[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 21 ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 21 ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 21

ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์

 

  หลายวันผ่านไปหลังจากทุกคนกลับมาจากวัลเบิร์ต นอกจากเหตุการณ์ลอบสังหารเซเลนที่จบลงโดยสวัสดิภาพและไม่มีใครรับรู้แล้ว วันๆของเฮลิฟาเต้ก็ดำเนินต่อไปตามปรกติ จะมีก็แต่ปัญหาที่แก้ไม่ตกของมิลาน

 

  ทั้งที่เพิ่งจะถึงช่วงเช้าได้ไม่นานแต่มิลานก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องของเซเลนด้วยความกังวล เพราะต่อจากนี้เขาต้องไปฝึกช่วงเช้า หากไม่มาหาตอนนี้ก็คงอีกนานกว่าจะมีโอกาสได้พบเซเลนอีกครั้ง มิลานสูดหายใจเข้าลึกแล้วเคาะประตู

 

“เซเลน ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้า ตื่นอยู่หรือเปล่าครับ?”

“หลับอยู่!”

“ตื่นแล้วสินะครับ ขอโทษด้วย แต่ผมจะเข้าไปแล้วนะ”

 

  มิลานเปิดประตูเข้าไปก็พบกับก้อนผ้าห่มโป่งพองอยู่กลางเตียงในห้องที่สะอาดเรียบร้อย ข้างในผ้าห่มไม่มีทางเป็นใครได้นอกจากเซเลน เด็กสาวที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับมันจูขนาดใหญ่ด้วยผ้าห่ม และเธอก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมามองมิลานที่เข้ามาในห้องเลย

 

“วันนี้อากาศดี ถึงจะยังเช้าเกินไปหน่อยแต่ก็ไปเดินเล่นกันไหมครับ?”

“ไม่เอา”

 

  เมื่อได้ยินเสียงอู้อี้ที่ตอบมาจากข้างในก้อนผ้าห่ม มิลานก็ถอนหายใจออกมาและเดินไปที่เตียงของเซเลนจากนั้นก็นั่งลงข้างๆเธอ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าผ้าห่มกองนี้จะปล่อยตัวเซเลนออกมา 

 

“มีอะไรที่ทำให้ไม่พอใจหรือเปล่าครับ? ตั้งแต่กลับมาจากวัลเบิร์ตเธอก็ไม่พูดกับผมเลยสักคำ”

“……หนวกหู”

 

  เป็นอย่างที่มิลานพูดไว้ ตั้งแต่กลับมาจากวัลเบิร์ต เซเลนก็ดูอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลาอย่างเห็นได้ชัด กับมิลานแล้ว เธอจะพยายามหลีกเลี่ยง แทบจะไม่มองหน้า ไม่พูดคุย ช่วงเวลาอาหารค่ำก็เมินเฉยต่อเขาโดยสมบูรณ์

 

“ถ้าผมทำอะไรให้ไม่พอใจ ครั้งหน้าจะระวังไว้ แต่ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับ เซเลน ว่าเรื่องอะไร? พูดออกมาตรงๆเถอะครับ”

“เจ้าชาย คือ เจ้าชาย”

“เพราะผมคือตัวผม?”

 

  มิลานเอียงคอเพราะคำตอบที่ได้รับมันประหลาดเกินไป แต่ไม่ใช่สำหรับเซเลนที่เกลียดการมีตัวตนของมิลานอยู่แล้ว ที่ตอบไปนี่ก็ถูกต้องตรงตัว หลังจากทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัด ไม่นานมิลานก็ออกจากห้องเพื่อไปฝึกรอบเช้าต่อ

 

“อุ ยา ยา…”

 

  เมื่อแน่ใจว่ามิลานไม่อยู่แล้ว เซเลนก็พึมพำออกมาด้วยประโยคที่เหมือนกับคนติดยา น่าแปลกสำหรับเซเลนที่ทั้งชีวิตนี้หรือชีวิตไหนก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาประเภทนั้น สิ่งที่เซเลนหมายถึงคือผงสีขาวที่ได้มาจากวัลเบิร์ตแต่ก็ถูกเจ้าชายยึดไปในทันทีก่อนที่จะได้ทำอะไรทั้งนั้น

 

  หลังจากมันถูกส่งให้กับหมอหลวงของเฮลิฟาเต้เพื่อตรวจสอบ ก็ได้ทราบว่ายานี้เป็นยาเสริมพลังที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ถึงอย่างงั้น มันก็มีที่มาไม่ชัดเจนอย่างในตรอกมืดที่น่าสงสัยในวัลเบิร์ต จึงลงความเห็นกันว่าไม่ควรให้นำมาใช้กับราชวงศ์ ตอนนี้มันจึงถูกเก็บอยู่เฉยๆในคลังของพระราชวัง

 

  มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับเซเลนที่คิดไว้ว่าจะแอบให้ยาเสริมพลังนี้อย่างเกินขนาดกับเจ้าชายจนทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพ แต่เจ้าชายกลับไหวตัวทันและชิงลงมือก่อนที่ทางนี้จะเริ่มดำเนินการ

 

   แน่นอนว่า ทั้งมิลานและหมอหลวงไม่ได้รับรู้ในความคิดนั้นและไม่มีเจตนาร้ายใดๆ แต่กับเซเลนที่เหมือนกับถูกปิดช่องทางก็เริ่มสูญเสียความตั้งใจในการทำข้าวกล่องอันตรายแบบที่ทำอยู่ทุกๆวัน และเธอก็เอาแต่นอนในสภาพนี้มาตลอดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

“อยากได้ อาวุธ… มีด คมๆ”

 

   ถ้าวางยาไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีสุดท้าย ซึ่งก็คือการโจมตีทางกายภาพตรงๆ แต่ด้วยความสามารถของเซเลนในตอนนี้ยังห่างไกลอีกมากที่จะทำให้สำเร็จได้ อาลัวเคยบอกกับมิลานไว้ว่า ‘ตอนที่เซเลนถูกคุมขัง เธอเคยดูเหมือนจะทำร้ายตัวเอง โดยตัดผมยาวๆที่สวยงามของเธอออก’ ของมีคม เช่นมีด จึงถูกเก็บรักษาอย่างเข้มงวดจากเซเลน

 

   ด้วยเหตุนั้น ในห้องของเซเลนจึงมีแค่ของเล็กๆอย่างกรรไกรตัดด้ายเท่านั้น ทุกอย่างจะถูกตรวจสอบเป็นอย่างดีอยู่ทุกวันโดยสาวใช้ผู้มีประสบการณ์สูง กระทั้งมีดจากห้องครัวก็ไม่สามารถขอยืมออกมาได้

 

“อุ ต้องฆ่า ต้องฆ่า…”

 

  และแล้วเซเลนในก้อนผ้าห่มก็หลับลงไปอีกครั้งขณะบ่นอู้อึ้เสียงดัง

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

“ได้ผู้ชนะแล้ว!”

 

   เสียงอันดังและหนักแน่นของคุมะฮาจิกังวานอยู่ในสนามฝึกในเขตพระราชวัง เขากำลังรับหน้าที่ของผู้ตัดสินในการประลองในหมู่ทหาร เป็นการต่อสู้ด้วยดาบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เป็นเรื่องปรกติสำหรับการฝึก แต่คราวนี้กลับมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นจนทหารที่ดูอยู่รอบๆต้องตกตะลึงไปตามๆกันกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น

 

  ผู้ที่ถูกกล่าวถึงเมื่อครู่ ไม่ใช่นักดาบยอดฝีมืออย่างเจ้าชายมิลาน แต่เป็นทหารใหม่ที่เข้าประจำการได้ยังไม่ครบปีเป็นผู้ชนะ แม้แต่ทหารหนุ่มผู้ได้รับชัยชนะก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่อยู่ต่อหน้า ดาบไม้ของมิลานถูกปัดกระเด็นออกจากมือ เขายังมองดาบไม้ที่อยู่ในมือของเขากับดาบของมิลานที่อยู่บนพื้นสลับกันไปมา

 

“เอ่อ องค์ชาย! ขออภัยครับ!”

“ไม่ต้องหรอก ผมเป็นฝ่ายแพ้ เงยหน้าขึ้นเถอะ”

 

  ทหารหนุ่มเพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ ทำท่าตื่นตระหนกและรีบหันมาก้มหัวให้กับมิลาน ทางด้านของมิลานที่ยังหลงเหลือความเหม่อลอยอยู่ก็ตอบกลับเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างใจเย็น ภายในการประลองหรือในสนามฝึกแห่งนี้ จะเป็นเจ้าชายหรือทหารฝึกหัดก็ไม่ถูกปฏิบัติต่างกัน

 

“องค์ชาย วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะขอรับ”

“อะไรกัน นี่ยังไม่พ้นช่วงเช้าเลยนะ จะให้เลิกเร็วเกินไปแล้ว”

“ตัวท่านที่มีสภาพเช่นนี้ มันรบกวนการฝึกซ้อมของทหารผู้อื่นขอรับ”

 

  คุมะฮาจิพูดออกมาตรงๆ มิลานก็รู้ตัวดีว่าจิตใจของเข้าไม่ได้จดจ่อกับการฝึกในครั้งนี้ แต่ก็ไม่อยากปรับเปลี่ยนช่วงเวลากิจวัตรประจำวันของเขา คุมะฮาจิคว้าแขนของมิลานที่ยังดื้อดึง ออกแรงลากมิลานเข้าไปใต้เงาไม้ที่เป็นที่พักของเหล่าทหาร หลังจากจับให้นั่งได้แล้ว เขาก็นั่งลงข้างๆ

 

“ตั้งแต่ท่านกลับมาจากวัลเบิร์ต องค์ชายกลวงโบ๋อย่างกับเปลือกจักจั่นเลยนะขอรับ”

“ไม่จริงหรอก ผมยังแข็งแรงดี”

“ป่านนี้คิดจะปิดบังไปมันก็ไร้ประโยชน์แล้วขอรับ ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่เป็นที่จิตใจต่างหาก”

“จะตรงไหนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า”

“อ้าว ทำไมท่านเซเลนถึงมาแต่เช้าได้ล่ะเนี่ย!”

“ว-ว่าไงนะ!? อ-อยู่ไหน!?”

  มิลานลุกขึ้นมองไปยังทิศทางเดียวกับที่คุมะฮาจิหันไป แต่ก็ไม่เห็นเจ้าหญิงสีขาวผู้น่ารักอยู่ในบริเวณนั้น มีเพียงท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส สนามหญ้าที่ถูกตัดเรียบร้อยเสมอกัน และเหล่าชายฉกรรจ์ที่เคลื่อนไหวออกแรงอยู่บนนั้น

 

“…คุมะฮาจิ!”

“ฮ่าฮ่า! เรื่องท่านเซเลนจริงๆด้วยสินะขอรับ ได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้าหญิงอารมณ์ไม่ดีอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมล่ะขอรับ?”

“…ก็ตามนั้นแหละ”

 

  มิลานนั่งลงอีกครั้ง รู้สึกอับอายที่ถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ตั้งแต่กลับมาจากวัลเบิร์ต เซเลนก็ไม่ค่อยได้ทำอาหารกลางวันมาให้ ถึงมิลานจะไม่แสดงออกหรือบอกกับใคร แต่ภายในจิตในก็มีความรู้สึกซึมเศร้าสะสมอยู่เรื่อยมา

 

“นายนี่มองออกทุกเรื่องเลยนะ… เซเลน กำลังหลบหน้าผมอยู่”

“ไปทำอะไรไว้ล่ะขอรับ?”

“ก็ได้แค่เดาเท่านั้น คิดว่าเป็นเรื่องยาที่ซื้อมาจากวัลเบิร์ตแล้วผมไปยึดเอาไว้นั่นแหละ ตอนนั้นคิดเพียงแค่จะต้องจัดการสิ่งที่เป็นอันตรายทั้งหมดให้ห่างจากเซเลน ก็เลยพลาดที่จะคิดถึงความรู้สึกของเธอ”

 

   เซเลนให้ความสำคัญกับตัวเขา แม้กระทั่งใช้เงินทั้งหมดที่เธอมีไปซื้อยามาให้กับเขา เขาไม่เพียงแค่ปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่ยังทำร้ายจิตใจด้วยการต่อว่าการกระทำนั้นอีก มันคือการเหยียบยำความรู้สึกอย่างร้ายกาจ หากย้อนเวลาได้ มิลานก็อยากจะย้อนไปต่อยหน้าตัวเขาในตอนนั้นสักหมัด

 

   ความจริง เซเลนไม่ได้มีความรู้สึกหวังดีอย่างที่เข้าใจ แต่เรื่องยาและเซเลนถูกทำร้ายจิตใจนั้นถือว่าเดาถูก

 

“ก็พอจะเข้าใจนะขอรับ แล้วตอนนี้ท่านเซเลนมีท่าทีเยี่ยงไรบ้างล่ะ?”

“ไม่เปิดโอกาสให้ผมเลย เก็บตัวอยู่ในผ้าห่มตลอด ไปหาก็ไม่ทักทาย ไม่มองหน้า ไม่พูดคุย รู้สึกเหมือนพูดกับหอยทาก”

“กล่าวขอโทษท่านเซเลนไปแล้วหรือยังล่ะขอรับ?”

“ทำไปหมดแล้ว บอกไปด้วยว่าครั้งหน้าผมจะระวังกว่านี้ ถ้าไม่พอใจอะไรก็ขอให้บอกมา แต่ก็ได้คำตอบมาว่า เพราะ ‘เจ้าชายคือเจ้าชาย’ แค่นั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมายถึงอะไร”

 

  มิลานนั่งกุมมือและคร่ำครวญ แม้แต่มิลานที่ตอบคำถามในหลักสูตรของสถานศึกษาแห่งชาติของเฮลิฟาเต้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ขึ้นชื่อว่าโหดหินที่สุดในทวีป เขาก็ยังไม่เคยได้พบเจอกับปัญหาที่หาคำตอบได้ยากเย็นเช่นนี้ ในความจริงแล้วความหมายของมันก็ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย สามารถเข้าใจได้ง่ายๆว่า ‘เกลียดตัวตนของแกนั่นแหละ’ เพียงแต่มิลานไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้เลย

 

“อืม… อย่างกับ ‘ ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์’ เลย”

“เจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์?”

“ออ ประเทศบ้านเกิดของข้าน้อยมีนิทานเก่าแก่อยู่น่ะขอรับ เจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ผู้งดงามที่ถูกเลี้ยงดูโดยสองสามีภรรยาคนตัดไผ่ เมื่อเจ้าชายจากแคว้นต่างๆมาสู่ขอ เจ้าหญิงผู้นั้นจึงเรียกร้องในสิ่งทีมนุษย์ไม่สามารถเสาะหามาได้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้น”

 

  ถ้ามันเหมือนกับสถานการณ์ในตอนนี้ก็อาจจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้างก็ได้ มิลานเริ่มสนใจและขอให้คุมะฮาจิเล่าต่อไป

 

“แล้วเรื่องราวหลังจากนั้นล่ะ?”

“ก็ ตอนจบ เจ้าหญิงกลับไปยังดวงจันทร์ท่ามกลางความโศกเศร้าของคนรอบกาย…”

“ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้นะ!”

“องค์ชาย ก็บอกว่ามันเป็นเรื่องเล่าไงล่ะขอรับ”

“ข-ขอโทษที ข-เข้าใจแล้ว…”

 

   มิลานหน้าแดงและตระหนักแล้วว่าตนเองสูญเสียความเยือกเย็นมากกว่าที่คิด คุมะฮาจิที่อยู่ข้างๆมิลานมาตลอดก็แอบยิ้มและเริ่มเล่นถึงส่วนอื่นของเนื้อเรื่อง

 

“ในเรื่องได้กล่าวไว้ว่า เหล่าชายที่มาสู่ขอ เมื่อรู้ถึงเงื่อนไขของเจ้าหญิง ก็ได้หาสิ่งอื่นมามอบให้แทน บ้างก็ทำของปลอม บ้างก็ยอมแพ้ แน่นอนว่าทุกคนล้วนถูกปฏิเสธ อืม ข้าน้อยคิดว่าสิ่งที่เจ้าหญิงต้องการจริงๆ จะเป็น ‘ความจริงใจ’ หรือเปล่านะ”

“ความจริงใจ… ?”

 

   ถึงอย่างงั้น มิลานก็มีความจริงใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือวิธีที่จะสื่อให้เข้าใจ จะให้แสดงออกมากกว่านี้ยังไง

 

“มันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าเก่าๆแหละขอรับ ว่าแต่ทำไมท่านไม่ลองหาของขวัญพิเศษให้ท่านเซเลนล่ะขอรับ?”

“เอาของมาล่อเหรอ? ไม่เห็นจะดูจริงใจตรงไหนเลยนะ”

“ก็เกี่ยวกับเรื่องความจริงใจนั่นแหละขอรับ ไม่ว่าท่านจะใช้คำพูดไปมากมายเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถสัมผัสอะไรที่เป็นรูปธรรมได้ จิตใจของผู้คนไม่ได้โอนอ่อนไปกับคำพูดเพียงอย่างเดียวนะขอรับ นั่นแหละคือเหตุผลที่ท่านควรจะเตรียมบางสิ่งที่ท่านเซเลนชื่นชอบอย่างมากไปมอบให้ด้วย”

“บางอย่างที่เซเลนชอบมากๆ… นั่นสิ อาจเป็นความคิดที่ดีก็ได้ ขอบคุณนะ คุมะฮาจิ”

“ยินดีเสมอขอรับ”

 

  มิลานพูดขอบคุณคุมะฮาจิแล้วก็ยอมเลิกการฝึกเร็วกว่ากำหนดแต่โดยดี เขาขึ้นรถม้าขนาดเล็กกลับไปยังพระราชวังหลักในทันที เมื่อมิลานที่รีบร้อนกลับมาถึงวังแล้วเขาก็ไปหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง จากนั้นก็เคาะประตูสีขาวของห้องนั้นเบาๆอยู่หลายครั้ง

 

“มารี อยู่หรือเปล่า?”

“อ้าว ท่านพี่? มีอะไรแต่เช้าเหรอคะ”

 

  มารีเปิดประตูออกมา จ้องมองพี่ชายของเธอด้วยความสงสัยและก็ได้เชิญเข้าไปคุยต่อในห้อง ห้องของมารีถูกตกแต่งตามรูปแบบที่เธอชอบ ทั้งพรมและผ้าม่านเป็นสีของดอกกุหลาบ โต๊ะสีขาวมีแจกันที่ใส่ดอกไม้หลายหลายสีสัน บนเตียงก็มีตุ๊กตากระต่าย เป็นห้องที่ดูเหมาะกับเด็กผู้หญิงในวัยนี้อย่างแท้จริง แตกต่างกับห้องของเซเลนที่ดูจืดชืดไร้การตกแต่งใดๆ มีเพียงของใช้ประจำวันเท่านั้น

 

“มีเรื่องอยากจะถามเธอหน่อย”

“ขอเดานะ? เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซเลนใช่ไหมล่ะคะ?”

 

   เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของมิลานที่ตาเบิกกว้าง มารีก็ยิ้มอย่างภูมิใจ ตั้งแต่เซเลนมาอยู่ที่นี่ มารีที่เคยห่างเหินกับพี่ชายก็ค่อยๆคลายความกดดันและได้พูดคุยกันมากขึ้นจนกลับมาเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่สนิทสนมกันดีตามปรกติ

 

“รู้ด้วยเหรอ?”

“ก็ช่วงนี้ท่านพี่ไปหาเซเลนที่ห้องบ่อยๆแต่ก็ถูกเมินจนทำหน้าเศร้ากลับออกมาทุกที เป็นใครก็เดาออกทั้งนั้นแหละค่ะ เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ทะเลาะกันเหรอคะ?”

“เรียกว่าทะเลาะมันก็…”

 

  มิลานเล่าทุกอย่างให้มารีฟัง เด็กผู้หญิงวัยเดียวกันอย่างมารีจะต้องเข้าใจความรู้สึกของเซเลนดีกว่าเขาแน่ เนื่องจากที่ผ่านๆมามิลานจะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองตลอด ไม่เคยปรึกษากับมารีเช่นนี้เลย มารีจึงตั้งใจฟังและคิดให้คำแนะนำกับพี่ชายของเธออย่างจริงจัง

 

“ถ้าผิดก็ต้องขอโทษ มันแน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่คำพูดอย่าง ‘ขอบคุณ’ หรือ ‘ขอโทษ’ มันก็แค่คำพูดปากเปล่า ไม่ว่าใครก็พูดออกมาได้ง่ายอยู่แล้ว”

“ก็รู้อยู่หรอก… แต่ไม่รู้ว่าเซเลนชอบอะไรนี่สิ ที่ผ่านมาก็ไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เธอช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม?”

 

  มิลานขอร้องมารีด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปรกติ เท่าที่จำได้ เขาเคยทำอะไรให้กับเซเลนมาหลายๆอย่างแล้ว แต่น่าแปลกที่ทุกครั้งเซเลนจะมีปฏิกิริยาตอบรับเบาบางมาก มิลานเพิ่งจะสังเกตถึงเรื่องนั้นในตอนนี้

 

  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในอดีตหรือเป็นธรรมชาติของเด็กคนนี้ หรืออาจจะทั้งสองอย่าง ที่ทำให้เซเลนมีพฤติกรรมแตกต่างจากเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่เลือกอาหารที่ชอบ แต่กินทุกอย่างที่จัดหามาให้โดยไม่สนว่าสิ่งนั้นคืออะไร ครั้งหนึ่งท่านแม่ก็เคยถามไปว่าอยากได้สิ่งใด แต่เมื่อได้กอดแล้วก็ไม่ร้องขออะไรเพิ่มเติมอีก ส่วนใหญ่จะอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่พูดคุยกับใคร หรือไม่ก็นอนหลับอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอยากได้อะไร 

 

  ก็ไม่แปลกที่จะไม่เข้าใจ เพราะสิ่งที่เซเลนต้องการก็มีแค่กินอิ่ม นอนหลับ และหน้าอก เธอไม่ได้มีมุมมองในแบบของเด็กหรือผู้หญิงแม้แต่น้อย ในเมื่อมีอาหารให้กินครบทุกมื้อ นอนขี้เกียจได้ทั้งวัน ได้จับหน้าอกของพี่สาวเมื่อมีโอกาส เท่านี้ก็ชีวิตก็โรยไปด้วยกลีบกุหลาบแล้ว เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสําเร็จในชีวิตเลยก็ว่าได้

 

   แต่มิลานก็ใช้สามัญสํานึกของคนปรกติกับเซเลน ว่าเป็นเด็กสาวที่อยู่ในวัยเดียวกับมารี จึงรับรู้ไปโดยปริยายว่าจะต้องมีรสนิยมใกล้เคียงกัน แน่นอนว่ามารีก็ใช้สามัญสํานึกเดียวกัน มารีจึงขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนัก

 

“อืม… ยากจังนะ ของที่หนูอยากได้ตอนนี้ก็คงเป็นเสื้อผ้ากับเครื่องประดับ แต่เซเลนไม่สนใจของแบบนี้แน่… อ๊ะ! แต่ถ้าเป็นของที่เธอไม่ชอบนี่ก็พอรู้อยู่นะคะ”

“มีของที่ไม่ชอบด้วยเหรอ?”

“เด็กคนนั้น ไม่ชอบกุหลาบค่ะ”

“กุหลาบ? ผู้หญิงที่ไม่ชอบดอกไม้ ค่อนข้างแปลกนะ”

“ใช่ไหมล่ะ? ที่จำได้ก็เพราะว่ามันแปลกนี่แหละ หนูชอบกุหลาบ แต่เซเลนกลับบอกว่าไม่ชอบ”

“ของที่ไม่ชอบสินะ จะจำเอาไว้ก็แล้วกัน แล้วของที่ชอบล่ะ?”

“เอ ตอนนั้นพูดว่าอะไรต่อนะ… เคยถามไปแล้วเธอตอบอะไรบางอย่างกลับมา แต่ก็จำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ขอโทษด้วย”

“งั้นเหรอ… ไม่เห็นไรหรอก แค่นี่ก็ช่วยได้มากแล้ว”

 

  มิลานลูบหัวของมารีเพื่อแสดงความขอบคุณ ตอนที่ยังเด็ก มารีชอบให้เขาลูบหัวแบบนี้ จบถึงช่วงที่เริ่มห่างเหินกัน เพียงแค่ยื่นมือเข้าไปหาก็ถูกเธอปัดทิ้งอย่างไม่ใยดีแล้ว  แต่ครั้งนี้ แม้มารีจะยังดูขวยเขินอยู่บ้างแต่ก็ยอมให้ถูกลูบหัวโดยไม่ว่าอะไร เมื่อมิลานกำลังจะเดินออกจากห้อง มารีก็ส่งเสียงเรียกมาจากข้างหลัง

 

“ท่านพี่ ขอให้คืนดีกับเซเลนได้เร็วๆนะคะ!”

“อือ ขอบคุณนะ มารี”

 

  มิลานรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เป็นเพราะเซเลนที่ทำให้มารีกลับมาร่าเริงต่อหน้าเขาได้ขนาดนี้ มิลานจึงไม่อยากให้เซเลนต้องเป็นฝ่ายที่ทนทุกข์แทน

 

“งั้นก็ เหลือแต่วิธีสุดท้ายสินะ…”

 

   มิลานหลับตาลง ในใจไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนอยู่พักหนึ่ง และพยักหน้าเป็นนัยว่าเขาได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว และเรียกสาวใช้ที่อยู่แถวนั้น

 

“ขอโทษที ผมมีเรื่องเร่งด่วนอยากให้จัดการให้หน่อย พอจะมีเวลาไหม?”

“ไม่มีปัญหาค่ะ ตามความประสงค์ของท่าน”

 

  เมื่อเจ้าชายบอกว่าเป็นเรื่องด่วน สาวใช้จึงเข้าใจได้ในทันทีว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เธอยืนตัวตรงรอรับคำสั่ง มิลานได้ขอกระดาษกับปากกามา เขียนข้อความพร้อมลงนาม พับให้เรียบร้อยและยื่นให้กับสาวใช้

 

“ขอโทษที่ต้องรบกวนกะทันหัน เธอจงไปขอเข้าพบผู้อำนวยการสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาเต้ บอกเขาว่าผมต้องการพูดคุยกับนักเรียนคนหนึ่ง เพียงแค่แสดงจดหมายนี้ให้กับคนเฝ้าประตู เขาจะพาเธอไปพบผู้อำนวยการเอง”

“เอ๋!? องค์ชายอยากเจอกับนักเรียน!?”

 

  ที่สาวใช้คนนั้นแสดงความประหลาดใจออกมาให้เห็นก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะเจ้าชายลำดับหนึ่งแห่งเฮลิฟาเต้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปต้องการพูดคุยโดยตรงกับนักเรียนคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว มิลานก็เข้าใจถึงความเสี่ยงนี้ดี ถ้าเขาคิดง่ายเกินไป ระหว่างเขากับนักเรียนคนนั้นก็อาจจะมีข่าวลือแปลกๆจนเกิดเรื่องยุ่งยากให้รับมือไปอีกนาน ถึงยังไงสาวใช้คนนี้ก็ต้องทำตามคำสั่งของเจ้าชายอยู่แล้ว

 

“ขอทราบนามของนักเรียนท่านนั้นได้หรือไม่คะ?”

 

  มิลานเงียบไปครู่หนึ่ง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าการตัดสินใจเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆหรือ แต่เพื่อที่จะแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน ความสามารถของนักเรียนคนนั้นคือสิ่งจำเป็น และมิลานก็เอ่ยชื่อของนักเรียนคนนั้นออกไป

 

“อาลัว อาร์คุยล่า บอกไปว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากคนผู้นั้น”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 21 ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 21 ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 21

ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์

 

  หลายวันผ่านไปหลังจากทุกคนกลับมาจากวัลเบิร์ต นอกจากเหตุการณ์ลอบสังหารเซเลนที่จบลงโดยสวัสดิภาพและไม่มีใครรับรู้แล้ว วันๆของเฮลิฟาเต้ก็ดำเนินต่อไปตามปรกติ จะมีก็แต่ปัญหาที่แก้ไม่ตกของมิลาน

 

  ทั้งที่เพิ่งจะถึงช่วงเช้าได้ไม่นานแต่มิลานก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องของเซเลนด้วยความกังวล เพราะต่อจากนี้เขาต้องไปฝึกช่วงเช้า หากไม่มาหาตอนนี้ก็คงอีกนานกว่าจะมีโอกาสได้พบเซเลนอีกครั้ง มิลานสูดหายใจเข้าลึกแล้วเคาะประตู

 

“เซเลน ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้า ตื่นอยู่หรือเปล่าครับ?”

“หลับอยู่!”

“ตื่นแล้วสินะครับ ขอโทษด้วย แต่ผมจะเข้าไปแล้วนะ”

 

  มิลานเปิดประตูเข้าไปก็พบกับก้อนผ้าห่มโป่งพองอยู่กลางเตียงในห้องที่สะอาดเรียบร้อย ข้างในผ้าห่มไม่มีทางเป็นใครได้นอกจากเซเลน เด็กสาวที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับมันจูขนาดใหญ่ด้วยผ้าห่ม และเธอก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมามองมิลานที่เข้ามาในห้องเลย

 

“วันนี้อากาศดี ถึงจะยังเช้าเกินไปหน่อยแต่ก็ไปเดินเล่นกันไหมครับ?”

“ไม่เอา”

 

  เมื่อได้ยินเสียงอู้อี้ที่ตอบมาจากข้างในก้อนผ้าห่ม มิลานก็ถอนหายใจออกมาและเดินไปที่เตียงของเซเลนจากนั้นก็นั่งลงข้างๆเธอ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าผ้าห่มกองนี้จะปล่อยตัวเซเลนออกมา 

 

“มีอะไรที่ทำให้ไม่พอใจหรือเปล่าครับ? ตั้งแต่กลับมาจากวัลเบิร์ตเธอก็ไม่พูดกับผมเลยสักคำ”

“……หนวกหู”

 

  เป็นอย่างที่มิลานพูดไว้ ตั้งแต่กลับมาจากวัลเบิร์ต เซเลนก็ดูอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลาอย่างเห็นได้ชัด กับมิลานแล้ว เธอจะพยายามหลีกเลี่ยง แทบจะไม่มองหน้า ไม่พูดคุย ช่วงเวลาอาหารค่ำก็เมินเฉยต่อเขาโดยสมบูรณ์

 

“ถ้าผมทำอะไรให้ไม่พอใจ ครั้งหน้าจะระวังไว้ แต่ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับ เซเลน ว่าเรื่องอะไร? พูดออกมาตรงๆเถอะครับ”

“เจ้าชาย คือ เจ้าชาย”

“เพราะผมคือตัวผม?”

 

  มิลานเอียงคอเพราะคำตอบที่ได้รับมันประหลาดเกินไป แต่ไม่ใช่สำหรับเซเลนที่เกลียดการมีตัวตนของมิลานอยู่แล้ว ที่ตอบไปนี่ก็ถูกต้องตรงตัว หลังจากทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัด ไม่นานมิลานก็ออกจากห้องเพื่อไปฝึกรอบเช้าต่อ

 

“อุ ยา ยา…”

 

  เมื่อแน่ใจว่ามิลานไม่อยู่แล้ว เซเลนก็พึมพำออกมาด้วยประโยคที่เหมือนกับคนติดยา น่าแปลกสำหรับเซเลนที่ทั้งชีวิตนี้หรือชีวิตไหนก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาประเภทนั้น สิ่งที่เซเลนหมายถึงคือผงสีขาวที่ได้มาจากวัลเบิร์ตแต่ก็ถูกเจ้าชายยึดไปในทันทีก่อนที่จะได้ทำอะไรทั้งนั้น

 

  หลังจากมันถูกส่งให้กับหมอหลวงของเฮลิฟาเต้เพื่อตรวจสอบ ก็ได้ทราบว่ายานี้เป็นยาเสริมพลังที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ถึงอย่างงั้น มันก็มีที่มาไม่ชัดเจนอย่างในตรอกมืดที่น่าสงสัยในวัลเบิร์ต จึงลงความเห็นกันว่าไม่ควรให้นำมาใช้กับราชวงศ์ ตอนนี้มันจึงถูกเก็บอยู่เฉยๆในคลังของพระราชวัง

 

  มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังสำหรับเซเลนที่คิดไว้ว่าจะแอบให้ยาเสริมพลังนี้อย่างเกินขนาดกับเจ้าชายจนทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพ แต่เจ้าชายกลับไหวตัวทันและชิงลงมือก่อนที่ทางนี้จะเริ่มดำเนินการ

 

   แน่นอนว่า ทั้งมิลานและหมอหลวงไม่ได้รับรู้ในความคิดนั้นและไม่มีเจตนาร้ายใดๆ แต่กับเซเลนที่เหมือนกับถูกปิดช่องทางก็เริ่มสูญเสียความตั้งใจในการทำข้าวกล่องอันตรายแบบที่ทำอยู่ทุกๆวัน และเธอก็เอาแต่นอนในสภาพนี้มาตลอดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

“อยากได้ อาวุธ… มีด คมๆ”

 

   ถ้าวางยาไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีสุดท้าย ซึ่งก็คือการโจมตีทางกายภาพตรงๆ แต่ด้วยความสามารถของเซเลนในตอนนี้ยังห่างไกลอีกมากที่จะทำให้สำเร็จได้ อาลัวเคยบอกกับมิลานไว้ว่า ‘ตอนที่เซเลนถูกคุมขัง เธอเคยดูเหมือนจะทำร้ายตัวเอง โดยตัดผมยาวๆที่สวยงามของเธอออก’ ของมีคม เช่นมีด จึงถูกเก็บรักษาอย่างเข้มงวดจากเซเลน

 

   ด้วยเหตุนั้น ในห้องของเซเลนจึงมีแค่ของเล็กๆอย่างกรรไกรตัดด้ายเท่านั้น ทุกอย่างจะถูกตรวจสอบเป็นอย่างดีอยู่ทุกวันโดยสาวใช้ผู้มีประสบการณ์สูง กระทั้งมีดจากห้องครัวก็ไม่สามารถขอยืมออกมาได้

 

“อุ ต้องฆ่า ต้องฆ่า…”

 

  และแล้วเซเลนในก้อนผ้าห่มก็หลับลงไปอีกครั้งขณะบ่นอู้อึ้เสียงดัง

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

“ได้ผู้ชนะแล้ว!”

 

   เสียงอันดังและหนักแน่นของคุมะฮาจิกังวานอยู่ในสนามฝึกในเขตพระราชวัง เขากำลังรับหน้าที่ของผู้ตัดสินในการประลองในหมู่ทหาร เป็นการต่อสู้ด้วยดาบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เป็นเรื่องปรกติสำหรับการฝึก แต่คราวนี้กลับมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นจนทหารที่ดูอยู่รอบๆต้องตกตะลึงไปตามๆกันกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น

 

  ผู้ที่ถูกกล่าวถึงเมื่อครู่ ไม่ใช่นักดาบยอดฝีมืออย่างเจ้าชายมิลาน แต่เป็นทหารใหม่ที่เข้าประจำการได้ยังไม่ครบปีเป็นผู้ชนะ แม้แต่ทหารหนุ่มผู้ได้รับชัยชนะก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่อยู่ต่อหน้า ดาบไม้ของมิลานถูกปัดกระเด็นออกจากมือ เขายังมองดาบไม้ที่อยู่ในมือของเขากับดาบของมิลานที่อยู่บนพื้นสลับกันไปมา

 

“เอ่อ องค์ชาย! ขออภัยครับ!”

“ไม่ต้องหรอก ผมเป็นฝ่ายแพ้ เงยหน้าขึ้นเถอะ”

 

  ทหารหนุ่มเพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ ทำท่าตื่นตระหนกและรีบหันมาก้มหัวให้กับมิลาน ทางด้านของมิลานที่ยังหลงเหลือความเหม่อลอยอยู่ก็ตอบกลับเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างใจเย็น ภายในการประลองหรือในสนามฝึกแห่งนี้ จะเป็นเจ้าชายหรือทหารฝึกหัดก็ไม่ถูกปฏิบัติต่างกัน

 

“องค์ชาย วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะขอรับ”

“อะไรกัน นี่ยังไม่พ้นช่วงเช้าเลยนะ จะให้เลิกเร็วเกินไปแล้ว”

“ตัวท่านที่มีสภาพเช่นนี้ มันรบกวนการฝึกซ้อมของทหารผู้อื่นขอรับ”

 

  คุมะฮาจิพูดออกมาตรงๆ มิลานก็รู้ตัวดีว่าจิตใจของเข้าไม่ได้จดจ่อกับการฝึกในครั้งนี้ แต่ก็ไม่อยากปรับเปลี่ยนช่วงเวลากิจวัตรประจำวันของเขา คุมะฮาจิคว้าแขนของมิลานที่ยังดื้อดึง ออกแรงลากมิลานเข้าไปใต้เงาไม้ที่เป็นที่พักของเหล่าทหาร หลังจากจับให้นั่งได้แล้ว เขาก็นั่งลงข้างๆ

 

“ตั้งแต่ท่านกลับมาจากวัลเบิร์ต องค์ชายกลวงโบ๋อย่างกับเปลือกจักจั่นเลยนะขอรับ”

“ไม่จริงหรอก ผมยังแข็งแรงดี”

“ป่านนี้คิดจะปิดบังไปมันก็ไร้ประโยชน์แล้วขอรับ ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่เป็นที่จิตใจต่างหาก”

“จะตรงไหนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า”

“อ้าว ทำไมท่านเซเลนถึงมาแต่เช้าได้ล่ะเนี่ย!”

“ว-ว่าไงนะ!? อ-อยู่ไหน!?”

  มิลานลุกขึ้นมองไปยังทิศทางเดียวกับที่คุมะฮาจิหันไป แต่ก็ไม่เห็นเจ้าหญิงสีขาวผู้น่ารักอยู่ในบริเวณนั้น มีเพียงท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส สนามหญ้าที่ถูกตัดเรียบร้อยเสมอกัน และเหล่าชายฉกรรจ์ที่เคลื่อนไหวออกแรงอยู่บนนั้น

 

“…คุมะฮาจิ!”

“ฮ่าฮ่า! เรื่องท่านเซเลนจริงๆด้วยสินะขอรับ ได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้าหญิงอารมณ์ไม่ดีอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมล่ะขอรับ?”

“…ก็ตามนั้นแหละ”

 

  มิลานนั่งลงอีกครั้ง รู้สึกอับอายที่ถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ตั้งแต่กลับมาจากวัลเบิร์ต เซเลนก็ไม่ค่อยได้ทำอาหารกลางวันมาให้ ถึงมิลานจะไม่แสดงออกหรือบอกกับใคร แต่ภายในจิตในก็มีความรู้สึกซึมเศร้าสะสมอยู่เรื่อยมา

 

“นายนี่มองออกทุกเรื่องเลยนะ… เซเลน กำลังหลบหน้าผมอยู่”

“ไปทำอะไรไว้ล่ะขอรับ?”

“ก็ได้แค่เดาเท่านั้น คิดว่าเป็นเรื่องยาที่ซื้อมาจากวัลเบิร์ตแล้วผมไปยึดเอาไว้นั่นแหละ ตอนนั้นคิดเพียงแค่จะต้องจัดการสิ่งที่เป็นอันตรายทั้งหมดให้ห่างจากเซเลน ก็เลยพลาดที่จะคิดถึงความรู้สึกของเธอ”

 

   เซเลนให้ความสำคัญกับตัวเขา แม้กระทั่งใช้เงินทั้งหมดที่เธอมีไปซื้อยามาให้กับเขา เขาไม่เพียงแค่ปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่ยังทำร้ายจิตใจด้วยการต่อว่าการกระทำนั้นอีก มันคือการเหยียบยำความรู้สึกอย่างร้ายกาจ หากย้อนเวลาได้ มิลานก็อยากจะย้อนไปต่อยหน้าตัวเขาในตอนนั้นสักหมัด

 

   ความจริง เซเลนไม่ได้มีความรู้สึกหวังดีอย่างที่เข้าใจ แต่เรื่องยาและเซเลนถูกทำร้ายจิตใจนั้นถือว่าเดาถูก

 

“ก็พอจะเข้าใจนะขอรับ แล้วตอนนี้ท่านเซเลนมีท่าทีเยี่ยงไรบ้างล่ะ?”

“ไม่เปิดโอกาสให้ผมเลย เก็บตัวอยู่ในผ้าห่มตลอด ไปหาก็ไม่ทักทาย ไม่มองหน้า ไม่พูดคุย รู้สึกเหมือนพูดกับหอยทาก”

“กล่าวขอโทษท่านเซเลนไปแล้วหรือยังล่ะขอรับ?”

“ทำไปหมดแล้ว บอกไปด้วยว่าครั้งหน้าผมจะระวังกว่านี้ ถ้าไม่พอใจอะไรก็ขอให้บอกมา แต่ก็ได้คำตอบมาว่า เพราะ ‘เจ้าชายคือเจ้าชาย’ แค่นั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมายถึงอะไร”

 

  มิลานนั่งกุมมือและคร่ำครวญ แม้แต่มิลานที่ตอบคำถามในหลักสูตรของสถานศึกษาแห่งชาติของเฮลิฟาเต้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ขึ้นชื่อว่าโหดหินที่สุดในทวีป เขาก็ยังไม่เคยได้พบเจอกับปัญหาที่หาคำตอบได้ยากเย็นเช่นนี้ ในความจริงแล้วความหมายของมันก็ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย สามารถเข้าใจได้ง่ายๆว่า ‘เกลียดตัวตนของแกนั่นแหละ’ เพียงแต่มิลานไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้เลย

 

“อืม… อย่างกับ ‘ ข้อเรียกร้องของเจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์’ เลย”

“เจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์?”

“ออ ประเทศบ้านเกิดของข้าน้อยมีนิทานเก่าแก่อยู่น่ะขอรับ เจ้าหญิงแห่งดวงจันทร์ผู้งดงามที่ถูกเลี้ยงดูโดยสองสามีภรรยาคนตัดไผ่ เมื่อเจ้าชายจากแคว้นต่างๆมาสู่ขอ เจ้าหญิงผู้นั้นจึงเรียกร้องในสิ่งทีมนุษย์ไม่สามารถเสาะหามาได้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้น”

 

  ถ้ามันเหมือนกับสถานการณ์ในตอนนี้ก็อาจจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้างก็ได้ มิลานเริ่มสนใจและขอให้คุมะฮาจิเล่าต่อไป

 

“แล้วเรื่องราวหลังจากนั้นล่ะ?”

“ก็ ตอนจบ เจ้าหญิงกลับไปยังดวงจันทร์ท่ามกลางความโศกเศร้าของคนรอบกาย…”

“ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้นะ!”

“องค์ชาย ก็บอกว่ามันเป็นเรื่องเล่าไงล่ะขอรับ”

“ข-ขอโทษที ข-เข้าใจแล้ว…”

 

   มิลานหน้าแดงและตระหนักแล้วว่าตนเองสูญเสียความเยือกเย็นมากกว่าที่คิด คุมะฮาจิที่อยู่ข้างๆมิลานมาตลอดก็แอบยิ้มและเริ่มเล่นถึงส่วนอื่นของเนื้อเรื่อง

 

“ในเรื่องได้กล่าวไว้ว่า เหล่าชายที่มาสู่ขอ เมื่อรู้ถึงเงื่อนไขของเจ้าหญิง ก็ได้หาสิ่งอื่นมามอบให้แทน บ้างก็ทำของปลอม บ้างก็ยอมแพ้ แน่นอนว่าทุกคนล้วนถูกปฏิเสธ อืม ข้าน้อยคิดว่าสิ่งที่เจ้าหญิงต้องการจริงๆ จะเป็น ‘ความจริงใจ’ หรือเปล่านะ”

“ความจริงใจ… ?”

 

   ถึงอย่างงั้น มิลานก็มีความจริงใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือวิธีที่จะสื่อให้เข้าใจ จะให้แสดงออกมากกว่านี้ยังไง

 

“มันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าเก่าๆแหละขอรับ ว่าแต่ทำไมท่านไม่ลองหาของขวัญพิเศษให้ท่านเซเลนล่ะขอรับ?”

“เอาของมาล่อเหรอ? ไม่เห็นจะดูจริงใจตรงไหนเลยนะ”

“ก็เกี่ยวกับเรื่องความจริงใจนั่นแหละขอรับ ไม่ว่าท่านจะใช้คำพูดไปมากมายเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถสัมผัสอะไรที่เป็นรูปธรรมได้ จิตใจของผู้คนไม่ได้โอนอ่อนไปกับคำพูดเพียงอย่างเดียวนะขอรับ นั่นแหละคือเหตุผลที่ท่านควรจะเตรียมบางสิ่งที่ท่านเซเลนชื่นชอบอย่างมากไปมอบให้ด้วย”

“บางอย่างที่เซเลนชอบมากๆ… นั่นสิ อาจเป็นความคิดที่ดีก็ได้ ขอบคุณนะ คุมะฮาจิ”

“ยินดีเสมอขอรับ”

 

  มิลานพูดขอบคุณคุมะฮาจิแล้วก็ยอมเลิกการฝึกเร็วกว่ากำหนดแต่โดยดี เขาขึ้นรถม้าขนาดเล็กกลับไปยังพระราชวังหลักในทันที เมื่อมิลานที่รีบร้อนกลับมาถึงวังแล้วเขาก็ไปหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง จากนั้นก็เคาะประตูสีขาวของห้องนั้นเบาๆอยู่หลายครั้ง

 

“มารี อยู่หรือเปล่า?”

“อ้าว ท่านพี่? มีอะไรแต่เช้าเหรอคะ”

 

  มารีเปิดประตูออกมา จ้องมองพี่ชายของเธอด้วยความสงสัยและก็ได้เชิญเข้าไปคุยต่อในห้อง ห้องของมารีถูกตกแต่งตามรูปแบบที่เธอชอบ ทั้งพรมและผ้าม่านเป็นสีของดอกกุหลาบ โต๊ะสีขาวมีแจกันที่ใส่ดอกไม้หลายหลายสีสัน บนเตียงก็มีตุ๊กตากระต่าย เป็นห้องที่ดูเหมาะกับเด็กผู้หญิงในวัยนี้อย่างแท้จริง แตกต่างกับห้องของเซเลนที่ดูจืดชืดไร้การตกแต่งใดๆ มีเพียงของใช้ประจำวันเท่านั้น

 

“มีเรื่องอยากจะถามเธอหน่อย”

“ขอเดานะ? เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซเลนใช่ไหมล่ะคะ?”

 

   เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของมิลานที่ตาเบิกกว้าง มารีก็ยิ้มอย่างภูมิใจ ตั้งแต่เซเลนมาอยู่ที่นี่ มารีที่เคยห่างเหินกับพี่ชายก็ค่อยๆคลายความกดดันและได้พูดคุยกันมากขึ้นจนกลับมาเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่สนิทสนมกันดีตามปรกติ

 

“รู้ด้วยเหรอ?”

“ก็ช่วงนี้ท่านพี่ไปหาเซเลนที่ห้องบ่อยๆแต่ก็ถูกเมินจนทำหน้าเศร้ากลับออกมาทุกที เป็นใครก็เดาออกทั้งนั้นแหละค่ะ เกิดอะไรขึ้นล่ะ? ทะเลาะกันเหรอคะ?”

“เรียกว่าทะเลาะมันก็…”

 

  มิลานเล่าทุกอย่างให้มารีฟัง เด็กผู้หญิงวัยเดียวกันอย่างมารีจะต้องเข้าใจความรู้สึกของเซเลนดีกว่าเขาแน่ เนื่องจากที่ผ่านๆมามิลานจะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองตลอด ไม่เคยปรึกษากับมารีเช่นนี้เลย มารีจึงตั้งใจฟังและคิดให้คำแนะนำกับพี่ชายของเธออย่างจริงจัง

 

“ถ้าผิดก็ต้องขอโทษ มันแน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่คำพูดอย่าง ‘ขอบคุณ’ หรือ ‘ขอโทษ’ มันก็แค่คำพูดปากเปล่า ไม่ว่าใครก็พูดออกมาได้ง่ายอยู่แล้ว”

“ก็รู้อยู่หรอก… แต่ไม่รู้ว่าเซเลนชอบอะไรนี่สิ ที่ผ่านมาก็ไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เธอช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม?”

 

  มิลานขอร้องมารีด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปรกติ เท่าที่จำได้ เขาเคยทำอะไรให้กับเซเลนมาหลายๆอย่างแล้ว แต่น่าแปลกที่ทุกครั้งเซเลนจะมีปฏิกิริยาตอบรับเบาบางมาก มิลานเพิ่งจะสังเกตถึงเรื่องนั้นในตอนนี้

 

  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในอดีตหรือเป็นธรรมชาติของเด็กคนนี้ หรืออาจจะทั้งสองอย่าง ที่ทำให้เซเลนมีพฤติกรรมแตกต่างจากเด็กสาวทั่วไปในวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่เลือกอาหารที่ชอบ แต่กินทุกอย่างที่จัดหามาให้โดยไม่สนว่าสิ่งนั้นคืออะไร ครั้งหนึ่งท่านแม่ก็เคยถามไปว่าอยากได้สิ่งใด แต่เมื่อได้กอดแล้วก็ไม่ร้องขออะไรเพิ่มเติมอีก ส่วนใหญ่จะอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่พูดคุยกับใคร หรือไม่ก็นอนหลับอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอยากได้อะไร 

 

  ก็ไม่แปลกที่จะไม่เข้าใจ เพราะสิ่งที่เซเลนต้องการก็มีแค่กินอิ่ม นอนหลับ และหน้าอก เธอไม่ได้มีมุมมองในแบบของเด็กหรือผู้หญิงแม้แต่น้อย ในเมื่อมีอาหารให้กินครบทุกมื้อ นอนขี้เกียจได้ทั้งวัน ได้จับหน้าอกของพี่สาวเมื่อมีโอกาส เท่านี้ก็ชีวิตก็โรยไปด้วยกลีบกุหลาบแล้ว เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสําเร็จในชีวิตเลยก็ว่าได้

 

   แต่มิลานก็ใช้สามัญสํานึกของคนปรกติกับเซเลน ว่าเป็นเด็กสาวที่อยู่ในวัยเดียวกับมารี จึงรับรู้ไปโดยปริยายว่าจะต้องมีรสนิยมใกล้เคียงกัน แน่นอนว่ามารีก็ใช้สามัญสํานึกเดียวกัน มารีจึงขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนัก

 

“อืม… ยากจังนะ ของที่หนูอยากได้ตอนนี้ก็คงเป็นเสื้อผ้ากับเครื่องประดับ แต่เซเลนไม่สนใจของแบบนี้แน่… อ๊ะ! แต่ถ้าเป็นของที่เธอไม่ชอบนี่ก็พอรู้อยู่นะคะ”

“มีของที่ไม่ชอบด้วยเหรอ?”

“เด็กคนนั้น ไม่ชอบกุหลาบค่ะ”

“กุหลาบ? ผู้หญิงที่ไม่ชอบดอกไม้ ค่อนข้างแปลกนะ”

“ใช่ไหมล่ะ? ที่จำได้ก็เพราะว่ามันแปลกนี่แหละ หนูชอบกุหลาบ แต่เซเลนกลับบอกว่าไม่ชอบ”

“ของที่ไม่ชอบสินะ จะจำเอาไว้ก็แล้วกัน แล้วของที่ชอบล่ะ?”

“เอ ตอนนั้นพูดว่าอะไรต่อนะ… เคยถามไปแล้วเธอตอบอะไรบางอย่างกลับมา แต่ก็จำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ขอโทษด้วย”

“งั้นเหรอ… ไม่เห็นไรหรอก แค่นี่ก็ช่วยได้มากแล้ว”

 

  มิลานลูบหัวของมารีเพื่อแสดงความขอบคุณ ตอนที่ยังเด็ก มารีชอบให้เขาลูบหัวแบบนี้ จบถึงช่วงที่เริ่มห่างเหินกัน เพียงแค่ยื่นมือเข้าไปหาก็ถูกเธอปัดทิ้งอย่างไม่ใยดีแล้ว  แต่ครั้งนี้ แม้มารีจะยังดูขวยเขินอยู่บ้างแต่ก็ยอมให้ถูกลูบหัวโดยไม่ว่าอะไร เมื่อมิลานกำลังจะเดินออกจากห้อง มารีก็ส่งเสียงเรียกมาจากข้างหลัง

 

“ท่านพี่ ขอให้คืนดีกับเซเลนได้เร็วๆนะคะ!”

“อือ ขอบคุณนะ มารี”

 

  มิลานรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เป็นเพราะเซเลนที่ทำให้มารีกลับมาร่าเริงต่อหน้าเขาได้ขนาดนี้ มิลานจึงไม่อยากให้เซเลนต้องเป็นฝ่ายที่ทนทุกข์แทน

 

“งั้นก็ เหลือแต่วิธีสุดท้ายสินะ…”

 

   มิลานหลับตาลง ในใจไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนอยู่พักหนึ่ง และพยักหน้าเป็นนัยว่าเขาได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว และเรียกสาวใช้ที่อยู่แถวนั้น

 

“ขอโทษที ผมมีเรื่องเร่งด่วนอยากให้จัดการให้หน่อย พอจะมีเวลาไหม?”

“ไม่มีปัญหาค่ะ ตามความประสงค์ของท่าน”

 

  เมื่อเจ้าชายบอกว่าเป็นเรื่องด่วน สาวใช้จึงเข้าใจได้ในทันทีว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เธอยืนตัวตรงรอรับคำสั่ง มิลานได้ขอกระดาษกับปากกามา เขียนข้อความพร้อมลงนาม พับให้เรียบร้อยและยื่นให้กับสาวใช้

 

“ขอโทษที่ต้องรบกวนกะทันหัน เธอจงไปขอเข้าพบผู้อำนวยการสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาเต้ บอกเขาว่าผมต้องการพูดคุยกับนักเรียนคนหนึ่ง เพียงแค่แสดงจดหมายนี้ให้กับคนเฝ้าประตู เขาจะพาเธอไปพบผู้อำนวยการเอง”

“เอ๋!? องค์ชายอยากเจอกับนักเรียน!?”

 

  ที่สาวใช้คนนั้นแสดงความประหลาดใจออกมาให้เห็นก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะเจ้าชายลำดับหนึ่งแห่งเฮลิฟาเต้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปต้องการพูดคุยโดยตรงกับนักเรียนคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว มิลานก็เข้าใจถึงความเสี่ยงนี้ดี ถ้าเขาคิดง่ายเกินไป ระหว่างเขากับนักเรียนคนนั้นก็อาจจะมีข่าวลือแปลกๆจนเกิดเรื่องยุ่งยากให้รับมือไปอีกนาน ถึงยังไงสาวใช้คนนี้ก็ต้องทำตามคำสั่งของเจ้าชายอยู่แล้ว

 

“ขอทราบนามของนักเรียนท่านนั้นได้หรือไม่คะ?”

 

  มิลานเงียบไปครู่หนึ่ง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าการตัดสินใจเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆหรือ แต่เพื่อที่จะแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน ความสามารถของนักเรียนคนนั้นคือสิ่งจำเป็น และมิลานก็เอ่ยชื่อของนักเรียนคนนั้นออกไป

 

“อาลัว อาร์คุยล่า บอกไปว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากคนผู้นั้น”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+