[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.07: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน4)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.07: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 07

ความมืดในเมืองหลวง (ตอน4)

 

 

“ข้อเสนอสินะ? ก็ไม่รู้หรอกว่าจะพูดอะไร แต่แกคิดเหรอว่าผมจะรับฟังข้อเสนอของคนที่ทำเรื่องพวกนี้กับเด็กที่ไม่มีทางสู้?”

“ข้าไม่รู้ถึงวิถีชีวิตของเอลฟ์ก็จริง แต่เอลฟ์ก็น่าจะมีการเลี้ยงปศุสัตว์เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”

“แล้วไงล่ะ อยากจะพูดอะไรกันแน่?”

 

  วิธีพูดเบี่ยงเบนประเด็นของชายชราทำให้กียิ่งหงุดหงิด แต่ชายชราก็ยังยิ้มเยาะไม่ใส่ใจ

 

“พูดอีกอย่างก็คือ ผู้คนทั้งหลายกำลังชินชากับความสงบสุขจนเริ่มเกียจคร้าน เพื่อแก้ปัญหานั้น จำเป็นต้องมีการเสียสละ”

“ปรัชญาน่ะพอได้แล้ว! พูดออกมาตรงๆ!”

“เป็นคนใจร้อนไม่เข้ากับหน้าตาเลยนะ ต้องขอโทษด้วย จนกว่าเจ้าจะยอมรับข้อเสนอของข้า คงพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่จะใบ้ให้อีกหน่อยก็แล้วกัน พวกข้ากำลังรวบรวมสิ่งจำเป็นเพื่อให้ ‘คำสาป’ ทำงานได้อย่างราบรื่น”

“คำสาป… หรืออารมณ์ด้านลบที่แกพูดถึงก่อนหน้านี้? นี่คือแผนของแกสินะ”

“ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อการเตรียมพร้อมของพวกข้าเสร็จสิ้น จะเกิดสิ่งที่สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์ และข้อเสนอของข้าคือให้เผ่าพันธุ์เอลฟ์เข้ายึดครองดินแดนมนุษย์ไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวของพวกข้า”

“หมายความว่าจะไปเป็นศัตรูกับมนุษย์ใช่ไหม? ทั้งๆที่แกเองก็เป็นมนุษย์เนี่ยนะ”

“ข้ากับพรรคพวกแตกต่างออกไป มีความพิเศษอยู่นิดหน่อย เรียกได้ว่าอยู่คนละขั้วกับมนุษย์ส่วนใหญ่”

 

   ชายชราโอ้อวดอย่างถูมิใจ โดยที่กีพยายามทำความเข้าใจอย่างยากลำบาก

 

  คำพูดที่ประติดประต่อกันได้ยากของชายชรา แท้จริงแล้วเขาเป็นหนึ่งในผู้ใช้คำสาปที่ยังหลงเหลืออยู่ เขาแฝงตัวในเมืองหลวงเก็บออมพลังอยู่เรื่อยมา และหน้าที่ของเขาในตอนนี้คือการรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นอยู่ในเงามืดเพื่อส่งให้กับคนที่เขานับถือ สำหรับพิธีกรรม ‘แมลงดับแสงสุริยา’ ที่จะสั่นสะเทือนทวีปนี้

 

   ความปรารถนาของผู้ใช้คำสาปทั้งหลายคือการกระจายความโกลาหลทำให้ทวีปนี้จมอยู่กับความสิ้นหวัง

  แน่นอนว่าทุกข้อมูลและการกระทำต้องปกปิดเป็นความลับอย่างยิ่งยวด และการได้มาพบกับเอลฟ์ในตอนนี้จึงเป็นโอกาสอันล้ำค่า

  หากทำให้เอลฟ์รุกรานดินแดนของมนุษย์ได้อย่างถูกจังหวะ ผู้ใช้คำสาปทั้งหลายก็จะอาศัยเหตุจากความวุ่นวายนั้น เคลื่อนไหวได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

 

   ว่ากันตามจริง องค์กรผู้ใช้คำสาปดำรงอยู่เพื่อเป้าหมายเดียวคือสาปแช่งผู้คนให้ทุกข์ทรมาน

   ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเอลฟ์จะเข้ามายึดครองทวีปนี้ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ หรือเอลฟ์จะเป็นเป้าหมายของแมลงร้ายถัดจากมนุษย์ ก็ไม่สนใจ พวกเขาจะยังคงมุ่งหน้าสู้เส้นทางแห่งความพินาศต่อไปอย่างสุดกำลัง

   เท่าที่รู้มา เอลฟ์ที่เดินทางมายังดินแดนของมนุษย์ทุกคนเป็นผู้ที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำ เพราะฉะนั้น เพียงแค่ทำให้เอลฟ์หนุ่มคนนี้ยอมเชื่อฟัง ก็จะได้ครอบครองผลประโยชน์มหาศาล ชายชราตัดสินใจเช่นนั้น

 

“ไม่เอาด้วยหรอก”

“หืม?”

 

   กีปฏิเสธโดยที่ยังไม่ทันได้พิจารณาด้วยซ้ำ เอลฟ์ไม่ได้โง่พอที่จะตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ในทันที แต่คำตอบนี้ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่าย

 

“อืม แปลกจัง ทั้งๆที่คิดว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่มีผลเสียต่อพวกเอลฟ์เลยนะ”

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ผมไม่จะจะรับฟังข้อเสนอของคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเด็กได้ลงคออยู่แล้ว”

“เด็กพวกนี้สำคัญตรงไหน? สำหรับเจ้าก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าของเผ่าพันธุ์อื่นไม่ใช่หรือ?”

“…แกนี่พูดมากจัง ชักสงสัยแล้วสิ ถ้าเลาะฟันหน้าของแกออกมาแล้วจะเงียบลงหรือเปล่า?”

“ถ้าให้ความสำคัญกับพวกมันนักล่ะก็… แบบนี้ล่ะ?”            

“กรี๊ด!?”

“ไอช่า!?”

 

   กีที่มุ่งความสนใจไปที่ชายชรามาตลอดได้หันกลับไปทางไอช่าทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของเธอ ไอช่ายังคงรออยู่บริเวณประตูที่เข้ามา บนร่างของเธอมีงูสีดำเลื้อยพันอยู่รอบตัว เมื่อดูดีๆแล้ว สิ่งนั้นไม่ใช่งู แต่เป็นกลุ่มก้อนหมอกควันสีดำรูปร่างคล้ายงู

 

“ยังจะมีลูกเล่นอีกเหรอ เป็นเวทมนตร์ที่ทุเรศพอๆกับนิสัยของแกเลย”

“สมแล้วที่เป็นเอลฟ์ ดูออกว่าเป็นเวทมนตร์ได้ในทันที งั้นก็คงเข้าใจแล้วสินะ ถึงข้าจะไม่อยากเสียวัตถุดิบอย่างเปล่าประโยชน์ก็เถอะ… แต่ข้าสามารถปลิดชีพเด็กน้อยคนนั้นได้ง่ายๆเลยนะ”

 

  ชายชราเชิดหน้าพูดต่อไปเหมือนไม่มีอะไร ราวกับเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

“ทำไมเจ้าไม่ลองคิดดูให้ดีๆล่ะ? เพียงแค่ยอมรับข้อเสนอนี้เท่านั้น พวกข้าจะจ่ายเงินก้อนโตให้อีกด้วย เงินนั้นใช้งานได้หลากหลาย ปัญหาทุกอย่างของมนุษย์ล้วนแก้ได้ด้วยเงิน”

“แล้วถ้าตอบว่าไม่ ล่ะ?”

“รุ่งเช้าจะมีข่าวพบศพเด็กหญิงกับชายหนุ่มหูยาวอยู่ในตรอกแคบ ถึงจะเป็นเมืองหลวงแต่ก็เป็นเขตที่ไม่ค่อยปลอดภัยนัก อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถือเป็นข่าวที่น่าเศร้าจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะต้องใส่ใจ”

“……”

“ยังคิดว่ามีตัวเลือกอื่นอีกไหมล่ะ เจ้าเอลฟ์? ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเวทมนตร์ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็คงไม่คิดว่าจะช่วยเด็กนั่นได้ทันก่อนที่ข้าจะลงมือหรอกนะ? หรือเจ้ายิงลูกไฟได้เหมือนในนิทานปรัมปรากันล่ะ?”

 

   ไม่มีท่าทางของสุภาพบุรุษอีกต่อไป ชายชราแสดงท่าทีข่มขู่คุกคามออกมาอย่างชัดเจน เขารู้ดีว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ต่างกับแมวที่ต้อนหนูให้จนมุม

  เวทมนตร์ในโลกนี้ไม่มีความหลากหลาย ส่วนใหญ่จะใช้แค่เสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายหรือสิ่งของ เร่งประสาทสัมผัส หรือ เปลี่ยนรูปร่างวัตถุบางชนิด การยิงลูกไฟออกจากฝ่ามือจะมีอยู่แค่ในนิทานหรือในตำนานเท่านั้น

 

“พี่กี…”

 

   กีสบตากับไอช่าที่หายใจแรงด้วยความหวาดกลัว การให้ไอช่าติดตามมาด้วยเพื่อจะป้องกันเหตุร้ายให้ได้ทันท่วงที กลับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ไม่ว่ากีจะมั่นใจในความว่องไวของตนเองแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้าประชิดตัวได้เร็วไปกว่ากลุ่มก้อนสีดำที่พันรอบตัวไอช่าอยู่แล้วได้

 

“นี่ ตาแก่”

“ว่ายังไงล่ะ? คิดได้แล้วสินะ?”

“ดูถูกเอลฟ์เกินไปแล้วโว้ย”

 

   แทบจะพร้อมกับคำพูดของกี ส่วนหัวของสัตว์ประหลาดสีดำระเบิดออก ร่างของมันที่พันรอบตัวไอช่าเลือนหาย ไอช่าที่ยังหวาดกลัว ทรุดนั่งลงกับพื้น รอบตัวเธอไม่หลงเหลืออันตรายใดๆอีก ชายชราได้แต่มองตาค้าง

 

“อะไรน่ะ…!? เกิดอะไรขึ้น! ทำอะไรลงไป!?”

 

  รอยยิ้มแห่งชัยชนะของชายชราหายไป เหลือแต่ความลนลาน ตอนนี้กีเป็นฝ่ายที่เชิดหน้าพูดด้วยความได้เปรียบแทน

 

“เงินใช้งานได้หลากหลาย ขอบคุณที่บอก”

“บ้าน่า…”

“ใช้เป็นอาวุธขว้างก็ได้ ดีจริงๆ”

 

   กีดีดเหรียญทองแดงเล็กๆขึ้นมาให้เห็นและคว้ามันเอาไว้ ถุงใส่เหรียญของเขาถูกเทออกจนหมดแล้วที่ทางเข้า แต่ก็ยังมีเหรียญอื่นๆเก็บไว้ตามกระเป๋าของชุดที่ใส่อยู่อีก

   สิ่งที่กีทำก็แค่บีบอัดพลังเวทลงในเหรียญทองแดงแล้วใช้นิ้วโป้งดีดเหรียญใส่กลุ่มก้อนสีดำตัวนั้น สัตว์ประหลาดเวทมนตร์ที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างหยาบๆไม่มีโอกาสรอดจากกระสุนเวทมนตร์ของเอลฟ์ที่พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูงได้เลย

 

  ตั้งแต่กีได้มาที่เมืองนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมมนุษย์ชอบเสนอเงินให้กับพวกเขา แต่เขาก็รับมันมาโดยไม่ปฏิเสธ ทองคำไม่ใช้ของล้ำค่าสำหรับเอลฟ์ เขายังเคยคิดเลยว่าสักวันจะนำเหรียญเหล่านี้ไปหลอมให้เป็นหม้อแวววาว

 

   แต่กีก็เปลี่ยนใจ เงินเหรียญมีรูปร่างแบน พกพาง่ายกว่าก้อนกรวดและเศษไม้ และที่สำคัญ มันทำจากโลหะที่เป็นสื่อนำพลังเวทได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับใช้งานเป็นอาวุธลับที่หยิบใช้ได้สะดวก เขาจึงเริ่มคิดจะเก็บเหรียญพวกนี้ไว้

 

   กีก้าวเดินไปข้างหน้า ชายชราถอยหลังรักษาระยะห่างไม่ให้เข้าใกล้

 

“เป็นอะไรไปล่ะ? หมดมุขแล้วเหรอ? นั้นสินะ พลังเวทของมนุษย์คงสร้างไอ้นั่นขึ้นมาหลายๆตัวไม่ได้อยู่แล้ว แล้วจะเอายังไงต่อ? แกพูดว่าเงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่างสินะ? ไหนลองใช้เงินเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ให้ดูหน่อยสิ?”

“อึก…!”

 

   กีเดินหน้าต่อไป ชายชราถอยห่างอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็ชนกับผนัง สถานการณ์พลิกกลับอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาสั้นๆ

 

“ก็ได้ จะเปลี่ยนข้อเสนอก่อนหน้านี้ให้ก็ได้ ถ้าพวกข้าจะรับใช้และเคลื่อนไหวภายใต้คำสั่งของเอลฟ์ล่ะ เป็นยังไง?”

“จะมาเป็นลูกน้องของผมเหรอ?”

“ใช่แล้ว เอลฟ์อย่างเจ้าอาจจะยังไม่รู้ มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่แต่ในด้านที่ขาวสะอาด การจะเอาตัวให้รอดต้องอาศัยด้านที่ดำมืดสกปรกเช่นกัน และพวกข้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ว่านั่น เอลฟ์จะขยายอำนาจออกมาครอบครองได้ทั้งทวีปก่อนที่มนุษย์จะรู้ตัวด้วยซ้ำ พวกข้าสัญญาว่าจะจงรักภักดีจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพียงแค่แจ้งข่าวไปให้หัวหน้าของพวกข้าเท่านั้น และทุกอย่างจะเรียบร้อย”

 

  ชายชราพยายามพูดคุยอย่างใจเย็นที่สุด ไม่แสดงความร้อนรนออกมาให้อีกฝ่ายเห็น เขาต้องการเพียงแค่เอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้ก็พอ

  เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดีว่าเอลฟ์เกลียดมนุษย์เพราะมีปัญหากระทบกระทั่งกันมาช้านาน ดังนั้นพวกเขาจะมีท่าทีก้าวร้าวเมื่อถูกบอกให้รับข้อตกลงที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ตอนนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ หลังจากพิธีกรรมแมลงดับแสงสุริยาเสร็จสมบูรณ์ สัญญาใดๆก็ไร้ความหมาย

 

“…งั้นก็ คุกเข่า”

“ได้ ได้! ด้วยความยินดี”

 

  ชายชราคุกเข่าก้มหัวลงแทบเท้าของกี ใบหน้าของชายชราที่ติดกับพื้นมีรอยยิ้มที่มุมปาก แม้จะดูสมเพชแค่ไหนก็ไม่สนใจ แค่ก้มหัวให้เอลฟ์โง่ๆคนหนึ่งแล้วมีชีวิตรอดต่อไปได้ ไม่ใช่เรื่องน่าละอายตรงไหนเลย

 

“เงยหน้าขึ้นมา”

“แบบนี้หรือ?”

“แล้วก็ ตายซะ”

“อุก!?”

 

  เมื่อชายชราเงยหน้าขึ้นมาในท่าคุกเข่า ตำแหน่งของใบหน้าก็ทำมุมได้เหมาะเจาะสำหรับกีที่ยกขาเตะอย่างไร้ความปราณี ชายชราถูกเตะเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนหงายหลังกลับและแน่นิ่งในทันที ไอช่าที่ดูอยู่ห่างๆถึงกับตกใจและเข้ามาพูดกับกี

 

“ฆ่าไปแล้วเหรอ!?”

“ก็อยากทำอย่างนั้นอยู่หรอก แต่ให้มนุษย์ด้วยกันเป็นคนตัดสินจะดีกว่า”

 

  ที่นี่คือดินแดนของมนุษย์ จะเป็นป่าสีขาวหรือประเทศของมนุษย์ต่างก็มีกฎของตัวเอง กีเข้าใจดี จึงหยุดไว้ที่ลูกเตะนั้น โชคดีของชายชราที่ไม่ได้อยู่ในป่าสีขาว หากเหตุเกิดที่หมู่บ้านของกี เขาสามารถมอบโทษประหารให้ได้ทันที

 

“อ่อ แล้วก็เหมือนแกจะเข้าใจอะไรผิดอยู่”

 

   กีเตะชายชราที่นอนอยู่ แต่เนื่องจากหมดสติไปแล้วจึงไม่มีการตอบสนอง ความโกรธของกียังไม่จางหาย ไอช่าที่รู้สึกได้ก็ตัวสั่นเล็กน้อย

 

“พวกเราไม่เคยมีปัญหากับมนุษย์ พวกเรามีปัญหากับคนเลวเท่านั้น”

 

   แน่นอนว่าชายชราไม่ได้อยู่ในสภาพที่รับรู้คำพูดนั้นได้

 

 

  ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

 

“มนุษย์ชอบทำอะไรยุ่งยากกันจัง”

 

  กีเดินบ่นอยู่บนถนนสายหลักในเมืองหลวงของเฮลิฟาลเต้ สามผ้าคลุมปกปิดหน้าตา อีกไม่นานก็ถึงเวลาฟ้าสาง รอบตัวมีแต่ความเงียบงันกับเสียงเดินของเขาเพียงคนเดียว

 

   หลังจากเตะขายชราให้หน้าหงายแล้ว เขาก็ไม่รู่ว่าจะต้องจัดการอย่างไรต่อ จึงได้ปล่อยตัวบรรดาเด็กที่ถูกทารุณกรรมให้เป็นอิสระและไหว้วานให้ช่วยติดต่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

   ในตอนแรกทหารยามในเมืองหลวงไม่คิดจริงจังกับเรื่องเล่าของกลุ่มคนที่เหมือนกับเด็กจรจัด แต่เมื่อเรื่องถูกส่งต่อไปถึงผู้ที่มีตำแหน่งสูงขึ้นไปประกอบกับกีซึ่งเป็นเอลฟ์แขกผู้มีเกียรติของประเทศมาออกหน้าให้ แหล่าทหารยามจึงมีคำสั่งรวมพลฉุกเฉินกลางดึกและเข้าไปตรวจสอบจัดการทันที

 

   ในตอนนี้ ทางพระราชวังเฮลิฟาลเต้จะรับตัวเด็กเหล่านั้นเข้ามาดูแลโดยตรงเพื่อทำการรักษาเยียวยาให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม หลังจากนั้นจะถูกส่งต่อไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งอื่นที่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจนมั่นใจว่าเป็นไปตามที่กฎหมายรับรอง แม้ว่าไอช่ากับเด็กคนอื่นๆยกย่องให้กีเป็นวีรบุรุษและอยากจะทำบางอย่างเพื่อตอบแทน แต่กีก็รับไว้แค่ความรู้สึกและจากไปทันที่ที่จบเรื่อง

 

  เมื่อกีกลับมาถึงพระราชวังเฮลิฟาลเต้ก็เข้าไปในปราสาทเดินตรงไปหามิลานทันที แม้จะเป็นห้องส่วนตัวของเจ้าชายผู้โด่งดังไปทั้งทวีป กีก็ทุบประตูเสียงดังและตะโกนเรียกอย่างไม่มีความแกรงใจราวกับเป็นญาติสนิทมิตรสหาย

 

“ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้…”

“ผมเองก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์นักหรอก แต่ถ้าเซเลนไม่รู้ตัวในเรื่องนี้ล่ะก็ เด็กพวกนั้นได้ตายกันหมดแน่”

“เป็นหนี้เซเลนอีกจนได้”

“กับผมด้วยสิ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ”

 

   มิลานรับปากกับกีว่าจะเพิ่มมาตรการการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้มีใครต้องถูกกดขี่อีก กีพยักหน้าตอบรับและเดินกลับไปยังห้องรับรอง เพราะออกปฏิบัติงานมาทังคืนจนฟ้าสาง ตอนนี้จึงง่วงนอนมาก

 

“กลับ เช้าเลยนะ”

 

   ระหว่าทางก็มีเด็กสาวที่ดักรอเขาอยู่มุมกำแพง ส่งเสียงทักมาด้วยรอยยิ้ม อาจจะดูเหมือนชายวัยกลางคนยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาเห็นเป็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งเด็กสาวคนนี้ก็คือเซเลน ผู้ไหว้วานงานในครั้งนี้นั่นเอง

 

“อ้าว? เซเลนเองเหรอ ตื่นเช้าจังนะ”

“หุหุหุ”

 

   เซเลนยิ้มอย่างถูมิใจ จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าเธอตื่นเช้า แต่ยังไม่ได้เข้านอนต่างหาก เธอตื่นอยู่ตลอดทั้งคืน รอฟังรายงานจากกี เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาเก็บไปนอนฝันดีจนตื่นอีกทีในช่วงบ่าย

 

“แล้ว เรียบร้อยไหม?”

“หมายถึงเรื่องที่ให้ไปทำมาเมื่อคืนใช่ไหม?”

“อือ”

“เสร็จเรียบร้อย รู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลย”

“ตอนทำ เป็นยังไง? ดีไหม?”

“ก็เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ล่ะนะ”

“เล่ามา! รายระเอียด! เร็วๆ!”

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”

 

   เนื่องจากไม่อยากยืนแกะกะอยู่ที่ทางเดิน กีจึงไปพูดคุยเรื่องนี้ต่อที่ห้องของเซเลน เซเลนตื่นเต้นดีใจดวงตาเป็นประกายก่อนจะเริ่มเล่า และเมื่อเรื่องราวของกีดำเนินต่อไป สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสงสัยและเศร้าหมอง

 

“ไม่ทำ เรื่องลามก เหรอ?”

“อือ เท่าที่เห็นก็ไม่ได้ถูกทำอะไรแบบนั้น”

 

  แม้ไม่อยากพูดถึงเรื่องทางเพศกับเด็กอย่างเซเลนมากนัก แต่เธอก็ถามอย่างไม่ลดละ คาดว่าน่าจะเพราะความเป็นห่วง จึงตอบกลับไปให้เธอสบายใจ กีเริ่มตระหนักว่าเธออาจจะรู้เรื่องพวกนี้มากกว่าที่คิด

 

“อะไรกันเนี่ย”

“ก็นั่นน่ะสิ ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่นอน แต่สัตว์ประหลาดก็ถูกกำจัดไปแล้ว สบายใจได้”

“เฮ้อ…”

 

  ถึงจะบอกว่าคนร้ายถูกจับและสัตว์ประหลาดถูกกำจัดไปแล้ว แต่เซเลนก็ก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่เหมือนเดิม เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะตัวเขาเองก็ยังหลงเหลือความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับตัวตนของสัตว์ประหลาดสีดำตัวนั้น แต่ก็เป็นแค่ลางสังหรณ์ และที่นี่ก็เป็นดินแดนของมนุษย์ ไม่ใช่พื้นที่ที่เอลฟ์อย่างกีจะทำอะไรตามใจชอบได้

 

“ทั้งหมดก็มีแค่นี้แหละ อย่าคิดมากจนเกินไปล่ะ ผมไปก่อนนะ ตอนนี้ง่วงมากแล้ว”

 

   กีก้าวเท้าออกจากห้อง แต่ก็นึกเรื่องสำคัญอีกอย่างที่ควรจะบอกให้รู้เพื่อให้เซเลนสบายใจ

 

“แล้วก็ มิลานกำลังรวบรวมคนไปบุกย่านสถานบันเทิง”

“ว่าไงนะ!?”

 

  เซเลนลุกขึ้นยื่นบนเตียงทันทีที่ได้ยิน แต่สำหรับกี หน้าที่ของเขาสิ้นสุดเพียงแค่นี้ จึงกลับออกนอกห้องไป

 

  เหลือไว้เพียงเซเลนที่รู้สึกผิดหวังอย่างแรง เพราะเป็นผู้หญิงและยังเป็นเด็ก จึงไม่สามารถไปเที่ยวสถานบันเทิงได้ เพราะฉะนั้น จึงต้องขอร้องกีให้ไปช่วยดูลาดเลากับทดลองใช้งานสินค้าขึ้นชื่อในย่านนั้น อย่างน้อยก็ปล่อยให้เขาได้เลือกตามใจชอบ

 

   กลับกลายเป็นว่า กีไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างว่าตามที่หวังไว้ จากที่เขาเล่ามาเหมือนจะมีแต่เรื่องทะเลาะวิวาทกับนักเลงแถวนั้น ซึ่งไม่ได้อยากจะรู้เลย และเรื่องก็ไปเข้าหูมิลานจนได้ ดูเหมือนสถานบันเทิงทั้งหลายจะถูกคุมเข้มในไม่ช้า

 

“ปัดโธ่! แย่ชะมัด!”

 

  เซเลนนอนกลิ้งอย่างบ้าคลั่งอยู่บนเตียง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่เป็นเด็กผู้หญิงจะทำให้เสียโอกาสไปมากมายขนาดนี้ และแล้วดวงอาทิตย์ก็เริ่มส่องแสงจากของฟ้า เป็นยามเช้าอันสดใสแตกต่างกับจิตใจของเซเลนในตอนนี้ ความมืดที่ปกคลุมเมืองหลวงเฮลิฟาลเต้ถูกแสงตะวันปัดเป่าให้จางหาย เช่นเดียวกับความมักใหญ่ใฝ่สูงของเซเลน

 

  ทางเฮลิฟาลเต้ได้ทำการสอบสวนชายชราที่ถูกกีจับมาได้ แต่เมื่อได้สติ เขาก็ได้แต่ตะโกนซ้ำๆ ‘พวกเจ้าไม่มีวันเข้าใจเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของข้า’ จึงสรุปว่าเป็นการก่อคดีของคนเสียสติและถูกนำไปขังไว้ 

 

  หากชายชรารวบรวมปัจจัยในการประกอบพิธีกรรมได้สำเร็จ จะทำให้แมลงดับแสงสุริยาใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากขึ้นจนไม่สามารถถูกกำจัดได้ง่ายๆในอนาคต เพราะการเคลื่อนไหวอย่างลับๆของเซเลน แผนการของผู้สาปแช่งจึงถูกขัดขวาง แต่ก็ไม่มีใครได้รับรู้เรื่องนี้เลย แม้กระทั้งตัวเซเลนเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.07: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน4)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.07: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 07

ความมืดในเมืองหลวง (ตอน4)

 

 

“ข้อเสนอสินะ? ก็ไม่รู้หรอกว่าจะพูดอะไร แต่แกคิดเหรอว่าผมจะรับฟังข้อเสนอของคนที่ทำเรื่องพวกนี้กับเด็กที่ไม่มีทางสู้?”

“ข้าไม่รู้ถึงวิถีชีวิตของเอลฟ์ก็จริง แต่เอลฟ์ก็น่าจะมีการเลี้ยงปศุสัตว์เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”

“แล้วไงล่ะ อยากจะพูดอะไรกันแน่?”

 

  วิธีพูดเบี่ยงเบนประเด็นของชายชราทำให้กียิ่งหงุดหงิด แต่ชายชราก็ยังยิ้มเยาะไม่ใส่ใจ

 

“พูดอีกอย่างก็คือ ผู้คนทั้งหลายกำลังชินชากับความสงบสุขจนเริ่มเกียจคร้าน เพื่อแก้ปัญหานั้น จำเป็นต้องมีการเสียสละ”

“ปรัชญาน่ะพอได้แล้ว! พูดออกมาตรงๆ!”

“เป็นคนใจร้อนไม่เข้ากับหน้าตาเลยนะ ต้องขอโทษด้วย จนกว่าเจ้าจะยอมรับข้อเสนอของข้า คงพูดมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่จะใบ้ให้อีกหน่อยก็แล้วกัน พวกข้ากำลังรวบรวมสิ่งจำเป็นเพื่อให้ ‘คำสาป’ ทำงานได้อย่างราบรื่น”

“คำสาป… หรืออารมณ์ด้านลบที่แกพูดถึงก่อนหน้านี้? นี่คือแผนของแกสินะ”

“ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อการเตรียมพร้อมของพวกข้าเสร็จสิ้น จะเกิดสิ่งที่สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์ และข้อเสนอของข้าคือให้เผ่าพันธุ์เอลฟ์เข้ายึดครองดินแดนมนุษย์ไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวของพวกข้า”

“หมายความว่าจะไปเป็นศัตรูกับมนุษย์ใช่ไหม? ทั้งๆที่แกเองก็เป็นมนุษย์เนี่ยนะ”

“ข้ากับพรรคพวกแตกต่างออกไป มีความพิเศษอยู่นิดหน่อย เรียกได้ว่าอยู่คนละขั้วกับมนุษย์ส่วนใหญ่”

 

   ชายชราโอ้อวดอย่างถูมิใจ โดยที่กีพยายามทำความเข้าใจอย่างยากลำบาก

 

  คำพูดที่ประติดประต่อกันได้ยากของชายชรา แท้จริงแล้วเขาเป็นหนึ่งในผู้ใช้คำสาปที่ยังหลงเหลืออยู่ เขาแฝงตัวในเมืองหลวงเก็บออมพลังอยู่เรื่อยมา และหน้าที่ของเขาในตอนนี้คือการรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นอยู่ในเงามืดเพื่อส่งให้กับคนที่เขานับถือ สำหรับพิธีกรรม ‘แมลงดับแสงสุริยา’ ที่จะสั่นสะเทือนทวีปนี้

 

   ความปรารถนาของผู้ใช้คำสาปทั้งหลายคือการกระจายความโกลาหลทำให้ทวีปนี้จมอยู่กับความสิ้นหวัง

  แน่นอนว่าทุกข้อมูลและการกระทำต้องปกปิดเป็นความลับอย่างยิ่งยวด และการได้มาพบกับเอลฟ์ในตอนนี้จึงเป็นโอกาสอันล้ำค่า

  หากทำให้เอลฟ์รุกรานดินแดนของมนุษย์ได้อย่างถูกจังหวะ ผู้ใช้คำสาปทั้งหลายก็จะอาศัยเหตุจากความวุ่นวายนั้น เคลื่อนไหวได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

 

   ว่ากันตามจริง องค์กรผู้ใช้คำสาปดำรงอยู่เพื่อเป้าหมายเดียวคือสาปแช่งผู้คนให้ทุกข์ทรมาน

   ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเอลฟ์จะเข้ามายึดครองทวีปนี้ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ หรือเอลฟ์จะเป็นเป้าหมายของแมลงร้ายถัดจากมนุษย์ ก็ไม่สนใจ พวกเขาจะยังคงมุ่งหน้าสู้เส้นทางแห่งความพินาศต่อไปอย่างสุดกำลัง

   เท่าที่รู้มา เอลฟ์ที่เดินทางมายังดินแดนของมนุษย์ทุกคนเป็นผู้ที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำ เพราะฉะนั้น เพียงแค่ทำให้เอลฟ์หนุ่มคนนี้ยอมเชื่อฟัง ก็จะได้ครอบครองผลประโยชน์มหาศาล ชายชราตัดสินใจเช่นนั้น

 

“ไม่เอาด้วยหรอก”

“หืม?”

 

   กีปฏิเสธโดยที่ยังไม่ทันได้พิจารณาด้วยซ้ำ เอลฟ์ไม่ได้โง่พอที่จะตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ในทันที แต่คำตอบนี้ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่าย

 

“อืม แปลกจัง ทั้งๆที่คิดว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่มีผลเสียต่อพวกเอลฟ์เลยนะ”

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ผมไม่จะจะรับฟังข้อเสนอของคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเด็กได้ลงคออยู่แล้ว”

“เด็กพวกนี้สำคัญตรงไหน? สำหรับเจ้าก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าของเผ่าพันธุ์อื่นไม่ใช่หรือ?”

“…แกนี่พูดมากจัง ชักสงสัยแล้วสิ ถ้าเลาะฟันหน้าของแกออกมาแล้วจะเงียบลงหรือเปล่า?”

“ถ้าให้ความสำคัญกับพวกมันนักล่ะก็… แบบนี้ล่ะ?”            

“กรี๊ด!?”

“ไอช่า!?”

 

   กีที่มุ่งความสนใจไปที่ชายชรามาตลอดได้หันกลับไปทางไอช่าทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของเธอ ไอช่ายังคงรออยู่บริเวณประตูที่เข้ามา บนร่างของเธอมีงูสีดำเลื้อยพันอยู่รอบตัว เมื่อดูดีๆแล้ว สิ่งนั้นไม่ใช่งู แต่เป็นกลุ่มก้อนหมอกควันสีดำรูปร่างคล้ายงู

 

“ยังจะมีลูกเล่นอีกเหรอ เป็นเวทมนตร์ที่ทุเรศพอๆกับนิสัยของแกเลย”

“สมแล้วที่เป็นเอลฟ์ ดูออกว่าเป็นเวทมนตร์ได้ในทันที งั้นก็คงเข้าใจแล้วสินะ ถึงข้าจะไม่อยากเสียวัตถุดิบอย่างเปล่าประโยชน์ก็เถอะ… แต่ข้าสามารถปลิดชีพเด็กน้อยคนนั้นได้ง่ายๆเลยนะ”

 

  ชายชราเชิดหน้าพูดต่อไปเหมือนไม่มีอะไร ราวกับเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

“ทำไมเจ้าไม่ลองคิดดูให้ดีๆล่ะ? เพียงแค่ยอมรับข้อเสนอนี้เท่านั้น พวกข้าจะจ่ายเงินก้อนโตให้อีกด้วย เงินนั้นใช้งานได้หลากหลาย ปัญหาทุกอย่างของมนุษย์ล้วนแก้ได้ด้วยเงิน”

“แล้วถ้าตอบว่าไม่ ล่ะ?”

“รุ่งเช้าจะมีข่าวพบศพเด็กหญิงกับชายหนุ่มหูยาวอยู่ในตรอกแคบ ถึงจะเป็นเมืองหลวงแต่ก็เป็นเขตที่ไม่ค่อยปลอดภัยนัก อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถือเป็นข่าวที่น่าเศร้าจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะต้องใส่ใจ”

“……”

“ยังคิดว่ามีตัวเลือกอื่นอีกไหมล่ะ เจ้าเอลฟ์? ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเวทมนตร์ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็คงไม่คิดว่าจะช่วยเด็กนั่นได้ทันก่อนที่ข้าจะลงมือหรอกนะ? หรือเจ้ายิงลูกไฟได้เหมือนในนิทานปรัมปรากันล่ะ?”

 

   ไม่มีท่าทางของสุภาพบุรุษอีกต่อไป ชายชราแสดงท่าทีข่มขู่คุกคามออกมาอย่างชัดเจน เขารู้ดีว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ต่างกับแมวที่ต้อนหนูให้จนมุม

  เวทมนตร์ในโลกนี้ไม่มีความหลากหลาย ส่วนใหญ่จะใช้แค่เสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายหรือสิ่งของ เร่งประสาทสัมผัส หรือ เปลี่ยนรูปร่างวัตถุบางชนิด การยิงลูกไฟออกจากฝ่ามือจะมีอยู่แค่ในนิทานหรือในตำนานเท่านั้น

 

“พี่กี…”

 

   กีสบตากับไอช่าที่หายใจแรงด้วยความหวาดกลัว การให้ไอช่าติดตามมาด้วยเพื่อจะป้องกันเหตุร้ายให้ได้ทันท่วงที กลับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ไม่ว่ากีจะมั่นใจในความว่องไวของตนเองแค่ไหนก็ไม่มีทางเข้าประชิดตัวได้เร็วไปกว่ากลุ่มก้อนสีดำที่พันรอบตัวไอช่าอยู่แล้วได้

 

“นี่ ตาแก่”

“ว่ายังไงล่ะ? คิดได้แล้วสินะ?”

“ดูถูกเอลฟ์เกินไปแล้วโว้ย”

 

   แทบจะพร้อมกับคำพูดของกี ส่วนหัวของสัตว์ประหลาดสีดำระเบิดออก ร่างของมันที่พันรอบตัวไอช่าเลือนหาย ไอช่าที่ยังหวาดกลัว ทรุดนั่งลงกับพื้น รอบตัวเธอไม่หลงเหลืออันตรายใดๆอีก ชายชราได้แต่มองตาค้าง

 

“อะไรน่ะ…!? เกิดอะไรขึ้น! ทำอะไรลงไป!?”

 

  รอยยิ้มแห่งชัยชนะของชายชราหายไป เหลือแต่ความลนลาน ตอนนี้กีเป็นฝ่ายที่เชิดหน้าพูดด้วยความได้เปรียบแทน

 

“เงินใช้งานได้หลากหลาย ขอบคุณที่บอก”

“บ้าน่า…”

“ใช้เป็นอาวุธขว้างก็ได้ ดีจริงๆ”

 

   กีดีดเหรียญทองแดงเล็กๆขึ้นมาให้เห็นและคว้ามันเอาไว้ ถุงใส่เหรียญของเขาถูกเทออกจนหมดแล้วที่ทางเข้า แต่ก็ยังมีเหรียญอื่นๆเก็บไว้ตามกระเป๋าของชุดที่ใส่อยู่อีก

   สิ่งที่กีทำก็แค่บีบอัดพลังเวทลงในเหรียญทองแดงแล้วใช้นิ้วโป้งดีดเหรียญใส่กลุ่มก้อนสีดำตัวนั้น สัตว์ประหลาดเวทมนตร์ที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างหยาบๆไม่มีโอกาสรอดจากกระสุนเวทมนตร์ของเอลฟ์ที่พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูงได้เลย

 

  ตั้งแต่กีได้มาที่เมืองนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมมนุษย์ชอบเสนอเงินให้กับพวกเขา แต่เขาก็รับมันมาโดยไม่ปฏิเสธ ทองคำไม่ใช้ของล้ำค่าสำหรับเอลฟ์ เขายังเคยคิดเลยว่าสักวันจะนำเหรียญเหล่านี้ไปหลอมให้เป็นหม้อแวววาว

 

   แต่กีก็เปลี่ยนใจ เงินเหรียญมีรูปร่างแบน พกพาง่ายกว่าก้อนกรวดและเศษไม้ และที่สำคัญ มันทำจากโลหะที่เป็นสื่อนำพลังเวทได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับใช้งานเป็นอาวุธลับที่หยิบใช้ได้สะดวก เขาจึงเริ่มคิดจะเก็บเหรียญพวกนี้ไว้

 

   กีก้าวเดินไปข้างหน้า ชายชราถอยหลังรักษาระยะห่างไม่ให้เข้าใกล้

 

“เป็นอะไรไปล่ะ? หมดมุขแล้วเหรอ? นั้นสินะ พลังเวทของมนุษย์คงสร้างไอ้นั่นขึ้นมาหลายๆตัวไม่ได้อยู่แล้ว แล้วจะเอายังไงต่อ? แกพูดว่าเงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่างสินะ? ไหนลองใช้เงินเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ให้ดูหน่อยสิ?”

“อึก…!”

 

   กีเดินหน้าต่อไป ชายชราถอยห่างอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็ชนกับผนัง สถานการณ์พลิกกลับอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาสั้นๆ

 

“ก็ได้ จะเปลี่ยนข้อเสนอก่อนหน้านี้ให้ก็ได้ ถ้าพวกข้าจะรับใช้และเคลื่อนไหวภายใต้คำสั่งของเอลฟ์ล่ะ เป็นยังไง?”

“จะมาเป็นลูกน้องของผมเหรอ?”

“ใช่แล้ว เอลฟ์อย่างเจ้าอาจจะยังไม่รู้ มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่แต่ในด้านที่ขาวสะอาด การจะเอาตัวให้รอดต้องอาศัยด้านที่ดำมืดสกปรกเช่นกัน และพวกข้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ว่านั่น เอลฟ์จะขยายอำนาจออกมาครอบครองได้ทั้งทวีปก่อนที่มนุษย์จะรู้ตัวด้วยซ้ำ พวกข้าสัญญาว่าจะจงรักภักดีจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพียงแค่แจ้งข่าวไปให้หัวหน้าของพวกข้าเท่านั้น และทุกอย่างจะเรียบร้อย”

 

  ชายชราพยายามพูดคุยอย่างใจเย็นที่สุด ไม่แสดงความร้อนรนออกมาให้อีกฝ่ายเห็น เขาต้องการเพียงแค่เอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้ก็พอ

  เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดีว่าเอลฟ์เกลียดมนุษย์เพราะมีปัญหากระทบกระทั่งกันมาช้านาน ดังนั้นพวกเขาจะมีท่าทีก้าวร้าวเมื่อถูกบอกให้รับข้อตกลงที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ตอนนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ หลังจากพิธีกรรมแมลงดับแสงสุริยาเสร็จสมบูรณ์ สัญญาใดๆก็ไร้ความหมาย

 

“…งั้นก็ คุกเข่า”

“ได้ ได้! ด้วยความยินดี”

 

  ชายชราคุกเข่าก้มหัวลงแทบเท้าของกี ใบหน้าของชายชราที่ติดกับพื้นมีรอยยิ้มที่มุมปาก แม้จะดูสมเพชแค่ไหนก็ไม่สนใจ แค่ก้มหัวให้เอลฟ์โง่ๆคนหนึ่งแล้วมีชีวิตรอดต่อไปได้ ไม่ใช่เรื่องน่าละอายตรงไหนเลย

 

“เงยหน้าขึ้นมา”

“แบบนี้หรือ?”

“แล้วก็ ตายซะ”

“อุก!?”

 

  เมื่อชายชราเงยหน้าขึ้นมาในท่าคุกเข่า ตำแหน่งของใบหน้าก็ทำมุมได้เหมาะเจาะสำหรับกีที่ยกขาเตะอย่างไร้ความปราณี ชายชราถูกเตะเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนหงายหลังกลับและแน่นิ่งในทันที ไอช่าที่ดูอยู่ห่างๆถึงกับตกใจและเข้ามาพูดกับกี

 

“ฆ่าไปแล้วเหรอ!?”

“ก็อยากทำอย่างนั้นอยู่หรอก แต่ให้มนุษย์ด้วยกันเป็นคนตัดสินจะดีกว่า”

 

  ที่นี่คือดินแดนของมนุษย์ จะเป็นป่าสีขาวหรือประเทศของมนุษย์ต่างก็มีกฎของตัวเอง กีเข้าใจดี จึงหยุดไว้ที่ลูกเตะนั้น โชคดีของชายชราที่ไม่ได้อยู่ในป่าสีขาว หากเหตุเกิดที่หมู่บ้านของกี เขาสามารถมอบโทษประหารให้ได้ทันที

 

“อ่อ แล้วก็เหมือนแกจะเข้าใจอะไรผิดอยู่”

 

   กีเตะชายชราที่นอนอยู่ แต่เนื่องจากหมดสติไปแล้วจึงไม่มีการตอบสนอง ความโกรธของกียังไม่จางหาย ไอช่าที่รู้สึกได้ก็ตัวสั่นเล็กน้อย

 

“พวกเราไม่เคยมีปัญหากับมนุษย์ พวกเรามีปัญหากับคนเลวเท่านั้น”

 

   แน่นอนว่าชายชราไม่ได้อยู่ในสภาพที่รับรู้คำพูดนั้นได้

 

 

  ◆ ◇ ◆◇ ◆

 

 

“มนุษย์ชอบทำอะไรยุ่งยากกันจัง”

 

  กีเดินบ่นอยู่บนถนนสายหลักในเมืองหลวงของเฮลิฟาลเต้ สามผ้าคลุมปกปิดหน้าตา อีกไม่นานก็ถึงเวลาฟ้าสาง รอบตัวมีแต่ความเงียบงันกับเสียงเดินของเขาเพียงคนเดียว

 

   หลังจากเตะขายชราให้หน้าหงายแล้ว เขาก็ไม่รู่ว่าจะต้องจัดการอย่างไรต่อ จึงได้ปล่อยตัวบรรดาเด็กที่ถูกทารุณกรรมให้เป็นอิสระและไหว้วานให้ช่วยติดต่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

   ในตอนแรกทหารยามในเมืองหลวงไม่คิดจริงจังกับเรื่องเล่าของกลุ่มคนที่เหมือนกับเด็กจรจัด แต่เมื่อเรื่องถูกส่งต่อไปถึงผู้ที่มีตำแหน่งสูงขึ้นไปประกอบกับกีซึ่งเป็นเอลฟ์แขกผู้มีเกียรติของประเทศมาออกหน้าให้ แหล่าทหารยามจึงมีคำสั่งรวมพลฉุกเฉินกลางดึกและเข้าไปตรวจสอบจัดการทันที

 

   ในตอนนี้ ทางพระราชวังเฮลิฟาลเต้จะรับตัวเด็กเหล่านั้นเข้ามาดูแลโดยตรงเพื่อทำการรักษาเยียวยาให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม หลังจากนั้นจะถูกส่งต่อไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งอื่นที่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจนมั่นใจว่าเป็นไปตามที่กฎหมายรับรอง แม้ว่าไอช่ากับเด็กคนอื่นๆยกย่องให้กีเป็นวีรบุรุษและอยากจะทำบางอย่างเพื่อตอบแทน แต่กีก็รับไว้แค่ความรู้สึกและจากไปทันที่ที่จบเรื่อง

 

  เมื่อกีกลับมาถึงพระราชวังเฮลิฟาลเต้ก็เข้าไปในปราสาทเดินตรงไปหามิลานทันที แม้จะเป็นห้องส่วนตัวของเจ้าชายผู้โด่งดังไปทั้งทวีป กีก็ทุบประตูเสียงดังและตะโกนเรียกอย่างไม่มีความแกรงใจราวกับเป็นญาติสนิทมิตรสหาย

 

“ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้…”

“ผมเองก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์นักหรอก แต่ถ้าเซเลนไม่รู้ตัวในเรื่องนี้ล่ะก็ เด็กพวกนั้นได้ตายกันหมดแน่”

“เป็นหนี้เซเลนอีกจนได้”

“กับผมด้วยสิ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ”

 

   มิลานรับปากกับกีว่าจะเพิ่มมาตรการการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้มีใครต้องถูกกดขี่อีก กีพยักหน้าตอบรับและเดินกลับไปยังห้องรับรอง เพราะออกปฏิบัติงานมาทังคืนจนฟ้าสาง ตอนนี้จึงง่วงนอนมาก

 

“กลับ เช้าเลยนะ”

 

   ระหว่าทางก็มีเด็กสาวที่ดักรอเขาอยู่มุมกำแพง ส่งเสียงทักมาด้วยรอยยิ้ม อาจจะดูเหมือนชายวัยกลางคนยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาเห็นเป็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งเด็กสาวคนนี้ก็คือเซเลน ผู้ไหว้วานงานในครั้งนี้นั่นเอง

 

“อ้าว? เซเลนเองเหรอ ตื่นเช้าจังนะ”

“หุหุหุ”

 

   เซเลนยิ้มอย่างถูมิใจ จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าเธอตื่นเช้า แต่ยังไม่ได้เข้านอนต่างหาก เธอตื่นอยู่ตลอดทั้งคืน รอฟังรายงานจากกี เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาเก็บไปนอนฝันดีจนตื่นอีกทีในช่วงบ่าย

 

“แล้ว เรียบร้อยไหม?”

“หมายถึงเรื่องที่ให้ไปทำมาเมื่อคืนใช่ไหม?”

“อือ”

“เสร็จเรียบร้อย รู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลย”

“ตอนทำ เป็นยังไง? ดีไหม?”

“ก็เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ล่ะนะ”

“เล่ามา! รายระเอียด! เร็วๆ!”

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”

 

   เนื่องจากไม่อยากยืนแกะกะอยู่ที่ทางเดิน กีจึงไปพูดคุยเรื่องนี้ต่อที่ห้องของเซเลน เซเลนตื่นเต้นดีใจดวงตาเป็นประกายก่อนจะเริ่มเล่า และเมื่อเรื่องราวของกีดำเนินต่อไป สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสงสัยและเศร้าหมอง

 

“ไม่ทำ เรื่องลามก เหรอ?”

“อือ เท่าที่เห็นก็ไม่ได้ถูกทำอะไรแบบนั้น”

 

  แม้ไม่อยากพูดถึงเรื่องทางเพศกับเด็กอย่างเซเลนมากนัก แต่เธอก็ถามอย่างไม่ลดละ คาดว่าน่าจะเพราะความเป็นห่วง จึงตอบกลับไปให้เธอสบายใจ กีเริ่มตระหนักว่าเธออาจจะรู้เรื่องพวกนี้มากกว่าที่คิด

 

“อะไรกันเนี่ย”

“ก็นั่นน่ะสิ ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่นอน แต่สัตว์ประหลาดก็ถูกกำจัดไปแล้ว สบายใจได้”

“เฮ้อ…”

 

  ถึงจะบอกว่าคนร้ายถูกจับและสัตว์ประหลาดถูกกำจัดไปแล้ว แต่เซเลนก็ก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่เหมือนเดิม เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะตัวเขาเองก็ยังหลงเหลือความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับตัวตนของสัตว์ประหลาดสีดำตัวนั้น แต่ก็เป็นแค่ลางสังหรณ์ และที่นี่ก็เป็นดินแดนของมนุษย์ ไม่ใช่พื้นที่ที่เอลฟ์อย่างกีจะทำอะไรตามใจชอบได้

 

“ทั้งหมดก็มีแค่นี้แหละ อย่าคิดมากจนเกินไปล่ะ ผมไปก่อนนะ ตอนนี้ง่วงมากแล้ว”

 

   กีก้าวเท้าออกจากห้อง แต่ก็นึกเรื่องสำคัญอีกอย่างที่ควรจะบอกให้รู้เพื่อให้เซเลนสบายใจ

 

“แล้วก็ มิลานกำลังรวบรวมคนไปบุกย่านสถานบันเทิง”

“ว่าไงนะ!?”

 

  เซเลนลุกขึ้นยื่นบนเตียงทันทีที่ได้ยิน แต่สำหรับกี หน้าที่ของเขาสิ้นสุดเพียงแค่นี้ จึงกลับออกนอกห้องไป

 

  เหลือไว้เพียงเซเลนที่รู้สึกผิดหวังอย่างแรง เพราะเป็นผู้หญิงและยังเป็นเด็ก จึงไม่สามารถไปเที่ยวสถานบันเทิงได้ เพราะฉะนั้น จึงต้องขอร้องกีให้ไปช่วยดูลาดเลากับทดลองใช้งานสินค้าขึ้นชื่อในย่านนั้น อย่างน้อยก็ปล่อยให้เขาได้เลือกตามใจชอบ

 

   กลับกลายเป็นว่า กีไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างว่าตามที่หวังไว้ จากที่เขาเล่ามาเหมือนจะมีแต่เรื่องทะเลาะวิวาทกับนักเลงแถวนั้น ซึ่งไม่ได้อยากจะรู้เลย และเรื่องก็ไปเข้าหูมิลานจนได้ ดูเหมือนสถานบันเทิงทั้งหลายจะถูกคุมเข้มในไม่ช้า

 

“ปัดโธ่! แย่ชะมัด!”

 

  เซเลนนอนกลิ้งอย่างบ้าคลั่งอยู่บนเตียง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่เป็นเด็กผู้หญิงจะทำให้เสียโอกาสไปมากมายขนาดนี้ และแล้วดวงอาทิตย์ก็เริ่มส่องแสงจากของฟ้า เป็นยามเช้าอันสดใสแตกต่างกับจิตใจของเซเลนในตอนนี้ ความมืดที่ปกคลุมเมืองหลวงเฮลิฟาลเต้ถูกแสงตะวันปัดเป่าให้จางหาย เช่นเดียวกับความมักใหญ่ใฝ่สูงของเซเลน

 

  ทางเฮลิฟาลเต้ได้ทำการสอบสวนชายชราที่ถูกกีจับมาได้ แต่เมื่อได้สติ เขาก็ได้แต่ตะโกนซ้ำๆ ‘พวกเจ้าไม่มีวันเข้าใจเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของข้า’ จึงสรุปว่าเป็นการก่อคดีของคนเสียสติและถูกนำไปขังไว้ 

 

  หากชายชรารวบรวมปัจจัยในการประกอบพิธีกรรมได้สำเร็จ จะทำให้แมลงดับแสงสุริยาใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากขึ้นจนไม่สามารถถูกกำจัดได้ง่ายๆในอนาคต เพราะการเคลื่อนไหวอย่างลับๆของเซเลน แผนการของผู้สาปแช่งจึงถูกขัดขวาง แต่ก็ไม่มีใครได้รับรู้เรื่องนี้เลย แม้กระทั้งตัวเซเลนเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+