[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 236 ฉันจะต้องไปแล้ว / 237 เพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 236 ฉันจะต้องไปแล้ว / 237 เพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 236 ฉันจะต้องไปแล้ว

 

 

ทุกคนรู้สึกว่าสองวันนี้ชุยหังดูแปลกๆ ไป แต่ว่าเขาไม่พูด คนอื่นก็ไม่สะดวกใจที่จะถาม

 

 

เมื่ออาจารย์หม่าติดต่อชุยหังอีกครั้ง คือฝากโจวเฉวียนมาแจ้งข่าว

 

 

หลายคนต่างคิดว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ อาจารย์หม่าจึงอาจจะต้องการเรียกเขาเข้าไปคุย

 

 

เริ่มต้นหลังจากที่ชุยหังกลับมา กลับมีสีหน้าที่ผ่อนคลาย ไม่มีท่าทีเหมือนได้รับผลกระทบโดยสิ้นเชิง

 

 

“เหลาอู่ อาจารย์หม่าเรียกนายทำไมเหรอ ต้องการจะช่วยซัพพอร์ทนายใช่หรือเปล่า” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังส่ายหัว พร้อมเอ่ยบอก “ไม่ใช่ เรื่องแบบนี้ เขาจะซัพพอร์ทยังไง อีกอย่างคนมากมายขนาดนั้นที่นินทาว่ากล่าวกัน ใช้ชื่อจริงกันน้อยมาก หาตัวคนไม่ได้”

 

 

“งั้นคือเรื่องอะไร” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังยืนอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็ยักไหล่ ผ่อนลมหายใจยาวๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “ฉันจะต้องไปแล้ว”

 

 

“ไปไหนเหรอ นายอยากเปลี่ยนห้องพักเหรอ” จ้าวหลินเอ่ยถามทันที

 

 

ความผิดปกติของชุยหังในสองวันมานี้ทำให้ทุกคนรู้สึกกันหมดว่าเขาต้องมีเรื่องแน่ๆ

 

 

“ไม่ใช่ ฉันพักการเรียนแล้ว วันนี้เพิ่งจะให้โรงพยาบาลของมหา’ ลัยออกใบรับรองให้ฉันเรียบร้อย แล้วทางอาจารย์หม่าก็ทำเรื่องขอให้ฉันเรียบร้อย ฉันก็ไปได้แล้ว” ชุยหังเอ่ยบอก

 

 

หลังจากทุกคนฟังจบ สีหน้าที่แสดงออกต่างก็แปลกประหลาดกันไปหมด

 

 

ข่าวนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดไว้เลย

 

 

“พักการเรียนดีๆ ไปเพื่ออะไร” จ้าวหลินเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังฝืนยิ้มพลางเอ่ย “ไม่มีอะไร ก็แค่ช่วงนี้เรื่องราวมันค่อนข้างเยอะ อยากจะพักผ่อนสักช่วงเวลาหนึ่ง ครึ่งปีนี้ฉันมีความสุขมาที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกนาย ขอบคุณที่ทุกคนดูแลกันนะ ตอนที่ฉันไป จะพยายามไม่รบกวนพวกนาย”

 

 

อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของถังเฉิงไม่อาจจะเข้าใจได้ เขาเอ่ยขึ้น “พูดว่ารบกวนอะไรกัน ทุกคนคือพี่น้องกัน พูดยังกับเป็นคนนอกไปได้”

 

 

วังเฉียงอยู่เตียงชั้นบน เดิมทีใส่หูฟังอยู่ พอได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน เขาก็รีบปลดหูฟังลงทันที มือหนึ่งถือเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถาม “เหลาอู่ เนายไปพราะคนพวกนั้นพูดประชดนายใช่ไหม”

 

 

ชุยหังไม่ได้ตอบไปตรงๆ เขาพูดว่า “ถึงยังไงก็ต้องไปแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญแล้ว อีกอย่างฉันพักการเรียน ไม่ได้ลาออกสักหน่อย กว่าฉันจะสอบเข้ามหา’ ลัยได้ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่มีทางจะยอมแพ้เพราะปากเน่าๆ ของพวกเขาหรอก รอฉันกลับมา พวกนายก็เป็นรุ่นพี่ฉันแล้ว เวลานั้นถ้ามีคนพูดจาไม่ดีใส่ฉันอีก ก็ต้องพึ่งพวกนายจัดการแล้วล่ะ”

 

 

“ทำเป็นพูดดีไป นายจะไปจริงๆ เหรอ” ทุกคนยังไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่

 

 

ชุยหังพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ “อืม จะต้องไปจริงๆ แล้ว”

 

 

“งั้นนายจะไปที่ไหน” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ยังคิดไม่เสร็จเลย ถึงยังไงก็กลับบ้านไปไม่ได้อยู่แล้ว หาสักที่ แล้วทำงานก่อนสักปีหนึ่ง ถ้าหากว่ามีโอกาสอะไรล่ะก็ เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ควรจะทำอะไรก็ทำอันนั้นไป อย่าคิดมากขนาดนั้นเพราะเรื่องนี้เลย”

 

 

ตกกลางคืน ซ่งไข่โทรศัพท์มา ถามว่าเขากับหลูจื้อเป็นอะไรกันแน่

 

 

ชุยหังได้ยินชื่อของหลูจื้ออีกครั้ง ลำบากไปทั้งใจจริงๆ

 

 

เวลาที่ตัวเองต้องการเขามากที่สุด กลับเป็นฝ่ายปล่อยมือเขาไปเสียเอง

 

 

แต่ว่าถึงแม้ตัวเองจะไม่ปล่อยมือ เขาจะยังสามารถอยู่ข้างกายตัวเองได้เหรอ เวลาของเขาตอนนี้เป็นของผู้หญิงคนนั้นทั้งหมด

 

 

“ครูฝึกซ่งครับ ต่อจากนี้รบกวนคุณช่วยดูแลหลูจื้อด้วยนะครับ” ชุยหังเอ่ยบอก

 

 

ถึงแม้สิ่งที่ร้องขอนี้จะวนมาไม่ถึงตาตัวเองที่จะเอ่ยถึงได้แล้วในตอนนี้ แต่ว่าเขาก็ยังคงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้

 

 

“เป็นไรไป พวกนายเกิดเรื่องแล้วใช่ไหม” ซ่งไข่เอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ผมจะต้องไปแล้ว”

 

 

“ไป? ไปไหน นายไม่เรียนแล้วเหรอ” ซ่งไข่เข้าใจความหมายของชัยหังในทันที

 

 

ชุยหังยังคงฝืนยิ้มอยู่เต็มใบหน้า แล้วพูดว่า “มีเรื่องนิดหน่อย เลยพักการเรียน ถ้าไม่หนึ่งปี ก็สองปี ยังไงก็ไม่แน่นอน ดูสถานการณ์แล้วกันครับ”

 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น พูดกับฉันได้ไหม” ซ่งไข่เอ่ยถามด้วยความจริงใจที่มีอย่างมาก

 

 

ชุยหังครุ่นคิด พลางพูดตอบ “คุณแอดวีแชทผม แล้วผมจะส่งให้คุณแล้วกันครับ”

 

 

ในสายโทรศัพท์ พูดได้ไม่ชัดเจน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 237 เพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย

 

 

ก่อนหน้านี้ซ่งไข่อยากจะแอดวีแชทชุยหังมาโดยตลอด แต่ชุยหังไม่เคยเห็นด้วยเลย ตอนนั้นเองก็ไม่อยากจะพัวพันกับเขามากเกินไป

 

 

แต่ว่าตอนนี้ยากจะมีใครมายอมฟังเขาบ่น แล้วเป็นมุมมองของคนที่ดูอยู่ข้างๆ ด้วย

 

 

เขาต้องการคนที่พอจะเข้าใจได้จริงๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่แวววงเดียวกัน เพราะว่าเป็นพวกเขาถึงจะเข้าใจได้การใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้มันเลวร้ายแค่ไหนกัน

 

 

ซ่งไข่เอ่ยตอบ “เลขวีแชทของฉันคือเบอร์มือถือของฉัน แต่ว่าคนอื่นไม่สามารถหาเจอได้ ฉันตั้งจำกัดสิทธิ์เอาไว้ นายรอสักครู่ ฉันจะเปลี่ยนการตั้งค่า แล้วนายค่อยแอดฉันแล้วกัน”

 

 

หลังจากชุยหังรับคำแล้ว เขาก็วางสายไป

 

 

เพียงครู่เดียว ซ่งไข่ก็ส่งข้อความมาพูดว่าได้แล้ว

 

 

หลังจากนั้นชุยหังถึงได้ค่อยแอดวีแชทของซ่งไข่

 

 

[เป็นไรไป ทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะพักการเรียน เป็นเพราะหลูจื้อเหรอ] ซ่งไข่ถามไปตรงๆ

 

 

ชุยหังตอบกลับไป [ไม่ใช่ครับ เป็นเพราะเรื่องอื่น]

 

 

[ตกลงเป็นอะไรกันแน่ เพราะสุขภาพ?]

 

 

ชุยหังไม่ได้คุยอะไรอีก เขาส่งภาพแคปหน้าจอที่ตัวเองบันทึกเอาไว้ก่อนหน้านี้เข้าไปเสียเลย

 

 

ผ่านไปนานสองนาน ซ่งไข่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

 

 

ชุยหังกำลังคิดว่า  เขาคงจะกำลังคิดวิเคราะห์ทำความเข้าใจข่าวคราวอยู่ล่ะมั้ง

 

 

ในที่สุดซ่งไข่ก็ตอบกลับมา

 

 

[คนคนนี้ใช่คนจริงๆ เหรอ]

 

 

ชุยหังตอบกลับไปอย่างง่ายดายมาก [ต่อให้เขาไม่ใช่คน แต่คนอื่นก็เชื่อเขาไปหมดแล้ว]

 

 

[พวกเขาโง่เง่ากันไปหมดเลยเหรอ] ซ่งไข่เองก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

 

 

[ช่างหัวมันเถอะครับ ยังไงผมก็จะต้องไปแล้ว พวกเขายินดีที่จะโง่เง่าก็โง่เง่าต่อไปเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้ว]

 

 

ผ่านไปสักพัก ซ่งไข่ก็ถามขึ้นมาอีกประโยค [หลูจื้อไม่รู้ใช่ไหม]

 

 

[ครูฝึกซ่ง อย่าให้เขารู้เลย ให้เขากลับไปใช้ชีวิตปกติเถอะครับ] ชุยหังรีบร้อนตอบกลับทันที

 

 

ซ่งไข่ไม่ได้คุยอะไรต่อ เพียงแค่ถอนหายใจออกมา

 

 

สำหรับหลูจื้อแล้ว ชุยหังเชื่อว่าเขาคงจะไม่สามารถจะลืมเลือนได้ง่ายขนาดนั้น แม้กระทั่งทั้งชีวิตนี้ เขาก็จะเป็นสัญลักษณ์สลักในใจที่ไม่อาจเช็ดออกไปได้

 

 

แต่ว่าไร้ซึ้งหนทาง เขาไม่อยากทำให้หลูจื้อลำบาก ไม่อยากให้หลูจื้อต้องเลือกระหว่างเขากับครอบครัวอนุรักษ์นิยม

 

 

เขาไปสารภาพกับพ่อแม่เพื่อหลูจื้อได้ แต่เขาไม่สามารถจะเรียกร้องให้หลูจื้อทำแบบเดียวกันนี้ได้

 

 

ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความกล้าหาญไปเผชิญหน้ากับความไม่เข้าใจของพ่อแม่

 

 

[คิดดีหรือยังว่าจะไปที่ไหน] ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งไข่ก็ถามอีกประโยค

 

 

[ยังเลยครับ ผมติดต่อเพื่อนนักเรียนแต่ก่อน ถ้าหากมีคนแจมด้วย ผมก็จะไปอยู่สักช่วงเวลาหนึ่ง รอข่าวคราวทางนี้ผ่านไปก่อน พวกโง่เง่าฟังภาษาคนได้แล้ว แล้วผมค่อยกลับมา]

 

 

ซ่งไข่ถามอีก [เก็บวีแชทไว้ได้ไหม ฉันรู้ว่านายยังอยากจะลบฉันออก]

 

 

ชุยหังครุ่นคิด แล้วตอบกลับไป [งั้นก็ปล่อยไว้แล้วกัน]

 

 

หลังจากติดต่อกับซ่งไข่แล้ว ชุยหังก็พลิกดูรายชื่อในโทรศัพท์ตัวเอง จากนั้นเขาก็เจอเบอร์ของซุนซิ่งเพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย

 

 

ตอนที่ตัวเองเพิ่งจะเปลี่ยนเบอร์ ก็ส่งข้อความหาเขา เขายังพูดว่าถ้าตัวเองมีเวลาก็ไปหาเขาที่ไท่อันได้ เขากับเพื่อนอีกคนที่ชื่อว่าหานไท่จูเพื่อนนักเรียนชนเผ่าเฉาเสี่ยนทำสินค้าที่ระลึกของสถานที่ท่องเที่ยวขายส่งอยู่ที่นั่น

 

 

ถึงแม้ว่าชุยหังจะไม่เข้าใจสิ่งนี้ แต่ว่าถึงอย่างไรที่นั่นก็มีภูเขาไท่ซานอันสูงตระหง่าน เป็นเมืองแห่งภูเขา อีกอย่างยังมีเพื่อนนักเรียนของตัวเองอยู่ อย่างไรก็ดีกว่าอยู่สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมากๆ อยู่แล้ว

 

 

เขาโทรศัพท์หาซุนซิ่ง แต่ทางนั้นกลับตัดสายเขา เหมือนว่าจะมีธุระอะไรสักอย่าง

 

 

ผ่านไปนานสองนาน ซุนซิ่งถึงได้โทรกลับมาหา

 

 

“เมื่อกี้นายยุ่งอยู่ใช่ไหม” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

ซุนซิ่งพูดขึ้น “เมื่อกี้สต๊อกสินค้าอยู่ นักศึกษาอย่างนายมานึกโทรหาฉันแล้วเหรอ”

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ฉันพักการเรียนแล้ว วางแผนจะย้ายไปอยู่ที่นั่นของนาย ถ้ามีงานที่เหมาะสม ช่วยแนะนำฉันสักหนึ่งงานที”

 

 

“งั้นนายมาทำของที่ระลึกท่องเที่ยวกับฉันเถอะ หินสลักยันต์โบราณของไท่ซานมีชื่อเสียงเป็นพิเศษ ทุกบ้านต่างก็สะสมไว้ นักท่องเที่ยวต่างถิ่นก็ยินดีที่จะซื้อ”

 

 

ชุยหังไม่รู้ว่าสายโทรศัพท์นี้ของตัวเองชักจะตกหลุมพรางหน่อยๆ แล้ว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 236 ฉันจะต้องไปแล้ว / 237 เพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 236 ฉันจะต้องไปแล้ว / 237 เพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 236 ฉันจะต้องไปแล้ว

 

 

ทุกคนรู้สึกว่าสองวันนี้ชุยหังดูแปลกๆ ไป แต่ว่าเขาไม่พูด คนอื่นก็ไม่สะดวกใจที่จะถาม

 

 

เมื่ออาจารย์หม่าติดต่อชุยหังอีกครั้ง คือฝากโจวเฉวียนมาแจ้งข่าว

 

 

หลายคนต่างคิดว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ อาจารย์หม่าจึงอาจจะต้องการเรียกเขาเข้าไปคุย

 

 

เริ่มต้นหลังจากที่ชุยหังกลับมา กลับมีสีหน้าที่ผ่อนคลาย ไม่มีท่าทีเหมือนได้รับผลกระทบโดยสิ้นเชิง

 

 

“เหลาอู่ อาจารย์หม่าเรียกนายทำไมเหรอ ต้องการจะช่วยซัพพอร์ทนายใช่หรือเปล่า” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังส่ายหัว พร้อมเอ่ยบอก “ไม่ใช่ เรื่องแบบนี้ เขาจะซัพพอร์ทยังไง อีกอย่างคนมากมายขนาดนั้นที่นินทาว่ากล่าวกัน ใช้ชื่อจริงกันน้อยมาก หาตัวคนไม่ได้”

 

 

“งั้นคือเรื่องอะไร” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังยืนอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็ยักไหล่ ผ่อนลมหายใจยาวๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “ฉันจะต้องไปแล้ว”

 

 

“ไปไหนเหรอ นายอยากเปลี่ยนห้องพักเหรอ” จ้าวหลินเอ่ยถามทันที

 

 

ความผิดปกติของชุยหังในสองวันมานี้ทำให้ทุกคนรู้สึกกันหมดว่าเขาต้องมีเรื่องแน่ๆ

 

 

“ไม่ใช่ ฉันพักการเรียนแล้ว วันนี้เพิ่งจะให้โรงพยาบาลของมหา’ ลัยออกใบรับรองให้ฉันเรียบร้อย แล้วทางอาจารย์หม่าก็ทำเรื่องขอให้ฉันเรียบร้อย ฉันก็ไปได้แล้ว” ชุยหังเอ่ยบอก

 

 

หลังจากทุกคนฟังจบ สีหน้าที่แสดงออกต่างก็แปลกประหลาดกันไปหมด

 

 

ข่าวนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดไว้เลย

 

 

“พักการเรียนดีๆ ไปเพื่ออะไร” จ้าวหลินเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังฝืนยิ้มพลางเอ่ย “ไม่มีอะไร ก็แค่ช่วงนี้เรื่องราวมันค่อนข้างเยอะ อยากจะพักผ่อนสักช่วงเวลาหนึ่ง ครึ่งปีนี้ฉันมีความสุขมาที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกนาย ขอบคุณที่ทุกคนดูแลกันนะ ตอนที่ฉันไป จะพยายามไม่รบกวนพวกนาย”

 

 

อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของถังเฉิงไม่อาจจะเข้าใจได้ เขาเอ่ยขึ้น “พูดว่ารบกวนอะไรกัน ทุกคนคือพี่น้องกัน พูดยังกับเป็นคนนอกไปได้”

 

 

วังเฉียงอยู่เตียงชั้นบน เดิมทีใส่หูฟังอยู่ พอได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน เขาก็รีบปลดหูฟังลงทันที มือหนึ่งถือเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถาม “เหลาอู่ เนายไปพราะคนพวกนั้นพูดประชดนายใช่ไหม”

 

 

ชุยหังไม่ได้ตอบไปตรงๆ เขาพูดว่า “ถึงยังไงก็ต้องไปแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญแล้ว อีกอย่างฉันพักการเรียน ไม่ได้ลาออกสักหน่อย กว่าฉันจะสอบเข้ามหา’ ลัยได้ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่มีทางจะยอมแพ้เพราะปากเน่าๆ ของพวกเขาหรอก รอฉันกลับมา พวกนายก็เป็นรุ่นพี่ฉันแล้ว เวลานั้นถ้ามีคนพูดจาไม่ดีใส่ฉันอีก ก็ต้องพึ่งพวกนายจัดการแล้วล่ะ”

 

 

“ทำเป็นพูดดีไป นายจะไปจริงๆ เหรอ” ทุกคนยังไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่

 

 

ชุยหังพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ “อืม จะต้องไปจริงๆ แล้ว”

 

 

“งั้นนายจะไปที่ไหน” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ยังคิดไม่เสร็จเลย ถึงยังไงก็กลับบ้านไปไม่ได้อยู่แล้ว หาสักที่ แล้วทำงานก่อนสักปีหนึ่ง ถ้าหากว่ามีโอกาสอะไรล่ะก็ เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ควรจะทำอะไรก็ทำอันนั้นไป อย่าคิดมากขนาดนั้นเพราะเรื่องนี้เลย”

 

 

ตกกลางคืน ซ่งไข่โทรศัพท์มา ถามว่าเขากับหลูจื้อเป็นอะไรกันแน่

 

 

ชุยหังได้ยินชื่อของหลูจื้ออีกครั้ง ลำบากไปทั้งใจจริงๆ

 

 

เวลาที่ตัวเองต้องการเขามากที่สุด กลับเป็นฝ่ายปล่อยมือเขาไปเสียเอง

 

 

แต่ว่าถึงแม้ตัวเองจะไม่ปล่อยมือ เขาจะยังสามารถอยู่ข้างกายตัวเองได้เหรอ เวลาของเขาตอนนี้เป็นของผู้หญิงคนนั้นทั้งหมด

 

 

“ครูฝึกซ่งครับ ต่อจากนี้รบกวนคุณช่วยดูแลหลูจื้อด้วยนะครับ” ชุยหังเอ่ยบอก

 

 

ถึงแม้สิ่งที่ร้องขอนี้จะวนมาไม่ถึงตาตัวเองที่จะเอ่ยถึงได้แล้วในตอนนี้ แต่ว่าเขาก็ยังคงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้

 

 

“เป็นไรไป พวกนายเกิดเรื่องแล้วใช่ไหม” ซ่งไข่เอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ผมจะต้องไปแล้ว”

 

 

“ไป? ไปไหน นายไม่เรียนแล้วเหรอ” ซ่งไข่เข้าใจความหมายของชัยหังในทันที

 

 

ชุยหังยังคงฝืนยิ้มอยู่เต็มใบหน้า แล้วพูดว่า “มีเรื่องนิดหน่อย เลยพักการเรียน ถ้าไม่หนึ่งปี ก็สองปี ยังไงก็ไม่แน่นอน ดูสถานการณ์แล้วกันครับ”

 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น พูดกับฉันได้ไหม” ซ่งไข่เอ่ยถามด้วยความจริงใจที่มีอย่างมาก

 

 

ชุยหังครุ่นคิด พลางพูดตอบ “คุณแอดวีแชทผม แล้วผมจะส่งให้คุณแล้วกันครับ”

 

 

ในสายโทรศัพท์ พูดได้ไม่ชัดเจน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 237 เพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย

 

 

ก่อนหน้านี้ซ่งไข่อยากจะแอดวีแชทชุยหังมาโดยตลอด แต่ชุยหังไม่เคยเห็นด้วยเลย ตอนนั้นเองก็ไม่อยากจะพัวพันกับเขามากเกินไป

 

 

แต่ว่าตอนนี้ยากจะมีใครมายอมฟังเขาบ่น แล้วเป็นมุมมองของคนที่ดูอยู่ข้างๆ ด้วย

 

 

เขาต้องการคนที่พอจะเข้าใจได้จริงๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่แวววงเดียวกัน เพราะว่าเป็นพวกเขาถึงจะเข้าใจได้การใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้มันเลวร้ายแค่ไหนกัน

 

 

ซ่งไข่เอ่ยตอบ “เลขวีแชทของฉันคือเบอร์มือถือของฉัน แต่ว่าคนอื่นไม่สามารถหาเจอได้ ฉันตั้งจำกัดสิทธิ์เอาไว้ นายรอสักครู่ ฉันจะเปลี่ยนการตั้งค่า แล้วนายค่อยแอดฉันแล้วกัน”

 

 

หลังจากชุยหังรับคำแล้ว เขาก็วางสายไป

 

 

เพียงครู่เดียว ซ่งไข่ก็ส่งข้อความมาพูดว่าได้แล้ว

 

 

หลังจากนั้นชุยหังถึงได้ค่อยแอดวีแชทของซ่งไข่

 

 

[เป็นไรไป ทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะพักการเรียน เป็นเพราะหลูจื้อเหรอ] ซ่งไข่ถามไปตรงๆ

 

 

ชุยหังตอบกลับไป [ไม่ใช่ครับ เป็นเพราะเรื่องอื่น]

 

 

[ตกลงเป็นอะไรกันแน่ เพราะสุขภาพ?]

 

 

ชุยหังไม่ได้คุยอะไรอีก เขาส่งภาพแคปหน้าจอที่ตัวเองบันทึกเอาไว้ก่อนหน้านี้เข้าไปเสียเลย

 

 

ผ่านไปนานสองนาน ซ่งไข่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

 

 

ชุยหังกำลังคิดว่า  เขาคงจะกำลังคิดวิเคราะห์ทำความเข้าใจข่าวคราวอยู่ล่ะมั้ง

 

 

ในที่สุดซ่งไข่ก็ตอบกลับมา

 

 

[คนคนนี้ใช่คนจริงๆ เหรอ]

 

 

ชุยหังตอบกลับไปอย่างง่ายดายมาก [ต่อให้เขาไม่ใช่คน แต่คนอื่นก็เชื่อเขาไปหมดแล้ว]

 

 

[พวกเขาโง่เง่ากันไปหมดเลยเหรอ] ซ่งไข่เองก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

 

 

[ช่างหัวมันเถอะครับ ยังไงผมก็จะต้องไปแล้ว พวกเขายินดีที่จะโง่เง่าก็โง่เง่าต่อไปเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้ว]

 

 

ผ่านไปสักพัก ซ่งไข่ก็ถามขึ้นมาอีกประโยค [หลูจื้อไม่รู้ใช่ไหม]

 

 

[ครูฝึกซ่ง อย่าให้เขารู้เลย ให้เขากลับไปใช้ชีวิตปกติเถอะครับ] ชุยหังรีบร้อนตอบกลับทันที

 

 

ซ่งไข่ไม่ได้คุยอะไรต่อ เพียงแค่ถอนหายใจออกมา

 

 

สำหรับหลูจื้อแล้ว ชุยหังเชื่อว่าเขาคงจะไม่สามารถจะลืมเลือนได้ง่ายขนาดนั้น แม้กระทั่งทั้งชีวิตนี้ เขาก็จะเป็นสัญลักษณ์สลักในใจที่ไม่อาจเช็ดออกไปได้

 

 

แต่ว่าไร้ซึ้งหนทาง เขาไม่อยากทำให้หลูจื้อลำบาก ไม่อยากให้หลูจื้อต้องเลือกระหว่างเขากับครอบครัวอนุรักษ์นิยม

 

 

เขาไปสารภาพกับพ่อแม่เพื่อหลูจื้อได้ แต่เขาไม่สามารถจะเรียกร้องให้หลูจื้อทำแบบเดียวกันนี้ได้

 

 

ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความกล้าหาญไปเผชิญหน้ากับความไม่เข้าใจของพ่อแม่

 

 

[คิดดีหรือยังว่าจะไปที่ไหน] ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งไข่ก็ถามอีกประโยค

 

 

[ยังเลยครับ ผมติดต่อเพื่อนนักเรียนแต่ก่อน ถ้าหากมีคนแจมด้วย ผมก็จะไปอยู่สักช่วงเวลาหนึ่ง รอข่าวคราวทางนี้ผ่านไปก่อน พวกโง่เง่าฟังภาษาคนได้แล้ว แล้วผมค่อยกลับมา]

 

 

ซ่งไข่ถามอีก [เก็บวีแชทไว้ได้ไหม ฉันรู้ว่านายยังอยากจะลบฉันออก]

 

 

ชุยหังครุ่นคิด แล้วตอบกลับไป [งั้นก็ปล่อยไว้แล้วกัน]

 

 

หลังจากติดต่อกับซ่งไข่แล้ว ชุยหังก็พลิกดูรายชื่อในโทรศัพท์ตัวเอง จากนั้นเขาก็เจอเบอร์ของซุนซิ่งเพื่อนนักเรียนสมัยม.ปลาย

 

 

ตอนที่ตัวเองเพิ่งจะเปลี่ยนเบอร์ ก็ส่งข้อความหาเขา เขายังพูดว่าถ้าตัวเองมีเวลาก็ไปหาเขาที่ไท่อันได้ เขากับเพื่อนอีกคนที่ชื่อว่าหานไท่จูเพื่อนนักเรียนชนเผ่าเฉาเสี่ยนทำสินค้าที่ระลึกของสถานที่ท่องเที่ยวขายส่งอยู่ที่นั่น

 

 

ถึงแม้ว่าชุยหังจะไม่เข้าใจสิ่งนี้ แต่ว่าถึงอย่างไรที่นั่นก็มีภูเขาไท่ซานอันสูงตระหง่าน เป็นเมืองแห่งภูเขา อีกอย่างยังมีเพื่อนนักเรียนของตัวเองอยู่ อย่างไรก็ดีกว่าอยู่สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมากๆ อยู่แล้ว

 

 

เขาโทรศัพท์หาซุนซิ่ง แต่ทางนั้นกลับตัดสายเขา เหมือนว่าจะมีธุระอะไรสักอย่าง

 

 

ผ่านไปนานสองนาน ซุนซิ่งถึงได้โทรกลับมาหา

 

 

“เมื่อกี้นายยุ่งอยู่ใช่ไหม” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

ซุนซิ่งพูดขึ้น “เมื่อกี้สต๊อกสินค้าอยู่ นักศึกษาอย่างนายมานึกโทรหาฉันแล้วเหรอ”

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ฉันพักการเรียนแล้ว วางแผนจะย้ายไปอยู่ที่นั่นของนาย ถ้ามีงานที่เหมาะสม ช่วยแนะนำฉันสักหนึ่งงานที”

 

 

“งั้นนายมาทำของที่ระลึกท่องเที่ยวกับฉันเถอะ หินสลักยันต์โบราณของไท่ซานมีชื่อเสียงเป็นพิเศษ ทุกบ้านต่างก็สะสมไว้ นักท่องเที่ยวต่างถิ่นก็ยินดีที่จะซื้อ”

 

 

ชุยหังไม่รู้ว่าสายโทรศัพท์นี้ของตัวเองชักจะตกหลุมพรางหน่อยๆ แล้ว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+