[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ 82 คงไม่ใช่จูบแรกหรอกนะ / 83 ฝนตกแล้ว

Now you are reading [นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ Chapter 82 คงไม่ใช่จูบแรกหรอกนะ / 83 ฝนตกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 82 คงไม่ใช่จูบแรกหรอกนะ  

 

 

ชุยหังตกใจจนต้องรีบหันกลับทันที ปรากฏว่าริมฝีปากของชุยหังดันไปสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่อ่อนนุ่มเข้า  

 

 

เขาลืมตาขึ้นก็เห็นว่าหลูจื้อยืนอยู่ตรงนั้น  

 

 

ด้านหลูจื้อเองก็ทำหน้าสับสนเช่นกัน เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของชุยหังเมื่อครู่มันเร็วเกินไป ทำให้เขาหลบไม่ทัน  

 

 

ชุยหังตะลึงงันยกมือขึ้นปิดปากพลางพยายามนึกว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองจูบหลูจื้อไปแล้วใช่หรือเปล่า  

 

 

ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การหอมแก้มแบบง่ายๆ เหมือนครั้งก่อนด้วย  

 

 

“ฉันไม่ได้เป็นโรคปากเท้าเปื่อยนะ นายไม่ต้องรีบเช็ดปากขนาดนั้นก็ได้” หลูจื้อมองดูท่าทางของชุยหังก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์ไม่ดีนิดๆ  

 

 

“เผื่อว่าผมเป็นล่ะ” ชุยหังพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองรู้สึกอึดอัดมากเกินไปจึงเลือกที่จะพูดล้อเล่นขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้  

 

 

แต่ทว่าหลูจื้อกลับไม่ยิ้มเลย แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ยิ้มไม่ออกเลยเช่นเดียวกัน  

 

 

“ตอบคำถามของฉันมา” หลูจื้อเอ่ย  

 

 

ชุยหังเอนตัวพิงไปด้านหลังนิดหน่อยก่อนจะถามขึ้นว่า: “คำถามอะไร”  

 

 

“คนเมื่อกี้นี้ใช่แฟนของนายหรือเปล่า” หลูจื้อถามซ้ำขึ้นมาอีกรอบ  

 

 

“ไม่ใช่ซะหน่อย เพื่อนจากบ้านเดียวกัน พวกเรามารายงานตัวล่วงหน้าพร้อมกันก็เลยรู้จักกัน” ชุยหังกำลังอธิบาย  

 

 

“ไม่ต้องอธิบายซะละเอียดมากขนาดนี้หรอก ทำไมรู้สึกผิดหรอ” หลูจื้อถามขึ้น  

 

 

ชุยหังตะลึงงัน รู้สึกผิด?  

 

 

อย่าว่าไปตัวเขาเองก็แอบรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ  

 

 

“เมื่อกี้พวกนายสองคนอยู่ตรงนั้นคุยอะไรกัน” หลูจื้อยิงคำถามต่อ  

 

 

ความรู้สึกผิดของชุยหังกลับมาอีกครั้ง เขาตอบไปว่า: “ไม่ได้คุยอะไร ก็คุยเรื่องเกี่ยวกับทางบ้าน แล้วก็ยังมีเรื่องการฝึกทหารด้วย”  

 

 

“คุยเรื่องที่ฉันรังแกนายไปแล้วหรือยัง”  

 

 

ชุยหังตะลึงงันก่อนจะตอบว่า: “ยัง ยังไม่ทันได้พูดก็เห็นคุณก่อนก็เลยกลืนมันกลับลงไปแล้ว”  

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ขนาดฉันแค่ออกมาคุยโทรศัพท์เฉยๆ ยังมาเจอนายพูดจาว่าร้ายฉันกับคนอื่นเลย นายนี่มันแน่จริงๆ นะ”  

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ก็ไม่ได้พูดออกมาไม่ใช่หรือไง อีกอย่างคุณรู้ได้ยังไงว่าจะพูดว่าร้ายน่ะ”  

 

 

“อย่างนายจะชมฉัน? นับตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันนายพูดดีกับฉันสักประโยคบ้างหรือยัง ขนาดใช้หัวแม่เท้าคิดฉันยังรู้เลยว่านายจะว่าฉันว่าอะไร” หลูจื้อพูดออกจะเกินจริงมากไป  

 

 

แต่ชุยหังกลับไม่ยอมรับและพูดขึ้นว่า: “เผื่อผมไม่ใช่คนแบบนั้นล่ะ ผมน่ะเป็นคนพูดจาชัดเจนต่อหน้า ลับหลังก็ไม่มีอะไรจำเป็นต้องพูดถึงแล้ว”  

 

 

“ก็เมื่อกี้นี้นายพึ่งบอกว่าจะฟ้องเรื่องฉันไม่ใช่หรือไง” หลูจื้อพูด  

 

 

ชุยหังกลับพูดว่า: “พูดตามความเป็นจริงก็นับว่าพูดจาให้ร้ายคุณหรอ ได้ ไว้คราวหลังเจอคนอื่นจะชมว่าคุณหล่อให้แล้วกัน”  

 

 

“นี่ยังต้องให้นายพูดหรอ คนอื่นไม่ได้ตาบอดซะหน่อย” หลูจื้อพูดขึ้นมาอีกประโยค  

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองถูกโจมตีเข้าให้แล้ว  หลูจื้อคนนี้ที่จริงลึกๆ แล้วก็เป็นคนหลงตัวเองไม่เบาเลยเหมือนกัน   

 

 

แต่ว่า เขายังคงไม่ได้ลดความอึดอัดตึงเครียดเมื่อครู่นี้ลงเลยแม้แต่นิดเดียว เขาพูดออกไปว่า: “ครูฝึกครับ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมไปก่อนนะ…”  

 

 

“ไปทางไหน” หลูจื้อเอ่ยถาม  

 

 

ชุยหังรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจึงพูดว่า: “ก็ผมมาถึงหอพักของผมแล้ว ทำไม กลับไม่ได้หรอครับ”  

 

 

“…โอเค ไปเถอะ” หลูจื้อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะผ่อนคลายลง  

 

 

ชุยหังรีบหมุนตัววิ่งกลับออกไปอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะชนเข้ากับประตูใหญ่ทางเข้าแล้ว  

 

 

“นายช้าๆ หน่อย…” เสียงของหลูจื้อดังตามมาจากทางด้านหลัง  

 

 

แต่ว่าตอนนี้ชุยหังไม่อยากจะสนใจอะไรมันแล้ว ตอนนี้หนีก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง  

 

 

ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะจูบหลูจื้อเข้าจริงๆ แต่ว่าหลูจื้อเองก็คงไม่นับว่าเสียเปรียบหรอก จะว่ายังไงดีล่ะ นั่นคงไม่ใช่จูบแรกของเขาหรอกนะ เขาอายุตั้งขนาดนี้แล้ว อีกอย่างยังมีแฟนคบหาอยู่ด้วย…  

 

 

อย่างไรก็ตามชุยหังได้แต่ปลอบตัวเองในใจว่าครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ตัวเขาไม่จำเป็นที่จะต้องไปแสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น  

 

 

อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดที่จะเรียกว่าความรับผิดชอบ  

 

 

ตกดึก นอนอยู่บนเตียง ชย่าอวี่ชิวส่งข้อความผ่านวีแชทให้เขาอีกว่า: [ฉันเป็นลูกคนเดียวแต่ว่าเรื่องแต่งงานฉันสามารถตัดสินใจเองได้ ถ้าหากว่าคบกับนายแล้ว ฉันจะไม่แต่งงานก็ได้]  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 83 ฝนตกแล้ว  

 

 

ชุยหังไม่กล้าตอบกลับก็เลยปิดมันลงไปเลย  

 

 

เขารู้ดีว่าการหนีไม่ใช่วิธีการในการแก้ไขปัญหา แต่ว่าเขาในตอนนี้ทำได้แค่หลีกหนีไปก่อนเท่านั้น  

 

 

คนหนึ่งก็หลูจื้อ คนหนึ่งก็ชย่าอวี่ชิวมันสับสนวุ่นวายหนักจนเกินขีดจำกัดขั้นความสงบของตัวเขาไปแล้ว  

 

 

ค่ำคืนแสนยาวนานค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ ชุยหังเปิดพัดลมแรงมาก ได้ยินเสียงลมหายใจของคนอื่นๆ ในห้องก็ได้แต่คิดอิจฉาอยู่อีกทาง  

 

 

ขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน  

 

 

เช้าวันต่อมา ชุยหังถูกเสียงฝีเท้าอันรีบร้อนของบรรดาเพื่อนร่วมห้องปลุกให้ตื่น พวกเขาเดินไปเดินมาตามพื้นห้องไม่รู้ว่าทำอะไรกัน  

 

 

เขาลืมตาตื่นขึ้น สีท้องฟ้าเทาหม่นมืดครึ้ม ปกติมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่ตื่นนอนแสงสว่างของท้องฟ้าจะส่องแสงเจิดจ้าในทุกวัน วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป  

 

 

จากนั้นเขาก็ขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเปาะแปะดังขึ้นจากด้านนอก หรือว่าฝนตกแล้ว?  

 

 

เขามองออกไปนอกหน้าต่างห้อง จากนั้นก็บิดขี้เกียจไปมาแล้วกดปิดพัดลมของเขาลง  

 

 

ที่แท้เมื่อครู่นี้พวกจ้าวหลินพึ่งจะพากันปิดหน้าต่างห้องลง ฝนที่ตกอยู่ด้านนอกนั้น ตกหนักไม่เบาเลยจริงๆ  

 

 

“ฝนตกหรอ” ชุยหังเอ่ยปากถามขึ้นอย่างมึนงง  

 

 

จ้าวหลินพูดขึ้นว่า: “ในที่สุดนายก็ตื่นสักที พวกเรานึกว่านายจะนอนจนช็อคไปแล้วซะอีก”  

 

 

“พี่ใหญ่ ฉันไม่เกิดเรื่องสักวันนายจะไม่มีความสุขใช่ไหม” ชุยหังพูด  

 

 

“เปล่านะ ก็แค่คิดว่านายนอนเก่งเกินไปจนแทบจะเป็นเทพเจ้าเฝ้าสวรรค์ไปแล้ว” จ้าวหลินกล่าว  

 

 

ชุยหังพลิกตัวจากนั้นเหลือบตามองทุกคน ที่แท้พวกเขาก็ตื่นนอนกันหมดทุกคนแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ลุกจากที่นอนเท่านั้น ต่างพากันนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง  

 

 

“พวกนายตื่นกันหมดแล้วนี่นา ทำไมไม่มีคนปลุกฉัน…” ชุยหังพูดขึ้น  

 

 

“ใครจะไปกล้าปลุกนายล่ะ เผื่อว่าในฝันนายกำลังออกเดทกับสาวน้อยคนนั้นอยู่ทำไง แบบนี้พวกเราก็เหมือนไปขัดฝันหวานๆ ของนายน่ะสิ” ถังเฉิงที่อยู่เตียงด้านล่างพูดขึ้น  

 

 

ชุยหังพลิกตัวแล้วเอาหัวยื่นออกไปมองถังเฉิงแล้วพูดว่า: “เหล่าซื่อ ให้ฉันเดาเมื่อวานนายต้องฝันถึงหรูฮวา  [1]  แน่นอนเลย”  

 

 

“ฉันจะฝันถึงเขาทำไมเล่า” ถังเฉิงมึนงง  

 

 

“เขาไม่ใช่เทพธิดาของนายหรอกหรอ” ชุยหังหัวเราะออกมา  

 

 

วังเฉียงเองก็หัวเราะแล้ว พลางพูดขึ้นว่า: “เหลาอู่ นายก็หาให้เหล่าซื่อดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือยังไง”  

 

 

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็แม่นมหยง  [2]  แล้วกัน…” ชุยหังทำท่าพูดอย่างฝืนใจ  

 

 

ถังเฉิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า: “พอแล้วเจ้าห้า ต่อไปฉันจะไม่ว่านายอีกแล้ว ฉันผิดไปแล้ว”  

 

 

“นายไม่ผิดนะ ฉันต่างหากที่ผิด พี่สี่ของผมทั้งรูปหล่อฉลาดปราดเปรื่องขนาดนี้จะผิดได้ยังไงล่ะ” ชุยหังพูดเย้ยหยัน  

 

 

ถังเฉิงยิ้มอย่างไม่เป็นตัวเองมากกว่าเดิมแล้วพูดว่า: “เจ้าห้า พี่สี่ของนายผิดไปแล้วจริงๆ นายรีบหุบปากไปเถอะ”  

 

 

ชุยหังมองสายฝนที่ตกรินอยู่ด้านนอกแล้วถามจ้าวหลินว่า: “วันนี้คงจะฝึกทหารไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”  

 

 

“ดูจากสถานการณ์น่าจะใช่นะ ใครจะไปรู้ว่าครูฝึกจะเกิดบ้าขึ้นมาอีกหรือเปล่า” จ้าวหลินพูด  

 

 

ชุยหังฟุบลงกับหมอนแล้วพูดขึ้น: “แต่หวังว่าวันนี้พวกเขาจะปกติกันหน่อย อย่าได้คิดหาเรื่องอีกเลย…”  

 

 

ทันทีที่เสียงพึ่งจะหลุดออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  

 

 

โจวเฉวียนเดินเปลือยท่อนบนเปิดประตูเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วพูดว่า: “เมื่อกี้นี้อาจารย์หม่าโทรศัพท์มาบอกว่ายกเลิกการฝึกทหารช่วงเช้าของวันนี้ ให้ทำกิจกรรมตามอัธยาศัย ส่วนช่วงบ่ายรอดูสภาพอากาศ”  

 

 

“จริงปะเนี่ย?” ถังเฉิงดีใจจนกระโดดลุกขึ้นมานั่ง  

 

 

“จริงสิ ฉันไม่คุยกับพวกนายแล้ว ยังต้องไปแจ้งเพื่อนห้องอื่นๆ อีก” โจวเฉวียนพูดจบก็ปิดประตูเดินไปทันที  

 

 

ชุยหังบิดขี้เกียจก่อนจะพูดขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถนอนต่อได้อีกหน่อย”  

 

 

หลังจากนั้นไม่นานโทรศัพท์ประจำห้องพักก็ดังขึ้น ถังเฉิงลุกไปรับโทรศัพท์ก่อนจะหันมาพูดกับชุยหัง: “เหลาอู่ โทรหานายอีกแล้ว”  

 

 

ตอนนั้นในใจก็ของชุยหังก็แอบเต้นตึกตักนิดหน่อย  โทรเข้าเบอร์ห้องพักเพื่อโทรหาเขาก็คงจะมีแค่คนๆ นั้นคนเดียวไม่ใช่หรอ?   

 

 

แล้วก็เป็นไปตามนั้น ตอนที่เขารับโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงจากปลายสายพูดขึ้น: “ฉันเองหลูจื้อ นายออกมาหน่อยสิ”  

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1]  หรูฮวา 如花เดิมเป็นชื่อของเพศหญิงทั่วไปความหมายคือ ‘เหมือนดอกไม้’ แต่ต่อมาในภาพยนตร์《九品芝麻官》กลับเอาชื่อหรูฮวาไปเป็นตัวละครหญิงสาวหน้าตาขี้เหร่คนหนึ่ง ดังนั้นชื่อหรูฮวาจึงกลายเป็นคำใช้แทนผู้หญิงขี้เหร่ไปสำหรับใครหลายคน  

 

 

[2]  แม่นมหยง 容嬷嬷คือตัวละครจากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ เป็นแม่นมของฮองเฮาจงรักภักดีกับฮองเฮาอย่างมาก  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด