[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 70 อึดอัด / 71 ยุงกัดเข้าตรงหัวใจ

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 70 อึดอัด / 71 ยุงกัดเข้าตรงหัวใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 70 อึดอัด  

 

 

ณ สนามกีฬา ชุยหังยืนอยู่ด้านหน้าสุดของแถว เมื่อเหลือบไปเห็นหลูจื้อเดินเข้ามาเขาก็ตั้งใจเบือนสายตามองไปทางอื่นแทน  

 

 

เขาไม่กล้ามองหลูจื้อ ส่วนทางหลูจื้อเองก็เช่นกัน ดูเหมือนเขาก็ไม่อยากเห็นหน้าชุยหังเหมือนกัน สายตาของเขาไม่ได้มองมาทางนี้  

 

 

ดูเหมือนทั้งสองคนคงจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ดีทั้งคู่ โดยเฉพาะหลูจื้อที่ไม่ได้ดื่มมาก และไม่ได้เมา ตอนนั้นเขามีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ในเหตุการณ์นั้น ชุยหังพูดแบบนั้นกับเขา ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ชอบเพศเดียวกัน แถมยังจูบเขาอีก เชื่อว่าเขาคงต้องการเวลาทำความเข้าใจกับมันไปอีกสักพัก  

 

 

“การยืนท่าระเบียบเมื่อวานทุกคนทำได้ไม่เลว วันนี้พวกเราจะเริ่มฝึกการเตะเท้า โดยจะอธิบายท่าทางการเคลื่อนไหวให้ทุกคนฟังก่อน” หลูจื้อพูดอยู่ด้านหน้า  

 

 

ชุยหังพยายามบังคับสายตาของตัวเองให้มองไปทางหลูจื้อ มองท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาอย่างชัดเจนแต่กลับหลีกเลี่ยงที่จะมองหน้าเขา  

 

 

เมื่อสายตาประสานกันเขาก็เบือนหลบสายตาในทันที  

 

 

ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของชุยหัง และแน่นอนว่าทุกคนไม่ได้แปลกใจว่าทำไมวันนี้หลูจื้อถึงไม่แกล้งชุยหัง เพราะในสถานการณ์แบบนี้ เขาคงจะไม่มีเวลามาแกล้งใครแล้ว  

 

 

หลูจื้ออธิบายท่าทางการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าทุกคนเคยฝึกมันผ่านมาในช่วงมอปลายแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกใหม่อะไร  

 

 

เพียงแต่เมื่อออกคำสั่งหนึ่งครั้งต้องขยับหนึ่งครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนคำสั่งทุกคนต้องคอยรักษาท่าทางเอาไว้อย่างเดิม อันนี้จึงค่อนข้างเหนื่อยหน่อยเท่านั้น  

 

 

การยืนท่าระเบียบก่อนหน้านี้อย่างน้อยก็แค่การยืนตรงด้วยขาสองข้าง แต่ตอนนี้ต้องแกว่งแขนบวกกับเตะเท้า นับว่าเป็นการทดสอบการสอดประสานกันระหว่างมือเท้าทั้งสี่เลยทีเดียว  

 

 

“ดี ตอนนี้เริ่มฟังเสียงสัญญาณจากผม สั่งหนึ่งครั้งขยับหนึ่งครั้ง หนึ่ง……” หลูจื้อเริ่มตะโกนเสียงสัญญาณจากด้านหน้าสุด  

 

 

ชุยหังรีบทำตามคนอื่นๆ แกว่งแขนออกไป จากนั้นยกขาซ้ายขึ้นหลังเท้าวางตรง จากนั้นรักษาท่วงท่านี้ค้างไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับสักนิด  

 

 

แต่รู้สึกว่าตัวเองยังหาจุดสมดุลของร่างกายได้ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก  

 

 

ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเมื่อวานตัวเองดื่มเหล้าเข้าไปแล้วยังไม่สร่างเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ดีหรือเปล่า หรือว่าแขนขาของตัวเองจู่ๆ ก็ไม่ประสานกัน ถึงได้ทำให้ตัวเองสั่นเอนไปมาแบบนี้  

 

 

ถ้าเป็นปกติหลูจื้อจะต้องเดินเข้ามาหาเขาเป็นคนแรกอย่างแน่นอน แล้วก็ช่วงจัดท่าให้เขา ก่อนจะพูดจากเสียดสีเขาอีกสองสามประโยค  

 

 

แต่ว่าวันนี้ หลูจื้อเหมือนมองไม่เห็นยังไงอย่างนั้น เอาแต่จับจ้องไปทางคนอื่นๆ แทน แล้วยังเดินไปหาคนอื่นๆ ถึงที่พลางช่วยคนอื่นๆ จัดวางท่าทางไม่หยุด  

 

 

“แขนวางให้เป็นธรรมชาติหน่อย ขาเหยียดตึง ถ้ารู้สึกว่าเป็นตะคริวก็วางลงพักก่อนสักหน่อย อย่าลุกลี้ลุกลน ส่งแรงไปที่เท้าต้องยืนให้มั่น” เขาเดินอยู่กลางแถวพลางพูดถึงสาระสำคัญของท่าทางการเตะก้าวเท้าไปด้วย  

 

 

ที่จริงคนที่เอนไปเอนมาไม่ได้มีแค่ชุยหังคนเดียวเท่านั้น  

 

 

แต่ว่าหลูจื้อเดินไปหาแต่คนอื่นพลางช่วยพวกเขาแก้ไขจัดท่าทางให้ถูกต้อง พอเดินมาถึงข้างหน้าของชุยหังเขากลับเดินผ่านไปเลย  

 

 

ทุกครั้งที่หลูจื้อเดินผ่านข้างกายเขา ชุยหังยังคงรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังนิดหน่อย ที่ตื่นเต้นคือหลูจื้อจะใช้ท่าทีแบบไหนเข้ามาคุยกับเขา ที่คาดหวังคืออยากให้หลูจื้อเป็นเหมือนอย่างเมื่อก่อน เดินผ่านข้างตัวเขา พูดจาประชดประชันเขาสองสามประโยคแล้วก็เย้าเล่นกับเขาสักหน่อย  

 

 

ใช้โอกาสตอนที่ชุยหังยืนไม่มั่นผลักตัวชุยหังเบาๆ สักหน่อย คอยดูว่าตนจะล้มลงไปไหมหรืออะไรอื่นๆ ก็ได้  

 

 

แต่ดูเหมือนสิ่งเหล่านี้จะเป็นแค่จินตนาการของชุยหังไปแล้ว  

 

 

ทุกครั้งที่หลูจื้อเดินมาถึงข้างตัวเขาก็จะหันตัวเดินจากไปเลย โดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด  

 

 

ที่ตรงนี้ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเขตวางทุ่นระเบิดสำหรับหลูจื้อไปเสียแล้ว  

 

 

ภายในใจของชุยหังแอบรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ว่าเมื่อคิดดูอีกทีเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยทั้งสองคนก็ไม่ต้องมาอึดอัดเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 71 ยุงกัดเข้าตรงหัวใจ  

 

 

เดิมทีการพบกันระหว่างเขากับหลูจื้อก็เป็นแค่เหตุสุดวิสัย  

 

 

อันที่จริงพวกเขาไม่ควรเข้ามาคลุกคลีกันตั้งแต่แรก ให้มันเหมือนคนสองคนที่แค่เดินเฉียดไหล่ผ่านไปท่ามกลางฝูงชนเท่านั้นพอ เมื่อเหลือบมองกลับไปอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว  

 

 

แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่แสนจะอึดอัดแบบนี้  

 

 

ชุยหังคิดไม่ออกว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะตัวของเขาเอง บางทีอาจเป็นเพราะหลูจื้อ  

 

 

เมื่อวาน ความรู้สึกตอนที่ใบหน้าของเขามันแนบเข้ากับซอกคอของหลูจื้อทำให้เขารู้สึกใจสั่นรัว  

 

 

เขาออกแรงสะบัดหัวไปมาเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก เชื่อว่าหลูจื้อคงจะกำลังคิดถึงเรื่องพวกนี้เหมือนกัน  

 

 

ผู้บังคับบัญชาทหารที่มีแฟนแล้วคนหนึ่ง ถูกเกย์อีกคนจูบเข้ามันจะเป็นประสบการณ์แบบไหนกันนะ?  

 

 

เมื่อวานหลังจากกลับไป เขาคงจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดตรงที่ถูกชุยหังจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วนเลยมั้ง?   

 

 

ชุยหังเหม่อลอยอีกแล้วและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก  

 

 

นึกถึงเรื่องที่ไม่ควรจะนึกถึง คิดถึงคนที่ไม่ควรจะคิดถึง ก็มักจะต้องยอมอุทิศความรู้สึกของตัวเองออกไปไม่หยุดแบบนี้  

 

 

ตอนที่เขาเรียกสติของตัวเองกลับมาได้ ทั้งเหลียงจื้อและคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็จับจ้องมองมาที่เขา  

 

 

ชุยหังพบว่าท่าทางของตัวเองมันแตกต่างจากคนอื่นๆ  

 

 

ตอนที่ตัวเองพึ่งจะเหม่อลอยไปเมื่อครู่ หลูจื้อได้เปลี่ยนคำสั่งใหม่แล้ว  

 

 

แต่ว่าครั้งนี้หลูจื้อกลับไม่ได้เดินเข้ามาปรับให้เขา แม้กระทั่งจะหันมองเขาสักนิดก็ไม่มี  

 

 

เขาไม่มีทางมองไม่เห็นแน่ ก็แค่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นก็เท่านั้น  

 

 

ชุยหังที่เข้าใจอะไรมากขึ้น เดิมคิดว่าอยากให้ตัวเองยอมรับมัน ให้ตัวเองชินกับมัน แต่ตอนที่พบว่าตัวเองถูกหลูจื้อมองเป็นอากาศแบบนี้ ความรู้สึกนี้มันทำให้ปวดใจมาก  

 

 

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความรู้สึกใจสลายเหมือนอย่างวันที่เขาโทรหาหลิวเฮ่อแล้วได้ยินเสียงผู้ชายคนอื่นรับสายแทนตอนนั้นก็ตาม แต่น้ำน้อยๆ ค่อยๆ ไหลแบบนี้ มันกลับตอกย้ำลึกเข้าไปในหัวใจ ความรู้สึกเหมือนมียุงตัวหนึ่งคอยกัดกินหัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันยุ่งเหยิงเกินจะบรรยาย  

 

 

เขาเตือนสติตัวเองตลอดว่าไม่สามารถชอบหลูจื้อได้ หลงไปชอบชายแท้เข้าจะมีแต่ความเจ็บปวด  

 

 

อีกอย่างตนพึ่งจะอกหักมา ตอนนี้ตนอยู่ในช่วงระหว่างจุดจบของความรักครั้งเก่ากับจุดเชื่อมต่อของความรักครั้งใหม่ จะตกหลุมรักคนที่ทำดีกับตนเป็นพิเศษเอาได้ง่ายๆ ดังนั้นนี่มันเป็นแค่จินตนาการของตัวเขาเองเท่านั้น ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริง  

 

 

เขาจัดการแก้ไขท่าทางของตัวเองอย่างอายๆ จากนั้นหลูจื้อก็ตะโกนเปลี่ยนคำสั่งใหม่อีกครั้ง  

 

 

เขาพลางเก็บซ่อนความคิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อของตัวเอง พลางรับมือกับการฝึกทหารไปด้วย มันเหมือนมีจิตวิญญาณสองดวงรวมอยู่ในร่างเดียวกัน  

 

 

ในที่สุด หลูจื้อก็ค่อยๆ เดินเข้ามาช้าๆ ยิ่งใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ  

 

 

ขณะเดียวกันกับที่หลูจื้อกำลังเดินตรงมาทางนี้ ร่างกายของชุยหังก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับปฏิกิริยาลูกโซ่และเขาไม่มีทางเหม่อลอยอีกแล้ว จุดสนใจรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวในทันที  

 

 

ภายในใจของชุยหังมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้นคือ เดินไกลออกไปอีกหน่อย ไปไกลอีกหน่อย…  

 

 

จากนั้นหลูจื้อก็หยุดลงข้างตัวของเหลียงจื้อ จากนั้นช่วยเหลียงจื้อปรับท่าทางการยืนให้เขาใหม่ มือควรจะวางตรงไหนและขาควรจะเตะถึงระดับไหน  

 

 

ตอนนี้คงจะกลับออกไปแล้วใช่ไหม ชุยหังคิดอยู่ในใจ  เขาคงไม่อยากจะมาสนิทสนมอะไรกับตนอีกแล้วสินะ   

 

 

แต่ทว่า หลังจากหลูจื้อช่วยเหลียงจื้อปรับท่าทางเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินตรงเข้ามา ก่อนจะเอื้อมมือออกมาแตะไว้ตรงขาของชุยหังพลางออกแรงเบาๆ แล้วพูด: “ขานี้เหยียดตรง”  

 

 

ชุยหังได้ยินเสียงก้องกังวานของเขาอย่างชัดเจน ภาพจินตนาการที่ตัวเองสร้างขึ้นและทำเป็นมองไม่เห็นหลูจื้อเมื่อครู่นี้ค่อยๆ แตกสลายไป  

 

 

“ทั้งตัวยังคงรักษาไว้ให้ตรงเหมือนเดิม อย่าขยับ มือซ้ายวางไว้ห่างจากอกหนึ่งกำมือ มือขวาเหวี่ยงจากตรงตะเข็บกางเกงแกว่งไปด้านหลังประมาณสี่สิบห้าองศา”  

 

 

หลูจื้อมองชุยหังที่ดูเหมือนจะไม่อยากมองเขา หลบเลี่ยงสายตาอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าใบหน้าของชุยหังจะตรงไปข้างหน้าแต่สายตากลับเหลือบมองไปทางที่ไม่มีเขาอยู่อย่างเห็นได้ชัด  

 

 

ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่หลูจื้อจะขยับตัวออกจากชุยหังถึงได้ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ข้างหูของเขา: “คออ่อนจริงๆ”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด