ตำนานเทพกู้จักรวาล 544 แหลกสลาย

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 544 แหลกสลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินมู่นั้นยังคงรู้สึกไม่สบายใจและวางแผนที่จะคิดคำนวณทุกสิ่งทุกอย่างใหม่อีกครั้งเพื่อตรวจสอบดูว่าเขาคำนวณผิดพลาดตรงไหนหรือไม่ นี่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเสือเทพยดาขนดำ แต่เพราะว่าการเชื่อมต่อสองโลกมิติและการสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน หากว่ามีบางอย่างผิดพลาดไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ยาวิญญาณชนิดใหม่ๆ ที่ฉินมู่หลอมสร้างขึ้นมาเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ ทุกๆ ครั้งมันก็จะมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงอันแปลกประหลาด เขาสามารถแก้ไขบรรเทาได้หากว่ามันเป็นปัญหาเรื่องวิชาแพทย์ แต่ว่าเขาจะแก้ไขบรรเทาได้อย่างไรหากว่าสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณดั้งเดิมที่เชื่อมระหว่างสองโลกมีอันผิดพลาดไป

เสือเทพยดาขนดำเก็บรวบรวมพิมพ์เขียวทั้งหลายอย่างรวดเร็ว และพุ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น “เร็วเข้า เร็วเข้า! ข้าอดใจรอที่จะทดสอบมันไม่ไหวแล้ว!”

ฉินมู่ได้แต่ตามเขาออกไปจากป้อมปราการเมือง ระหว่างทางเขาถามซังฮั่ว “น้องสาวฮั่ว มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“เมืองหลีได้รับการบูรณะเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าบริเวณโดยรอบยังมีความเคลื่อนไหวของเผ่ามาร มารพวกนี้ใช้เลือดเนื้อและดวงวิญญาณของผู้คนแห่งสวรรค์ไท่หวงของพวกเราเพื่อฝึกวิทยายุทธ และมันนับว่าเป็นอันตรายใหญ่หลวง” เด็กสาวตอบไป “พวกเราตามหาตัวเจ้าอยู่พักใหญ่แล้ว เพื่อจะชวนออกไปฝึกฝนด้วยกัน พวกเราหมายที่จะกำจัดผู้ฝึกวิชาเทวะเผ่ามารที่เพ่นพ่านอยู่ข้างนอกนั่น”

“เมื่อฟู่ยื่อลัวอยู่ในเมืองหลี เขาได้ควบคุมมารพวกนั้นไม่ให้ทำอันตรายผู้คนใดๆ แต่บัดนี้เมื่อเขาจากไปแล้ว มารที่เหลือก็ยับยั้งชั่งใจไม่ได้อีกต่อไป สำหรับพวกเขาแล้ว มนุษย์อย่างเราๆ คืออาหารและวัตถุดิบในการฝึกวิชากับหลอมสร้างสมบัติวิเศษ” อวี่เหอกล่าว

“นั่นจึงเป็นเหตุให้ในช่วงไม่กี่วันมานี้ หมู่บ้านในบริเวณรอบๆ หลายหมู่บ้านถูกทำลายจนราบคาบ ศิษย์น้องซังฮั่วเดิมทีอยากจะไปเจดีย์สยบเทพ แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องเลื่อนออกไปก่อน”

ฉินมู่ขมวดคิ้วและถาม “ฟู่ยื่อลัวควบคุมมารพวกนั้นไม่ให้ทำร้ายผู้คน? ทำไมเขาถึงออกคำสั่งเช่นนั้น”

“เพื่อเอาชนะใจคน” ฉู่เหยากล่าวด้วยสีหน้าเครียดขรึม “เมืองอาจจะถูกรุกราน จักรวรรดิอาจจะล่มสลาย เทพเจ้าก็อาจจะตกตายในการศึก แต่กระนั้นหัวใจของผู้คนก็เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะช่วงชิงมันมา ฟูยื่อลัวเป็นมารเทวะที่มีความทะเยอทะยานสูงส่ง ดังนั้นวิธีการเข้ายึดครองของเขาก็ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน”

“หากว่าเขาไม่ทำร้ายผู้คน ผู้คนเหล่านั้นก็จะไม่สู้กลับ ต่อให้เขาขูดรีดพวกเขามากขึ้น เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นทาสแรงงานในเหมืองแร่และไร่สมุนไพรทั้งหลาย พวกเขาก็จะยังคงเชื่องอยู่”

“ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะทำให้มารชั้นเลวทั้งหลายสามารถจดจ่อกับการต่อสู้ได้ ศัตรูที่สามารถโจมตีไปที่หัวใจได้เช่นนี้ นับว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด”

ฉินมู่ผงกหัว และความประทับใจของเขาที่มีต่อฟู่ยื่อลัวก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ

ฟู่ยื่อลัวไม่ใช่คนมุทะลุบุ่มบ่ามที่รู้จักแต่เข้ายึดครองเมืองและแย่งชิงดินแดน เขาเข้าใจวิธีการปกครอง และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้กับเผ่ามารได้มากที่สุด

มารชั้นเลวมีศักดิ์ฐานะต่ำต้อย และฉินมู่ก็ได้เห็นมารชั้นเลวเหล่านั้นในสนามรบแล้ว พวกเขาเป็นตัวป้อนกระสุนปืนในสนามรบ หากว่าก่อนที่จะใช้เป็นไพร่พลป้อนกระสุน แต่ใช้สอยให้เป็นทาสแรงงานก่อน ก็คงยากที่จะปกครอง

เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวการณ์นั้น ฟู่ยื่อลัวได้ทำให้มนุษย์เป็นทาสแรงงาน เพื่อให้มารชั้นเลวได้รับการรับใช้ปรนนิบัติอย่างสุขสบาย จากนั้นพวกเขาก็จะเข้าไปสู้ศึกในสนามรบด้วยชีวิตเป็นเดิมพันโดยไม่ต้องพะวงทำเรื่องอื่น และการปกครองของเขาก็จะมั่นคงสถาวร

“ฟู่ยื่อลัวเป็นผู้เปี่ยมความสามารถอันใหญ่หลวงผู้หนึ่ง มิน่าล่ะครูบาศักดิ์สิทธิ์ถึงระแวงระไวเขานัก” ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “จากสนามรบคงจะมีอาวุธวิญญาณเผ่ามารที่เก็บรวบรวมมาได้มากมายเลยสินะ? พวกเจ้าคิดจะทำอย่างไรกับพวกมันล่ะ”

“เพราะว่าอาวุธพวกนั้นเปี่ยมไปด้วยสันดานมารและปราณมาร พวกมันจึงจะต้องถูกทำลายเพื่อมิให้เผ่ามารมีโอกาสแย่งชิงพวกมันกลับไปได้” อวี่เหอกล่าว

ฉินมู่แย้มยิ้มให้แก่นาง “พี่เสือและข้ากำลังจะก่อตั้งสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการทองคำทมิฬและเหล็กดำจำนวนมาก ในเมื่ออาวุธวิญญาณของมารไม่มีประโยชน์ใช้สอย พวกเจ้าให้พวกข้ายืมได้หรือไม่ สันดานมารและปราณมารที่อยู่ในนั้นก็พอดีว่าเป็นสิ่งที่พวกเราต้องการ!”

อวี่เหอยิ้มกลับไปให้เขา “อาจารย์ของข้าสามารถนำอาวุธวิญญาณเผ่ามารมาได้มากมาย ไม่ทราบว่าจ้าวลัทธิต้องการมากเท่าใด”

“ยิ่งมากก็ยิ่งดี!” ฉินมู่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ขอบคุณที่เจ้าเป็นธุระให้ หัวหน้าโถงอวี่!”

เมื่อหันกลับไป นางก็กล่าว “จ้าวลัทธิสุภาพเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรของเผ่ามารพวกนั้นก็ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าไปกันก่อนเถอะ อาจารย์ของข้าและข้าจะมาจัดส่งอาวุธเหล่านั้นภายหลัง”

ฉินมู่มองไปที่ซังฮั่วและคนอื่นๆ และเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “น้องสาวฮั่ว พี่เสือและข้าต้องใช้เวลาสักพักในการจัดตั้งสะพาน ดังนั้นพวกเจ้าไปฝึกฝนกันก่อนเถอะ ค่อยกลับมาอีกทีในอีกสิบวันให้หลัง ตอนนั้นพวกเราน่าจะทำเสร็จแล้ว และข้าก็ยังอาจจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักสหายใหม่จำนวนหนึ่งด้วย”

“นอกจากมาชวนเจ้าไปฝึกฝนด้วยกัน พวกเรายังมีจุดมุ่งหมายอื่นอีก พวกเราอยากที่จะเข้าร่วมลัทธิของเจ้า” ซังฮั่วกล่าวด้วยเสียงเบา

ผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ แห่งสวรรค์ไท่หวงรีบพยักหน้า

ฉินมู่จ้องไปยังฉู่เหยาด้วยความตะลึงใจ

“หลังจากที่จ้าวลัทธิบอกเล่าถึงหลักปรัชญาของลัทธินักบุญสวรรค์ ศิษย์พี่อวี่เหอและข้ารู้สึกว่ามันโน้มน้าวให้คล้อยตาม ดังนั้นพวกเราจึงเข้าร่วมและกลายเป็นหัวหน้าโถง ภายหลัง ข้านั้นพูดมากเกินไปและบอกสหายต่างๆ ของข้าเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของลัทธิ และพวกเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีงามเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาก็จึงมาเพื่อขอเข้าร่วมด้วย”

ฉินมู่ลิงโลดอย่างสุดๆ แต่เขาไม่เผยออกมาทางสีหน้า “ลัทธินักบุญสวรรค์นั้นทั้งเที่ยงธรรมและโดดเด่นเหนือธรรมดาในสันตินิรันดร์ ดังนั้นไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้ แต่ทว่าข้ารู้สึกตื้นตันใจที่เห็นพวกเจ้าทุกๆ คนต่อสู้กับเผ่ามารอย่างไม่พะวงชีวิตของตนเอง และรู้ว่าทุกคนที่นี่ล้วนแต่เป็นบุคคลอันเที่ยงธรรม พวกเรามีจิตใจที่คล้ายๆ กัน ดังนั้นข้าจะไม่กีดขวางสร้างความลำบากไม่ให้พวกเจ้าเข้าร่วมหรอก”

“แต่ทว่า การที่จะได้เป็นหัวหน้าโถงนั้น เจ้าจะต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง ลัทธิศักดิ์สิทธิของข้ามีโถงทั้งหมดสามร้อยหกสิบเอ็ดโถง อันเป็นตัวแทนของวิชาชีพทั้งหมดสามร้อยหกสิบเอ็ดวิชาชีพ ดังนั้นจึงไม่ได้ขึ้นกับว่าเจ้ามีกำลังฝีมือมากเท่าใด”

ซังฮั่วและคนอื่นๆ มีสีหน้าผิดหวัง แต่ฉินมู่แย้มยิ้มให้แก่พวกเขา “แต่ทว่า ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เพิ่งก่อตั้งสาขาในสวรรค์ไท่หวง ดังนั้นจึงมีเรื่องต้องทำหลายสิ่ง พวกเราจำเป็นต้องจัดการกับเรื่องเร่งด่วนด้วยความฉับไว จึงไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดนัก นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมพวกเจ้าทุกคนจึงจะได้เป็นหัวหน้าโถงแห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในสวรรค์ไท่หวง”

ซังฮั่วดีใจ “พวกเราจำเป็นต้องปาดเลือดที่ริมฝีปากตามพิธีบูชายัญโลหิตและสาบานว่าจะไม่ทรยศลัทธิไหม”

ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร่ำไห้ เขาส่ายหัวและกล่าว “ลัทธินักบุญสวรรค์ของพวกเราไม่ใช่ลัทธิมารที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ทำเรื่องอย่างป้ายเลือดใส่ตนเองหรอก และก็ไม่มีใครต้องมาเคารพบูชาจ้าวลัทธิด้วยเช่นกัน เจ้าเพียงแต่ต้องคารวะทักทายข้า ไม่มีพิธีรีตองคุกเข่า จ้าวลัทธิเป็นครูบาศักดิ์สิทธิ์ มิใช่จักรพรรดิ”

“ตอนนี้ข้ากำลังรีบเร่งไปก่อสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาสนทนา ค่อยกลับมาใหม่ในอีกสิบวันให้หลัง เมื่อสองโลกเชื่อมต่อกัน ข้าจะให้พี่น้องจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในสันตินิรันดร์มาอธิบายทุกอย่างโดยละเอียด”

ซังฮั่วและคนอื่นๆ พึงพอใจ และจากไปพร้อมกับฉู่เหยา

ก่อตั้งลัทธิในสวรรค์ไท่หวงนั้นง่ายดายกว่าที่ข้าคิดเสียอีก ฉินมู่ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน จากนั้นสายตาของเขาก็วูบวาบเมื่อปรายตามองไปยังเทพเสือขนดำข้างๆ เขา “ไม่ทราบว่าพี่เสือต้องการเข้าร่วมลัทธิด้วยไหม”

เทพเสือขนดำกลอกตาแล้วยิ้มหยัน “นายท่านของข้าไม่เคยรับรองลัทธินักบุญสวรรค์ของเจ้า อย่ามาเสียแรงเปล่าและรีบไปสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณจะดีกว่า”

หนึ่งคนและหนึ่งเสือมาถึงหน้าแท่นบูชามหึมาในเวลาไม่นาน อันสูงลิ่วราวกับภูเขา มันมีขั้นบันไดที่ทอดสูงไปยังท้องฟ้าอันบนนั้นจะมีแท่นเวทีกว้างใหญ่ อักษรรูนสังเวยเลือดถูกฝังประทับอยู่รอบๆ มัน และซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนของผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวงถูกก่ายกองอยู่บนพื้น และเพราะมีเครื่องสังเวยเหล่านั้น จึงมีรูปสลักหินและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเจ้าทั้งหลายถูกอัญเชิญมาจากแดนโบราณวินาศ

อักษรรูนของสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณที่ฉินมู่และเทพเสือขนดำได้ออกแบบมาจากรากฐานแท่นสังเวย ดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนอักษรรูนเดิมบนแท่นสังเวยไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หนึ่งคนและหนึ่งเสือรีบลงมือเพื่อทำตามที่ตั้งใจไว้โดยพลัน

สักพักหนึ่ง เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ก็นำอวี่เหอและอาวุธวิญญาณมารมากมายก่ายกองที่สุมกันเท่าภูเขามา เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อย นี่เพียงพอสำหรับเจ้าไหม หากว่าไม่ ยังมีอีกนะกองใหญ่กว่านี้ในเมืองนวลอาภา”

ฉินมู่แย้มยิ้มด้วยความยินดี “นี่เพียงพอแล้ว ขอบคุณท่านมาก เทพเที่ยงแท้!”

“มีตรงไหนอีกไหมที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือของพวกเรา” เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ถาม อวี่เหอเองก็อดใจรอไม่ไหวที่จะได้ช่วยอีกแรง

เสือเทพยดาขนดำกำลังจะตกปากรับการช่วยเหลือ แต่ฉินมู่รีบส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก! เทพเที่ยงแท้ท่านมีธุระมากมาย และศิษย์พี่หญิงอวี่เหอก็ยังต้องออกไปฝึกฝนฝีมือ ข้าไม่บังอาจรบกวนท่านทั้งสอง!”

เทพเที่ยงแท้ผางอวี้นั้นติดพันกับธุระปะปังมากมายจริงๆ ดังนั้นเขาจึงกล่าวลาพร้อมกับอวี่เหอ และจากไป

“มีหลายชิ้นส่วนที่จำเป็นจะต้องหลอมสร้างมาประกอบเป็นสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ และพวกเราสองคนทำเองก็จะใช้เวลานาน ทำไมเจ้าไม่ให้พวกเขาช่วยล่ะ” เทพเสือขนดำบ่นพึม

“ศิษย์พี่ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิ”

เสือเทพยดาขนดำเงยศีรษะขึ้นมอง และพลันกระจ่าง “พวกเราปล่อยให้เทพแห่งสวรรค์ไท่หวงมาช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาจะนำความฉิบหายแบบไหนมา!”

หนึ่งคนและหนึ่งเสือเริ่มหลอมละลายอาวุธมารทั้งหลาย วัตถุดิบสำหรับสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณไม่จำเป็นต้องสกัดสันดานมารออก ดังนั้นพวกเขาจึงแค่หลอมละลายมันและหลอมสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาใหม่

พวกเขาทั้งคู่ล้วนแต่เป็นมืออาชีพด้านการตีเหล็กและเชี่ยวชาญการคำนวณ ดังนั้นแต่ละชิ้นส่วนจึงถูกผลิตออกมาอย่างแม่นยำเป็นที่สุด รอยประทับอักษรรูนบนทุกๆ สิ่งจำเป็นจะต้องมีสัดส่วนถูกต้องและแม่นย่ำจนถึงทศนิยมชุ่นซี พวกเขามุ่งผลสมบูรณ์แบบ

ผู้สร้างตะวันได้หลอมสร้างดวงตะวันบิดเบี้ยวก็เพราะว่าการออกแบบของเขา เขามิได้มุ่งให้ทุกส่วนประกอบของเขาแม่นยำถนัดถนี่ ในข้อสันนิษฐานของฉินมู่ แบบแปลนของดวงตะวันครึ่งซีกอย่างมากก็ถูกคำนวณถึงจุดทศนิยมฮูไม่ก็เวย อันเป็นผลให้ผลลัพธ์สุดท้ายบิดเบี้ยว และระคายตา

การที่จะให้ดวงตะวันบนท้องฟ้าดูกลม ทศนิยมจำเป็นจะต้องคำนวณถึงซูอวี๋หรือชุ่นซีเป็นอย่างต่ำ

ดวงตะวันครึ่งซีกนั้นใหญ่กว่าแท่นสังเวยยักษ์หลายสิบเท่า ดังนั้นอัตราความแม่นยำที่ฉินมู่ต้องการจึงสูงลิบลิ่ว ทุกส่วนประกอบจำเป็นต้องคำนวณถึงทศนิยมชุ่นซี ในเมื่อเขาไม่อาจทนดูดวงตะวันบนท้องฟ้าอันอุบาทว์ตาเสียเหลือเกิน

นักบุญคนตัดไม้เป็นยอดฝีมือในเชิงคำนวณและหลอมสร้าง ดังนั้นเขาก็ไม่สามารถทนมองดูดวงตะวันแห่งสวรรค์ไท่หวงได้

สิบวันถัดมา ซังฮั่ว ฉู่เหยา และคนอื่นๆ รีบรุดมาพร้อมกับผู้ฝึกวิชาเทวะหลายร้อยคน พวกเขามาพบฉินมู่และเทพเสือขนดำกำลังกระตุ้นการทำงานของสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ

ฉินมู่และเทพเสือขนดำยังคงวุ่นวายไปมาบนแท่นสังเวย ทำการทดสอบและปรับแต่งต่างๆ มากมาย พวกเขาไม่กล้าที่จะเผลอไผลเลยแม้แต่น้อย มากกว่าสิบวันที่ผ่านมา พวกเขาได้งีบหลับเพียงแค่สองสามครั้ง และเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด แต่จิตวิญญาณของพวกเขายังคงคึกคักแจ่มใส

ไม่นานนัก เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ เทพซังเย่ และทวยเทพอื่นๆ ที่เหลือก็มาพร้อมกับผู้ฝึกวิชาเทวะอีกนับพัน พวกเขามองไปที่แท่นสังเวยอันเต็มไปด้วยส่วนประกอบต่างๆ มากมายอันใหญ่มหึมาและเป็นสีดำเมี่ยมหลอมรวมเข้าไปในแท่นนั้น พวกมันมีขนาดที่แตกต่างกันและดูเหมือน ทวน ง้าว มีด กระบี่ ที่ถูกหลอมละลายไปครึ่งหนึ่ง และทั้งหมดนั้นก็ชี้ตรงไปยังท้องฟ้า

พวกมันถูกปกคลุมในอักษรรูนที่ลึกล้ำอันยากจะเข้าใจ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ใกล้พื้นดิน ส่วนฐานล่างสุดของแท่นสังเวยแทบจะถูกกวาดให้เหี้ยนด้วยฉินมู่และเทพเสือขนดำ และก็มีชิ้นส่วนประกอบใหญ่โตมากมายติดตั้งไว้แทน ทุกอย่างดูซับซ้อนอย่างสุดๆ

ช่องทางมากมายถูกขุดผ่านตลอดแท่นสังเวย และทุกช่องทางสร้างขึ้นจากส่วนประกอบจำนวนนับไม่ถ้วน มีอักษรรูนเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนเหล่านั้น

ทั้งแท่นสังเวยนั้นมองจากข้างนอกเป็นชิ้นเดียว แต่โครงสร้างภายในของมันซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ฝึกวิชาเทวะหลายพันและเทพเจ้าทั้งหลาย ยืนห้อมล้อมบริเวณนั้นหลายรอบวง พลางอุทานด้วยความชื่นชม ฉินมู่และเทพเสือขนดำได้เผยให้เห็นความงามที่มหาสมบัติวิเศษโลหะขนาดมหึมาสามารถมีได้!

ความงามเช่นนี้มิได้เป็นความงามแบบสมมาตร เงาต่างๆ ทอดตกลงมาอย่างสะเปะสะปะขณะที่ชิ้นส่วนโลหะและอักษรรูนก็เผยแสดงความงามอันแสนประหลาด

ฉินมู่และเทพเสือขนดำติดตั้งชิ้นส่วนสุดท้ายและเชื่อมต่อมันเข้ากับแท่นสังเวยในอีกโลกมิติ ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันและเห็นความตื่นเต้นในแววตาของอีกฝ่าย

“เจ้าพร้อมหรือยัง”

เทพเสือขนดำเลิกคิ้ว “ข้าพร้อมที่จะกระตุ้นพลานุภาพของอักษรรูนแล้ว!”

ฉินมู่ผงกหัวอย่างหนักแน่น และลำแสงของพลังเทพชีวาก็พวยพุ่งออกมาจากเทพเสือขนดำเพื่อกระตุ้นการทำงานของอักษรรูน แสงเจิดจ้าค่อยๆ กล้ำกรายไปข้างหน้า จุดแสงอักษรรูนเพิ่มขึ้นอีก ราวกับว่ามันจะเชื่องช้าเกินไป สายเส้นแสงก็แยกออกเป็นสอง และพวยพุ่งไปตามอักษรรูนต่างๆ ราวกับน้ำไหล!

เสียงหึ่งฮัมดังออกมาเมื่อแสงเข้มข้นไหลเข้าไปข้างในแท่นสังเวย และเล็ดลอดออกมาตามขั้นบันไดต่างๆ ค่อยๆ จุดแสงรอยประทับอักษรรูนทั้งหมด

ท้ายที่สุด มันก็ไหลไปถึงส่วนฐานและรวมรวมกันอยู่ตรงนั้น

ตึง!

การสั่นสะเสือนรุนแรงกึกก้องไปมา และขั้นบันไดต่างๆ ของแท่นสังเวยก็ลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า พวกมันแยกตัวออกเป็นชั้นต่างๆ มากกว่าเก้าร้อยชั้น แต่ละชิ้นส่วนหมุนวนไปในทิศทางอันแตกต่างกัน และหลังจากที่หมุนวนไปแต่ละรอบ อักษรรูนบนแต่ละชั้นก็จะมาเชื่อมต่อกันดังคลิกๆ กระบวนการที่ดำเนินไปนั้นดูเพริศแพร้วประณีตเป็นอย่างยิ่ง!

ฉินมู่และเทพเสือขนดำที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดหนึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวงข้างใต้แท่นสังเวย และทวยเทพทั้งหลายที่ยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน

ภาพของมหาสมบัติโลหะขนาดยักษ์ที่ถูกกระตุ้นให้ทำงานนั้นอลังการเสียเหลือเกิน!

แท่นสังเวยหมุนไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง และทุกๆ การหมุนไปได้เศษหนึ่งส่วนสี่รอบ มันก็จะมีคลื่นพลังจิตวิญญาณแผ่ออกมา พวกมันคือปราณมารและสันดานมานที่ซ่อนอยู่ในอาวุธอันถูกกระตุ้นให้ทำงาน

จากการคำนวณอย่างรอบคอบของฉินมู่และเทพเสือขนดำ ตราบใดที่พวกเขาสามารถฝ่าทะลุม่านคุ้มกันระหว่างสองโลกมิติ และก่อสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณในรูปปล่องได้ พลังงานระหว่างสองโลกก็จะรักษาเสถียรภาพเอาไว้ และช่องทางก็จะไม่พังทลายลงไปโดยง่าย ปราณมารและสันดานมารในอาวุธทั้งหมดก็จะเหือดแห้งไปในพริบตาที่เกิดการเชื่อมต่อ

ชั้นต่างๆ ของแท่นสังเวย หมุนไปนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อปริมาณพลังงานมหาศาลถูกสะสมเข้าไป ลำแสงสีดำก็พวยพุ่งไปยั้งท้องฟ้า พลานุภาพอันไร้ประมาณสร้างเสียงอึงอลอันสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!

ผู้ฝึกวิชาเทวะนับพันและทวยเทพ เช่นเดียวกับฉินมู่และเทพเสือขนดำ เงยศีรษะของพวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นก็พลันชะงักค้างบนใบหน้า

ข้างบนนั้น ลำแสงสีดำอันกร้าวแกร่งไร้ต่อต้านยิงพุ่งเข้าไปปะทะกับดวงตะวันครึ่งซีก วัตถุอัปลักษณ์นั้นพลันระเหิดหายไปในพริบตา

หูของเทพเสือขนดำที่แต่เดิมตั้งตรงแหน็วพลันลู่ราบไปข้างหลัง และปากของเขาก็อ้าหวอ “พวกเราตายแน่…ศิษย์น้อง นี่คือการก่อเรื่องวุ่นวายหรือการก่อเรื่องใหญ่ล่ะ?”

เหงื่อเย็นเยียบขนนาดเท่าลูกปัดร่วงตกจากขอบตาซ้ายของเขาและร่วงลงไปยังแก้ม จากนั้นเหงื่อก็ไหลโซมลงมาจากหน้าผากของเขาราวกับน้ำตกก่อนที่จะก่อเป็นสองเส้นทางจากสองหางตาของเขา

ฉินมู่เบือนหน้ากลับไปอย่างยากลำบากมองไปยังคู่หูสมคบคิดของเขา เทพเสือขนดำที่มีรูปลักษณ์เยาว์วัยนั้นก็ยิ่งมีเหงื่อร่วงลงมาท่วมหน้ามากกว่าเขาเสียอีก และเสื้อของเขาก็เปียกไปหมด

“ศิษย์พี่ หันไปมองสีหน้าของผู้คนที่อยู่ข้างล่างหน่อยไหม” ฉินมู่เสียงแหบพร่า พลางพยายามควบคุมความดังเสียงของตน

“เจ้าดูเองเถอะ ข้าไม่กล้า ข้ากลัวว่าพวกเขาคงจะอดใจไม่ไหวที่จะมากระทืบพวกเราให้ตาย…เจ้าคิดว่าพวกเขาจะกระทืบพวกเราให้ตายไหม”

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพกู้จักรวาล 544 แหลกสลาย

Now you are reading ตำนานเทพกู้จักรวาล Chapter 544 แหลกสลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินมู่นั้นยังคงรู้สึกไม่สบายใจและวางแผนที่จะคิดคำนวณทุกสิ่งทุกอย่างใหม่อีกครั้งเพื่อตรวจสอบดูว่าเขาคำนวณผิดพลาดตรงไหนหรือไม่ นี่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเสือเทพยดาขนดำ แต่เพราะว่าการเชื่อมต่อสองโลกมิติและการสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน หากว่ามีบางอย่างผิดพลาดไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ยาวิญญาณชนิดใหม่ๆ ที่ฉินมู่หลอมสร้างขึ้นมาเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ ทุกๆ ครั้งมันก็จะมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงอันแปลกประหลาด เขาสามารถแก้ไขบรรเทาได้หากว่ามันเป็นปัญหาเรื่องวิชาแพทย์ แต่ว่าเขาจะแก้ไขบรรเทาได้อย่างไรหากว่าสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณดั้งเดิมที่เชื่อมระหว่างสองโลกมีอันผิดพลาดไป

เสือเทพยดาขนดำเก็บรวบรวมพิมพ์เขียวทั้งหลายอย่างรวดเร็ว และพุ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น “เร็วเข้า เร็วเข้า! ข้าอดใจรอที่จะทดสอบมันไม่ไหวแล้ว!”

ฉินมู่ได้แต่ตามเขาออกไปจากป้อมปราการเมือง ระหว่างทางเขาถามซังฮั่ว “น้องสาวฮั่ว มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“เมืองหลีได้รับการบูรณะเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าบริเวณโดยรอบยังมีความเคลื่อนไหวของเผ่ามาร มารพวกนี้ใช้เลือดเนื้อและดวงวิญญาณของผู้คนแห่งสวรรค์ไท่หวงของพวกเราเพื่อฝึกวิทยายุทธ และมันนับว่าเป็นอันตรายใหญ่หลวง” เด็กสาวตอบไป “พวกเราตามหาตัวเจ้าอยู่พักใหญ่แล้ว เพื่อจะชวนออกไปฝึกฝนด้วยกัน พวกเราหมายที่จะกำจัดผู้ฝึกวิชาเทวะเผ่ามารที่เพ่นพ่านอยู่ข้างนอกนั่น”

“เมื่อฟู่ยื่อลัวอยู่ในเมืองหลี เขาได้ควบคุมมารพวกนั้นไม่ให้ทำอันตรายผู้คนใดๆ แต่บัดนี้เมื่อเขาจากไปแล้ว มารที่เหลือก็ยับยั้งชั่งใจไม่ได้อีกต่อไป สำหรับพวกเขาแล้ว มนุษย์อย่างเราๆ คืออาหารและวัตถุดิบในการฝึกวิชากับหลอมสร้างสมบัติวิเศษ” อวี่เหอกล่าว

“นั่นจึงเป็นเหตุให้ในช่วงไม่กี่วันมานี้ หมู่บ้านในบริเวณรอบๆ หลายหมู่บ้านถูกทำลายจนราบคาบ ศิษย์น้องซังฮั่วเดิมทีอยากจะไปเจดีย์สยบเทพ แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องเลื่อนออกไปก่อน”

ฉินมู่ขมวดคิ้วและถาม “ฟู่ยื่อลัวควบคุมมารพวกนั้นไม่ให้ทำร้ายผู้คน? ทำไมเขาถึงออกคำสั่งเช่นนั้น”

“เพื่อเอาชนะใจคน” ฉู่เหยากล่าวด้วยสีหน้าเครียดขรึม “เมืองอาจจะถูกรุกราน จักรวรรดิอาจจะล่มสลาย เทพเจ้าก็อาจจะตกตายในการศึก แต่กระนั้นหัวใจของผู้คนก็เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะช่วงชิงมันมา ฟูยื่อลัวเป็นมารเทวะที่มีความทะเยอทะยานสูงส่ง ดังนั้นวิธีการเข้ายึดครองของเขาก็ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน”

“หากว่าเขาไม่ทำร้ายผู้คน ผู้คนเหล่านั้นก็จะไม่สู้กลับ ต่อให้เขาขูดรีดพวกเขามากขึ้น เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นทาสแรงงานในเหมืองแร่และไร่สมุนไพรทั้งหลาย พวกเขาก็จะยังคงเชื่องอยู่”

“ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะทำให้มารชั้นเลวทั้งหลายสามารถจดจ่อกับการต่อสู้ได้ ศัตรูที่สามารถโจมตีไปที่หัวใจได้เช่นนี้ นับว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด”

ฉินมู่ผงกหัว และความประทับใจของเขาที่มีต่อฟู่ยื่อลัวก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ

ฟู่ยื่อลัวไม่ใช่คนมุทะลุบุ่มบ่ามที่รู้จักแต่เข้ายึดครองเมืองและแย่งชิงดินแดน เขาเข้าใจวิธีการปกครอง และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้กับเผ่ามารได้มากที่สุด

มารชั้นเลวมีศักดิ์ฐานะต่ำต้อย และฉินมู่ก็ได้เห็นมารชั้นเลวเหล่านั้นในสนามรบแล้ว พวกเขาเป็นตัวป้อนกระสุนปืนในสนามรบ หากว่าก่อนที่จะใช้เป็นไพร่พลป้อนกระสุน แต่ใช้สอยให้เป็นทาสแรงงานก่อน ก็คงยากที่จะปกครอง

เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวการณ์นั้น ฟู่ยื่อลัวได้ทำให้มนุษย์เป็นทาสแรงงาน เพื่อให้มารชั้นเลวได้รับการรับใช้ปรนนิบัติอย่างสุขสบาย จากนั้นพวกเขาก็จะเข้าไปสู้ศึกในสนามรบด้วยชีวิตเป็นเดิมพันโดยไม่ต้องพะวงทำเรื่องอื่น และการปกครองของเขาก็จะมั่นคงสถาวร

“ฟู่ยื่อลัวเป็นผู้เปี่ยมความสามารถอันใหญ่หลวงผู้หนึ่ง มิน่าล่ะครูบาศักดิ์สิทธิ์ถึงระแวงระไวเขานัก” ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “จากสนามรบคงจะมีอาวุธวิญญาณเผ่ามารที่เก็บรวบรวมมาได้มากมายเลยสินะ? พวกเจ้าคิดจะทำอย่างไรกับพวกมันล่ะ”

“เพราะว่าอาวุธพวกนั้นเปี่ยมไปด้วยสันดานมารและปราณมาร พวกมันจึงจะต้องถูกทำลายเพื่อมิให้เผ่ามารมีโอกาสแย่งชิงพวกมันกลับไปได้” อวี่เหอกล่าว

ฉินมู่แย้มยิ้มให้แก่นาง “พี่เสือและข้ากำลังจะก่อตั้งสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ ดังนั้นพวกเราจึงต้องการทองคำทมิฬและเหล็กดำจำนวนมาก ในเมื่ออาวุธวิญญาณของมารไม่มีประโยชน์ใช้สอย พวกเจ้าให้พวกข้ายืมได้หรือไม่ สันดานมารและปราณมารที่อยู่ในนั้นก็พอดีว่าเป็นสิ่งที่พวกเราต้องการ!”

อวี่เหอยิ้มกลับไปให้เขา “อาจารย์ของข้าสามารถนำอาวุธวิญญาณเผ่ามารมาได้มากมาย ไม่ทราบว่าจ้าวลัทธิต้องการมากเท่าใด”

“ยิ่งมากก็ยิ่งดี!” ฉินมู่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ขอบคุณที่เจ้าเป็นธุระให้ หัวหน้าโถงอวี่!”

เมื่อหันกลับไป นางก็กล่าว “จ้าวลัทธิสุภาพเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรของเผ่ามารพวกนั้นก็ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าไปกันก่อนเถอะ อาจารย์ของข้าและข้าจะมาจัดส่งอาวุธเหล่านั้นภายหลัง”

ฉินมู่มองไปที่ซังฮั่วและคนอื่นๆ และเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “น้องสาวฮั่ว พี่เสือและข้าต้องใช้เวลาสักพักในการจัดตั้งสะพาน ดังนั้นพวกเจ้าไปฝึกฝนกันก่อนเถอะ ค่อยกลับมาอีกทีในอีกสิบวันให้หลัง ตอนนั้นพวกเราน่าจะทำเสร็จแล้ว และข้าก็ยังอาจจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักสหายใหม่จำนวนหนึ่งด้วย”

“นอกจากมาชวนเจ้าไปฝึกฝนด้วยกัน พวกเรายังมีจุดมุ่งหมายอื่นอีก พวกเราอยากที่จะเข้าร่วมลัทธิของเจ้า” ซังฮั่วกล่าวด้วยเสียงเบา

ผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ แห่งสวรรค์ไท่หวงรีบพยักหน้า

ฉินมู่จ้องไปยังฉู่เหยาด้วยความตะลึงใจ

“หลังจากที่จ้าวลัทธิบอกเล่าถึงหลักปรัชญาของลัทธินักบุญสวรรค์ ศิษย์พี่อวี่เหอและข้ารู้สึกว่ามันโน้มน้าวให้คล้อยตาม ดังนั้นพวกเราจึงเข้าร่วมและกลายเป็นหัวหน้าโถง ภายหลัง ข้านั้นพูดมากเกินไปและบอกสหายต่างๆ ของข้าเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของลัทธิ และพวกเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีงามเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาก็จึงมาเพื่อขอเข้าร่วมด้วย”

ฉินมู่ลิงโลดอย่างสุดๆ แต่เขาไม่เผยออกมาทางสีหน้า “ลัทธินักบุญสวรรค์นั้นทั้งเที่ยงธรรมและโดดเด่นเหนือธรรมดาในสันตินิรันดร์ ดังนั้นไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้ แต่ทว่าข้ารู้สึกตื้นตันใจที่เห็นพวกเจ้าทุกๆ คนต่อสู้กับเผ่ามารอย่างไม่พะวงชีวิตของตนเอง และรู้ว่าทุกคนที่นี่ล้วนแต่เป็นบุคคลอันเที่ยงธรรม พวกเรามีจิตใจที่คล้ายๆ กัน ดังนั้นข้าจะไม่กีดขวางสร้างความลำบากไม่ให้พวกเจ้าเข้าร่วมหรอก”

“แต่ทว่า การที่จะได้เป็นหัวหน้าโถงนั้น เจ้าจะต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง ลัทธิศักดิ์สิทธิของข้ามีโถงทั้งหมดสามร้อยหกสิบเอ็ดโถง อันเป็นตัวแทนของวิชาชีพทั้งหมดสามร้อยหกสิบเอ็ดวิชาชีพ ดังนั้นจึงไม่ได้ขึ้นกับว่าเจ้ามีกำลังฝีมือมากเท่าใด”

ซังฮั่วและคนอื่นๆ มีสีหน้าผิดหวัง แต่ฉินมู่แย้มยิ้มให้แก่พวกเขา “แต่ทว่า ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เพิ่งก่อตั้งสาขาในสวรรค์ไท่หวง ดังนั้นจึงมีเรื่องต้องทำหลายสิ่ง พวกเราจำเป็นต้องจัดการกับเรื่องเร่งด่วนด้วยความฉับไว จึงไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดนัก นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมพวกเจ้าทุกคนจึงจะได้เป็นหัวหน้าโถงแห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในสวรรค์ไท่หวง”

ซังฮั่วดีใจ “พวกเราจำเป็นต้องปาดเลือดที่ริมฝีปากตามพิธีบูชายัญโลหิตและสาบานว่าจะไม่ทรยศลัทธิไหม”

ฉินมู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร่ำไห้ เขาส่ายหัวและกล่าว “ลัทธินักบุญสวรรค์ของพวกเราไม่ใช่ลัทธิมารที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ทำเรื่องอย่างป้ายเลือดใส่ตนเองหรอก และก็ไม่มีใครต้องมาเคารพบูชาจ้าวลัทธิด้วยเช่นกัน เจ้าเพียงแต่ต้องคารวะทักทายข้า ไม่มีพิธีรีตองคุกเข่า จ้าวลัทธิเป็นครูบาศักดิ์สิทธิ์ มิใช่จักรพรรดิ”

“ตอนนี้ข้ากำลังรีบเร่งไปก่อสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาสนทนา ค่อยกลับมาใหม่ในอีกสิบวันให้หลัง เมื่อสองโลกเชื่อมต่อกัน ข้าจะให้พี่น้องจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในสันตินิรันดร์มาอธิบายทุกอย่างโดยละเอียด”

ซังฮั่วและคนอื่นๆ พึงพอใจ และจากไปพร้อมกับฉู่เหยา

ก่อตั้งลัทธิในสวรรค์ไท่หวงนั้นง่ายดายกว่าที่ข้าคิดเสียอีก ฉินมู่ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน จากนั้นสายตาของเขาก็วูบวาบเมื่อปรายตามองไปยังเทพเสือขนดำข้างๆ เขา “ไม่ทราบว่าพี่เสือต้องการเข้าร่วมลัทธิด้วยไหม”

เทพเสือขนดำกลอกตาแล้วยิ้มหยัน “นายท่านของข้าไม่เคยรับรองลัทธินักบุญสวรรค์ของเจ้า อย่ามาเสียแรงเปล่าและรีบไปสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณจะดีกว่า”

หนึ่งคนและหนึ่งเสือมาถึงหน้าแท่นบูชามหึมาในเวลาไม่นาน อันสูงลิ่วราวกับภูเขา มันมีขั้นบันไดที่ทอดสูงไปยังท้องฟ้าอันบนนั้นจะมีแท่นเวทีกว้างใหญ่ อักษรรูนสังเวยเลือดถูกฝังประทับอยู่รอบๆ มัน และซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนของผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวงถูกก่ายกองอยู่บนพื้น และเพราะมีเครื่องสังเวยเหล่านั้น จึงมีรูปสลักหินและจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเจ้าทั้งหลายถูกอัญเชิญมาจากแดนโบราณวินาศ

อักษรรูนของสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณที่ฉินมู่และเทพเสือขนดำได้ออกแบบมาจากรากฐานแท่นสังเวย ดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนอักษรรูนเดิมบนแท่นสังเวยไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หนึ่งคนและหนึ่งเสือรีบลงมือเพื่อทำตามที่ตั้งใจไว้โดยพลัน

สักพักหนึ่ง เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ก็นำอวี่เหอและอาวุธวิญญาณมารมากมายก่ายกองที่สุมกันเท่าภูเขามา เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อย นี่เพียงพอสำหรับเจ้าไหม หากว่าไม่ ยังมีอีกนะกองใหญ่กว่านี้ในเมืองนวลอาภา”

ฉินมู่แย้มยิ้มด้วยความยินดี “นี่เพียงพอแล้ว ขอบคุณท่านมาก เทพเที่ยงแท้!”

“มีตรงไหนอีกไหมที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือของพวกเรา” เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ถาม อวี่เหอเองก็อดใจรอไม่ไหวที่จะได้ช่วยอีกแรง

เสือเทพยดาขนดำกำลังจะตกปากรับการช่วยเหลือ แต่ฉินมู่รีบส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก! เทพเที่ยงแท้ท่านมีธุระมากมาย และศิษย์พี่หญิงอวี่เหอก็ยังต้องออกไปฝึกฝนฝีมือ ข้าไม่บังอาจรบกวนท่านทั้งสอง!”

เทพเที่ยงแท้ผางอวี้นั้นติดพันกับธุระปะปังมากมายจริงๆ ดังนั้นเขาจึงกล่าวลาพร้อมกับอวี่เหอ และจากไป

“มีหลายชิ้นส่วนที่จำเป็นจะต้องหลอมสร้างมาประกอบเป็นสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ และพวกเราสองคนทำเองก็จะใช้เวลานาน ทำไมเจ้าไม่ให้พวกเขาช่วยล่ะ” เทพเสือขนดำบ่นพึม

“ศิษย์พี่ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิ”

เสือเทพยดาขนดำเงยศีรษะขึ้นมอง และพลันกระจ่าง “พวกเราปล่อยให้เทพแห่งสวรรค์ไท่หวงมาช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาจะนำความฉิบหายแบบไหนมา!”

หนึ่งคนและหนึ่งเสือเริ่มหลอมละลายอาวุธมารทั้งหลาย วัตถุดิบสำหรับสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณไม่จำเป็นต้องสกัดสันดานมารออก ดังนั้นพวกเขาจึงแค่หลอมละลายมันและหลอมสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาใหม่

พวกเขาทั้งคู่ล้วนแต่เป็นมืออาชีพด้านการตีเหล็กและเชี่ยวชาญการคำนวณ ดังนั้นแต่ละชิ้นส่วนจึงถูกผลิตออกมาอย่างแม่นยำเป็นที่สุด รอยประทับอักษรรูนบนทุกๆ สิ่งจำเป็นจะต้องมีสัดส่วนถูกต้องและแม่นย่ำจนถึงทศนิยมชุ่นซี พวกเขามุ่งผลสมบูรณ์แบบ

ผู้สร้างตะวันได้หลอมสร้างดวงตะวันบิดเบี้ยวก็เพราะว่าการออกแบบของเขา เขามิได้มุ่งให้ทุกส่วนประกอบของเขาแม่นยำถนัดถนี่ ในข้อสันนิษฐานของฉินมู่ แบบแปลนของดวงตะวันครึ่งซีกอย่างมากก็ถูกคำนวณถึงจุดทศนิยมฮูไม่ก็เวย อันเป็นผลให้ผลลัพธ์สุดท้ายบิดเบี้ยว และระคายตา

การที่จะให้ดวงตะวันบนท้องฟ้าดูกลม ทศนิยมจำเป็นจะต้องคำนวณถึงซูอวี๋หรือชุ่นซีเป็นอย่างต่ำ

ดวงตะวันครึ่งซีกนั้นใหญ่กว่าแท่นสังเวยยักษ์หลายสิบเท่า ดังนั้นอัตราความแม่นยำที่ฉินมู่ต้องการจึงสูงลิบลิ่ว ทุกส่วนประกอบจำเป็นต้องคำนวณถึงทศนิยมชุ่นซี ในเมื่อเขาไม่อาจทนดูดวงตะวันบนท้องฟ้าอันอุบาทว์ตาเสียเหลือเกิน

นักบุญคนตัดไม้เป็นยอดฝีมือในเชิงคำนวณและหลอมสร้าง ดังนั้นเขาก็ไม่สามารถทนมองดูดวงตะวันแห่งสวรรค์ไท่หวงได้

สิบวันถัดมา ซังฮั่ว ฉู่เหยา และคนอื่นๆ รีบรุดมาพร้อมกับผู้ฝึกวิชาเทวะหลายร้อยคน พวกเขามาพบฉินมู่และเทพเสือขนดำกำลังกระตุ้นการทำงานของสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณ

ฉินมู่และเทพเสือขนดำยังคงวุ่นวายไปมาบนแท่นสังเวย ทำการทดสอบและปรับแต่งต่างๆ มากมาย พวกเขาไม่กล้าที่จะเผลอไผลเลยแม้แต่น้อย มากกว่าสิบวันที่ผ่านมา พวกเขาได้งีบหลับเพียงแค่สองสามครั้ง และเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด แต่จิตวิญญาณของพวกเขายังคงคึกคักแจ่มใส

ไม่นานนัก เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ เทพซังเย่ และทวยเทพอื่นๆ ที่เหลือก็มาพร้อมกับผู้ฝึกวิชาเทวะอีกนับพัน พวกเขามองไปที่แท่นสังเวยอันเต็มไปด้วยส่วนประกอบต่างๆ มากมายอันใหญ่มหึมาและเป็นสีดำเมี่ยมหลอมรวมเข้าไปในแท่นนั้น พวกมันมีขนาดที่แตกต่างกันและดูเหมือน ทวน ง้าว มีด กระบี่ ที่ถูกหลอมละลายไปครึ่งหนึ่ง และทั้งหมดนั้นก็ชี้ตรงไปยังท้องฟ้า

พวกมันถูกปกคลุมในอักษรรูนที่ลึกล้ำอันยากจะเข้าใจ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ใกล้พื้นดิน ส่วนฐานล่างสุดของแท่นสังเวยแทบจะถูกกวาดให้เหี้ยนด้วยฉินมู่และเทพเสือขนดำ และก็มีชิ้นส่วนประกอบใหญ่โตมากมายติดตั้งไว้แทน ทุกอย่างดูซับซ้อนอย่างสุดๆ

ช่องทางมากมายถูกขุดผ่านตลอดแท่นสังเวย และทุกช่องทางสร้างขึ้นจากส่วนประกอบจำนวนนับไม่ถ้วน มีอักษรรูนเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนเหล่านั้น

ทั้งแท่นสังเวยนั้นมองจากข้างนอกเป็นชิ้นเดียว แต่โครงสร้างภายในของมันซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ฝึกวิชาเทวะหลายพันและเทพเจ้าทั้งหลาย ยืนห้อมล้อมบริเวณนั้นหลายรอบวง พลางอุทานด้วยความชื่นชม ฉินมู่และเทพเสือขนดำได้เผยให้เห็นความงามที่มหาสมบัติวิเศษโลหะขนาดมหึมาสามารถมีได้!

ความงามเช่นนี้มิได้เป็นความงามแบบสมมาตร เงาต่างๆ ทอดตกลงมาอย่างสะเปะสะปะขณะที่ชิ้นส่วนโลหะและอักษรรูนก็เผยแสดงความงามอันแสนประหลาด

ฉินมู่และเทพเสือขนดำติดตั้งชิ้นส่วนสุดท้ายและเชื่อมต่อมันเข้ากับแท่นสังเวยในอีกโลกมิติ ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันและเห็นความตื่นเต้นในแววตาของอีกฝ่าย

“เจ้าพร้อมหรือยัง”

เทพเสือขนดำเลิกคิ้ว “ข้าพร้อมที่จะกระตุ้นพลานุภาพของอักษรรูนแล้ว!”

ฉินมู่ผงกหัวอย่างหนักแน่น และลำแสงของพลังเทพชีวาก็พวยพุ่งออกมาจากเทพเสือขนดำเพื่อกระตุ้นการทำงานของอักษรรูน แสงเจิดจ้าค่อยๆ กล้ำกรายไปข้างหน้า จุดแสงอักษรรูนเพิ่มขึ้นอีก ราวกับว่ามันจะเชื่องช้าเกินไป สายเส้นแสงก็แยกออกเป็นสอง และพวยพุ่งไปตามอักษรรูนต่างๆ ราวกับน้ำไหล!

เสียงหึ่งฮัมดังออกมาเมื่อแสงเข้มข้นไหลเข้าไปข้างในแท่นสังเวย และเล็ดลอดออกมาตามขั้นบันไดต่างๆ ค่อยๆ จุดแสงรอยประทับอักษรรูนทั้งหมด

ท้ายที่สุด มันก็ไหลไปถึงส่วนฐานและรวมรวมกันอยู่ตรงนั้น

ตึง!

การสั่นสะเสือนรุนแรงกึกก้องไปมา และขั้นบันไดต่างๆ ของแท่นสังเวยก็ลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า พวกมันแยกตัวออกเป็นชั้นต่างๆ มากกว่าเก้าร้อยชั้น แต่ละชิ้นส่วนหมุนวนไปในทิศทางอันแตกต่างกัน และหลังจากที่หมุนวนไปแต่ละรอบ อักษรรูนบนแต่ละชั้นก็จะมาเชื่อมต่อกันดังคลิกๆ กระบวนการที่ดำเนินไปนั้นดูเพริศแพร้วประณีตเป็นอย่างยิ่ง!

ฉินมู่และเทพเสือขนดำที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดหนึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งสวรรค์ไท่หวงข้างใต้แท่นสังเวย และทวยเทพทั้งหลายที่ยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน

ภาพของมหาสมบัติโลหะขนาดยักษ์ที่ถูกกระตุ้นให้ทำงานนั้นอลังการเสียเหลือเกิน!

แท่นสังเวยหมุนไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง และทุกๆ การหมุนไปได้เศษหนึ่งส่วนสี่รอบ มันก็จะมีคลื่นพลังจิตวิญญาณแผ่ออกมา พวกมันคือปราณมารและสันดานมานที่ซ่อนอยู่ในอาวุธอันถูกกระตุ้นให้ทำงาน

จากการคำนวณอย่างรอบคอบของฉินมู่และเทพเสือขนดำ ตราบใดที่พวกเขาสามารถฝ่าทะลุม่านคุ้มกันระหว่างสองโลกมิติ และก่อสร้างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณในรูปปล่องได้ พลังงานระหว่างสองโลกก็จะรักษาเสถียรภาพเอาไว้ และช่องทางก็จะไม่พังทลายลงไปโดยง่าย ปราณมารและสันดานมารในอาวุธทั้งหมดก็จะเหือดแห้งไปในพริบตาที่เกิดการเชื่อมต่อ

ชั้นต่างๆ ของแท่นสังเวย หมุนไปนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อปริมาณพลังงานมหาศาลถูกสะสมเข้าไป ลำแสงสีดำก็พวยพุ่งไปยั้งท้องฟ้า พลานุภาพอันไร้ประมาณสร้างเสียงอึงอลอันสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!

ผู้ฝึกวิชาเทวะนับพันและทวยเทพ เช่นเดียวกับฉินมู่และเทพเสือขนดำ เงยศีรษะของพวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นก็พลันชะงักค้างบนใบหน้า

ข้างบนนั้น ลำแสงสีดำอันกร้าวแกร่งไร้ต่อต้านยิงพุ่งเข้าไปปะทะกับดวงตะวันครึ่งซีก วัตถุอัปลักษณ์นั้นพลันระเหิดหายไปในพริบตา

หูของเทพเสือขนดำที่แต่เดิมตั้งตรงแหน็วพลันลู่ราบไปข้างหลัง และปากของเขาก็อ้าหวอ “พวกเราตายแน่…ศิษย์น้อง นี่คือการก่อเรื่องวุ่นวายหรือการก่อเรื่องใหญ่ล่ะ?”

เหงื่อเย็นเยียบขนนาดเท่าลูกปัดร่วงตกจากขอบตาซ้ายของเขาและร่วงลงไปยังแก้ม จากนั้นเหงื่อก็ไหลโซมลงมาจากหน้าผากของเขาราวกับน้ำตกก่อนที่จะก่อเป็นสองเส้นทางจากสองหางตาของเขา

ฉินมู่เบือนหน้ากลับไปอย่างยากลำบากมองไปยังคู่หูสมคบคิดของเขา เทพเสือขนดำที่มีรูปลักษณ์เยาว์วัยนั้นก็ยิ่งมีเหงื่อร่วงลงมาท่วมหน้ามากกว่าเขาเสียอีก และเสื้อของเขาก็เปียกไปหมด

“ศิษย์พี่ หันไปมองสีหน้าของผู้คนที่อยู่ข้างล่างหน่อยไหม” ฉินมู่เสียงแหบพร่า พลางพยายามควบคุมความดังเสียงของตน

“เจ้าดูเองเถอะ ข้าไม่กล้า ข้ากลัวว่าพวกเขาคงจะอดใจไม่ไหวที่จะมากระทืบพวกเราให้ตาย…เจ้าคิดว่าพวกเขาจะกระทืบพวกเราให้ตายไหม”

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+