็งแกร่งมาก ชั่วขณะก็ยังไม่อาจกระดุกกระดิกได้

ในใจเขาอดไม่ได้ตกตะลึง

ทว่าเวลานี้เองซาฉู่เอ๋อร์ด้านข้างก็ตะโกนเสียงหวานออกมา หุ่นสีทองส่องแสงวูบหนึ่งแล้วมาขวางเบื้องหน้าหลิ่วหมิง มันขยายใหญ่ยักษ์ในพริบตาพร้อมกับเสียงท่องมนตร์ แสงสีทองสว่างขึ้นครั้งเดียว มันก็กลายเป็นหุ่นสูงสิบกว่าจั้ง ทั้งตัวส่องแสงสีทองแสบตา พร้อมกันนั้นแรงกดดันจิตวิญญาณดั่งห้วงสมุทรลึกล้ำสายหนึ่งก็พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า

มือยักษ์สีม่วงที่กำลังจะกดลงมาส่งเสียงครวญครางแล้วถูกแรงกดดันจิตวิญญาณสายนี้ดันไว้จนไม่อาจร่วงลงมาได้แม้แต่น้อย

“เป็นไปไม่ได้”

บุรุษผมสยายสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าหวาดกลัวที่แฝงอยู่ในแรงกดดันจิตวิญญาณสายนี้ทันที เขาหลุดปากออกมาในทันใดจากนั้นรีบร้อนตั้งท่าเคล็ดวิชา ร่างพลังเวทมหึมาบนแผ่นหลังอ้าปาก ลำแสงสีม่วงเส้นหนึ่งพุ่งออกมา ขณะที่แขนอีกข้างหนึ่งพร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นมือใหญ่สีม่วงอีกข้างหนึ่งตบลงมาใส่หุ่นสีทอง

แต่หุ่นสีทองที่เดิมทีนิ่งไม่ขยับฉับพลันกลับเงยศีรษะขึ้น ดวงตาสองข้างส่องแสงแวววาวออกมารอบด้าน แขนสองข้างพร่าเลือนเพียงวูบเดียว เงาหมัดขนาดเท่าโอ่งน้ำสองข้างก็โจมตีออกมาในทันใด

เสียง “บึ๊ม” ดังสนั่นสองครั้ง!

เงาหมัดข้างหนึ่งโจมตีมือใหญ่สีม่วงที่ร่วงลงมาแตกสลายในพริบตา ส่วนเงาหมัดอีกข้างราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา พร่าเลือนวูบเดียวก็ปรากฏตรงหน้าเงาจักรพรรดิที่อยู่เบื้องหลังบุรุษผู้สยายผม จากนั้นพุ่งเข้าปะทะมันทันที

สองแขนของเงาจักรพรรดิยกขึ้นขวางหน้าร่างดั่งสายฟ้าแลบ แต่ยังคงถูกเงาหมัดโจมตีจนโงนเงน พร่ามัวเลือนรางไปทันที

บุรุษผู้สยายผมส่งเสียงดัง “อ๊อก” ทีหนึ่งก็พ่นเลือดคำหนึ่งออกมา เงาจักรพรรดิเบื้องหลังร่างกะพริบวูบวาบ

“หุ่น…ระดับ…เชี่ยวชาญมหัศจรรย์!”

ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณณ์จากตระกูลโอวหยางผู้นี้ตะโกนเสียงดัง บนร่างเปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้า หันหลังกลับแหวกท้องนภาจากไปทันที

ในเวลานี้เอง เสียง “ฟึบ” ก็ดังขึ้น

ดวงตาของหุ่นสีทองมีแสงแวววาวไหลเคลื่อนอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าก็เผยสีหน้าเยาะหยันคล้ายมนุษย์ออกมา ทันใดนั้นมันก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ขยับแขนอีกเพียงครั้งเดียวก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าบุรุษผู้สยายผมประหนึ่งภูตพราย มือใหญ่ข้างหนึ่งกลายเป็นเงาสีทองคว้าออกไปทันที!

ระหว่างห้านิ้วสีทองมีเสียงสายลมอสนีบาตดังขึ้นทำให้คนรู้สึกว่าไม่อาจหลบพ้น ราวกับว่าการคว้าจับครั้งนี้จะฉวยผืนฟ้าและแผ่นดินทั้งหมดเข้าไปไว้ในมือ

บุรุษผู้สยายผมกรีดร้องเสียงหลง ร่างกายบิดทีหนึ่งพลันกลายเป็นแสงสีม่วงสายหนึ่งกะพริบวูบวาบบินไปทั่วท้องฟ้า

แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิชาหลบหลีกได้ยอดเยี่ยมเช่นไร ห้านิ้วของมือใหญ่สีทองหุบทีเดียวก็จับแสงสีม่วงไว้ได้มั่น

แสงสีม่วงดับหายไป บุรุษผู้สยายผมปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในมือใหญ่ของหุ่น ทั้งร่างถูกโซ่ยันต์สีทองเส้นแล้วเส้นเล่ามัดไว้แน่นหนา ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยวได้สักนิด

บุรุษผู้สยายผมอยู่ต่อหน้าหุ่นสีทองไม่มีกำลังต้านทานแม้แต่น้อย!

“ผู้อาวุโสเจี้ยนหยวน!”

พวกผู้เฒ่าผมขาวสี่คนเวลานี้มองดูตาโตอ้าปากค้าง ทั้งหมดตกตะลึงไปแล้ว

หลิ่วหมิงก็มองตาโตพูดไม่ออกเช่นเดียวกัน แต่เมื่อกวาดสายตาไปยังซาฉู่เอ๋อร์ที่ตาโตอ้าปากค้างอยู่ด้านข้างเหมือนกัน กลับสัมผัสได้ถึงกระแสจิตเย็นเยียบจางๆ ที่ลอยออกมาจากตัวหุ่นสีทอง ในใจก็คล้ายจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง

“ไม่ทราบผู้อาวุโสระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ท่านใดประทับร่างอยู่บนตัวหุ่น ตระกูลโอวหยางของเราก็มีผู้อาวุโสระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เช่นกัน” รอบร่างบุรุษผู้สยายผมเปล่งแสงสีม่วงวูบวาบดิ้นรนอยู่หลายครั้ง ทว่าหลังจากดิ้นไม่หลุดก็ตวาดใส่หุ่นสีทองเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด

“เหอะ!”

หุ่นสีทองพลันแค่นเสียงหยันออกจากปาก มือใหญ่ออกแรงกำบุรุษผมสยายในมือจนเขาครางเบาๆ กระอักเลือดคำหนึ่งออกมาจากปากอีกครั้ง ลมปราณแผ่วเบาลงในทันใด

ขณะที่หลิ่วหมิงมองดูด้วยใจหวาดผวา เสียง “เปรี๊ยะ” ดังสนั่นก็ลอยมากเบื้องบน

สักแห่งบนท้องนภาปรากฏรอยแตกสีดำยาวหลายสิบจั้งเส้นหนึ่งจากความว่างเปล่า

เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้น!

ฝ่ามือยักษ์สีม่วงดุจขุนเขาข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากรอยแยก โจมตีลงมาเบื้องล่างหนึ่งฝ่ามือทันที

ฝ่ามือยักษ์ข้างนี้ลายฝ่ามือชัดเจนอย่างยิ่ง ข้อนิ้ว เส้นขนล้วนชัดเจนแจ่มแจ้ง นอกจากสีที่พิเศษก็เหมือนฝ่ามือที่เป็นเลือดเนื้อของจริงขยายใหญ่หลายเท่า แล้วยังแผ่แรงกดดันจิตวิญญาณน่าหวาดกลัวออกมาไม่ด้อยกว่าหุ่นสีทองเบื้องล่างสักนิด

“ฮ่า!”

หุ่นสีทองเห็นภาพนี้ ใบหน้ากลับไม่มีสีหน้าประหลาดใจแม้แต่น้อย มันกลับหัวเราะหยันคำหนึ่ง พลิกฝ่ามือต่อยใส่ท้องนภา เงาหมัดสีทองขนาดหลายหมู่ข้างหนึ่งพุ่งดังกึกก้องใส่ท้องฟ้า

เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น!

วงแสงมหึมาสองวง วงหนึ่งสีม่วง วงหนึ่งสีทองปะทะกันดังสนั่นกลางอากาศ ต่างฝ่ายโรมรันเข้าหากัน

จากนั้นเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าก็ดังครืดคราดลอยมา คลื่นต่างสีสองชนิดพุ่งโจมตีไปสี่ด้านแปดทิศ เสียงเปรี๊ยะๆ ดังสนั่น ต้นไม้ภูเขาเบื้องล่างทั้งหมดถูกซัดราวกับว่าเกิดพายุหมุนลูกแล้วลูกเล่าขึ้นจากความว่างเปล่า

“พลังร้ายกาจนัก! นี่เป็นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์” แม้หลิ่วหมิงพยายามกระตุ้นปราณดำบนร่างสุดชีวิตแต่ก็ยังคงถูกสายลมบ้าคลั่งสายนี้บีบให้ถอยร่นไม่หยุด ในใจเขาตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

คนตระกูลโอวหยางที่เหลือยิ่งถูกสายลมบ้าคลั่งพัดปลิวออกไปด้านนอกอย่างน่าเวทนาทันที

“เหอะ ใช้ร่างของหุ่นตัวหนึ่งก็ขวางการโจมตีของข้าได้ ท่านคงจะเป็นขุยตี้แห่งหนานฮวงในอดีตสินะ?”

หลังโจมตีหนึ่งครั้ง มือยักษ์สีม่วงก็พลันหดเข้าไปในรอยแยกบนฟ้า แต่รอยแยกกลับไม่ได้หายไป เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในชัดเจนอย่างยิ่ง

“หึๆ! ไม่ผิด ข้าเอง! พวกเจ้าตระกูลโอวหยางใช้ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย ถึงกับเพ้อฝันจะจับตัวศิษย์ของข้า หากไม่สั่งสอนเสียบ้าง ชื่อเสียงขุยตี้ของข้าคงเสียหายใหญ่หลวง” หุ่นสีทองหัวเราะสองครั้งก็บีบบุรุษผู้สยายผมในมือแน่นขึ้นอีกหน่อยเหมือนเจตนาแต่ก็ไม่เหมือนเจตนา

ร่างกายของบุรุษสยายผมสะท้านรุนแรง พ่นเลือดคำโตออกมาติดๆ กัน ลมปราณบนร่างที่เดิมทีแผ่วเบาอย่างที่สุดอยู่แล้ว แผ่วเบาลงอีกครั้ง

“ที่โอวหยางหมิงฝึกฝนวิชาที่แท้จริงของเผ่ามารนั่นเพราะคำสั่งของท่านหรือ?” เสียงทุ้มเข้มในรอยแยกหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อราวกับมองไม่เห็นบุรุษสยายผมผู้กำลังทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง

“ต่อให้ใช่ เรื่องเช่นนี้ก็พูดส่งเดชไม่ได้ เจ้ามีหลักฐานอันใดเล่า?” ดวงตาของหุ่นสีทองทอประกายเล็กน้อย ยังคงหัวเราะหยันเอ่ยขึ้น

“ช่างเถิด เรื่องนี้หลังจากนี้ค่อยสืบสาวเอาความ วันนี้พอเท่านี้เถิด” เพิ่งสิ้นเสียง รอยแยกมหึมากลางท้องฟ้าก็ค่อยๆ ปิดสนิท ท้ายที่สุดก็หายไปไร้ร่องรอยประหนึ่งไม่เคยปรากฏ

หุ่นสีทองหัวเราะหยันสองครั้งก็สะบัดมือโยนบุรุษสยายผมในมือออกไป ร่างกายเขาปลิวออกไปประหนึ่งกระสอบขาดๆ ร่วงลงบนพื้นที่ว่างไม่ไกลดัง “ปึก”

ในเวลาเดียวกันนี้ร่างกายมหึมาของหุ่นสีทองก็ค่อยๆ หดเล็กกลับมาขนาดเท่าเดิมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว มันหมุนตัวกลับมา ดวงตาเปล่งแสงสีทองที่ราวกับวัตถุจริงสองสายออกมาจับบนร่างหลิ่วหมิง

“คารวะผู้อาวุโสชิงหลิง” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รีบค้อมกายคำนับ

ถึงตอนนี้ ไหนเลยเขาจะยังไม่รู้ว่าผู้ที่ควบคุมหุ่นตรงหน้าอยู่คือชิงหลิงขุยตี้แห่งหนานฮวง

“ท่านเทพ” ซาฉู่เอ๋อร์เดินเข้ามาอย่างทั้งตกใจทั้งยินดี นางรีบคำนับเช่นกัน

สตรีนางนี้เหมือนคิดไม่ถึงว่าชิงหลิงจะประทับร่างลงบนหุ่นสีทองกะทันหัน

“อืม ไม่ได้พบหน้าไม่กี่ปี พลังของเจ้าเลื่อนระดับไวทีเดียว เมื่อครู่เห็นข้าปรากฏตัว เหมือนเจ้าจะไม่ตกใจเท่าไรนะ?” หุ่นสีทองพยักหน้าให้ซาฉู่เอ๋อร์นิดหนึ่งก่อน แล้วจึงหันหน้ามาเอ่ยนิ่งๆ กับหลิ่วหมิง

“หลายปีนี้ผู้เยาว์ได้โชควาสนามาจำนวนหนึ่ง ระดับพลังถึงเลื่อนขึ้นได้อยู่บ้าง ส่วนที่ไม่ตกตะลึงนักยามผู้อาวุโสประทับร่างหุ่นตัวนี้เพราะในอดีตผู้เยาว์เคยได้สัมผัสความร้ายกาจด้วยตนเองมาแล้ว” หลิ่วหมิงเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม

“หึๆ เพียงแค่เลื่อนระดับขึ้นนิดหน่อยหรือ? เป็นถึงอันดับหนึ่งแห่งงานประตูสวรรค์ ต่อให้ข้าอยู่ไกลถึงหนานฮวงก็ได้ยินคนพูดถึงนานแล้ว” หุ่นสีทองหัวเราะแผ่วเบาออกมาอีกครั้ง

หลิ่วหมิงย่อมเอ่ยอย่างถ่อมตัวอีกหลายคำ

“เอาล่ะ คำพูดไร้สาระไม่ต้องพูดแล้ว หลายวันนี้ต้องขอบคุณเจ้า ฉู่เอ๋อร์ถึงตามหาที่นี่จนพบ ข้าแบ่งความชอบกับความผิดชัดเจน ในเมื่อทำงานให้คนของข้าย่อมมีรางวัลให้เจ้า” หุ่นสีทองพูดพลางก็สะบัดมือทีหนึ่ง แสงสีทองเส้นหนึ่งร่วงลงเบื้องหน้าหลิ่วหมิง มันคือยันต์หยกสีทองอ่อนแผ่นหนึ่ง

“ใช้ยันต์ลับนี่ ไม่ว่าอยู่ห่างกี่หมื่นลี้ก็ติดต่อกับข้าได้ นับว่าให้เจ้าเป็นรางวัล” ชิงหลิงเอ่ยช้าๆ

“ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างยิ่ง” หลิ่วหมิงทีแรกอึ้งไปเล็กน้อย แต่จากนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง เขาเก็บยันต์หยกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

ติดต่อกับผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์คนหนึ่งได้ มูลค่าของยันต์หยกแผ่นนี้มากเท่าใดคิดดูก็รู้

“เอาล่ะ ฉู่เอ๋อร์ หมดเรื่องที่ติดค้างในใจเจ้าแล้ว ตอนนี้ก็กลับหนานฮวงกับข้าเถิด” หุ่นสีทองไม่รอซาฉู่เอ๋อร์อ้าปากเอ่ยอะไรอีก แขนก็ขยับทีหนึ่ง แสงสีทองผืนใหญ่ซัดออกมาหุ้มซาฉู่เอ๋อร์กับเขาไว้ด้านในทั้งหมด

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง แสงสีทองพุ่งขึ้นฟ้า หลังบินวนบนท้องฟ้ารอบหนึ่งก็แหวกนภาจากไป

ขุยตี้แห่งหนานฮวงผู้นี้ไม่แม้แต่จะให้โอกาสซาฉู่เอ๋อร์บอกลาหลิ่วหมิงก็เหาะจากไปเช่นนี้

กล้ามเนื้อบนหน้าหลิ่วหมิงกระตุกเล็กน้อย รู้สึกว่ากระทั่งหัวเราะฝืดเฝื่อนก็ยังหัวเราะไม่ออก

“แค่ก…แค่กแค่ก!”

หลังจากบุรุษผู้สยายผมที่อยู่ไม่ไกลไอแค่กๆ หลายครั้งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น ล้วงโอสถเม็ดหนึ่งออกจากอกเสื้อมากลืนลงไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด