[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 214 น้ำตาไหลลงแป้นพิมพ์ / 215 คิดถึงบ้าน

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 214 น้ำตาไหลลงแป้นพิมพ์ / 215 คิดถึงบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 214 น้ำตาไหลลงแป้นพิมพ์

 

 

ร้านอินเทอร์เน็ตก็เงียบเหงาเช่นกัน ยังดีที่มีเครื่องปรับอากาศ อย่างน้อยก็ไม่หนาวเหมือนในห้องพัก

 

 

ชุยหังจะอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน เขานั่งอยู่น้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เปิดเวยปั๋วของเขาขึ้นมา

 

 

มองดูรูปถ่ายที่ถ่ายด้วยกันของเขากับหลูจื้อในอัลบั้มส่วนตัวแล้วเกิดความคิดมากมายขึ้นในใจหลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

 

ในที่สุดหลูจื้อก็โทรมาหาเขา

 

 

“เมียจ๋า กำลังทำอะไรอยู่” เสียงของหลูจื้อต่ำลงเล็กน้อย

 

 

เหมือนว่าจะพูดไม่ค่อยสะดวก

 

 

เมื่อเป็นแบบนี้เขายังหาเวลาโทรมาหาตัวเองได้ รู้ว่าเป็นแบบนี้ก็ทำให้ชุยหังดีใจแล้ว

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้นั่งอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต”

 

 

“ทำไมไปร้านอินเทอร์เน็ตล่ะ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ในห้องพักไม่มีใครอยู่เลย แล้วก็หนาวด้วย แต่ในร้านอินเทอร์เน็ตยังมีคนบ้าง แถมยังมีเครื่องปรับอากาศด้วย”

 

 

หลูจื้อเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยบอก “เมียจ๋า ขอบคุณนะ…ลำบากนายแล้วล่ะ”

 

 

“ไม่เป็นไร ยินดีให้บริการเพื่อหลูจื้อ” ชุยหังพูดไป

 

 

“ฉันคิดถึงนายแล้วนะ เมื่อไหร่เราจะได้ฉลองตรุษจีนด้วยกัน ฉันอยากกอดนายดูดอกไม้ไฟ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังถูกเขาเติมเต็มความหวังให้แล้วจึงพูดต่อ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รอไปเรื่อยๆ แล้วกัน”

 

 

“อืม ถ้านายยอมรอก็ดี ถึงยังไงฉันก็จะสู้ให้ได้” หลูจื้อพูดขึ้น

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ถ้าฉันไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันให้นายกินหมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือแล้ว”

 

 

“นายรู้ก็ดีแล้ว บ้านฉันกำลังจะกินมื้อค่ำแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” หลูจื้อบอกไป

 

 

ชุยหังไม่ได้เอ่ยถามว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วยหรือเปล่า

 

 

สุดท้ายแล้วคำถามนี้จะทำให้หลูจื้ออึดอัด

 

 

หลังจากวางสาย ชุยหังมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเหม่อลอย

 

 

จากนั้นเขาก็คลิกดูรูปภาพในอัลบั้มของเวยปั๋วซึ่งเหมือนกับสไลด์โชว์ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขาทีละรูปทีละรูป

 

 

ชุยหังอยู่ที่นี่กินมื้อค่ำค่อนข้างเร็ว เขารู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงโทรหาครอบครัว

 

 

“พ่อแม่ เตรียมกินข้าวแล้วหรือยัง” ชุยหังเอ่ย

 

 

“ใกล้ครบหมดแล้ว ขาดแค่ลูกคนเดียว” แม่ของเขาพูดอย่างเศร้าๆ

 

 

ชุยหังหลั่งน้ำตาออกมาทันที เขาไม่อยากให้คนในสายได้ยินเสียงแล้วรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้

 

 

ดังนั้นเขาจึงอดทนต่อสิ่งกระตุ้นนั้น แล้วพูดกับแม่ของเขาว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เพราะว่าผมทำงานพิเศษเหรอ คิดว่าเป็นการออกกำลังก็แล้วกัน”

 

 

“แล้วลูกกินข้าวหรือยัง ชินกับอาหารที่นั่นแล้วหรือยัง ตรุษจีนแล้วใส่ใจตัวเองหน่อย ใช้เงินบ้าง กินอาหารดีๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองผอมลง” แม่พูดประโยคหนึ่งจบก็ตามด้วยประโยคถัดไปอีก

 

 

ชุยหังรู้สึกกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว จึงรีบดึงมือถือออกห่างแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง จากนั้นก็พูดต่อ “เข้าใจแล้ว มหา’ ลัยพาพวกเราไปกินข้าวมาด้วยนะ ดีมากๆ เลย”

 

 

“งั้นก็ดีแล้ว กลัวว่าลูกจะไม่ได้กินอาหารดีๆ ลูกคุยกับพ่อสักหน่อยสิ”

 

 

“ฮัลโหล ลูกอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง ยังมีเงินพอใช่ไหม” พ่อแทบรอไม่ไหวที่จะรับมือถือมาจึงพูดกับชุยหังทันที

 

 

นี่เป็นวิธีการพูดปกติของเขาและชุยหังก็ชินแล้ว

 

 

“ยังพอใช้ครับ โรงเรียนให้อั่งเปามาสองร้อยหยวน แล้วก็ยังให้ของที่ใช้ในวันตรุษจีนมาด้วยนะ” ชุยหังเอ่ยบอก

 

 

“ดีจังเลย แล้วหลังตรุษจีนลูกยังกลับบ้านไม่ได้ใช่ไหม” พ่อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ครับ กลับไม่ได้แล้ว หลังตรุษจีนก็เปิดเทอมเลย ผมค่อยกลับไปตอนปิดเทอมฤดูร้อน”

 

 

“โอ้ เกินครึ่งปีเลยนะ โอเค…ไม่มีอะไรแล้วเนาะ โทรทางไกลค่อนข้างแพง แค่นี้นะลูก” พ่อพูดขึ้น

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ จากนั้นจึงวางสายไป

 

 

เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของเขาที่บ้าน นึกถึงหลูจื้อที่กลับไปรวมตัวกับครอบครัว ชุยหังก็ไม่สามารถควบคุมน้ำตาของเขาได้อีกต่อไป จึงปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมากระทบกับแป้นพิมพ์

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 215 คิดถึงบ้าน

 

 

ข้างนอกมีเสียงประทัดและดอกไม้ไฟดังก้องอยู่ในหูของหลูจื้อ ความรู้สึกที่ระเบิดออกมานั้น คือความรู้สึกที่คิดถึงบ้านอย่างรุนแรง

 

 

กลิ่นเกี๊ยวลอยอยู่ในอากาศ พนักงานในร้านกำลังต้มเกี๊ยวอยู่ แม้ว่าไม่ได้กลับบ้าน แต่ก็ต้องกินเกี๊ยว

 

 

เขาดมกลิ่นรสชาตินั้นและฟังเสียงประทัดที่อยู่ด้านนอก จากนั้นก็มองภาพถ่ายของตัวเองกับหลูจื้อบนจอคอมพิวเตอร์ทีละรูป ชุยหังไม่ได้ขยับไปไหนอยู่นานเพียงแค่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น

 

 

เขาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกและควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป

 

 

เมื่ออารมณ์มาถึงจุดนี้แล้วจึงต้องระบายออกมา

 

 

ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นบ้าแน่

 

 

เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดนี้ได้

 

 

เพียงแค่น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุดแบบนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ควบคุมได้หรือไม่ได้แล้ว

 

 

คนในร้านปิดเครื่องแล้วจ่ายเงินกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง

 

 

เดิมทีร้านอินเทอร์เน็ตก็เงียบเหงาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เหลือเพียงหลูจื้อและพนักงานในร้านเพียงไม่กี่คน

 

 

บรรยากาศแบบนี้ยิ่งทำให้ชุยหังรู้สึกหดหู่มากกว่าเดิม

 

 

คนอื่นมีบ้านให้กลับ แต่ตัวเขามีบ้านแต่กลับไปไม่ได้ ทำได้เพียงนึกถึงตอนที่ครอบครัวกำลังกินข้าวพร้อมหน้ากันแล้วก็นึกถึงตัวเองที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น

 

 

ไม่รู้ว่าปีนี้จะมีเหรียญอยู่ในเกี๊ยวที่พ่อกับแม่ห่อไหม

 

 

ทุกปี…เหรียญอันนั้นจะถูกเขาหาเจอตลอด

 

 

เขาก็ไม่ชอบอาหารที่พ่อแม่ทำในวันส่งท้ายปีเก่า แม่ของเขาทำกับข้าวใส่เกลือมากเกินไป และพ่อทำอาหารก็ใช้ไฟอ่อนเกินไป

 

 

แต่วันนี้เขากลับอยากกินมันเป็นพิเศษ…อาหารที่ไม่อร่อยของพ่อกับแม่ที่เตรียมไว้ในวันส่งท้ายปีเก่า…แล้วเขาก็ไม่ชอบมันอีกครั้งอยู่ต่อหน้าพวกเขา

 

 

ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเตรียมตะเกียบกับถ้วยไว้ให้หรือเปล่า ทำเหมือนตัวเขากลับไปที่นั่นแล้วกินอาหารส่งท้ายปีเก่าร่วมกัน จากนั้นก็จุดประทัดกันราวกับว่าตัวเขาอยู่กับพวกเขาด้วย

 

 

ชุยหังไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไร

 

 

น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดทำให้ชุยหังมองเห็นหน้าจอไม่ชัด เหมือนกับว่ากำลังดูภาพที่ถ่ายด้วยกันของเขากับหลูจื้อผ่านม่านน้ำ

 

 

ความรู้สึกของทั้งสองคนกลายเป็นเรื่องไม่จริงแล้วเหมือนกับความฝัน มองเห็นเพียงภาพรางๆ เท่านั้น

 

 

‘ร้องไห้อยู่อย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร’

 

 

เขาอดทนกับความเจ็บใจในใจจากนั้นก็เช็ดน้ำตา

 

 

ตาของเขาบวมและแดงเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าตัวจะหลั่งน้ำตาออกมาได้

 

 

ขณะที่เขากำลังใช้กระดาษทิชชูซับน้ำตา เมื่อมองไปที่พนักงานในร้าน ก็เห็นว่าพวกเขายืนรวมกลุ่มกันไม่ไกลเหมือนกับว่ากำลังมองมาที่เขา จากนั้นก็คุยกันเสียงเบา

 

 

บางทีในสายตาของพวกเขาตอนนี้ เขาก็เหมือนคนโง่คนหนึ่ง

 

 

เขาไม่ได้กลับบ้านในวันตรุษจีน และยังไปร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อร้องไห้อยู่หน้าจอคอมฯ อีก

 

 

‘พวกเขาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก เพราะพวกเขาไม่ใช่ฉัน’

 

 

เมื่อคิดได้ จึงขอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถ้วย

 

 

ไม่นานหลังจากที่พนักงานทำเสร็จก็ยกมาให้พร้อมกับสายตาที่ดูเหมือนกำลังค้นหาอะไรอยู่

 

 

“ขอบคุณครับ” ชุยหังไม่ได้สบตากับพนักงาน และไม่อยากให้เขาเห็นหน้าด้วย

 

 

จากนั้นจึงหยิบส้อมขึ้นมาและยกฝาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา

 

 

หลังจากที่บะหมี่ที่กำลังกรุ่นๆ เข้าไปอยู่ในกระเพาะของเขาแล้ว ทำให้เขาที่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้ ค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลายลงทีละนิด ทีละนิด

 

 

น้ำตาของเขาร่วงลงน้ำซุปอีกครั้งได้อย่างไรกัน

 

 

ชุยหังปลอบใจตัวเองและหลอกตัวเองว่าต้องเป็นเพราะควันร้อนที่ทำให้เขาไม่สบายตา

 

 

เขาหลอกตัวเองว่าสิ่งที่เขากินนั้นไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่เป็นอาหารที่เค็มและใช้ไฟอ่อนไปของพ่อกับแม่ ซึ่งความจริงแล้วเป็นอาหารที่รสชาติอยู่ในความทรงจำของเขามากที่สุด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 214 น้ำตาไหลลงแป้นพิมพ์ / 215 คิดถึงบ้าน

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 214 น้ำตาไหลลงแป้นพิมพ์ / 215 คิดถึงบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 214 น้ำตาไหลลงแป้นพิมพ์

 

 

ร้านอินเทอร์เน็ตก็เงียบเหงาเช่นกัน ยังดีที่มีเครื่องปรับอากาศ อย่างน้อยก็ไม่หนาวเหมือนในห้องพัก

 

 

ชุยหังจะอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน เขานั่งอยู่น้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เปิดเวยปั๋วของเขาขึ้นมา

 

 

มองดูรูปถ่ายที่ถ่ายด้วยกันของเขากับหลูจื้อในอัลบั้มส่วนตัวแล้วเกิดความคิดมากมายขึ้นในใจหลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

 

ในที่สุดหลูจื้อก็โทรมาหาเขา

 

 

“เมียจ๋า กำลังทำอะไรอยู่” เสียงของหลูจื้อต่ำลงเล็กน้อย

 

 

เหมือนว่าจะพูดไม่ค่อยสะดวก

 

 

เมื่อเป็นแบบนี้เขายังหาเวลาโทรมาหาตัวเองได้ รู้ว่าเป็นแบบนี้ก็ทำให้ชุยหังดีใจแล้ว

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้นั่งอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต”

 

 

“ทำไมไปร้านอินเทอร์เน็ตล่ะ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ในห้องพักไม่มีใครอยู่เลย แล้วก็หนาวด้วย แต่ในร้านอินเทอร์เน็ตยังมีคนบ้าง แถมยังมีเครื่องปรับอากาศด้วย”

 

 

หลูจื้อเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยบอก “เมียจ๋า ขอบคุณนะ…ลำบากนายแล้วล่ะ”

 

 

“ไม่เป็นไร ยินดีให้บริการเพื่อหลูจื้อ” ชุยหังพูดไป

 

 

“ฉันคิดถึงนายแล้วนะ เมื่อไหร่เราจะได้ฉลองตรุษจีนด้วยกัน ฉันอยากกอดนายดูดอกไม้ไฟ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังถูกเขาเติมเต็มความหวังให้แล้วจึงพูดต่อ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รอไปเรื่อยๆ แล้วกัน”

 

 

“อืม ถ้านายยอมรอก็ดี ถึงยังไงฉันก็จะสู้ให้ได้” หลูจื้อพูดขึ้น

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ถ้าฉันไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันให้นายกินหมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือแล้ว”

 

 

“นายรู้ก็ดีแล้ว บ้านฉันกำลังจะกินมื้อค่ำแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” หลูจื้อบอกไป

 

 

ชุยหังไม่ได้เอ่ยถามว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วยหรือเปล่า

 

 

สุดท้ายแล้วคำถามนี้จะทำให้หลูจื้ออึดอัด

 

 

หลังจากวางสาย ชุยหังมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเหม่อลอย

 

 

จากนั้นเขาก็คลิกดูรูปภาพในอัลบั้มของเวยปั๋วซึ่งเหมือนกับสไลด์โชว์ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขาทีละรูปทีละรูป

 

 

ชุยหังอยู่ที่นี่กินมื้อค่ำค่อนข้างเร็ว เขารู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาจึงโทรหาครอบครัว

 

 

“พ่อแม่ เตรียมกินข้าวแล้วหรือยัง” ชุยหังเอ่ย

 

 

“ใกล้ครบหมดแล้ว ขาดแค่ลูกคนเดียว” แม่ของเขาพูดอย่างเศร้าๆ

 

 

ชุยหังหลั่งน้ำตาออกมาทันที เขาไม่อยากให้คนในสายได้ยินเสียงแล้วรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้

 

 

ดังนั้นเขาจึงอดทนต่อสิ่งกระตุ้นนั้น แล้วพูดกับแม่ของเขาว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เพราะว่าผมทำงานพิเศษเหรอ คิดว่าเป็นการออกกำลังก็แล้วกัน”

 

 

“แล้วลูกกินข้าวหรือยัง ชินกับอาหารที่นั่นแล้วหรือยัง ตรุษจีนแล้วใส่ใจตัวเองหน่อย ใช้เงินบ้าง กินอาหารดีๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองผอมลง” แม่พูดประโยคหนึ่งจบก็ตามด้วยประโยคถัดไปอีก

 

 

ชุยหังรู้สึกกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว จึงรีบดึงมือถือออกห่างแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง จากนั้นก็พูดต่อ “เข้าใจแล้ว มหา’ ลัยพาพวกเราไปกินข้าวมาด้วยนะ ดีมากๆ เลย”

 

 

“งั้นก็ดีแล้ว กลัวว่าลูกจะไม่ได้กินอาหารดีๆ ลูกคุยกับพ่อสักหน่อยสิ”

 

 

“ฮัลโหล ลูกอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง ยังมีเงินพอใช่ไหม” พ่อแทบรอไม่ไหวที่จะรับมือถือมาจึงพูดกับชุยหังทันที

 

 

นี่เป็นวิธีการพูดปกติของเขาและชุยหังก็ชินแล้ว

 

 

“ยังพอใช้ครับ โรงเรียนให้อั่งเปามาสองร้อยหยวน แล้วก็ยังให้ของที่ใช้ในวันตรุษจีนมาด้วยนะ” ชุยหังเอ่ยบอก

 

 

“ดีจังเลย แล้วหลังตรุษจีนลูกยังกลับบ้านไม่ได้ใช่ไหม” พ่อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ครับ กลับไม่ได้แล้ว หลังตรุษจีนก็เปิดเทอมเลย ผมค่อยกลับไปตอนปิดเทอมฤดูร้อน”

 

 

“โอ้ เกินครึ่งปีเลยนะ โอเค…ไม่มีอะไรแล้วเนาะ โทรทางไกลค่อนข้างแพง แค่นี้นะลูก” พ่อพูดขึ้น

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ จากนั้นจึงวางสายไป

 

 

เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของเขาที่บ้าน นึกถึงหลูจื้อที่กลับไปรวมตัวกับครอบครัว ชุยหังก็ไม่สามารถควบคุมน้ำตาของเขาได้อีกต่อไป จึงปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมากระทบกับแป้นพิมพ์

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 215 คิดถึงบ้าน

 

 

ข้างนอกมีเสียงประทัดและดอกไม้ไฟดังก้องอยู่ในหูของหลูจื้อ ความรู้สึกที่ระเบิดออกมานั้น คือความรู้สึกที่คิดถึงบ้านอย่างรุนแรง

 

 

กลิ่นเกี๊ยวลอยอยู่ในอากาศ พนักงานในร้านกำลังต้มเกี๊ยวอยู่ แม้ว่าไม่ได้กลับบ้าน แต่ก็ต้องกินเกี๊ยว

 

 

เขาดมกลิ่นรสชาตินั้นและฟังเสียงประทัดที่อยู่ด้านนอก จากนั้นก็มองภาพถ่ายของตัวเองกับหลูจื้อบนจอคอมพิวเตอร์ทีละรูป ชุยหังไม่ได้ขยับไปไหนอยู่นานเพียงแค่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น

 

 

เขาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกและควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป

 

 

เมื่ออารมณ์มาถึงจุดนี้แล้วจึงต้องระบายออกมา

 

 

ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นบ้าแน่

 

 

เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดนี้ได้

 

 

เพียงแค่น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุดแบบนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ควบคุมได้หรือไม่ได้แล้ว

 

 

คนในร้านปิดเครื่องแล้วจ่ายเงินกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง

 

 

เดิมทีร้านอินเทอร์เน็ตก็เงียบเหงาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เหลือเพียงหลูจื้อและพนักงานในร้านเพียงไม่กี่คน

 

 

บรรยากาศแบบนี้ยิ่งทำให้ชุยหังรู้สึกหดหู่มากกว่าเดิม

 

 

คนอื่นมีบ้านให้กลับ แต่ตัวเขามีบ้านแต่กลับไปไม่ได้ ทำได้เพียงนึกถึงตอนที่ครอบครัวกำลังกินข้าวพร้อมหน้ากันแล้วก็นึกถึงตัวเองที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น

 

 

ไม่รู้ว่าปีนี้จะมีเหรียญอยู่ในเกี๊ยวที่พ่อกับแม่ห่อไหม

 

 

ทุกปี…เหรียญอันนั้นจะถูกเขาหาเจอตลอด

 

 

เขาก็ไม่ชอบอาหารที่พ่อแม่ทำในวันส่งท้ายปีเก่า แม่ของเขาทำกับข้าวใส่เกลือมากเกินไป และพ่อทำอาหารก็ใช้ไฟอ่อนเกินไป

 

 

แต่วันนี้เขากลับอยากกินมันเป็นพิเศษ…อาหารที่ไม่อร่อยของพ่อกับแม่ที่เตรียมไว้ในวันส่งท้ายปีเก่า…แล้วเขาก็ไม่ชอบมันอีกครั้งอยู่ต่อหน้าพวกเขา

 

 

ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเตรียมตะเกียบกับถ้วยไว้ให้หรือเปล่า ทำเหมือนตัวเขากลับไปที่นั่นแล้วกินอาหารส่งท้ายปีเก่าร่วมกัน จากนั้นก็จุดประทัดกันราวกับว่าตัวเขาอยู่กับพวกเขาด้วย

 

 

ชุยหังไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกนี้ออกมาอย่างไร

 

 

น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดทำให้ชุยหังมองเห็นหน้าจอไม่ชัด เหมือนกับว่ากำลังดูภาพที่ถ่ายด้วยกันของเขากับหลูจื้อผ่านม่านน้ำ

 

 

ความรู้สึกของทั้งสองคนกลายเป็นเรื่องไม่จริงแล้วเหมือนกับความฝัน มองเห็นเพียงภาพรางๆ เท่านั้น

 

 

‘ร้องไห้อยู่อย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร’

 

 

เขาอดทนกับความเจ็บใจในใจจากนั้นก็เช็ดน้ำตา

 

 

ตาของเขาบวมและแดงเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าตัวจะหลั่งน้ำตาออกมาได้

 

 

ขณะที่เขากำลังใช้กระดาษทิชชูซับน้ำตา เมื่อมองไปที่พนักงานในร้าน ก็เห็นว่าพวกเขายืนรวมกลุ่มกันไม่ไกลเหมือนกับว่ากำลังมองมาที่เขา จากนั้นก็คุยกันเสียงเบา

 

 

บางทีในสายตาของพวกเขาตอนนี้ เขาก็เหมือนคนโง่คนหนึ่ง

 

 

เขาไม่ได้กลับบ้านในวันตรุษจีน และยังไปร้านอินเทอร์เน็ตเพื่อร้องไห้อยู่หน้าจอคอมฯ อีก

 

 

‘พวกเขาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก เพราะพวกเขาไม่ใช่ฉัน’

 

 

เมื่อคิดได้ จึงขอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถ้วย

 

 

ไม่นานหลังจากที่พนักงานทำเสร็จก็ยกมาให้พร้อมกับสายตาที่ดูเหมือนกำลังค้นหาอะไรอยู่

 

 

“ขอบคุณครับ” ชุยหังไม่ได้สบตากับพนักงาน และไม่อยากให้เขาเห็นหน้าด้วย

 

 

จากนั้นจึงหยิบส้อมขึ้นมาและยกฝาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา

 

 

หลังจากที่บะหมี่ที่กำลังกรุ่นๆ เข้าไปอยู่ในกระเพาะของเขาแล้ว ทำให้เขาที่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้ ค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลายลงทีละนิด ทีละนิด

 

 

น้ำตาของเขาร่วงลงน้ำซุปอีกครั้งได้อย่างไรกัน

 

 

ชุยหังปลอบใจตัวเองและหลอกตัวเองว่าต้องเป็นเพราะควันร้อนที่ทำให้เขาไม่สบายตา

 

 

เขาหลอกตัวเองว่าสิ่งที่เขากินนั้นไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่เป็นอาหารที่เค็มและใช้ไฟอ่อนไปของพ่อกับแม่ ซึ่งความจริงแล้วเป็นอาหารที่รสชาติอยู่ในความทรงจำของเขามากที่สุด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+