[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 22 ท่วงทำนองของอารมณ์ (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 22 ท่วงทำนองของอารมณ์ (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 22

ท่วงทำนองของอารมณ์ (ตอน1)

 

   หลังจากให้สาวใช้ไปจัดการธุระให้แล้ว มิลานก็เดินเรื่อยเปื่อยอยู่รอบๆพระราชวังด้วยอารมณ์ขุ่นหมอง แม้แต่น้องสาวของเขา มารีก็ยังมาปลอบใจอยู่ข้างๆ เหล่าคนสวนที่อยู่บริเวณนั้นยังแปลกใจที่เห็นเจ้าชายมีท่าทีร้อนใจขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พวกเขาก็ทำงานต่อไปอย่างเงียบๆ

 

“ท่านพี่ อยู่เฉยๆให้ใจเย็นลงก่อนดีไหมคะ?”

“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ผมก็ใจเย็นอยู่แล้ว…”

 

   มารีส่ายหน้าให้กับคำตอบที่ดื้อดึงของพี่ชาย ตอนนี้พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ ขณะเดียวกันก็เห็นรถม้ากำลังกลับมาจากระยะไกล เป็นคันที่สาวใช้ใช้เดินทางไป มิลานวิ่งเข้าไปหาโดยไม่รอให้มาถึง อาจเป็นเพราะสาวใช้สังเกตเห็นความรีบร้อนของเจ้าชาย เธอจึงลงจากรถม้า

 

“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง?”

“ผู้อำนวยการรู้สึกแปลกใจกับคำขอนี้ แต่ก็แจ้งมาว่าจะเตรียมการให้เข้าพบได้ทันทีค่ะ”

“ทำได้ดีมาก ขอบคุณนะ”

 

  สาวใช้โค้งให้กับคำขอบคุณของมิลานและกลับไปทำหน้าที่ตามปรกติของเธอ มิลานขึ้นรถม้าแทนที่กับสาวใช้ที่ลงไป มารีได้เห็นและเพิ่งจะตามทันก็ส่งเสียงทักมิลานที่ขึ้นไปบนรถม้าแล้ว

 

“เดี๋ยวสิ ท่านพี่ จะไปตอนนี้เลยเหรอ!?”

“อือ อยากจะไปคุยกับท่านอาลัวให้เร็วที่สุด ให้ช่วยบอกวิธีที่จะทำให้เซเลนอารมณ์ดีขึ้นมาได้น่ะ”

 

  เขารีบร้อนขนาดไม่มีเวลาคุยกับมารีให้เรียบร้อยก่อน มิลานสั่งให้สารถีเริ่มเดินทางไปสถานศึกษาต่อในทันที สิ่งที่เซเลนชอบเป็นอย่างมากและทำให้เธออารมณ์ดีได้ แท้จริงแล้วคือตัวของอาลัวเองนี่แหละ แต่มิลานที่แน่นอนว่าใช้สามัญสำนึกของคนปรกติ เข้าใจว่าการที่เซเลนรักใคร่อาลัวเป็นอย่างมากนั้นคือในรูปแบบของครอบครัว ไม่มีทางคิดได้เลยว่าจะหลงรักพี่ของตัวเองในเชิงชู้สาว

 

  มารีหลุดยิ้มออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่ชายของเธอว้าวุ่นได้ขนาดนี้ พี่ชายที่เคยเห็นเป็นชายหนุ่มผู้ที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน กลับมาทำตัวน่าหัวเราะเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะความผิดหวังหรือความเวทนา แต่มารีรู้สึกว่าได้รู้จักพี่ชายของตัวเองมากขึ้น และรู้สึกใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม

 

“ท่านพี่ล่ะก็ ใจร้อนจริงๆ…”

 

  เมื่อเห็นพี่ชายของเธอกับรถม้าลับสายตาไป มารีคิดว่าบทบาทของเธอในตอนนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยดีแล้ว แต่ว่า มารีก็หยุดเดิน ก้มหน้า ยกมือขึ้นมาแตะปากและพูดเบาๆในสิ่งที่เธอคิดอยู่

 

“ต้องทำให้เป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ด้วยสินะ แต่เซเลนก็มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำแบบแปลกๆซะด้วย…”

 

  ไม่ใช่เพราะลางสังหรณ์ของเซเลน แต่เพราะเธอมีแหล่งข้อมูลเป็นสุดยอดสายลับชื่อว่าบัตเลอร์อยู่ มารีไม่มีทางรู้ในเรื่องนั้น จึงกังวลว่าเรื่องที่พี่ชายกำลังหาสิ่งที่เซเลนชื่นชอบจะถูกรับรู้

 

“งั้นก็ช่วยไม่ได้น้า มารีเบลคนนี้จะทำให้เป็นไปตามความตั้งใจของท่านพี่เอง!”

 

  แม้มารีจะพูดด้วยท่าทีเบื่อหน่ายแต่ก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้นกลับไปยังปราสาท

 

 

   ◆◇ ◆ ◇ ◆

 

 

[“องค์หญิง ยังไม่คิดให้อภัยเจ้าชายอีกเหรอครับ? ตัวเขาเองก็ดูซึมเศร้าลงไปมาก กระผมเห็นแล้วยังรู้สึกสงสารเลย”]

“ไม่เอา”

 

  เซเลนโผล่แต่หน้าออกมาจากผ้าห่ม บอกปัดคำแนะนำของบัตเลอร์โดยไม่พิจารณา แค่เสแสร้งตีหน้าเศร้า ลิงมันยังทำได้เลย ถึงเจ้าชายจะกำลังมีความทุกข์อยู่จริง ก็อยากจะสมน้ำหน้ามากกว่า

 

“เกลียด เจ้าชาย”

[“องค์หญิง อย่าพูดจาเห็นแก่ตัวอย่างนั้นสิครับ เพื่อองค์หญิงแล้ว เจ้าชายถึงกับเดินทางไปโรงเรียนในทันที เพื่อขอปรึกษากับเจ้าหญิงอาลัวเกี่ยวกับเรื่องขององค์หญิงโดยเฉพาะเลยนะครับ”]

 

  บัตเลอร์ออกตรวจตราบริเวณภายในปราสาทวันละหลายรอบเพื่อหาข้อมูลและรักษาความปลอดภัยให้เซเลน ส่วนใหญ่เขาจะรับหน้าที่นี้อยู่คนเดียว แต่บางครั้งเขาก็สั่งการพวกหนูตัวอื่นๆที่อยู่ในปราสาท และจากข้อมูลล่าสุดที่เขาได้รับแจ้งมา มิลานเพิ่งจะออกไปสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาเต้

 

“หืม……… เอ๋?”

 

  ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้วว่าเจ้าชายจะไปที่โรงเรียนหรือจะไปเป็นปุ๋ยอยู่ที่ไหน เซเลนไม่ได้ฟังในสิ่งที่บัตเลอร์พูดอยู่เลย แต่ในคำพูดของบัตเลอร์ก็มีอยู่ชื่อหนึ่งที่ไม่สามารถทำหูทวนลมได้

 

“ท่านพี่ อยู่ด้วย?”

[“เป็นเช่นนั้นแหละครับ ก็องค์หญิงเอาแต่หลบหน้าเจ้าชาย เขาก็เลยไม่มีโอกาสได้บอก”]

“เสร็จกัน!!”

 

   เซเลนลุกพรวดขึ้นมาและสะบัดผ้าห่มออกไป พลาดจนได้! เซเลนเปลี่ยนมาอยู่ในสภาพตื่นตัวเต็มที่อย่างรวดเร็ว และใช้เซลสมองที่ยังไม่ตื่นดี คิดคำนวณเกี่ยวกับการกระทำของมิลานจนได้คำตอบออกมา

 

  ที่เจ้าชายยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมทุกวันนี้ก็เพราะถูกเซเลนคอยจับตาดูอใกล้ชิด ทำให้เขาแอบไปทำอะไรไม่ดีมางามได้ยาก แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ การเฝ้าระวังเกิดหละหลวมขึ้นมา ไอ้เจ้าชายหื่นกามนั่นก็ใช้โอกาสนี้แอบเข้าหาอาลัวในทันที

 

   คนอื่นๆจะมองเธอว่าเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาที่คอยเฝ้ามองแผ่นหลังของมิลาน ชายหนุ่มที่เธอเทิดทูน คนทั่วไปจะเห็นเธอยิ้มแย้มสดใส แต่ความจริงในใจของเซเลนเวลาที่เธอจ้องไปที่มิลานคือสายตาของครูฝึกจอมเฮี้ยบ

 

  ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของเซเลนที่นับวันยิ่งแผ่ขยาย ทำให้คิดว่าน่าแปลกที่ไม่มีใครบอกเลยว่าพี่ของเธอมาอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าให้คิดถึงเหตุผลมันก็ได้คำตอบง่ายๆว่า เธออยู่ที่นี่ในฐานะตัวประกัน และไม่ควรให้ตัวประกันอย่างเซเลนรับรู้ข้อมูลที่สำคัญ เพราะอาจเกิดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นได้

 

  อาลัวเป็นคนที่มีความโอบอ้อมอารีโดยธรรมชาติ หากสุภาพบุรุษจอมปลอมอย่างเจ้าชายไปบอกกับเธอว่า ‘น้องสาวของเธอกำลังทุกข์ทนกับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ โปรดช่วยมาเป็นพลังให้ผมในการช่วยเหลือเธอจะได้ไหม’ ก็จะยอมช่วยเหลือและทำตามเจ้าชายอย่างว่าง่าย และความบริสุทธิ์ของพี่สาวก็จะตกอยู่ในอันตราย แค่คิดเรื่องต่อจากนี้เซเลนก็โกรธจนหน้าแดงแล้ว

 

“ต้องรีบ!”

 

   เซเลนกระโดดลงจากเตียง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทีขาวที่ถูกใช้งานอยู่เป็นประจำตั้งแต่นำมาจากอาร์คุยล่า ริบบิ้นที่คอเสื้อยับยู่ยี่เพราะความเร่งรีบในการสวมใส่ แต่ก็ไม่มีเวลาใส่ใจ

 

[“องค์หญิง จะออกไปไหนหรือครับ? ให้กระผมได้ติดตาม…”]

“รอก่อนนะ!”

[“อะ? เอ่อ ถ้าองค์หญิงต้องการเช่นนั้น กระผมก็จะรอ…”]

 

   เซเลนไม่ได้ฟังในสิ่งที่บัตเลอร์พูดอยู่เลย ที่เธอพูดนั้น หมายถึง ‘รอก่อนนะ ท่านพี่อาลัว! อัศวินของท่านพี่ เซเลนคนนี้กำลังจะไปช่วยแล้ว!’ แต่คำพูดที่ออกมานั้นสั้นและละเลยเนื้อหามากเกินไป บัตเลอร์จึงเข้าใจว่าเป็นคำสั่งให้ตัวเขารออยู่ที่นี่ และเขาก็เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

 

“ไอ้เวรนี่! ไม่ปล่อย ให้ลงมือ ได้หรอก!”

 

   เซเลนตะโกนด่าทอและกระแทกประตูอย่างรุนแรง ออกวิ่งสุดกำลังด้วยความเกรี้ยวกราด ทั้งหมดนี้ไม่ได้มากมายไปกว่าเด็กผู้หญิงแปดขวบที่ไม่ค่อยออกกำลังกายจะทำได้ แต่ในความรู้สึกของเธอ มันรวดเร็วและรุนแรงดุจพายุ สาวใช้ที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ระหว่างทางถึงกับมองตามและคิดสงสัยว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้รีบร้อนกว่าปรกติ

 

   เซเลนมุ่งหน้าไปที่ทางออกของปราสาท จุดที่ใกล้กับลานที่มีรถม้าจอดรออยู่หลายคัน เซเลนเคยใช้บริการมาแล้วหลายครั้งในตอนที่นำข้าวกล่องอันตรายไปส่งให้กับเจ้าชายที่สนามฝึกซ้อม ถ้ามองหาคนที่คุ้นหน้าและบอกไปว่าอยากพบเจ้าชาย เขาก็คงจะพาไปที่โรงเรียนที่อาลัวอยู่ได้

 

“รอก่อนนะ!”

 

   แต่ในขณะที่เซเลนยังวิ่งอยู่ในโถงทางเดินที่ยืดยาวก็มองไปเห็นเงาคนยืนขวางทางอยู่ เนื่องจากคนคนนั้นยืนในมุมที่ย้อนแสงอาทิตย์ จึงบอกได้แค่ว่าเป็นเงาของคนคนหนึ่งเท่านั้น

 

“อะไรน่ะ!”

“โผล่ออกมาจริงๆด้วย โชคดีจังที่ดักรออยู่ตรงนี้”

 

  มารีจงใจขวางเซเลนไว้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาดักรออยู่ตรงนี้ และตอนนี้ก็ไม่มีเวลามาเล่นด้วย เซเลนสูดหายใจอย่างหนักแน่น พยายามอ้อมหลบมารี แต่มารีก็ยังเคลื่อนย้ายมาขวางทางอยู่ข้างหน้าเซเลนอยู่ดี

 

“มารี ถอย”

“เธอกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?”

“ด-เดินเล่น”

“กรอกตาอยู่แหนะ”

“เปล่าหนิ ไม่ได้กรอกตา จริงๆนะ”

 

   เซเลนพยายามยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหลีกเลี่ยงคำถามของมารีด้วยคำตอบที่ดูธรรมดาทีสุดเท่าที่สมองของเธอจะคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้ แต่มารีก็ไม่ตกหลุมพรางง่ายๆ

 

“เซเลน เธอกำลังจะไปหาท่านพี่ใช่ไหม? แต่ขอโทษด้วย ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่แถวๆรอบปราสาทนี่หรอก”

“โรงเรียน สินะ?”

“ม-ไม่ใช่ ที่นั่นก็ไม่อยู่!”

“มารี กรอกตาอยู่แหนะ”

 

  มารีก็โกหกไม่เก่งเช่นกัน จึงถูกดูออกได้ง่ายๆ เซเลนก็ไม่ยอมให้ถูกหลอก และเพราะเซเลนเป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่แล้ว ถึงมีนิสัยชอบจับผิดคนอื่น ไม่พลาดในเรื่องนี้แน่

 

   มารีตกใจกับลางสังหรณ์ของเซเลนที่แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่แสดงอาการออกมาและรักษาท่าทีสงบนิ่งเอาไว้ ยังไงก็ให้เซเลนผ่านไปไม่ได้ ในฐานะที่เป็นแม่สื่อที่จะเชื่อมโยงพี่ชายกับเซเลนเข้าด้วยกัน เซเลนจะต้องหยุดอยู่ตรงนี้

 

“ท่านพี่ยุ่งอยู่น่ะ อย่าไปรบกวนเลย ไปเล่นด้วยกันดีกว่า รับรองว่าสนุกแน่นอน”

“…ทำอะไร ถึงยุ่ง?”

“ก็… เอ่อ ไม่รู้สิ แต่กำลังยุ่งอยู่แน่ๆ ต้องไม่ไปรบกวน อือ ประมาณนั้นแหละ”

 

  มารีพูดอย่างติดขัดเพราะคิดหาข้ออ้างไม่ทัน ซึ่งคำตอบแบบนั้นมีแต่จะทำให้เซเลนยิ่งเคลือบแคลง ยุ่งเพราะทำอะไรบางอย่างที่ให้เด็กรับรู้ด้วยไม่ได้ สั่งน้องสาวไว้ว่าไม่ให้ไปรบกวน เซเลนคิดได้เพียงแค่นั้น

 

   ขณะที่กำลังเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ความบริสุทธิ์ของพี่สาวเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ต้องผ่านมารีที่เป็นบอสด่านนี้ไปให้เร็วที่สุด ความรักที่มีอุปสรรคจะนำไปสู่ความรักอันร้อนแรง ตอนนี้ภายในจิตใจของเซเลนมีความร้อนแรงอยู่เต็มเปี่ยม แต่ในแบบที่ไม่มีประโยชน์และไม่จำเป็น

 

“ย้า!”

 

   ในตอนนั้นเอง เซเลนที่คิดอะไรไม่ออกก็พุ่งตัวอย่างรวดเร็วลอดผ่านมารีไปทั้งอย่างงั้น เป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ง่ายจนเรียกว่าเป็นกลยุทธ์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่เซเลนถนัดที่สุดในการเล่นเกมแนววางแผนการรบ คือ ‘บุกเข้าหาศัตรูในรวดเดียวด้วยทุกอย่างที่มี ถ้าศัตรูมีจำนวนมากกว่าก็เพิ่มกำลังรบเข้าไปอีก’ หรือเรียกง่ายๆว่า การบุกแบบไม่คิดหน้าคิดหลังนั่นเอง

 

“นี่… เดี๋ยวเถอะ!”

“อ๊า!”

 

   ไม่มีอุปสรรคใดในโลกที่สามารถเอาชนะได้ด้วยความแน่วแน่เพียงอย่างเดียว มารีสับสนกับการกระทำแปลกๆของเซเลนอยู่ชั่วครู่ แต่ก็คว้าตัวจากด้านหลังไว้ได้ทัน เซเลนก็เหวี่ยงแขนดิ้นรน แต่สาวน้อยบอบบางอย่างเซเลนก็ไม่สามารถขัดขืนได้

 

  มารีเป็นถึงน้องสาวขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน เด็กสาวผู้มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถ ย่อมมีความแตกต่างทางกายภาพกับเซเลนที่วันๆอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปข้างนอก ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นเป็นนก ก็เหมือนเป็นอินทรีกับลูกเจี๊ยบ

 

“ไปโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้นะ! อยู่เงียบๆแล้วมาเล่นกับฉันเถอะน่า!”

 

   และแล้ว เซเลนที่พยายามต่อต้านอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ยอมแพ้ ไม่ออกแรงขัดขืนและไม่ส่งเสียงดัง เมื่อมารีเห็นว่าเซเลนเริ่มสงบลงแล้ว และรอจนแน่ใจว่าเซเลนจะไม่พยายามหนีไปไหนอีก เธอก็ปล่อยยอมตัว

 

“เข้าใจแล้ว ยอมแพ้…”

“อือ ดีแล้วล่ะ”

 

  เซเลนพยักหน้าเชื่อฟัง มารีเห็นเซเลนเริ่มพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก ที่เหลือก็ต้องดึงดูดความสนใจของเซเลนไว้ ปล่อยให้ท่านพี่ไปปรึกษากับเจ้าหญิงอาลัวเพื่อจัดหาสิ่งที่เซเลนชื่นชอบ แล้วทุกคนก็จะมีความสุข 

 

“เล่น ก็ได้”

“อยากเล่นอะไรล่ะ? ซ่อนหา? วาดรูป?”

 

  มารีถามออกไปทั้งรอยยิ้ม เซเลนเงยหน้ามองมาแล้วพูดถึงการละเล่นที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

“อยากเล่น หันไป ทางนั้นสิ*”

“หันไป… อะไรนะ?”

 

  เซเลนอธิบายวิธีการเล่นด้วยคำพูดสั้นๆ มันมีกติกาง่ายๆ คือให้หันหน้าไปตามที่เซเลนชี้ให้เร็วที่สุด ถ้าหันตามที่เซเลนชี้ได้ทันก็ชนะ ถ้าหันช้าหรือผิดทางก็แพ้ จริงๆแล้วมันถูกเซเลนดัดแปลงเอาเองให้ต่างจากของเดิมไปพอสมควร มารีที่ไม่รู้เรื่องนั้น เพราะเป็นการละเล่นที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงไม่ได้เอะใจอะไรและตัดสินใจเล่นด้วย

 

“เอ้า… หันไป… ทางนั้น!”

 

  เซเลนชี้ขึ้นไปข้างบน แม้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมารีจะไม่รวดเร็วเท่ามิลาน แต่ก็เป็นถึงผู้สืบสายเลือดเฮลิฟาเต้เหมือนกัน ในเมื่อเป็นถึงเจ้าหญิง ก็ต้องเคยได้รับการฝึกฝนมาหลายๆด้านอยู่แล้วรวมถึงฝึกร่างกายด้วย แค่การขยับนิ้วอันเชื่องช้าของเซเลน มารีเงยหน้ามองด้านบนในทิศทางเดียวกันกับที่เซเลนชี้นิ้วไปได้ทันที เท่านี้ก็ได้รับชัยชนะง่ายๆแล้ว

 

“ชนะแล้ว!”

“มารี อยู่นิ่งๆ”

“เอ๋?”

 

  เมื่อมารีกำลังจะหันกลับมาทางเซเลน เซเลนก็จับหัวจองเธอไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและจัดท่าให้เงยหน้าอยู่ท่าเดิม

 

“อยู่นิ่งๆ จนกว่า ฉันบอก ให้พอ”

“เกมนี้มันแปลกๆอยู่นะ… แต่ก็เอาเถอะ”

 

   มารียังอยู่ในท่าที่เงยหน้ามองเพดาน ในฐานะที่เป็นพี่สาว จะต้องทำให้เซเลนอารมณ์ดีขึ้นมาให้ได้ก่อน มารีคิดแบบนั้นและไม่คิดขัดใจเซเลนในตอนนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องยืนอยู่ท่านี้อีกนานแค่ไหน จนมารีเริ่มรู้สึกเมื่อยและถามเซเลนทั้งๆที่ยังเงยหน้าอยู่

 

“นี่ ต้องรออีกนานแค่ไหน? เริ่มเมื่อยแล้วนะ… อ๊ะ!?”

 

  มารีที่เริ่มเมื่อยและเบื่อขึ้นมาก็หันหาเซเลนที่ควรจะอยู่เบื้องหน้าแต่ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เธอจึงรีบมองไปรอบๆเพื่อหาตัว แล้วก็ได้เห็นเซเลนอยู่ในรถม้าที่ออกไปไกลแล้ว

 

  รถม้าออกตัวเร็วกว่าปรกติ คงเพราะถูกรบเร้าโดยเซเลน ขณะที่มารีกำลังจ้องมองเพดานอยู่ เซเลนก็ได้แอบย่องหนีไปอย่างเงียบเชียบ เซเลนคือบุคคลประเภทที่ใช้กลโกงเพื่อเอาชนะเด็กสิบขวบได้หน้าตาเฉย

 

“หนอนแน่! มาหลอกกันได้!”

 

   มารีที่ถูกเซเลนวางยาเข้าไปก็นึกโมโห รีบไปขึ้นรถม้าคันอื่นที่เหลืออยู่

 

“ตามรถม้าคันนั้นไป! เร็วเข้า!”

 

   สารถีที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ตามรถม้าของเซเลนไปอย่างรวดเร็วเพราะถูกกดดันจากมารี จากนั้นฉากการไล่ล่าโดยรถม้าระหว่างเซเลนและมารีก็เริ่มขึ้น

 

____________________

* เอ้า หันไปทางนั้นสิ/あっち向いてホイ/acchi muite hoi

โดยทั่วไปจะใช้เล่นต่อจากเป่ายิงฉุบ ผู้เป่ายิงฉุบชนะจะชี้นิ้วไปทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว ผู้เป่ายิงฉุบแพ้จะต้องหันหน้าไปทางอื่นที่ไม่ใช้ทิศทางที่ถูกชี้โดยเร็วที่สุด

กฎการชนะจะต้องชนะทั้งสองขั้นตอน คือ ชนะเป่ายิงฉุบ และทำให้ผู้ที่เป่ายิงฉุบแพ้ หันไปทิศทางเดียวกับที่ชี้ไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 22 ท่วงทำนองของอารมณ์ (ตอน1)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 22 ท่วงทำนองของอารมณ์ (ตอน1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 22

ท่วงทำนองของอารมณ์ (ตอน1)

 

   หลังจากให้สาวใช้ไปจัดการธุระให้แล้ว มิลานก็เดินเรื่อยเปื่อยอยู่รอบๆพระราชวังด้วยอารมณ์ขุ่นหมอง แม้แต่น้องสาวของเขา มารีก็ยังมาปลอบใจอยู่ข้างๆ เหล่าคนสวนที่อยู่บริเวณนั้นยังแปลกใจที่เห็นเจ้าชายมีท่าทีร้อนใจขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พวกเขาก็ทำงานต่อไปอย่างเงียบๆ

 

“ท่านพี่ อยู่เฉยๆให้ใจเย็นลงก่อนดีไหมคะ?”

“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ผมก็ใจเย็นอยู่แล้ว…”

 

   มารีส่ายหน้าให้กับคำตอบที่ดื้อดึงของพี่ชาย ตอนนี้พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ ขณะเดียวกันก็เห็นรถม้ากำลังกลับมาจากระยะไกล เป็นคันที่สาวใช้ใช้เดินทางไป มิลานวิ่งเข้าไปหาโดยไม่รอให้มาถึง อาจเป็นเพราะสาวใช้สังเกตเห็นความรีบร้อนของเจ้าชาย เธอจึงลงจากรถม้า

 

“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง?”

“ผู้อำนวยการรู้สึกแปลกใจกับคำขอนี้ แต่ก็แจ้งมาว่าจะเตรียมการให้เข้าพบได้ทันทีค่ะ”

“ทำได้ดีมาก ขอบคุณนะ”

 

  สาวใช้โค้งให้กับคำขอบคุณของมิลานและกลับไปทำหน้าที่ตามปรกติของเธอ มิลานขึ้นรถม้าแทนที่กับสาวใช้ที่ลงไป มารีได้เห็นและเพิ่งจะตามทันก็ส่งเสียงทักมิลานที่ขึ้นไปบนรถม้าแล้ว

 

“เดี๋ยวสิ ท่านพี่ จะไปตอนนี้เลยเหรอ!?”

“อือ อยากจะไปคุยกับท่านอาลัวให้เร็วที่สุด ให้ช่วยบอกวิธีที่จะทำให้เซเลนอารมณ์ดีขึ้นมาได้น่ะ”

 

  เขารีบร้อนขนาดไม่มีเวลาคุยกับมารีให้เรียบร้อยก่อน มิลานสั่งให้สารถีเริ่มเดินทางไปสถานศึกษาต่อในทันที สิ่งที่เซเลนชอบเป็นอย่างมากและทำให้เธออารมณ์ดีได้ แท้จริงแล้วคือตัวของอาลัวเองนี่แหละ แต่มิลานที่แน่นอนว่าใช้สามัญสำนึกของคนปรกติ เข้าใจว่าการที่เซเลนรักใคร่อาลัวเป็นอย่างมากนั้นคือในรูปแบบของครอบครัว ไม่มีทางคิดได้เลยว่าจะหลงรักพี่ของตัวเองในเชิงชู้สาว

 

  มารีหลุดยิ้มออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่ชายของเธอว้าวุ่นได้ขนาดนี้ พี่ชายที่เคยเห็นเป็นชายหนุ่มผู้ที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน กลับมาทำตัวน่าหัวเราะเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะความผิดหวังหรือความเวทนา แต่มารีรู้สึกว่าได้รู้จักพี่ชายของตัวเองมากขึ้น และรู้สึกใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม

 

“ท่านพี่ล่ะก็ ใจร้อนจริงๆ…”

 

  เมื่อเห็นพี่ชายของเธอกับรถม้าลับสายตาไป มารีคิดว่าบทบาทของเธอในตอนนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยดีแล้ว แต่ว่า มารีก็หยุดเดิน ก้มหน้า ยกมือขึ้นมาแตะปากและพูดเบาๆในสิ่งที่เธอคิดอยู่

 

“ต้องทำให้เป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ด้วยสินะ แต่เซเลนก็มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำแบบแปลกๆซะด้วย…”

 

  ไม่ใช่เพราะลางสังหรณ์ของเซเลน แต่เพราะเธอมีแหล่งข้อมูลเป็นสุดยอดสายลับชื่อว่าบัตเลอร์อยู่ มารีไม่มีทางรู้ในเรื่องนั้น จึงกังวลว่าเรื่องที่พี่ชายกำลังหาสิ่งที่เซเลนชื่นชอบจะถูกรับรู้

 

“งั้นก็ช่วยไม่ได้น้า มารีเบลคนนี้จะทำให้เป็นไปตามความตั้งใจของท่านพี่เอง!”

 

  แม้มารีจะพูดด้วยท่าทีเบื่อหน่ายแต่ก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้นกลับไปยังปราสาท

 

 

   ◆◇ ◆ ◇ ◆

 

 

[“องค์หญิง ยังไม่คิดให้อภัยเจ้าชายอีกเหรอครับ? ตัวเขาเองก็ดูซึมเศร้าลงไปมาก กระผมเห็นแล้วยังรู้สึกสงสารเลย”]

“ไม่เอา”

 

  เซเลนโผล่แต่หน้าออกมาจากผ้าห่ม บอกปัดคำแนะนำของบัตเลอร์โดยไม่พิจารณา แค่เสแสร้งตีหน้าเศร้า ลิงมันยังทำได้เลย ถึงเจ้าชายจะกำลังมีความทุกข์อยู่จริง ก็อยากจะสมน้ำหน้ามากกว่า

 

“เกลียด เจ้าชาย”

[“องค์หญิง อย่าพูดจาเห็นแก่ตัวอย่างนั้นสิครับ เพื่อองค์หญิงแล้ว เจ้าชายถึงกับเดินทางไปโรงเรียนในทันที เพื่อขอปรึกษากับเจ้าหญิงอาลัวเกี่ยวกับเรื่องขององค์หญิงโดยเฉพาะเลยนะครับ”]

 

  บัตเลอร์ออกตรวจตราบริเวณภายในปราสาทวันละหลายรอบเพื่อหาข้อมูลและรักษาความปลอดภัยให้เซเลน ส่วนใหญ่เขาจะรับหน้าที่นี้อยู่คนเดียว แต่บางครั้งเขาก็สั่งการพวกหนูตัวอื่นๆที่อยู่ในปราสาท และจากข้อมูลล่าสุดที่เขาได้รับแจ้งมา มิลานเพิ่งจะออกไปสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาเต้

 

“หืม……… เอ๋?”

 

  ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้วว่าเจ้าชายจะไปที่โรงเรียนหรือจะไปเป็นปุ๋ยอยู่ที่ไหน เซเลนไม่ได้ฟังในสิ่งที่บัตเลอร์พูดอยู่เลย แต่ในคำพูดของบัตเลอร์ก็มีอยู่ชื่อหนึ่งที่ไม่สามารถทำหูทวนลมได้

 

“ท่านพี่ อยู่ด้วย?”

[“เป็นเช่นนั้นแหละครับ ก็องค์หญิงเอาแต่หลบหน้าเจ้าชาย เขาก็เลยไม่มีโอกาสได้บอก”]

“เสร็จกัน!!”

 

   เซเลนลุกพรวดขึ้นมาและสะบัดผ้าห่มออกไป พลาดจนได้! เซเลนเปลี่ยนมาอยู่ในสภาพตื่นตัวเต็มที่อย่างรวดเร็ว และใช้เซลสมองที่ยังไม่ตื่นดี คิดคำนวณเกี่ยวกับการกระทำของมิลานจนได้คำตอบออกมา

 

  ที่เจ้าชายยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมทุกวันนี้ก็เพราะถูกเซเลนคอยจับตาดูอใกล้ชิด ทำให้เขาแอบไปทำอะไรไม่ดีมางามได้ยาก แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ การเฝ้าระวังเกิดหละหลวมขึ้นมา ไอ้เจ้าชายหื่นกามนั่นก็ใช้โอกาสนี้แอบเข้าหาอาลัวในทันที

 

   คนอื่นๆจะมองเธอว่าเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาที่คอยเฝ้ามองแผ่นหลังของมิลาน ชายหนุ่มที่เธอเทิดทูน คนทั่วไปจะเห็นเธอยิ้มแย้มสดใส แต่ความจริงในใจของเซเลนเวลาที่เธอจ้องไปที่มิลานคือสายตาของครูฝึกจอมเฮี้ยบ

 

  ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของเซเลนที่นับวันยิ่งแผ่ขยาย ทำให้คิดว่าน่าแปลกที่ไม่มีใครบอกเลยว่าพี่ของเธอมาอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าให้คิดถึงเหตุผลมันก็ได้คำตอบง่ายๆว่า เธออยู่ที่นี่ในฐานะตัวประกัน และไม่ควรให้ตัวประกันอย่างเซเลนรับรู้ข้อมูลที่สำคัญ เพราะอาจเกิดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นได้

 

  อาลัวเป็นคนที่มีความโอบอ้อมอารีโดยธรรมชาติ หากสุภาพบุรุษจอมปลอมอย่างเจ้าชายไปบอกกับเธอว่า ‘น้องสาวของเธอกำลังทุกข์ทนกับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ โปรดช่วยมาเป็นพลังให้ผมในการช่วยเหลือเธอจะได้ไหม’ ก็จะยอมช่วยเหลือและทำตามเจ้าชายอย่างว่าง่าย และความบริสุทธิ์ของพี่สาวก็จะตกอยู่ในอันตราย แค่คิดเรื่องต่อจากนี้เซเลนก็โกรธจนหน้าแดงแล้ว

 

“ต้องรีบ!”

 

   เซเลนกระโดดลงจากเตียง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทีขาวที่ถูกใช้งานอยู่เป็นประจำตั้งแต่นำมาจากอาร์คุยล่า ริบบิ้นที่คอเสื้อยับยู่ยี่เพราะความเร่งรีบในการสวมใส่ แต่ก็ไม่มีเวลาใส่ใจ

 

[“องค์หญิง จะออกไปไหนหรือครับ? ให้กระผมได้ติดตาม…”]

“รอก่อนนะ!”

[“อะ? เอ่อ ถ้าองค์หญิงต้องการเช่นนั้น กระผมก็จะรอ…”]

 

   เซเลนไม่ได้ฟังในสิ่งที่บัตเลอร์พูดอยู่เลย ที่เธอพูดนั้น หมายถึง ‘รอก่อนนะ ท่านพี่อาลัว! อัศวินของท่านพี่ เซเลนคนนี้กำลังจะไปช่วยแล้ว!’ แต่คำพูดที่ออกมานั้นสั้นและละเลยเนื้อหามากเกินไป บัตเลอร์จึงเข้าใจว่าเป็นคำสั่งให้ตัวเขารออยู่ที่นี่ และเขาก็เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

 

“ไอ้เวรนี่! ไม่ปล่อย ให้ลงมือ ได้หรอก!”

 

   เซเลนตะโกนด่าทอและกระแทกประตูอย่างรุนแรง ออกวิ่งสุดกำลังด้วยความเกรี้ยวกราด ทั้งหมดนี้ไม่ได้มากมายไปกว่าเด็กผู้หญิงแปดขวบที่ไม่ค่อยออกกำลังกายจะทำได้ แต่ในความรู้สึกของเธอ มันรวดเร็วและรุนแรงดุจพายุ สาวใช้ที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ระหว่างทางถึงกับมองตามและคิดสงสัยว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้รีบร้อนกว่าปรกติ

 

   เซเลนมุ่งหน้าไปที่ทางออกของปราสาท จุดที่ใกล้กับลานที่มีรถม้าจอดรออยู่หลายคัน เซเลนเคยใช้บริการมาแล้วหลายครั้งในตอนที่นำข้าวกล่องอันตรายไปส่งให้กับเจ้าชายที่สนามฝึกซ้อม ถ้ามองหาคนที่คุ้นหน้าและบอกไปว่าอยากพบเจ้าชาย เขาก็คงจะพาไปที่โรงเรียนที่อาลัวอยู่ได้

 

“รอก่อนนะ!”

 

   แต่ในขณะที่เซเลนยังวิ่งอยู่ในโถงทางเดินที่ยืดยาวก็มองไปเห็นเงาคนยืนขวางทางอยู่ เนื่องจากคนคนนั้นยืนในมุมที่ย้อนแสงอาทิตย์ จึงบอกได้แค่ว่าเป็นเงาของคนคนหนึ่งเท่านั้น

 

“อะไรน่ะ!”

“โผล่ออกมาจริงๆด้วย โชคดีจังที่ดักรออยู่ตรงนี้”

 

  มารีจงใจขวางเซเลนไว้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาดักรออยู่ตรงนี้ และตอนนี้ก็ไม่มีเวลามาเล่นด้วย เซเลนสูดหายใจอย่างหนักแน่น พยายามอ้อมหลบมารี แต่มารีก็ยังเคลื่อนย้ายมาขวางทางอยู่ข้างหน้าเซเลนอยู่ดี

 

“มารี ถอย”

“เธอกำลังจะไปที่ไหนเหรอ?”

“ด-เดินเล่น”

“กรอกตาอยู่แหนะ”

“เปล่าหนิ ไม่ได้กรอกตา จริงๆนะ”

 

   เซเลนพยายามยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหลีกเลี่ยงคำถามของมารีด้วยคำตอบที่ดูธรรมดาทีสุดเท่าที่สมองของเธอจะคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้ แต่มารีก็ไม่ตกหลุมพรางง่ายๆ

 

“เซเลน เธอกำลังจะไปหาท่านพี่ใช่ไหม? แต่ขอโทษด้วย ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่แถวๆรอบปราสาทนี่หรอก”

“โรงเรียน สินะ?”

“ม-ไม่ใช่ ที่นั่นก็ไม่อยู่!”

“มารี กรอกตาอยู่แหนะ”

 

  มารีก็โกหกไม่เก่งเช่นกัน จึงถูกดูออกได้ง่ายๆ เซเลนก็ไม่ยอมให้ถูกหลอก และเพราะเซเลนเป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่แล้ว ถึงมีนิสัยชอบจับผิดคนอื่น ไม่พลาดในเรื่องนี้แน่

 

   มารีตกใจกับลางสังหรณ์ของเซเลนที่แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่แสดงอาการออกมาและรักษาท่าทีสงบนิ่งเอาไว้ ยังไงก็ให้เซเลนผ่านไปไม่ได้ ในฐานะที่เป็นแม่สื่อที่จะเชื่อมโยงพี่ชายกับเซเลนเข้าด้วยกัน เซเลนจะต้องหยุดอยู่ตรงนี้

 

“ท่านพี่ยุ่งอยู่น่ะ อย่าไปรบกวนเลย ไปเล่นด้วยกันดีกว่า รับรองว่าสนุกแน่นอน”

“…ทำอะไร ถึงยุ่ง?”

“ก็… เอ่อ ไม่รู้สิ แต่กำลังยุ่งอยู่แน่ๆ ต้องไม่ไปรบกวน อือ ประมาณนั้นแหละ”

 

  มารีพูดอย่างติดขัดเพราะคิดหาข้ออ้างไม่ทัน ซึ่งคำตอบแบบนั้นมีแต่จะทำให้เซเลนยิ่งเคลือบแคลง ยุ่งเพราะทำอะไรบางอย่างที่ให้เด็กรับรู้ด้วยไม่ได้ สั่งน้องสาวไว้ว่าไม่ให้ไปรบกวน เซเลนคิดได้เพียงแค่นั้น

 

   ขณะที่กำลังเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ความบริสุทธิ์ของพี่สาวเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ต้องผ่านมารีที่เป็นบอสด่านนี้ไปให้เร็วที่สุด ความรักที่มีอุปสรรคจะนำไปสู่ความรักอันร้อนแรง ตอนนี้ภายในจิตใจของเซเลนมีความร้อนแรงอยู่เต็มเปี่ยม แต่ในแบบที่ไม่มีประโยชน์และไม่จำเป็น

 

“ย้า!”

 

   ในตอนนั้นเอง เซเลนที่คิดอะไรไม่ออกก็พุ่งตัวอย่างรวดเร็วลอดผ่านมารีไปทั้งอย่างงั้น เป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ง่ายจนเรียกว่าเป็นกลยุทธ์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่เซเลนถนัดที่สุดในการเล่นเกมแนววางแผนการรบ คือ ‘บุกเข้าหาศัตรูในรวดเดียวด้วยทุกอย่างที่มี ถ้าศัตรูมีจำนวนมากกว่าก็เพิ่มกำลังรบเข้าไปอีก’ หรือเรียกง่ายๆว่า การบุกแบบไม่คิดหน้าคิดหลังนั่นเอง

 

“นี่… เดี๋ยวเถอะ!”

“อ๊า!”

 

   ไม่มีอุปสรรคใดในโลกที่สามารถเอาชนะได้ด้วยความแน่วแน่เพียงอย่างเดียว มารีสับสนกับการกระทำแปลกๆของเซเลนอยู่ชั่วครู่ แต่ก็คว้าตัวจากด้านหลังไว้ได้ทัน เซเลนก็เหวี่ยงแขนดิ้นรน แต่สาวน้อยบอบบางอย่างเซเลนก็ไม่สามารถขัดขืนได้

 

  มารีเป็นถึงน้องสาวขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน เด็กสาวผู้มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถ ย่อมมีความแตกต่างทางกายภาพกับเซเลนที่วันๆอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปข้างนอก ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นเป็นนก ก็เหมือนเป็นอินทรีกับลูกเจี๊ยบ

 

“ไปโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้นะ! อยู่เงียบๆแล้วมาเล่นกับฉันเถอะน่า!”

 

   และแล้ว เซเลนที่พยายามต่อต้านอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ยอมแพ้ ไม่ออกแรงขัดขืนและไม่ส่งเสียงดัง เมื่อมารีเห็นว่าเซเลนเริ่มสงบลงแล้ว และรอจนแน่ใจว่าเซเลนจะไม่พยายามหนีไปไหนอีก เธอก็ปล่อยยอมตัว

 

“เข้าใจแล้ว ยอมแพ้…”

“อือ ดีแล้วล่ะ”

 

  เซเลนพยักหน้าเชื่อฟัง มารีเห็นเซเลนเริ่มพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก ที่เหลือก็ต้องดึงดูดความสนใจของเซเลนไว้ ปล่อยให้ท่านพี่ไปปรึกษากับเจ้าหญิงอาลัวเพื่อจัดหาสิ่งที่เซเลนชื่นชอบ แล้วทุกคนก็จะมีความสุข 

 

“เล่น ก็ได้”

“อยากเล่นอะไรล่ะ? ซ่อนหา? วาดรูป?”

 

  มารีถามออกไปทั้งรอยยิ้ม เซเลนเงยหน้ามองมาแล้วพูดถึงการละเล่นที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

“อยากเล่น หันไป ทางนั้นสิ*”

“หันไป… อะไรนะ?”

 

  เซเลนอธิบายวิธีการเล่นด้วยคำพูดสั้นๆ มันมีกติกาง่ายๆ คือให้หันหน้าไปตามที่เซเลนชี้ให้เร็วที่สุด ถ้าหันตามที่เซเลนชี้ได้ทันก็ชนะ ถ้าหันช้าหรือผิดทางก็แพ้ จริงๆแล้วมันถูกเซเลนดัดแปลงเอาเองให้ต่างจากของเดิมไปพอสมควร มารีที่ไม่รู้เรื่องนั้น เพราะเป็นการละเล่นที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงไม่ได้เอะใจอะไรและตัดสินใจเล่นด้วย

 

“เอ้า… หันไป… ทางนั้น!”

 

  เซเลนชี้ขึ้นไปข้างบน แม้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมารีจะไม่รวดเร็วเท่ามิลาน แต่ก็เป็นถึงผู้สืบสายเลือดเฮลิฟาเต้เหมือนกัน ในเมื่อเป็นถึงเจ้าหญิง ก็ต้องเคยได้รับการฝึกฝนมาหลายๆด้านอยู่แล้วรวมถึงฝึกร่างกายด้วย แค่การขยับนิ้วอันเชื่องช้าของเซเลน มารีเงยหน้ามองด้านบนในทิศทางเดียวกันกับที่เซเลนชี้นิ้วไปได้ทันที เท่านี้ก็ได้รับชัยชนะง่ายๆแล้ว

 

“ชนะแล้ว!”

“มารี อยู่นิ่งๆ”

“เอ๋?”

 

  เมื่อมารีกำลังจะหันกลับมาทางเซเลน เซเลนก็จับหัวจองเธอไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและจัดท่าให้เงยหน้าอยู่ท่าเดิม

 

“อยู่นิ่งๆ จนกว่า ฉันบอก ให้พอ”

“เกมนี้มันแปลกๆอยู่นะ… แต่ก็เอาเถอะ”

 

   มารียังอยู่ในท่าที่เงยหน้ามองเพดาน ในฐานะที่เป็นพี่สาว จะต้องทำให้เซเลนอารมณ์ดีขึ้นมาให้ได้ก่อน มารีคิดแบบนั้นและไม่คิดขัดใจเซเลนในตอนนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องยืนอยู่ท่านี้อีกนานแค่ไหน จนมารีเริ่มรู้สึกเมื่อยและถามเซเลนทั้งๆที่ยังเงยหน้าอยู่

 

“นี่ ต้องรออีกนานแค่ไหน? เริ่มเมื่อยแล้วนะ… อ๊ะ!?”

 

  มารีที่เริ่มเมื่อยและเบื่อขึ้นมาก็หันหาเซเลนที่ควรจะอยู่เบื้องหน้าแต่ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เธอจึงรีบมองไปรอบๆเพื่อหาตัว แล้วก็ได้เห็นเซเลนอยู่ในรถม้าที่ออกไปไกลแล้ว

 

  รถม้าออกตัวเร็วกว่าปรกติ คงเพราะถูกรบเร้าโดยเซเลน ขณะที่มารีกำลังจ้องมองเพดานอยู่ เซเลนก็ได้แอบย่องหนีไปอย่างเงียบเชียบ เซเลนคือบุคคลประเภทที่ใช้กลโกงเพื่อเอาชนะเด็กสิบขวบได้หน้าตาเฉย

 

“หนอนแน่! มาหลอกกันได้!”

 

   มารีที่ถูกเซเลนวางยาเข้าไปก็นึกโมโห รีบไปขึ้นรถม้าคันอื่นที่เหลืออยู่

 

“ตามรถม้าคันนั้นไป! เร็วเข้า!”

 

   สารถีที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ตามรถม้าของเซเลนไปอย่างรวดเร็วเพราะถูกกดดันจากมารี จากนั้นฉากการไล่ล่าโดยรถม้าระหว่างเซเลนและมารีก็เริ่มขึ้น

 

____________________

* เอ้า หันไปทางนั้นสิ/あっち向いてホイ/acchi muite hoi

โดยทั่วไปจะใช้เล่นต่อจากเป่ายิงฉุบ ผู้เป่ายิงฉุบชนะจะชี้นิ้วไปทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว ผู้เป่ายิงฉุบแพ้จะต้องหันหน้าไปทางอื่นที่ไม่ใช้ทิศทางที่ถูกชี้โดยเร็วที่สุด

กฎการชนะจะต้องชนะทั้งสองขั้นตอน คือ ชนะเป่ายิงฉุบ และทำให้ผู้ที่เป่ายิงฉุบแพ้ หันไปทิศทางเดียวกับที่ชี้ไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+