[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 198 ยื้อเวลา / 199 รู้ว่าฉันรักนาย

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 198 ยื้อเวลา / 199 รู้ว่าฉันรักนาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

​​​​​​​ ตอนที่ 198 ยื้อเวลา

 

 

ชุยหังยืนอยู่ในฮู่ปู้เซี่ยงที่คึกคักเพียงคนเดียว ข้างกายมีคนเดินผ่านเขาสวนไปสวนมาไม่ขาดสาย

 

 

ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจความหมายเพลงเพลงนั้นของหลิวรั่วอิง [1]

 

 

‘ท้องฟ้ายิ่งขึ้นสีครามเข้ม ยิ่งกลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพยนตร์ยิ่งสมบูรณ์ ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว’

 

 

ผู้คนมากมายขนาดนี้ ผ่านไปผ่านมา แต่กลับไม่ได้อยู่กับเขาแม้สักคน

 

 

บาร์บีคิวเนื้อในมือเย็นชืดลงอย่างช้าๆ ชุยหังค่อยๆ เดินไปข้างหน้า แล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะ

 

 

กลับหลังหันมองดูกลุ่มคนที่ทยอยเดินกันมา โดยเฉพาะคู่รักที่จูงมือกันเดินผ่านไปมาอยู่ตรงนั้น ชุยหังรู้สึกในใจบีบคั้นขึ้นมาระลอกหนึ่ง

 

 

ความรู้สึกแบบนั้นใช้ภาษาก็ไม่มีทางใดจะพูดออกมาได้

 

 

นั่งอยู่บนรถเมล์กลับมหาวิทยาลัย มองดูวิวทิวทัศน์ถนนสองข้างทาง แววตาชุยหังนั้นช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกิน

 

 

พลิกดูรูปถ่ายเมื่อก่อนที่หลูจื้อส่งมาให้ตัวเอง เห็นใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาถึงได้ฝืนยิ้มหัวเราะออกมา

 

 

แต่พอพลิกดูไปดูมา เขาถึงได้พบว่าคบกับหลูจื้อมาได้ช่วงเวลาหนึ่งแล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่มีภาพถ่ายคู่กันสักรูป

 

 

เขากำลังจิตใจหม่นหมอง สายโทรข้าวของหลูจื้อก็ดังขึ้นมา

 

 

ยังไม่ทันได้รอชุยหังพูดอะไร หลูจื้อก็เอ่ยถามขึ้นมา “นายยังอยู่ที่ฮู่ปู้เซี่ยงไหม”

 

 

“เปล่า ฉันอยู่บนรถเมล์ กลับมหา’ ลัยอยู่”

 

 

“โอเค นายรอฉันนะ ฉันจะไปหานายที่มหา’ ลัย ประตูหนึ่งนะ” หลูจื้อบอกไป

 

 

ชุยหังสับสนมึนงงในทันใด หลูจื้อทางนั้นได้วางสายไปแล้ว

 

 

เวลารวดเร็วขนาดนี้  หลูจื้อรีบตามกลับมาเลยเหรอ

 

 

ถ้ารู้แต่แรก ที่จริงตัวเองก็ไม่ต้องกลับมาได้

 

 

แต่ว่าถึงอย่างไรตัวเองก็กลับมาแล้ว อีกอย่างอีกเดี๋ยวหลูจื้อก็จะเข้ามา ตัวเองก็ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน

 

 

รถเมล์ไปๆ หยุดๆ ทำให้ชุยหังรู้สึกเหนื่อยใจไปหมด

 

 

สุดท้ายรถก็มาถึงที่ป้ายสักที ชุยหังเพิ่งจะลงจากรถ เขาก็รีบมุ่งหน้าวิ่งไปยังประตูหนึ่ง กลัวว่าจะทำให้หลูจื้อรอนานแล้ว

 

 

ผลปรากฏว่าเขาเพิ่งจะถึงประตูหนึ่ง สายโทรเข้าของหลูจื้อก็ดังขึ้นมาอีกแล้ว

 

 

“นายถึงหรือยัง”

 

 

“อืม ฉันเพิ่งถึง นายอยู่ที่ไหนแล้ว” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะรถติดมา เดี๋ยวจะถึงแล้ว นายรอฉันแป๊บนะ” หลูจื้อบอกไป

 

 

เสียงของเขาฟังแล้วดูต่ำดิ่งลงมาก คงจะเกิดอะไรขึ้น

 

 

ชุยหังพูดต่อ “โอเค งั้นนายถึงแล้วค่อยโทรหาฉันอีกแล้วกัน”

 

 

เพียงครู่เดียวหลูจื้อก็ถึงแล้ว ยังคงเป็นรถคันนั้น แต่ว่าดูท่าว่าสีหน้าอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

 

 

เมื่อชุยหังขึ้นมานั่งบนรถอีกครั้ง เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศในรถที่กดดันไม่เหมือนเดิม

 

 

“เป็นไรไป” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อคว้าตัวชุยหังมากอดซบอยู่ในอ้อมอก หลังจากนั้นแขนทั้งสองข้างก็เริ่มออกแรงโอบรัดแน่นขึ้น

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองจะหายใจไม่ออกแล้ว ทั้งยังไม่มีวิธีใดที่จะถามหลูจื้อได้ว่านี่ต้องการจะทำอะไรกัน

 

 

ผ่านไปนานสองนาน หลูจื้อถึงได้ปล่อยมือ แล้วจ้องมองชุยหัง

 

 

“นายทายดูว่าแม่ฉันให้ฉันกลับไปทำอะไร” เขาเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยเสียงเล็ก “คงจะให้นายนัดดูตัวสินะ”

 

 

หลูจื้อชะงักค้างทันที เหมือนจะคิดไม่ถึงว่าชุยหังจะทายได้ตรงจุด

 

 

“นายรู้ได้ยังไง ผู้กองซ่งของพวกเราบอกนายเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ก่อนหน้านี้เขาเผยเรื่องสถานการณ์ครอบครัวของนายกับฉันบางส่วน หลังจากนั้นฉันก็เดาเอง”

 

 

“อืม” หลูจื้อเพียงแค่พูดออกมาคำหนึ่ง

 

 

ชุยหังลองถามหยั่งเชิง “นายคิดจะทำยังไง”

 

 

ตอนนี้เขาไม่สามารถจะเอ่ยถึงคำพูดของหลูจื้อที่ให้คำมั่นสัญญากับเขาได้

 

 

มือถือก็วางอยู่ในมือ แม้แต่ความต้องการที่อยากจะได้ถ่ายรูปคู่ เขาก็รู้สึกสวนทางไปอยู่ในที

 

 

“ยื้อเวลา ฉันไม่อยากไปดูตัว” หลูจื้อเอ่ย

 

 

ชุยหังถอนหายใจ ก่อนจะพูดว่า “เรื่องนี้ยื้อเวลาได้เหรอ ไม่ช้าก็เร็วก็ยังต้องเผชิญหน้าอยู่ดี”

 

 

หลูจื้อเอ่ย “ถึงยังไงตอนนี้ก็ยังยื้อเวลาได้ ก็คิดหนทางอื่นได้อีก”

 

 

ชุยหังจนใจ สถานการณ์เช่นนี้ เขาให้ความเห็นอะไรหลูจื้อไม่ได้เลย

 

 

“อืม ฉันเข้าใจ” เขาทำได้เพียงพูดแบบนี้

 

 

หลูจื้อมองดูเขา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมากะทันหัน “ถ้าหมดหนทางจะยื้อเวลาได้แล้ว นายจะรอฉันได้ไหม”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 199 รู้ว่าฉันรักนาย

 

 

ชุยหังเงียบไม่พูดจาแล้ว ประโยคนี้เขาไร้หนทางจะรับปากได้จริงๆ

 

 

‘จะรอยังไง รอนานแค่ไหน’

 

 

ถ้าหลูจื้อกลับคืนสู่ครอบครัว แล้วยังอยากให้ตัวเองรอ  ถ้าอย่างนั้นตัวเองต้องรออะไรล่ะ

 

 

รอจนเขาจูงมือกับผู้หญิงคนนั้น รอจนพวกเขามีลูกเข้าเรียนได้แล้ว…

 

 

การรอคอยอย่างไม่รู้แบบนี้ หลูจื้อถามตัวเองมาตรงๆ  ว่ารับได้หรือเปล่า มันจะโหดร้ายเกินไปแล้วใช่ไหม

 

 

หรือว่าเขาเองจะไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่

 

 

‘ชีวิตของเขาคือชีวิต หรือว่าชีวิตของตัวเองไม่ใช่ชีวิตแล้ว?’

 

 

ในใจชุยหังกล้ำกลืนฝืนทน แต่ไม่มีทางจะแสดงออกมาได้

 

 

เขาส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้ฉันคิดก่อน สับสนพอควรเลย”

 

 

“มีอะไรสับสน ก็แค่ยอมรับหรือไม่ยอมรับ ยังจะมีคำตอบที่สามได้เหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังมองเขา แล้วเอ่ยถามไปตรงๆ “งั้นฉันถามนาย นานเท่าไหร่ กี่วัน กี่เดือน หรือว่ากี่ปี กี่สิบปี”

 

 

หลูจื้อตอบกลับไม่ออก อ้าปากขึ้นมาแล้วก็ปิดลงไปอีก

 

 

“นายเองก็ไม่รู้ว่าจะให้ฉันรอนานแค่ไหน แล้วมาถามฉันว่ารอได้ไหม นี่มันถือว่าอะไรล่ะ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น “ฉันเองก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ แล้ว”

 

 

“นายรู้อะไรได้” ชุยหังเอ่ยถามเสียงต่ำ

 

 

จู่ๆ หลูจื้อก็เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะมองชุยหัง แล้วเอ่ยเสียงดัง “รู้ว่าฉันรักนายโอเคแล้วไหม”

 

 

ชุยหังมึนงงแล้ว ประโยคนี้พลังทำลายล้างใหญ่เกินไป

 

 

เมื่อครู่นี้กว่าเขาจะสร้างสติกลับขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ได้พังทลายลงไปเพียงชั่วพริบตาแล้ว

 

 

เขากำลังพูดอะไรอยู่ ตัวเองฟังผิดไปแล้วใช่ไหม

 

 

‘เวลานี้ควรจะพูดอะไรที่อยู่ในความเป็นจริง ใช้การได้ และพอที่จะแก้ปัญหาได้สักหน่อยไม่ใช่หรือไง แบบนี้ถือว่าเป็นอะไรเหรอ’

 

 

ชุยหังไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองตอนที่ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขแรกของคำตอบพวกนี้ คิดไม่ถึงว่าจะโดนคำสามคำนี้ของหลูจื้อโจมตีจนพังทลายลงได้

 

 

ทั้งสองคนเงียบงันไม่พูดจา ได้ยินเสียงหายใจของกันและกันได้เลย

 

 

หลังจากนั้นหยดน้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลตามพวงแก้มของชุยหังหล่นลงบนหลังมือของเขา

 

 

ชุยหังตะลึงงัน  หรือว่าตัวเองจะร้องไห้แล้ว?

 

 

เขาก้มหน้าลง หยดน้ำตาอีกมากมายหลั่งรินลงมาอย่างช้าๆ พรั่งพรูเพียงชั่วพริบตาเดียว

 

 

หลูจื้อไปไม่เป็นแล้ว  นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เห็นชุยหังร้องไห้แบบนี้มั้ง

 

 

เขายื่นมือออกไป ลูบหลังชุยหังเบาๆ

 

 

ในใจชุยหังยังกำลังคิดว่า ‘ฉันไม่ได้จะอาเจียน นายลูบหลังฉันไปเพื่ออะไร’

 

 

แต่ว่าความอบอุ่นที่ฝ่ามือของเขายังสื่อนำส่งเข้ามาอย่างไม่ติดขัด

 

 

ชุยหังกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้น้ำตาไหลอีกต่อไป

 

 

“ฉันจะยื้อเวลาต่อไปอีก นายวางใจได้ ถ้าเหมือนกับที่ฉันเพิ่งจะพูดไปจริงๆ ยื้อเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว นายให้เวลาฉันหนึ่งปี แค่หนึ่งปี ได้ไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเงยหน้าขึ้นมา พร้อมพูดว่า “นายคิดว่าแบบนี้โอเคเหรอ”

 

 

“ไม่งั้นจะทำยังไง ฉันแม่งติดนายแล้ว ฉันจะมีวิธีอะไร”

 

 

“โทษฉันเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยบอก “โทษนาย แล้วก็โทษฉันเองด้วย เป็นฉันเองที่ควบคุมไม่อยู่ ฉันเคยพูดแล้วว่าจะรับผิดชอบนาย ก็ต้องรับผิดชอบนายให้ได้”

 

 

“เวลาหนึ่งปี นายคิดจะทำอะไร” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อพูดต่อ “แต่งงาน หลังจากนั้นก็หย่า”

 

 

ชุยหังตะลึงงัน นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะว่าพวกเขาคบกัน แล้วเวลาหนึ่งปี ต้องให้ผู้หญิงคนอื่นมาขึ้นชื่อเป็นหญิงม่าย

 

 

ถึงแม้ว่าสังคมนี้ จะไม่ได้แบนหญิงม่ายมากขนาดนั้น แต่ว่าทำไมต้องวางแผนอย่างนี้ด้วย

 

 

“แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับคนเขาหรือเปล่า” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น “แล้วฉันมีวิธีอะไรล่ะ หรือว่าจะให้ฉันแยกจากนายไปตลอดเหรอ”

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ฉันไม่รู้…”

 

 

ครั้งนี้ถึงทีที่เขาไม่รู้บ้างแล้ว

 

 

“งั้นนายรู้อะไร”

 

 

“รู้ว่าฉันรักนาย”

 

 

 

 

——

 

 

[1]  หลิวรั่วอิง  (Rene Liu) ดารานักร้องชาวไต้หวัน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 198 ยื้อเวลา / 199 รู้ว่าฉันรักนาย

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 198 ยื้อเวลา / 199 รู้ว่าฉันรักนาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

​​​​​​​ ตอนที่ 198 ยื้อเวลา

 

 

ชุยหังยืนอยู่ในฮู่ปู้เซี่ยงที่คึกคักเพียงคนเดียว ข้างกายมีคนเดินผ่านเขาสวนไปสวนมาไม่ขาดสาย

 

 

ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจความหมายเพลงเพลงนั้นของหลิวรั่วอิง [1]

 

 

‘ท้องฟ้ายิ่งขึ้นสีครามเข้ม ยิ่งกลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพยนตร์ยิ่งสมบูรณ์ ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว’

 

 

ผู้คนมากมายขนาดนี้ ผ่านไปผ่านมา แต่กลับไม่ได้อยู่กับเขาแม้สักคน

 

 

บาร์บีคิวเนื้อในมือเย็นชืดลงอย่างช้าๆ ชุยหังค่อยๆ เดินไปข้างหน้า แล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะ

 

 

กลับหลังหันมองดูกลุ่มคนที่ทยอยเดินกันมา โดยเฉพาะคู่รักที่จูงมือกันเดินผ่านไปมาอยู่ตรงนั้น ชุยหังรู้สึกในใจบีบคั้นขึ้นมาระลอกหนึ่ง

 

 

ความรู้สึกแบบนั้นใช้ภาษาก็ไม่มีทางใดจะพูดออกมาได้

 

 

นั่งอยู่บนรถเมล์กลับมหาวิทยาลัย มองดูวิวทิวทัศน์ถนนสองข้างทาง แววตาชุยหังนั้นช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกิน

 

 

พลิกดูรูปถ่ายเมื่อก่อนที่หลูจื้อส่งมาให้ตัวเอง เห็นใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาถึงได้ฝืนยิ้มหัวเราะออกมา

 

 

แต่พอพลิกดูไปดูมา เขาถึงได้พบว่าคบกับหลูจื้อมาได้ช่วงเวลาหนึ่งแล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่มีภาพถ่ายคู่กันสักรูป

 

 

เขากำลังจิตใจหม่นหมอง สายโทรข้าวของหลูจื้อก็ดังขึ้นมา

 

 

ยังไม่ทันได้รอชุยหังพูดอะไร หลูจื้อก็เอ่ยถามขึ้นมา “นายยังอยู่ที่ฮู่ปู้เซี่ยงไหม”

 

 

“เปล่า ฉันอยู่บนรถเมล์ กลับมหา’ ลัยอยู่”

 

 

“โอเค นายรอฉันนะ ฉันจะไปหานายที่มหา’ ลัย ประตูหนึ่งนะ” หลูจื้อบอกไป

 

 

ชุยหังสับสนมึนงงในทันใด หลูจื้อทางนั้นได้วางสายไปแล้ว

 

 

เวลารวดเร็วขนาดนี้  หลูจื้อรีบตามกลับมาเลยเหรอ

 

 

ถ้ารู้แต่แรก ที่จริงตัวเองก็ไม่ต้องกลับมาได้

 

 

แต่ว่าถึงอย่างไรตัวเองก็กลับมาแล้ว อีกอย่างอีกเดี๋ยวหลูจื้อก็จะเข้ามา ตัวเองก็ปล่อยเลยตามเลยก็แล้วกัน

 

 

รถเมล์ไปๆ หยุดๆ ทำให้ชุยหังรู้สึกเหนื่อยใจไปหมด

 

 

สุดท้ายรถก็มาถึงที่ป้ายสักที ชุยหังเพิ่งจะลงจากรถ เขาก็รีบมุ่งหน้าวิ่งไปยังประตูหนึ่ง กลัวว่าจะทำให้หลูจื้อรอนานแล้ว

 

 

ผลปรากฏว่าเขาเพิ่งจะถึงประตูหนึ่ง สายโทรเข้าของหลูจื้อก็ดังขึ้นมาอีกแล้ว

 

 

“นายถึงหรือยัง”

 

 

“อืม ฉันเพิ่งถึง นายอยู่ที่ไหนแล้ว” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะรถติดมา เดี๋ยวจะถึงแล้ว นายรอฉันแป๊บนะ” หลูจื้อบอกไป

 

 

เสียงของเขาฟังแล้วดูต่ำดิ่งลงมาก คงจะเกิดอะไรขึ้น

 

 

ชุยหังพูดต่อ “โอเค งั้นนายถึงแล้วค่อยโทรหาฉันอีกแล้วกัน”

 

 

เพียงครู่เดียวหลูจื้อก็ถึงแล้ว ยังคงเป็นรถคันนั้น แต่ว่าดูท่าว่าสีหน้าอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

 

 

เมื่อชุยหังขึ้นมานั่งบนรถอีกครั้ง เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศในรถที่กดดันไม่เหมือนเดิม

 

 

“เป็นไรไป” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อคว้าตัวชุยหังมากอดซบอยู่ในอ้อมอก หลังจากนั้นแขนทั้งสองข้างก็เริ่มออกแรงโอบรัดแน่นขึ้น

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองจะหายใจไม่ออกแล้ว ทั้งยังไม่มีวิธีใดที่จะถามหลูจื้อได้ว่านี่ต้องการจะทำอะไรกัน

 

 

ผ่านไปนานสองนาน หลูจื้อถึงได้ปล่อยมือ แล้วจ้องมองชุยหัง

 

 

“นายทายดูว่าแม่ฉันให้ฉันกลับไปทำอะไร” เขาเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยเสียงเล็ก “คงจะให้นายนัดดูตัวสินะ”

 

 

หลูจื้อชะงักค้างทันที เหมือนจะคิดไม่ถึงว่าชุยหังจะทายได้ตรงจุด

 

 

“นายรู้ได้ยังไง ผู้กองซ่งของพวกเราบอกนายเหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ก่อนหน้านี้เขาเผยเรื่องสถานการณ์ครอบครัวของนายกับฉันบางส่วน หลังจากนั้นฉันก็เดาเอง”

 

 

“อืม” หลูจื้อเพียงแค่พูดออกมาคำหนึ่ง

 

 

ชุยหังลองถามหยั่งเชิง “นายคิดจะทำยังไง”

 

 

ตอนนี้เขาไม่สามารถจะเอ่ยถึงคำพูดของหลูจื้อที่ให้คำมั่นสัญญากับเขาได้

 

 

มือถือก็วางอยู่ในมือ แม้แต่ความต้องการที่อยากจะได้ถ่ายรูปคู่ เขาก็รู้สึกสวนทางไปอยู่ในที

 

 

“ยื้อเวลา ฉันไม่อยากไปดูตัว” หลูจื้อเอ่ย

 

 

ชุยหังถอนหายใจ ก่อนจะพูดว่า “เรื่องนี้ยื้อเวลาได้เหรอ ไม่ช้าก็เร็วก็ยังต้องเผชิญหน้าอยู่ดี”

 

 

หลูจื้อเอ่ย “ถึงยังไงตอนนี้ก็ยังยื้อเวลาได้ ก็คิดหนทางอื่นได้อีก”

 

 

ชุยหังจนใจ สถานการณ์เช่นนี้ เขาให้ความเห็นอะไรหลูจื้อไม่ได้เลย

 

 

“อืม ฉันเข้าใจ” เขาทำได้เพียงพูดแบบนี้

 

 

หลูจื้อมองดูเขา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมากะทันหัน “ถ้าหมดหนทางจะยื้อเวลาได้แล้ว นายจะรอฉันได้ไหม”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 199 รู้ว่าฉันรักนาย

 

 

ชุยหังเงียบไม่พูดจาแล้ว ประโยคนี้เขาไร้หนทางจะรับปากได้จริงๆ

 

 

‘จะรอยังไง รอนานแค่ไหน’

 

 

ถ้าหลูจื้อกลับคืนสู่ครอบครัว แล้วยังอยากให้ตัวเองรอ  ถ้าอย่างนั้นตัวเองต้องรออะไรล่ะ

 

 

รอจนเขาจูงมือกับผู้หญิงคนนั้น รอจนพวกเขามีลูกเข้าเรียนได้แล้ว…

 

 

การรอคอยอย่างไม่รู้แบบนี้ หลูจื้อถามตัวเองมาตรงๆ  ว่ารับได้หรือเปล่า มันจะโหดร้ายเกินไปแล้วใช่ไหม

 

 

หรือว่าเขาเองจะไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่

 

 

‘ชีวิตของเขาคือชีวิต หรือว่าชีวิตของตัวเองไม่ใช่ชีวิตแล้ว?’

 

 

ในใจชุยหังกล้ำกลืนฝืนทน แต่ไม่มีทางจะแสดงออกมาได้

 

 

เขาส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้ฉันคิดก่อน สับสนพอควรเลย”

 

 

“มีอะไรสับสน ก็แค่ยอมรับหรือไม่ยอมรับ ยังจะมีคำตอบที่สามได้เหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังมองเขา แล้วเอ่ยถามไปตรงๆ “งั้นฉันถามนาย นานเท่าไหร่ กี่วัน กี่เดือน หรือว่ากี่ปี กี่สิบปี”

 

 

หลูจื้อตอบกลับไม่ออก อ้าปากขึ้นมาแล้วก็ปิดลงไปอีก

 

 

“นายเองก็ไม่รู้ว่าจะให้ฉันรอนานแค่ไหน แล้วมาถามฉันว่ารอได้ไหม นี่มันถือว่าอะไรล่ะ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น “ฉันเองก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ แล้ว”

 

 

“นายรู้อะไรได้” ชุยหังเอ่ยถามเสียงต่ำ

 

 

จู่ๆ หลูจื้อก็เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะมองชุยหัง แล้วเอ่ยเสียงดัง “รู้ว่าฉันรักนายโอเคแล้วไหม”

 

 

ชุยหังมึนงงแล้ว ประโยคนี้พลังทำลายล้างใหญ่เกินไป

 

 

เมื่อครู่นี้กว่าเขาจะสร้างสติกลับขึ้นมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ได้พังทลายลงไปเพียงชั่วพริบตาแล้ว

 

 

เขากำลังพูดอะไรอยู่ ตัวเองฟังผิดไปแล้วใช่ไหม

 

 

‘เวลานี้ควรจะพูดอะไรที่อยู่ในความเป็นจริง ใช้การได้ และพอที่จะแก้ปัญหาได้สักหน่อยไม่ใช่หรือไง แบบนี้ถือว่าเป็นอะไรเหรอ’

 

 

ชุยหังไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองตอนที่ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขแรกของคำตอบพวกนี้ คิดไม่ถึงว่าจะโดนคำสามคำนี้ของหลูจื้อโจมตีจนพังทลายลงได้

 

 

ทั้งสองคนเงียบงันไม่พูดจา ได้ยินเสียงหายใจของกันและกันได้เลย

 

 

หลังจากนั้นหยดน้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลตามพวงแก้มของชุยหังหล่นลงบนหลังมือของเขา

 

 

ชุยหังตะลึงงัน  หรือว่าตัวเองจะร้องไห้แล้ว?

 

 

เขาก้มหน้าลง หยดน้ำตาอีกมากมายหลั่งรินลงมาอย่างช้าๆ พรั่งพรูเพียงชั่วพริบตาเดียว

 

 

หลูจื้อไปไม่เป็นแล้ว  นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เห็นชุยหังร้องไห้แบบนี้มั้ง

 

 

เขายื่นมือออกไป ลูบหลังชุยหังเบาๆ

 

 

ในใจชุยหังยังกำลังคิดว่า ‘ฉันไม่ได้จะอาเจียน นายลูบหลังฉันไปเพื่ออะไร’

 

 

แต่ว่าความอบอุ่นที่ฝ่ามือของเขายังสื่อนำส่งเข้ามาอย่างไม่ติดขัด

 

 

ชุยหังกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้น้ำตาไหลอีกต่อไป

 

 

“ฉันจะยื้อเวลาต่อไปอีก นายวางใจได้ ถ้าเหมือนกับที่ฉันเพิ่งจะพูดไปจริงๆ ยื้อเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว นายให้เวลาฉันหนึ่งปี แค่หนึ่งปี ได้ไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเงยหน้าขึ้นมา พร้อมพูดว่า “นายคิดว่าแบบนี้โอเคเหรอ”

 

 

“ไม่งั้นจะทำยังไง ฉันแม่งติดนายแล้ว ฉันจะมีวิธีอะไร”

 

 

“โทษฉันเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยบอก “โทษนาย แล้วก็โทษฉันเองด้วย เป็นฉันเองที่ควบคุมไม่อยู่ ฉันเคยพูดแล้วว่าจะรับผิดชอบนาย ก็ต้องรับผิดชอบนายให้ได้”

 

 

“เวลาหนึ่งปี นายคิดจะทำอะไร” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อพูดต่อ “แต่งงาน หลังจากนั้นก็หย่า”

 

 

ชุยหังตะลึงงัน นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะว่าพวกเขาคบกัน แล้วเวลาหนึ่งปี ต้องให้ผู้หญิงคนอื่นมาขึ้นชื่อเป็นหญิงม่าย

 

 

ถึงแม้ว่าสังคมนี้ จะไม่ได้แบนหญิงม่ายมากขนาดนั้น แต่ว่าทำไมต้องวางแผนอย่างนี้ด้วย

 

 

“แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับคนเขาหรือเปล่า” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น “แล้วฉันมีวิธีอะไรล่ะ หรือว่าจะให้ฉันแยกจากนายไปตลอดเหรอ”

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ฉันไม่รู้…”

 

 

ครั้งนี้ถึงทีที่เขาไม่รู้บ้างแล้ว

 

 

“งั้นนายรู้อะไร”

 

 

“รู้ว่าฉันรักนาย”

 

 

 

 

——

 

 

[1]  หลิวรั่วอิง  (Rene Liu) ดารานักร้องชาวไต้หวัน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+