[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.03: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน2)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.03: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 03

ความมืดในเมืองหลวง (ตอน2)

 

 “ที่นี่ล่ะมั้ง ให้ตายเถอะ พวกมนุษย์จำบ้านของตัวเองได้ยังไง”

 

  ภายใต้ผ้าคลุมที่ไว้ปกปิดตัวตน กีกำลังบ่นอยู่คนเดียวหน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้จากร้านอาหาร กว่าจะมาถึงก็เสียเวลาไปมากเพราะกีที่เติบโตมาในป่าสีขาวไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอาคารของมนุษย์ดูแตกต่างกันอย่างไร ถึงจะแยกปราสาทกับบ้านออกจากกันได้ แต่อาคารของมนุษย์ในตอนกลางคืนเขาแทบจะไม่เห็นความแตกต่างเลย

 

   สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเบื้องหน้าเป็นอาคารไม้ธรรมดาที่มีสองชั้น สภาพค่อนข้างเก่า และอยู่ห่างจากเขตสถานบันเทิงมากพอที่จะไม่ได้ยินเสียงรบกวน

   อย่างแรกที่กีทำคือซ่อนตัวอยู่ในความมืดในจุดที่มองเห็นทางเข้าออกได้ชัดเจน ซึ่งก็คือประตูไม้ที่อยู่ด้านหน้า

 

“เอาล่ะ จะเข้าไปยังไงดี”

 

   กีพูดออกมาเบาๆขณะกลมกลืนไปกับความมืด ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหากจะเข้าไปในถ้ำของสัตว์ร้าย และกีก็จะทำแบบเดียวกันในดินแดนของมนุษย์เช่นนี้

 

   ทั้งที่จริง หากกีเปิดเปิดเผยว่าตนเองเป็นเอลฟ์ซึ่งเป็นแขกพิเศษของประเทศหรือแค่อ้างชื่อมิลานออกไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเขาก็สามารถผ่านเข้าไปได้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่กีก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงจุดยืนของเขาในประเทศนี้ จึงไม่มีความคิดที่จะทำเช่นนั้น

 

   ระหว่างที่คิดหาทางเข้าไปข้างใน ประตูก็เปิดออกมา ทำให้กีหยุดการเคลื่อนไหว ไม่ส่งเสียงใดๆ แม้กระทั้งลมหายใจก็เบาลง ในตอนนี้สายตาของกีชินกับความมืดแล้วจึงเห็นร่างที่ปรากฏออกมาได้ชัดเจน

 

“หืม? เด็กหรอกเหรอ ดึกป่านนี้แล้วเนี่ยนะ?”

 

  กีพยายามสังเกตจากประตูที่เปิดว่าจะมีคนแบบไหนออกมา แต่คนที่เปิดประตูจากข้างใน ดูอย่างไรก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ในมือทั้งสองอุ้มถังใบใหญ่พอๆกับขนาดตัวไว้ข้างหน้า ดูแล้วน่าสงสัยว่าจะเดินอย่างไรเพราะใบหน้าถูกถังใบนั้นบังจนมิด

 

“กรี๊ด!”

 

   ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เมื่อเด็กคนนั้นก้าวถึงบันไดหน้าประตูก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับล้มกลิ้งลงมา ของในถังหล่นกระจายเต็มพื้น เด็กคนนั้นรีบลุกคลานไปตามพื้นเพื่อโกยของที่กระจัดกระจายกลับไปด้วยท่าทางลนลานเหมือนหวาดกลัว

 

“อูย… เจ็บ”

“ให้ช่วยไหม?”

“ว้าย!?”

 

  กีเข้าไปใกล้และส่งเสียงทักจากข้างหลังทำให้เด็กคนนั้นตกใจหมอบลงกับพื้นและยกแขนขึ้นมาบังศีรษะไว้

 

“ขอโทษค่ะ! จะไม่ทำอีกแล้ว ยกโทษให้ด้วยค่ะ!”

“เอ่อ ผมดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ…อาจจะจริงก็ได้ เอาเป็นว่า ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ทำร้ายเธอแน่นอน”

 

   หากคิดดูดีๆ ตัวเขาในตอนนี้สวมผ้าคลุมทั้งตัวกับฮู้ดคลุมทั้งหัวเหลือแค่ดวงตา จะตอบสนองแบบนั้นก็ไม่แปลก กีถอนหายใจและดึงผ้าคลุมส่วนคอลงมาเพื่อให้เห็นได้ทั้งใบหน้า แต่ลักษณะเด่นของเผ่าพันธุ์เช่นใบหูก็ยังคงซ่อนไว้

 

   เด็กที่หมอบอยู่กับพื้นเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ อายุใกล้เคียงกับเซเลนหรืออาจจะน้อยกว่า สวมเสื้อผ้าเก่าๆสกปรก เส้นผมซึ่งน่าจะเคยเป็นสีทอง ขุ่นมัวเปราะเปื้อนพันกัน

  เด็กสาวยังคงหวาดกลัวกี แต่การที่เขาย่อตัวลงและเสดงใบหน้าให้เห็นก็ทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ศัตรู เธอจึงขยับปากพูดกับเขาด้วยเสียงที่สั่นเครือ

 

“พี่ชายเป็นใครคะ?”

“เป็นใครก็ช่างเถอะน่า เก็บของพวกนี้ก่อนดีกว่าไหม?”

“อ่า ค่ะ”

 

   และกีก็เริ่มช่วยเด็กสาวเก็บของที่หล่นกระจายอยู่เต็มพื้น เมื่อได้มาเห็นใกล้ๆก็จะเห็นว่า ของที่อยู่ในถังนั้น เป็นเศษกระดาษ เศษอาหาร ชิ้นส่วนสิ่งของที่แตกหัก และขยะทั่วไปที่มาจากการทำความสะอาด เมื่อรวมทั้งหมดกับถังใบนั้นแล้ว มันเป็นน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก กีเก็บทุกอย่างใส่ถังจนครบแล้วก็หันไปคุยกับเด็กสาวอีกครั้ง

 

“แล้วทำไมเธอถึงออกมาตอนกลางคืนอย่างนี้ล่ะ?”

“ครูสั่งให้เอาไปทิ้ง”

“ก็นั่นแหละ ดึกป่านนี้แล้วทำไมถึงปล่อยให้เด็กอย่างเธอถึงออกมาข้างนอกคนเดียวล่ะ? เอาไว้ตอนเช้าไม่ได้เหรอ?” 

 

   ไม่ว่าอย่างไร กีก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร พวกเอลฟ์จะไม่ปล่อยให้เด็กออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนกลางป่าอย่างเด็ดขาด หากเป็นคำสั่งของผู้ใหญ่ คนคนนั้นจะต้องถูกคนในหมู่บ้านต่อต้านแน่ หัวหน้าหมู่บ้านอย่างกีก็จะเข้าไปต่อว่าด้วย

 

“ได้ยินว่าวันนี้มีแขกมากันเยอะ ก็เลยถูกบอกให้ทำความสะอาดให้ทุกอย่างดูเรียบร้อย ตอนนี้มีหนูเพียงคนเดียวที่ทำงานนี้ได้ พี่สาวกับคนอื่นๆต้องไปทำ…หน้าที่”

“มีคนอื่นอีกเหรอ แล้วไปทำหน้าที่อะไร?”

“เข้าไปในห้อง และทำให้คนที่อยู่ในนั้นพอใจ หนูไม่รู้รายระเอียดหรอก”

“…ไม่เป็นไร ผมพอจะเข้าใจแล้ว”

 

  ฟังดูไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนัก ข้อมูลทุกอย่างเริ่มไปในทิศทางที่เขากังวล แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเรื่องที่ต้องการรู้อีก

 

“นี่ พี่ชาย”

“…ว่าไง”

“ที่คุยกับหนู ช่วยเก็บเป็นความลับได้หรือเปล่า?”

“ทำไมล่ะ?”

“ถ้าถูกรู้ว่าคุยกับคนแปลกหน้า ครูจะโกรธ ถ้าครูโกรธจะถูกตี…”

 

   แต่ในตอนนี้ กีต่างหากเป็นฝ่ายที่โกรธ เมื่อได้ยินเรื่องของเธอ แม้แต่เด็กสาวที่สัมผัสบรรยากาศนั้นได้ก็ยังหวาดกลัวไปด้วย กีเอื้อมมือไปจับหัวของเด็กสาว

 

“อ๊า!”

 

   เด็กสาวย่อตัวลงและยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะ เป็นการตอบสนองที่รวดเร็วราวกับทำเป็นประจำทุกวัน แต่กีก็จับลงไปบนหัวของเธอได้อย่างง่ายๆ จากนั้นเด็กสาวก็มีความรู้สึกแตกต่างจากที่คิดไว้อยู่บนศีรษะของเธอ

 

“อ๊ะ?”

 

   กีลูบหัวของเธอ ไม่เหมือนกับเซเลนที่เส้นผมสีขาวนั้นให้ความรู้สึกนุ่มนวลลื่นไหลไปตามนิ้วมือ ผมของเด็กสาวคนนี้หยาบกร้านพันกันเหมือนขนของสุนัขสกปรก เขาก้มมองเธอที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างสงสัย

 

“รู้จักมิลานหรือเปล่า?”

“ถ้าหมายถึงเจ้าชายของประเทศนี้ก็ไม่มีใครไม่รู้จักหรอก”

“ดีแล้ว งั้นก็คุยกันง่ายหน่อย นั่นน่ะ เพื่อนของผมเอง”

“เอ๋?”

 

  แน่นอนว่าเด็กสาวแปลกใจที่ได้ยิน เธอมองตาค้างมาที่เขา

 

“จริงเหรอ? มีอะไรยืนยันล่ะ?”

“ถ้าอยากได้อะไรมายืนยัน… เอาเป็นไอ้นี่ได้หรือเปล่า?”

 

  กีหยิบถุงผ้ามาจากใต้ผ้าคลุม เป็นถุงใส่เหรียญขนาดไม่ใหญ่มากแต่ข้างในก็มีเหรียญที่มีค่าบรรจุอยู่มากมาย แต่ส่วนสำคัญจริงๆอยู่บนตัวถุงใบนั้น

 

“อ๊ะ! เหมือนลายบนชุดของเจ้าชายเลย”

“ใช่ไหมล่ะ แล้วเป็นไง เชื่อหรือยัง?”

“อือ ลายแบบนี้มีแต่ราชาที่ใช้”

 

  เพียงแค่นี้ก็ทำให้เด็กสาวลดความระแวงต่อคนแปลกได้แล้ว โชคดีที่กียังจำได้ เหมือนครั้งที่ออกจากป่าสีขาวมายังดินแดนของมนุษย์ครั้งแรกก็เห็นตราแบบเดียวกันนี้อยู่บนชุดของคุมะฮาจิและรถม้าที่ถูกส่งมารับพวกเขา

 

“ผมชื่อกี เธอล่ะ?”

“ไอช่า”

“ไอช่าสินะ ผมอยากรู้เรื่องของโรงเลี้ยงนี่ให้มากกว่านี้ อยากให้เธอช่วยหน่อย”

“ไม่ได้นะ จะต้องถูกโกรธแน่เลย! พี่ชายเป็นคนรู้จักของเจ้าชายใช่ไหมล่ะ? กับคนแบบนี้ยิ่งถูกห้ามไม่ให้คุยด้วย…”

 

   จากคำตอบของเธอทำให้กีแน่ในแล้วว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มีเบื้องหลังที่เลวร้ายอยู่ ไอช่าควรจะเต็มใจพูดถึงมันหากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้เป็นที่ที่ให้ความคุ้มครองเธอได้

 

   กีไม่คิดจะคาดคั้นข้อมูลใดๆจากไอช่าอีก การทำให้สัตว์เล็กบาดเจ็บเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อสัตว์ร้ายไม่ใช่วิธีล่าที่กีชื่นชอบนัก

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดก็ได้ งั้นผมเอาไอ้นี่ไปทิ้งล่ะนะ”

“เอ่อ นั่นมัน…”

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ก็แค่เอาไปทิ้ง”

 

  กียกถังขยะที่เพิ่งกลับมาเต็มขึ้นมา เพราะหากให้ไอช่าทำเองจะลำบากกว่ามาก เธอจึงอยู่เงียบๆให้กีได้ทำตามใจ หลังจากกีเททุกอย่างลงไปที่จุดทิ้งขยะตามคำบอกของไอช่าแล้ว เขาก็เดินตามไอช่ากลับไปที่หน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับถังเปล่าในมือ

 

“ขอบคุณนะ พี่ชายกี”

“ไม่ได้ช่วยฟรีหรอก ทางนี้ก็มีเรื่องที่อยากให้ช่วยเป็นการตอบแทนเหมือนกัน ออ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีสำหรับเธอหรอก วางใจได้”

“เอ๋?”

 

   เมื่อพูดจบ กีคว้าแขนของไอช่าและเปิดประตูจูงเธอเข้าไปในอาคาร สภาพภายในค่อนข้างมืด มีตะเกียงถูกจุดไว้เพียงไม่กี่ที่ มีแสงสว่างพอให้มองเป็นทางเดินเท่านั้น 

 

“ช้ามาก! คิดจะอู้เหรอะ!”

 

  มีเสียงเดินหนักๆกับเสียงตะโกนมาจากอีกฝั่งของทางเดิน ไอช่ากลัวตัวสั่นหลบอยู่ข้างหลังกี ส่วนกีก็แค่ยืนมองอยู่เฉยๆเพราะเสียงแค่นี้สำหรับเขามันไม่ได้ใกล้เคียงกับการข่มขู่แม้แต่น้อย

  คนที่เขาเห็นเป็นชายวัยกลางคนตัวเตี้ยร่างท้วม การแต่งกายดูไม่เรียบร้อย คาดว่าคนคนนี้เป็น ‘ครู’ ที่ไอช่าพูดถึง

 

“โรงเลี้ยงที่นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย?”

“อะไรน่ะ? อยากได้เด็กไปเลี้ยงเหรอ? ที่นี่เหลือแต่เด็กที่ยังไม่ได้รับการอบรม ไม่มีพวกที่ใช้การได้หรอก ไปหาที่อื่นเถอะ”

 

   กีอาจจะดูเหมือนผู้อุปการะสำหรับเขา จึงพูดออกมาเช่นนั้นด้วยเสียงที่เบากว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย เมื่อเห็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันทำให้กีรู้สึกหงุดหงิด แต่เนื่องจากเขาปกปิดใบหน้าจนเหลือแต่ดวงตา อีกฝ่ายจึงไม่เห็นท่าทีของเขา

 

“ถ้าไม่เอาไปเลี้ยงแต่ขอซื้อไปสำหรับคืนนี้ล่ะ เจ้าเปี๊ยกตรงนี้ก็ว่างอยู่นี่นา”

“หา?”

“ก็บอกว่าขอซื้อเจ้าเปี๊ยกนี่คืนนึงไง”

“เอ๋? ซื้อ? หนูเหรอ?”

 

   ทั้งชายคนนั้นและไอช่าต่างก็ตกใจกับคำพูดดังกล่าว และชายคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าครุ่นคิด เนื่องจากเขาพูดว่า ‘ขอซื้อ’ ไม่ใช่ ‘อยากได้’ ถ้าคำพูดของหญิงสาวที่ร้านอาหารถูกต้อง ชายคนนี้ต้องเข้าใจความหมายแน่

 

“ไม่สิ ยังเด็กเกินไป ไม่อยากทำให้ผิดหวังหรอกนะ แต่คืนนี้ของดีๆถูกเลือกไปหมดแล้ว”

“ไม่ต้องพูดมาก อยากได้เงินก็เอาไป”

 

   กีไม่ต้องการสนทนายืดเยื้อกับชายอัปลักษณ์เบื้องหน้า จึงตัดบทด้วยการเปิดปากถุงใส่เหรียญและเทของที่อยู่ข้างในออกมาโดยหันตรารูปนกอินทรีย์ใหญ่บนถุงออกไม่ให้อีกฝ่ายเห็น เหรียญสีทองมากมายหลายขนาดหล่นกลิ้งกระจายไปตามพื้นห้อง ทั้งชายคนนั้นและไอช่าได้แต่มองภาพที่เห็นอย่างตกตะลึง ชายคนนั้นก้มหยิบเหรียญทองที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมากำไว้แน่และอ้าปากค้าง

 

“นี่มันเหรียญทองคำใหญ่ไม่ใช่เหรอ!? แล้วยังมีตั้งขนาดนี้!?”

“จะอะไรก็ช่างเถอะ แค่ตอบมาว่าพอหรือเปล่าเท่านั้น ว่ายังไงล่ะ?”

 

  จำนวนเงินที่กีนำออกมามากกว่าคำว่าเกินพอไปไกล โดยทั่วไปนอกจากจะซื้อเด็กเพียงคนเดียวสำหรับหนึ่งคืนแล้วยังเหลือไปซื้อคฤหาสน์หรูหราได้อีกทั้งหลัง ชายคนนั้นคลานเก็บเหรียญทองตามพื้นและหมอบกอดพวกมันเอาไว้ราวกับสุนัขหวงอาหาร

 

“คุณท่านเป็นชนชั้นสูงหรือครับ? มิน่า ถึงได้ปกปิดหน้าตามาใช้บริการที่แบบนี้”

“…จะว่างั้นก็ได้”

 

  ชายคนนั้นเริ่มแสดงความโอนอ่อนประจบประแจงออกมาทันที ซึ่งทำให้กีรู้สึกขยะแขยงกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาแต่ก็ไม่แสดงออกมาให้เห็น

 

“ผมจะทำอะไรกับเด็กนี่ก็ไม่มีปัญหาแล้วสินะ มีสถานที่ให้หรือเปล่า?”

“ห้องเวทมนตร์เต็มหมดแล้ว แต่ที่ชั้นล่างยังเหลือห้องธรรมดาอยู่ ไม่ทราบว่าคุณท่านจะสะดวกหรือเปล่า?”

“ห้องเวทมนตร์? อะไรล่ะน่ะ?”

“บนชั้นสองจะเป็นห้องที่มีเวทมนตร์ผนึกทางเข้าออกไว้ หากสินค้าหลบหนีระหว่างที่ลูกค้ากำลังหาความสําราญก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดี จึงต้องมีเขตแดนเอาไว้ป้องกัน แต่คุณท่านไม่ต้องห่วง เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่มาก ไม่มีทางหนีไปได้แน่ ทางเราเองก็จะช่วยเฝ้าที่ประตูหน้าให้ด้วย”

 

   ระหว่างอธิบาย ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับกอดกองเงินและเดินนำกีกับไอช่าเข้าไปในห้องที่อยู่สุดทางเดิน เป็นห้องที่ไม่ได้รับแสงแดดจนมีกลิ่นอับที่ทำให้กีรู้สึกระคายเคือง

 

   ผู้ชายคนนั้นหันหลังเดินจากไปพร้อมกับพูดทิ้งท้ายว่าขอให้สนุก กีนั่งลงบนเตียงฟังเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆห่างออกไป

 

“เอ่อ พี่ชาย จะทำอะไรหนูเหรอ?”

 

   ดูเหมือนว่าเธอยังไม่รู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คนอื่นๆที่ไอช่าเคยเห็นว่าถูกพาไปพร้อมกับผู้ใหญ่ที่จ่ายเงิน จะร้องไห้กลับมาทุกคน ไม่แปลกที่ไอช่าจะหวาดกลัวเมื่อเข้าใจว่าถึงคราวที่เธอจะต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนั้นบ้างแล้ว

 

“ไม่ต้องหลัวหรอกน่า ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ดีกับเธอ”

“…เอ๋?”

“ในเมื่อเธอพูดถึงไม่ได้ ก็เลยต้องไปยืนยันกับเจ้าอ้วนเมื่อกี้นี้แทน เจ้านั่นก็งับเหยื่อได้ง่ายผิดคาดเลยนะเนี่ย”

 

  หากบังคับให้ไอช่าพูดออกมาก็จะทำให้เธอลำบากใจ และการเข้าไปถามตรงๆกับคนที่ดูแลก็คงจะถูกไล่กลับไปก่อนจะได้รับคำตอบที่ต้องการ กีจึงแสดงเป็นว่าเขามาเพื่อ ‘ซื้อไอช่า’ กับชายคนนั้น

 

   ในตอนนี้ กีรู้ถึงความตั้งใจของเซเลนแล้ว เขารู้มาว่าเซเลนถูกกดขี่จนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตั้งแต่อายุยังน้อย เด็กสาวเบื้องหน้าเขาก็ไม่ต่างกัน และยังมีอายุใกล้เคียงกับเซเลนอีกด้วย เธอเข้าใจดีว่าเด็กที่ติดอยู่ในสภาพนี้ต้องการให้มีคนมาช่วยเหลือมากขนาดไหน

 

  อีกทั้งการที่ห้ามพาซานามาด้วย ก็เพราะว่าถ้าเธอรู้ว่าเด็กตัวเล็กๆถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายเช่นนี้ ซานาจะใช้ความรุนแรงบุกเข้าไปในทันทีแน่ เพราะฉะนั้น การที่ให้เขาลงมือเพียงคนเดียวจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

“เอาล่ะ เจ้าอ้วนนั่นไปเฝ้าที่ประตูหน้าแล้ว ที่นี่มีแต่ผมกับเธอเท่านั้น ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยิน มีอะไรอยากบอกก็พูดออกมาได้เลย”

“พี่ชายจะช่วยได้จริงๆเหรอ?”

“อือ ก็บอกไปแล้วไง ผมน่ะเป็นเพื่อกับเจ้าชายเชียวนะ ที่เรียกกันว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลานยังไงล่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”

“องค์ชายศักดิ์สิทธิ์…”

 

   เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเขาได้รับการรับรองจากผู้อำนาจของประเทศนี้ กีจึงอ้างชื่อองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน แม้ว่าความจริงจะเป็นภารกิจที่ได้รับมาจากเจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลน แต่นั่นก็เป็นชื่อที่มีความหมายสำหรับเอลฟ์เท่านั้น ไม่ใช่สำหรับมนุษย์ อีกทั้งกียังไม่เข้าใจถึงตำแหน่งของเซเลนในดินแดนของมนุษย์ การใช้ชื่อมิลานจึงสะดวกกว่า

 

   อย่างไรก็ตาม ชื่อขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทำให้ให้ไอช่าแสดงความโล่งใจแต่อย่างใด สีหน้าของเธอยังหม่นหมองเช่นเดิม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.03: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน2)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.03: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 03

ความมืดในเมืองหลวง (ตอน2)

 

 “ที่นี่ล่ะมั้ง ให้ตายเถอะ พวกมนุษย์จำบ้านของตัวเองได้ยังไง”

 

  ภายใต้ผ้าคลุมที่ไว้ปกปิดตัวตน กีกำลังบ่นอยู่คนเดียวหน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้จากร้านอาหาร กว่าจะมาถึงก็เสียเวลาไปมากเพราะกีที่เติบโตมาในป่าสีขาวไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอาคารของมนุษย์ดูแตกต่างกันอย่างไร ถึงจะแยกปราสาทกับบ้านออกจากกันได้ แต่อาคารของมนุษย์ในตอนกลางคืนเขาแทบจะไม่เห็นความแตกต่างเลย

 

   สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเบื้องหน้าเป็นอาคารไม้ธรรมดาที่มีสองชั้น สภาพค่อนข้างเก่า และอยู่ห่างจากเขตสถานบันเทิงมากพอที่จะไม่ได้ยินเสียงรบกวน

   อย่างแรกที่กีทำคือซ่อนตัวอยู่ในความมืดในจุดที่มองเห็นทางเข้าออกได้ชัดเจน ซึ่งก็คือประตูไม้ที่อยู่ด้านหน้า

 

“เอาล่ะ จะเข้าไปยังไงดี”

 

   กีพูดออกมาเบาๆขณะกลมกลืนไปกับความมืด ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหากจะเข้าไปในถ้ำของสัตว์ร้าย และกีก็จะทำแบบเดียวกันในดินแดนของมนุษย์เช่นนี้

 

   ทั้งที่จริง หากกีเปิดเปิดเผยว่าตนเองเป็นเอลฟ์ซึ่งเป็นแขกพิเศษของประเทศหรือแค่อ้างชื่อมิลานออกไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเขาก็สามารถผ่านเข้าไปได้ง่ายๆอยู่แล้ว แต่กีก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงจุดยืนของเขาในประเทศนี้ จึงไม่มีความคิดที่จะทำเช่นนั้น

 

   ระหว่างที่คิดหาทางเข้าไปข้างใน ประตูก็เปิดออกมา ทำให้กีหยุดการเคลื่อนไหว ไม่ส่งเสียงใดๆ แม้กระทั้งลมหายใจก็เบาลง ในตอนนี้สายตาของกีชินกับความมืดแล้วจึงเห็นร่างที่ปรากฏออกมาได้ชัดเจน

 

“หืม? เด็กหรอกเหรอ ดึกป่านนี้แล้วเนี่ยนะ?”

 

  กีพยายามสังเกตจากประตูที่เปิดว่าจะมีคนแบบไหนออกมา แต่คนที่เปิดประตูจากข้างใน ดูอย่างไรก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ในมือทั้งสองอุ้มถังใบใหญ่พอๆกับขนาดตัวไว้ข้างหน้า ดูแล้วน่าสงสัยว่าจะเดินอย่างไรเพราะใบหน้าถูกถังใบนั้นบังจนมิด

 

“กรี๊ด!”

 

   ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เมื่อเด็กคนนั้นก้าวถึงบันไดหน้าประตูก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับล้มกลิ้งลงมา ของในถังหล่นกระจายเต็มพื้น เด็กคนนั้นรีบลุกคลานไปตามพื้นเพื่อโกยของที่กระจัดกระจายกลับไปด้วยท่าทางลนลานเหมือนหวาดกลัว

 

“อูย… เจ็บ”

“ให้ช่วยไหม?”

“ว้าย!?”

 

  กีเข้าไปใกล้และส่งเสียงทักจากข้างหลังทำให้เด็กคนนั้นตกใจหมอบลงกับพื้นและยกแขนขึ้นมาบังศีรษะไว้

 

“ขอโทษค่ะ! จะไม่ทำอีกแล้ว ยกโทษให้ด้วยค่ะ!”

“เอ่อ ผมดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ…อาจจะจริงก็ได้ เอาเป็นว่า ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ทำร้ายเธอแน่นอน”

 

   หากคิดดูดีๆ ตัวเขาในตอนนี้สวมผ้าคลุมทั้งตัวกับฮู้ดคลุมทั้งหัวเหลือแค่ดวงตา จะตอบสนองแบบนั้นก็ไม่แปลก กีถอนหายใจและดึงผ้าคลุมส่วนคอลงมาเพื่อให้เห็นได้ทั้งใบหน้า แต่ลักษณะเด่นของเผ่าพันธุ์เช่นใบหูก็ยังคงซ่อนไว้

 

   เด็กที่หมอบอยู่กับพื้นเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ อายุใกล้เคียงกับเซเลนหรืออาจจะน้อยกว่า สวมเสื้อผ้าเก่าๆสกปรก เส้นผมซึ่งน่าจะเคยเป็นสีทอง ขุ่นมัวเปราะเปื้อนพันกัน

  เด็กสาวยังคงหวาดกลัวกี แต่การที่เขาย่อตัวลงและเสดงใบหน้าให้เห็นก็ทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ศัตรู เธอจึงขยับปากพูดกับเขาด้วยเสียงที่สั่นเครือ

 

“พี่ชายเป็นใครคะ?”

“เป็นใครก็ช่างเถอะน่า เก็บของพวกนี้ก่อนดีกว่าไหม?”

“อ่า ค่ะ”

 

   และกีก็เริ่มช่วยเด็กสาวเก็บของที่หล่นกระจายอยู่เต็มพื้น เมื่อได้มาเห็นใกล้ๆก็จะเห็นว่า ของที่อยู่ในถังนั้น เป็นเศษกระดาษ เศษอาหาร ชิ้นส่วนสิ่งของที่แตกหัก และขยะทั่วไปที่มาจากการทำความสะอาด เมื่อรวมทั้งหมดกับถังใบนั้นแล้ว มันเป็นน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก กีเก็บทุกอย่างใส่ถังจนครบแล้วก็หันไปคุยกับเด็กสาวอีกครั้ง

 

“แล้วทำไมเธอถึงออกมาตอนกลางคืนอย่างนี้ล่ะ?”

“ครูสั่งให้เอาไปทิ้ง”

“ก็นั่นแหละ ดึกป่านนี้แล้วทำไมถึงปล่อยให้เด็กอย่างเธอถึงออกมาข้างนอกคนเดียวล่ะ? เอาไว้ตอนเช้าไม่ได้เหรอ?” 

 

   ไม่ว่าอย่างไร กีก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร พวกเอลฟ์จะไม่ปล่อยให้เด็กออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนกลางป่าอย่างเด็ดขาด หากเป็นคำสั่งของผู้ใหญ่ คนคนนั้นจะต้องถูกคนในหมู่บ้านต่อต้านแน่ หัวหน้าหมู่บ้านอย่างกีก็จะเข้าไปต่อว่าด้วย

 

“ได้ยินว่าวันนี้มีแขกมากันเยอะ ก็เลยถูกบอกให้ทำความสะอาดให้ทุกอย่างดูเรียบร้อย ตอนนี้มีหนูเพียงคนเดียวที่ทำงานนี้ได้ พี่สาวกับคนอื่นๆต้องไปทำ…หน้าที่”

“มีคนอื่นอีกเหรอ แล้วไปทำหน้าที่อะไร?”

“เข้าไปในห้อง และทำให้คนที่อยู่ในนั้นพอใจ หนูไม่รู้รายระเอียดหรอก”

“…ไม่เป็นไร ผมพอจะเข้าใจแล้ว”

 

  ฟังดูไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนัก ข้อมูลทุกอย่างเริ่มไปในทิศทางที่เขากังวล แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเรื่องที่ต้องการรู้อีก

 

“นี่ พี่ชาย”

“…ว่าไง”

“ที่คุยกับหนู ช่วยเก็บเป็นความลับได้หรือเปล่า?”

“ทำไมล่ะ?”

“ถ้าถูกรู้ว่าคุยกับคนแปลกหน้า ครูจะโกรธ ถ้าครูโกรธจะถูกตี…”

 

   แต่ในตอนนี้ กีต่างหากเป็นฝ่ายที่โกรธ เมื่อได้ยินเรื่องของเธอ แม้แต่เด็กสาวที่สัมผัสบรรยากาศนั้นได้ก็ยังหวาดกลัวไปด้วย กีเอื้อมมือไปจับหัวของเด็กสาว

 

“อ๊า!”

 

   เด็กสาวย่อตัวลงและยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะ เป็นการตอบสนองที่รวดเร็วราวกับทำเป็นประจำทุกวัน แต่กีก็จับลงไปบนหัวของเธอได้อย่างง่ายๆ จากนั้นเด็กสาวก็มีความรู้สึกแตกต่างจากที่คิดไว้อยู่บนศีรษะของเธอ

 

“อ๊ะ?”

 

   กีลูบหัวของเธอ ไม่เหมือนกับเซเลนที่เส้นผมสีขาวนั้นให้ความรู้สึกนุ่มนวลลื่นไหลไปตามนิ้วมือ ผมของเด็กสาวคนนี้หยาบกร้านพันกันเหมือนขนของสุนัขสกปรก เขาก้มมองเธอที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างสงสัย

 

“รู้จักมิลานหรือเปล่า?”

“ถ้าหมายถึงเจ้าชายของประเทศนี้ก็ไม่มีใครไม่รู้จักหรอก”

“ดีแล้ว งั้นก็คุยกันง่ายหน่อย นั่นน่ะ เพื่อนของผมเอง”

“เอ๋?”

 

  แน่นอนว่าเด็กสาวแปลกใจที่ได้ยิน เธอมองตาค้างมาที่เขา

 

“จริงเหรอ? มีอะไรยืนยันล่ะ?”

“ถ้าอยากได้อะไรมายืนยัน… เอาเป็นไอ้นี่ได้หรือเปล่า?”

 

  กีหยิบถุงผ้ามาจากใต้ผ้าคลุม เป็นถุงใส่เหรียญขนาดไม่ใหญ่มากแต่ข้างในก็มีเหรียญที่มีค่าบรรจุอยู่มากมาย แต่ส่วนสำคัญจริงๆอยู่บนตัวถุงใบนั้น

 

“อ๊ะ! เหมือนลายบนชุดของเจ้าชายเลย”

“ใช่ไหมล่ะ แล้วเป็นไง เชื่อหรือยัง?”

“อือ ลายแบบนี้มีแต่ราชาที่ใช้”

 

  เพียงแค่นี้ก็ทำให้เด็กสาวลดความระแวงต่อคนแปลกได้แล้ว โชคดีที่กียังจำได้ เหมือนครั้งที่ออกจากป่าสีขาวมายังดินแดนของมนุษย์ครั้งแรกก็เห็นตราแบบเดียวกันนี้อยู่บนชุดของคุมะฮาจิและรถม้าที่ถูกส่งมารับพวกเขา

 

“ผมชื่อกี เธอล่ะ?”

“ไอช่า”

“ไอช่าสินะ ผมอยากรู้เรื่องของโรงเลี้ยงนี่ให้มากกว่านี้ อยากให้เธอช่วยหน่อย”

“ไม่ได้นะ จะต้องถูกโกรธแน่เลย! พี่ชายเป็นคนรู้จักของเจ้าชายใช่ไหมล่ะ? กับคนแบบนี้ยิ่งถูกห้ามไม่ให้คุยด้วย…”

 

   จากคำตอบของเธอทำให้กีแน่ในแล้วว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มีเบื้องหลังที่เลวร้ายอยู่ ไอช่าควรจะเต็มใจพูดถึงมันหากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้เป็นที่ที่ให้ความคุ้มครองเธอได้

 

   กีไม่คิดจะคาดคั้นข้อมูลใดๆจากไอช่าอีก การทำให้สัตว์เล็กบาดเจ็บเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อสัตว์ร้ายไม่ใช่วิธีล่าที่กีชื่นชอบนัก

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดก็ได้ งั้นผมเอาไอ้นี่ไปทิ้งล่ะนะ”

“เอ่อ นั่นมัน…”

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ก็แค่เอาไปทิ้ง”

 

  กียกถังขยะที่เพิ่งกลับมาเต็มขึ้นมา เพราะหากให้ไอช่าทำเองจะลำบากกว่ามาก เธอจึงอยู่เงียบๆให้กีได้ทำตามใจ หลังจากกีเททุกอย่างลงไปที่จุดทิ้งขยะตามคำบอกของไอช่าแล้ว เขาก็เดินตามไอช่ากลับไปที่หน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับถังเปล่าในมือ

 

“ขอบคุณนะ พี่ชายกี”

“ไม่ได้ช่วยฟรีหรอก ทางนี้ก็มีเรื่องที่อยากให้ช่วยเป็นการตอบแทนเหมือนกัน ออ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีสำหรับเธอหรอก วางใจได้”

“เอ๋?”

 

   เมื่อพูดจบ กีคว้าแขนของไอช่าและเปิดประตูจูงเธอเข้าไปในอาคาร สภาพภายในค่อนข้างมืด มีตะเกียงถูกจุดไว้เพียงไม่กี่ที่ มีแสงสว่างพอให้มองเป็นทางเดินเท่านั้น 

 

“ช้ามาก! คิดจะอู้เหรอะ!”

 

  มีเสียงเดินหนักๆกับเสียงตะโกนมาจากอีกฝั่งของทางเดิน ไอช่ากลัวตัวสั่นหลบอยู่ข้างหลังกี ส่วนกีก็แค่ยืนมองอยู่เฉยๆเพราะเสียงแค่นี้สำหรับเขามันไม่ได้ใกล้เคียงกับการข่มขู่แม้แต่น้อย

  คนที่เขาเห็นเป็นชายวัยกลางคนตัวเตี้ยร่างท้วม การแต่งกายดูไม่เรียบร้อย คาดว่าคนคนนี้เป็น ‘ครู’ ที่ไอช่าพูดถึง

 

“โรงเลี้ยงที่นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย?”

“อะไรน่ะ? อยากได้เด็กไปเลี้ยงเหรอ? ที่นี่เหลือแต่เด็กที่ยังไม่ได้รับการอบรม ไม่มีพวกที่ใช้การได้หรอก ไปหาที่อื่นเถอะ”

 

   กีอาจจะดูเหมือนผู้อุปการะสำหรับเขา จึงพูดออกมาเช่นนั้นด้วยเสียงที่เบากว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย เมื่อเห็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันทำให้กีรู้สึกหงุดหงิด แต่เนื่องจากเขาปกปิดใบหน้าจนเหลือแต่ดวงตา อีกฝ่ายจึงไม่เห็นท่าทีของเขา

 

“ถ้าไม่เอาไปเลี้ยงแต่ขอซื้อไปสำหรับคืนนี้ล่ะ เจ้าเปี๊ยกตรงนี้ก็ว่างอยู่นี่นา”

“หา?”

“ก็บอกว่าขอซื้อเจ้าเปี๊ยกนี่คืนนึงไง”

“เอ๋? ซื้อ? หนูเหรอ?”

 

   ทั้งชายคนนั้นและไอช่าต่างก็ตกใจกับคำพูดดังกล่าว และชายคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าครุ่นคิด เนื่องจากเขาพูดว่า ‘ขอซื้อ’ ไม่ใช่ ‘อยากได้’ ถ้าคำพูดของหญิงสาวที่ร้านอาหารถูกต้อง ชายคนนี้ต้องเข้าใจความหมายแน่

 

“ไม่สิ ยังเด็กเกินไป ไม่อยากทำให้ผิดหวังหรอกนะ แต่คืนนี้ของดีๆถูกเลือกไปหมดแล้ว”

“ไม่ต้องพูดมาก อยากได้เงินก็เอาไป”

 

   กีไม่ต้องการสนทนายืดเยื้อกับชายอัปลักษณ์เบื้องหน้า จึงตัดบทด้วยการเปิดปากถุงใส่เหรียญและเทของที่อยู่ข้างในออกมาโดยหันตรารูปนกอินทรีย์ใหญ่บนถุงออกไม่ให้อีกฝ่ายเห็น เหรียญสีทองมากมายหลายขนาดหล่นกลิ้งกระจายไปตามพื้นห้อง ทั้งชายคนนั้นและไอช่าได้แต่มองภาพที่เห็นอย่างตกตะลึง ชายคนนั้นก้มหยิบเหรียญทองที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมากำไว้แน่และอ้าปากค้าง

 

“นี่มันเหรียญทองคำใหญ่ไม่ใช่เหรอ!? แล้วยังมีตั้งขนาดนี้!?”

“จะอะไรก็ช่างเถอะ แค่ตอบมาว่าพอหรือเปล่าเท่านั้น ว่ายังไงล่ะ?”

 

  จำนวนเงินที่กีนำออกมามากกว่าคำว่าเกินพอไปไกล โดยทั่วไปนอกจากจะซื้อเด็กเพียงคนเดียวสำหรับหนึ่งคืนแล้วยังเหลือไปซื้อคฤหาสน์หรูหราได้อีกทั้งหลัง ชายคนนั้นคลานเก็บเหรียญทองตามพื้นและหมอบกอดพวกมันเอาไว้ราวกับสุนัขหวงอาหาร

 

“คุณท่านเป็นชนชั้นสูงหรือครับ? มิน่า ถึงได้ปกปิดหน้าตามาใช้บริการที่แบบนี้”

“…จะว่างั้นก็ได้”

 

  ชายคนนั้นเริ่มแสดงความโอนอ่อนประจบประแจงออกมาทันที ซึ่งทำให้กีรู้สึกขยะแขยงกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาแต่ก็ไม่แสดงออกมาให้เห็น

 

“ผมจะทำอะไรกับเด็กนี่ก็ไม่มีปัญหาแล้วสินะ มีสถานที่ให้หรือเปล่า?”

“ห้องเวทมนตร์เต็มหมดแล้ว แต่ที่ชั้นล่างยังเหลือห้องธรรมดาอยู่ ไม่ทราบว่าคุณท่านจะสะดวกหรือเปล่า?”

“ห้องเวทมนตร์? อะไรล่ะน่ะ?”

“บนชั้นสองจะเป็นห้องที่มีเวทมนตร์ผนึกทางเข้าออกไว้ หากสินค้าหลบหนีระหว่างที่ลูกค้ากำลังหาความสําราญก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดี จึงต้องมีเขตแดนเอาไว้ป้องกัน แต่คุณท่านไม่ต้องห่วง เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่มาก ไม่มีทางหนีไปได้แน่ ทางเราเองก็จะช่วยเฝ้าที่ประตูหน้าให้ด้วย”

 

   ระหว่างอธิบาย ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกับกอดกองเงินและเดินนำกีกับไอช่าเข้าไปในห้องที่อยู่สุดทางเดิน เป็นห้องที่ไม่ได้รับแสงแดดจนมีกลิ่นอับที่ทำให้กีรู้สึกระคายเคือง

 

   ผู้ชายคนนั้นหันหลังเดินจากไปพร้อมกับพูดทิ้งท้ายว่าขอให้สนุก กีนั่งลงบนเตียงฟังเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆห่างออกไป

 

“เอ่อ พี่ชาย จะทำอะไรหนูเหรอ?”

 

   ดูเหมือนว่าเธอยังไม่รู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คนอื่นๆที่ไอช่าเคยเห็นว่าถูกพาไปพร้อมกับผู้ใหญ่ที่จ่ายเงิน จะร้องไห้กลับมาทุกคน ไม่แปลกที่ไอช่าจะหวาดกลัวเมื่อเข้าใจว่าถึงคราวที่เธอจะต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนั้นบ้างแล้ว

 

“ไม่ต้องหลัวหรอกน่า ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ดีกับเธอ”

“…เอ๋?”

“ในเมื่อเธอพูดถึงไม่ได้ ก็เลยต้องไปยืนยันกับเจ้าอ้วนเมื่อกี้นี้แทน เจ้านั่นก็งับเหยื่อได้ง่ายผิดคาดเลยนะเนี่ย”

 

  หากบังคับให้ไอช่าพูดออกมาก็จะทำให้เธอลำบากใจ และการเข้าไปถามตรงๆกับคนที่ดูแลก็คงจะถูกไล่กลับไปก่อนจะได้รับคำตอบที่ต้องการ กีจึงแสดงเป็นว่าเขามาเพื่อ ‘ซื้อไอช่า’ กับชายคนนั้น

 

   ในตอนนี้ กีรู้ถึงความตั้งใจของเซเลนแล้ว เขารู้มาว่าเซเลนถูกกดขี่จนต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตั้งแต่อายุยังน้อย เด็กสาวเบื้องหน้าเขาก็ไม่ต่างกัน และยังมีอายุใกล้เคียงกับเซเลนอีกด้วย เธอเข้าใจดีว่าเด็กที่ติดอยู่ในสภาพนี้ต้องการให้มีคนมาช่วยเหลือมากขนาดไหน

 

  อีกทั้งการที่ห้ามพาซานามาด้วย ก็เพราะว่าถ้าเธอรู้ว่าเด็กตัวเล็กๆถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายเช่นนี้ ซานาจะใช้ความรุนแรงบุกเข้าไปในทันทีแน่ เพราะฉะนั้น การที่ให้เขาลงมือเพียงคนเดียวจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

“เอาล่ะ เจ้าอ้วนนั่นไปเฝ้าที่ประตูหน้าแล้ว ที่นี่มีแต่ผมกับเธอเท่านั้น ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยิน มีอะไรอยากบอกก็พูดออกมาได้เลย”

“พี่ชายจะช่วยได้จริงๆเหรอ?”

“อือ ก็บอกไปแล้วไง ผมน่ะเป็นเพื่อกับเจ้าชายเชียวนะ ที่เรียกกันว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลานยังไงล่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”

“องค์ชายศักดิ์สิทธิ์…”

 

   เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเขาได้รับการรับรองจากผู้อำนาจของประเทศนี้ กีจึงอ้างชื่อองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิลาน แม้ว่าความจริงจะเป็นภารกิจที่ได้รับมาจากเจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลน แต่นั่นก็เป็นชื่อที่มีความหมายสำหรับเอลฟ์เท่านั้น ไม่ใช่สำหรับมนุษย์ อีกทั้งกียังไม่เข้าใจถึงตำแหน่งของเซเลนในดินแดนของมนุษย์ การใช้ชื่อมิลานจึงสะดวกกว่า

 

   อย่างไรก็ตาม ชื่อขององค์ชายศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทำให้ให้ไอช่าแสดงความโล่งใจแต่อย่างใด สีหน้าของเธอยังหม่นหมองเช่นเดิม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+