[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 166 ไม่เต้นแล้วโอเคไหม / 167 จบกันที

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 166 ไม่เต้นแล้วโอเคไหม / 167 จบกันที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 166 ไม่เต้นแล้วโอเคไหม

 

 

“ทำไมนายพูดแบบนี้ ไม่รู้เหรอว่าต้องให้เกียรติผู้หญิง” หัวหน้าฝ่ายคนนั้นพูดขึ้น

 

 

ชุงหังเอ่ยตอบ “ทำไมผมจะไม่ให้เกียรติเธอล่ะ คนกับการให้เกียรติของคน ควรจะเป็นให้เกียรติซึ่งกันและกันนะ ไม่ใช่มาสายแล้วยังกลับไปก่อน ผมต้องซ้อมกับอากาศทุกวัน ยังให้ผมให้เกียรติได้ยังไง ผมไม่เคยพูดถึงพวกคุณไม่ดีลับหลัง หรือพูดว่าคู่เต้นของผมเป็นยังไง มันเสียเวลาพัฒนาตัวเอง”

 

 

เมื่อฟังชุยหังพูดจบ ดาวคณะคนนั้นก็รู้สึกละอายขึ้นมา

 

 

เหมือนว่าที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้านี้ชุยหังจะรู้หมดแล้ว

 

 

“ในเมื่อทำงานร่วมกัน งั้นก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันไม่ใช่เหรอครับ คณะของพวกเรามีแต่ผู้ชาย พวกคุณก็มีแต่ผู้หญิง ให้ผมยอมพวกคุณก็ได้ แต่จะยอมได้ถึงไหนกัน”

 

 

“นายหมายความว่ายังไง” หัวหน้าฝ่ายคนนั้นไม่คิดว่าชุยหังจะโกรธถึงขนาดนี้

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ความหมายของผมง่ายมาก คณะผู้หญิงของพวกคุณเป็นคน คณะผู้ชายของพวกเราไม่ใช่คนเหรอ พวกคุณมาสายแต่กลับก่อนทุกวัน ผมพูดว่าอะไรนะ ผมจะไปเข้าห้องน้ำ ถือว่าไม่ให้เกียรติพวกคุณ ไม่รักษาโอกาสไว้ดีๆ นี่มันหลักการอะไรของพวกคุณ ผมยังต้องอดกลั้นอีกแล้วผมไปเข้าห้องน้ำตอนไหนล่ะ”

 

 

ดาวคณะถูกชุยหังปั่นแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจึงได้แต่อยู่ตรงนั้นเงียบๆ หน้าตาสุดกล้ำกลืน

 

 

เธอทำท่าทางแบบนี้ ยิ่งทำให้ชุยหังดูเหมือนรังเเกเธอไปอีก

 

 

ชุยหังมองท่าทางแบบนี้ของเธอ ก็รู้สึกจะอาเจียน

 

 

“หัวหน้าครับ ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนคนเถอะ ผมคนนี้คงไม่มีวาสนา อีกทั้งยังไม่รู้จักบุญคุณอีก มีโอกาสดีๆ ได้เต้นรำกับดาวคณะแบบนี้ ผมยังไม่อดทนรอนานอีก เธอเป็นคนดัง มาสายกลับก่อนเป็นเรื่องปกติ หัวหน้าฝ่ายของเธอก็พูดไปแล้วว่าเป็นปัญหาของผม บางทีเธออาจะไม่อยากคู่กับผมถึงตั้งใจทำแบบนี้ก็ได้ ไม่เป็นไร งั้นผมไม่เต้นแล้วก็ได้ครับ” ชุยหังพูดกับหัวหน้าฝ่ายของเขา

 

 

หัวหน้าฝ่ายจึงเดินเข้ามาพูดขึ้น “เอาล่ะ พูดให้น้อยๆ หน่อยเถอะ”

 

 

“นายเป็นผู้ชายหรือเปล่า ทำไมพูดกับผู้หญิงที่รู้จักกันแบบนี้” หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์คนนั้นยังราวีไม่เลิก

 

 

ชุยหังพูดขึ้น “ความหมายของคุณ พวกคุณจะมาสายกลับเร็วยังไง พวกเราก็ต้องทน เพราะว่าพวกคุณเป็นผู้หญิงเหรอ ความเสมอภาคของชายหญิงก็คือให้พวกคุณเสมอภาคกันแบบนี้เหรอ แนวคิดคณะโลจิสติกส์ของพวกคุณช่างล้ำเลิศเสียจริง ผมต้องช่วยพวกคุณประกาศลงหนังสือพิมพ์มหา’ ลัยสักหน่อยแล้วล่ะ”

 

 

หัวหน้าฝ่ายคนนั้นพูดขึ้น “นายขู่ใคร”

 

 

“ขู่? ผมจะกล้าขู่คุณเหรอ คุณเป็นหัวหน้าฝ่าย ผมไม่มีตำแหน่งอะไรเลย อีกทั้งพวกคุณยังมีเหตุผลอีก โรงเรียนก็เป็นพวกคุณเปิด พวกคุณพอใจไหม” ชุยหังพูดจบก็พูดกับหัวหน้าฝ่ายของตนเอง “หัวหน้า ขอโทษนะครับ ผมไม่เต้นแล้ว คะแนนนี้ผมก็ไม่เอาแล้ว ขอโทษนะครับ ผมไม่อยากคุกเข่าให้ใคร แล้วก็ไม่อยากให้ใครมาว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย”

 

 

พูดจบเขาก็เดินจากไปเลย

 

 

“ชุยหัง นายรอก่อน” หัวหน้าฝ่ายของเขามองอย่างร้อนใจ

 

 

หากเรื่องเป็นเช่นนี้ช่างวุ่นวายเสียงจริง

 

 

ถึงอย่างไรก็เป็นการทำงานร่วมกันของทั้งสองคณะ ถ้าหากจบแบบนี้จริงๆ ยังฟังดูไม่ดีอีก

 

 

‘ไม่คิดว่านิสัยชุยหังจะเอาเรื่องขนาดนี้ เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ยอมให้ดาวคณะคนนั้นเลย’

 

 

‘แต่ดาวคณะคนนั้นที่จริงแล้วก็เกินไป เธอไม่เคยมาตรงเวลาเลย อีกทั้งยังชอบทำท่าทางสูงส่ง’

 

 

ชุยหังเดินมาหยุดตรงนี้แล้วพูดกับดาวคณะ “พูดเรื่องไม่ดีลับหลังคนอื่นได้ ก็ไม่ต้องแสร้งเป็นน่าสงสารต่อหน้าคนอื่นหรอก เธอไม่พอใจที่ฉันเต้นไม่ดีแล้วมีผลกับคะแนนเธอใช่ไหม ถ้างั้นเธอก็ไปหาคนที่เต้นดีเถอะ เอาแต่นินหลับลังไม่เบื่อเหรอ หน้าก็สวยแต่แบบนี้ไม่ไหวนะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 167 จบกันที

 

 

ดาวคณะฟังที่ชุยหังพูดก็น้ำตาไหลทันที

 

 

“ร้องไห้เถอะ พอเธอร้องไห้ เธอก็เป็นฝ่ายถูกแล้ว” ชุยหังพูดขึ้น

 

 

หัวหน้าฝ่ายหญิงคณะโลจิสติกส์พูดขึ้นมา “ฉันว่านายไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ”

 

 

“ผมไม่ใช่ผู้ชาย คุณเป็นคนตัดสินเหรอ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร ซูสีไทเฮา? พวกคุณทำไรก็ถูกหมดเหรอ พวกเราต้องอดทน ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนงั้นเหรอ คุณพูดแรงมา ผมพูดแรงกลับ แล้วให้ทั้งโรงเรียนรู้ ดูว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นฝ่ายถูก” ชุยหังก็ไม่คิดอยากทนกับเธอแล้ว

 

 

เมื่อพูดจบ เขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก

 

 

‘เรื่องยุ่งเหยิงที่เหลือ เขาไม่สนใจหรอก’

 

 

จากนั้นหัวหน้าฝ่ายหญิงของพวกเขาก็โทามาหาเขา เขาไม่ได้รับสาย จึงส่งข้อความหาเขา [นักศึกษาชุยหัง ฉันรู้ว่านายโกรธ แต่นี่ไม่วิธีการแก้ปัญหา นายยังต้องอยู่โรงเรียนนี้อีกกี่ปี มีเรื่องอีกมากมาย นายใจร้อนแบบนี้ไม่ได้นะ]

 

 

[อืม ขอบคุณหัวหน้าที่เตือนครับ] ชุยหังตอบเธอไป

 

 

[ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณจากนาย เมื่อกี้นายเดินออกไปแบบนั้น ดาวคณะคนนั้นก็เอาแต่ร้องไห้ เดาได้เลยว่าหลังจากนี้ ถ้าคนของคณะโลจิสติกส์มาเห็นจะเอานายเป็นศัตรูแน่] ความกังวลใจของหัวหน้าฝ่ายนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

 

 

ชุยหังตอบกลับมา [ถ้างั้นพูดได้แค่ว่าคนพวกนั้นสมองกลวง โชคดีที่ไม่ได้สอบเข้าคณะโลจิสติกส์ ไม่อย่างนั้นผมคงสมองกลวงเหมือนกัน]

 

 

หัวหน้าฝ่ายตอบกลับมาอีก [เอาล่ะ อย่าโกรธเลย พวกนายแค่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ใช่แล้ว นายคงไม่เอาเรื่องนี้ไปลงวารสารโรงเรียนจริงๆ หรอกใช่ไหม]

 

 

[ไม่จริงหรอก เอาไปลงวารสารโรงเรียนมีผลกระทบ แล้วก็ตีพิมพ์ไม่ได้ด้วย ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้น หัวหน้าไม่ร้องกังวลหรอกครับ แต่ผมจะไม่เต้นแล้ว] ชุยหังตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

 

เขายอมรับว่าเขาใจร้อน การใจร้อนครั้งนี้เป็นสิ่งที่ควรทำแล้ว

 

 

‘ผู้หญิงเสแสร้งแบบนี้ ทำไมเขาต้องทนด้วยล่ะ’

 

 

[ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้จริงๆ จะเปลี่ยนคู่เต้นให้นายก็แล้วกัน] หัวหน้าบอก

 

 

ชุยหังกลับไม่ได้สนใจเลย เขาตอบไป [เปลี่ยนคู่เต้น? ก็ยังเต้นกับคณะโลจิสติกส์? ดาวคณะเขาโดนผมทำเรื่องสะเทือนใจไป ผู้หญิงคนอื่นกล้ามาคู่ด้วยเหรอครับ]

 

 

[ดาวคณะไม่เต้นแล้วล่ะ ให้ตายยังไงเธอก็ไม่เต้นแล้ว เพิ่งจะพูดไปว่าคณะของพวกเขาไม่กี่วันมานี้ซ้อมเต้นตลอด เธอต้องไปซ้อมอย่างอื่นอีก เวลากระชั้นชิดเกินไป] หัวหน้าฝ่ายช่วยดาวคณะคนนั้นอธิบาย

 

 

ชุยหังกลับไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ [ผมไม่ได้โกรธเพราะว่าเธอเวลาไม่พอ แต่เพราะว่าเธอแสร้งทำเป็นน่าสงสาร อีกทั้งยังมาสายแต่กลับก่อนคนอื่น มีสิทธิ์อะไรมาพูดไม่ดีถึงผมลับหลัง]

 

 

[เอาล่ะ หายโกรธเถอะ มันผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป] หัวฝ่ายยังคงโน้มน้าว

 

 

ชุยหังไม่อยากพูดอะไรแล้ว จึงตอบหัวหน้าฝ่ายไป [หัวหน้า ขอโทษนะครับ วันนี้ถือว่าเป็นปัญหาของผมก็แล้วกัน]

 

 

[ไม่เป็นไร เพราะการสื่อสารของพวกเราเหมือนกัน ที่จริงแล้วฉันก็รำคาญท่าทางแบบนั้นของหัวหน้าฝ่ายคนนั้นเหมือนกัน]

 

 

ชุยหังไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก เรื่องนี้เขาพูดไปชัดเจนแล้ว

 

 

ที่จริงควรจะใช้เวลานี้ไปซ้อมเต้น ตอนนี้ง่วงขึ้นมา ชุยหังรู้สึกเบื่อนิดหน่อย

 

 

คิดไปคิดมา เขาจึงส่งวีแชทไปหาหลูจื้อ [นายทำอะไรอยู่ ตอนนี้ยุ่งอยู่หรือเปล่า]

 

 

แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้กดส่งไป เพราะเสียงข้อความของหลูจื้อดังขึ้นมาก่อน

 

 

[อาทิตย์นี้ว่างหรือเปล่า หาเวลาให้ฉันหน่อย ฉันจะไปหานาย]

 

 

ชุยหังรีบลบข้อความที่พิมพ์ไป แล้วตอบเขาไปด้วยอารมณ์ที่แสนพิเศษ [ว่าง ต้องว่างอยู่แล้ว]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 166 ไม่เต้นแล้วโอเคไหม / 167 จบกันที

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 166 ไม่เต้นแล้วโอเคไหม / 167 จบกันที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 166 ไม่เต้นแล้วโอเคไหม

 

 

“ทำไมนายพูดแบบนี้ ไม่รู้เหรอว่าต้องให้เกียรติผู้หญิง” หัวหน้าฝ่ายคนนั้นพูดขึ้น

 

 

ชุงหังเอ่ยตอบ “ทำไมผมจะไม่ให้เกียรติเธอล่ะ คนกับการให้เกียรติของคน ควรจะเป็นให้เกียรติซึ่งกันและกันนะ ไม่ใช่มาสายแล้วยังกลับไปก่อน ผมต้องซ้อมกับอากาศทุกวัน ยังให้ผมให้เกียรติได้ยังไง ผมไม่เคยพูดถึงพวกคุณไม่ดีลับหลัง หรือพูดว่าคู่เต้นของผมเป็นยังไง มันเสียเวลาพัฒนาตัวเอง”

 

 

เมื่อฟังชุยหังพูดจบ ดาวคณะคนนั้นก็รู้สึกละอายขึ้นมา

 

 

เหมือนว่าที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้านี้ชุยหังจะรู้หมดแล้ว

 

 

“ในเมื่อทำงานร่วมกัน งั้นก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันไม่ใช่เหรอครับ คณะของพวกเรามีแต่ผู้ชาย พวกคุณก็มีแต่ผู้หญิง ให้ผมยอมพวกคุณก็ได้ แต่จะยอมได้ถึงไหนกัน”

 

 

“นายหมายความว่ายังไง” หัวหน้าฝ่ายคนนั้นไม่คิดว่าชุยหังจะโกรธถึงขนาดนี้

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ความหมายของผมง่ายมาก คณะผู้หญิงของพวกคุณเป็นคน คณะผู้ชายของพวกเราไม่ใช่คนเหรอ พวกคุณมาสายแต่กลับก่อนทุกวัน ผมพูดว่าอะไรนะ ผมจะไปเข้าห้องน้ำ ถือว่าไม่ให้เกียรติพวกคุณ ไม่รักษาโอกาสไว้ดีๆ นี่มันหลักการอะไรของพวกคุณ ผมยังต้องอดกลั้นอีกแล้วผมไปเข้าห้องน้ำตอนไหนล่ะ”

 

 

ดาวคณะถูกชุยหังปั่นแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจึงได้แต่อยู่ตรงนั้นเงียบๆ หน้าตาสุดกล้ำกลืน

 

 

เธอทำท่าทางแบบนี้ ยิ่งทำให้ชุยหังดูเหมือนรังเเกเธอไปอีก

 

 

ชุยหังมองท่าทางแบบนี้ของเธอ ก็รู้สึกจะอาเจียน

 

 

“หัวหน้าครับ ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนคนเถอะ ผมคนนี้คงไม่มีวาสนา อีกทั้งยังไม่รู้จักบุญคุณอีก มีโอกาสดีๆ ได้เต้นรำกับดาวคณะแบบนี้ ผมยังไม่อดทนรอนานอีก เธอเป็นคนดัง มาสายกลับก่อนเป็นเรื่องปกติ หัวหน้าฝ่ายของเธอก็พูดไปแล้วว่าเป็นปัญหาของผม บางทีเธออาจะไม่อยากคู่กับผมถึงตั้งใจทำแบบนี้ก็ได้ ไม่เป็นไร งั้นผมไม่เต้นแล้วก็ได้ครับ” ชุยหังพูดกับหัวหน้าฝ่ายของเขา

 

 

หัวหน้าฝ่ายจึงเดินเข้ามาพูดขึ้น “เอาล่ะ พูดให้น้อยๆ หน่อยเถอะ”

 

 

“นายเป็นผู้ชายหรือเปล่า ทำไมพูดกับผู้หญิงที่รู้จักกันแบบนี้” หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์คนนั้นยังราวีไม่เลิก

 

 

ชุยหังพูดขึ้น “ความหมายของคุณ พวกคุณจะมาสายกลับเร็วยังไง พวกเราก็ต้องทน เพราะว่าพวกคุณเป็นผู้หญิงเหรอ ความเสมอภาคของชายหญิงก็คือให้พวกคุณเสมอภาคกันแบบนี้เหรอ แนวคิดคณะโลจิสติกส์ของพวกคุณช่างล้ำเลิศเสียจริง ผมต้องช่วยพวกคุณประกาศลงหนังสือพิมพ์มหา’ ลัยสักหน่อยแล้วล่ะ”

 

 

หัวหน้าฝ่ายคนนั้นพูดขึ้น “นายขู่ใคร”

 

 

“ขู่? ผมจะกล้าขู่คุณเหรอ คุณเป็นหัวหน้าฝ่าย ผมไม่มีตำแหน่งอะไรเลย อีกทั้งพวกคุณยังมีเหตุผลอีก โรงเรียนก็เป็นพวกคุณเปิด พวกคุณพอใจไหม” ชุยหังพูดจบก็พูดกับหัวหน้าฝ่ายของตนเอง “หัวหน้า ขอโทษนะครับ ผมไม่เต้นแล้ว คะแนนนี้ผมก็ไม่เอาแล้ว ขอโทษนะครับ ผมไม่อยากคุกเข่าให้ใคร แล้วก็ไม่อยากให้ใครมาว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย”

 

 

พูดจบเขาก็เดินจากไปเลย

 

 

“ชุยหัง นายรอก่อน” หัวหน้าฝ่ายของเขามองอย่างร้อนใจ

 

 

หากเรื่องเป็นเช่นนี้ช่างวุ่นวายเสียงจริง

 

 

ถึงอย่างไรก็เป็นการทำงานร่วมกันของทั้งสองคณะ ถ้าหากจบแบบนี้จริงๆ ยังฟังดูไม่ดีอีก

 

 

‘ไม่คิดว่านิสัยชุยหังจะเอาเรื่องขนาดนี้ เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ยอมให้ดาวคณะคนนั้นเลย’

 

 

‘แต่ดาวคณะคนนั้นที่จริงแล้วก็เกินไป เธอไม่เคยมาตรงเวลาเลย อีกทั้งยังชอบทำท่าทางสูงส่ง’

 

 

ชุยหังเดินมาหยุดตรงนี้แล้วพูดกับดาวคณะ “พูดเรื่องไม่ดีลับหลังคนอื่นได้ ก็ไม่ต้องแสร้งเป็นน่าสงสารต่อหน้าคนอื่นหรอก เธอไม่พอใจที่ฉันเต้นไม่ดีแล้วมีผลกับคะแนนเธอใช่ไหม ถ้างั้นเธอก็ไปหาคนที่เต้นดีเถอะ เอาแต่นินหลับลังไม่เบื่อเหรอ หน้าก็สวยแต่แบบนี้ไม่ไหวนะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 167 จบกันที

 

 

ดาวคณะฟังที่ชุยหังพูดก็น้ำตาไหลทันที

 

 

“ร้องไห้เถอะ พอเธอร้องไห้ เธอก็เป็นฝ่ายถูกแล้ว” ชุยหังพูดขึ้น

 

 

หัวหน้าฝ่ายหญิงคณะโลจิสติกส์พูดขึ้นมา “ฉันว่านายไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ”

 

 

“ผมไม่ใช่ผู้ชาย คุณเป็นคนตัดสินเหรอ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร ซูสีไทเฮา? พวกคุณทำไรก็ถูกหมดเหรอ พวกเราต้องอดทน ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนงั้นเหรอ คุณพูดแรงมา ผมพูดแรงกลับ แล้วให้ทั้งโรงเรียนรู้ ดูว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นฝ่ายถูก” ชุยหังก็ไม่คิดอยากทนกับเธอแล้ว

 

 

เมื่อพูดจบ เขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก

 

 

‘เรื่องยุ่งเหยิงที่เหลือ เขาไม่สนใจหรอก’

 

 

จากนั้นหัวหน้าฝ่ายหญิงของพวกเขาก็โทามาหาเขา เขาไม่ได้รับสาย จึงส่งข้อความหาเขา [นักศึกษาชุยหัง ฉันรู้ว่านายโกรธ แต่นี่ไม่วิธีการแก้ปัญหา นายยังต้องอยู่โรงเรียนนี้อีกกี่ปี มีเรื่องอีกมากมาย นายใจร้อนแบบนี้ไม่ได้นะ]

 

 

[อืม ขอบคุณหัวหน้าที่เตือนครับ] ชุยหังตอบเธอไป

 

 

[ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณจากนาย เมื่อกี้นายเดินออกไปแบบนั้น ดาวคณะคนนั้นก็เอาแต่ร้องไห้ เดาได้เลยว่าหลังจากนี้ ถ้าคนของคณะโลจิสติกส์มาเห็นจะเอานายเป็นศัตรูแน่] ความกังวลใจของหัวหน้าฝ่ายนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

 

 

ชุยหังตอบกลับมา [ถ้างั้นพูดได้แค่ว่าคนพวกนั้นสมองกลวง โชคดีที่ไม่ได้สอบเข้าคณะโลจิสติกส์ ไม่อย่างนั้นผมคงสมองกลวงเหมือนกัน]

 

 

หัวหน้าฝ่ายตอบกลับมาอีก [เอาล่ะ อย่าโกรธเลย พวกนายแค่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ใช่แล้ว นายคงไม่เอาเรื่องนี้ไปลงวารสารโรงเรียนจริงๆ หรอกใช่ไหม]

 

 

[ไม่จริงหรอก เอาไปลงวารสารโรงเรียนมีผลกระทบ แล้วก็ตีพิมพ์ไม่ได้ด้วย ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้น หัวหน้าไม่ร้องกังวลหรอกครับ แต่ผมจะไม่เต้นแล้ว] ชุยหังตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

 

เขายอมรับว่าเขาใจร้อน การใจร้อนครั้งนี้เป็นสิ่งที่ควรทำแล้ว

 

 

‘ผู้หญิงเสแสร้งแบบนี้ ทำไมเขาต้องทนด้วยล่ะ’

 

 

[ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้จริงๆ จะเปลี่ยนคู่เต้นให้นายก็แล้วกัน] หัวหน้าบอก

 

 

ชุยหังกลับไม่ได้สนใจเลย เขาตอบไป [เปลี่ยนคู่เต้น? ก็ยังเต้นกับคณะโลจิสติกส์? ดาวคณะเขาโดนผมทำเรื่องสะเทือนใจไป ผู้หญิงคนอื่นกล้ามาคู่ด้วยเหรอครับ]

 

 

[ดาวคณะไม่เต้นแล้วล่ะ ให้ตายยังไงเธอก็ไม่เต้นแล้ว เพิ่งจะพูดไปว่าคณะของพวกเขาไม่กี่วันมานี้ซ้อมเต้นตลอด เธอต้องไปซ้อมอย่างอื่นอีก เวลากระชั้นชิดเกินไป] หัวหน้าฝ่ายช่วยดาวคณะคนนั้นอธิบาย

 

 

ชุยหังกลับไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ [ผมไม่ได้โกรธเพราะว่าเธอเวลาไม่พอ แต่เพราะว่าเธอแสร้งทำเป็นน่าสงสาร อีกทั้งยังมาสายแต่กลับก่อนคนอื่น มีสิทธิ์อะไรมาพูดไม่ดีถึงผมลับหลัง]

 

 

[เอาล่ะ หายโกรธเถอะ มันผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป] หัวฝ่ายยังคงโน้มน้าว

 

 

ชุยหังไม่อยากพูดอะไรแล้ว จึงตอบหัวหน้าฝ่ายไป [หัวหน้า ขอโทษนะครับ วันนี้ถือว่าเป็นปัญหาของผมก็แล้วกัน]

 

 

[ไม่เป็นไร เพราะการสื่อสารของพวกเราเหมือนกัน ที่จริงแล้วฉันก็รำคาญท่าทางแบบนั้นของหัวหน้าฝ่ายคนนั้นเหมือนกัน]

 

 

ชุยหังไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก เรื่องนี้เขาพูดไปชัดเจนแล้ว

 

 

ที่จริงควรจะใช้เวลานี้ไปซ้อมเต้น ตอนนี้ง่วงขึ้นมา ชุยหังรู้สึกเบื่อนิดหน่อย

 

 

คิดไปคิดมา เขาจึงส่งวีแชทไปหาหลูจื้อ [นายทำอะไรอยู่ ตอนนี้ยุ่งอยู่หรือเปล่า]

 

 

แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้กดส่งไป เพราะเสียงข้อความของหลูจื้อดังขึ้นมาก่อน

 

 

[อาทิตย์นี้ว่างหรือเปล่า หาเวลาให้ฉันหน่อย ฉันจะไปหานาย]

 

 

ชุยหังรีบลบข้อความที่พิมพ์ไป แล้วตอบเขาไปด้วยอารมณ์ที่แสนพิเศษ [ว่าง ต้องว่างอยู่แล้ว]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+