ท้าทายลิขิตสวรรค์ 25 ใครจะเก่งกว่ากัน

Now you are reading ท้าทายลิขิตสวรรค์ Chapter 25 ใครจะเก่งกว่ากัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 25 ใครจะเก่งกว่ากัน

 

จากนั้นฮัวเหวินหัวได้โทรศัพท์หาใครบางคน และต่อมาไม่นานนักชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลกสีน้ำเงินเข้มก็เดินเข้ามาด้วยความรีบร้อนพร้อมกับกระเป๋าเอกสารสีดำ

 

โดยฮัวเหวินหัวได้ส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคนนั้นมอบเงินหนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญให้กับหยางเหอ และเมื่อเจ้าของต้นไม้โบราณเห็นเงินปึกหนาใหม่เอี่ยมวางอยู่ในมือของตนเองหยางเขาก็เกิดอาการตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด

 

เพราะเขาไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน!

 

เนื่องจากในชีวิตของเขานั้นอย่างมากเขาสามารถทำเงินได้ประมาณหนึ่งร้อยกว่าเหรียญต่อเดือนเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะต้องทำงานอีกสักกี่ปีถึงจะมีเงินหมื่นห้าพันเหรียญ

 

จากนั้นเขาก็เริ่มนับมันทีละใบเพื่อต้องการตรวจสอบความถูกต้อง หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาหยางซือเหมยอย่างตื่นเต้นและกล่าวว่า

 

“หลานรัก! หนูเป็นดาวนำโชคของอาจริง ๆ ! เดี๋ยวอาจะแบ่งเงินให้นะ”

 

หยางซือเหมยยิ้มและไม่ปฏิเสธ เพราะตอนนี้ครอบครัวของเธอก็ยากจนเช่นกัน ดังนั้นหากหยางเหอต้องการจะขอบคุณเธอด้วยการแบ่งเงินให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

 

หยางเหอหยิบเงินหนึ่งร้อยเหรียญออกมาและกำลังจะมอบให้กับเด็กน้อย แต่แล้วเขาก็คิดว่ามันน้อยเกินไป เพราะถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของหยางซือเหมยเขาก็คงจะขายต้นไม้ได้ในราคาเพียงหนึ่งพันเหรียญ

 

เช่นนั้นเขาควรจะตอบแทนเธออย่างน้อยหนึ่งพันเหรียญเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่เธอยังเด็กและเขากลัวว่าเธอจะทำมันหาย ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า

 

“ตัวเล็ก อาจะให้เงินหนูหนึ่งพันเหรียญเพื่อเป็นการขอบคุณ แต่อาจะมอบให้กับพ่อแม่ของหนูเพราะอากลัวว่าหนูจะทำหล่นหาย”

 

“ค่ะ”

 

หยางซือเหมยพยักหน้าโดยไม่ได้คัดค้านใด ๆ เพราะทางครอบครัวของเธอจะต้องย้ายหลุมศพและสร้างกำแพงดินซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินทั้งสิ้น

 

อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้โลภ เนื่องจากต้นไม้เป็นของหยางเหอ ส่วนตัวเธอนั้นเป็นเพียงแค่คนกลางเท่านั้น ดังนั้นเงินรางวัลหนึ่งพันเหรียญก็นับว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว

 

เมื่อเห็นเธอเผชิญหน้ากับเงินรางวัลด้วยท่าทางสงบโดยไม่มีความโลภหรือความไม่พอใจฮัวเหวินหัวก็นึกชื่นชมในทัศนคติเช่นนี้ที่เธอมีตั้งแต่อายุยังน้อย และยังรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่ธรรมดาและอาจมีดวงตาของฮวงจุ้ยมาแต่กำเนิดเหมือนดังที่เธอกล่าว

 

“สาวน้อย หนูบอกว่าตัวหนูมีดวงตาที่สามารถมองเห็นฮวงจุ้ยมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นฉันอยากจะให้หนูช่วยค้นหาจุดฝังตำแหน่งมังกรได้หรือเปล่า?”

 

“หนูทำได้ แต่คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนะ” หยางซือเหมยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

 

“พูดได้ดี! แน่นอนว่าฉันจะต้องจ่ายอยู่แล้ว หากหนูสามารถหาสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยดีเลิศได้หนูจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม”

 

ฮัวเหวินหัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ขณะที่บทสนทนานี้ทำให้เฮาจ้าวกวงที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างย่นคิ้วด้วยท่าทางไม่พอใจ

 

ฮัวเหวินหัวทำธุรกิจและติดต่อกับผู้คนมาเป็นเวลานานหลายปี ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีสื่อสารเพื่อที่จะทำให้คู่สนทนารู้สึกพึงพอใจและปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เขารีบร้อนเกินไปทำให้ลืมไปว่าเฮาจ้าวกวงกำลังยืนอยู่เคียงข้างตนเอง

 

และเมื่อรู้สึกว่าอาจารย์ที่มาด้วยกันมีท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าใดนักจึงรีบหันกลับมากล่าวว่า

 

“อาจารย์ครับ สาวน้อยคนนี้คุ้นเคยกับพื้นที่ดังนั้นผมคิดว่าเธอคงจะช่วยเราได้มาก และเมื่อเราสามารถหาพื้นที่ที่เหมาะสมได้คงต้องรบกวนให้อาจารย์ช่วยตรวจสอบอีกครั้ง ผมจึงจะรู้สึกสบายใจได้”

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้คิ้วของเฮาจ้าวกวงก็คลายลง ขณะที่เขาไม่เชื่อว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุห้าขวบที่อยู่ตรงหน้าเขาจะมีดวงตาของฮวงจุ้ยโดยกำเนิดอย่างที่เธอกล่าวอ้าง

 

จะเป็นไปได้อย่างไรที่เด็กตัวแค่นี้จะสามารถเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับฮวงจุ้ย? ถ้าคิดว่าตัวเองแน่จริงก็ลองดู!

 

“เอาเป็นว่าฉันจะค้นหาด้วยตัวเองและเธอก็ค้นหาด้วยตัวเธอเองเช่นกัน แล้วเรามาดูกันว่าใครเป็นคนค้นพบตำแหน่งฮวงจุ้ยที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง”

 

เฮาจ้าวกวงกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยามอีกว่า

 

“หัดทำตัวเป็นคนเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเลยนะ!”

 

***

 

เมื่อบทสนทนาจบลงฮัวเหวินหัวก็สั่งให้ชายหนุ่มคนนั้นที่ชื่อว่า ‘เหลยเฉิง’ เดินตามหยางซือเหมยไป ในขณะที่เขาดูแลการตัดต้นไม้ที่เอาไว้ใช้สำหรับทำโลงศพด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็จะเดินทางกลับฮ่องกง

 

แต่ในช่วงบ่ายมีข้อความส่งมาจากทางฝั่งของเฮาจ้าวกวงว่าเขาได้พบสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยเหมาะสมแล้ว ดังนั้นหยางซือเหมยจึงตามฮัวเหวินหัวไปดูสถานการณ์

 

โดยเธอรู้จักพื้นที่บนภูเขานี้เป็นอย่างดี แต่ไม่พบว่ามีสถานที่ที่มีพลังงานอันมั่งคั่งอย่างที่เขากล่าว ดังนั้นเธอจึงต้องการดูตำแหน่งที่เฮาจ้าวกวงค้นพบ

 

และสถานที่ที่เฮาจ้าวกวงพบนั้นมีความสอดคล้องกับการจัดฮวงจุ้ยที่ดี แต่องค์ประกอบของตำแหน่งที่ตั้งของฮวงจุ้ยนั้นยังมีบางอย่างที่บกพร่อง ซึ่งมันไม่ครบตามหลักการ “ความสมบูรณ์ของสัญลักษณ์ทั้งสี่”

 

ซึ่งสิ่งที่อาจารย์คนนี้ให้ความสำคัญคือ ทางทิศเหนือจำเป็นต้องมีกลุ่มภูเขาสูงชันที่มีความต่อเนื่องกัน และด้านทิศใต้มีภูเขาเตี้ย ๆ และเนินเล็ก ๆ สำหรับเสียงสะท้อนทั้งใกล้และไกล

 

ส่วนทางด้านซ้ายและด้านขวาถูกโอบกอดด้วยภูเขาโดยรอบ โดยพื้นที่ส่วนกลางเป็นภูมิประเทศอันกว้างขวางและมีแหล่งน้ำที่ไหลคดเคี้ยว

 

สถานที่แห่งนี้ที่เขาพบว่าสอดคล้องกับองค์ประกอบเหล่านี้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่ฮัวเหวินหัวที่เข้าใจหลักการจัดฮวงจุ้ยนี้มีความรู้สึกพึงพอใจมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด