[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 24 ดินแดนแห่งความฝัน

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 24 ดินแดนแห่งความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 24

ดินแดนแห่งความฝัน

 

“อ๊ะ! ใช่แล้ว นั่นแหละ!”

 

   เซเลนชอบลิลลี่ มารีตะโกนออกมาเพราะนึกออกทันทีที่ได้ยินคำนั้น

 

“รู้อยู่แล้วเหรอ?”

“ใช่ค่ะ หนูคุยกับเธอเรื่องนี้มาก่อนและเธอก็พูดออกมาเอง”

 

  มิลานขมวดคิ้วเพราะคำตอบนั้น

 

“…แล้วไม่บอกมาให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

“ตอนที่คุยกับเธอก็นานมาแล้วก็เลยลืมไปเลย จะทำยังไงได้ล่ะคะ”

“เอ่อ คือว่า ถ้าส่งเสียงดัง เซเลนจะตื่นนะคะ” 

 

   เมื่อเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเฮลิฟาเต้ดูเหมือนจะกลับไปเถียงกันอีกครั้ง อาลัวก็พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งคู่ใจเย็นและลดเสียงลง

 

“แต่ว่า ลิลลี่เหรอ อืม เซเลนก็ดูจะเหมาะกับดอกลิลลี่สีขาวมากว่ากุหลาบจริงๆนั่นแหละ”

 

   ลิลลี่ ดอกไม้สีขาวที่ผลิบานภายใต้แสงจันทร์ เข้ากับบรรยากาศของเซเลนมากกว่าดอกกุหลาบสีแดงสดใสที่ดูเด่นภายใต้แสงอาทิตย์ มิลานและอีกสองคนหันไปมองเซเลนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีผ้าพันหน้าผากไว้เนื่องจากได้กระแทกกับพื้นมา ช่วงเวลาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนไปทางตะวันตก แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านหน้าต่างกระทบกับเส้นผมสีขาวของเซเลนให้เห็นเป็นประกาย หน้าอกอันบอบบางขยับขึ้นลงตามลมหายใจของเธอ

 

  จากที่ได้ทะเลาะกับมารี เซเลนขยับตัวและออกแรงไปมากจนถึงขีดจำกัดของเธอ จึงได้หลับอย่างสบายใจเต็มที่ หลับลึกจนไม่รับรู้เรื่องที่มิลานกำลังคุยกัน หากมองดูเธอหลับตาอยู่เงียบๆเช่นนี้ โดยไม่ต้องมองให้ลึกถึงตัวตนที่อยู่ข้างใน เซเลนเป็นเจ้าหญิงผู้งดงามที่สุดในดินแดนนี้อย่างแน่นอน

 

“ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวผมจะออกไปที่ตัวเมืองเลยก็แล้วกันครับ แล้วก็หาร้านดอกไม้ที่มีดอกลิลลี่ จะได้เอากลับมาให้”

“หุหุหุ ไม่ได้เรื่องเลยน้า ท่านพี่เนี่ย แค่นั้นมันเด็กๆค่ะ”

“…หมายความว่ายังไงน่ะ”

 

  มิลานเอียงคอสงสัย มารียกนิ้วชี้ขึ้นขยับไปมาและพูดต่อ

 

“ท่านพี่เป็นถึงเจ้าชายลำดับหนึ่งของเฮลิฟาเต้เชียวนะ เข้าใจไหมคะ? แล้วยังมีฉายาว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยนะ ไม่คิดว่ามันสุดยอดมากๆเลยเหรอ?”

“ไม่ล่ะ แล้วผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเธอหมายถึงอะไร…”

“ก็อยากให้ทำอะไรให้เซเลนในแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ไงล่ะคะ ‘เพราะเธอชอบดอกลิลลี่ จึงให้ดอกลิลลี่’ แค่นี้มันก็ไม่มีความพิเศษอะไรเลย ถ้าคะแนนเต็มคือหนึ่งร้อยก็ตั้งเป้าไว้ที่สองร้อยสิคะ องค์หญิงอาลัวก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ?”

“เอ๋? ฉันเหรอ?”

 

  เมื่อถูกพาดพิงกะทันหัน อาลัวทำความเข้าใจกับหัวข้อที่พูดคุยกันอยู่สักพักและตอบกลับไป

 

“ก็คงจะเป็นเช่นนั้นแหละค่ะ ถ้าได้รับของที่ชอบ จากคนที่ชอบ ก็จะทำให้มีความสุขได้ แต่ถ้าของที่ชอบนั้นถูกนำมาให้แบบ ‘ฉันเตรียมสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษเลยนะ!’ ก็จะทำให้ประทับใจได้มากกว่า”

“เข้าใจล่ะ… คือจะให้ผมนำข้อมูลที่ได้มาในวันนี้ไปทำให้เกิดเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าสินะครับ”

 

   มิลานยกมือขึ้นมาแตะปากและพูดด้วยที่ทีครุ่นคิด

  นี่เป็นครั้งแรกที่มารีเห็นสีหน้าของมิลานที่กำลังคิดอย่างจริงจังอยู่เช่นนี้ อัจฉริยะที่ทำข้อสอบของสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาเต้ที่เป็นสถานศึกษาระดับสูงสุดในทวีปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ถึงกับต้องคิดมาก

 

“ถ้าหมดเรื่องแล้วก็กลับกันก่อนพระอาทิตย์จะตกกันเถอะค่ะ วันนี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะเลย และตอนนี้หนูก็หิวแล้วด้วย”

“เอาอย่างงั้นก็ได้ แต่ว่าเซเลน…”

 

  มิลานหันไปที่เตียงอีกครั้ง เซเลนที่กำลังหลับ ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ปราศจากการป้องกันตัวใดๆ และไม่ได้รับรู้เลยว่าตนเองเป็นหัวข้อให้ทั้งสามคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ข้างๆเธอ

 

   ในตอนแรกที่มิลานอุ้มเธอไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนเพาะเกรงว่าอาจจะบาดเจ็บร้ายแรง แพทย์ประจำโรงเรียนได้ทำการตรวจสอบและผลออกมาว่า ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เนื่องจากศีรษะถูกกระแทกจึงควรพักผ่อนให้มากและห้ามให้กระทบกระเทือน

 

“องค์ชายมิลาน ฉันมีเรื่องจะขอร้องหน่อยได้ไหมคะ?”

“วันนี้ผมมาด้วยเหตุผลส่วนตัวอยู่แล้วครับ ไม่ได้องเกรงใจก็ได้ อยากจะให้ช่วยเรื่องอะไรครับ?”

“คือว่า… ถ้าเป็นไปได้ วันนี้อยากจะให้เซเลนได้ค้างคืนที่นี่ได้ไหมคะ?”

“เซเลนเหรอครับ?”

 

  มิลานถามกลับด้วยความสงสัย อาลัวจ้องมองมาที่เขาตรงๆราวกับอ้อนวอน มิลานมองเห็นความหวั่นไหวในดวงตาคู่นั้น มิลานรอให้อาลัวที่เงียบเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ได้พูดต่อไป

 

“ตอนนี้ต้องให้เซเลนได้พักผ่อนค่ะ มันคงจะดีกว่าถ้าไม่ทำให้เธอตื่นหรือเคลื่อนย้ายไปไหนอีก และก็…”

“มีอะไรอีกเหรอครับ?”

“ฉัน ไม่เคยได้นอนกับเซเลนเลยค่ะ เด็กคนนี้ถูกคุมขังมานานหลายปี ก่อนหน้านั้นก็ยังเด็กอยู่มาก ก็เลยไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันกับเซเลนเลย จนถึงตอนนี้…”

 

  น้ำตาของอาลัวเริ่มไหลริน เซเลนถูกกีดกันตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะพฤติกรรมที่แปลกประหลาด ถูกแยกห่างเพื่อไม่ให้เจ้าหญิงลำดับหนึ่งที่ยังเยาว์วัยอย่างอาลัวต้องด่างพร้อย ช่วงที่เซเลนถูกคุมขังอยู่ในห้องที่ไม่แตกต่างจากคุก เธอก็ได้แต่แอบมาพบกันเป็นเวลาสั้นๆในรอบหลายๆวันเท่านั้น จากที่เห็นก็บอกได้เลยว่า พี่น้องคู่นี่รักใคร่กันดีแต่ก็ไม่มีเวลาให้กันและกันเลย

 

“แต่ว่า มันอาจทำให้องค์หญิงอาลัวต้องลำบากยิ่งขึ้นนะครับ เท่าที่เห็น ห้องนี้ยังไม่ได้ถูกจัดให้เรียบร้อยดี และเรื่องนี้มันก็เป็นปัญหาที่มารีก่อขึ้นอีกด้วย”

“เดิมทีมันเป็นความผิดของท่านพี่นะคะ! และหนูก็อยากให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันด้วย!”

 

   หลังจากมารีบ่นออกมาเสียงดัง มิลานก็หันไปหาอาลัว

  คิดเอาไว้ว่าจะพาเซเลนมาหาหลังจากนี้อีกสักพัก ตอนที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว แต่ก็เกิดเรื่องวุ่นวายจนแผนการที่วางไว้ผิดพลาดไปหลายอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเป็นหอพักของนักเรียนจึงไม่สามารถเตรียมห้องและเตียงที่มีขนาดใหญ่ให้ทันได้ในเวลาสั้นๆ ซึ่งถ้าอาลัวให้เซเลนนอนด้วยกันในห้องนี้ เตียงเล็กๆในห้องนี้ก็จะยิ่งคับแคบเข้าไปอีก

 

“ไม่คิดว่าเป็นการรบกวนเลยค่ะ ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน หากพรุ่งนี้อาการของเซเลนดีขึ้นแล้ว ฉันจะพาเซเลนไปส่งที่พระราชวังเองค่ะ”

 

   อาลัวขอร้องออกไปเช่นนั้นและก้มหัวให้กับมิลาน เพราะในตอนนี้ตามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ตัวของเซเลนถูกมอบให้และอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าชายแห่งเฮลิฟาเต้ หรือเรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินในครอบครองของเจ้าชาย  อาลัวเข้าใจในเรื่องนี้ดี ถึงจะฟังดูแปลกๆแต่เธอก็จะขอยืมเป็นการชั่วคราวและต้องให้เจ้าชายอนุญาตก่อน เพราะถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเซเลนอีกเมื่อไหร่ อาลัวยังคงก้มหน้ามองพื้น มือกุมชายกระโปรงไว้แน่น รอฟังคำตอบจากมิลาน 

 

“ก็ดีแล้วหนิคะ แบบนี้เซเลนก็จะมีความสุขมากกว่าด้วย”

“…เอ๋?”

 

  มิลานยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่มารีที่อยู่ข้างหลังมิลานเป็นคนที่ให้คำตอบออกมาแทน อาลัวเงยหน้าขึ้นมาเพราะการตอบสนองที่ไม่คาดคิด และมิลานก็พยักหน้าและรอยยิ้มที่อ่อนโยนกลับไป

 

“องค์หญิงอาลัว ที่จริงแล้วผมควรจะเป็นฝ่ายขอร้องท่านมากกว่า การที่ต้องจากครอบครัวมาใช้ชีวิตอยู่กับคนแปลกหน้าในต่างประเทศเพียงลำพังคงจะทำให้เซเลนเกิดความเครียดสะสมได้ ถึงจะผิดจากแผนการที่วางไว้แต่ตอนนี้พวกท่านสองพี่น้องก็ได้มาพบกันแล้ว ถ้าให้เธอได้ใช้เวลากับครอบครัว ผมเชื่อว่าเธอจะสามารถหลับสนิทกว่าทุกทีแน่นอนครับ”

“จริงหรือคะ… จะอนุญาตใช่ไหมคะ?”

“แน่นอนครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะส่งคนมารับเอง ส่วนมารีกับผมวันนี้ก็คงต้องขอตัวก่อนครับ”

“ข-ขอบพระคุณมากค่ะ!!”

 

   อาลัวโค้งให้กับมิลานอีกครั้งด้วยมุมแทบจะ90องศาฯ มิลานพยักหน้าตอบรับและออกจากห้องของอาลัวทันทีโดนมีมารีตามไปติดๆ เพราะในเมื่อเสร็จธุระแล้วก็ไม่ควรอยู่รบกวนอาลัวไปมากกว่านี้

 

“ถ้าอย่างงั้นก็ขอฝากเซเลนเอาไว้ก่อนนะคะ ท่านพี่อาลัว”

“ท่านพี่ อาลัว?”

 

   มารีหัวเราะอย่างขี้เล่นเมื่อเห็นอาลัวมองมาด้วยความสงสัยกับคำพูดเมื่อครู่ของเธอ

 

“ก็ตอนนี้หนูเป็นพี่สาวของเซเลนอยู่ องค์หญิงอาลัวก็เป็นพี่สาวของเซเลนเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ? พี่สาวของน้องสาวก็ต้องเป็นพี่สาวของหนูด้วยสิคะ อ๊ะ ทำไมท่านพี่ไม่แต่งงานกับองค์หญิงอาลัวซะเลยล่ะ? จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆไปเลย”

“อย่าพูดอะไรที่มันเสียมารยาทสิ ขออภัยด้วยครับองค์หญิงอาลัว น้องสาวของผมชอบทำเรื่องไร้สาระอยู่เป็นประจำ กรุณาคิดเสียว่าเป็นเรื่องล้อเล่นของเด็กๆก็แล้วกันนะครับ”

“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ! แล้วก็ไม่ได้ชอบทำเรื่องไร้สาระด้วย!”

“ตอนนี้พวกเราต้องขอตัวกลับก่อน ขอบคุณที่ยอมให้เข้าพบกะทันหันเช่นนี้ แล้วก็ เรื่องลิลลี่ ผมมีความคิดดีๆแล้วครับ อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ถ้าเซเลนชอบลิลลี่ ผมมั่นใจว่าเธอจะต้องประทับใจมากอย่างแน่นอนครับ”

 

   หลังพูดจบประโยค มิลานกับมารีก็ออกจากห้องของอาลัว

  เหลืออยู่เพียงสองคน เซเลนที่ยังหลับอยู่และไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้เลย กับอาลัวที่หน้าแดงอยู่เล็กน้อย

 

“องค์ชายมิลาน… ขอบคุณมากๆค่ะ!”

 

   หลังจากที่คนอื่นออกไปแล้วประตูก็ปิดลง อาลัวยังคงอยู่ในท่าโค้งคำนับอยู่ต่อไปอีกสักพัก ในที่นี้มีไม่กี่คนที่ให้ความสำคัญและห่วงใยเจ้าหญิงจากประเทศเล็กๆอันห่างไกลอย่างเธอ เขาไม่มีท่าทีอวดดีจองหองและไม่ใช้ตำแหน่งของตัวเองมาเอาเปรียบ นี่คือบุรุษที่ถูกเรียกว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าเซเลนอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของชายคนนี้จะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากกว่าใครๆอย่างแน่นอน เมื่อคิดอย่างนี้ ภายในดวงตาของอาลัวก็รู้สึกร้อนขึ้นมา

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

“…หืม?”

“อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอ? เซเลน”

 

   ช่วงเวลาที่เซเลนตื่นขึ้นมา นอกหน้าต่างก็เห็นแต่ดวงจันทร์ เพราะดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว มีเพียงแสงไฟจากเชิงเทียนบนโต๊ะไม้ข้างเตียงแม้จะเล็กแต่ก็ดูอบอุ่นและสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นห้องเล็กๆนี้ และกองสัมภาระที่ยังไม่ได้จัดเก็บ ในบรรยากาศที่เงียบสงบ เซเลนลงจากเตียงที่มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆที่ไม่ใช่ของตนเอง

 

“ท่านพี่ ไม่เป็นไรนะ?”

“เอ๋? พี่ไม่เป็นไรหรอก”

 

   เซเลนถูกอาลัวเปลี่ยนไปอยู่ในชุดนอนหลวมๆสีขาว แทนชุดสีขาวนวลที่เสียหายไปเมื่อตอนกลางวัน และเข้าไปกอดอาลัวขณะที่ขยับเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเธอให้เข้าที่ สิ่งแรกที่เธอพูดออกมาเมื่อตื่น คือคำที่แสดงความเห็นห่วงอาลัว

 

  ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ตอนที่เซเลนยังไม่ตื่น อาลัวกำลังจัดการเอกสารเกี่ยวกับการเรียนอยู่ที่โต๊ะ และจัดเก็บของใช้ส่วนตัวในห้องจนเหน็ดเหนื่อย ความเหนื่อยล้าของเธอถูกมองออกได้อย่างง่ายๆ อาลัวก็รู้อยู่แล้วว่าน้องสาวของเธอเป็นคนช่างสังเกตและเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ในทันที

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ เซเลนสบายใจได้เลย”

“ดีแล้ว…”

 

  อาลัวพูดปลอบน้องสาวผู้อ่อนโยนและขี้กังวลของเธอ และเซเลนก็ดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นมาแล้ว แม้จะยังไม่ถึงกับนานมากที่เธอกับเซเลนแยกจากกัน อาลัวรู้สึกภูมิใจในตัวน้องสาวของเธอ ที่แม้ได้เป็นที่ยอมรับจากประเทศอันยิ่งใหญ่แล้วก็ไม่แสดงความโอ้อวด แต่ยังคงเป็นห่วงและคำนึงถึงตัวเธอด้วยจิตใจอันใสซื่อบริสุทธิ์อยู่เสมอ

 

  คำถามของเซเลนนั้น มีความหมายถึงเรื่องอย่างว่า ถูกทำอะไรไปแล้วบ้างหรือเปล่า และคำตอบที่ได้มาก็ทำให้เซเลนรู้สึกโล่งอกเพราะว่าการบุกจู่โจมอย่างรวดเร็วของเธอในครั้งนี้ได้ปกป้องความบริสุทธิ์ของอาลัวเอาไว้ได้ก่อนที่เจ้าชายผู้ชั่วร้ายจะฉวยโอกาสลงมือทำอะไร และเจ้าหญิงทั้งสองก็หัวเราะเบาๆออกมาด้วยกัน

 

“แล้วเธอล่ะ เซเลน? ที่หัวกระแทกมา เป็นยังไงบ้าง? เจ็บ ปวด ตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”

“สบายมาก”

 

  เซเลนไม่ได้เจอกับอาลัวมานาน สมองของเธอจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อน ความเสียหายระดับนี้จึงเป็นสิ่งที่มองข้ามได้ และอีกอย่าง ภายในหัวของเธอมันมีปัญหาตั้งแต่ก่อนถูกกระแทกซะอีก ในเมื่อเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็คิดซะว่าช่างมันก็แล้วกัน

 

“เซเลน ตอนนี้เธอบาดเจ็บอยู่นะ ฉันจะเป็นคนดูแลเธอเอง จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นคืนนี้พวกเรามานอนด้วยกันที่นี่นะ”

“จริงเหรอ!?”

“อือ แต่เตียงนี้มันจะแคบไปหน่อยสำหรับสองคน…”

“ดีแล้ว! แบบนี้ดีแล้ว!”

 

   เซเลนตื่นเต้นและกำลังคึกคักเต็มที่ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆเพราะเตียงยิ่งแคบก็ยิ่งได้นอนเบียดกับพี่สาวได้แนบชิดยิ่งขึ้น

 

“นอน! ตอนนี้เลย นอน!”

“เอ๋ แต่ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ…”

“ท่านพี่ เหนื่อยแล้ว นอนดึก ไม่ดี ต้องนอน เร็วๆ”

 

  เซเลนจับมือทั้งสองข้างของอาลัวและพยายามจูงไปนอนที่เตียง อาลัวแอบยิ้มให้กับความเอาใจใส่ของเซเลนและตัดสินใจเลิกงานไปเข้านอน ส่วนทางด้านของเซเลน เป็นห่วงอาลัวว่าวันนี้ต้องรับมือเจ้าชายอย่างยากลำบากคงจะเหนื่อยแล้ว และที่สำคัญ เธออยากจะใช้เวลาอันมีค่าที่จะมีเพียงแค่ถึงวันพรุ่งนี้ สานสัมพันธ์กับพี่สาวให้มากขึ้นสักวินาทีก็ยังดี

 

  อาลัวเปลี่ยนไปอยู่ในชุดนอนบางๆก่อนไปที่เตียงที่เซเลนรออยู่แล้ว ถึงอาลัวจะเป็นคนร่างเล็กและเซเลนก็ยังเด็กอยู่ แต่การนอนด้วยกันบนเตียงเล็กๆนี้ก็ยังคับแคบอยู่ดี 

 

“เซเลน ไม่อึดอัดใช่ไหม? พี่ไปนอนที่อื่นก็ได้นะ…”

“ไม่ได้! ห้ามไปนะ!”

 

   เซเลนพูดเสียงดัง มือทั้งสองข้างกอดอาลัวเอาไว้แน่น และตอนที่อีกฝ่ายกำลังสับสนอยู่นั้น ก็ได้โอกาสเอาใบหน้าซุกลงในร่องอกของพี่สาว ตรงนั้นไอบิสที่เป็นราชินีแห่งเฮลิฟาเต้ก็เป็นของชั้นยอดเช่นกัน แต่ดินแดนแห่งแห่งความฝันที่โหยหามานานคือที่ตรงนี้อย่างแน่นอน

 

“ลูกพีช”*

“ลูกพีช?”*

 

  ความสงสัยของอาลัวไม่ได้รับคำตอบ เซเลนมีท่าทีพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม สัมผัสที่นุ่มนิ่มดั่งมาร์ชเมลโลว์ที่รู้สึกผ่านใบหน้านี่แหละคือความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลกนี้แล้ว และอาลัวก็กอดเซเลนเอาไว้อย่างทะนุถนอม ลูบไล้เธออย่างอ่อนโยนราวกับลูกแมว อาลัวรู้สึกถึงความรักจากอีกฝ่ายแต่จนถึงตอนนี้เธอไม่เคยมีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อน้องสาวของเธอเลย

 

“เซเลน ตอนอยู่ที่เฮลิฟาเต้เป็นยังไงบ้าง? เมื่อกลางวันได้ยินจากเจ้าชายมิลานมาว่าเธอพยายามเต็มที่เลยนี่นา”

 

  อาลัวกล่าวชมน้องสาวของเธอ แต่เซเลนที่กำลังขยับหัวไม่หยุดอยู่ตรงหน้าอกของเธอ ได้ยินแล้วก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา ทำให้อาลัวรู้สึกแปลกใจกับท่าทีเช่นนั้น เพราะอยู่ใกล้กันจึงรู้ได้ว่าเธอถอนหายใจ และเซเลนก็พูดโดยไม่มองหน้า

 

“ขอโทษ ทำได้ ไม่ดีพอ”

“เอ๋?”

 

   จากที่เซเลนพูดออกมา มันแตกต่างกับที่เจ้าชายมิลานเล่าให้ฟังเมื่อตอนเที่ยง ว่าเซเลนแสดงความสามารถที่ไม่น่าเชื่อว่าอายุเพียงแปดขวบ ให้ความสนับสนุนเฮลิฟาเต้ได้อย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่ยอมรับ แต่ถึงอย่างงั้น เซเลนก็ยังคิดว่าตนเองไม่คู่ควร

 

“(หรือว่า จะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป…)”

 

   อาลัวเข้าใจว่าที่เซเลนคิดแบบนั้นคือการถ่อมตัว เพราะได้ยินจากเจ้าชายมิลานมาว่าจนถึงตอนนี้เซเลนสร้างผลงานมาอย่างต่อเนื่อง เช่นปรับปรุงภาวะโภชนาการของเจ้าชายให้สมดุล สร้างขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารในการฝึก หลีกเลี่ยงข้อพิพาททางการทูตกับวัลเบิร์ต และที่สำคัญ ดูเหมือนว่าการที่เธอไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกันจะทำให้เจ้าชายซาบซึ้งมาก ที่เขามาปรึกษาในวันนี้ก็เพราะเรื่องนั้น

 

   อาจเป็นเพราะว่า ‘ไม่ดีพอ’ ในความรู้สึกของเซเลน มีระดับที่แตกต่างกับ ‘ไม่ดีพอ’ ของคนทั่วไป เหมือนช่างตีดาบชั้นยอดพูดว่า ‘ผลงานของวันนี้ ไม่ได้เรื่อง’ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก แต่เพราะมาตรฐานของมืออาชีพกับคนทั่วไปหรือมือสมัครเล่นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก

 

“…เซเลน ยังจำวันสุดท้ายที่อยู่ด้วนกันในอาร์คุยล่าได้ไหม”

“มีอะไร?”

“ที่เธอบอกเอาไว้ว่า ‘จะพยายาม ปกป้อง’ ยังไม่ลืมใช่ไหม”

“จำได้”

 

   ใช่แล้ว ในวันที่ต้องจากลา ได้สัญญาเอาไว้ว่า ‘จะพยายามปกป้องอาลัวเอาไว้ให้ได้’ นั่นคือเหตุผลที่เซเลนคนนี้จะต้องหาทางกำจัดเจ้าชายที่เป็นต้นตอของความชั้วร้ายทั้งหมดให้ได้ แต่ตอนนี้ความพยายามนั้นก็ยังไม่ส่งผลได้ดีเท่าที่ควร ทำให้เซเลนรู้สึกผิดหวังกับเรื่องนั้นอยู่

 

“เซเลนได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ก็เพราะยังเด็กอยู่ บางอย่างก็เลยไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ แต่ถ้ายังมีความมุ่มมั่น สักวันเซเลนก็จะเป็นผู้หญิงที่ดี ที่สามารถปกป้องใครสักคนได้อย่างแน่นอน พี่เชื่อในตัวเธอนะ”

“ท่านพี่…”

 

   สุดท้ายแล้ว อาลัวก็พูดให้กำลังใจน้องสาวของเธอด้วยคำพูดที่ฟังดูธรรมดา แต่คำพูดนั้นมาจากใจจริงและมันคือทั้งหมดที่เธอทำได้ในตอนนี้ สำหรับคนที่ไม่มีความสามารถพอที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือเชื่อมั่นในตัวน้องสาวของเธอขณะที่น้องสาวพยายามปกป้องและช่วยเหลือเจ้าชายมิลานผู้เป็นที่รักอย่างสุดความสามารถ

 

  ที่จริงแล้วคนที่เซเลนอยากจะปกป้องคืออาลัว แต่อาลัวเข้าใจว่าเธอต้องการเป็นคนที่สามารถปกป้องเจ้าชายมิลานที่มีความรู้สึกพิเศษให้ และอาลัวก็ไม่อาจพูดจาโหดร้ายดูถูกความพยายามของน้องสาวได้

 

“อือ จะพยายาม ให้ดีที่สุด!”

“เด็กดี วันนี้ก็พักผ่อนกันเถอะ พรุ่งจะได้กลับมาเป็นเซเลนคนเดิม”

“ไม่เป็นไรแล้ว จะไปจัดการ เรื่องเจ้าชาย”

“งั้นก็ดีแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ”

 

   อาลัวลูบผมนุ่มๆสีขาวของเซเลน ก่อนหน้านี้ดูเศร้าหมองแต่ก็กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง หลังจากนั้นอาลัวที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักจนถึงเมื่อครู่ก็ได้นอนหลับไปในทันที

 

   ตรงกันข้ามกับเซเลน ดวงตาที่ปิดสนิทตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงเมื่อครู่กลับมาเปิดกว้างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เต็มไปด้วยความตั้งใจอันเร่าร้อนที่จะล้มเจ้าชายลงให้ได้

 

“ฉันมัน งี่เง่า ชะมัด”

 

  เซเลนกัดฟันแน่นด้วยความผิดหวังในตังเอง ทั้งที่อาลัวเชื่ออย่างหมดใจว่าจะถูกปกป้องจากไอ้เจ้าชายจอมหื่นนั่นได้ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี่มันอะไรกัน มันแต่ทำตัวขี้เกียจ ละเลยการเฝ้าระวัง และแผนลอบสังหารเจ้าชายก็ไม่คืบหน้า ตอนที่โดนยึดยาอันล้ำค่านั่นไปก็น่าเสียใจอยู่หรอก แล้วมันยังไงล่ะ ก็เตรียมใจเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าหนทางหมื่นลี้ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก ถึงจะไม่มีเครื่องทุ่นแรงก็ไม่ทำให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักหน่อย

 

   ต้องทำทุกวิถีทางให้เจ้าชายไม่สามารถเข้ามายุ่มย่ามได้อีก และกลับไปอยู่ด้วยกันกับอาลัวอย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้จะต้องกลับไปเป็นเซเลนคนเดิมและหาทางสังหารเจ้าชายลงให้ได้ จะไม่เสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เซเลนละอายใจกับการกระทำอันโง่เขลาของเธอก่อนหน้านี้

 

“พรุ่งนี้ เอาจริงแล้ว”

 

   และแล้ว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ จะเริ่มทำข้าวกล่องสังหารขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อสังหารเจ้าชายและปลดปล่อยอาลัวให้เป็นอิสระ เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเองในครั้งนี้และกลับไปยึดมั่นในความตั้งใจเดิม เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เซเลนก็เอาใบหน้าถูไถไปกับหน้าอกของอาลัว การต่อสู้ที่ยาวนานและยากลำบากจะดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้ สำหรับตอนนี้ต้องให้นักรบผู้ไม่ย่อท้อได้ผ่อนคลายจิตใจสำหรับปกป้องดินแดนแห่งความฝันแห่งนี้

 

   ――เมื่อตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้ว เซเลนยังคงนวดหน้าอกต่อไปอีกจนกว่าเธอจะพอใจ ยินดีด้วยนะ

 

[“อืม… ทำไมองค์หญิงยังไม่กลับมาอีก! หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่น? กระผมควรจะส่งหนูสักตัวไปตรวจสอบ ไม่สิ เจ้าชายมิลานกับคนอื่นๆไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ ก็หมายความว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีสินะ …กระผมถูกสั่งแค่ให้รอด้วยสิ ก็ต้องเชื่อฟังเท่านั้น…แต่ถ้าองค์หญิงเป็นอะไรไปล่ะ…! หืม! ทำยังไงดีล่ะเนี่ย!”]

 

   ในขณะที่เซเลนและอาลัวนอนหลับอย่างสบายใจ บัตเลอร์ได้แต่ว้าวุ่นอยู่ในห้องของเซเลน เขาควรจะขัดคำสั่งและออกไปตามหาเจ้านาย หรือจะปฏิบัติตามคำสั่งแม้เจ้านายอาจตกอยู่ในอันตราย บัตเลอร์ไม่สามารถตัดสินใจได้และครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน จนกระทั่งเซเลนกลับมาในเช้าวันรุ่งขึ้น

 

____________________

*

ชื่อตอน 桃源郷 หมายถึง แดนแห่งความฝัน/ดินแดนแห่งพันธะสัญญา/สุขาวดี

อ่านแยกคันจิตัวแรก 桃 จะได้คำว่า ลูกพีช (もも/momo)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 24 ดินแดนแห่งความฝัน

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 24 ดินแดนแห่งความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 24

ดินแดนแห่งความฝัน

 

“อ๊ะ! ใช่แล้ว นั่นแหละ!”

 

   เซเลนชอบลิลลี่ มารีตะโกนออกมาเพราะนึกออกทันทีที่ได้ยินคำนั้น

 

“รู้อยู่แล้วเหรอ?”

“ใช่ค่ะ หนูคุยกับเธอเรื่องนี้มาก่อนและเธอก็พูดออกมาเอง”

 

  มิลานขมวดคิ้วเพราะคำตอบนั้น

 

“…แล้วไม่บอกมาให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

“ตอนที่คุยกับเธอก็นานมาแล้วก็เลยลืมไปเลย จะทำยังไงได้ล่ะคะ”

“เอ่อ คือว่า ถ้าส่งเสียงดัง เซเลนจะตื่นนะคะ” 

 

   เมื่อเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเฮลิฟาเต้ดูเหมือนจะกลับไปเถียงกันอีกครั้ง อาลัวก็พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งคู่ใจเย็นและลดเสียงลง

 

“แต่ว่า ลิลลี่เหรอ อืม เซเลนก็ดูจะเหมาะกับดอกลิลลี่สีขาวมากว่ากุหลาบจริงๆนั่นแหละ”

 

   ลิลลี่ ดอกไม้สีขาวที่ผลิบานภายใต้แสงจันทร์ เข้ากับบรรยากาศของเซเลนมากกว่าดอกกุหลาบสีแดงสดใสที่ดูเด่นภายใต้แสงอาทิตย์ มิลานและอีกสองคนหันไปมองเซเลนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงโดยมีผ้าพันหน้าผากไว้เนื่องจากได้กระแทกกับพื้นมา ช่วงเวลาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนไปทางตะวันตก แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านหน้าต่างกระทบกับเส้นผมสีขาวของเซเลนให้เห็นเป็นประกาย หน้าอกอันบอบบางขยับขึ้นลงตามลมหายใจของเธอ

 

  จากที่ได้ทะเลาะกับมารี เซเลนขยับตัวและออกแรงไปมากจนถึงขีดจำกัดของเธอ จึงได้หลับอย่างสบายใจเต็มที่ หลับลึกจนไม่รับรู้เรื่องที่มิลานกำลังคุยกัน หากมองดูเธอหลับตาอยู่เงียบๆเช่นนี้ โดยไม่ต้องมองให้ลึกถึงตัวตนที่อยู่ข้างใน เซเลนเป็นเจ้าหญิงผู้งดงามที่สุดในดินแดนนี้อย่างแน่นอน

 

“ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวผมจะออกไปที่ตัวเมืองเลยก็แล้วกันครับ แล้วก็หาร้านดอกไม้ที่มีดอกลิลลี่ จะได้เอากลับมาให้”

“หุหุหุ ไม่ได้เรื่องเลยน้า ท่านพี่เนี่ย แค่นั้นมันเด็กๆค่ะ”

“…หมายความว่ายังไงน่ะ”

 

  มิลานเอียงคอสงสัย มารียกนิ้วชี้ขึ้นขยับไปมาและพูดต่อ

 

“ท่านพี่เป็นถึงเจ้าชายลำดับหนึ่งของเฮลิฟาเต้เชียวนะ เข้าใจไหมคะ? แล้วยังมีฉายาว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยนะ ไม่คิดว่ามันสุดยอดมากๆเลยเหรอ?”

“ไม่ล่ะ แล้วผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเธอหมายถึงอะไร…”

“ก็อยากให้ทำอะไรให้เซเลนในแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ไงล่ะคะ ‘เพราะเธอชอบดอกลิลลี่ จึงให้ดอกลิลลี่’ แค่นี้มันก็ไม่มีความพิเศษอะไรเลย ถ้าคะแนนเต็มคือหนึ่งร้อยก็ตั้งเป้าไว้ที่สองร้อยสิคะ องค์หญิงอาลัวก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ?”

“เอ๋? ฉันเหรอ?”

 

  เมื่อถูกพาดพิงกะทันหัน อาลัวทำความเข้าใจกับหัวข้อที่พูดคุยกันอยู่สักพักและตอบกลับไป

 

“ก็คงจะเป็นเช่นนั้นแหละค่ะ ถ้าได้รับของที่ชอบ จากคนที่ชอบ ก็จะทำให้มีความสุขได้ แต่ถ้าของที่ชอบนั้นถูกนำมาให้แบบ ‘ฉันเตรียมสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษเลยนะ!’ ก็จะทำให้ประทับใจได้มากกว่า”

“เข้าใจล่ะ… คือจะให้ผมนำข้อมูลที่ได้มาในวันนี้ไปทำให้เกิดเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าสินะครับ”

 

   มิลานยกมือขึ้นมาแตะปากและพูดด้วยที่ทีครุ่นคิด

  นี่เป็นครั้งแรกที่มารีเห็นสีหน้าของมิลานที่กำลังคิดอย่างจริงจังอยู่เช่นนี้ อัจฉริยะที่ทำข้อสอบของสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาเต้ที่เป็นสถานศึกษาระดับสูงสุดในทวีปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ถึงกับต้องคิดมาก

 

“ถ้าหมดเรื่องแล้วก็กลับกันก่อนพระอาทิตย์จะตกกันเถอะค่ะ วันนี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะเลย และตอนนี้หนูก็หิวแล้วด้วย”

“เอาอย่างงั้นก็ได้ แต่ว่าเซเลน…”

 

  มิลานหันไปที่เตียงอีกครั้ง เซเลนที่กำลังหลับ ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ปราศจากการป้องกันตัวใดๆ และไม่ได้รับรู้เลยว่าตนเองเป็นหัวข้อให้ทั้งสามคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ข้างๆเธอ

 

   ในตอนแรกที่มิลานอุ้มเธอไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนเพาะเกรงว่าอาจจะบาดเจ็บร้ายแรง แพทย์ประจำโรงเรียนได้ทำการตรวจสอบและผลออกมาว่า ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เนื่องจากศีรษะถูกกระแทกจึงควรพักผ่อนให้มากและห้ามให้กระทบกระเทือน

 

“องค์ชายมิลาน ฉันมีเรื่องจะขอร้องหน่อยได้ไหมคะ?”

“วันนี้ผมมาด้วยเหตุผลส่วนตัวอยู่แล้วครับ ไม่ได้องเกรงใจก็ได้ อยากจะให้ช่วยเรื่องอะไรครับ?”

“คือว่า… ถ้าเป็นไปได้ วันนี้อยากจะให้เซเลนได้ค้างคืนที่นี่ได้ไหมคะ?”

“เซเลนเหรอครับ?”

 

  มิลานถามกลับด้วยความสงสัย อาลัวจ้องมองมาที่เขาตรงๆราวกับอ้อนวอน มิลานมองเห็นความหวั่นไหวในดวงตาคู่นั้น มิลานรอให้อาลัวที่เงียบเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ได้พูดต่อไป

 

“ตอนนี้ต้องให้เซเลนได้พักผ่อนค่ะ มันคงจะดีกว่าถ้าไม่ทำให้เธอตื่นหรือเคลื่อนย้ายไปไหนอีก และก็…”

“มีอะไรอีกเหรอครับ?”

“ฉัน ไม่เคยได้นอนกับเซเลนเลยค่ะ เด็กคนนี้ถูกคุมขังมานานหลายปี ก่อนหน้านั้นก็ยังเด็กอยู่มาก ก็เลยไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันกับเซเลนเลย จนถึงตอนนี้…”

 

  น้ำตาของอาลัวเริ่มไหลริน เซเลนถูกกีดกันตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะพฤติกรรมที่แปลกประหลาด ถูกแยกห่างเพื่อไม่ให้เจ้าหญิงลำดับหนึ่งที่ยังเยาว์วัยอย่างอาลัวต้องด่างพร้อย ช่วงที่เซเลนถูกคุมขังอยู่ในห้องที่ไม่แตกต่างจากคุก เธอก็ได้แต่แอบมาพบกันเป็นเวลาสั้นๆในรอบหลายๆวันเท่านั้น จากที่เห็นก็บอกได้เลยว่า พี่น้องคู่นี่รักใคร่กันดีแต่ก็ไม่มีเวลาให้กันและกันเลย

 

“แต่ว่า มันอาจทำให้องค์หญิงอาลัวต้องลำบากยิ่งขึ้นนะครับ เท่าที่เห็น ห้องนี้ยังไม่ได้ถูกจัดให้เรียบร้อยดี และเรื่องนี้มันก็เป็นปัญหาที่มารีก่อขึ้นอีกด้วย”

“เดิมทีมันเป็นความผิดของท่านพี่นะคะ! และหนูก็อยากให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันด้วย!”

 

   หลังจากมารีบ่นออกมาเสียงดัง มิลานก็หันไปหาอาลัว

  คิดเอาไว้ว่าจะพาเซเลนมาหาหลังจากนี้อีกสักพัก ตอนที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว แต่ก็เกิดเรื่องวุ่นวายจนแผนการที่วางไว้ผิดพลาดไปหลายอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเป็นหอพักของนักเรียนจึงไม่สามารถเตรียมห้องและเตียงที่มีขนาดใหญ่ให้ทันได้ในเวลาสั้นๆ ซึ่งถ้าอาลัวให้เซเลนนอนด้วยกันในห้องนี้ เตียงเล็กๆในห้องนี้ก็จะยิ่งคับแคบเข้าไปอีก

 

“ไม่คิดว่าเป็นการรบกวนเลยค่ะ ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน หากพรุ่งนี้อาการของเซเลนดีขึ้นแล้ว ฉันจะพาเซเลนไปส่งที่พระราชวังเองค่ะ”

 

   อาลัวขอร้องออกไปเช่นนั้นและก้มหัวให้กับมิลาน เพราะในตอนนี้ตามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ตัวของเซเลนถูกมอบให้และอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าชายแห่งเฮลิฟาเต้ หรือเรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินในครอบครองของเจ้าชาย  อาลัวเข้าใจในเรื่องนี้ดี ถึงจะฟังดูแปลกๆแต่เธอก็จะขอยืมเป็นการชั่วคราวและต้องให้เจ้าชายอนุญาตก่อน เพราะถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเซเลนอีกเมื่อไหร่ อาลัวยังคงก้มหน้ามองพื้น มือกุมชายกระโปรงไว้แน่น รอฟังคำตอบจากมิลาน 

 

“ก็ดีแล้วหนิคะ แบบนี้เซเลนก็จะมีความสุขมากกว่าด้วย”

“…เอ๋?”

 

  มิลานยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่มารีที่อยู่ข้างหลังมิลานเป็นคนที่ให้คำตอบออกมาแทน อาลัวเงยหน้าขึ้นมาเพราะการตอบสนองที่ไม่คาดคิด และมิลานก็พยักหน้าและรอยยิ้มที่อ่อนโยนกลับไป

 

“องค์หญิงอาลัว ที่จริงแล้วผมควรจะเป็นฝ่ายขอร้องท่านมากกว่า การที่ต้องจากครอบครัวมาใช้ชีวิตอยู่กับคนแปลกหน้าในต่างประเทศเพียงลำพังคงจะทำให้เซเลนเกิดความเครียดสะสมได้ ถึงจะผิดจากแผนการที่วางไว้แต่ตอนนี้พวกท่านสองพี่น้องก็ได้มาพบกันแล้ว ถ้าให้เธอได้ใช้เวลากับครอบครัว ผมเชื่อว่าเธอจะสามารถหลับสนิทกว่าทุกทีแน่นอนครับ”

“จริงหรือคะ… จะอนุญาตใช่ไหมคะ?”

“แน่นอนครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะส่งคนมารับเอง ส่วนมารีกับผมวันนี้ก็คงต้องขอตัวก่อนครับ”

“ข-ขอบพระคุณมากค่ะ!!”

 

   อาลัวโค้งให้กับมิลานอีกครั้งด้วยมุมแทบจะ90องศาฯ มิลานพยักหน้าตอบรับและออกจากห้องของอาลัวทันทีโดนมีมารีตามไปติดๆ เพราะในเมื่อเสร็จธุระแล้วก็ไม่ควรอยู่รบกวนอาลัวไปมากกว่านี้

 

“ถ้าอย่างงั้นก็ขอฝากเซเลนเอาไว้ก่อนนะคะ ท่านพี่อาลัว”

“ท่านพี่ อาลัว?”

 

   มารีหัวเราะอย่างขี้เล่นเมื่อเห็นอาลัวมองมาด้วยความสงสัยกับคำพูดเมื่อครู่ของเธอ

 

“ก็ตอนนี้หนูเป็นพี่สาวของเซเลนอยู่ องค์หญิงอาลัวก็เป็นพี่สาวของเซเลนเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ? พี่สาวของน้องสาวก็ต้องเป็นพี่สาวของหนูด้วยสิคะ อ๊ะ ทำไมท่านพี่ไม่แต่งงานกับองค์หญิงอาลัวซะเลยล่ะ? จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆไปเลย”

“อย่าพูดอะไรที่มันเสียมารยาทสิ ขออภัยด้วยครับองค์หญิงอาลัว น้องสาวของผมชอบทำเรื่องไร้สาระอยู่เป็นประจำ กรุณาคิดเสียว่าเป็นเรื่องล้อเล่นของเด็กๆก็แล้วกันนะครับ”

“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ! แล้วก็ไม่ได้ชอบทำเรื่องไร้สาระด้วย!”

“ตอนนี้พวกเราต้องขอตัวกลับก่อน ขอบคุณที่ยอมให้เข้าพบกะทันหันเช่นนี้ แล้วก็ เรื่องลิลลี่ ผมมีความคิดดีๆแล้วครับ อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ถ้าเซเลนชอบลิลลี่ ผมมั่นใจว่าเธอจะต้องประทับใจมากอย่างแน่นอนครับ”

 

   หลังพูดจบประโยค มิลานกับมารีก็ออกจากห้องของอาลัว

  เหลืออยู่เพียงสองคน เซเลนที่ยังหลับอยู่และไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้เลย กับอาลัวที่หน้าแดงอยู่เล็กน้อย

 

“องค์ชายมิลาน… ขอบคุณมากๆค่ะ!”

 

   หลังจากที่คนอื่นออกไปแล้วประตูก็ปิดลง อาลัวยังคงอยู่ในท่าโค้งคำนับอยู่ต่อไปอีกสักพัก ในที่นี้มีไม่กี่คนที่ให้ความสำคัญและห่วงใยเจ้าหญิงจากประเทศเล็กๆอันห่างไกลอย่างเธอ เขาไม่มีท่าทีอวดดีจองหองและไม่ใช้ตำแหน่งของตัวเองมาเอาเปรียบ นี่คือบุรุษที่ถูกเรียกว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าเซเลนอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของชายคนนี้จะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากกว่าใครๆอย่างแน่นอน เมื่อคิดอย่างนี้ ภายในดวงตาของอาลัวก็รู้สึกร้อนขึ้นมา

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

“…หืม?”

“อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอ? เซเลน”

 

   ช่วงเวลาที่เซเลนตื่นขึ้นมา นอกหน้าต่างก็เห็นแต่ดวงจันทร์ เพราะดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว มีเพียงแสงไฟจากเชิงเทียนบนโต๊ะไม้ข้างเตียงแม้จะเล็กแต่ก็ดูอบอุ่นและสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นห้องเล็กๆนี้ และกองสัมภาระที่ยังไม่ได้จัดเก็บ ในบรรยากาศที่เงียบสงบ เซเลนลงจากเตียงที่มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆที่ไม่ใช่ของตนเอง

 

“ท่านพี่ ไม่เป็นไรนะ?”

“เอ๋? พี่ไม่เป็นไรหรอก”

 

   เซเลนถูกอาลัวเปลี่ยนไปอยู่ในชุดนอนหลวมๆสีขาว แทนชุดสีขาวนวลที่เสียหายไปเมื่อตอนกลางวัน และเข้าไปกอดอาลัวขณะที่ขยับเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเธอให้เข้าที่ สิ่งแรกที่เธอพูดออกมาเมื่อตื่น คือคำที่แสดงความเห็นห่วงอาลัว

 

  ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ตอนที่เซเลนยังไม่ตื่น อาลัวกำลังจัดการเอกสารเกี่ยวกับการเรียนอยู่ที่โต๊ะ และจัดเก็บของใช้ส่วนตัวในห้องจนเหน็ดเหนื่อย ความเหนื่อยล้าของเธอถูกมองออกได้อย่างง่ายๆ อาลัวก็รู้อยู่แล้วว่าน้องสาวของเธอเป็นคนช่างสังเกตและเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ในทันที

 

“ไม่เป็นไรจริงๆ เซเลนสบายใจได้เลย”

“ดีแล้ว…”

 

  อาลัวพูดปลอบน้องสาวผู้อ่อนโยนและขี้กังวลของเธอ และเซเลนก็ดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นมาแล้ว แม้จะยังไม่ถึงกับนานมากที่เธอกับเซเลนแยกจากกัน อาลัวรู้สึกภูมิใจในตัวน้องสาวของเธอ ที่แม้ได้เป็นที่ยอมรับจากประเทศอันยิ่งใหญ่แล้วก็ไม่แสดงความโอ้อวด แต่ยังคงเป็นห่วงและคำนึงถึงตัวเธอด้วยจิตใจอันใสซื่อบริสุทธิ์อยู่เสมอ

 

  คำถามของเซเลนนั้น มีความหมายถึงเรื่องอย่างว่า ถูกทำอะไรไปแล้วบ้างหรือเปล่า และคำตอบที่ได้มาก็ทำให้เซเลนรู้สึกโล่งอกเพราะว่าการบุกจู่โจมอย่างรวดเร็วของเธอในครั้งนี้ได้ปกป้องความบริสุทธิ์ของอาลัวเอาไว้ได้ก่อนที่เจ้าชายผู้ชั่วร้ายจะฉวยโอกาสลงมือทำอะไร และเจ้าหญิงทั้งสองก็หัวเราะเบาๆออกมาด้วยกัน

 

“แล้วเธอล่ะ เซเลน? ที่หัวกระแทกมา เป็นยังไงบ้าง? เจ็บ ปวด ตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”

“สบายมาก”

 

  เซเลนไม่ได้เจอกับอาลัวมานาน สมองของเธอจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อน ความเสียหายระดับนี้จึงเป็นสิ่งที่มองข้ามได้ และอีกอย่าง ภายในหัวของเธอมันมีปัญหาตั้งแต่ก่อนถูกกระแทกซะอีก ในเมื่อเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็คิดซะว่าช่างมันก็แล้วกัน

 

“เซเลน ตอนนี้เธอบาดเจ็บอยู่นะ ฉันจะเป็นคนดูแลเธอเอง จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นคืนนี้พวกเรามานอนด้วยกันที่นี่นะ”

“จริงเหรอ!?”

“อือ แต่เตียงนี้มันจะแคบไปหน่อยสำหรับสองคน…”

“ดีแล้ว! แบบนี้ดีแล้ว!”

 

   เซเลนตื่นเต้นและกำลังคึกคักเต็มที่ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆเพราะเตียงยิ่งแคบก็ยิ่งได้นอนเบียดกับพี่สาวได้แนบชิดยิ่งขึ้น

 

“นอน! ตอนนี้เลย นอน!”

“เอ๋ แต่ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ…”

“ท่านพี่ เหนื่อยแล้ว นอนดึก ไม่ดี ต้องนอน เร็วๆ”

 

  เซเลนจับมือทั้งสองข้างของอาลัวและพยายามจูงไปนอนที่เตียง อาลัวแอบยิ้มให้กับความเอาใจใส่ของเซเลนและตัดสินใจเลิกงานไปเข้านอน ส่วนทางด้านของเซเลน เป็นห่วงอาลัวว่าวันนี้ต้องรับมือเจ้าชายอย่างยากลำบากคงจะเหนื่อยแล้ว และที่สำคัญ เธออยากจะใช้เวลาอันมีค่าที่จะมีเพียงแค่ถึงวันพรุ่งนี้ สานสัมพันธ์กับพี่สาวให้มากขึ้นสักวินาทีก็ยังดี

 

  อาลัวเปลี่ยนไปอยู่ในชุดนอนบางๆก่อนไปที่เตียงที่เซเลนรออยู่แล้ว ถึงอาลัวจะเป็นคนร่างเล็กและเซเลนก็ยังเด็กอยู่ แต่การนอนด้วยกันบนเตียงเล็กๆนี้ก็ยังคับแคบอยู่ดี 

 

“เซเลน ไม่อึดอัดใช่ไหม? พี่ไปนอนที่อื่นก็ได้นะ…”

“ไม่ได้! ห้ามไปนะ!”

 

   เซเลนพูดเสียงดัง มือทั้งสองข้างกอดอาลัวเอาไว้แน่น และตอนที่อีกฝ่ายกำลังสับสนอยู่นั้น ก็ได้โอกาสเอาใบหน้าซุกลงในร่องอกของพี่สาว ตรงนั้นไอบิสที่เป็นราชินีแห่งเฮลิฟาเต้ก็เป็นของชั้นยอดเช่นกัน แต่ดินแดนแห่งแห่งความฝันที่โหยหามานานคือที่ตรงนี้อย่างแน่นอน

 

“ลูกพีช”*

“ลูกพีช?”*

 

  ความสงสัยของอาลัวไม่ได้รับคำตอบ เซเลนมีท่าทีพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม สัมผัสที่นุ่มนิ่มดั่งมาร์ชเมลโลว์ที่รู้สึกผ่านใบหน้านี่แหละคือความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลกนี้แล้ว และอาลัวก็กอดเซเลนเอาไว้อย่างทะนุถนอม ลูบไล้เธออย่างอ่อนโยนราวกับลูกแมว อาลัวรู้สึกถึงความรักจากอีกฝ่ายแต่จนถึงตอนนี้เธอไม่เคยมีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อน้องสาวของเธอเลย

 

“เซเลน ตอนอยู่ที่เฮลิฟาเต้เป็นยังไงบ้าง? เมื่อกลางวันได้ยินจากเจ้าชายมิลานมาว่าเธอพยายามเต็มที่เลยนี่นา”

 

  อาลัวกล่าวชมน้องสาวของเธอ แต่เซเลนที่กำลังขยับหัวไม่หยุดอยู่ตรงหน้าอกของเธอ ได้ยินแล้วก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา ทำให้อาลัวรู้สึกแปลกใจกับท่าทีเช่นนั้น เพราะอยู่ใกล้กันจึงรู้ได้ว่าเธอถอนหายใจ และเซเลนก็พูดโดยไม่มองหน้า

 

“ขอโทษ ทำได้ ไม่ดีพอ”

“เอ๋?”

 

   จากที่เซเลนพูดออกมา มันแตกต่างกับที่เจ้าชายมิลานเล่าให้ฟังเมื่อตอนเที่ยง ว่าเซเลนแสดงความสามารถที่ไม่น่าเชื่อว่าอายุเพียงแปดขวบ ให้ความสนับสนุนเฮลิฟาเต้ได้อย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่ยอมรับ แต่ถึงอย่างงั้น เซเลนก็ยังคิดว่าตนเองไม่คู่ควร

 

“(หรือว่า จะมีมุมมองที่แตกต่างออกไป…)”

 

   อาลัวเข้าใจว่าที่เซเลนคิดแบบนั้นคือการถ่อมตัว เพราะได้ยินจากเจ้าชายมิลานมาว่าจนถึงตอนนี้เซเลนสร้างผลงานมาอย่างต่อเนื่อง เช่นปรับปรุงภาวะโภชนาการของเจ้าชายให้สมดุล สร้างขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารในการฝึก หลีกเลี่ยงข้อพิพาททางการทูตกับวัลเบิร์ต และที่สำคัญ ดูเหมือนว่าการที่เธอไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกันจะทำให้เจ้าชายซาบซึ้งมาก ที่เขามาปรึกษาในวันนี้ก็เพราะเรื่องนั้น

 

   อาจเป็นเพราะว่า ‘ไม่ดีพอ’ ในความรู้สึกของเซเลน มีระดับที่แตกต่างกับ ‘ไม่ดีพอ’ ของคนทั่วไป เหมือนช่างตีดาบชั้นยอดพูดว่า ‘ผลงานของวันนี้ ไม่ได้เรื่อง’ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก แต่เพราะมาตรฐานของมืออาชีพกับคนทั่วไปหรือมือสมัครเล่นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก

 

“…เซเลน ยังจำวันสุดท้ายที่อยู่ด้วนกันในอาร์คุยล่าได้ไหม”

“มีอะไร?”

“ที่เธอบอกเอาไว้ว่า ‘จะพยายาม ปกป้อง’ ยังไม่ลืมใช่ไหม”

“จำได้”

 

   ใช่แล้ว ในวันที่ต้องจากลา ได้สัญญาเอาไว้ว่า ‘จะพยายามปกป้องอาลัวเอาไว้ให้ได้’ นั่นคือเหตุผลที่เซเลนคนนี้จะต้องหาทางกำจัดเจ้าชายที่เป็นต้นตอของความชั้วร้ายทั้งหมดให้ได้ แต่ตอนนี้ความพยายามนั้นก็ยังไม่ส่งผลได้ดีเท่าที่ควร ทำให้เซเลนรู้สึกผิดหวังกับเรื่องนั้นอยู่

 

“เซเลนได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ก็เพราะยังเด็กอยู่ บางอย่างก็เลยไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ แต่ถ้ายังมีความมุ่มมั่น สักวันเซเลนก็จะเป็นผู้หญิงที่ดี ที่สามารถปกป้องใครสักคนได้อย่างแน่นอน พี่เชื่อในตัวเธอนะ”

“ท่านพี่…”

 

   สุดท้ายแล้ว อาลัวก็พูดให้กำลังใจน้องสาวของเธอด้วยคำพูดที่ฟังดูธรรมดา แต่คำพูดนั้นมาจากใจจริงและมันคือทั้งหมดที่เธอทำได้ในตอนนี้ สำหรับคนที่ไม่มีความสามารถพอที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือเชื่อมั่นในตัวน้องสาวของเธอขณะที่น้องสาวพยายามปกป้องและช่วยเหลือเจ้าชายมิลานผู้เป็นที่รักอย่างสุดความสามารถ

 

  ที่จริงแล้วคนที่เซเลนอยากจะปกป้องคืออาลัว แต่อาลัวเข้าใจว่าเธอต้องการเป็นคนที่สามารถปกป้องเจ้าชายมิลานที่มีความรู้สึกพิเศษให้ และอาลัวก็ไม่อาจพูดจาโหดร้ายดูถูกความพยายามของน้องสาวได้

 

“อือ จะพยายาม ให้ดีที่สุด!”

“เด็กดี วันนี้ก็พักผ่อนกันเถอะ พรุ่งจะได้กลับมาเป็นเซเลนคนเดิม”

“ไม่เป็นไรแล้ว จะไปจัดการ เรื่องเจ้าชาย”

“งั้นก็ดีแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ”

 

   อาลัวลูบผมนุ่มๆสีขาวของเซเลน ก่อนหน้านี้ดูเศร้าหมองแต่ก็กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง หลังจากนั้นอาลัวที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักจนถึงเมื่อครู่ก็ได้นอนหลับไปในทันที

 

   ตรงกันข้ามกับเซเลน ดวงตาที่ปิดสนิทตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงเมื่อครู่กลับมาเปิดกว้างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เต็มไปด้วยความตั้งใจอันเร่าร้อนที่จะล้มเจ้าชายลงให้ได้

 

“ฉันมัน งี่เง่า ชะมัด”

 

  เซเลนกัดฟันแน่นด้วยความผิดหวังในตังเอง ทั้งที่อาลัวเชื่ออย่างหมดใจว่าจะถูกปกป้องจากไอ้เจ้าชายจอมหื่นนั่นได้ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี่มันอะไรกัน มันแต่ทำตัวขี้เกียจ ละเลยการเฝ้าระวัง และแผนลอบสังหารเจ้าชายก็ไม่คืบหน้า ตอนที่โดนยึดยาอันล้ำค่านั่นไปก็น่าเสียใจอยู่หรอก แล้วมันยังไงล่ะ ก็เตรียมใจเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าหนทางหมื่นลี้ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก ถึงจะไม่มีเครื่องทุ่นแรงก็ไม่ทำให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักหน่อย

 

   ต้องทำทุกวิถีทางให้เจ้าชายไม่สามารถเข้ามายุ่มย่ามได้อีก และกลับไปอยู่ด้วยกันกับอาลัวอย่างมีความสุข เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้จะต้องกลับไปเป็นเซเลนคนเดิมและหาทางสังหารเจ้าชายลงให้ได้ จะไม่เสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เซเลนละอายใจกับการกระทำอันโง่เขลาของเธอก่อนหน้านี้

 

“พรุ่งนี้ เอาจริงแล้ว”

 

   และแล้ว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ จะเริ่มทำข้าวกล่องสังหารขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อสังหารเจ้าชายและปลดปล่อยอาลัวให้เป็นอิสระ เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเองในครั้งนี้และกลับไปยึดมั่นในความตั้งใจเดิม เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เซเลนก็เอาใบหน้าถูไถไปกับหน้าอกของอาลัว การต่อสู้ที่ยาวนานและยากลำบากจะดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้ สำหรับตอนนี้ต้องให้นักรบผู้ไม่ย่อท้อได้ผ่อนคลายจิตใจสำหรับปกป้องดินแดนแห่งความฝันแห่งนี้

 

   ――เมื่อตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้ว เซเลนยังคงนวดหน้าอกต่อไปอีกจนกว่าเธอจะพอใจ ยินดีด้วยนะ

 

[“อืม… ทำไมองค์หญิงยังไม่กลับมาอีก! หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่น? กระผมควรจะส่งหนูสักตัวไปตรวจสอบ ไม่สิ เจ้าชายมิลานกับคนอื่นๆไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ ก็หมายความว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีสินะ …กระผมถูกสั่งแค่ให้รอด้วยสิ ก็ต้องเชื่อฟังเท่านั้น…แต่ถ้าองค์หญิงเป็นอะไรไปล่ะ…! หืม! ทำยังไงดีล่ะเนี่ย!”]

 

   ในขณะที่เซเลนและอาลัวนอนหลับอย่างสบายใจ บัตเลอร์ได้แต่ว้าวุ่นอยู่ในห้องของเซเลน เขาควรจะขัดคำสั่งและออกไปตามหาเจ้านาย หรือจะปฏิบัติตามคำสั่งแม้เจ้านายอาจตกอยู่ในอันตราย บัตเลอร์ไม่สามารถตัดสินใจได้และครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน จนกระทั่งเซเลนกลับมาในเช้าวันรุ่งขึ้น

 

____________________

*

ชื่อตอน 桃源郷 หมายถึง แดนแห่งความฝัน/ดินแดนแห่งพันธะสัญญา/สุขาวดี

อ่านแยกคันจิตัวแรก 桃 จะได้คำว่า ลูกพีช (もも/momo)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+