[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 264 ถือสิทธิ์อะไร / 265 แผนการในอนาคต

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 264 ถือสิทธิ์อะไร / 265 แผนการในอนาคต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 264 ถือสิทธิ์อะไร

 

 

ชุยหังพลางกดโทรศัพท์ไปพลางพูดไปด้วยว่า: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

หลูจื้อจับหน้าของชุยหังหันกลับมาแล้วจ้องมองเขา

 

 

“นายพูดอีกที?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความข่มขู่ทำให้ชุยหังอยากจะถอยหลังหนี

 

 

“หนีไปไหน?” หลูจื้อใช้มือที่วางอยู่หลังคอของชุยหังตลอดมือนั้นเกี่ยวเขาเอาไว้

 

 

ชุยหังพูดอย่างจนปัญญาว่า: “นายให้เวลาฉันแก้ไขวีแชทให้เสร็จภายในหนึ่งนาทีไม่ใช่หรอ ฉันขอล่ะหยุดก่อน”

 

 

“ไม่เป็นไร เวลานี้ก็นับรวมเอาไว้ข้างในนี้แล้วฉันเชื่อในความสามารถของนาย ตอนนั้นที่นายลบฉันออกก็กดแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังพูดว่า: “มันจะไปง่ายขนาดนั้นได้ยังไง ตอนนั้นเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่มากจนฉันจะพังทลายอยู่แล้ว”

 

 

“พังทลายที่ลบฉัน? คือนายไม่อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่อยากให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อ?” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ไม่มีทั้งนั้นแหละ ตอนนั้นแค่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของนาย”

 

 

“ฉันเต็มใจ นายเคยถามความคิดเห็นของฉันบ้างไหม” หลูจื้อถามอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ชุยหังเหมือนจะตามไม่ค่อยทันแล้ว ตนถามอะไรไป?

 

 

“ฉันบล็อกโมเมนต์กลุ่มเพื่อนของนายก่อน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดู แต่แค่เห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาฉันก็เจ็บปวด ต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏตัวบนโปรไฟล์ของนายอีก ถึงแม้จะบอกว่าเขาทำเองก็เถอะ แต่ก็ถือว่านายอนุญาตเป็นนัยๆ แล้วไม่ใช่หรอ” คำถามนี้ของชุยหังมันถูกเก็บกดมาโดยตลอด

 

 

หลูจื้อเองก็เงียบขรึมไปชั่วขณะ อันที่จริงปัญหานี้เขาก็ไม่เคยสนใจมันมาก่อนเลยด้วยจริงๆ

 

 

“ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำไม่ใช่หรอ” เขาว่า

 

 

“แต่นายทำให้ฉันเห็นมันแล้ว ถึงฉันจะยอมรับให้พวกนายคบกันเพื่อจะหาคำอธิบายให้กับครอบครัว แต่นายก็ควรจะรู้ว่าถึงฉันยอมที่จะทำมองไม่เห็นเพื่อจะไม่รำคาญใจ นายก็ควรจะพาหล่อนไปให้ไกลๆ จากฉันหน่อย เวลาที่อยู่กับหล่อนก็ไม่ต้องให้ฉันรู้ ตอนที่มันปรากฏขึ้นบนโมเมนต์เพื่อนครั้งแรกนายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบใจ นายก็ไม่ควรให้หล่อนปรากฏตัวขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ฉันมันใจแคบ แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรฉันก็ไม่เคยอยากแบ่งปันนายกับใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ชุยหังกล่าว

 

 

หลูจื้อไม่พูดอีกแล้ว สิ่งที่ชุยหังพูดเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน

 

 

เขาคิดมาเสมอว่าตราบใดที่เขาทำตัวดีกับเขามากพอ เพียงแค่ตนบอกกับเขาว่าคนที่อยู่ในหัวใจตนมีเขาเพียงคนเดียว เขาก็จะรู้สึกปลอดภัยสบายใจมากพอ

 

 

แต่ว่าความรู้สึกปลอดภัยสบายใจไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เพียงเพราะคำพูด

 

 

เมื่อคำพูดกับความเป็นจริงเข้าปะทะกัน แถมยังพอดีกับตอนที่ชุยหังยังไม่มีวิธีการที่จะขจัดความรู้สึกในเชิงลบนี้ออกไปจึงทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุม

 

 

ในขณะเดียวกันชุยหังก็ไม่กล้าบอกกับตนอีก จึงทำได้แค่ทนรับมันเอาไว้เองคนเดียว

 

 

ความรู้สึกแบบนี้เป็นสิ่งที่ตนไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน

 

 

หลูจื้อครุ่นคิดอยู่สักพักแต่ก็ยังไม่มีทางรับรู้สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ แต่ว่ามันต้องเจ็บปวดมากแน่นอน

 

 

ที่จริงช่วงระยะที่ผ่านมาตนก็ทำให้ชุยหังต้องทนรับความเจ็บปวดทรมานมาไม่น้อยเลยทีเดียว

 

 

คนสองคนที่รักกันในบางครั้งก็ต่างเป็นฝ่ายทรมานกันและกันเอง

 

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่อยากปล่อยมันไป

 

 

“ทำไมนายไม่พูดตรงๆ นายไม่รู้หรอว่าคนเป็นทหารก็เป็นแค่เส้นเอ็นเส้นหนึ่งเท่านั้น” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ฉันกลัวว่าหลังจากที่ฉันพูดออกไปแล้วนายจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ทำให้คนที่บ้านของนายต้องลำบากใจไปด้วย”

 

 

ครั้งนี้วนมาถึงคราวที่หลูจื้อถอนหายใจแล้ว เขาพูดว่า: “ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้น นายก็ควรจะเตือนฉันบ้าง ดังนั้นนี่ก็เป็นความผิดของนาย”

 

 

ชุยหังรู้สึกพูดไม่ออกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันเป็นความผิดของเขาทั้งหมดอยู่ดี

 

 

“ในเมื่อคบกับฉันแล้วทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี? มีเรื่องค้างคาใจอะไรก็ไม่พูด นายอย่าลืมนะว่าตอนนี้นายเป็นคนของฉันแล้ว ไม่ใช่ของตัวเองแล้ว นายคิดว่ายังเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรอที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แบกรับมันเอาไว้คนเดียว? นายถือสิทธิ์อะไรมาทำให้คนที่ฉันรักต้องเจ็บปวดทรมาน?”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 265 แผนการในอนาคต

 

 

ชุยหังมองเข้าไปในดวงตาของหลูจื้อ ตอนที่เขาพูดคำพูดพวกนี้ออกมา แววตากลับไม่เหมือนเมื่อครู่ที่เต็มไปด้วยความตำหนิ

 

 

แต่มันเป็นการตำหนิตัวเอง เป็นความปวดใจ

 

 

เขาแค่เอาเปรียบทางปากทางวาจาเท่านั้น ดังนั้นปล่อยให้เขาเอาเปรียบไปเถอะ

 

 

ยังไงซะสิ่งที่เอาเปรียบได้ก็ถูกเขาเอาเปรียบไปหมดแล้ว และไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรกแล้ว

 

 

“ต่อไปจะทำยังไง” ชุยหังถาม

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ตอนนี้รู้จักถามฉันแล้ว?”

 

 

“ไม่ถามก็ไม่ได้นี่นา เดี๋ยวถูกจัดการเอาง่ายๆ” ชุยหังกล่าว

 

 

หลูจื้อพูด: “ยังนับว่านายรู้จักประเมินตัวเอง กลับไปฉันจะเช่าห้องให้นาย ไม่ต้องอยู่ไกลจากฉันมากเกินไป แบบนี้ก็จะสะดวกเวลาฉันไปเยี่ยมนาย แล้วนายก็พักผ่อนก่อนสักระยะหนึ่ง ยังไงซะที่มหา’ ลัยก็พักการเรียนไปแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากขนาดนั้นหรอก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับใครมากด้วย”

 

 

“แล้วไงต่อ?” ชุยหังถามต่อ

 

 

คงไม่ใช่ว่าวันๆ เขาต้องไม่ทำอะไรแล้วก็อยู่แต่บ้านเฉยๆ หรอกใช่ไหม?

 

 

หลูจื้อพูดว่า: “นายก็อยู่ที่บ้านไปเถอะ ฉันจะถือว่าฝังสาวสวยในห้องทองคำ [1] ก็แล้วกัน ถึงแม้ว่านายจะหน้าตางั้นๆ แต่ก็ใช้แก้ขัดไปก่อนได้”

 

 

“ใครหน้าตางั้นๆ? อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในระดับที่ไม่ทำผู้ชมผิดหวังหรอก” ชุยหังกล่าว

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องถึงกับไม่ทำให้ท่านผู้ชมผิดหวังหรอก ไม่ทำให้ฉันผิดหวังก็พอแล้ว”

 

 

“หมดคำจะพูด” ชุยหังว่า

 

 

“หมดคำจะพูดก็ไม่ต้องพูดฟังฉันพูดให้จบ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับคนที่บ้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นคงจะไม่ได้กลับไปที่บ้านบ่อยนัก ถ้าหากว่ามีเวลาก็จะไปหานาย นายทำอาหารเก่งไม่ใช่หรอ” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังครุ่นคิดสักพักพลางพูดว่า: “นิดหน่อยแต่ก็ไม่มาก”

 

 

“ลังเลอะไร หรือกำลังคิดว่าจะวางยาฉันตายดีไหม” หลูจื้อถามติดตลกขึ้นมา

 

 

ชุยหังรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันแค่กำลังคิดว่าอย่างฉันนับว่าทำอาหารเป็นหรือไม่เป็นแต่ยังไงก็ทำสุกแน่ ส่วนอร่อยไม่อร่อยมันก็อีกเรื่องแล้ว”

 

 

“ไม่เป็นไรกินได้ก็โอเคแล้ว ฉันไม่ได้เลือกกินอะไรขนาดนั้น”

 

 

“อาหารที่ฉันทำอาจจะเป็นรสชาติแบบอาหารตงเป่ย อาจจะไม่ตรงกับรสนิยมรสชาติอาหารของนาย รสชาติเผ็ดร้อนแบบเมืองเอ้อของพวกนายฉันรับไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” ชุยหังกล่าว

 

 

“ไม่เป็นไร ผู้บังคับการซ่งของพวกเราบอกฉันแล้วว่าต่อไปถ้าทำให้นายรู้สึกไม่ดีล่ะก็พยายามให้นายกินเผ็ดน้อยๆ ก็พอ” หลูจื้อพูดพร้อมยิ้มเยาะ

 

 

ชุยหังมองท่าทางเขาก็รู้ว่าเขาคงจะไม่ได้โกรธมากขนาดนั้นแล้ว

 

 

ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดพลาด

 

 

หลูจื้อไม่ได้พิจารณาถึงความรู้สึกของชุยหัง ส่วนชุยหังก็คิดเองเออเอง

 

 

“แต่ว่าต่อไปในอนาคตนายก็จะเป็นได้แค่คนข้างหลังของฉันนะ นายเต็มใจไหม” หลูจื้อถาม

 

 

หลังจากชุยหังได้ฟังก็เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง

 

 

เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของหลูจื้อก็คือไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถปรากฏตัวต่อสายตาคนอื่นได้อย่างเปิดเผย

 

 

แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ยังได้อยู่ด้วยกัน

 

 

หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็พูดว่า: “อืม ก็ได้”

 

 

“ฉันก็แค่ถามดู อันที่จริงฉันคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าฉันจะไม่ให้นายเป็นคนเบื้องหลังไปตลอดหรอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมฉันจะให้นายได้รู้จักพ่อแม่ของฉันแบบต่อหน้าเลย” หลูจื้อกล่าว

 

 

หลังจากชุยหังได้ฟังก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

เมื่อนึกถึงคู่พ่อแม่คนคร่ำครึของหลูจื้อขึ้นมาเขาก็รู้สึกเป็นกังวล

 

 

“ถ้าพ่อแม่นายไม่ชอบฉันขึ้นมาจะทำยังไง” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขาถูกนายเบี่ยงเบนแล้ว ไม่ยอมแต่งลูกสะใภ้ให้แล้ว ไม่ยอมมีลูกด้วย พวกเขาควรจะชอบนายไหม” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนจะมีเหตุผล”

 

 

“แต่ฉันชอบก็พอแล้ว นายไม่ได้ใช้ชีวิตกับพวกเขาสักหน่อย ก็เหมือนกับที่นายเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าพวกเขาเห็นฉันกับนายคบกันอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมาก แถมฉันก็มีความสุขจากใจจริงเดี๋ยวพวกเขาก็ค่อยๆ ปล่อยวางได้เอง”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 264 ถือสิทธิ์อะไร / 265 แผนการในอนาคต

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 264 ถือสิทธิ์อะไร / 265 แผนการในอนาคต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 264 ถือสิทธิ์อะไร

 

 

ชุยหังพลางกดโทรศัพท์ไปพลางพูดไปด้วยว่า: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

หลูจื้อจับหน้าของชุยหังหันกลับมาแล้วจ้องมองเขา

 

 

“นายพูดอีกที?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความข่มขู่ทำให้ชุยหังอยากจะถอยหลังหนี

 

 

“หนีไปไหน?” หลูจื้อใช้มือที่วางอยู่หลังคอของชุยหังตลอดมือนั้นเกี่ยวเขาเอาไว้

 

 

ชุยหังพูดอย่างจนปัญญาว่า: “นายให้เวลาฉันแก้ไขวีแชทให้เสร็จภายในหนึ่งนาทีไม่ใช่หรอ ฉันขอล่ะหยุดก่อน”

 

 

“ไม่เป็นไร เวลานี้ก็นับรวมเอาไว้ข้างในนี้แล้วฉันเชื่อในความสามารถของนาย ตอนนั้นที่นายลบฉันออกก็กดแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังพูดว่า: “มันจะไปง่ายขนาดนั้นได้ยังไง ตอนนั้นเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่มากจนฉันจะพังทลายอยู่แล้ว”

 

 

“พังทลายที่ลบฉัน? คือนายไม่อยากให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่อยากให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อ?” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ไม่มีทั้งนั้นแหละ ตอนนั้นแค่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของนาย”

 

 

“ฉันเต็มใจ นายเคยถามความคิดเห็นของฉันบ้างไหม” หลูจื้อถามอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ชุยหังเหมือนจะตามไม่ค่อยทันแล้ว ตนถามอะไรไป?

 

 

“ฉันบล็อกโมเมนต์กลุ่มเพื่อนของนายก่อน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดู แต่แค่เห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาฉันก็เจ็บปวด ต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏตัวบนโปรไฟล์ของนายอีก ถึงแม้จะบอกว่าเขาทำเองก็เถอะ แต่ก็ถือว่านายอนุญาตเป็นนัยๆ แล้วไม่ใช่หรอ” คำถามนี้ของชุยหังมันถูกเก็บกดมาโดยตลอด

 

 

หลูจื้อเองก็เงียบขรึมไปชั่วขณะ อันที่จริงปัญหานี้เขาก็ไม่เคยสนใจมันมาก่อนเลยด้วยจริงๆ

 

 

“ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำไม่ใช่หรอ” เขาว่า

 

 

“แต่นายทำให้ฉันเห็นมันแล้ว ถึงฉันจะยอมรับให้พวกนายคบกันเพื่อจะหาคำอธิบายให้กับครอบครัว แต่นายก็ควรจะรู้ว่าถึงฉันยอมที่จะทำมองไม่เห็นเพื่อจะไม่รำคาญใจ นายก็ควรจะพาหล่อนไปให้ไกลๆ จากฉันหน่อย เวลาที่อยู่กับหล่อนก็ไม่ต้องให้ฉันรู้ ตอนที่มันปรากฏขึ้นบนโมเมนต์เพื่อนครั้งแรกนายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบใจ นายก็ไม่ควรให้หล่อนปรากฏตัวขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ฉันมันใจแคบ แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรฉันก็ไม่เคยอยากแบ่งปันนายกับใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ชุยหังกล่าว

 

 

หลูจื้อไม่พูดอีกแล้ว สิ่งที่ชุยหังพูดเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน

 

 

เขาคิดมาเสมอว่าตราบใดที่เขาทำตัวดีกับเขามากพอ เพียงแค่ตนบอกกับเขาว่าคนที่อยู่ในหัวใจตนมีเขาเพียงคนเดียว เขาก็จะรู้สึกปลอดภัยสบายใจมากพอ

 

 

แต่ว่าความรู้สึกปลอดภัยสบายใจไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เพียงเพราะคำพูด

 

 

เมื่อคำพูดกับความเป็นจริงเข้าปะทะกัน แถมยังพอดีกับตอนที่ชุยหังยังไม่มีวิธีการที่จะขจัดความรู้สึกในเชิงลบนี้ออกไปจึงทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุม

 

 

ในขณะเดียวกันชุยหังก็ไม่กล้าบอกกับตนอีก จึงทำได้แค่ทนรับมันเอาไว้เองคนเดียว

 

 

ความรู้สึกแบบนี้เป็นสิ่งที่ตนไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน

 

 

หลูจื้อครุ่นคิดอยู่สักพักแต่ก็ยังไม่มีทางรับรู้สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ แต่ว่ามันต้องเจ็บปวดมากแน่นอน

 

 

ที่จริงช่วงระยะที่ผ่านมาตนก็ทำให้ชุยหังต้องทนรับความเจ็บปวดทรมานมาไม่น้อยเลยทีเดียว

 

 

คนสองคนที่รักกันในบางครั้งก็ต่างเป็นฝ่ายทรมานกันและกันเอง

 

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่อยากปล่อยมันไป

 

 

“ทำไมนายไม่พูดตรงๆ นายไม่รู้หรอว่าคนเป็นทหารก็เป็นแค่เส้นเอ็นเส้นหนึ่งเท่านั้น” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ฉันกลัวว่าหลังจากที่ฉันพูดออกไปแล้วนายจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ทำให้คนที่บ้านของนายต้องลำบากใจไปด้วย”

 

 

ครั้งนี้วนมาถึงคราวที่หลูจื้อถอนหายใจแล้ว เขาพูดว่า: “ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้น นายก็ควรจะเตือนฉันบ้าง ดังนั้นนี่ก็เป็นความผิดของนาย”

 

 

ชุยหังรู้สึกพูดไม่ออกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันเป็นความผิดของเขาทั้งหมดอยู่ดี

 

 

“ในเมื่อคบกับฉันแล้วทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี? มีเรื่องค้างคาใจอะไรก็ไม่พูด นายอย่าลืมนะว่าตอนนี้นายเป็นคนของฉันแล้ว ไม่ใช่ของตัวเองแล้ว นายคิดว่ายังเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรอที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แบกรับมันเอาไว้คนเดียว? นายถือสิทธิ์อะไรมาทำให้คนที่ฉันรักต้องเจ็บปวดทรมาน?”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 265 แผนการในอนาคต

 

 

ชุยหังมองเข้าไปในดวงตาของหลูจื้อ ตอนที่เขาพูดคำพูดพวกนี้ออกมา แววตากลับไม่เหมือนเมื่อครู่ที่เต็มไปด้วยความตำหนิ

 

 

แต่มันเป็นการตำหนิตัวเอง เป็นความปวดใจ

 

 

เขาแค่เอาเปรียบทางปากทางวาจาเท่านั้น ดังนั้นปล่อยให้เขาเอาเปรียบไปเถอะ

 

 

ยังไงซะสิ่งที่เอาเปรียบได้ก็ถูกเขาเอาเปรียบไปหมดแล้ว และไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรกแล้ว

 

 

“ต่อไปจะทำยังไง” ชุยหังถาม

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ตอนนี้รู้จักถามฉันแล้ว?”

 

 

“ไม่ถามก็ไม่ได้นี่นา เดี๋ยวถูกจัดการเอาง่ายๆ” ชุยหังกล่าว

 

 

หลูจื้อพูด: “ยังนับว่านายรู้จักประเมินตัวเอง กลับไปฉันจะเช่าห้องให้นาย ไม่ต้องอยู่ไกลจากฉันมากเกินไป แบบนี้ก็จะสะดวกเวลาฉันไปเยี่ยมนาย แล้วนายก็พักผ่อนก่อนสักระยะหนึ่ง ยังไงซะที่มหา’ ลัยก็พักการเรียนไปแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากขนาดนั้นหรอก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับใครมากด้วย”

 

 

“แล้วไงต่อ?” ชุยหังถามต่อ

 

 

คงไม่ใช่ว่าวันๆ เขาต้องไม่ทำอะไรแล้วก็อยู่แต่บ้านเฉยๆ หรอกใช่ไหม?

 

 

หลูจื้อพูดว่า: “นายก็อยู่ที่บ้านไปเถอะ ฉันจะถือว่าฝังสาวสวยในห้องทองคำ [1] ก็แล้วกัน ถึงแม้ว่านายจะหน้าตางั้นๆ แต่ก็ใช้แก้ขัดไปก่อนได้”

 

 

“ใครหน้าตางั้นๆ? อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในระดับที่ไม่ทำผู้ชมผิดหวังหรอก” ชุยหังกล่าว

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องถึงกับไม่ทำให้ท่านผู้ชมผิดหวังหรอก ไม่ทำให้ฉันผิดหวังก็พอแล้ว”

 

 

“หมดคำจะพูด” ชุยหังว่า

 

 

“หมดคำจะพูดก็ไม่ต้องพูดฟังฉันพูดให้จบ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับคนที่บ้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นคงจะไม่ได้กลับไปที่บ้านบ่อยนัก ถ้าหากว่ามีเวลาก็จะไปหานาย นายทำอาหารเก่งไม่ใช่หรอ” หลูจื้อถาม

 

 

ชุยหังครุ่นคิดสักพักพลางพูดว่า: “นิดหน่อยแต่ก็ไม่มาก”

 

 

“ลังเลอะไร หรือกำลังคิดว่าจะวางยาฉันตายดีไหม” หลูจื้อถามติดตลกขึ้นมา

 

 

ชุยหังรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันแค่กำลังคิดว่าอย่างฉันนับว่าทำอาหารเป็นหรือไม่เป็นแต่ยังไงก็ทำสุกแน่ ส่วนอร่อยไม่อร่อยมันก็อีกเรื่องแล้ว”

 

 

“ไม่เป็นไรกินได้ก็โอเคแล้ว ฉันไม่ได้เลือกกินอะไรขนาดนั้น”

 

 

“อาหารที่ฉันทำอาจจะเป็นรสชาติแบบอาหารตงเป่ย อาจจะไม่ตรงกับรสนิยมรสชาติอาหารของนาย รสชาติเผ็ดร้อนแบบเมืองเอ้อของพวกนายฉันรับไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” ชุยหังกล่าว

 

 

“ไม่เป็นไร ผู้บังคับการซ่งของพวกเราบอกฉันแล้วว่าต่อไปถ้าทำให้นายรู้สึกไม่ดีล่ะก็พยายามให้นายกินเผ็ดน้อยๆ ก็พอ” หลูจื้อพูดพร้อมยิ้มเยาะ

 

 

ชุยหังมองท่าทางเขาก็รู้ว่าเขาคงจะไม่ได้โกรธมากขนาดนั้นแล้ว

 

 

ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดพลาด

 

 

หลูจื้อไม่ได้พิจารณาถึงความรู้สึกของชุยหัง ส่วนชุยหังก็คิดเองเออเอง

 

 

“แต่ว่าต่อไปในอนาคตนายก็จะเป็นได้แค่คนข้างหลังของฉันนะ นายเต็มใจไหม” หลูจื้อถาม

 

 

หลังจากชุยหังได้ฟังก็เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง

 

 

เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของหลูจื้อก็คือไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถปรากฏตัวต่อสายตาคนอื่นได้อย่างเปิดเผย

 

 

แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ยังได้อยู่ด้วยกัน

 

 

หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็พูดว่า: “อืม ก็ได้”

 

 

“ฉันก็แค่ถามดู อันที่จริงฉันคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าฉันจะไม่ให้นายเป็นคนเบื้องหลังไปตลอดหรอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมฉันจะให้นายได้รู้จักพ่อแม่ของฉันแบบต่อหน้าเลย” หลูจื้อกล่าว

 

 

หลังจากชุยหังได้ฟังก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

เมื่อนึกถึงคู่พ่อแม่คนคร่ำครึของหลูจื้อขึ้นมาเขาก็รู้สึกเป็นกังวล

 

 

“ถ้าพ่อแม่นายไม่ชอบฉันขึ้นมาจะทำยังไง” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขาถูกนายเบี่ยงเบนแล้ว ไม่ยอมแต่งลูกสะใภ้ให้แล้ว ไม่ยอมมีลูกด้วย พวกเขาควรจะชอบนายไหม” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนจะมีเหตุผล”

 

 

“แต่ฉันชอบก็พอแล้ว นายไม่ได้ใช้ชีวิตกับพวกเขาสักหน่อย ก็เหมือนกับที่นายเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าพวกเขาเห็นฉันกับนายคบกันอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมาก แถมฉันก็มีความสุขจากใจจริงเดี๋ยวพวกเขาก็ค่อยๆ ปล่อยวางได้เอง”

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+