ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 984 พระราชวังใต้ทะเลสาบ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 984 พระราชวังใต้ทะเลสาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้ารู้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นตรวจสอบ คงได้แต่เก็บมันไว้ก่อน วันหน้ากลับแผ่นดินจงเทียนค่อยให้ผู้อื่นช่วยดู”

หลิ่วหมิงเอ่ยพลางหยิบไข่อสูรสีทองใบนั้นขึ้นมาเพียงใบเดียว จากนั้นเก็บเข้าไปในยันต์เก็บของแผ่นหนึ่งอย่างระมัดระวัง พร้อมกันนั้นก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวเก็บเฟยเอ๋อร์กับเซียเอ๋อร์อสูรเลี้ยงทั้งสองเข้าไป

หลังจากนั้นเขาก็ค้นหาภายในถ้ำทั้งหมดอีกพักใหญ่ก่อนจะออกจากที่แห่งนั้น ขี่กระบี่แหวกท้องฟ้ามุ่งไปยังเป้าหมายต่อ

สิบวันหลังจากนั้นบนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบที่ระลอกคลื่นเป็นประกายมองไปไม่เห็นขอบเขตแห่งหนึ่งก็มีลำแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งมาจากไกลๆ

ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งด้านในลำแสงสีม่วงกำลังชะเง้อมองรอบด้านคล้ายกำลังหาบางสิ่ง

คนผู้นี้ก็คือหลิ่วหมิงที่เดินทางมาค้นหานั่นเอง

หนึ่งวันก่อนหน้านี้ในที่สุดเขาก็ออกจากป่าทึบแห่งนั้นเข้ามาในอาณาเขตทะเลสาบแห่งนี้ ตอนนี้เขาเดินทางบนท้องฟ้ามาหนึ่งวันเต็มๆ แต่นอกจากเกาะร้างน้อยใหญ่ใกล้ไกลก็ไม่พบซากโบราณสถานอะไรอีก

หลิ่วหมิงลูบคาง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขาเก็บกระบี่บินขู่หลุนใต้เท้าพร้อมกับที่แสงสีเงินสว่างวาบบนแผ่นหลัง ปีกเนื้อคู่หนึ่งโผล่ออกมาก่อนที่เขาจะกลายเป็นแสงสีเงินสายหนึ่งดิ่งลงไปในทะเลสาบเบื้องล่าง

“พรึ่บ” ปีกเนื้อสองข้างบนแผ่นหลังของเขาทอแสงสีฟ้าแล้วกระพือแผ่วเบาครั้งหนึ่ง น้ำในทะเลสาบเบื้องล่างพลันแหวกออกเป็นสองฝั่งปล่อยให้หลิ่วหมิงมุดเข้าไปใต้ทะเลสาบ

เขาดำลงไปข้างใต้ไม่หยุดขณะที่แผ่จิตสัมผัสสำรวจรอบด้านไปด้วย

ทะเลสาบแห่งนี้ดูธรรมดาแต่ลึกไม่เห็นก้น แม้หลิ่วหมิงมีปีกเนื้อเสริมส่ง แต่เหาะมาเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปกว่าจะมาถึงก้นทะเลสาบอย่างหวุดหวิด

ไม่ผิดจากที่คิดก้นทะเลสาบเป็นโลกอีกแห่งหนึ่งจริงๆ พระราชวังทอประกายแวววาวดุจแก้วผลึกหลังหนึ่งตั้งตระหง่านลึกลงไปใต้ทะเลสาบ

พระราชวังหลังนี้กินพื้นที่ราวหลายสิบหมู่ ก่อขึ้นจากแก้วผลึกทั้งหลัง เมื่อสะท้อนกับประกายน้ำแล้วดูงดงามตระการตาทำให้คนรู้สึกดั่งภาพลวงตาไม่ใช่ความจริง

ทว่าเมื่อเขาโอบกอดความหวังมาจนถึงประตูทางเข้าพระราชวัง กลับต้องยิ้มเจื่อนอยู่ในใจอย่างไม่อาจห้าม

ประตูหน้าของพระราชวังหลังนี้มีมุมหนึ่งถูกทำลายไปแล้ว โชคของตนดูจะย่ำแย่อย่างที่สุด มีคนชิงมาถึงก่อนอีกแล้ว

ในตอนนี้เองดวงตาเขาพลันทอประกายวาววับขึ้นวูบหนึ่ง ตรงประตูใหญ่ของพระราชวังมีคลื่นไอปีศาจแผ่วเบาแผ่ออกมา พอดูออกว่าไม่ใช่เพียงตนเดียว

หรือว่าผู้ที่บุกเข้าไปที่นี่จะเป็นมนุษย์ปีศาจ?

หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กระตุ้นวิชาลับภาพสัญลักษณ์เก็บซ่อนลมปราณจากนั้นพุ่งเข้าไปในพระราชวัง

ด้วยพลังของเขา เขาย่อมไม่ต้องเก็บมนุษย์ปีศาจตนหนึ่งมาใส่ใจ

ปรากฏว่าทันทีที่เขาเข้าไปในพระราชวังใต้น้ำก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างจ้า

ทางเดินของพระราชวังกว้างถึงสิบกว่าจั้ง อีกทั้งสร้างจากแก้วผลึกหลากสีก้อนแล้วก้อนเล่า แลดูงดงามโอ่อ่าไม่ธรรมดา สองฝั่งทางเดินมีเสาแก้วผลึกหนาหนึ่งจั้งกว่าต้นแล้วต้นเล่าเรียงรายเป็นระเบียบ บนเสาศิลาสลักภาพสัญลักษณ์อสูรสมุทรนานาชนิดที่ประณีตอย่างยิ่ง

ขณะที่หลิ่วหมิงจดจ่ออยู่กับการชื่นชม สุดปลายทางเดินก็มีเสียง “ตึง ตึง” เหมือนเสียงขุดดังออกมา แล้วยังมีเสียงพูดคุยแผ่วเบาดังออกมาเลือนรางอีกด้วย

แม้จะอยู่ห่างอย่างน้อยหลายร้อยจั้ง แต่จิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงก็ยังฟังได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง

“…พี่รอง พลังของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นแข็งแกร่งเพียงนี้ กระทั่งพี่ใหญ่โม่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน โชคดีที่นายท่านมอบวิธีรักษาชีวิตเอาไว้ให้ แต่น่าเสียดายที่สองพี่น้องตระกูลหลิงนั่นถูกพี่ใหญ่โม่ใช้เป็นตัวเบี้ยไปแล้ว” เสียงที่แหบอยู่บ้างเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น

“พี่ใหญ่โม่เดิมทีก็เป็นพวกโหดเหี้ยมอำมหิตอยู่แล้ว พูดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาตอนนี้มีประโยชน์อะไรอีก ยามนี้การเดินทางมาเยือนแดนลับแห่งนี้จะจบลงในอีกไม่นานแล้ว ทำตัวดีๆ ค้นหาสมบัติเพิ่มสักหน่อยไปเถอะ กลับไปจะได้ไม่ถูกนายท่านตำหนิ” เสียงที่ฟังแล้วจะชายก็ไม่ใช่จะหญิงก็ไม่เชิงอีกเสียงหนึ่งตอบกลับมาอย่างไม่พอใจนิดๆ

“ถูกต้อง ฉวยโอกาสที่พี่ใหญ่โม่ยังไม่กลับมา พวกเรารีบขุดแก้วผลึกเหล่านี้กัน ว่ากันว่าคุณสมบัติของหินแร่เหล่านี้ยอดเยี่ยมที่สุด แผ่นดินว่านหมัวยากจะพบแร่ชนิดนี้มานานแล้ว หากมอบให้นายท่านหลังออกไป ไม่แน่ท่านผู้เฒ่าอาจดีใจมอบรางวัลเป็นไอปีศาจแท้ให้พวกเราบ้างก็เป็นได้” เสียงแหบนั่นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย

“ไม่ผิดๆ ขุดส่วนใหญ่ออกมาแล้วที่เหลือค่อยแบ่งกับพี่ใหญ่โม่เท่าๆ กัน ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นคนสำคัญในเผ่า ไม่มีทางยอมเสียหน้าค้นตัวพวกเราหรอก” เสียงประหลาดกึ่งชายกึ่งหญิงหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นบ้าง

หลิ่วหมิงไม่สนใจบทสนทนาของมนุษย์ปีศาจทั้งสอง แต่เมื่อเขาได้ยินคำว่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

ฟังจากคำพูดของพวกเขาหมายความว่าสตรีนางนั้นยังไม่ออกไปจากแดนลับเศษซากโลกบนแห่งนี้!

สตรีผู้นั้นหลังสืบทอดพลังสำเร็จเมื่อตอนนั้น ลมปราณก็บรรลุระดับแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์ ห่างจากระดับดาราพยากรณ์เพียงก้าวเดียว เดิมทีคิดว่านางจะออกจากเศษซากโลกบนกลับแผ่นดินหมานฮวงทันที แต่ไม่คิดเลยว่านางจะยังอยู่ที่นี่แล้วยังขัดแย้งกับมนุษย์ปีศาจอีก

พริบตาที่หลิ่วหมิงเหม่อไปเล็กน้อยนี่เอง เสียงขุดเหมืองดัง “ตึงๆ” ที่เดิมทีดังอยู่ก็พลันเงียบหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือเสียงแหวกอากาศสองสายพุ่งเข้ามา

“แย่ล่ะ ประมาทเสียแล้ว” หลิ่วหมิงได้สติกลับมาทันทีแล้วลอบตำหนิตนเองเงียบๆ

“โอ๊ะ? มีเจ้าหนูเผ่ามนุษย์มาคนหนึ่ง เมื่อครู่กำลังปวดหัวอยู่พอดีว่าจะอ้างอะไรหากไม่ได้สมบัติกลับไป เจ้าหนูคนนี้ก็ส่งตัวเองมาถึงประตู” เมื่อสายลมสีดำสลายไป มนุษย์ปีศาจที่จะเป็นบุรุษก็ไม่ใช่เป็นสตรีก็ไม่เชิงและประทินโฉมจัดจ้านตนหนึ่งก็ปรากฏตัว พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

“พี่รอง ท่านจะลงมือหรือจะให้ข้าจัดการ? คนผู้นี้เหมือนจะระดับแก่นเสมือน ประมาทเกินไปไม่ได้” มนุษย์ปีศาจอ้วนเตี้ยที่เสียงแหบเล็กน้อยอีกตนหนึ่งเอ่ยขึ้น

พวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ปีศาจสองกลุ่มที่หลิ่วหมิงพบก่อนหน้านี้ มนุษย์ปีศาจสองตนนี้สวมชุดที่เป็นแบบเดียวกัน แม้ไม่รู้ว่ามนุษย์ปีศาจมีนิกายหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็คงมาจากกลุ่มอำนาจเดียวกัน

“เจ้ากับข้าลุยด้วยกันเถอะ รีบสู้รีบจบ นานเข้าอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝัน หากเชือดมันได้ก่อนพี่ใหญ่โม่กลับมา ตามกฎของเผ่า สมบัติบนตัวเจ้าหนูเผ่ามนุษย์คนนี้ก็เป็นของพวกเราทั้งหมด” มนุษย์ปีศาจครึ่งชายครึ่งหญิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย

พูดจบ ทั้งสองตนก็ขยับร่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัด กลายเป็นเงาสีดำสองร่างพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงมองเงาดำสองสายที่โถมเข้ามา เขาไม่พูดพร่ำก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น มุกกลมสีเหลืองขมุกขมัวลูกหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ มันหมุนติ้วแล้วลอยหยุดอยู่กลางอากาศ

กลางอากาศฉับพลันเกิดแสงสว่างจ้า แสงเรืองรองสีเหลืองแถบแล้วแถบเล่าทอประกายระยิบระยับ ส่องเสาศิลาแก้วผลึกรอบข้างให้ทอแสงรัศมีสีเหลืองไปรอบด้าน

หลิ่วหมิงชี้นิ้วไปหาไข่มุกลูกนั้นที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ไข่มุกกลมสีเหลืองสั่นไหวส่งเสียงทุ้มต่ำดังออกมา มันหมุนติ้วอยู่รอบหนึ่งก็กลายเป็นเงาภูเขาน้อยสีน้ำตาลอ่อนสูงร้อยกว่าจั้งลูกหนึ่งทับลงไปหามนุษย์ปีศาจสองตนในพริบตา

เสียงสั่นไหวดังครืนกลางอากาศไม่หยุด กำแพงแก้วผลึกสองฟากของพระราชวังมีแก้วผลึกหลุดร่อนออกมาไม่หยุด

มนุษย์ปีศาจสองตนเห็นสถานการณ์ไม่ดี ไอปีศาจทั่วร่างก็ม้วนออกมาหมายจะหลบให้พ้น

สิ่งที่ทำให้คนคิดไม่ถึงก็คือแสงเรืองรองสีเหลืองที่แผ่ออกมาจากยอดเขาที่แปลงมาจากมุกบรรพตธาราราวกับว่ามีอิทธิฤทธิ์ปิดกั้นมิติกับเวลา การเคลื่อนไหวชั่วพริบตาของทั้งสองตนกลับกลายเป็นร่างกายขยับเชื่องช้ายิ่งนักอยู่กลางอากาศ

“แย่แล้ว!”

มนุษย์ปีศาจอ้วนเตี้ยตระหนกลนลาน เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบพ้น เขาจึงยกแขนเสื้อขึ้น แสงสีฟ้าสายหนึ่งส่องสว่างออกมากลายเป็นโล่ยักษ์สีฟ้าชิ้นหนึ่งขวางอยู่เหนือศีรษะ พร้อมกันนั้นไอปีศาจทั่วร่างก็หลั่งไหลออกมาอย่างไม่เก็บออมไว้สักนิดก่อนจะก่อตัวเป็นกำแพงมารชั้นหนึ่ง หลังจากทำเช่นนี้เสร็จ เขาก็ยังไม่วางใจ รีบโยนทรายละเอียดสีดำออกไปบนอากาศ

ในใจเขาคงรู้ดี หากไม่ทุ่มเทออกมาทั้งหมดก็ไม่อาจทนรับการโจมตีครั้งเดียวของอาวุธเวทชิ้นนี้ได้

หลังจากเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างดังขึ้น ทรายละเอียดสีดำเหล่านั้นก็ถูกภูเขาน้อยสีเหลืองบดขยี้โดยไม่มีผลแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะทำให้ความเร็วที่ภูเขาน้อยร่วงลงมาช้าลงแม้แต่นิด

เทียบกันแล้วมนุษย์ปีศาจครึ่งหญิงครึ่งชายผู้นั้นใจเย็นกว่ามาก เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นตวัดกลางอากาศ

“ฟึบ” รอยแยกมิติที่พอให้คนผู้หนึ่งผ่านไปได้ปรากฏขึ้นมา เขาพุ่งเข้าไปอย่างเร็วไว

“บึ๊ม” เสียงดังสนั่น!

พื้นของพระราชวังทั้งหลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ยอดพระราชวังมีทีท่าว่าจะพังทลายลงมา เสาแก้วผลึกสองฝั่งปริร้าวเป็นรอยแตกเส้นแล้วเส้นเล่า

โล่กับกำแพงมารที่มนุษย์ปีศาจอ้วนเตี้ยเรียกออกมาถูกบดขยี้แหลกเป็นจุณประหนึ่งกระดาษ ลมปราณของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยพริบตาที่ภูเขาน้อยหล่นทับลงมา

หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันก็น่าจะถูกทับกลายเป็นเศษเนื้อ แตกสลายทั้งร่างกายและวิญญาณไปแล้ว

“เจ้า นี่มัน…”

ห่างออกไปไม่กี่สิบจั้งเกิดระลอกคลื่นไหวๆ จากนั้นเงาดำร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมากลางอากาศ มนุษย์ปีศาจครึ่งชายครึ่งหญิงที่หลบพ้นภัยมานั่นเอง

ใบหน้าที่เดิมทีเย้ายวนเวลานี้เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย หลังจากมองหลิ่วหมิงแวบหนึ่ง เขาก็ไม่พูดพร่ำ ปราณดำม้วนออกมาคิดจะแหวกอากาศหนีไป

เวลานี้หลิ่วหมิงกำลังยินดีอย่างยิ่ง พลังของมุกบรรพตธารายิ่งใหญ่เหนือกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นกวัก ภูเขาน้อยสีเหลืองส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วแปลงกลับเป็นมุกกลมสีเหลืองขมุกขมัวบินกลับมาอยู่ในมือเขา

บนพื้นนอกจากหลุมมหึมาหลุมหนึ่งก็เหลือเพียงเลือดสีดำแอ่งหนึ่งกับพวกกำไลเก็บของเท่านั้น

หลิ่วหมิงหยิบกำไลเก็บของบนพื้นจากนั้นลอยขึ้นกลางอากาศไล่ตามไปตามทางเดินยาว

ผลปรากฏว่ายังเคลื่อนลำแสงไปได้ไกลไม่เท่าใด เขาก็เห็นภาพที่คิดไม่ถึงอยู่ไม่ไกล

สุดปลายทางเดิน มนุษย์ปีศาจบุรุษก็ไม่ใช่สตรีก็ไม่เชิงผู้นั้นกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสีหวาดกลัว เบื้องหน้าเขาคือหมอกมารสีเขียวกลุ่มหนึ่ง กลางหมอกมารมองเห็นเงาคนพร่ามัวไม่ชัดร่างหนึ่งอยู่เลือนราง

“พี่ใหญ่โม่ เผ่ามนุษย์คนนั้นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ นายท่านเคยบอกว่าหากพบศัตรูแข็งแกร่งที่สู้ไม่ได้อย่าได้ฝืนปะทะ ข้าจึง…”

“เหอะ พวกเจ้าสองคนไม่ยินดีทำงานด้วยกันกับข้า คิดว่าข้าไม่รู้ความคิดน้อยๆ พวกนั้นของพวกเจ้าเลยหรือ?”

เสียงเย็นเยียบพูดขึ้นมาเพียงสองสามประโยค เงาสีเขียวร่างนั้นก็พลิกมือ ไอหมอกม้วนตัวล้อมมนุษย์ปีศาจกึ่งชายกึ่งหญิงผู้นี้ขึ้นมา

“พี่ใหญ่โม่ ไม่…ไม่นะ…อ้าก!”

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นครั้งหนึ่ง ไอหมอกสีเขียวก็ระเบิดดัง “ปัง” กลายเป็นเพลิงมารลุกโชติช่วงแล้วหายไปจากที่เดิม

“เจ้าหนูเผ่ามนุษย์ ได้ยินว่าเจ้ามีสมบัติที่ไม่เลวชิ้นหนึ่ง ให้ข้ายืมใช้สักครั้งเป็นอย่างไร?” เงาสีเขียวหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นลอยมาหาหลิ่วหมิงอย่างไม่รีบร้อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 984 พระราชวังใต้ทะเลสาบ

Now you are reading ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ Chapter 984 พระราชวังใต้ทะเลสาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้ารู้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นตรวจสอบ คงได้แต่เก็บมันไว้ก่อน วันหน้ากลับแผ่นดินจงเทียนค่อยให้ผู้อื่นช่วยดู”

หลิ่วหมิงเอ่ยพลางหยิบไข่อสูรสีทองใบนั้นขึ้นมาเพียงใบเดียว จากนั้นเก็บเข้าไปในยันต์เก็บของแผ่นหนึ่งอย่างระมัดระวัง พร้อมกันนั้นก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวเก็บเฟยเอ๋อร์กับเซียเอ๋อร์อสูรเลี้ยงทั้งสองเข้าไป

หลังจากนั้นเขาก็ค้นหาภายในถ้ำทั้งหมดอีกพักใหญ่ก่อนจะออกจากที่แห่งนั้น ขี่กระบี่แหวกท้องฟ้ามุ่งไปยังเป้าหมายต่อ

สิบวันหลังจากนั้นบนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบที่ระลอกคลื่นเป็นประกายมองไปไม่เห็นขอบเขตแห่งหนึ่งก็มีลำแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งมาจากไกลๆ

ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งด้านในลำแสงสีม่วงกำลังชะเง้อมองรอบด้านคล้ายกำลังหาบางสิ่ง

คนผู้นี้ก็คือหลิ่วหมิงที่เดินทางมาค้นหานั่นเอง

หนึ่งวันก่อนหน้านี้ในที่สุดเขาก็ออกจากป่าทึบแห่งนั้นเข้ามาในอาณาเขตทะเลสาบแห่งนี้ ตอนนี้เขาเดินทางบนท้องฟ้ามาหนึ่งวันเต็มๆ แต่นอกจากเกาะร้างน้อยใหญ่ใกล้ไกลก็ไม่พบซากโบราณสถานอะไรอีก

หลิ่วหมิงลูบคาง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขาเก็บกระบี่บินขู่หลุนใต้เท้าพร้อมกับที่แสงสีเงินสว่างวาบบนแผ่นหลัง ปีกเนื้อคู่หนึ่งโผล่ออกมาก่อนที่เขาจะกลายเป็นแสงสีเงินสายหนึ่งดิ่งลงไปในทะเลสาบเบื้องล่าง

“พรึ่บ” ปีกเนื้อสองข้างบนแผ่นหลังของเขาทอแสงสีฟ้าแล้วกระพือแผ่วเบาครั้งหนึ่ง น้ำในทะเลสาบเบื้องล่างพลันแหวกออกเป็นสองฝั่งปล่อยให้หลิ่วหมิงมุดเข้าไปใต้ทะเลสาบ

เขาดำลงไปข้างใต้ไม่หยุดขณะที่แผ่จิตสัมผัสสำรวจรอบด้านไปด้วย

ทะเลสาบแห่งนี้ดูธรรมดาแต่ลึกไม่เห็นก้น แม้หลิ่วหมิงมีปีกเนื้อเสริมส่ง แต่เหาะมาเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปกว่าจะมาถึงก้นทะเลสาบอย่างหวุดหวิด

ไม่ผิดจากที่คิดก้นทะเลสาบเป็นโลกอีกแห่งหนึ่งจริงๆ พระราชวังทอประกายแวววาวดุจแก้วผลึกหลังหนึ่งตั้งตระหง่านลึกลงไปใต้ทะเลสาบ

พระราชวังหลังนี้กินพื้นที่ราวหลายสิบหมู่ ก่อขึ้นจากแก้วผลึกทั้งหลัง เมื่อสะท้อนกับประกายน้ำแล้วดูงดงามตระการตาทำให้คนรู้สึกดั่งภาพลวงตาไม่ใช่ความจริง

ทว่าเมื่อเขาโอบกอดความหวังมาจนถึงประตูทางเข้าพระราชวัง กลับต้องยิ้มเจื่อนอยู่ในใจอย่างไม่อาจห้าม

ประตูหน้าของพระราชวังหลังนี้มีมุมหนึ่งถูกทำลายไปแล้ว โชคของตนดูจะย่ำแย่อย่างที่สุด มีคนชิงมาถึงก่อนอีกแล้ว

ในตอนนี้เองดวงตาเขาพลันทอประกายวาววับขึ้นวูบหนึ่ง ตรงประตูใหญ่ของพระราชวังมีคลื่นไอปีศาจแผ่วเบาแผ่ออกมา พอดูออกว่าไม่ใช่เพียงตนเดียว

หรือว่าผู้ที่บุกเข้าไปที่นี่จะเป็นมนุษย์ปีศาจ?

หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กระตุ้นวิชาลับภาพสัญลักษณ์เก็บซ่อนลมปราณจากนั้นพุ่งเข้าไปในพระราชวัง

ด้วยพลังของเขา เขาย่อมไม่ต้องเก็บมนุษย์ปีศาจตนหนึ่งมาใส่ใจ

ปรากฏว่าทันทีที่เขาเข้าไปในพระราชวังใต้น้ำก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างจ้า

ทางเดินของพระราชวังกว้างถึงสิบกว่าจั้ง อีกทั้งสร้างจากแก้วผลึกหลากสีก้อนแล้วก้อนเล่า แลดูงดงามโอ่อ่าไม่ธรรมดา สองฝั่งทางเดินมีเสาแก้วผลึกหนาหนึ่งจั้งกว่าต้นแล้วต้นเล่าเรียงรายเป็นระเบียบ บนเสาศิลาสลักภาพสัญลักษณ์อสูรสมุทรนานาชนิดที่ประณีตอย่างยิ่ง

ขณะที่หลิ่วหมิงจดจ่ออยู่กับการชื่นชม สุดปลายทางเดินก็มีเสียง “ตึง ตึง” เหมือนเสียงขุดดังออกมา แล้วยังมีเสียงพูดคุยแผ่วเบาดังออกมาเลือนรางอีกด้วย

แม้จะอยู่ห่างอย่างน้อยหลายร้อยจั้ง แต่จิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงก็ยังฟังได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง

“…พี่รอง พลังของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นแข็งแกร่งเพียงนี้ กระทั่งพี่ใหญ่โม่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน โชคดีที่นายท่านมอบวิธีรักษาชีวิตเอาไว้ให้ แต่น่าเสียดายที่สองพี่น้องตระกูลหลิงนั่นถูกพี่ใหญ่โม่ใช้เป็นตัวเบี้ยไปแล้ว” เสียงที่แหบอยู่บ้างเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น

“พี่ใหญ่โม่เดิมทีก็เป็นพวกโหดเหี้ยมอำมหิตอยู่แล้ว พูดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาตอนนี้มีประโยชน์อะไรอีก ยามนี้การเดินทางมาเยือนแดนลับแห่งนี้จะจบลงในอีกไม่นานแล้ว ทำตัวดีๆ ค้นหาสมบัติเพิ่มสักหน่อยไปเถอะ กลับไปจะได้ไม่ถูกนายท่านตำหนิ” เสียงที่ฟังแล้วจะชายก็ไม่ใช่จะหญิงก็ไม่เชิงอีกเสียงหนึ่งตอบกลับมาอย่างไม่พอใจนิดๆ

“ถูกต้อง ฉวยโอกาสที่พี่ใหญ่โม่ยังไม่กลับมา พวกเรารีบขุดแก้วผลึกเหล่านี้กัน ว่ากันว่าคุณสมบัติของหินแร่เหล่านี้ยอดเยี่ยมที่สุด แผ่นดินว่านหมัวยากจะพบแร่ชนิดนี้มานานแล้ว หากมอบให้นายท่านหลังออกไป ไม่แน่ท่านผู้เฒ่าอาจดีใจมอบรางวัลเป็นไอปีศาจแท้ให้พวกเราบ้างก็เป็นได้” เสียงแหบนั่นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย

“ไม่ผิดๆ ขุดส่วนใหญ่ออกมาแล้วที่เหลือค่อยแบ่งกับพี่ใหญ่โม่เท่าๆ กัน ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นคนสำคัญในเผ่า ไม่มีทางยอมเสียหน้าค้นตัวพวกเราหรอก” เสียงประหลาดกึ่งชายกึ่งหญิงหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นบ้าง

หลิ่วหมิงไม่สนใจบทสนทนาของมนุษย์ปีศาจทั้งสอง แต่เมื่อเขาได้ยินคำว่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

ฟังจากคำพูดของพวกเขาหมายความว่าสตรีนางนั้นยังไม่ออกไปจากแดนลับเศษซากโลกบนแห่งนี้!

สตรีผู้นั้นหลังสืบทอดพลังสำเร็จเมื่อตอนนั้น ลมปราณก็บรรลุระดับแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์ ห่างจากระดับดาราพยากรณ์เพียงก้าวเดียว เดิมทีคิดว่านางจะออกจากเศษซากโลกบนกลับแผ่นดินหมานฮวงทันที แต่ไม่คิดเลยว่านางจะยังอยู่ที่นี่แล้วยังขัดแย้งกับมนุษย์ปีศาจอีก

พริบตาที่หลิ่วหมิงเหม่อไปเล็กน้อยนี่เอง เสียงขุดเหมืองดัง “ตึงๆ” ที่เดิมทีดังอยู่ก็พลันเงียบหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือเสียงแหวกอากาศสองสายพุ่งเข้ามา

“แย่ล่ะ ประมาทเสียแล้ว” หลิ่วหมิงได้สติกลับมาทันทีแล้วลอบตำหนิตนเองเงียบๆ

“โอ๊ะ? มีเจ้าหนูเผ่ามนุษย์มาคนหนึ่ง เมื่อครู่กำลังปวดหัวอยู่พอดีว่าจะอ้างอะไรหากไม่ได้สมบัติกลับไป เจ้าหนูคนนี้ก็ส่งตัวเองมาถึงประตู” เมื่อสายลมสีดำสลายไป มนุษย์ปีศาจที่จะเป็นบุรุษก็ไม่ใช่เป็นสตรีก็ไม่เชิงและประทินโฉมจัดจ้านตนหนึ่งก็ปรากฏตัว พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

“พี่รอง ท่านจะลงมือหรือจะให้ข้าจัดการ? คนผู้นี้เหมือนจะระดับแก่นเสมือน ประมาทเกินไปไม่ได้” มนุษย์ปีศาจอ้วนเตี้ยที่เสียงแหบเล็กน้อยอีกตนหนึ่งเอ่ยขึ้น

พวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ปีศาจสองกลุ่มที่หลิ่วหมิงพบก่อนหน้านี้ มนุษย์ปีศาจสองตนนี้สวมชุดที่เป็นแบบเดียวกัน แม้ไม่รู้ว่ามนุษย์ปีศาจมีนิกายหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็คงมาจากกลุ่มอำนาจเดียวกัน

“เจ้ากับข้าลุยด้วยกันเถอะ รีบสู้รีบจบ นานเข้าอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝัน หากเชือดมันได้ก่อนพี่ใหญ่โม่กลับมา ตามกฎของเผ่า สมบัติบนตัวเจ้าหนูเผ่ามนุษย์คนนี้ก็เป็นของพวกเราทั้งหมด” มนุษย์ปีศาจครึ่งชายครึ่งหญิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย

พูดจบ ทั้งสองตนก็ขยับร่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัด กลายเป็นเงาสีดำสองร่างพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงมองเงาดำสองสายที่โถมเข้ามา เขาไม่พูดพร่ำก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น มุกกลมสีเหลืองขมุกขมัวลูกหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ มันหมุนติ้วแล้วลอยหยุดอยู่กลางอากาศ

กลางอากาศฉับพลันเกิดแสงสว่างจ้า แสงเรืองรองสีเหลืองแถบแล้วแถบเล่าทอประกายระยิบระยับ ส่องเสาศิลาแก้วผลึกรอบข้างให้ทอแสงรัศมีสีเหลืองไปรอบด้าน

หลิ่วหมิงชี้นิ้วไปหาไข่มุกลูกนั้นที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ไข่มุกกลมสีเหลืองสั่นไหวส่งเสียงทุ้มต่ำดังออกมา มันหมุนติ้วอยู่รอบหนึ่งก็กลายเป็นเงาภูเขาน้อยสีน้ำตาลอ่อนสูงร้อยกว่าจั้งลูกหนึ่งทับลงไปหามนุษย์ปีศาจสองตนในพริบตา

เสียงสั่นไหวดังครืนกลางอากาศไม่หยุด กำแพงแก้วผลึกสองฟากของพระราชวังมีแก้วผลึกหลุดร่อนออกมาไม่หยุด

มนุษย์ปีศาจสองตนเห็นสถานการณ์ไม่ดี ไอปีศาจทั่วร่างก็ม้วนออกมาหมายจะหลบให้พ้น

สิ่งที่ทำให้คนคิดไม่ถึงก็คือแสงเรืองรองสีเหลืองที่แผ่ออกมาจากยอดเขาที่แปลงมาจากมุกบรรพตธาราราวกับว่ามีอิทธิฤทธิ์ปิดกั้นมิติกับเวลา การเคลื่อนไหวชั่วพริบตาของทั้งสองตนกลับกลายเป็นร่างกายขยับเชื่องช้ายิ่งนักอยู่กลางอากาศ

“แย่แล้ว!”

มนุษย์ปีศาจอ้วนเตี้ยตระหนกลนลาน เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบพ้น เขาจึงยกแขนเสื้อขึ้น แสงสีฟ้าสายหนึ่งส่องสว่างออกมากลายเป็นโล่ยักษ์สีฟ้าชิ้นหนึ่งขวางอยู่เหนือศีรษะ พร้อมกันนั้นไอปีศาจทั่วร่างก็หลั่งไหลออกมาอย่างไม่เก็บออมไว้สักนิดก่อนจะก่อตัวเป็นกำแพงมารชั้นหนึ่ง หลังจากทำเช่นนี้เสร็จ เขาก็ยังไม่วางใจ รีบโยนทรายละเอียดสีดำออกไปบนอากาศ

ในใจเขาคงรู้ดี หากไม่ทุ่มเทออกมาทั้งหมดก็ไม่อาจทนรับการโจมตีครั้งเดียวของอาวุธเวทชิ้นนี้ได้

หลังจากเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างดังขึ้น ทรายละเอียดสีดำเหล่านั้นก็ถูกภูเขาน้อยสีเหลืองบดขยี้โดยไม่มีผลแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะทำให้ความเร็วที่ภูเขาน้อยร่วงลงมาช้าลงแม้แต่นิด

เทียบกันแล้วมนุษย์ปีศาจครึ่งหญิงครึ่งชายผู้นั้นใจเย็นกว่ามาก เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นตวัดกลางอากาศ

“ฟึบ” รอยแยกมิติที่พอให้คนผู้หนึ่งผ่านไปได้ปรากฏขึ้นมา เขาพุ่งเข้าไปอย่างเร็วไว

“บึ๊ม” เสียงดังสนั่น!

พื้นของพระราชวังทั้งหลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ยอดพระราชวังมีทีท่าว่าจะพังทลายลงมา เสาแก้วผลึกสองฝั่งปริร้าวเป็นรอยแตกเส้นแล้วเส้นเล่า

โล่กับกำแพงมารที่มนุษย์ปีศาจอ้วนเตี้ยเรียกออกมาถูกบดขยี้แหลกเป็นจุณประหนึ่งกระดาษ ลมปราณของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยพริบตาที่ภูเขาน้อยหล่นทับลงมา

หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันก็น่าจะถูกทับกลายเป็นเศษเนื้อ แตกสลายทั้งร่างกายและวิญญาณไปแล้ว

“เจ้า นี่มัน…”

ห่างออกไปไม่กี่สิบจั้งเกิดระลอกคลื่นไหวๆ จากนั้นเงาดำร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมากลางอากาศ มนุษย์ปีศาจครึ่งชายครึ่งหญิงที่หลบพ้นภัยมานั่นเอง

ใบหน้าที่เดิมทีเย้ายวนเวลานี้เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย หลังจากมองหลิ่วหมิงแวบหนึ่ง เขาก็ไม่พูดพร่ำ ปราณดำม้วนออกมาคิดจะแหวกอากาศหนีไป

เวลานี้หลิ่วหมิงกำลังยินดีอย่างยิ่ง พลังของมุกบรรพตธารายิ่งใหญ่เหนือกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นกวัก ภูเขาน้อยสีเหลืองส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วแปลงกลับเป็นมุกกลมสีเหลืองขมุกขมัวบินกลับมาอยู่ในมือเขา

บนพื้นนอกจากหลุมมหึมาหลุมหนึ่งก็เหลือเพียงเลือดสีดำแอ่งหนึ่งกับพวกกำไลเก็บของเท่านั้น

หลิ่วหมิงหยิบกำไลเก็บของบนพื้นจากนั้นลอยขึ้นกลางอากาศไล่ตามไปตามทางเดินยาว

ผลปรากฏว่ายังเคลื่อนลำแสงไปได้ไกลไม่เท่าใด เขาก็เห็นภาพที่คิดไม่ถึงอยู่ไม่ไกล

สุดปลายทางเดิน มนุษย์ปีศาจบุรุษก็ไม่ใช่สตรีก็ไม่เชิงผู้นั้นกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสีหวาดกลัว เบื้องหน้าเขาคือหมอกมารสีเขียวกลุ่มหนึ่ง กลางหมอกมารมองเห็นเงาคนพร่ามัวไม่ชัดร่างหนึ่งอยู่เลือนราง

“พี่ใหญ่โม่ เผ่ามนุษย์คนนั้นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ นายท่านเคยบอกว่าหากพบศัตรูแข็งแกร่งที่สู้ไม่ได้อย่าได้ฝืนปะทะ ข้าจึง…”

“เหอะ พวกเจ้าสองคนไม่ยินดีทำงานด้วยกันกับข้า คิดว่าข้าไม่รู้ความคิดน้อยๆ พวกนั้นของพวกเจ้าเลยหรือ?”

เสียงเย็นเยียบพูดขึ้นมาเพียงสองสามประโยค เงาสีเขียวร่างนั้นก็พลิกมือ ไอหมอกม้วนตัวล้อมมนุษย์ปีศาจกึ่งชายกึ่งหญิงผู้นี้ขึ้นมา

“พี่ใหญ่โม่ ไม่…ไม่นะ…อ้าก!”

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นครั้งหนึ่ง ไอหมอกสีเขียวก็ระเบิดดัง “ปัง” กลายเป็นเพลิงมารลุกโชติช่วงแล้วหายไปจากที่เดิม

“เจ้าหนูเผ่ามนุษย์ ได้ยินว่าเจ้ามีสมบัติที่ไม่เลวชิ้นหนึ่ง ให้ข้ายืมใช้สักครั้งเป็นอย่างไร?” เงาสีเขียวหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นลอยมาหาหลิ่วหมิงอย่างไม่รีบร้อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+