ตำนานเทพกู้จักรวาล 502 ทุบตีบรรพจารย์จนน่วม

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 502 ทุบตีบรรพจารย์จนน่วม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนสะพาน อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายมีสีหน้าพิลึก ผู้ใหญ่บ้านบอกพวกเขาว่า เขาได้กุเรื่องกายาจ้าวแดนดินขึ้นมาเอง อันเป็นคำโกหกด้วยความหวังดีเพื่อกระตุ้นปลุกใจฉินมู่ กายธรรมดานี้ ให้พากเพียรขวนขวาย และอดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายก็เชื่อเขา

แต่ที่ขั้นวรยุทธเดียวกัน กษัตริย์มนุษย์ฉีคังถึงกับเสียเปรียบตั้งแต่กระบวนท่าแรก หลังจากนั้นเขาก็ถูกอัดจนน่วมถึงขั้นที่ว่าไม่น่าจะเป็นเพียงกายธรรมดาที่ขวนขวายพากเพียร!

เป็นไปได้อย่างไรที่เพียงแค่กายธรรมดาอันขวนขวายพากเพียรจะสามารถทุบตีกษัตริย์มนุษย์คนหนึ่งให้น่วมขนาดนี้ได้

เพราะอย่างนี้ แม้แต่อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ากายาจ้าวแดนดินอาจจะมีอยู่จริงๆ ในโลก

บนสะพาน ปราณชีวิตของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานแปรเปลี่ยนเป็นมือมหึมาและจิ้มกษัตริย์มนุษย์ฉีคังอันกำลังลอยไปตามน้ำ ด้วยนิ้วอันขาวสล้างเหมือนกับหยก

กษัตริย์มนุษย์ฉีคังนอนแผ่แขนอ้าออกและจ้องไปที่ท้องฟ้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่กระดุกกระดิก และหลังจากที่ถูกจิ้ม เขาก็จมลงไปในน้ำ ก่อนที่จะลอยขึ้นมาใหม่

“ศิษย์รัก เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้หรือยังที่ถูกศิษย์หลานของตนเองอัดจนน่วมน่ะ” กษัตริย์มนุษย์อี้ซานถามพลางกลั้นหัวเราะ

“ตาเฒ่าที่น่าตาย อย่าจิ้มข้า ปล่อยให้ข้าอยู่สงบๆ บ้าง” กษัตริย์มนุษย์ฉีคังกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเพียงแค่ยังไม่หายงงจากการถูกทุบตี ไม่ใช่ว่าข้ายอมรับความพ่ายแพ้! ข้าเพียงต้องการเวลาคิดใคร่ครวญว่าทำไมข้าถึงพ่ายแพ้…”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานระเบิดหัวเราะและเริงร่าในความโชคร้ายของศิษย์ “ยังพูดอีกหรือว่าเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้น่ะ”

กษัตริย์มนุษย์ฉีคังพลิกตัวคว่ำ และลอยไปบนน้ำโดยหงายก้นขึ้นมา ปล่อยให้กระแสน้ำพัดเขาไปไกล

ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงและตะโกนไป “อาจารย์ปู่ ระวังจะสำลักน้ำนะ!”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานหัวเราะ “ไอ้เด็กนี่มันก็เป็นเสียอย่างนี้เมื่อเขาพ่ายแพ้ ไม่ต้องสนใจเขา เขานั้นกำลังปาดป้ายน้ำตา และไม่อยากให้เจ้าเห็น”

ฉินมู่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขาได้ทุบตีอาจารย์ปู่ของเขาจนต้องไปร่ำไห้อยู่ในแม่น้ำ การทำเช่นนี้ไม่สุภาพเอาเสียเลย สำหนับเด็กหนุ่มที่ได้รับการสอนสั่งจากหมู่บ้านพิการชรา เขานั้นมักจะเคารพนับถือผู้เฒ่าผู้แก่ แต่แน่ล่ะว่า เฒ่าเป๋และเฒ่าใบ้ก็เคยโดนเขาอัดจนน่วมในขั้นวรยุทธเดียวกันมาไม่น้อย

“ข้าอาจจะลงมือหนักเกินไป อาจารย์ปู่ เพลงหมัดของข้าจริงๆ แล้วด้อยกว่าท่าน เพียงแต่ข้าอาศัยพลังวัตรที่เข้มข้นกว่ามาท่วมท้นท่าน ดังนั้นอย่าเสียใจไปเลย!”

ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนหัวสะพานและชะโงกไปจากราวสะพาน เพื่อตะโกนไปยังฉีคังซึ่งลอยห่างออกไป “ข้าไม่ได้กะจะลงมือหนักขนาดนั้น! ข้าเห็นว่ากำลังฝีมือของอาจารย์ปู่แข็งแกร่งเหนือธรรมดา ดังนั้นจิตใจชอบแข่งขันของข้าจึงปลุกขึ้นมา และข้าก็เลยใช้พละกำลังเต็มที่ไปตั้งแต่ต้น นานทีข้าถึงจะทำเช่นนั้นยามที่ข้าพบกับยอดฝีมือในขั้นวรยุทธเดียวกัน”

เขานั้นดูอ้างว้างและเศร้าใจ “เพราะถึงอย่างไร ข้าก็เป็นกายาจ้าวแดนดิน ข้าคิดว่าข้าคงได้พบพานกับยอดฝีมือขั้นวรยุทธเดียวกัน ผู้ซึ่งสามารถเป็นคู่มือของข้าได้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่ากำลังฝีมือของอาจารย์ปู่จะค่อนข้างอ่อนด้อย แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านนะ!”

บนสะพาน กษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายรั้งข่มโทสะของพวกตนเอาไว้ เมื่อเห็นกษัตริย์มนุษย์หนุ่มเผยสีหน้าอันโดดเดี่ยวเพราะไร้เทียมทานระหว่างที่เขามองไปยังฉีคังผู้ซึ่งลอยไปยังปลายแม่น้ำ “หากว่าบรรพจารย์และอาจารย์ปู่ทั้งหลายสามารถมาอยู่ร่วมยุคสมัยของข้า ก็คงจะเยี่ยมยอดมาก”

“หากว่าพวกเราเกิดร่วมสมัยเดียวกัน พวกท่านก็คงพัฒนารุดหน้าไปพร้อมกับข้า และเป็นคู่ต่อสู้ให้กับข้า น่าเสียดายที่พวกท่านมีชีวิตอยู่เมื่อนานมาแล้ว และไม่อาจตามทันยุคสมัยของข้าและราชครูสันตินิรันดร์เมื่อพวกเราขับเคลื่อนการปฏิรูป ในท้ายที่สุด มรรคา วิชา และทักษะเทวะของพวกท่านก็เลยล้าหลังตกยุค”

บรรพชนทั้งหลายกำหมัดกรอบแกรบ และกัดฟันรั้งตัวเองเต็มที่ไม่ให้ระเบิดออกมา

กษัตริยมนุษย์หลันโพ่หุบยิ้มของนางพลางกัดฟันกรอด เสียงขบกรามของนางฟังดูน่าตื่นตระหนก

แม้ว่าคำพูดของไอ้เด็กผีนี่จะถ่อมตนเป็นอย่างยิ่ง แต่ทุกๆ ประโยคของเขาสามารถทำให้คนเป็นๆ คั่งแค้นจนตาย และคนตายก็คั่งแค้นจนลุกคืนชีพได้ นี่ทำให้อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายอยากที่จะจับเขากดแล้วรุมสกรัมกันทั้งวง!

“กายาจ้าวแดนดินฉิน เจ้าเพียงแค่เอาชนะเจ้าเด็กฉีคังนั่นเท่านั้น แต่ก็กล้าพูดแล้วหรือว่ามรรคา วิชา และทักษะเทวะของพวกเราล้าหลังตกยุค นั่นไม่โอ้อวดเกินไปหน่อยหรือ” กษัตริย์มนุษย์อี้ซานน้ำเสียงทื่อตึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะแช่มชื่น “มาสิมา ให้ข้าสอนเจ้าว่าทักษะเทวะมันเป็นอย่างไร!”

ฉินมู่เผยสีหน้าลำบากใจเมื่อเขาหันกลับมามองยังอาจารย์ทวดผู้นี้ ซึ่งสูงเพียงห้าคืบ “บรรพจารย์ มรรคาที่ท่านดำเนินคือมรรคาแห่งทักษะเทวะ และพวกมันก็แข็งแกร่งจริงๆ นั่นแหละ แต่มาอยู่ใกล้ข้าขนาดนี้ ท่านได้ตายไป หนึ่ง สอง สาม สี่…สิบหก สิบเจ็ดครั้ง”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานแทบจะระงับความเดือดดาลเอาไว้ไม่อยู่และยกลูกบอลสายฟ้าในมือ พลางข่มกลั้นความคิดที่อยากจะทุบให้เด็กนี้ให้ตายไปเสีย

“เมื่ออยู่ใกล้ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นชาวสวรรค์ก็ไม่อาจต้านทานรับแม้แต่กระบวนท่าเดียวจากข้า”

ฉินมู่พึมพำกับตนเองโดยไร้อารมณ์ “ที่บรรพจารย์ฝึกปรือนั้นคือทักษะเทวะ แต่ทว่าการฝึกปรือทักษะเทวะนั้นหมายความว่าท่านขาดพร่องในด้านกายเนื้อ ในเมื่อพวกเราอยู่ใกล้ เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่งประโยคที่บรรพจารย์พูด นั่นก็เพียงพอให้ข้าสังหารท่านไปยี่สิบสามสิบครั้ง”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานแทบจะกระอักเลือด และสีหน้าเขาก็ดำคล้ำ เขากระโดดออกไปจากสะพาน และมีเมฆลอยขึ้นมารองรับร่างเตี้ยม่อต้อของเขาขึ้นมา พลางกล่าวอย่างโมโหเดือด “เด็กตัวเหม็นพูดเขื่องโขเชียวนะ! ให้ข้าถอยไประยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยสู้ละกัน!”

เมฆใต้เท้าเขายกตัวเขาขึ้นและลอยขึ้นไปทางเหนือน้ำอย่างเร่งร้อน หลังจากห้าหกลี้ กษัตริย์มนุษย์อี้ซานก็รู้สึกว่าระยะกำลังเหมาะ

แต่ทว่าเขาพลันระลึกได้ความเพลงกระบี่ของฉินมู่รวดเร็วเพียงใด และรู้สึกว่าระยะห่างเท่านี้ก็ยังไม่ปลอดภัยพอ ดังนั้นเขาถึงถอยไปอีกสามลี้ เมื่อเขาระลึกได้ว่าความเร็วการเคลื่อนไหวของฉินมู่รวดเร็วเพียงใด และตามฉีคังทันได้ง่ายดายเพียงใด เขาก็ถอยไปอีกสองลี้

ข้าถอยไปอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าข้ากลัวที่จะแพ้ให้ศิษย์เหลนของข้า…

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานมองกลับไปและในเมื่อระยะห่างนั้นไกลขนาดนี้ สะพานจึงกลายเป็นเส้นตรงบางๆ และฉินมู่ก็เป็นจุดบนเส้นตรงนั้น

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานหน้าแดงฉาน วิ่งถ่างระยะออกไปไกลขนาดนี้ นับว่าเป็นความขี้ขลาดจริงๆ

“มาสิ!” กษัตริย์มนุษย์อี้ซานมีจังหวะหัวใจที่มั่นคง และเสียงของเขาก็ทรงพลัง เขาดูเหมือนกับกษัตริย์มนุษย์ฉีคังไม่มีผิด

บนสะพาน บรรพชนสองตะโกนไป “อี้ซาน เจ้าลืมปิดผนึกสมบัติเทวะ!”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานหน้าแดงฉานอีกครั้ง เขานั้นกระวนกระวายเกินไปและทำให้ลืมที่จะปิดผนึกสมบัติเทวะ เขารีบปิดผนึกมหาสมบัติเทวะทั้งสามของเขา และตะโกนออกไปด้วยความฮึกเหิม “มาสิ!”

ตึง

ฉินมู่กระโดลงไปในแม่น้ำ

“เชื่อมกำแพงแตะขุนเขาน้ำเงิน!”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานลงมือกระบวนท่าแรก และในแขนเสื้อกว้างใหญ่ของเขา นิ้วสั้นทู่ทั้งห้าของเขาก็ขยับขึ้นๆ ลงๆ ในพริบตานั้น พื้นที่แม่น้ำในรัศมีกว่าสิบลี้ใต้เท้าเขาก็ระเบิดออก และมวลน้ำก็ก่อขึ้นมาเป็นขุนเขาสีน้ำเงินมากมาย สันและยอดเขาก่ายกองสลับกันเป็นเทือกเขาพลางสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างดุดัน

แม่น้ำมหึมาได้แปรเปลี่ยนเป็นขุนเขาน้ำเงินอาจจะดูสวยงาม แต่นี่คือทักษะเทวดาที่แอบแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร!

ทักษะเทวะของอี้ซานได้บรรลุถึงเขตขั้นมรรคาเต๋า ทว่าแตกต่างจากทักษะเทวะของคนอื่น ของเขานั้นมิได้ระเบิดพลังออกมาหากว่ามันมิได้กระตุ้นให้ทำงาน มีก็แต่เมื่อผู้คนอยู่ในทักษะเทวะของเขา การเคลื่อนไหวแม้เพียงนิดเดียวก็จะกระตุ้นการทำลายล้างอย่างวินาศสันตะโร!

ขุนเขาสีน้ำเงินผงาดสูงขึ้นมาอย่างดุร้าย และมาถึงข้างกายของฉินมู่ในพริบตา เขาเองนั้นอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขนาดที่ว่าปราณชีวิตของเขาทุกหยดสั่นสะเทือน คึกคักยิ่งกว่าปกติ!

นี่คือแหล่งที่มาของกระบวนท่าแรกของผู้ใหญ่บ้าน! กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ของผู้ใหญ่บ้านมาจากกระบวนท่าของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานนี้ แปรเปลี่ยนจากทักษะเทวะเป็นเพลงกระบี่ ผู้ใหญ่บ้านเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง!

ฉินมู่ตื่นเต้นจนเกินพิกัด และอดไม่ได้ที่จะกู่ร้องออกมา “กายามังกรแท้จ้าวแดนดิน!”

สุดยอดเกินไปแล้ว!

เขาได้พ่ายแพ้ภายใต้กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ของผู้ใหญ่บ้านมานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อตอนที่เขาเรียนรู้กระบวนท่านี้เป็นครั้งแรก ในเวลานั้น เขาพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือผู้ใหญ่บ้านนับครั้งไม่ถ้วน บัดนี้เมื่อวิสัยทัศน์ขอบฟ้าและความรู้ของเขามิได้เหมือนก่อน เมื่อพบกับแหล่งที่มาของกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้ต่อสู้ประลองกับผู้ใหญ่บ้านอีกครั้งหนึ่ง

เขาตื่นเต้นจนขับเคลื่อนกายามังกรแท้จ้าวแดนดินอย่างลืมตัว ปราณชีวิตของเขากลายเป็นไร้ขอบเขต และทุกเส้นสายของมันที่ไหลรินออกจากร่างกายของเขาก็เผยให้เห็นมังกรรูปร่างต่างๆ กัน

กายามังกรแท้จ้าวแดนดินนั้นเป็นทักษะเทวะกายเนื้อที่เขาตรึกตรองเข้าใจโดยการผสานวิชาฝึกปรือแห่งเผ่ามังกรจากรังมังกรแท้ เข้ากับวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ ปราณชีวิตของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวามังกรอันสั่นสะเทือนห้วงอวกาศโดยรอบ ก่อรอยประทับรูปทรงมังกรอันแปลกพิสดารทุกชนิดทุกประเภท พวกมันดูเหมือนอักษรรูนและยันต์เมื่อเรืองแสงสว่างขึ้นมาทั่วร่างของเขา!

เขาใช้ทักษะเทวะกายเนื้อ เพื่อต่อสู้กับทักษะเทวะเวทมนตร์!

ฉินมู่พุ่งตะลุยเข้าไปตรงๆ เขาเหยียบไปบนภูเขาพลางวิ่งตะบึงไปยังกษัตริย์มนุษย์อี้ซานผู้ซึ่งอยู่ห่างไปสิบลี้

ตูม ตูม ตูม!

หมัดและขาของเขาเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว มังกรแท้หลายร้อยตัวร่ายรำอยู่รอบๆ ตัวเขาและส่งเสียงคำรามอย่างทรงฤทธิ์อำนาจ ฟาดทำลายภูเขาและแม่น้ำให้กลายเป็นผุยผง เขาปล่อยให้ทักษะเทวะของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานโถมถล่มเข้าใส่เขา แต่มันไม่อาจทลายฝ่าการป้องกันของกายามังกรแท้จ้าวแดนดินได้

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง เจ้าหมอนี่ทรงพลังถึงขนาดที่ว่าเขาสามารถใช้กายเนื้อบุกทำลายทักษะเทวะได้เชียวหรือ อี้ซานพลันรีบเปลี่ยนทักษะเทวะของเขา และจู่โจมไปอย่างบ้าคลั่งพลางคิดกับตนเอง ดูสิว่าเจ้าจะบุกทำลายอันนี้ได้ไหม! ถ้าเจ้าบุกมาถึงนี่เจ้าต้องน่วมแน่นอน!

ขุนเขาทั้งหลายถล่มลงไป และแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นสูง บนสะพาน อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณต่อสู้อันเดือดพล่านที่แผ่ออกมาจากกายเนื้อของฉินมู่ อันซัดมาถึงใบหน้าของพวกเขาด้วยกระแสลมแรงที่เป่าเสื้อผ้าสะบัดกระพือไปหมด

“ทักษะเทวะกายเนื้อเช่นนี้ ถึงกับแข็งแกร่งกว่าของบรรพชนสอง” บรรพชนสามกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถัวอวี่ เจ้าเชี่ยวชาญในการคำนวณกระบวนพยุหะและความสำเร็จของเจ้าในพีชคณิตก็ไร้เทียมทานในโลกหล้า ดังนั้นเจ้าสามารถคำนวณหาจุดอ่อนของเขาได้หรือไม่”

ในดวงตาของกษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ พยุหะจำนวนมากจุดแสงขึ้นมาสลับกับหรี่มัวเมื่อเขาคิดคำนวณการจัดเรียงรอยประทับมังกรรอบๆ ร่างกายของฉินมู่อันเคลื่อนไปไม่หยุดยั้ง จากที่เห็นเขาคิดคำนวณการเปลี่ยนแปลงของรอยประทับมังกรบนผิวหนัง จากตรงนั้น เขาคำนวณการโคจรปราณชีวิตในร่างกายของเขา การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และการขับเคลื่อนพละกำลัง

จากนั้นเขาคิดคำนวณเส้นทางการประมวลของวิชาฝึกปรือฉินมู่ และเส้นทางโคจรของปราณชีวิตในสมบัติเทวะของเขา

ปริมาณสิ่งที่เขาต้องคำนวณมีมากเกินไป และพวกมันก็ล้วนแต่ซับซ้อน แต่กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่นั้นไม่ย่อท้อ และยังคงมีพละกำลังหลงเหลือ

เขาเป็นยอดฝีมือด้านพยุหะที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคสมัย และความสำเร็จของเขาในพีชคณิตก็ถึงกับเอาชนะเจ้าสำนักเต๋าในยุคนั้น เมื่อเขาไปโต้วาทีกับสำนักเต๋า ก็ไม่มีใครที่ไม่ยอมรับนับถือ!

จนถึงตอนนี้ อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายก็มองเห็นแล้วว่าฉินมู่แข็งแกร่งเพียงใด และคาดคะเนได้ว่าหากสู้กันด้วยขั้นวรยุทธเดียวพวกเขาคงเป็นได้แค่กระสอบทราย การพ่ายแพ้นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับความเสียหน้าที่ตามมานั้นเป็นเรื่องใหญ่

นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากขอให้กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่คิดคำนวณจุดอ่อนของฉินมู่เสียก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีโอกาสเอาชนะ

นี่คือการกระทำที่จนตรอก

“เขามีจุดอ่อน”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ดวงตาลุกวาว ในขณะเดียวกันนั้นที่ข้างล่าง ฉินมู่ราวกับมีดร้อนอันเฉือนผ่านก้อนเนย เมื่อเขาวิ่งตะบึงตรงไปยังกษัตริย์มนุษย์อี้ซาน

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “จุดอ่อนของเขาอยู่ที่จุดศูนย์กลางกาย ช้าก่อน มันเลื่อนไปแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่หัวไหล่ซ้าย ไม่ ตอนนี้มันอยู่ที่หลัง…”

“มันอยู่ตรงไหนกันแน่” กษัตริย์มนุษย์หลันโพ่ถามด้วยความโมโห “อาจารย์ทวด ท่านคำนวณได้จริงหรือไม่”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่กำลังจะพูด ในตอนนั้นกษัตริย์มนุษย์อี้ซานข้างล่างนั่นก็ขับเคลื่อนทักษะเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา อันคือนิ้วผนึกเทพยดา มันดึงดูดสายตาของทุกๆ คน

นิ้วผนึกเทพยดาจะปิดผนึกปราณชีวิตและจิตวิญญาณดั้งเดิมโดยการโจมตีดวงวิญญาณ นี่คือทักษะเทวะที่กษัตริย์มนุษย์อี้ซานใช้ต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งเหนือฟ้า และถึงกับประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า!

เมื่อเขาจิ้มไปด้วยนิ้วของตน คลื่นก็ไม่กระเพื่อมและลมก็ไม่กระพือ ฉินมู่ได้มายังเบื้องหน้าของเขาแล้ว และทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงหนึ่งลี้เท่านั้น แต่ทว่าการโจมตีนั้นมาถึงหว่างคิ้วของฉินมู่ในพริบตา ไม่ให้เวลาเขาตั้งตัว!

“ยอดเยี่ยม!” ทุกคนบนสะพานเอ่ยชมเป็นเสียงเดียวกัน “นิ้วจากเทพเจ้า! มาดูกันว่ากายาจ้าวแดนดินน้อยผู้นี้จะหยิ่งผยองไปได้อีกกี่น้ำ!”

ในตอนนั้นเอง หว่างคิ้วของฉินมู่ก็แยกออกและทารกวิญญาณเล็กๆ ก็ปรากฏ มันหลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณของเขาและแปลงกายเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิม ชั้นวงจรพยุหะหมุนวนอย่างดุเดือดในดวงตาของเขาขณะที่ทางช้างเผือกอันพัวพันอยู่รอบๆ ดวงตะวันระเบิดพลังออกมา ลำแสงสองลำยิงออกไปด้วยเสียงหึ่งฮัม หนึ่งนั้นทะลวงผ่านิ้วผนึกเทพยดาของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานอย่างง่ายดายราวกับฟาดใส่ไม้ผุ!

จิตวิญญาณดั้งเดิมที่แข็งแกร่งปานนี้ทำให้ทุกๆ คนบนสะพานจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวกเขาเห็นลำแสงอีกลำหนึ่งยิ่งตรงไปยังหน้าอกของกษัตริย์มนุษย์อี้ซาน ทะลุผ่านทักษะเทวะป้องกันตัวของเขา ทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นมา!

“กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์!”

ปราณชีวิตรอบกายฉินมู่อันเดือดพล่านประดุจมังกรพิโรธพลันแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ซัดถล่มกษัตริย์มนุษย์อี้ซาน ภูเขาและแม่น้ำอันโอ่อ่าตระการก่อขึ้นมาจากกระบี่นับหมื่น สะเทือนเลื่อนลั่นและแทงกษัตริย์มนุษย์อี้ซานไปทั่วร่าง ส่งให้เขาร่วงหักปักแม่น้ำ

“กระบี่จักรพรรดิก่อตั้ง ทะเลโลหิต!”

ทันใดนั้นกระบี่นับหมื่นหลอมรวมเข้าด้วยกัน และแม่น้ำสายยาวพลันดูราวกับว่าถูกอาบย้อมไปด้วยโลหิต ศีรษะของเทพและมารจำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา สร้างภาพน่าสะพรึงกลัวของบ่อเลือด

ฉินมู่ขยับไปด้านข้างและฟันลงไปข้างล่างด้วยกระบี่ของเขา กษัตริย์มนุษย์อี้ซานลอยขึ้นมาจากทะเลเลือดและไหลไปทางปลายน้ำ

ไม่กี่อึดใจ ภาพปรากฏการณ์ก็จางหาย และน้ำในแม่น้ำก็ใสกระจ่างดุจเดิม ฉินมู่มองไปที่สีหน้าขมขื่นของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานที่ไหลลอยไป ผู้เฒ่าร่างม่อต้อผมขาวจ้องมาที่เขาด้วยสายตาของผู้ที่ตายตาไม่หลับ

ฉินมู่เกาหัวแกรกๆ และอ้าปาก “บรรพจารย์อี้ซาน…”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานทำน้ำกระเซ็นเมื่อเขาพลิกตัวคว่ำหน้าปล่อยให้ก้นเขาชี้ฟ้าและลอยไปอย่างเงียบเชียบ

พบแล้ว!

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ตาลุกวาบ และเขากล่าวด้วยความยินดี “จุดอ่อนของเขาอยู่ในตันเถียน จุดที่สามนับจากปลายก้นกบ! นั่นคือแหล่งที่มาของจุดอ่อนเขา!”

“ข้าจะไปอัดไอ้เด็กตัวเหม็นนี่ให้น่วม!” หลันโพ่เต็มไปด้วยแรงทะยานใจเมื่อนางหิ้วตะกร้ากระโดดลงไปจากสะพาน นางวิ่งตรงไปยังฉินมู่ด้วยรอยยิ้ม “ฉินน้อย ให้ยายดวลอาวุธวิญญาณกับเจ้าหน่อย!”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกราวกับว่าเขาพลาดอะไรบางอย่างไป ทันใดนั้น เขาก็ตบหัวตัวเองและร้องออกมา “ข้าพลาดแล้ว! เขามีสมบัติเทวะเพียงแค่สาม มิใช่สี่! เขาได้หลอมรวมสมบัติเทวะหกทิศเข้ากับสมบัติเทวะเจ็ดดาวให้เป็นหนึ่ง! ข้าคิดคำนวณจากเส้นทางโคจรของสมบัติเทวะสี่ชิ้นดังนั้นจุดอ่อนที่คำนวณออกมา อยู่ห่างจากจุดอ่อนที่แท้จริงเป็นพันๆ ลี้…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว!”

แม่น้ำคลั่งสงบลง และข้างใต้สะพาน กษัตริย์มนุษย์หลันโพ่ลอยมาพร้อมด้วยอาวุธวิญญาณหลากชนิดจากตะกร้าของนางที่กระจัดกระจายไปทั่ว นางกัดฟันกรอดพลางกล่าว “ไม่ต้องพูดแล้ว อาจารย์ทวด ในวินาทีที่ข้าลงมือ ข้าก็รู้ว่าท่านคำนวณผิด!”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่สีหน้าแดงฉ่า และเขามองไปที่กษัตริย์มนุษย์คนอื่นๆ บนสะพาน “ข้าไม่คำนวณผิดแล้วตอนนี้…ทำหน้าอะไรแบบนั้น ตอนนี้ข้าไม่คำนวณผิดแล้วจริงๆ!”

…………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพกู้จักรวาล 502 ทุบตีบรรพจารย์จนน่วม

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 502 ทุบตีบรรพจารย์จนน่วม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนสะพาน อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายมีสีหน้าพิลึก ผู้ใหญ่บ้านบอกพวกเขาว่า เขาได้กุเรื่องกายาจ้าวแดนดินขึ้นมาเอง อันเป็นคำโกหกด้วยความหวังดีเพื่อกระตุ้นปลุกใจฉินมู่ กายธรรมดานี้ ให้พากเพียรขวนขวาย และอดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายก็เชื่อเขา

แต่ที่ขั้นวรยุทธเดียวกัน กษัตริย์มนุษย์ฉีคังถึงกับเสียเปรียบตั้งแต่กระบวนท่าแรก หลังจากนั้นเขาก็ถูกอัดจนน่วมถึงขั้นที่ว่าไม่น่าจะเป็นเพียงกายธรรมดาที่ขวนขวายพากเพียร!

เป็นไปได้อย่างไรที่เพียงแค่กายธรรมดาอันขวนขวายพากเพียรจะสามารถทุบตีกษัตริย์มนุษย์คนหนึ่งให้น่วมขนาดนี้ได้

เพราะอย่างนี้ แม้แต่อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ากายาจ้าวแดนดินอาจจะมีอยู่จริงๆ ในโลก

บนสะพาน ปราณชีวิตของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานแปรเปลี่ยนเป็นมือมหึมาและจิ้มกษัตริย์มนุษย์ฉีคังอันกำลังลอยไปตามน้ำ ด้วยนิ้วอันขาวสล้างเหมือนกับหยก

กษัตริย์มนุษย์ฉีคังนอนแผ่แขนอ้าออกและจ้องไปที่ท้องฟ้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่กระดุกกระดิก และหลังจากที่ถูกจิ้ม เขาก็จมลงไปในน้ำ ก่อนที่จะลอยขึ้นมาใหม่

“ศิษย์รัก เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้หรือยังที่ถูกศิษย์หลานของตนเองอัดจนน่วมน่ะ” กษัตริย์มนุษย์อี้ซานถามพลางกลั้นหัวเราะ

“ตาเฒ่าที่น่าตาย อย่าจิ้มข้า ปล่อยให้ข้าอยู่สงบๆ บ้าง” กษัตริย์มนุษย์ฉีคังกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเพียงแค่ยังไม่หายงงจากการถูกทุบตี ไม่ใช่ว่าข้ายอมรับความพ่ายแพ้! ข้าเพียงต้องการเวลาคิดใคร่ครวญว่าทำไมข้าถึงพ่ายแพ้…”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานระเบิดหัวเราะและเริงร่าในความโชคร้ายของศิษย์ “ยังพูดอีกหรือว่าเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้น่ะ”

กษัตริย์มนุษย์ฉีคังพลิกตัวคว่ำ และลอยไปบนน้ำโดยหงายก้นขึ้นมา ปล่อยให้กระแสน้ำพัดเขาไปไกล

ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงและตะโกนไป “อาจารย์ปู่ ระวังจะสำลักน้ำนะ!”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานหัวเราะ “ไอ้เด็กนี่มันก็เป็นเสียอย่างนี้เมื่อเขาพ่ายแพ้ ไม่ต้องสนใจเขา เขานั้นกำลังปาดป้ายน้ำตา และไม่อยากให้เจ้าเห็น”

ฉินมู่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เขาได้ทุบตีอาจารย์ปู่ของเขาจนต้องไปร่ำไห้อยู่ในแม่น้ำ การทำเช่นนี้ไม่สุภาพเอาเสียเลย สำหนับเด็กหนุ่มที่ได้รับการสอนสั่งจากหมู่บ้านพิการชรา เขานั้นมักจะเคารพนับถือผู้เฒ่าผู้แก่ แต่แน่ล่ะว่า เฒ่าเป๋และเฒ่าใบ้ก็เคยโดนเขาอัดจนน่วมในขั้นวรยุทธเดียวกันมาไม่น้อย

“ข้าอาจจะลงมือหนักเกินไป อาจารย์ปู่ เพลงหมัดของข้าจริงๆ แล้วด้อยกว่าท่าน เพียงแต่ข้าอาศัยพลังวัตรที่เข้มข้นกว่ามาท่วมท้นท่าน ดังนั้นอย่าเสียใจไปเลย!”

ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนหัวสะพานและชะโงกไปจากราวสะพาน เพื่อตะโกนไปยังฉีคังซึ่งลอยห่างออกไป “ข้าไม่ได้กะจะลงมือหนักขนาดนั้น! ข้าเห็นว่ากำลังฝีมือของอาจารย์ปู่แข็งแกร่งเหนือธรรมดา ดังนั้นจิตใจชอบแข่งขันของข้าจึงปลุกขึ้นมา และข้าก็เลยใช้พละกำลังเต็มที่ไปตั้งแต่ต้น นานทีข้าถึงจะทำเช่นนั้นยามที่ข้าพบกับยอดฝีมือในขั้นวรยุทธเดียวกัน”

เขานั้นดูอ้างว้างและเศร้าใจ “เพราะถึงอย่างไร ข้าก็เป็นกายาจ้าวแดนดิน ข้าคิดว่าข้าคงได้พบพานกับยอดฝีมือขั้นวรยุทธเดียวกัน ผู้ซึ่งสามารถเป็นคู่มือของข้าได้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่ากำลังฝีมือของอาจารย์ปู่จะค่อนข้างอ่อนด้อย แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านนะ!”

บนสะพาน กษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายรั้งข่มโทสะของพวกตนเอาไว้ เมื่อเห็นกษัตริย์มนุษย์หนุ่มเผยสีหน้าอันโดดเดี่ยวเพราะไร้เทียมทานระหว่างที่เขามองไปยังฉีคังผู้ซึ่งลอยไปยังปลายแม่น้ำ “หากว่าบรรพจารย์และอาจารย์ปู่ทั้งหลายสามารถมาอยู่ร่วมยุคสมัยของข้า ก็คงจะเยี่ยมยอดมาก”

“หากว่าพวกเราเกิดร่วมสมัยเดียวกัน พวกท่านก็คงพัฒนารุดหน้าไปพร้อมกับข้า และเป็นคู่ต่อสู้ให้กับข้า น่าเสียดายที่พวกท่านมีชีวิตอยู่เมื่อนานมาแล้ว และไม่อาจตามทันยุคสมัยของข้าและราชครูสันตินิรันดร์เมื่อพวกเราขับเคลื่อนการปฏิรูป ในท้ายที่สุด มรรคา วิชา และทักษะเทวะของพวกท่านก็เลยล้าหลังตกยุค”

บรรพชนทั้งหลายกำหมัดกรอบแกรบ และกัดฟันรั้งตัวเองเต็มที่ไม่ให้ระเบิดออกมา

กษัตริยมนุษย์หลันโพ่หุบยิ้มของนางพลางกัดฟันกรอด เสียงขบกรามของนางฟังดูน่าตื่นตระหนก

แม้ว่าคำพูดของไอ้เด็กผีนี่จะถ่อมตนเป็นอย่างยิ่ง แต่ทุกๆ ประโยคของเขาสามารถทำให้คนเป็นๆ คั่งแค้นจนตาย และคนตายก็คั่งแค้นจนลุกคืนชีพได้ นี่ทำให้อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายอยากที่จะจับเขากดแล้วรุมสกรัมกันทั้งวง!

“กายาจ้าวแดนดินฉิน เจ้าเพียงแค่เอาชนะเจ้าเด็กฉีคังนั่นเท่านั้น แต่ก็กล้าพูดแล้วหรือว่ามรรคา วิชา และทักษะเทวะของพวกเราล้าหลังตกยุค นั่นไม่โอ้อวดเกินไปหน่อยหรือ” กษัตริย์มนุษย์อี้ซานน้ำเสียงทื่อตึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะแช่มชื่น “มาสิมา ให้ข้าสอนเจ้าว่าทักษะเทวะมันเป็นอย่างไร!”

ฉินมู่เผยสีหน้าลำบากใจเมื่อเขาหันกลับมามองยังอาจารย์ทวดผู้นี้ ซึ่งสูงเพียงห้าคืบ “บรรพจารย์ มรรคาที่ท่านดำเนินคือมรรคาแห่งทักษะเทวะ และพวกมันก็แข็งแกร่งจริงๆ นั่นแหละ แต่มาอยู่ใกล้ข้าขนาดนี้ ท่านได้ตายไป หนึ่ง สอง สาม สี่…สิบหก สิบเจ็ดครั้ง”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานแทบจะระงับความเดือดดาลเอาไว้ไม่อยู่และยกลูกบอลสายฟ้าในมือ พลางข่มกลั้นความคิดที่อยากจะทุบให้เด็กนี้ให้ตายไปเสีย

“เมื่ออยู่ใกล้ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นชาวสวรรค์ก็ไม่อาจต้านทานรับแม้แต่กระบวนท่าเดียวจากข้า”

ฉินมู่พึมพำกับตนเองโดยไร้อารมณ์ “ที่บรรพจารย์ฝึกปรือนั้นคือทักษะเทวะ แต่ทว่าการฝึกปรือทักษะเทวะนั้นหมายความว่าท่านขาดพร่องในด้านกายเนื้อ ในเมื่อพวกเราอยู่ใกล้ เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่งประโยคที่บรรพจารย์พูด นั่นก็เพียงพอให้ข้าสังหารท่านไปยี่สิบสามสิบครั้ง”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานแทบจะกระอักเลือด และสีหน้าเขาก็ดำคล้ำ เขากระโดดออกไปจากสะพาน และมีเมฆลอยขึ้นมารองรับร่างเตี้ยม่อต้อของเขาขึ้นมา พลางกล่าวอย่างโมโหเดือด “เด็กตัวเหม็นพูดเขื่องโขเชียวนะ! ให้ข้าถอยไประยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยสู้ละกัน!”

เมฆใต้เท้าเขายกตัวเขาขึ้นและลอยขึ้นไปทางเหนือน้ำอย่างเร่งร้อน หลังจากห้าหกลี้ กษัตริย์มนุษย์อี้ซานก็รู้สึกว่าระยะกำลังเหมาะ

แต่ทว่าเขาพลันระลึกได้ความเพลงกระบี่ของฉินมู่รวดเร็วเพียงใด และรู้สึกว่าระยะห่างเท่านี้ก็ยังไม่ปลอดภัยพอ ดังนั้นเขาถึงถอยไปอีกสามลี้ เมื่อเขาระลึกได้ว่าความเร็วการเคลื่อนไหวของฉินมู่รวดเร็วเพียงใด และตามฉีคังทันได้ง่ายดายเพียงใด เขาก็ถอยไปอีกสองลี้

ข้าถอยไปอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าข้ากลัวที่จะแพ้ให้ศิษย์เหลนของข้า…

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานมองกลับไปและในเมื่อระยะห่างนั้นไกลขนาดนี้ สะพานจึงกลายเป็นเส้นตรงบางๆ และฉินมู่ก็เป็นจุดบนเส้นตรงนั้น

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานหน้าแดงฉาน วิ่งถ่างระยะออกไปไกลขนาดนี้ นับว่าเป็นความขี้ขลาดจริงๆ

“มาสิ!” กษัตริย์มนุษย์อี้ซานมีจังหวะหัวใจที่มั่นคง และเสียงของเขาก็ทรงพลัง เขาดูเหมือนกับกษัตริย์มนุษย์ฉีคังไม่มีผิด

บนสะพาน บรรพชนสองตะโกนไป “อี้ซาน เจ้าลืมปิดผนึกสมบัติเทวะ!”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานหน้าแดงฉานอีกครั้ง เขานั้นกระวนกระวายเกินไปและทำให้ลืมที่จะปิดผนึกสมบัติเทวะ เขารีบปิดผนึกมหาสมบัติเทวะทั้งสามของเขา และตะโกนออกไปด้วยความฮึกเหิม “มาสิ!”

ตึง

ฉินมู่กระโดลงไปในแม่น้ำ

“เชื่อมกำแพงแตะขุนเขาน้ำเงิน!”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานลงมือกระบวนท่าแรก และในแขนเสื้อกว้างใหญ่ของเขา นิ้วสั้นทู่ทั้งห้าของเขาก็ขยับขึ้นๆ ลงๆ ในพริบตานั้น พื้นที่แม่น้ำในรัศมีกว่าสิบลี้ใต้เท้าเขาก็ระเบิดออก และมวลน้ำก็ก่อขึ้นมาเป็นขุนเขาสีน้ำเงินมากมาย สันและยอดเขาก่ายกองสลับกันเป็นเทือกเขาพลางสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างดุดัน

แม่น้ำมหึมาได้แปรเปลี่ยนเป็นขุนเขาน้ำเงินอาจจะดูสวยงาม แต่นี่คือทักษะเทวดาที่แอบแฝงไว้ด้วยจิตสังหาร!

ทักษะเทวะของอี้ซานได้บรรลุถึงเขตขั้นมรรคาเต๋า ทว่าแตกต่างจากทักษะเทวะของคนอื่น ของเขานั้นมิได้ระเบิดพลังออกมาหากว่ามันมิได้กระตุ้นให้ทำงาน มีก็แต่เมื่อผู้คนอยู่ในทักษะเทวะของเขา การเคลื่อนไหวแม้เพียงนิดเดียวก็จะกระตุ้นการทำลายล้างอย่างวินาศสันตะโร!

ขุนเขาสีน้ำเงินผงาดสูงขึ้นมาอย่างดุร้าย และมาถึงข้างกายของฉินมู่ในพริบตา เขาเองนั้นอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขนาดที่ว่าปราณชีวิตของเขาทุกหยดสั่นสะเทือน คึกคักยิ่งกว่าปกติ!

นี่คือแหล่งที่มาของกระบวนท่าแรกของผู้ใหญ่บ้าน! กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ของผู้ใหญ่บ้านมาจากกระบวนท่าของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานนี้ แปรเปลี่ยนจากทักษะเทวะเป็นเพลงกระบี่ ผู้ใหญ่บ้านเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง!

ฉินมู่ตื่นเต้นจนเกินพิกัด และอดไม่ได้ที่จะกู่ร้องออกมา “กายามังกรแท้จ้าวแดนดิน!”

สุดยอดเกินไปแล้ว!

เขาได้พ่ายแพ้ภายใต้กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ของผู้ใหญ่บ้านมานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อตอนที่เขาเรียนรู้กระบวนท่านี้เป็นครั้งแรก ในเวลานั้น เขาพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือผู้ใหญ่บ้านนับครั้งไม่ถ้วน บัดนี้เมื่อวิสัยทัศน์ขอบฟ้าและความรู้ของเขามิได้เหมือนก่อน เมื่อพบกับแหล่งที่มาของกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้ต่อสู้ประลองกับผู้ใหญ่บ้านอีกครั้งหนึ่ง

เขาตื่นเต้นจนขับเคลื่อนกายามังกรแท้จ้าวแดนดินอย่างลืมตัว ปราณชีวิตของเขากลายเป็นไร้ขอบเขต และทุกเส้นสายของมันที่ไหลรินออกจากร่างกายของเขาก็เผยให้เห็นมังกรรูปร่างต่างๆ กัน

กายามังกรแท้จ้าวแดนดินนั้นเป็นทักษะเทวะกายเนื้อที่เขาตรึกตรองเข้าใจโดยการผสานวิชาฝึกปรือแห่งเผ่ามังกรจากรังมังกรแท้ เข้ากับวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ ปราณชีวิตของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวามังกรอันสั่นสะเทือนห้วงอวกาศโดยรอบ ก่อรอยประทับรูปทรงมังกรอันแปลกพิสดารทุกชนิดทุกประเภท พวกมันดูเหมือนอักษรรูนและยันต์เมื่อเรืองแสงสว่างขึ้นมาทั่วร่างของเขา!

เขาใช้ทักษะเทวะกายเนื้อ เพื่อต่อสู้กับทักษะเทวะเวทมนตร์!

ฉินมู่พุ่งตะลุยเข้าไปตรงๆ เขาเหยียบไปบนภูเขาพลางวิ่งตะบึงไปยังกษัตริย์มนุษย์อี้ซานผู้ซึ่งอยู่ห่างไปสิบลี้

ตูม ตูม ตูม!

หมัดและขาของเขาเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว มังกรแท้หลายร้อยตัวร่ายรำอยู่รอบๆ ตัวเขาและส่งเสียงคำรามอย่างทรงฤทธิ์อำนาจ ฟาดทำลายภูเขาและแม่น้ำให้กลายเป็นผุยผง เขาปล่อยให้ทักษะเทวะของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานโถมถล่มเข้าใส่เขา แต่มันไม่อาจทลายฝ่าการป้องกันของกายามังกรแท้จ้าวแดนดินได้

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง เจ้าหมอนี่ทรงพลังถึงขนาดที่ว่าเขาสามารถใช้กายเนื้อบุกทำลายทักษะเทวะได้เชียวหรือ อี้ซานพลันรีบเปลี่ยนทักษะเทวะของเขา และจู่โจมไปอย่างบ้าคลั่งพลางคิดกับตนเอง ดูสิว่าเจ้าจะบุกทำลายอันนี้ได้ไหม! ถ้าเจ้าบุกมาถึงนี่เจ้าต้องน่วมแน่นอน!

ขุนเขาทั้งหลายถล่มลงไป และแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นสูง บนสะพาน อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณต่อสู้อันเดือดพล่านที่แผ่ออกมาจากกายเนื้อของฉินมู่ อันซัดมาถึงใบหน้าของพวกเขาด้วยกระแสลมแรงที่เป่าเสื้อผ้าสะบัดกระพือไปหมด

“ทักษะเทวะกายเนื้อเช่นนี้ ถึงกับแข็งแกร่งกว่าของบรรพชนสอง” บรรพชนสามกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถัวอวี่ เจ้าเชี่ยวชาญในการคำนวณกระบวนพยุหะและความสำเร็จของเจ้าในพีชคณิตก็ไร้เทียมทานในโลกหล้า ดังนั้นเจ้าสามารถคำนวณหาจุดอ่อนของเขาได้หรือไม่”

ในดวงตาของกษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ พยุหะจำนวนมากจุดแสงขึ้นมาสลับกับหรี่มัวเมื่อเขาคิดคำนวณการจัดเรียงรอยประทับมังกรรอบๆ ร่างกายของฉินมู่อันเคลื่อนไปไม่หยุดยั้ง จากที่เห็นเขาคิดคำนวณการเปลี่ยนแปลงของรอยประทับมังกรบนผิวหนัง จากตรงนั้น เขาคำนวณการโคจรปราณชีวิตในร่างกายของเขา การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และการขับเคลื่อนพละกำลัง

จากนั้นเขาคิดคำนวณเส้นทางการประมวลของวิชาฝึกปรือฉินมู่ และเส้นทางโคจรของปราณชีวิตในสมบัติเทวะของเขา

ปริมาณสิ่งที่เขาต้องคำนวณมีมากเกินไป และพวกมันก็ล้วนแต่ซับซ้อน แต่กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่นั้นไม่ย่อท้อ และยังคงมีพละกำลังหลงเหลือ

เขาเป็นยอดฝีมือด้านพยุหะที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคสมัย และความสำเร็จของเขาในพีชคณิตก็ถึงกับเอาชนะเจ้าสำนักเต๋าในยุคนั้น เมื่อเขาไปโต้วาทีกับสำนักเต๋า ก็ไม่มีใครที่ไม่ยอมรับนับถือ!

จนถึงตอนนี้ อดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหลายก็มองเห็นแล้วว่าฉินมู่แข็งแกร่งเพียงใด และคาดคะเนได้ว่าหากสู้กันด้วยขั้นวรยุทธเดียวพวกเขาคงเป็นได้แค่กระสอบทราย การพ่ายแพ้นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับความเสียหน้าที่ตามมานั้นเป็นเรื่องใหญ่

นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากขอให้กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่คิดคำนวณจุดอ่อนของฉินมู่เสียก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีโอกาสเอาชนะ

นี่คือการกระทำที่จนตรอก

“เขามีจุดอ่อน”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ดวงตาลุกวาว ในขณะเดียวกันนั้นที่ข้างล่าง ฉินมู่ราวกับมีดร้อนอันเฉือนผ่านก้อนเนย เมื่อเขาวิ่งตะบึงตรงไปยังกษัตริย์มนุษย์อี้ซาน

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “จุดอ่อนของเขาอยู่ที่จุดศูนย์กลางกาย ช้าก่อน มันเลื่อนไปแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่หัวไหล่ซ้าย ไม่ ตอนนี้มันอยู่ที่หลัง…”

“มันอยู่ตรงไหนกันแน่” กษัตริย์มนุษย์หลันโพ่ถามด้วยความโมโห “อาจารย์ทวด ท่านคำนวณได้จริงหรือไม่”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่กำลังจะพูด ในตอนนั้นกษัตริย์มนุษย์อี้ซานข้างล่างนั่นก็ขับเคลื่อนทักษะเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา อันคือนิ้วผนึกเทพยดา มันดึงดูดสายตาของทุกๆ คน

นิ้วผนึกเทพยดาจะปิดผนึกปราณชีวิตและจิตวิญญาณดั้งเดิมโดยการโจมตีดวงวิญญาณ นี่คือทักษะเทวะที่กษัตริย์มนุษย์อี้ซานใช้ต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งเหนือฟ้า และถึงกับประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า!

เมื่อเขาจิ้มไปด้วยนิ้วของตน คลื่นก็ไม่กระเพื่อมและลมก็ไม่กระพือ ฉินมู่ได้มายังเบื้องหน้าของเขาแล้ว และทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงหนึ่งลี้เท่านั้น แต่ทว่าการโจมตีนั้นมาถึงหว่างคิ้วของฉินมู่ในพริบตา ไม่ให้เวลาเขาตั้งตัว!

“ยอดเยี่ยม!” ทุกคนบนสะพานเอ่ยชมเป็นเสียงเดียวกัน “นิ้วจากเทพเจ้า! มาดูกันว่ากายาจ้าวแดนดินน้อยผู้นี้จะหยิ่งผยองไปได้อีกกี่น้ำ!”

ในตอนนั้นเอง หว่างคิ้วของฉินมู่ก็แยกออกและทารกวิญญาณเล็กๆ ก็ปรากฏ มันหลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณของเขาและแปลงกายเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิม ชั้นวงจรพยุหะหมุนวนอย่างดุเดือดในดวงตาของเขาขณะที่ทางช้างเผือกอันพัวพันอยู่รอบๆ ดวงตะวันระเบิดพลังออกมา ลำแสงสองลำยิงออกไปด้วยเสียงหึ่งฮัม หนึ่งนั้นทะลวงผ่านิ้วผนึกเทพยดาของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานอย่างง่ายดายราวกับฟาดใส่ไม้ผุ!

จิตวิญญาณดั้งเดิมที่แข็งแกร่งปานนี้ทำให้ทุกๆ คนบนสะพานจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวกเขาเห็นลำแสงอีกลำหนึ่งยิ่งตรงไปยังหน้าอกของกษัตริย์มนุษย์อี้ซาน ทะลุผ่านทักษะเทวะป้องกันตัวของเขา ทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นมา!

“กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์!”

ปราณชีวิตรอบกายฉินมู่อันเดือดพล่านประดุจมังกรพิโรธพลันแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ซัดถล่มกษัตริย์มนุษย์อี้ซาน ภูเขาและแม่น้ำอันโอ่อ่าตระการก่อขึ้นมาจากกระบี่นับหมื่น สะเทือนเลื่อนลั่นและแทงกษัตริย์มนุษย์อี้ซานไปทั่วร่าง ส่งให้เขาร่วงหักปักแม่น้ำ

“กระบี่จักรพรรดิก่อตั้ง ทะเลโลหิต!”

ทันใดนั้นกระบี่นับหมื่นหลอมรวมเข้าด้วยกัน และแม่น้ำสายยาวพลันดูราวกับว่าถูกอาบย้อมไปด้วยโลหิต ศีรษะของเทพและมารจำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา สร้างภาพน่าสะพรึงกลัวของบ่อเลือด

ฉินมู่ขยับไปด้านข้างและฟันลงไปข้างล่างด้วยกระบี่ของเขา กษัตริย์มนุษย์อี้ซานลอยขึ้นมาจากทะเลเลือดและไหลไปทางปลายน้ำ

ไม่กี่อึดใจ ภาพปรากฏการณ์ก็จางหาย และน้ำในแม่น้ำก็ใสกระจ่างดุจเดิม ฉินมู่มองไปที่สีหน้าขมขื่นของกษัตริย์มนุษย์อี้ซานที่ไหลลอยไป ผู้เฒ่าร่างม่อต้อผมขาวจ้องมาที่เขาด้วยสายตาของผู้ที่ตายตาไม่หลับ

ฉินมู่เกาหัวแกรกๆ และอ้าปาก “บรรพจารย์อี้ซาน…”

กษัตริย์มนุษย์อี้ซานทำน้ำกระเซ็นเมื่อเขาพลิกตัวคว่ำหน้าปล่อยให้ก้นเขาชี้ฟ้าและลอยไปอย่างเงียบเชียบ

พบแล้ว!

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ตาลุกวาบ และเขากล่าวด้วยความยินดี “จุดอ่อนของเขาอยู่ในตันเถียน จุดที่สามนับจากปลายก้นกบ! นั่นคือแหล่งที่มาของจุดอ่อนเขา!”

“ข้าจะไปอัดไอ้เด็กตัวเหม็นนี่ให้น่วม!” หลันโพ่เต็มไปด้วยแรงทะยานใจเมื่อนางหิ้วตะกร้ากระโดดลงไปจากสะพาน นางวิ่งตรงไปยังฉินมู่ด้วยรอยยิ้ม “ฉินน้อย ให้ยายดวลอาวุธวิญญาณกับเจ้าหน่อย!”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกราวกับว่าเขาพลาดอะไรบางอย่างไป ทันใดนั้น เขาก็ตบหัวตัวเองและร้องออกมา “ข้าพลาดแล้ว! เขามีสมบัติเทวะเพียงแค่สาม มิใช่สี่! เขาได้หลอมรวมสมบัติเทวะหกทิศเข้ากับสมบัติเทวะเจ็ดดาวให้เป็นหนึ่ง! ข้าคิดคำนวณจากเส้นทางโคจรของสมบัติเทวะสี่ชิ้นดังนั้นจุดอ่อนที่คำนวณออกมา อยู่ห่างจากจุดอ่อนที่แท้จริงเป็นพันๆ ลี้…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว!”

แม่น้ำคลั่งสงบลง และข้างใต้สะพาน กษัตริย์มนุษย์หลันโพ่ลอยมาพร้อมด้วยอาวุธวิญญาณหลากชนิดจากตะกร้าของนางที่กระจัดกระจายไปทั่ว นางกัดฟันกรอดพลางกล่าว “ไม่ต้องพูดแล้ว อาจารย์ทวด ในวินาทีที่ข้าลงมือ ข้าก็รู้ว่าท่านคำนวณผิด!”

กษัตริย์มนุษย์ถัวอวี่สีหน้าแดงฉ่า และเขามองไปที่กษัตริย์มนุษย์คนอื่นๆ บนสะพาน “ข้าไม่คำนวณผิดแล้วตอนนี้…ทำหน้าอะไรแบบนั้น ตอนนี้ข้าไม่คำนวณผิดแล้วจริงๆ!”

…………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+