[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.17: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน9)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.17: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 17

เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน9)

 

 

    หลังผ่านค่ำคืนอันยาวนาน มือสังหารและสาวใช้ผู้ทรยศได้รอคอยความช่วยเหลือที่ไม่มีวันมาถึง ซึ่งทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่ามีเรื่องร้ายขึ้นกับพรรคพวกคนอื่นๆไปแล้ว พวกเขาจึงสารภาพทุกรายระเอียดของขั้นตอนของงานลอบสังหารฮิโนเอะในครั้งนี้

 

   เมื่อข่าวถูกบอกเล่ากระจายออกไป คดีนี้ก็เป็นที่สนใจของคนทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว เรื่องถูกเล่าบากต่อปากจนปิดเอาไว้ไม่อยู่

 

   เพราะเหตุที่ว่า แม้จะเธอจะเป็นผู้ครอบครองพลังต้องสาป แต่พ่อแท้ๆก็เป็นคนคิดฆ่าลูกสาวของตนเอง ทั้งที่เป็นหัวหน้าตระกูลนักรบที่มีชื่อเสียง คนที่มีตำแหน่งใหญ่โตเช่นนั้นกลับมีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับกลุ่มมือสังหาร ซ้ำยังมีการใช้ยาต้องห้ามอันน่ารังเกียจ

 

   นอกจากนี้ แผนการที่ใช้คือสวมรอยเป็นโจรบุกรุกเข้าไปในบ้านและบังเอิญฆ่าฮิโนเอะขณะปล้น เหตุการณ์นี้มีความพิศวงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากในเวลาเดียวกันที่มือสังหารพยายามลงมือกับฮิโนเอะ ทางบ้านตระกูลเดิมของฮิโนเอะก็มีโจรลึกลับเข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติของตระกูลไปจนหมด

 

  ของมีค่าจำนานมากเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายได้หมดด้วยเวลาเพียงชั่วข้ามคืน นอกเสียจากใช้กำลังคนมากมายร่วมเคลื่อนไหวอย่างมีระเบียบ น่าแปลกที่ไม่มีผู้ใดพบเห็นบุคคลน่าสงสัยเลยสักคน ไม่มีแม้แต่เงา และที่แปลกไปกว่านั้นคือ ไม่ใช่การปล้นเพื่อหวังทรัพย์สมบัติ ของที่ถูกขโมยไปทยอยปรากฏอยู่ตามบ้านของผู้ยากไร้

 

   หากทรัพย์สมบัติทั้งหมดถูกพบเจออยู่เพียงที่แห่งเดียวก็ยังพอมีโอกาสทำการทวงคืนกลับมาได้ แต่การกระจายอยู่ทั่วทั้งเมืองอย่างไม่มีรูปแบบนั้น ทำให้ไม่สามารถรวบรวมกลับมาได้อีก ไม่มีทางรู้เลยว่าอยู่ที่ไหนและใครครอบครอง บ้านตระกูลเดิมของฮิโนเอะจึงล้มละลายโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้

 

   ชาวบ้านทั้งหลายโห่ร้องว่า ‘จอมโจรเนะซุมิ โคโซ*ปรากฏตัว!’ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพบเห็นและไม่รู้ว่า ‘เนะซุมิ โคโซ*’ จริงๆแล้วคือใคร

 

   เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในคืนเดียว จึงเป็นการยากที่จะปิดข่าวฉาวทั้งหลาย ทำให้ตระกูลนักรบผู้มีอำนาจกลายเป็นขุนนางตกอับในทันที ร่วงหล่นราวกับตกขอบหน้าผา เหลือเพียงคนเดียวในตระกูลนั้นที่ยังอยู่ดีมีสุข ซึ่งก็คือฮิโนเอะผู้ที่ถูกรักเกียจได้ถูกขายให้กับตระกูลนักรบผู้ยากจนไปก่อนหน้านี้

 

  เรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะถูกคนทั้งประเทศพูดถึงไปอีกนานแสนนาน จนกลายเป็นตำนานเล่าขนานถึงคนรุ่นหลัง

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

 

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าต้องมาติดหนี้คนอย่างแก ซ้ำยังมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรอีกต่างหาก”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไปบอกกับท่านเซเลนดีกว่าขอรับ ข้าน้อยแค่ทำไปตามหน้าที่”

 

   ถัดมาอีกหลายวัน คาเงะโทระกับคุมะฮาจิอยู่ระหว่างทางไปยังท่าเรือภายใต้แสงแดดอันสดใส เป็นวันสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไปยังแผ่นดินใหญ่ หลังเกิดอะไรขึ้นหลายๆอย่าง เหล่าคนคุ้มกันของทั้งสองฝ่ายก็ดูเหมือนจะนับเป็นสหายที่ไว้ใจได้แม้จะต่างเชื้อชาติ จึงเกิดความรู้สึกเศร้าอยู่บ้างในวันที่ต้องจากลา

 

“น่าจะอยู่ต่อให้นานกว่านี้…”

“เอาน่า แค่นี้ก็นานกว่ากำหนดการณ์เดิมแล้ว ยังมีเรื่องสุขภาพของเซเลนอีก”

 

   ถัดจากคุมะฮาจิ ฮิโนเอะพูดขึ้นมาอย่างเศร้าหมอง และมารีก็พยายามพูดปลอบเธอ จากนั้นก็หันไปมองเซเลนที่ยังคงหลับใหลอยู่บนหลังของคุมะฮาจิ

 

   ย้อนกลับไปในคืนนั้น หลังจากคนร้ายถูกจับกุม เซเลนทรุดตัวลงกับพื้นในทันที มีไข้ตัวร้อนและหลับไม่ได้สติจนถึงตอนนี้ หมอที่ตรวจอาการบอกมาว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต อาการคล้ายเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก อาจจะเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอบวกกับสภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย

 

   อันที่จริง ไม่ใช้การทำงานหนักเกินไป แต่เป็น ไม่คุ้นเคยกับการทำงานต่างหาก เนื่องจากปรกติเธอไม่ได้ใช้สมองมากนัก เมื่อเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ในทันทีก็ทำให้เกิดอาการใช้สมองเกินพิกัด วิธีรักษาก็ไม่มีอะไรมากนอกจากรอให้หัวเย็นลงเท่านั้น และตอนนี้ก็ไม่หลงเหลือความผิดปรกติใดๆอีกแล้ว เป็นเพียงการนอนหลับธรรมดา อาการไม่น่าเป็นห่วงจนหมออนุญาตให้เดินทางไกลได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“ถ้าหมอบอกว่า ‘อาจจะแพ้อากาศของประเทศนี้’ ก็ต้องพากลับไปที่ที่คุ้นเคยให้เร็วที่สุดจะดีกว่าไงล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงพวกเราก็ต้องได้เจอกันอีกแน่นอน”

“จริงอย่างท่านว่า… อย่างน้อยก็อยากจะบอกลา แต่ถ้าปลุกให้ตื่นก็คงไม่ดี”

 

   มารีและฮิโนเอะมองไปยังเซเลน เด็กสาวผู้มีอายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเซเลน ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างมารีกับคาเงะโทระก็จะยังไม่คืบหน้า เหนือสิ่งอื่นใด ฮิโนเอะก็จะไม่มีโอกาสลืมตาตื่นขึ้นมาในวันนี้

 

  น่าเศร้าที่บุคคลสำคัญอย่างเซเลนต้องเดินทางกลับไปภายในวันนี้ แต่ก็น่ายินดีที่เธอจะได้กลับไปพบกับเจ้าชายซึ่งเป็นบุคคลสำคัญสำหรับเธออีกครั้งเร็วนี้

 

   ในที่สุดก็ถึงเวลา หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการเติมเสบียงขึ้นไปบนเรือก็ถึงคราวถอนสมอออกจากท่า เมื่อกางใบเรือจนสุดจนเห็นลวดลายนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ชัดเจนก็หมายความว่าการเดินทางกลับเฮลิฟาลเต้ได้เริ่มขึ้นแล้ว อีกด้านหนึ่ง ก่อนหน้านี้เล็กน้อย บัตเลอร์ได้ลักลอบขึ้นเรือเหมือนหนูทั่วไปเนื่องจากไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนเอาป่านนี้ให้เสียบรรยากาศการจากลา เขาได้ซ่อนตัวอยู่เงียบๆภายในเรือ

 

“ไว้เจอกันนะ! มีโอกาสก็มาหาบ้างล่ะ! จะต้อนรับเป็นอย่างดี!”

“แน่นอนเจ้าค่ะ! ข้าน้อยจะตั้งตารอให้ถึงวันนั้น!”

 

   มารีโบกมือลาลงมาจากดาดฟ้าเรือ โดยที่ฮิโนเอะโบกมือลาตอบจากท่าเรือ ถึงจะได้มารู้จักกันเพียงไม่กี่วัน แต่ก็เป็นเพื่อนต่างชาติคนแรกของเธอ และคำพูดของมารีไม่ใช่ ‘ลาก่อน’ แต่เป็น ‘ไว้เจอกันอีกครั้ง’

   สักวันหนึ่ง ฮิโนเอะจะเข้าใจว่าสิ่งที่ติดตัวเธอไม่ใช่คำสาป แต่เป็นพรอันมีค่า หลังจากที่รู้ว่าพลังต้องสาปคือความสามารถอันน่าภาคภูมิใจสำหรับผู้คนในแผ่นดินใหญ่ ความเชื่อของเธอจึงได้ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย

 

   คุมะฮาจิที่อยู่ข้างหลังมารี โค้งคำนับลงมา และคาเงะโทระโค้งกลับไปเบาๆ ไม่ว่าภายนอกจะเห็นเป็นอย่างไร แต่ทั้งสองก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันดี และเมื่อเรือเคลื่อนออกจากฝั่ง มารีกับคุมะฮาจิก็พาเซเลนไปพักผ่อนในห้องของเธอ

 

“ถึงจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็เถอะ แต่ก็ดีจริงๆที่ได้เดินทางมา น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ต่อให้นานกว่านี้”

“ฮ่าฮ่า ทั้งที่เจ้าหญิงมารีเบลเคร่งเครียดมาตลอดตั้งแต่ก่อนเดินทาง เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะขอรับ”

 

 คุมะฮาจิพูดล้ออย่างตรงไปตรงมาจนมารีงอนแก้มป่อง

 

“ก็เพราะคำอภิบายของท่านพี่กับคุมะฮาจิไม่ได้เรื่องเลยนี่นา แต่ก็ซื้อกิโมโนสวยๆมาได้ตั้งเยอะ ซาชิมิก็อร่อย ก็เรียกได้ว่าออกมาดีกว่าที่คิดแหละนะ”

“ซา…ชิมิ…?”

 

   คำว่าซาซิมิที่ได้ยิน ทำให้เซเลนที่ถูกแบกอยู่บนหลังของคุมะฮาจิมีปฏิกิริยาขึ้นมา

 

“อ๋ะ ตื่นแล้ว! ดีจังที่ไม่เป็นอะไร…”

 

  มารีรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเซเลนตื่นขึ้นมาแม้จะยังงัวเงียอยู่ก็ตาม คุมะฮาจิก็รู้สึกแบบเดียวกันแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ถึงอย่างนั้นก็ยังดูออกได้ทันทีว่าเขาคิดแบบเดียวกับมารีอยู่แน่นอน

 

“อยู่ไหน ซาชิมิอยู่ไหน มารี?”

 

   เมื่อเซเลนพูดถึงซาชิมิเป็นอย่างแรกเมื่อตื่นขึ้นมา ทำให้มารีรู้สึกขบขันอยู่ไม่น้อย

  ในวันนั้นเซเลนกินไปได้เพียงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น ขณะที่เซเลนยังไม่ได้สติก็มีการเลี้ยงซาชิมิอีกหลายครั้ง

 

  ไม่แน่ว่าเซเลนอาจจะเกลียดซาชิมิแล้วก็เป็นได้ เธออยากกินเพราะสนใจในตอนแรก แต่สัมผัสจากของดิบก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก ถึงอยากจะคายก็คายไม่ออก

 

   จึงต้องทำตัวตามปรกติและพยายามฝืนกินซาชิมิเข้าไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเพราะไม่อยากเสียมารยาท แต่ก็โชคดีที่มีโอกาสแลกซาชิมิกับอย่างอื่นจากคนข้างๆได้พอดี

 

   ถ้าคิดแบบนี้แล้ว ในตอนนั้นเซเลนเก็บอาการได้เก่งจนน่าชื่นชมเลยทีเดียว มารีเชื่อในความคิดนี้ ทั้งที่จริงเซเลนไม่ได้เก็บอาการใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ชื่นชอบซาชิมิที่โหยหามานาน และเซเลนในตอนนั้นยังอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา จึงคิดเอาใจใส่ผู้อื่นอย่างช่วยไม่ได้

 

“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่มีซาชิมิแล้วล่ะ”

“เอ๋”

“ที่นี่คือบนเรือของเฮลิฟาลเต้ขอรับ การเดินทางในครั้งนี้เหลือแค่ให้ท่านทั้งสองเดินทางกลับอย่างปลอดภัย”

“เอ๋!? ซาชิมิล่ะ!? ยังไม่มี!?”

“วันนั้นเธอก็ได้กินแล้วหนิ ไม่อยากจำขนาดนั้นเลยสินะ”

“อ๊า!? ไม่จริง!?”

 

   เซเลนร้องเสียงดังด้วยสำเนียงเหมือนคนแก่ทำให้มารีหลุดหัวเราะออกมา

   ตามที่เซเลนเข้าใจ เธอจำได้เพียงแค่วันนั้นเธอแอบขโมยเหล้ามาดื่มจนรู้สึกเวียนหัว เป็นไปได้ว่าอยู่ในสภาพเมาปลิ้นจนจำอะไรไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงซาชิมิด้วยซ้ำ เมื่อสร่างเมาก็กลายเป็นว่ากำลังเดินทางกลับกันแล้ว  ไม่แน่ว่าเหล้าของโลกนี้จะแรงอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้น

 

“เสือ กับฮิโนเอะ!?”

“แย่หน่อยที่ออกจากท่าเรือมาสักพักแล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสให้เธอได้บอกลา… หืม เซเลน?”

 

  เซเลนดิ้นหลุดลงจากหลังคุมะฮาจิและเริ่มวิ่งไปตามดาดฟ้าไปยังท้ายเรือ

 

“ไม่จริงน่า!?””

 

   ตามที่มารีบบอกไว้ เรืออกจากฝั่งมาค่อนข้างไกล ไม่ใช่ระยะที่สามารถกระโดดลงทะเลเพื่อว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งได้ อันที่จริง ถึงจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ใช่สำหรับเซเลนที่ว่ายน้ำไม่เป็นตั้งแต่แรก

 

   เหลือความหวังเพียงเล็กน้อย เนื่องจากยังพอมองเห็นคาเงะโทระกับฮิโนเอะกำลังมองมาทางนี้อยู่บนท่าเรืออันไกลลิบ แค่ถึงต่อให้ตะโกนก็เป็นไปได้ยากที่เสียงของเธอจะไปถึง

 

“ถ้าอย่างนั้น!”

 

   เซเลนเริ่มเคลื่อนไหวด้วยท่าทางต่างๆนาๆพยายามสื่อสารด้วยภาษากาย โดยคิดว่าตนเองเป็นคนโบกธงส่งสัญญาณทีเคยเห็นอยู่ตามเรือหรือเครื่องบิน ทั้งที่เซเลนไม่เคยรู้ความหมายของสัญญาณพวกนั้นเลย อาจจะดูเหมือนไร้สาระไปบ้าง แต่ถ้าตั้งใจออกท่าทาง อีกผ่ายต้องเข้าใจได้อย่างแน่นอน

 

“ขอ・ ซา・ ชิ・ มิ! ขอ・ ซา・ ชิ・ มิ!”

 

  เซเลนออกแรงเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ด้วยท่าที่คิดว่าเข้าใจได้ง่ายที่สุดเพื่อส่งข้อความร้องขอซาชิมิ เชื่อว่าคาเงะโทระต้องเห็นแน่นอนและส่งมันมาให้เธอได้ พระเจ้าโปรดช่วยลูกด้วย

 

“อืม ดูเหมือนคุณหนูเซเลนจะรู้สึกตัวแล้ว หากต้องจากกันโดยไม่มีโอกาสแม้แต่บอกลาก็คิดว่าน่าเศร้าอยู่ แต่คงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วสินะ”

“ดีใจเหลือเกิน… เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการที่ได้เห็นท่านเซเลนหายดีนี่แหละเจ้าค่ะ”

 

   แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้

   เซเลนยังคงกระโดดแกว่งแขนไปทุกทิศทางอยู่บนดาดฟ้าเรือ จะดูเหมือนพยายามบอกลาฮิโนเอะก็ไม่แปลก

 

“ไม่ตอบกลับท่านทูตแห่งประเทศมหาอำนาจสักหน่อยรึ”

“เจ้าค่ะ!”

 

  ฮิโนเอะยิ้มและโบกมืออย่างเต็มที่เพื่อบอกลาเพื่อนจากต่างแดน คงอีกนานกว่าจะได้พบกันอีก แต่สักวันเธอจะเป็นฝ่ายเดินทางไปหาอย่างแน่นอน ในดวงตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนั้น

 

“ท่านเซเลนมีทั้งปัญญาและคุณธรรมสูงส่ง บุคคลที่เพียบพร้อมเช่นนี้คงเกิดมาในตระกูลชั้นสูงและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีแน่…”

“ตรงกันข้าม เธอถูกรังเกียจเพราะความแตกต่างต่างหาก”

“เอ๋!?”

 

   คำพูดของคาเงะโทระทำให้ดวงตากลมโตของฮิโนเอะเบิกกว้าง ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

“น้องชายของข้าเคยบอกมาว่า ก่อนหน้านี้คุณหนูเซเลนถูกขังอยู่ในคุกมืดของประเทศเล็กๆอันห่างไกลมาโดยตลอด จนกระทั่งเจ้าชายมิลานบังเอิญไปพบเข้า จึงได้ทำการช่วยเหลือและรับไปเลี้ยงดู เจ้าคิดว่าเป็นโชคชะตาที่คล้ายกับใครบางคนหรือเปล่าล่ะ?”

“อ่า…”

 

  ฮิโนเอะรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังพูดถึงใคร

 

“คุณหนูเซเลนที่เจ้าเห็น เคยเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งมาก่อน แต่ตอนนี้ก็ได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนฝืนทวีป ทำให้ข้าคิดได้ว่า คนคนหนึ่งจะมีโชคชะตาอันเลวร้ายสักแค่ไหนก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่ยังพยายามใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ก็มีโอกาสพบกับความสุขได้เช่นกัน”

“เอ่อ ท่านคาเงะโทระ”

“อะไรรึ?”

“คนอย่างข้าน้อย จะเป็นเช่นนั้นได้จริงหรือเจ้าคะ?”

 

   จนถึงตอนนี้ ฮิโนเอะก็ยังไม่มีเป้าหมายใดๆในชีวิต เป็นเพียงสิ่งของในความครอบครองของคาเงะโทระ ในแต่ละวันรู้สึกเพียงแค่การที่ได้มีชีวิตต่อไปได้จนหมดวันก็เพียงพอแล้ว

 

   แต่ก็มีตัวอย่างปรากฏให้เห็นตรงหน้า แม้จะมีโชคชะตาน่าอนาถเช่นเดียวกับฮิโนเอะ หรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า แต่จิตใจของเซเลนก็เติบโตขึ้นมาได้อย่างงดงาม เป็นแนวทางการใช้ชีวิตให้ฮิโนเอะได้เรียนรู้ แม้จะถูกเหยียดหยามว่าเป็นเด็กต้องสาปแต่ก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนอย่างเธอก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เช่นกัน

 

“ได้สิ ข้าเชื่อเช่นนั้น ในการสนทนากับคุณหนูเซเลน เจ้าคิดว่าข้าเข้าใจประเด็นของนางได้ลึกซึ้งสักแค่ไหนกันล่ะ? การเป็นคนกลางระหว่างคุณหนูเซเลนและเจ้าหญิงมารีเบล พรสวรรค์ของเจ้าจะเติบโตได้อย่างงดงามแน่”

 

  ระหว่าที่คาเงะโทระกับฮิโนอะกำลังพูดคุยกัน เรือที่เฝ้ามองอยู่จนถึงตอนนี้ก็เลือนหายไปกับเส้นขอบฟ้า เซเลนส่งสัญญาณจากบนดาดฟ้าอยู่ตลอดเวลาโดยที่คาเงะโทระเข้าใจว่าหมายถึง ‘ไว้พบกันใหม่’ ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงกับความจริงเลย

 

“เอาล่ะ กลับกันเถอะ ‘บ้านของพวกเรา’ น่ะ”

“เจ้าค่ะ! เพราะเป็นบ้านที่ข้าน้อยต้องกลับเจ้าค่ะ!”

 

   ในตอนนี้ ฮิโนเอะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเล็กๆแต่อบอุ่นที่คาเงะโทระเรียกว่า ‘บ้านของพวกเรา’ ไม่ได้เป็นคนของตระกูลนักรบผู้ยิ่งใหญ่แต่หัวใจคับแคบอีกต่อไป ฮิโนเอะหันหลังกลับเดินตามคาเงะโทระไปอย่างรวดเร็ว จดจำภาพเซเลนยิ้มแย้มให้กับผืนทะเลไว้ในใจ

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

“ว้าก! ไอ้ทะเล บ้าเอ๊ย!”

 

   ในเวลาเดียวกัน อารมณ์ของเซเลนรุนแรงยิ่งกว่าพายุ เนื่องจากล้มเหลวในการสื่อสารที่พยายามบอกกับคาเงะโทระและฮิโนเอะ เป็นความโกรธที่ทางระบายไม่ได้ เซเลนจึงได้แต่โทษทะเลอยู่อย่างนี้ แต่เสียงของคลื่นลมที่กระทบกับตัวเรือก็ดังอยู่ทั่วดาดฟ้าจนไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ

 

   ตรงข้ามกับมารี ที่ทำภารกิจในครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างเหนือความคาดหมาย แผนการท่องเที่ยวตระเวนกินซาชิมิและเม่นทะเลของเซเลนจบลงแค่อาหารญี่ปุ่นไม่กี่มื้อกับเหล้าไม่กี่อึก จนรู้สึกว่า จะมาทำไมให้เสียเวลา

 

   สุดท้ายนี้ สภาพอากาศระหว่างการเดินทางกลับนั้นยังแตกต่างจากขามาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีทั้งพายุฝนและลมกระโชกที่ทำให้อาการเมาเรือของเซเลนรุนแรงกว่าครั้งแรก จึงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นอีกหลายวันจนกว่าจะถึงจุดหมาย

 

____________________

* 鼠小僧/ Nezumi Kozo/เนะซุมิ โคโซ (จอมโจรหนู)

โจรชื่อดังสมัยเอโดะ (บ้างก็ว่าเป็นนินจา) ขโมยของจากคนรวยไปแจกจ่ายให้คนจน ทั้งชีวิตเคยยกเค้าบ้านขุนนางซามูไรไปมากกว่าร้อยหลัง ฉายานี้มาจากพฤติกรรมตอนออกปล้น โดยการจับหนูจำนวนมากไปปล่อยในบ้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเหยื่อขณะลงมือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 46.17: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน9)

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 46.17: เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 17

เซเลน สู่แดนตะวันออก (ตอน9)

 

 

    หลังผ่านค่ำคืนอันยาวนาน มือสังหารและสาวใช้ผู้ทรยศได้รอคอยความช่วยเหลือที่ไม่มีวันมาถึง ซึ่งทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่ามีเรื่องร้ายขึ้นกับพรรคพวกคนอื่นๆไปแล้ว พวกเขาจึงสารภาพทุกรายระเอียดของขั้นตอนของงานลอบสังหารฮิโนเอะในครั้งนี้

 

   เมื่อข่าวถูกบอกเล่ากระจายออกไป คดีนี้ก็เป็นที่สนใจของคนทั้งเมืองอย่างรวดเร็ว เรื่องถูกเล่าบากต่อปากจนปิดเอาไว้ไม่อยู่

 

   เพราะเหตุที่ว่า แม้จะเธอจะเป็นผู้ครอบครองพลังต้องสาป แต่พ่อแท้ๆก็เป็นคนคิดฆ่าลูกสาวของตนเอง ทั้งที่เป็นหัวหน้าตระกูลนักรบที่มีชื่อเสียง คนที่มีตำแหน่งใหญ่โตเช่นนั้นกลับมีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับกลุ่มมือสังหาร ซ้ำยังมีการใช้ยาต้องห้ามอันน่ารังเกียจ

 

   นอกจากนี้ แผนการที่ใช้คือสวมรอยเป็นโจรบุกรุกเข้าไปในบ้านและบังเอิญฆ่าฮิโนเอะขณะปล้น เหตุการณ์นี้มีความพิศวงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากในเวลาเดียวกันที่มือสังหารพยายามลงมือกับฮิโนเอะ ทางบ้านตระกูลเดิมของฮิโนเอะก็มีโจรลึกลับเข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติของตระกูลไปจนหมด

 

  ของมีค่าจำนานมากเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายได้หมดด้วยเวลาเพียงชั่วข้ามคืน นอกเสียจากใช้กำลังคนมากมายร่วมเคลื่อนไหวอย่างมีระเบียบ น่าแปลกที่ไม่มีผู้ใดพบเห็นบุคคลน่าสงสัยเลยสักคน ไม่มีแม้แต่เงา และที่แปลกไปกว่านั้นคือ ไม่ใช่การปล้นเพื่อหวังทรัพย์สมบัติ ของที่ถูกขโมยไปทยอยปรากฏอยู่ตามบ้านของผู้ยากไร้

 

   หากทรัพย์สมบัติทั้งหมดถูกพบเจออยู่เพียงที่แห่งเดียวก็ยังพอมีโอกาสทำการทวงคืนกลับมาได้ แต่การกระจายอยู่ทั่วทั้งเมืองอย่างไม่มีรูปแบบนั้น ทำให้ไม่สามารถรวบรวมกลับมาได้อีก ไม่มีทางรู้เลยว่าอยู่ที่ไหนและใครครอบครอง บ้านตระกูลเดิมของฮิโนเอะจึงล้มละลายโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้

 

   ชาวบ้านทั้งหลายโห่ร้องว่า ‘จอมโจรเนะซุมิ โคโซ*ปรากฏตัว!’ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพบเห็นและไม่รู้ว่า ‘เนะซุมิ โคโซ*’ จริงๆแล้วคือใคร

 

   เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในคืนเดียว จึงเป็นการยากที่จะปิดข่าวฉาวทั้งหลาย ทำให้ตระกูลนักรบผู้มีอำนาจกลายเป็นขุนนางตกอับในทันที ร่วงหล่นราวกับตกขอบหน้าผา เหลือเพียงคนเดียวในตระกูลนั้นที่ยังอยู่ดีมีสุข ซึ่งก็คือฮิโนเอะผู้ที่ถูกรักเกียจได้ถูกขายให้กับตระกูลนักรบผู้ยากจนไปก่อนหน้านี้

 

  เรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะถูกคนทั้งประเทศพูดถึงไปอีกนานแสนนาน จนกลายเป็นตำนานเล่าขนานถึงคนรุ่นหลัง

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

 

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าต้องมาติดหนี้คนอย่างแก ซ้ำยังมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรอีกต่างหาก”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไปบอกกับท่านเซเลนดีกว่าขอรับ ข้าน้อยแค่ทำไปตามหน้าที่”

 

   ถัดมาอีกหลายวัน คาเงะโทระกับคุมะฮาจิอยู่ระหว่างทางไปยังท่าเรือภายใต้แสงแดดอันสดใส เป็นวันสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไปยังแผ่นดินใหญ่ หลังเกิดอะไรขึ้นหลายๆอย่าง เหล่าคนคุ้มกันของทั้งสองฝ่ายก็ดูเหมือนจะนับเป็นสหายที่ไว้ใจได้แม้จะต่างเชื้อชาติ จึงเกิดความรู้สึกเศร้าอยู่บ้างในวันที่ต้องจากลา

 

“น่าจะอยู่ต่อให้นานกว่านี้…”

“เอาน่า แค่นี้ก็นานกว่ากำหนดการณ์เดิมแล้ว ยังมีเรื่องสุขภาพของเซเลนอีก”

 

   ถัดจากคุมะฮาจิ ฮิโนเอะพูดขึ้นมาอย่างเศร้าหมอง และมารีก็พยายามพูดปลอบเธอ จากนั้นก็หันไปมองเซเลนที่ยังคงหลับใหลอยู่บนหลังของคุมะฮาจิ

 

   ย้อนกลับไปในคืนนั้น หลังจากคนร้ายถูกจับกุม เซเลนทรุดตัวลงกับพื้นในทันที มีไข้ตัวร้อนและหลับไม่ได้สติจนถึงตอนนี้ หมอที่ตรวจอาการบอกมาว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต อาการคล้ายเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก อาจจะเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอบวกกับสภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย

 

   อันที่จริง ไม่ใช้การทำงานหนักเกินไป แต่เป็น ไม่คุ้นเคยกับการทำงานต่างหาก เนื่องจากปรกติเธอไม่ได้ใช้สมองมากนัก เมื่อเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ในทันทีก็ทำให้เกิดอาการใช้สมองเกินพิกัด วิธีรักษาก็ไม่มีอะไรมากนอกจากรอให้หัวเย็นลงเท่านั้น และตอนนี้ก็ไม่หลงเหลือความผิดปรกติใดๆอีกแล้ว เป็นเพียงการนอนหลับธรรมดา อาการไม่น่าเป็นห่วงจนหมออนุญาตให้เดินทางไกลได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“ถ้าหมอบอกว่า ‘อาจจะแพ้อากาศของประเทศนี้’ ก็ต้องพากลับไปที่ที่คุ้นเคยให้เร็วที่สุดจะดีกว่าไงล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงพวกเราก็ต้องได้เจอกันอีกแน่นอน”

“จริงอย่างท่านว่า… อย่างน้อยก็อยากจะบอกลา แต่ถ้าปลุกให้ตื่นก็คงไม่ดี”

 

   มารีและฮิโนเอะมองไปยังเซเลน เด็กสาวผู้มีอายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเซเลน ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างมารีกับคาเงะโทระก็จะยังไม่คืบหน้า เหนือสิ่งอื่นใด ฮิโนเอะก็จะไม่มีโอกาสลืมตาตื่นขึ้นมาในวันนี้

 

  น่าเศร้าที่บุคคลสำคัญอย่างเซเลนต้องเดินทางกลับไปภายในวันนี้ แต่ก็น่ายินดีที่เธอจะได้กลับไปพบกับเจ้าชายซึ่งเป็นบุคคลสำคัญสำหรับเธออีกครั้งเร็วนี้

 

   ในที่สุดก็ถึงเวลา หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการเติมเสบียงขึ้นไปบนเรือก็ถึงคราวถอนสมอออกจากท่า เมื่อกางใบเรือจนสุดจนเห็นลวดลายนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ชัดเจนก็หมายความว่าการเดินทางกลับเฮลิฟาลเต้ได้เริ่มขึ้นแล้ว อีกด้านหนึ่ง ก่อนหน้านี้เล็กน้อย บัตเลอร์ได้ลักลอบขึ้นเรือเหมือนหนูทั่วไปเนื่องจากไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนเอาป่านนี้ให้เสียบรรยากาศการจากลา เขาได้ซ่อนตัวอยู่เงียบๆภายในเรือ

 

“ไว้เจอกันนะ! มีโอกาสก็มาหาบ้างล่ะ! จะต้อนรับเป็นอย่างดี!”

“แน่นอนเจ้าค่ะ! ข้าน้อยจะตั้งตารอให้ถึงวันนั้น!”

 

   มารีโบกมือลาลงมาจากดาดฟ้าเรือ โดยที่ฮิโนเอะโบกมือลาตอบจากท่าเรือ ถึงจะได้มารู้จักกันเพียงไม่กี่วัน แต่ก็เป็นเพื่อนต่างชาติคนแรกของเธอ และคำพูดของมารีไม่ใช่ ‘ลาก่อน’ แต่เป็น ‘ไว้เจอกันอีกครั้ง’

   สักวันหนึ่ง ฮิโนเอะจะเข้าใจว่าสิ่งที่ติดตัวเธอไม่ใช่คำสาป แต่เป็นพรอันมีค่า หลังจากที่รู้ว่าพลังต้องสาปคือความสามารถอันน่าภาคภูมิใจสำหรับผู้คนในแผ่นดินใหญ่ ความเชื่อของเธอจึงได้ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย

 

   คุมะฮาจิที่อยู่ข้างหลังมารี โค้งคำนับลงมา และคาเงะโทระโค้งกลับไปเบาๆ ไม่ว่าภายนอกจะเห็นเป็นอย่างไร แต่ทั้งสองก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันดี และเมื่อเรือเคลื่อนออกจากฝั่ง มารีกับคุมะฮาจิก็พาเซเลนไปพักผ่อนในห้องของเธอ

 

“ถึงจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็เถอะ แต่ก็ดีจริงๆที่ได้เดินทางมา น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ต่อให้นานกว่านี้”

“ฮ่าฮ่า ทั้งที่เจ้าหญิงมารีเบลเคร่งเครียดมาตลอดตั้งแต่ก่อนเดินทาง เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะขอรับ”

 

 คุมะฮาจิพูดล้ออย่างตรงไปตรงมาจนมารีงอนแก้มป่อง

 

“ก็เพราะคำอภิบายของท่านพี่กับคุมะฮาจิไม่ได้เรื่องเลยนี่นา แต่ก็ซื้อกิโมโนสวยๆมาได้ตั้งเยอะ ซาชิมิก็อร่อย ก็เรียกได้ว่าออกมาดีกว่าที่คิดแหละนะ”

“ซา…ชิมิ…?”

 

   คำว่าซาซิมิที่ได้ยิน ทำให้เซเลนที่ถูกแบกอยู่บนหลังของคุมะฮาจิมีปฏิกิริยาขึ้นมา

 

“อ๋ะ ตื่นแล้ว! ดีจังที่ไม่เป็นอะไร…”

 

  มารีรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเซเลนตื่นขึ้นมาแม้จะยังงัวเงียอยู่ก็ตาม คุมะฮาจิก็รู้สึกแบบเดียวกันแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ถึงอย่างนั้นก็ยังดูออกได้ทันทีว่าเขาคิดแบบเดียวกับมารีอยู่แน่นอน

 

“อยู่ไหน ซาชิมิอยู่ไหน มารี?”

 

   เมื่อเซเลนพูดถึงซาชิมิเป็นอย่างแรกเมื่อตื่นขึ้นมา ทำให้มารีรู้สึกขบขันอยู่ไม่น้อย

  ในวันนั้นเซเลนกินไปได้เพียงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น ขณะที่เซเลนยังไม่ได้สติก็มีการเลี้ยงซาชิมิอีกหลายครั้ง

 

  ไม่แน่ว่าเซเลนอาจจะเกลียดซาชิมิแล้วก็เป็นได้ เธออยากกินเพราะสนใจในตอนแรก แต่สัมผัสจากของดิบก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก ถึงอยากจะคายก็คายไม่ออก

 

   จึงต้องทำตัวตามปรกติและพยายามฝืนกินซาชิมิเข้าไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเพราะไม่อยากเสียมารยาท แต่ก็โชคดีที่มีโอกาสแลกซาชิมิกับอย่างอื่นจากคนข้างๆได้พอดี

 

   ถ้าคิดแบบนี้แล้ว ในตอนนั้นเซเลนเก็บอาการได้เก่งจนน่าชื่นชมเลยทีเดียว มารีเชื่อในความคิดนี้ ทั้งที่จริงเซเลนไม่ได้เก็บอาการใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ชื่นชอบซาชิมิที่โหยหามานาน และเซเลนในตอนนั้นยังอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา จึงคิดเอาใจใส่ผู้อื่นอย่างช่วยไม่ได้

 

“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่มีซาชิมิแล้วล่ะ”

“เอ๋”

“ที่นี่คือบนเรือของเฮลิฟาลเต้ขอรับ การเดินทางในครั้งนี้เหลือแค่ให้ท่านทั้งสองเดินทางกลับอย่างปลอดภัย”

“เอ๋!? ซาชิมิล่ะ!? ยังไม่มี!?”

“วันนั้นเธอก็ได้กินแล้วหนิ ไม่อยากจำขนาดนั้นเลยสินะ”

“อ๊า!? ไม่จริง!?”

 

   เซเลนร้องเสียงดังด้วยสำเนียงเหมือนคนแก่ทำให้มารีหลุดหัวเราะออกมา

   ตามที่เซเลนเข้าใจ เธอจำได้เพียงแค่วันนั้นเธอแอบขโมยเหล้ามาดื่มจนรู้สึกเวียนหัว เป็นไปได้ว่าอยู่ในสภาพเมาปลิ้นจนจำอะไรไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงซาชิมิด้วยซ้ำ เมื่อสร่างเมาก็กลายเป็นว่ากำลังเดินทางกลับกันแล้ว  ไม่แน่ว่าเหล้าของโลกนี้จะแรงอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้น

 

“เสือ กับฮิโนเอะ!?”

“แย่หน่อยที่ออกจากท่าเรือมาสักพักแล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสให้เธอได้บอกลา… หืม เซเลน?”

 

  เซเลนดิ้นหลุดลงจากหลังคุมะฮาจิและเริ่มวิ่งไปตามดาดฟ้าไปยังท้ายเรือ

 

“ไม่จริงน่า!?””

 

   ตามที่มารีบบอกไว้ เรืออกจากฝั่งมาค่อนข้างไกล ไม่ใช่ระยะที่สามารถกระโดดลงทะเลเพื่อว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งได้ อันที่จริง ถึงจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ใช่สำหรับเซเลนที่ว่ายน้ำไม่เป็นตั้งแต่แรก

 

   เหลือความหวังเพียงเล็กน้อย เนื่องจากยังพอมองเห็นคาเงะโทระกับฮิโนเอะกำลังมองมาทางนี้อยู่บนท่าเรืออันไกลลิบ แค่ถึงต่อให้ตะโกนก็เป็นไปได้ยากที่เสียงของเธอจะไปถึง

 

“ถ้าอย่างนั้น!”

 

   เซเลนเริ่มเคลื่อนไหวด้วยท่าทางต่างๆนาๆพยายามสื่อสารด้วยภาษากาย โดยคิดว่าตนเองเป็นคนโบกธงส่งสัญญาณทีเคยเห็นอยู่ตามเรือหรือเครื่องบิน ทั้งที่เซเลนไม่เคยรู้ความหมายของสัญญาณพวกนั้นเลย อาจจะดูเหมือนไร้สาระไปบ้าง แต่ถ้าตั้งใจออกท่าทาง อีกผ่ายต้องเข้าใจได้อย่างแน่นอน

 

“ขอ・ ซา・ ชิ・ มิ! ขอ・ ซา・ ชิ・ มิ!”

 

  เซเลนออกแรงเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ด้วยท่าที่คิดว่าเข้าใจได้ง่ายที่สุดเพื่อส่งข้อความร้องขอซาชิมิ เชื่อว่าคาเงะโทระต้องเห็นแน่นอนและส่งมันมาให้เธอได้ พระเจ้าโปรดช่วยลูกด้วย

 

“อืม ดูเหมือนคุณหนูเซเลนจะรู้สึกตัวแล้ว หากต้องจากกันโดยไม่มีโอกาสแม้แต่บอกลาก็คิดว่าน่าเศร้าอยู่ แต่คงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วสินะ”

“ดีใจเหลือเกิน… เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการที่ได้เห็นท่านเซเลนหายดีนี่แหละเจ้าค่ะ”

 

   แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้

   เซเลนยังคงกระโดดแกว่งแขนไปทุกทิศทางอยู่บนดาดฟ้าเรือ จะดูเหมือนพยายามบอกลาฮิโนเอะก็ไม่แปลก

 

“ไม่ตอบกลับท่านทูตแห่งประเทศมหาอำนาจสักหน่อยรึ”

“เจ้าค่ะ!”

 

  ฮิโนเอะยิ้มและโบกมืออย่างเต็มที่เพื่อบอกลาเพื่อนจากต่างแดน คงอีกนานกว่าจะได้พบกันอีก แต่สักวันเธอจะเป็นฝ่ายเดินทางไปหาอย่างแน่นอน ในดวงตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนั้น

 

“ท่านเซเลนมีทั้งปัญญาและคุณธรรมสูงส่ง บุคคลที่เพียบพร้อมเช่นนี้คงเกิดมาในตระกูลชั้นสูงและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีแน่…”

“ตรงกันข้าม เธอถูกรังเกียจเพราะความแตกต่างต่างหาก”

“เอ๋!?”

 

   คำพูดของคาเงะโทระทำให้ดวงตากลมโตของฮิโนเอะเบิกกว้าง ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

“น้องชายของข้าเคยบอกมาว่า ก่อนหน้านี้คุณหนูเซเลนถูกขังอยู่ในคุกมืดของประเทศเล็กๆอันห่างไกลมาโดยตลอด จนกระทั่งเจ้าชายมิลานบังเอิญไปพบเข้า จึงได้ทำการช่วยเหลือและรับไปเลี้ยงดู เจ้าคิดว่าเป็นโชคชะตาที่คล้ายกับใครบางคนหรือเปล่าล่ะ?”

“อ่า…”

 

  ฮิโนเอะรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังพูดถึงใคร

 

“คุณหนูเซเลนที่เจ้าเห็น เคยเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งมาก่อน แต่ตอนนี้ก็ได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนฝืนทวีป ทำให้ข้าคิดได้ว่า คนคนหนึ่งจะมีโชคชะตาอันเลวร้ายสักแค่ไหนก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่ยังพยายามใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ก็มีโอกาสพบกับความสุขได้เช่นกัน”

“เอ่อ ท่านคาเงะโทระ”

“อะไรรึ?”

“คนอย่างข้าน้อย จะเป็นเช่นนั้นได้จริงหรือเจ้าคะ?”

 

   จนถึงตอนนี้ ฮิโนเอะก็ยังไม่มีเป้าหมายใดๆในชีวิต เป็นเพียงสิ่งของในความครอบครองของคาเงะโทระ ในแต่ละวันรู้สึกเพียงแค่การที่ได้มีชีวิตต่อไปได้จนหมดวันก็เพียงพอแล้ว

 

   แต่ก็มีตัวอย่างปรากฏให้เห็นตรงหน้า แม้จะมีโชคชะตาน่าอนาถเช่นเดียวกับฮิโนเอะ หรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า แต่จิตใจของเซเลนก็เติบโตขึ้นมาได้อย่างงดงาม เป็นแนวทางการใช้ชีวิตให้ฮิโนเอะได้เรียนรู้ แม้จะถูกเหยียดหยามว่าเป็นเด็กต้องสาปแต่ก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนอย่างเธอก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เช่นกัน

 

“ได้สิ ข้าเชื่อเช่นนั้น ในการสนทนากับคุณหนูเซเลน เจ้าคิดว่าข้าเข้าใจประเด็นของนางได้ลึกซึ้งสักแค่ไหนกันล่ะ? การเป็นคนกลางระหว่างคุณหนูเซเลนและเจ้าหญิงมารีเบล พรสวรรค์ของเจ้าจะเติบโตได้อย่างงดงามแน่”

 

  ระหว่าที่คาเงะโทระกับฮิโนอะกำลังพูดคุยกัน เรือที่เฝ้ามองอยู่จนถึงตอนนี้ก็เลือนหายไปกับเส้นขอบฟ้า เซเลนส่งสัญญาณจากบนดาดฟ้าอยู่ตลอดเวลาโดยที่คาเงะโทระเข้าใจว่าหมายถึง ‘ไว้พบกันใหม่’ ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงกับความจริงเลย

 

“เอาล่ะ กลับกันเถอะ ‘บ้านของพวกเรา’ น่ะ”

“เจ้าค่ะ! เพราะเป็นบ้านที่ข้าน้อยต้องกลับเจ้าค่ะ!”

 

   ในตอนนี้ ฮิโนเอะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเล็กๆแต่อบอุ่นที่คาเงะโทระเรียกว่า ‘บ้านของพวกเรา’ ไม่ได้เป็นคนของตระกูลนักรบผู้ยิ่งใหญ่แต่หัวใจคับแคบอีกต่อไป ฮิโนเอะหันหลังกลับเดินตามคาเงะโทระไปอย่างรวดเร็ว จดจำภาพเซเลนยิ้มแย้มให้กับผืนทะเลไว้ในใจ

 

 

   ◆ ◇ ◆ ◇ ◆

 

“ว้าก! ไอ้ทะเล บ้าเอ๊ย!”

 

   ในเวลาเดียวกัน อารมณ์ของเซเลนรุนแรงยิ่งกว่าพายุ เนื่องจากล้มเหลวในการสื่อสารที่พยายามบอกกับคาเงะโทระและฮิโนเอะ เป็นความโกรธที่ทางระบายไม่ได้ เซเลนจึงได้แต่โทษทะเลอยู่อย่างนี้ แต่เสียงของคลื่นลมที่กระทบกับตัวเรือก็ดังอยู่ทั่วดาดฟ้าจนไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ

 

   ตรงข้ามกับมารี ที่ทำภารกิจในครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างเหนือความคาดหมาย แผนการท่องเที่ยวตระเวนกินซาชิมิและเม่นทะเลของเซเลนจบลงแค่อาหารญี่ปุ่นไม่กี่มื้อกับเหล้าไม่กี่อึก จนรู้สึกว่า จะมาทำไมให้เสียเวลา

 

   สุดท้ายนี้ สภาพอากาศระหว่างการเดินทางกลับนั้นยังแตกต่างจากขามาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีทั้งพายุฝนและลมกระโชกที่ทำให้อาการเมาเรือของเซเลนรุนแรงกว่าครั้งแรก จึงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นอีกหลายวันจนกว่าจะถึงจุดหมาย

 

____________________

* 鼠小僧/ Nezumi Kozo/เนะซุมิ โคโซ (จอมโจรหนู)

โจรชื่อดังสมัยเอโดะ (บ้างก็ว่าเป็นนินจา) ขโมยของจากคนรวยไปแจกจ่ายให้คนจน ทั้งชีวิตเคยยกเค้าบ้านขุนนางซามูไรไปมากกว่าร้อยหลัง ฉายานี้มาจากพฤติกรรมตอนออกปล้น โดยการจับหนูจำนวนมากไปปล่อยในบ้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเหยื่อขณะลงมือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+