[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 27 ดาบและโล่

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 27 ดาบและโล่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 27

ดาบและโล่

 

 

   มังกรแดงร่อนลงมาหยุดอยู่เบื้อหน้าเซเลน ขนาดของมันเมื่อมองใกล้ๆแล้วใหญ่โตจนแม้แต่ช้างก็ยังนำมาเทียบไม่ได้ ร่างการปกคลุมด้วยเกล็ดที่ดูเหมือนโล่สีแดงแวววาว ขาทั้งสี่ข้างกว้างราวกับเสาหิน ปีกเหมือนค้างคาวขนาดใหญ่ หางยาวหนา และเขาสีดำหนึ่งคู่อยู่บนหัว ท่วงท่าองอาจสมเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

 

“อ๊า……!”

 

   เซเลนที่ล้มลงนั่งอยู่ก็ถูกมังกรแดงจับตัวเอาไว้ ร่างเล็กๆของเซเลนถูกขังอยู่ในอุ้งมือของมังกร

 

“เจ้าคนถ่อย! ปล่อยตัวเซเลนเดี๋ยวนี้!”

 

  ทันทีที่เซเลนถูกจับตัว คุมะฮาจิตั้งท่าจับดาบที่อยู่ในฝักโดยไม่หวั่นเกรงต่อการคุกคามของมังกร และจู่โจมออกไปอย่างสุดกำลังด้วยท่าที่เขาถนัดที่สุด วิชาดาบที่เรียกว่าอิไอ ปลดปล่อยคมดาบออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง เป็นการโจมตีที่ตัดได้แม้กระทั่งเหล็กที่เสริมด้วยเวทย์มนต์

 

[“ฮื่ม!”]

“อัก!?”

 

   แต่ถึงอย่างงั้น วิชาดาบอันน่าภาคภูมิใจนั้นก็ไม่มีโอกาสได้แสดงอานุภาพของมันออกมา เสี้ยววินาทีก่อนที่คมดาบจะสัมผัสกับผิวของมังกร ร่างของคุมะฮาจิก็กระเด็นถอยห่างออกไป ลอยละล่องในอากาศ คุมะฮาจิพยายามหมุนตัวกลิ้งไปตามพื้นหญ้าเพื่อลดแรงกระแทก และลุกขึ้นมาโดยที่ยังคุกเข่าอยู่ข้างหนึ่ง

 

[“ทนกว่าที่คิดเสียอีก มนุษย์ส่วนใหญ่คงหมดสติไปแล้ว”]

 

   มันกรพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ สิ่งที่มังกรเพิ่งจะทำไปนั้นมันเป็นเรื่องง่ายๆ ก็แค่ปล่อยพลังเวทย์มนตร์ในร่างกายออกมาเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกับมนุษย์มันก็คือการเป่าลมใส่ แต่พลังเวทย์ที่ถูกบีบอัดและปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วทำให้เกิดเป็นคลื่นกระแทกที่รุนแรงสำหรับมนุษย์

 

“คุมะฮาจิ! เป็นอะไรไหม!”

“เมื่อกี้มันอะไรกัน? ไม่สิ ที่สำคัญ ท่านเซเลน!”

“เข้าใจแล้ว!”

 

   มิลานและกลุ่มผู้ติดตามเข้ามาสมทบจากแนวหลังเป็นกำลังเสริมให้กับคุมะฮาจิ แต่เขาก็ลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง แต่กลุ่มผู้ติดตามที่ตามมาที่หลังนั้นปราศจากอาวุธ พวกเขามีเพียงของที่จะใช้ป้องกันตัวหรือเครื่องมือเท่าที่จะหาได้เท่านั้น บ้างก็มีดาบสั้น ค้อน หรือแม้แต่กระทะ เผชิญหน้ากับมังกรด้วยสภาพเช่นนั้น

 

“หยุดก่อน อย่าวู่วาม!”

 

  มิลานตะโกนห้ามลูกน้องที่กระทำการไม่ยั้งคิด ถึงพวกเขาจะมีความสามารถในการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวอยู่บ้างแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ทหารที่นับเป็นกำลังรบได้ แต่ด้วยความภักดีของพวกเขาที่มีต่อมิลานและเพื่อปกป้องเซเลนที่เป็นคนสำคัญของมิลาน พวกเขาจึงเอาชนะความกลัวนี้ได้

 

[“เกะกะ”]

 

   แน่นอนว่ามังกรไม่รับรู้ถึงความมุ่งมั่นหรือความตั้งใจใดๆ และสิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถใช้ต่อกรกับมังกรได้ มังกรเพียงแค่กวาดหางเพียงครั้งเดียว กลุ่มคนเหล่านั้นก็กระเด็นกระจายกันไปคนละทางและหมดสติลงไปในทันที

 

“หวา!”

 

  เซเลนตัวสั่นอยู่ในกำมือของมังกร ถึงจะบอกไปว่าอยากกลับบ้าน แต่เรื่องที่เกิดอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน

 

“โธ่เว้ย…! เซเลน! จะไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!”

 

   มิลานเรียบเรียงความคิด ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าก่อน ใช้ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อหาทางพลิกกลับสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังนี้ ผู้ติดตามทั้งหมดถูกกำราบ คนที่ยังต่อสู้ได้นอกจากเขาก็มีเพียงคุมะฮาจิเท่านั้น

 

“(ดาบของผม ทำอะไรไม่ได้!)”

 

  มิลานกัดฟันแน่น วิชาดาบของเขาเน้นที่ความเร็วและความคล่องตัวแต่ก็ขาดน้ำหนักจึงไม่สามารถทะลวงเกล็ดของมังกรได้ ถึงจะใช้เวทย์มนต์เสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายก็ใช้ได้แค่กับร่างกายของตนเองเท่านั้นไม่รวมถึงอาวุธ ถ้าโจมตีด้วยสภาพนั้น ดาบที่เรียวแหลมนี้ก็จะหักลง

 

   ถ้าเป็นท่าอิไอของคุมะฮาจิก็อาจจะทำอะไรได้บ้าง แต่เขาเป็นคนที่ไม่มีพลังเวทย์ จึงไม่สามารถต้านทานเวทย์มนต์ได้ ถ้าเข้าไปโจมตีก็จะถูกพลังเวทย์ของมังกรกระแทกให้ถอยกลับทันทีที่เข้าใกล้ เหมือนที่เขาพยายามทำก่อนหน้านี้ ต่อให้โจมตีได้รุนแรงแค่ไหน ถ้าเข้าไปในระยะดาบไม่ได้ก็ไร้ความหมาย

 

   –ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เหลือสิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว

 

“คุมะฮาจิ! ผมจะเป็นโล่ให้เอง! ส่วนนายก็เป็นดาบ!”

“โล่? กับดาบ? …ทราบแล้วขอรับ!”

 

  คุมะฮาจิเข้าใจเจตนาของมิลาน มิลานชักดาบที่เอวออกมา ตั้งท่าและวิ่งเข้าหามังกรตรงๆ

 

[“ยังไม่เข็ดอีกรึ ชอบทำอะไรไร้ประโยชน์กันจัง”]

 

   มังกรพ่นลมออกทางจมูก หรือเรียกได้ว่ามังกรถอนหายใจ ครั้งนี้วิ่งโน้มตัวเข้ามาหาและดูผอมบางกว่ามนุษย์ก่อนหน้านี้

 

[“เฮ้อ!”]

 

  เหมือนกับครั้งที่แล้ว มังกรปลดปล่อยพลังเวทย์ที่หนาแน่นออกมา คลื่นกระแทกจากพลังเวทย์ที่จะทำให้มนุษย์ผมสีทองปลิวออกไปไม่ต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ก่อนหน้านี้ ทั้งๆที่มันควรจะเป็นเช่นนั้น!

 

“ว้ากกกกก!!”

 

  ร่างกายของมิลานถูกห่อหุ้มด้วยแสงอ่อนๆ มันคือเวทย์มนต์ที่ใช้เสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขา เขารับคลื่นกระแทกนั้นด้วยร่างกายที่เสริมด้วยเวทย์มนต์ เมื่อถูกกระทบก็เหมือนถูกกดทับลงไปกับพื้นจนร่างกายส่งเสียงไม่พึงประสงค์ แต่เขาก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้นและเหวี่ยงดาบออกไปสุดแรง ใบดาบส่งเสียงแหลมและหักลง แต่ดาบนั้นก็ไม่ได้ถูกทำลายอย่างเปล่าประโยชน์ มันตัดคลื่นพลังเวทย์ให้แหวกออก

 

[“อะไรกัน!?”]

 

  มังกรดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยคิดว่าจะมีมนุษย์คนไหนที่สามารถต้านทานพลังเวทย์ของมันได้ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะทำให้มันประหลาดใจยิ่งกว่า

 

“ย้ากกกกก!!”

 

   ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆราวกับสัตว์ประหลาดกำลังคำราม ดังขึ้นมาจากข้างหลังของมิลาน! คุมะฮาจิที่อยู่ข้างหลังและใช้มิลานเป็นที่กำบังมาตลอด ใช้จังหวะที่พลังเวทย์หายไปพุ่งตัวออกมารวดเร็วดุจสายลมไปที่ขาหน้าของมังกรที่เผยช่องว่างอยู่ มังกรที่ชะงักไปกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่มีทางตอบสนองกับการเคลื่อนไหวของคุมะฮาจิได้ทัน

 

“รับไป!”

 

   วิชาดาบฟันทะลวงของคุมะฮาจิเป็นการโจมตีอันทรงพลังที่เคยใช้ทำลายเวทย์มนต์ผนึกบนประตูที่อาร์คุยล่ามาแล้ว ความรุนแรงของมันทำให้แม้แต่เหล็กก็ยังต้องถูกตัด ครั้งนี้คือมังกร และจะใช้พลังทั้งหมดจู่โจมไปที่เป้าหมายเพียงจุดเดียวคือที่นิ้วของขาหน้าข้างที่จับเซเลนไว้ ถ้าตัดมันได้ก็จะช่วยเจ้าหญิงที่ถูกจับตัวเอาไว้ได้

 

[“หืม!? บ้าน่า!”]

“บ้าน่า!?”

 

   ทั้งมังกรและคุมะฮาจิต่างก็ตกใจไปกับผลลัพธ์ไปพร้อมๆกัน มังกรเห็นว่าการโจมตีเมื่อสักครู่ทำให้เกล็ดของมันมีรอยถลอกได้ ส่วนคุมะฮาจิก็ใช้การโจมตีแบบทุ่มสุดตัวด้วยวิชาดาบอันภาคภูมิใจแล้วก็ยังทำได้แค่รอยถลอก

 

[“เริ่มน่ารำคาญขึ้นมาแล้วสิ เลิกเล่นดีกว่า”]

 

  คุมะฮาจิไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้อีกต่อไปได้ เหนื่อยล้าจนทำไม่ได้แม้แต่การป้องกันตัว แต่มังกรก็ไม่ได้ทำการโต้กลับ สำหรับมิลานและคุมะฮาจิแล้ว เมื่อสักครู่คือการสู้รบที่เดิมพันด้วยชีวิต แต่สำหรับมังกร มันคือการละเล่น

 

   ด้วยความรู้สึกเหมือนกับการแหย่รังมดเล่น แล้วมีมดสองตัวเข้ามากัด มันไม่มีค่าพอทีจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดด้วยซ้ำ มังกรจึงถีบพื้นและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

“เซเลน——–!!”

 

  มิลานตะโกนไล่หลัง แต่ก่อนที่เซเลนจะตอบสนองต่อเสียงเรียก มังกรก็ออกบินสูงขึ้นจนมนุษย์ไม่อาจแตะต้องได้อีก จากนั้นราวกับมันต้องการอวดให้มนุษย์ตัวจ้อยเบื้องล่างได้เห็น มันหมุนตัวกลับอย่างชํานาญละบินไปทางเหนือด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ดูจากทิศทางแล้วเป้าหมายของมันคือป่าสีขาว

 

“องค์ชาย! พวกเราต้องรีบตามมันไปโดยเร็วเลยขอรับ”

 

  ไม่มีแม้กระทั้งเวลาปาดเหงื่อ คุมะฮาจิที่เหนื่อยหอบวิ่งเข้ามาบอกกับมิลาน มิลานมองไปรอบตัว บรรดาผู้ที่ถูกกวาดโดยหางของมังกรก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว พวกเขาพยายามลุกขึ้น มือยังคงกดบาดแผลหรือจุดที่โดนกระแทกไว้ โชคยังดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าขี่ม้าไล่ตามไปตอนนี้ก็ยังพอมีโอกาสตามมังกรที่บินอย่างเอื่อยๆได้ทัน

 

“ฮื่ม…!”

 

   มิลานต้องชั่งน้ำหนักระหว่างทางเลือกทั้งสองให้ดี

 

ในส่วนของความรู้สึก ควรตามไป ถ้าไม่ตามไปตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้เจอกับเซเลนอีก

ทางด้านของเหตุผล ควรพอแค่นี้ ถ้าฝืนไปมากกว่านี้ ทุกคนจะตายกันหมด

 

   –มิลานเลือกอย่างหลัง

 

“………พร้อมเมื่อไหร่ เราจะกลับเฮลิฟาเต้กัน”

“องค์ชาย! ถ้าไม่ไล่ตามตอนนี้ พวกเราจะคลาดสายตาจากมังกรแล้วนะขอรับ!”

“รู้แล้ว! แต่นอกจากผมแล้ว ไม่มีใครในที่นี้ที่มีพลังเวทย์อีกเลย นายเองก็เหมือนกัน ถ้าเข้าไปในป่าสีขาวก็จะไม่มีใครมีชีวิตรอดกลับออกมาหรอก ไม่ต่างกับสั่งให้ไปตาย”

“องค์ชาย… แล้วตัวท่านเองจะยอมรับได้หรือ?”

“เงียบซะ!”

 

  มิลานไม่รับฟังสิ่งที่คุมะฮาจิต้องการจะบอก เขาขบริมฝีปากแน่นจนเลือดไหล พลังเวทย์เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ที่มี แต่เป็นพิษต่อมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีเวทย์มนต์ การที่เข้าไปในพื้นที่ป่าสีขาวที่มีพลังเวทย์หนาแน่นก็เท่ากับลงไปแหวกว่ายในบ่อลาวาด้วยตัวเปล่า

 

   ที่สำคัญ การเดินทางครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมการสำหรับการต่อสู้เลย ในฐานะเจ้าชาย ชีวิตของคนหมู่มากต้องมาก่อน มิลานจำเป็นต้องตัดสินใจแบบนั้น

 

“เซเลน ขอให้ปลอดภัย…”

 

   มิลานออกคำสั่งให้เตรียมตัวเดินทางกลับ เขาไม่ได้หันกลับไปมองคุมะฮาจิที่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก และมิลานก็อธิษฐานให้เซเลนปลอดภัย

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

 

“ห-หวา…”

 

  เซเลนถูกถือไว้อยู่ในมือของมังกรขนาดยักษ์ ร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัว

  ด้วยความสูงระดับนี้ถ้าตกลงไปชีวิตที่สองนี้ก็จะจบลงอย่างแน่นอน แล้วยังถูกจับไว้โดยกิ้งก่ายักษ์ ถ้าไม่กลัวสิถึงแปลก แต่มังกรกลับคิดว่าเธอตัวสั่นเพราะหวาดกลัวตนเอง จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อแสดงความเป็นมิตร

 

[“อย่าได้กลัวไปเลย ข้าไม่กินเจ้าหรอก แค่พากลับไปส่งที่บ้านเกิดของเจ้าเท่านั้นเอง”]

“ขอบคุณ…”

 

   เซเลนพยายามทำตัวร่าเริงแม้จะถูกบีบให้แน่นขึ้น ถ้ามีมังกรตัวขนาดนี้ออกมาในเกม ก็จะวิ่งเข้าไปสู้ด้วยความรู้สึกว่า “เยี่ยม! ตัวเป้งโผล่มาแล้ว!” แต่พอมาเจอเข้าจริงๆ การที่โดนสัตว์ประหลาดไดโนเสาร์จับไว้แบบนี้ มันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนัก

 

   ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เห็นแล้วอยากล่า เซเลนคิดแบบนั้นและเสียใจกับมันจริงๆ แต่ถึงจะคิดยังไงความจริงก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

[“องค์หญิง! ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าครับ!?”]

“บัตเลอร์ ก็มาด้วย!?”

 

  เซเลนตะโกนออกมาเพราะโล่งอกเมื่อรู้ว่าสหายที่ไว้ใจได้อย่างบัตเลอร์ก็อยู่กับเธอด้วย บัตเลอร์ไต่ไปตามพื้นผิวของมังกรอย่างคล่องแคล่ว

 

[“ขออภัยด้วยครับ กระผมไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้เลย”]

 

   บัตเลอร์ก้มหน้าเสียใจ เขาใช้ประโยชน์จากร่างเล็กๆนั้นลอดผ่านช่องว่างของนิ้วที่กำอยู่และกระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของเซเลน ผู้ที่เข้าต่อสู้กับมังกรไม่ได้มีเพียงมิลานและคุมะฮาจิเท่านั้น ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเซเลน บัตเลอร์ก็สู้อยู่ตรงนั้นด้วย

 

  ขณะที่มิลานและคนอื่นๆพยายามจู่โจมมังกร บัตเลอร์ก็วิ่งอ้อมไปข้างหลังและกระโดดขึ้นไปอยู่บนตัวของมังกรจากนั้นก็โจมตีอย่างไม่คิดชีวิตด้วยฟันหน้า แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขนาดไหน โดยพื้นฐานแล้วเขาคือหนู อีกฝ่ายคือมังกร พลังของทั้งสองไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

[“หนูตัวนั้นมันอะไรน่ะ? สัตว์เลี้ยงของเจ้าเหรอ? น่าสนใจจริงๆที่มันพูดได้ด้วย”]

 

   มังกรที่บินอยู่ท่ามกลางสายลมรู้สึกถึงตัวตนของบัตเลอร์เพราะได้ยินเสียงของเซเลนที่ตะโกนออกมาเหมือนมีอะไรผิดปรกติ และตอนนี้มังกรพูดคุยกับเซเลนได้เพราะพลังเวทย์ที่มีคลื่นตรงกัน ดังนั้นบัตเลอร์ที่มีพลังเวทย์ของเซเลนไหลเวียนในร่างกายก็สามารสื่อสารกับมังกรได้ด้วยเช่นกัน

 

[“ท่านมังกรแดงผู้ยิ่งใหญ่ กระผมคือผู้ติดตามขององค์หญิงเซเลน เป็น พ่อบ้าน (執事)* มีนามว่าบัตเลอร์ครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยโดยตรงกับผู้ครองโลกอย่างท่าน”]

 

   เนื่องจากถูกมังกรจับตัวเอาไว้ มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำทุกอย่างเพื่อให้มีโอกาสหลบหนี บัตเลอร์เข้าใจในเรื่องนี้ดีจึงแสดงตัวให้มังกรเห็นและพูดคุยอย่างนอบน้อมเพื่อไม่ให้มังกรโกรธเคือง ถึงจะยังไม่รู้ว่าความเคารพของหนูตัวเล็กๆตัวหนึ่งจะมีค่าสักแค่ไหน แต่มังกรก็ยิ้มออกมาด้วยปากอันใหญ่โตของมัน

 

[“ยกย่องข้าซะใหญ่โตเชียวนะ แต่แกเป็นหนูไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แกะ(羊)* สักหน่อย”]

[“ขออภัยสำหรับเรื่องล้อเล่นเมื่อสักครู่ด้วยครับ การมอบความบันเทิงเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศ…มันเป็นหน้าที่ของผู้ต่ำต้อยอยู่แล้วครับ”]

 

   บอกว่าพ่อบ้าน(執事)* ต่างหากล่ะ บัตเลอร์กำลังจะพูดสวนกลับไปแบบนั้นแต่ก็ตัดสินใจตามน้ำไปก่อน เพราะถ้าอารมณ์เสียขึ้นมาแล้วถูกปล่อยลงพื้นมันจะแย่เอาได้

 

   จากนั้น ทั้งเซเลนและบัตเลอร์ ก็เข้ามาอยู่ในกำมือของมังกร และมังกรก็ยังคงบินขึ้นไปยังทิศเหนือต่อไปอีก เบื้องล่างมองเห็นทุ่งราบและที่โล่งน้อยลงเรื่อยๆและเริ่มเห็นต้นไม้เกาะกลุ่มอยู่เป็นหย่อมๆ ถึงมังกรจะบอกว่าจะพาไปส่งที่บ้านเกิด แต่ทิศทางที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้นมันตรงกันข้าม เซเลนก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปรกติจึงเอ่ยปากทัก

 

“มังกร ทางนี้ ผิดทาง”

[“ผิด อย่างงั้นรึ? อืม หมู่บ้านของเจ้าอยู่ไกลออกไปอีกสินะ ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวก็ถึงป่าสีขาวแล้ว จากตรงนั้นเจ้าก็จะเริ่มคุ้นตาขึ้นมาเอง”]

“หมู่บ้าน ป่าสีขาว?”

[“โน่นไง มองเห็นแล้ว”]

 

   เมื่อมองตามทิศทางที่มังกรมุ่งหน้าไป ก็เห็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีแต่ต้นไม่สีขาว

   ป่าที่ผ่านๆมาจนถึงตอนนี้ต่างก็มีสีเขียวเหมือนปรกติ แต่พวกมันก็ค่อยๆสีอ่อนลงจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ทำให้ดูเหมือนป่าทั้งผืนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่เซเลนและบัตเลอร์ก็รู้ว่านั่นไม่ใช่หิมะแต่เป็นต้นไม้เองที่เป็นสีขาว

 

  ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องของสถานที่ที่ถูกเรียกว่าป่าสีขาวจากคุมะฮาจิมาแล้ว แต่เซเลนก็คิดไม่ถึงว่ามันคือ‘ป่าสีขาว’ตามชื่อจริงๆ

 

[“ลูกเอลฟ์ตัวน้อยมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ผู้ใหญ่ คงจะหวาดกลัวมากสินะ เจ้าถูกจับมาหรือว่าหลงทางมาล่ะ?”]

“หะ……?”

 

   ไอ้นี่พูดอะไรของมัน ไม่เห็นเข้าใจเลย เซเลนคิดเช่นนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ได้แต่กระพริบตาอยู่เงียบๆ และมังกรก็พูดต่อไปโดยไม่รอคำตอบ

 

[“ปรกติแล้วข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของเอลฟ์กับมนุษย์ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ารู้สึกถึงเสียงเรียกของเจ้าที่ต้องการความช่วยเหลือ จนมาวันนี้ ขณะเดินทางกลับ เจ้าก็อยู่ในทางผ่านของข้าพอดีและข้าก็ต้องผ่านป่าสีขาว ข้าทำตามอำเภอใจเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก”]

“แต่ฉัน ไม่ใช่เอลฟ์ นี่นา?”

[“พูดอะไรอย่างนั้น คิดว่าข้าไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์ของเจ้าหรือไง? สีขาวทั้งร่างกายและเส้นผม กับดวงตาสีแดง นั่นคือลักษณะของเอลฟ์”]

“ไม่เหมือน”

[“ขออภัยที่ต้องพูดแทรก ท่านมังกรแดง สิ่งที่องค์หญิงเซเลนพูดมานั้นคือความจริง”]

 

   เมื่อได้ยินเรื่องที่เซเลนบอก และบัตเลอร์ก็ยังช่วยยืนยัน มังกรแดงจึงหยุดอยู่กลางอากาศ

  หลังจากเงียบกันไปสักพัก มังกรแดงก็ถามเซเลนอีกครั้ง

 

[“…เหรอ?”]

“…อือ”

 

   ระหว่างหนึ่งคนและสองตัวเหมือนมีบรรยากาศแปลกๆพัดผ่าน ไม่มีใครพูดอะไรอีก

   มังกรยกขาที่ถือเซเลนไว้ขึ้นมาระดับสายตา และจ้องมาด้วยดวงตาที่ใหญ่กว่าหัวของเซเลน

 

[“หืม…? เห…?”]

 

   มังกรขมวดคิ้ว หรี่ตามองไปที่เซเลนเหมือนคนสายตาสั้น พิจารณาในสิ่งที่เห็น เมื่อเรื่องที่กังขาได้รับความกระจ่างชัดแล้ว มันก็เปิดตากว้าง

 

[“อ-อ๊า! ใบหู ไม่ใช่แบบนี้นี่นา!?”]

 

   มังกรหงายหลังทั้งๆที่อยู่กลางอากาศ ราวกับตกใจในสิ่งที่เห็น

  เผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่มังกรรู้จะมีลักษณะเฉพาะคือ มีสีขาวทั้งร่างกายและเส้นผม มีดวงตาสีแดง นอกจากนั้นยังมีใบหูที่ยาว แต่เด็กน้อยที่อยู่ตรงนี้ไม่มี

 

[“แก เจ้าพวกชั่วช้า! กล้ามาหลอกข้างั้นเหรอ!”]

 

   มังกรออกอาการโกรธจัดทั้งๆที่ยังไม่มีใครแตะต้องเกล็ดกลับด้าน(逆鱗)**ของมัน

____________________

* 執事 / shitsuji = พ่อบ้าน, คนรับใช้(ช.)

羊/ hitsuji = แกะ

shitsuji กับ hitsuji ออกเสียงคล้ายกัน

 

**  逆鱗/gekirin  =  เกล็ดกลับด้าน

มีความเชื่อว่า ที่ใต้คอของมังกร(ตะวันออก)มีเกล็ดที่ขึ้นสวนทางกับเกล็ดอื่นๆอยู่เกล็ดหนึ่ง หากมีคนไปสัมผัสเกล็ดดังกล่าว มังกรจะโกรธจัดจนอาละวาดหรือฆ่าคนผู้นั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 27 ดาบและโล่

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 27 ดาบและโล่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 27

ดาบและโล่

 

 

   มังกรแดงร่อนลงมาหยุดอยู่เบื้อหน้าเซเลน ขนาดของมันเมื่อมองใกล้ๆแล้วใหญ่โตจนแม้แต่ช้างก็ยังนำมาเทียบไม่ได้ ร่างการปกคลุมด้วยเกล็ดที่ดูเหมือนโล่สีแดงแวววาว ขาทั้งสี่ข้างกว้างราวกับเสาหิน ปีกเหมือนค้างคาวขนาดใหญ่ หางยาวหนา และเขาสีดำหนึ่งคู่อยู่บนหัว ท่วงท่าองอาจสมเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

 

“อ๊า……!”

 

   เซเลนที่ล้มลงนั่งอยู่ก็ถูกมังกรแดงจับตัวเอาไว้ ร่างเล็กๆของเซเลนถูกขังอยู่ในอุ้งมือของมังกร

 

“เจ้าคนถ่อย! ปล่อยตัวเซเลนเดี๋ยวนี้!”

 

  ทันทีที่เซเลนถูกจับตัว คุมะฮาจิตั้งท่าจับดาบที่อยู่ในฝักโดยไม่หวั่นเกรงต่อการคุกคามของมังกร และจู่โจมออกไปอย่างสุดกำลังด้วยท่าที่เขาถนัดที่สุด วิชาดาบที่เรียกว่าอิไอ ปลดปล่อยคมดาบออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง เป็นการโจมตีที่ตัดได้แม้กระทั่งเหล็กที่เสริมด้วยเวทย์มนต์

 

[“ฮื่ม!”]

“อัก!?”

 

   แต่ถึงอย่างงั้น วิชาดาบอันน่าภาคภูมิใจนั้นก็ไม่มีโอกาสได้แสดงอานุภาพของมันออกมา เสี้ยววินาทีก่อนที่คมดาบจะสัมผัสกับผิวของมังกร ร่างของคุมะฮาจิก็กระเด็นถอยห่างออกไป ลอยละล่องในอากาศ คุมะฮาจิพยายามหมุนตัวกลิ้งไปตามพื้นหญ้าเพื่อลดแรงกระแทก และลุกขึ้นมาโดยที่ยังคุกเข่าอยู่ข้างหนึ่ง

 

[“ทนกว่าที่คิดเสียอีก มนุษย์ส่วนใหญ่คงหมดสติไปแล้ว”]

 

   มันกรพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ สิ่งที่มังกรเพิ่งจะทำไปนั้นมันเป็นเรื่องง่ายๆ ก็แค่ปล่อยพลังเวทย์มนตร์ในร่างกายออกมาเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกับมนุษย์มันก็คือการเป่าลมใส่ แต่พลังเวทย์ที่ถูกบีบอัดและปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วทำให้เกิดเป็นคลื่นกระแทกที่รุนแรงสำหรับมนุษย์

 

“คุมะฮาจิ! เป็นอะไรไหม!”

“เมื่อกี้มันอะไรกัน? ไม่สิ ที่สำคัญ ท่านเซเลน!”

“เข้าใจแล้ว!”

 

   มิลานและกลุ่มผู้ติดตามเข้ามาสมทบจากแนวหลังเป็นกำลังเสริมให้กับคุมะฮาจิ แต่เขาก็ลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง แต่กลุ่มผู้ติดตามที่ตามมาที่หลังนั้นปราศจากอาวุธ พวกเขามีเพียงของที่จะใช้ป้องกันตัวหรือเครื่องมือเท่าที่จะหาได้เท่านั้น บ้างก็มีดาบสั้น ค้อน หรือแม้แต่กระทะ เผชิญหน้ากับมังกรด้วยสภาพเช่นนั้น

 

“หยุดก่อน อย่าวู่วาม!”

 

  มิลานตะโกนห้ามลูกน้องที่กระทำการไม่ยั้งคิด ถึงพวกเขาจะมีความสามารถในการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวอยู่บ้างแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ทหารที่นับเป็นกำลังรบได้ แต่ด้วยความภักดีของพวกเขาที่มีต่อมิลานและเพื่อปกป้องเซเลนที่เป็นคนสำคัญของมิลาน พวกเขาจึงเอาชนะความกลัวนี้ได้

 

[“เกะกะ”]

 

   แน่นอนว่ามังกรไม่รับรู้ถึงความมุ่งมั่นหรือความตั้งใจใดๆ และสิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถใช้ต่อกรกับมังกรได้ มังกรเพียงแค่กวาดหางเพียงครั้งเดียว กลุ่มคนเหล่านั้นก็กระเด็นกระจายกันไปคนละทางและหมดสติลงไปในทันที

 

“หวา!”

 

  เซเลนตัวสั่นอยู่ในกำมือของมังกร ถึงจะบอกไปว่าอยากกลับบ้าน แต่เรื่องที่เกิดอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน

 

“โธ่เว้ย…! เซเลน! จะไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!”

 

   มิลานเรียบเรียงความคิด ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าก่อน ใช้ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อหาทางพลิกกลับสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังนี้ ผู้ติดตามทั้งหมดถูกกำราบ คนที่ยังต่อสู้ได้นอกจากเขาก็มีเพียงคุมะฮาจิเท่านั้น

 

“(ดาบของผม ทำอะไรไม่ได้!)”

 

  มิลานกัดฟันแน่น วิชาดาบของเขาเน้นที่ความเร็วและความคล่องตัวแต่ก็ขาดน้ำหนักจึงไม่สามารถทะลวงเกล็ดของมังกรได้ ถึงจะใช้เวทย์มนต์เสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายก็ใช้ได้แค่กับร่างกายของตนเองเท่านั้นไม่รวมถึงอาวุธ ถ้าโจมตีด้วยสภาพนั้น ดาบที่เรียวแหลมนี้ก็จะหักลง

 

   ถ้าเป็นท่าอิไอของคุมะฮาจิก็อาจจะทำอะไรได้บ้าง แต่เขาเป็นคนที่ไม่มีพลังเวทย์ จึงไม่สามารถต้านทานเวทย์มนต์ได้ ถ้าเข้าไปโจมตีก็จะถูกพลังเวทย์ของมังกรกระแทกให้ถอยกลับทันทีที่เข้าใกล้ เหมือนที่เขาพยายามทำก่อนหน้านี้ ต่อให้โจมตีได้รุนแรงแค่ไหน ถ้าเข้าไปในระยะดาบไม่ได้ก็ไร้ความหมาย

 

   –ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เหลือสิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว

 

“คุมะฮาจิ! ผมจะเป็นโล่ให้เอง! ส่วนนายก็เป็นดาบ!”

“โล่? กับดาบ? …ทราบแล้วขอรับ!”

 

  คุมะฮาจิเข้าใจเจตนาของมิลาน มิลานชักดาบที่เอวออกมา ตั้งท่าและวิ่งเข้าหามังกรตรงๆ

 

[“ยังไม่เข็ดอีกรึ ชอบทำอะไรไร้ประโยชน์กันจัง”]

 

   มังกรพ่นลมออกทางจมูก หรือเรียกได้ว่ามังกรถอนหายใจ ครั้งนี้วิ่งโน้มตัวเข้ามาหาและดูผอมบางกว่ามนุษย์ก่อนหน้านี้

 

[“เฮ้อ!”]

 

  เหมือนกับครั้งที่แล้ว มังกรปลดปล่อยพลังเวทย์ที่หนาแน่นออกมา คลื่นกระแทกจากพลังเวทย์ที่จะทำให้มนุษย์ผมสีทองปลิวออกไปไม่ต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ก่อนหน้านี้ ทั้งๆที่มันควรจะเป็นเช่นนั้น!

 

“ว้ากกกกก!!”

 

  ร่างกายของมิลานถูกห่อหุ้มด้วยแสงอ่อนๆ มันคือเวทย์มนต์ที่ใช้เสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขา เขารับคลื่นกระแทกนั้นด้วยร่างกายที่เสริมด้วยเวทย์มนต์ เมื่อถูกกระทบก็เหมือนถูกกดทับลงไปกับพื้นจนร่างกายส่งเสียงไม่พึงประสงค์ แต่เขาก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้นและเหวี่ยงดาบออกไปสุดแรง ใบดาบส่งเสียงแหลมและหักลง แต่ดาบนั้นก็ไม่ได้ถูกทำลายอย่างเปล่าประโยชน์ มันตัดคลื่นพลังเวทย์ให้แหวกออก

 

[“อะไรกัน!?”]

 

  มังกรดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ไม่เคยคิดว่าจะมีมนุษย์คนไหนที่สามารถต้านทานพลังเวทย์ของมันได้ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้จะทำให้มันประหลาดใจยิ่งกว่า

 

“ย้ากกกกก!!”

 

   ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆราวกับสัตว์ประหลาดกำลังคำราม ดังขึ้นมาจากข้างหลังของมิลาน! คุมะฮาจิที่อยู่ข้างหลังและใช้มิลานเป็นที่กำบังมาตลอด ใช้จังหวะที่พลังเวทย์หายไปพุ่งตัวออกมารวดเร็วดุจสายลมไปที่ขาหน้าของมังกรที่เผยช่องว่างอยู่ มังกรที่ชะงักไปกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่มีทางตอบสนองกับการเคลื่อนไหวของคุมะฮาจิได้ทัน

 

“รับไป!”

 

   วิชาดาบฟันทะลวงของคุมะฮาจิเป็นการโจมตีอันทรงพลังที่เคยใช้ทำลายเวทย์มนต์ผนึกบนประตูที่อาร์คุยล่ามาแล้ว ความรุนแรงของมันทำให้แม้แต่เหล็กก็ยังต้องถูกตัด ครั้งนี้คือมังกร และจะใช้พลังทั้งหมดจู่โจมไปที่เป้าหมายเพียงจุดเดียวคือที่นิ้วของขาหน้าข้างที่จับเซเลนไว้ ถ้าตัดมันได้ก็จะช่วยเจ้าหญิงที่ถูกจับตัวเอาไว้ได้

 

[“หืม!? บ้าน่า!”]

“บ้าน่า!?”

 

   ทั้งมังกรและคุมะฮาจิต่างก็ตกใจไปกับผลลัพธ์ไปพร้อมๆกัน มังกรเห็นว่าการโจมตีเมื่อสักครู่ทำให้เกล็ดของมันมีรอยถลอกได้ ส่วนคุมะฮาจิก็ใช้การโจมตีแบบทุ่มสุดตัวด้วยวิชาดาบอันภาคภูมิใจแล้วก็ยังทำได้แค่รอยถลอก

 

[“เริ่มน่ารำคาญขึ้นมาแล้วสิ เลิกเล่นดีกว่า”]

 

  คุมะฮาจิไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้อีกต่อไปได้ เหนื่อยล้าจนทำไม่ได้แม้แต่การป้องกันตัว แต่มังกรก็ไม่ได้ทำการโต้กลับ สำหรับมิลานและคุมะฮาจิแล้ว เมื่อสักครู่คือการสู้รบที่เดิมพันด้วยชีวิต แต่สำหรับมังกร มันคือการละเล่น

 

   ด้วยความรู้สึกเหมือนกับการแหย่รังมดเล่น แล้วมีมดสองตัวเข้ามากัด มันไม่มีค่าพอทีจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดด้วยซ้ำ มังกรจึงถีบพื้นและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

“เซเลน——–!!”

 

  มิลานตะโกนไล่หลัง แต่ก่อนที่เซเลนจะตอบสนองต่อเสียงเรียก มังกรก็ออกบินสูงขึ้นจนมนุษย์ไม่อาจแตะต้องได้อีก จากนั้นราวกับมันต้องการอวดให้มนุษย์ตัวจ้อยเบื้องล่างได้เห็น มันหมุนตัวกลับอย่างชํานาญละบินไปทางเหนือด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ดูจากทิศทางแล้วเป้าหมายของมันคือป่าสีขาว

 

“องค์ชาย! พวกเราต้องรีบตามมันไปโดยเร็วเลยขอรับ”

 

  ไม่มีแม้กระทั้งเวลาปาดเหงื่อ คุมะฮาจิที่เหนื่อยหอบวิ่งเข้ามาบอกกับมิลาน มิลานมองไปรอบตัว บรรดาผู้ที่ถูกกวาดโดยหางของมังกรก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว พวกเขาพยายามลุกขึ้น มือยังคงกดบาดแผลหรือจุดที่โดนกระแทกไว้ โชคยังดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าขี่ม้าไล่ตามไปตอนนี้ก็ยังพอมีโอกาสตามมังกรที่บินอย่างเอื่อยๆได้ทัน

 

“ฮื่ม…!”

 

   มิลานต้องชั่งน้ำหนักระหว่างทางเลือกทั้งสองให้ดี

 

ในส่วนของความรู้สึก ควรตามไป ถ้าไม่ตามไปตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้เจอกับเซเลนอีก

ทางด้านของเหตุผล ควรพอแค่นี้ ถ้าฝืนไปมากกว่านี้ ทุกคนจะตายกันหมด

 

   –มิลานเลือกอย่างหลัง

 

“………พร้อมเมื่อไหร่ เราจะกลับเฮลิฟาเต้กัน”

“องค์ชาย! ถ้าไม่ไล่ตามตอนนี้ พวกเราจะคลาดสายตาจากมังกรแล้วนะขอรับ!”

“รู้แล้ว! แต่นอกจากผมแล้ว ไม่มีใครในที่นี้ที่มีพลังเวทย์อีกเลย นายเองก็เหมือนกัน ถ้าเข้าไปในป่าสีขาวก็จะไม่มีใครมีชีวิตรอดกลับออกมาหรอก ไม่ต่างกับสั่งให้ไปตาย”

“องค์ชาย… แล้วตัวท่านเองจะยอมรับได้หรือ?”

“เงียบซะ!”

 

  มิลานไม่รับฟังสิ่งที่คุมะฮาจิต้องการจะบอก เขาขบริมฝีปากแน่นจนเลือดไหล พลังเวทย์เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ที่มี แต่เป็นพิษต่อมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีเวทย์มนต์ การที่เข้าไปในพื้นที่ป่าสีขาวที่มีพลังเวทย์หนาแน่นก็เท่ากับลงไปแหวกว่ายในบ่อลาวาด้วยตัวเปล่า

 

   ที่สำคัญ การเดินทางครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมการสำหรับการต่อสู้เลย ในฐานะเจ้าชาย ชีวิตของคนหมู่มากต้องมาก่อน มิลานจำเป็นต้องตัดสินใจแบบนั้น

 

“เซเลน ขอให้ปลอดภัย…”

 

   มิลานออกคำสั่งให้เตรียมตัวเดินทางกลับ เขาไม่ได้หันกลับไปมองคุมะฮาจิที่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก และมิลานก็อธิษฐานให้เซเลนปลอดภัย

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

 

“ห-หวา…”

 

  เซเลนถูกถือไว้อยู่ในมือของมังกรขนาดยักษ์ ร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัว

  ด้วยความสูงระดับนี้ถ้าตกลงไปชีวิตที่สองนี้ก็จะจบลงอย่างแน่นอน แล้วยังถูกจับไว้โดยกิ้งก่ายักษ์ ถ้าไม่กลัวสิถึงแปลก แต่มังกรกลับคิดว่าเธอตัวสั่นเพราะหวาดกลัวตนเอง จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อแสดงความเป็นมิตร

 

[“อย่าได้กลัวไปเลย ข้าไม่กินเจ้าหรอก แค่พากลับไปส่งที่บ้านเกิดของเจ้าเท่านั้นเอง”]

“ขอบคุณ…”

 

   เซเลนพยายามทำตัวร่าเริงแม้จะถูกบีบให้แน่นขึ้น ถ้ามีมังกรตัวขนาดนี้ออกมาในเกม ก็จะวิ่งเข้าไปสู้ด้วยความรู้สึกว่า “เยี่ยม! ตัวเป้งโผล่มาแล้ว!” แต่พอมาเจอเข้าจริงๆ การที่โดนสัตว์ประหลาดไดโนเสาร์จับไว้แบบนี้ มันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีนัก

 

   ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เห็นแล้วอยากล่า เซเลนคิดแบบนั้นและเสียใจกับมันจริงๆ แต่ถึงจะคิดยังไงความจริงก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

[“องค์หญิง! ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าครับ!?”]

“บัตเลอร์ ก็มาด้วย!?”

 

  เซเลนตะโกนออกมาเพราะโล่งอกเมื่อรู้ว่าสหายที่ไว้ใจได้อย่างบัตเลอร์ก็อยู่กับเธอด้วย บัตเลอร์ไต่ไปตามพื้นผิวของมังกรอย่างคล่องแคล่ว

 

[“ขออภัยด้วยครับ กระผมไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้เลย”]

 

   บัตเลอร์ก้มหน้าเสียใจ เขาใช้ประโยชน์จากร่างเล็กๆนั้นลอดผ่านช่องว่างของนิ้วที่กำอยู่และกระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของเซเลน ผู้ที่เข้าต่อสู้กับมังกรไม่ได้มีเพียงมิลานและคุมะฮาจิเท่านั้น ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเซเลน บัตเลอร์ก็สู้อยู่ตรงนั้นด้วย

 

  ขณะที่มิลานและคนอื่นๆพยายามจู่โจมมังกร บัตเลอร์ก็วิ่งอ้อมไปข้างหลังและกระโดดขึ้นไปอยู่บนตัวของมังกรจากนั้นก็โจมตีอย่างไม่คิดชีวิตด้วยฟันหน้า แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขนาดไหน โดยพื้นฐานแล้วเขาคือหนู อีกฝ่ายคือมังกร พลังของทั้งสองไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

[“หนูตัวนั้นมันอะไรน่ะ? สัตว์เลี้ยงของเจ้าเหรอ? น่าสนใจจริงๆที่มันพูดได้ด้วย”]

 

   มังกรที่บินอยู่ท่ามกลางสายลมรู้สึกถึงตัวตนของบัตเลอร์เพราะได้ยินเสียงของเซเลนที่ตะโกนออกมาเหมือนมีอะไรผิดปรกติ และตอนนี้มังกรพูดคุยกับเซเลนได้เพราะพลังเวทย์ที่มีคลื่นตรงกัน ดังนั้นบัตเลอร์ที่มีพลังเวทย์ของเซเลนไหลเวียนในร่างกายก็สามารสื่อสารกับมังกรได้ด้วยเช่นกัน

 

[“ท่านมังกรแดงผู้ยิ่งใหญ่ กระผมคือผู้ติดตามขององค์หญิงเซเลน เป็น พ่อบ้าน (執事)* มีนามว่าบัตเลอร์ครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยโดยตรงกับผู้ครองโลกอย่างท่าน”]

 

   เนื่องจากถูกมังกรจับตัวเอาไว้ มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำทุกอย่างเพื่อให้มีโอกาสหลบหนี บัตเลอร์เข้าใจในเรื่องนี้ดีจึงแสดงตัวให้มังกรเห็นและพูดคุยอย่างนอบน้อมเพื่อไม่ให้มังกรโกรธเคือง ถึงจะยังไม่รู้ว่าความเคารพของหนูตัวเล็กๆตัวหนึ่งจะมีค่าสักแค่ไหน แต่มังกรก็ยิ้มออกมาด้วยปากอันใหญ่โตของมัน

 

[“ยกย่องข้าซะใหญ่โตเชียวนะ แต่แกเป็นหนูไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แกะ(羊)* สักหน่อย”]

[“ขออภัยสำหรับเรื่องล้อเล่นเมื่อสักครู่ด้วยครับ การมอบความบันเทิงเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศ…มันเป็นหน้าที่ของผู้ต่ำต้อยอยู่แล้วครับ”]

 

   บอกว่าพ่อบ้าน(執事)* ต่างหากล่ะ บัตเลอร์กำลังจะพูดสวนกลับไปแบบนั้นแต่ก็ตัดสินใจตามน้ำไปก่อน เพราะถ้าอารมณ์เสียขึ้นมาแล้วถูกปล่อยลงพื้นมันจะแย่เอาได้

 

   จากนั้น ทั้งเซเลนและบัตเลอร์ ก็เข้ามาอยู่ในกำมือของมังกร และมังกรก็ยังคงบินขึ้นไปยังทิศเหนือต่อไปอีก เบื้องล่างมองเห็นทุ่งราบและที่โล่งน้อยลงเรื่อยๆและเริ่มเห็นต้นไม้เกาะกลุ่มอยู่เป็นหย่อมๆ ถึงมังกรจะบอกว่าจะพาไปส่งที่บ้านเกิด แต่ทิศทางที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้นมันตรงกันข้าม เซเลนก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปรกติจึงเอ่ยปากทัก

 

“มังกร ทางนี้ ผิดทาง”

[“ผิด อย่างงั้นรึ? อืม หมู่บ้านของเจ้าอยู่ไกลออกไปอีกสินะ ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวก็ถึงป่าสีขาวแล้ว จากตรงนั้นเจ้าก็จะเริ่มคุ้นตาขึ้นมาเอง”]

“หมู่บ้าน ป่าสีขาว?”

[“โน่นไง มองเห็นแล้ว”]

 

   เมื่อมองตามทิศทางที่มังกรมุ่งหน้าไป ก็เห็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่มีแต่ต้นไม่สีขาว

   ป่าที่ผ่านๆมาจนถึงตอนนี้ต่างก็มีสีเขียวเหมือนปรกติ แต่พวกมันก็ค่อยๆสีอ่อนลงจนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ทำให้ดูเหมือนป่าทั้งผืนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่เซเลนและบัตเลอร์ก็รู้ว่านั่นไม่ใช่หิมะแต่เป็นต้นไม้เองที่เป็นสีขาว

 

  ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องของสถานที่ที่ถูกเรียกว่าป่าสีขาวจากคุมะฮาจิมาแล้ว แต่เซเลนก็คิดไม่ถึงว่ามันคือ‘ป่าสีขาว’ตามชื่อจริงๆ

 

[“ลูกเอลฟ์ตัวน้อยมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มมนุษย์ผู้ใหญ่ คงจะหวาดกลัวมากสินะ เจ้าถูกจับมาหรือว่าหลงทางมาล่ะ?”]

“หะ……?”

 

   ไอ้นี่พูดอะไรของมัน ไม่เห็นเข้าใจเลย เซเลนคิดเช่นนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ได้แต่กระพริบตาอยู่เงียบๆ และมังกรก็พูดต่อไปโดยไม่รอคำตอบ

 

[“ปรกติแล้วข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของเอลฟ์กับมนุษย์ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ารู้สึกถึงเสียงเรียกของเจ้าที่ต้องการความช่วยเหลือ จนมาวันนี้ ขณะเดินทางกลับ เจ้าก็อยู่ในทางผ่านของข้าพอดีและข้าก็ต้องผ่านป่าสีขาว ข้าทำตามอำเภอใจเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก”]

“แต่ฉัน ไม่ใช่เอลฟ์ นี่นา?”

[“พูดอะไรอย่างนั้น คิดว่าข้าไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์ของเจ้าหรือไง? สีขาวทั้งร่างกายและเส้นผม กับดวงตาสีแดง นั่นคือลักษณะของเอลฟ์”]

“ไม่เหมือน”

[“ขออภัยที่ต้องพูดแทรก ท่านมังกรแดง สิ่งที่องค์หญิงเซเลนพูดมานั้นคือความจริง”]

 

   เมื่อได้ยินเรื่องที่เซเลนบอก และบัตเลอร์ก็ยังช่วยยืนยัน มังกรแดงจึงหยุดอยู่กลางอากาศ

  หลังจากเงียบกันไปสักพัก มังกรแดงก็ถามเซเลนอีกครั้ง

 

[“…เหรอ?”]

“…อือ”

 

   ระหว่างหนึ่งคนและสองตัวเหมือนมีบรรยากาศแปลกๆพัดผ่าน ไม่มีใครพูดอะไรอีก

   มังกรยกขาที่ถือเซเลนไว้ขึ้นมาระดับสายตา และจ้องมาด้วยดวงตาที่ใหญ่กว่าหัวของเซเลน

 

[“หืม…? เห…?”]

 

   มังกรขมวดคิ้ว หรี่ตามองไปที่เซเลนเหมือนคนสายตาสั้น พิจารณาในสิ่งที่เห็น เมื่อเรื่องที่กังขาได้รับความกระจ่างชัดแล้ว มันก็เปิดตากว้าง

 

[“อ-อ๊า! ใบหู ไม่ใช่แบบนี้นี่นา!?”]

 

   มังกรหงายหลังทั้งๆที่อยู่กลางอากาศ ราวกับตกใจในสิ่งที่เห็น

  เผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่มังกรรู้จะมีลักษณะเฉพาะคือ มีสีขาวทั้งร่างกายและเส้นผม มีดวงตาสีแดง นอกจากนั้นยังมีใบหูที่ยาว แต่เด็กน้อยที่อยู่ตรงนี้ไม่มี

 

[“แก เจ้าพวกชั่วช้า! กล้ามาหลอกข้างั้นเหรอ!”]

 

   มังกรออกอาการโกรธจัดทั้งๆที่ยังไม่มีใครแตะต้องเกล็ดกลับด้าน(逆鱗)**ของมัน

____________________

* 執事 / shitsuji = พ่อบ้าน, คนรับใช้(ช.)

羊/ hitsuji = แกะ

shitsuji กับ hitsuji ออกเสียงคล้ายกัน

 

**  逆鱗/gekirin  =  เกล็ดกลับด้าน

มีความเชื่อว่า ที่ใต้คอของมังกร(ตะวันออก)มีเกล็ดที่ขึ้นสวนทางกับเกล็ดอื่นๆอยู่เกล็ดหนึ่ง หากมีคนไปสัมผัสเกล็ดดังกล่าว มังกรจะโกรธจัดจนอาละวาดหรือฆ่าคนผู้นั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+