[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 7 บ่ายที่เจิดจ้าวันหนึ่ง

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 7 บ่ายที่เจิดจ้าวันหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนบัลลังก์สีทองที่เปล่งประกายอย่างต่ำช้า มิราโนะที่กำลังยิ้มอย่างต่ำช้าพร้อมกับนั่งไขว่ห้างอยู่ บนมือของเขากำโซ่ธรรมดาๆห่างจากเครื่องตกแต่งไร้รสนิยมที่ใช้ทองทำแขวนอยู่รอบๆอยู่ระดับหนึ่ง โซ่ที่ดูจะไว้นำทางสุนัขนั้นติดอยู่กับปลอกคอเหล็กที่คล้องอยู่บนคอของเซเลเน่ผู้บอบบาง  

"มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาคุกเข่าตรงนี้อีกเหรอ ยัยอัปลักษณ์"
"…ค่ะ"

เซเลเน่ใช้สายตามองบนไปยังมิราโนะ เซเลเน่ในตอนนี้อยู่ในสภาพเปิดให้เนื้อหนัง ถูกบังคับให้ใส่ชุดที่ดูแล้วเหมือนหญิงขายตัวมากกว่าชุดเมด ถูกกระทำราวกับทาส และก็ไม่สามารถคิดจะต่อต้านได้เลย 

"ยังทำสายตาต่อต้านอยู่อีกเหรอ ใครกันนะที่เป็นคนปล่อยแกที่ถูกขังในกรงออกมาน่ะ? ตอบมาซะสิ"
"…ท่าน…มิราโนะ ค่ะ ขอบคุณ มากค่ะ"

เซเลเน่ตัวสั่นเทา กล้ำกลืนพูดคำขอโทษโดยไม่เต็มใจออกมา สำหรับเธอแล้วไม่ได้อยากจะมาเป็นแบบนี้เลย มิราโนะที่ดูจะกำลังสนุกสนานกับท่าทางไม่เต็มใจของเซเลเน่ก็ยื่นมือไปยังโต๊ะที่อยู่ข้างๆแล้วหยิบถ้วยชาแดงขึ้นมา แล้วก็เอียงแก้วนั้นลงไปที่บริเวณเท้าของตัวเองจนชาที่ซื้อมาจากการขูดเลือดขูดเนื้อภาษีชาวประชาต้องสูญเปล่าไปโดยไร้ซึ่งประโยชน์แม้แต่อย่างเดียว 

"โอ๊ะ พื้นสกปรกหมดแล้วนะ ต้องทำความสะอาดหน่อยแล้ว"

มิราโนะนั้นยิ้มอย่างร่าเริง แล้วสะบัดแซ่ในมือเบาๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ร่างกายเล็กๆของเซเลเน่ทรุดลงจนหน้าลงไปยังพรมที่เปื้อน

"เอ้า เลียพรมนั่นซะ ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ? ในตอนนั้นจะให้พี่สาวของเธอทำแทนก็ได้ ฮ๊าฮะฮะฮะฮะ!!"

  ◆◇◆◇◆

"ไปตายซะ"

เซเลเน่สะบดเสียงเล็กๆใส่องค์ชายต่ำทรามในโลกจินตนาการ โดยที่ไม่ได้คิดสักนิดว่าตัวเองที่จินตนาการแบบนั้นไปได้นี่ล่ะที่ต่ำทรามที่สุด การเดินทางไปยังราชอาณาจักรเฮฟาลเต้ใช้เวลาอย่างเร็วก็สามวัน ในทุดวันบนรถม้าเซเลเน่ก็เหม่อลอยไปตามโลกที่บิดเบี้ยวของตัวเอง

สำหรับเซเลเน่ที่มีอคติว่าพวกคนรวยเป็นพวกตัวร้ายชอบแอบทำเรื่องโรคจิตอยู่เบื้องหลังนั้น พอจินตนาการถึงชีวิตหลังจากนี้ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว อยากที่จะหนีไปให้พ้นๆ แต่ว่าด้วยตัวคนเดียวก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ แล้วถ้าตัวเองหนีไปจนพี่สาวต้องเป็นตัวประกันล่ะก็ไม่ดีแน่ๆ สภาพจิตใจของเซเลเน่นั้นราวกับลูกแกะที่กำลังถูกส่งไปโรงเชือด ถ้าเกิดว่ามีปีกล่ะก็คงกลับไปยังคุกนรกอันแสนสบายใจได้แล้วแท้ๆ 

เซเลเน่อยู่ในวังวนของจินตนาการอันเลวร้าย ขณะที่กำลังทำตัวเองอยู่นั้น ทั้งพวกผู้ติดตามรถม้า ทั้งมิราโนะและคุมะฮาจิต่างก็หดหู่เผ้ามององค์หญิงตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง 

ความจริงแล้วรถม้าที่เซเลเน่นั่งอยู่ควรจะเป็นมิราโนะที่เป็นองค์ชายที่นั่งอยู่ แต่ว่าหลังจากห่างจากอัลเล พอเห็นสายตาของเซเลเน่ที่ราวกับลูกแกะในโรงเชือดแล้วก็เลยจะปล่อยให้เธอใจเย็นลง มิราโนะก็เลยมาขี่ม้าข้างๆกับคุมะฮาจิ 

"องค์ชายที่ยอมอ่อนให้ของถวายที่กรรโชกมา ก็แปลกคนเหมือนกันนะขอรับ"
"เด็กคนนั้นยังไม่ค่อยชินกับผู้คนน่ะ ให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ"

ถึงจะโดนยึดรถม้าของตัวเองไปก็ไม่ว่าอะไร มิราโนะไม่บ่นอะไรแม้แต่คำเดียว แล้วไปนั่งควบรถม้าคู่กับคุมะฮาจิ เพราะว่าเธอถูกแยกจากพี่สาวที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวไปและถูกพวกผู้ใหญ่พาไปยังต่างประเทศ ถึงจะอธิบายเหตุผลไปแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายเหงาได้ มิราโนะนั้นคิดว่าอยากจะให้เด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้มีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้  

ถึงอย่างนั้น ถ้าเป็นเด็กสาวรุ่นเดียวกับเซเลเน่ถ้าได้ยินว่าจะถูกพาไปยังราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ที่เป็นเมืองใหญ่โตงดงามอร่ามตาถึงจะรู้สึกกังวลอยู่บ้างแต่ต้องรู้สึกดีใจอย่างแน่นอน แต่ว่าเซเลเน่นั้นกลับทำตาเป็นปลาตายแล้วเอาแต่นอนกลิ้งอยู่ในรถม้าตลอด สำหรับเธอโลกใบนี้คงมีแต่สิ่งเลวร้ายที่ทำร้ายเธอไม่ผิดแน่ พอคิดแบบนั้นแล้วมิราโนะก็รู้สึกอย่างให้ราชินีที่ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเป็นขนาดนี้ให้ได้

"แต่ว่า ราชินีแห่งอาคุยล่าร์ส่งตัวให้ง่ายผิดคาดเลยนะขอรับ ทางนี้ก็อยากจะขอบคุณอยู่หรอก แต่พอคิดว่าเป็นแม่ลูกแล้ว ก็รู้สึกแปลกๆเลยนะขอรับ"
"ทางนั้นก็คงกำลังยิ้มดีใจ ที่กำจัดของคงคลังได้อยู่ล่ะมั้ง"

มิราโนะนึกถึงตอนที่นั่งตอนเจรจา พอคิดถึงพวกราชินีที่ยิ้มหัวเราะหน้ารังเกียจก็พาอารมณ์เสียสุดๆ มีแค่อัลเลที่ทำสีหน้าซับซ้อนเป็นที่พักพึงใจเพียงหนึ่งเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นการช่วยอะไรเซเลเน่เท่าไหร่  

ตอนที่มิราโนะขอรับตัวเซเลเน่ไปนั้น ราชินีแห่งอาคุยล่าร์ได้ยื่นเงื่อนไขมาสองข้อ

อย่างแรก ความจริงเรื่องที่เซเลเน่เป็นองค์หญิงลำดับที่สองนั้น ให้รู้กันแค่ในเบื้องบนของเฮฟาลเต้เท่านั้น เพราะว่าจะค่อนข้างเป็นปัญหา ก็เลยไม่อยากให้ความจริงว่าซ่อนองค์หญิงอันดับที่สองเอาไว้ในประเทศเป็นเวลายาวนานออกไป อีกอย่างก็คือการส่งตัวอัลเลไปศึกษาที่ราชอาณาจักรเฮฟาลเต้ โดยค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนทั้งหมดทางราชอาณาจักรเฮฟาลเต้จะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ  

มหาวิทยาลัยของราชอาณาจักรเฮฟาลเต้นั้นถือเป็นสถานที่ๆผู้เชี่ยวชาญทั่วทวีปต่างใฝ่ฝัน เพียงแค่ได้สมัครเข้าเรียนที่นั่นก็ได้หน้าแล้ว ผู้คนมีชื่อเสียงต่างๆจากแต่ละประเทศจึงมักจะส่งลูกตัวเองมาศึกษา แน่นอนว่าอาร์คุยล่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ประเทศนั้นก็เป็นเพียงประเทศเล็กๆ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะเข้ามาได้

ตรงส่วนนั้นพอองค์ชายมิราโนะได้บอกไปว่าต้องการตัวของเซเลเน่ ราชินีแห่งอาร์คุยล่าที่ปกติแล้วเห็นเซเลเน่เป็นตัวปัญหา กลับยอมเรียกว่าเป็นองค์หญิงลำดับที่สองแล้วใช้เป็นไพ่ในเจรจา แล้วก็ยื่นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับส่งตัวเซเลเน่เป็นหนังสือแนะนำสำหรับองค์หญิงลำดับที่หนึ่งอัลเล เพื่อที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับองค์หญิงลำดับหนึ่งคนโปรดนั่นเอง ทั้งที่บอกว่าเป็นองค์หญิงลำดับที่สองแท้ๆ แต่สั่งว่าห้ามเปิดเผยว่าเซเลเน่เป็นองค์หญิงลำดับสองแห่งอาร์คุยล่า ช่างเป็นอะไรที่ย้อนแย้งสุดๆ

"[ทั้งเป็นตัวตนผู้มากด้วยพรสรรค์ที่หาได้ยากและเป็นบุคคลผู้มีระดับสูงส่ง จะขอส่งมอบให้กับราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ผู้เป็นที่รักเพื่อให้บุตรสาวผู้นี้ได้เบ่งบานความเป็นอัจฉริยะให้ได้รับใช้ประเทศของท่านตามที่ปรารถนา]เหรอ…"

คุมะฮาจิหยิบกระดาษที่เขียนข้อสัญญาจากหน้าอกออกมาอ่านอีกครั้ง แล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

"อย่างกับประโยคของพวกสิบแปดมงกุฎเลยนะขอรับ มีที่มาจากไหน มีความสามารถอย่างไร ไม่เขียนไว้ให้เป็นรูปธรรมเลยนะขอรับ"
"เอาเถอะ นอกจากการทำสัญญาให้ส่งตัวเซเลเน่มาแล้ว จะให้ฝ่ายนั้นส่งตัวมาให้เลยก็ทำไม่ได้นี่น่า แล้วก็เกี่ยวกับองค์หญิงอัลเล เดิมทีแล้วก็จะเรียกตัวมาเพื่อเซเลเน่อยู่แล้ว พอคิดแบบนั้นแล้วการที่อยากจะให้มาเรียนก็พูดได้ว่าช่วยได้เยอะเลยล่ะนะ"
"ก็จริงว่าถ้าเป็นท่านอัลเลคนเดียวด้วยอำนาจขององค์ชายสามารถพาเข้าได้อยู่แล้ว แต่ว่าทำอะไรตามใจแบบนี้ ท่านพ่อจะไม่โกรธเอาหรือ?"
"โกรธแน่นอนอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าสิทธิพิเศษแค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วจะเป็นองค์ชายไปทำไมล่ะ"

มิราโนะตอบแกมล้อเล่น อัลเลก็เรื่อง แต่การช่วยเซเลเน่นั้นสำหรับราชอาณาจักรเฮฟาลเต้แล้วมีแต่ได้ผลเสีย เพราะว่าเป็นองค์หญิงที่ถูกทิ้งไม่มีค่าอะไร ถ้าให้พูดตรงๆก็คิดได้เลยว่าถูกทิ้งมาให้แน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้น มิราโนะก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ เรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานให้ท่านพ่อ ถึงการทำแบบนี้ของตนในต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ควรตำหนิ แต่ถ้าท่านพ่ออยู่จุดยืนเดียวกับตัวเองก็คงจะทำแบบเดียวกันแน่นอน

"จะยังไงก็การช่วยเหลือเจ้าหญิงที่ถูกขังออกมาจากคุกนรกก็สำเร็จแล้วนะขอรับ พอพวกผู้ใหญ่เริ่มทำหน้างอกันท่านเซเลเน่ก็คงจะสับสนล่ะนะขอรับ แล้วหลังจากเรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าองค์ชายยอมรับผิดชอบทั้งหมดแล้วให้ท่านพ่อต่อยสักหมัดก็คงจบเรื่องได้ล่ะขอรับ ขอให้โชคดีและมีชัย"
"พอเป็นเรื่องคนอื่นนี่สนุกเลยนะ"

มิราโนะยิ้มเจื่อนแล้วถอนหายใจออกมา เพราะว่าเป็นทางนี้เองที่ไปสร้างเรื่องในต่างประเทศมิราโนะจึงคิดว่ามันคงเป็นกรรมตามสนองตัวเอง ตามที่คุมะฮาจิพูดการชิงตัวเซเลเน่ก็สำเร็จแล้ว การที่ราชินีมองข้ามไปนั้นคิดแล้วก็ยังถือว่าเป็นผลดี เรื่องค่าใช้จ่ายเล่าเรียนขององค์หญิงอัลเลให้ขวักเองก็ได้ "การแลกเปลี่ยนนี้หากำไรเพิ่มขึ้นไม่ได้อีกแล้ว"ของราชินีแห่งอาร์คุยล่านั้นสำหรับองค์ชายแห่งเฮริฟาลเต้แล้วมัน"น้อยยิ่งกว่าเศษเงิน" ยิ่งกว่าปัญหาเรื่องเงินแล้วความโกรธของท่านพ่อน่ากลัวว่าเยอะ

"เอาล่ะ มาพูดคุยกันจริงจังหน่อย ท่านเซเลเน่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ได้ยินว่าเป็นเด็กฉลาดจากท่านอัลเล แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กล่ะนะขอรับ ถ้าฝากไว้ผิดคนก็มีโอกาสที่เรื่องที่เธอเป็นองค์หญิงแห่งอาร์คุยล่าอาจจะหลุดรอดจากที่นั้นได้"
"ก่อนอื่น จนกว่าองค์หญิงอัลเลจะมาประเทศผมจะเป็นดูแลเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดีกับหลายๆอย่างล่ะนะ"
"ข้าพเจ้าก็เห็นด้วย แบบน้นดีที่สุดขอรับ"

คุมะฮาจิพยักหน้า แล้วมิราโนะก็พูดต่อ 

"เรื่องการให้การศึกษาน่ะแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ให้ค่อยเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต สิ่งสำคัญสำหรับเด็กคนนั้นในตอนนี้ก็คือการขจัดความกลัวที่มีต่อโลกออกไปล่ะนะ"
"ตามที่ว่า ถึงจะได้รับความรู้จนสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้แล้ว แต่ถ้ายังคงมีความกลัวโลกจากช่วงวัยเรียนรู้แบบนี้อยู่คงจะใช้ชีวิตโดยเกลียดชังโลกไปชั่วชีวิตแน่ขอรับ"

พอพูดแบบนั้น คุมะฮาจิก็เห็นด้วยกันความคิดของมิราโนะ 

"สำหรับในตอนนี้ ก็คิดไว้ว่าจะให้เซเลเน่อยู่เล่นกับแม่รี่น่ะ"

ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น พอเข้าใจคำพูดของมิราโนะคุมะฮาจิก็ชักหน้าทันที

"คะ คุณน้องสาวเหรอขอรับ? ถึงจะเสียมารยาทที่จะพูด แต่กับท่านเซเลเน่ที่ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน จะให้รับมือกับเด็กสาวคนนั้นมันค่อนข้างหนักหนาไปหน่อยหรือเปล่า…"
"สำหรับเซเลเน่น่ะ ไม่ใช่แค่ต้องหลบหลีกจากพวกผู้ใหญ่แล้วเพื่อนเด็กๆก็จำเป็นนะ จะให้ไปพบกับลูกสาวของขุนนางคนอื่นๆจนที่มาของเซเลเน่หลุดไปก็ไม่ได้ ถ้าพูดถึงเรื่องอายุล่ะก็ แมรี่กับเซเลเน่ก็เหมาะสมกันแล้วล่ะ แล้วก็…"

มิราโนะสูดลมหายใจหนึ่งครั้ง แล้วพูดเสริมต่อ

"จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยรู้เรื่องของน้องสาวเท่าไหร่น่ะ สมัยก่อนเอาแต่ร้องเรียก[ท่านพี่ ท่านพี่]แท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้ ไม่รู้ทำไมเริ่มดิ้อใส่แล้ว? ไม่ค่อยแสดงความนับถือเลย อาจจะกำลังเหงาอยู่ก็ได้มั้ง เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าถ้ามีเซเลเน่ ก็น่าจะอ่อนๆลงไปบ้างน่ะ"
"นั่นคือเหตุผลที่รับองค์หญิงเซเลเน่มาหรือขอรับ"
"ก็นะ ก็แค่เหตุผลรองน่ะ"
"เดี๋ยวเดี๋ยว ยังมีเหตุผลอยู่อีกเหรอขอรับ"

คุมะฮาจิทำท่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกระซิบที่หูของมิราโนะ 

"เรื่องที่องค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิราโนะมีความสนใจเป็นพิเศษกับเด็กตัวเล็กๆ ข้าพเจ้า ไม่เคยคิดเคยฝันเลยขอรับ ก็ปฎิเสธคำเชิญของสาวงามมาตลอดเลยล่ะนะขอรับ แต่ว่า จะให้มาร่วมคืน ก็ดูจะเด็กไปนะขอรับ"
"อย่าพูดเรื่องบ้าๆน่า"

เป็นเรื่องแปลกที่มิราโนะโกรธอย่างจริงจัง คุมะฮาจิก็หัวเราะออกมา 

"แต่ว่าองค์ชาย สำหรับท่านเซเลเน่ในตอนนี้นั้นก็ถือเป็นสาวรูปงามที่หาไม่ได้อีกในทวีปนี้เลยนะขอรับ? ถ้าผ่านไปสักห้าปีก็ถึงเวลาที่จะบานสะพรั่ง แถมถ้าผ่านไปห้าปีแล้วจะบานออกมาเป็นดอกไม้เช่นไรกันนะ สาวงามใต้แสงจันทร์(โบวตั๋น)บางทีอาจจะเป็นคำที่มีเพื่อเด็กคนนั้นเลยก็ได้นะขอรับ ถึงตอนนั้นแล้วองค์ชายจะทำเมินเฉยได้หรือขอรับ?"
"…ไม่ขอปฏิเสธ"

พอพูดถึงตรงนั้นรถม้าที่นำคุมะฮาจิกับมิราโนะก็มาถึงที่ราบที่มีแม้น้ำเล็กๆใสบริสุทธิ์ไหลอยู่ เป็นจุดที่นักเดินทางมักใช้พักผ่อนหรือนอนข้างระหว่างทาง พวกมิราโนะเองก็เหมือนกับคนอื่นๆและทำการพักบริเวณนี้เช่นกัน 

"ถ้าอย่างนั้นก็มาพักกันสักหน่อยดีกว่า ทุกคน ฝากเตรียมอาหารด้วยนะ"

พอคุมะฮาจิออกคำสั่งพวกผู้ติดตามคนอื่นเสร็จ พวกผู้ติดตามก็หยิบเครื่องครัวออกมาจากรถม้าสำหรับเก็บของและเตรียมด้วยท่าทางที่เคยชิน ทั้งรวบรวมฟืน ทั้งทำครัว ทั้งหมดอยู่ในการควบคุม บรรดายอดฝีมือที่มิราโนะเลือกมานั้น ล้นเป็นผู้มากความสามารถ ไม่ใช่เพียงแค่ชำนาญในอาวุธ แต่เรื่องจิปาถะอย่างการทำอาหารก็สามารถทำได้   

มิราโนะที่เป็นองค์ชายนั้นไม่ได้เข้าร่วมในงานพวกนี้แน่นอน ส่วนคุมะฮาจินั้นคอยมองการทำงานอยู่ห่างๆ พอยืนยันว่าไม่มีปัญหาก็เดินยังริมฝั่งแม่น้ำแล้วนั่งลง พอพักไปได้สักพัก อยู่ๆก็มีสาวน้อยสีขาวซีดตามมาแตะตัวคุมะฮาจิจากข้างในรถม้า――เซเลเน่ที่ปิดตัวจากรอบข้างมาตลอดนั่นเอง 

เซเลเน่นั้นมีร่างกายสีขาวซีด สวมชุดโกธิกสีน้ำนมมีลูกไม้ติดอยู่ชายเสื้อยาวๆสวมหมวกปีกใหญ่สีขาวบริสุทธิ์เป็นประกาย ทั้งรูปร่างน่ารักราวกับเจ้าหญิงจากนิทาน แต่ว่าไม่ได้มีแค่ความงดงามเท่านั้น เพื่อปกป้องไม่ให้ผิวของเซเลเน่เวลาโดนแดดจ้าเป็นเวลานานจนผิวหนังไหม้จึงได้ใช้เวทคุ้มกันไว้ ในระหว่างการเจรจา มิราโนะได้สั่งให้ยอดฝีมือของอาร์คุยล่าให้สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ    

ดูเหมือนว่ามิราโนะได้บอกไว้ว่า"เพื่อพาตัวไป รีบสร้างให้เสร็จทันเวลาซะ" แต่ว่าแค่หมวกใบเดียวก็สามารถซื้อบ้านในอาร์คุยล่าได้หลายหลังแล้ว 

"หมี เป็นอะไรไหม?"
"หืม อา? ท่านเซเลเน่เองหรือขอรับ มีอะไรหรือขอรับ?"
"หมี ดูเหนื่อย สบายดีไหม?"

พอได้ยินเนื้อหาที่เซเลเน่ที่เดินมาหาชวนคุยนั้นก็ทำเอาคุมะฮาจิรู้สึกชื่นชม ทั้งที่คิดว่ากำลังโศกเศร้าเสียใจกับเรื่องของตัวเอง แต่สาวน้อยคนนี้กลับสามารถมองเห็นความเหนื่อยของตนเองได้ทันที 

"(ทั้งๆที่เป็นสาวน้อยที่อายุยังไม่เท่าไหร่แท้ๆแต่กลับรู้อะไรเยอะจริงๆ)"

อย่างที่เซเลเน่พูด ถึงจะไม่แสดงออกมาทางสีหน้าเพราะอยู่ต่อหน้าลูกน้องแต่คุมะฮาจิก็กำลังเหนื่อยอยู่ ถ้าออกจากเมืองมาแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่อาจจะพูดได้เต็มปากว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ถึงจะใช้ถนนที่ถูกเบิกทางเป็นทางหลวง แต่บางครั้งสองรอบข้างก็เป็นป่าปิด ถ้าประมาทแม้เพียงนิดจะโดนสัตว์ป่าบุกจู่โจมเมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ นอกจากนั้นพวกโจรที่เล็กนักเดินทางก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย  

แม้ที่ด้านข้างของรถม้าจะมีตรานกอินทรีย์สีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเฮริฟาลเต้อยู่ ทำให้โอกาสที่จะถูกพวกโจรจู่โจมจึงมีน้อย แต่ก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีเช่นกัน

คุมะฮาจิเป็นทั้งเพื่อนที่ดีของมิราโนะ และมีความสัมพันธ์แบบนายบ่างในเวลาเดียวกัน ถ้าผู้เป็นนายมีอันตราย ตัวเองก็ต้องต่อสู้ ถึงจะเห็นว่าเอาแต่พูดคุยเล่นกัน แต่ระหว่างที่ไปตามถนน คุมะฮาจิก็ระมัดระวังเฉียบคมดุจคมดาบอยู่ตลอดเวลา 

"ข้างๆ ได้?"
"อะ อา จะไม่เป็นอะไรหรือขอรับ ท่านเซเลเน่ คือว่า…ไม่คิดอะไรกับข้าพเจ้าเลยเหรอขอรับ?"
"อะไรเหรอ?"

เซเลเน่เงยหน้าขึ้นมองคุมะฮาจิด้วยสีหน้าไม่คิดอะไร เรื่องนี้ทำเอาคุมะฮาจิรู้สึกตกใจ ถึงภายในจะเป็นผู้ชายอ่อนโยน แต่คุมะฮาจินั้นเมื่อมองจากภายนอกแล้วจะให้เยินยอยังไงก็ไม่สามารถบอกว่ามีรูปร่างที่ดูดีได้ จากลักษณะของคนต่างชาติหน้าตาโทรมเต็มไปด้วยหนวดเครา ถ้าเด็กๆได้มองเขาก็คงจะร้องไห้เสียงดังวิ่งหนีไปแน่ๆ แต่กลับกันสาวน้อยที่ราวกับหิมะที่เพียงแค่สัมผัสก็ละลายหายไปคนนี้ดูเหมือนจะมีความกล้าที่จะเข้ามาหาโดยไม่เกรงกลัว

"ข้าพเจ้า ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะขอรับ ท่านเซเลเน่ไม่กลัวหรือขอรับ?"
"ไม่เป็นไร หมี คนดี"

เซเลเน่ที่ตอบอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดาก็ทำเอาคุมะฮาจิตกใจยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่าตัวเองจะไม่มีความมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนดีอะไร แต่ว่าการที่จะไม่มองคนที่ภายนอกแล้วมองเพียงภายนั้นแม้แต่ผู้ใหญ่เองยังเป็นเรื่องยาก 

"ท่านเซเลเน่มีความคิดที่ยืดหยุ่นและไม่สั่นคลอน ในอนาคต ต้องสามารถคนใหญ่คนโตได้แน่ขอรับ คุมะฮาจิคนนี้ขอรับประกันเลยขอรับ"
"ขอบคุณ"

เซเล่เน่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยดูน่ารักน่าชัง แล้วก็ตอบกลับมาสั้นๆ 

"(อย่างนี้นี่เอง…จะถูกเรียกว่าตัวประหลาดก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยขอรับ ด้วยอายุเท่านี้แต่กลับมีท่าทีเช่นนี้ก็เลยโดนพวกหัวแข็งทำการกีดกั้น)"

ถึงจะได้พูดคุยแค่สั้นๆ แต่คุมะฮาจิก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของมิราโนะ สาวน้อยคนนี้จะปล่อยให้ถูกขังไว้ในคุกมืดแคบๆจนเสียของไปไม่ได้ ถ้าได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมจะเป็นสาวอัจฉริยะขนาดไหนกัน คุมะฮาจิตัดสินใจอย่างซื่อตรงว่าจะให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้ 

แต่ว่า ไม่ใช่ว่าเซเลเน่จะเห็นเนื้อในอะไรของคุมะฮะจิหรอก แต่ตอนที่เซเลเน่มองลงมาจากรถม้า ทั้งๆที่ทุกคนกำลังเจี๊ยวจ๊าวร่าเริงกับการเตรียมแค๊มป์แท้ๆ แต่มีคุมะฮาจิคนเดียวที่ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่อื่นแล้วสักพักก็หันหลังนั่งมองแม่น้ำเล็กๆ หรือก็คือถูกคิดว่าเพื่อนไม่คบนั่นเอง

ถ้ามองจากภายนอกของคุมะฮาจิสำหรับเซเลเน่แล้วก็ถูกตัดสินไว้ว่าเป็น"แรงงานต่างด้าวค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกกดขี่" ถูกองค์ชายใจยักษ์นามมิราโน่ลากตัวพามาเป็นตัวแทน เป็นเพียงแกะดำในกลุ่ม

ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ เซเลเน่ที่เหลือจากการจับคู่กันเสมอๆนั้นไม่อาจจะปล่อยคุมะฮาจิที่ยืนอยู่คนเดียวไว้ได้ เพราะรู้ความขมขื่นจากการถูกพูดว่า"อะไรกัน เธออยู่คนเดียวเหรอ มาจับคู่กับอาจารย์ละกัน"ดี เลยไม่พูดว่า"เพราะอยู่คนเดียว" แต่เป็น"เพราะว่าดูเหนื่อย"แบบอ้อมๆแทน 

ยิ่งกว่านั้นสำหรับเซเลเน่ที่เคยเป็นตาลุงสกปรกอยู่คนเดียว แทนที่จะอยู่กับพวกผู้ติดตามที่แข็งแรงสดใสคนอื่นๆการมาอยู่ข้างคุมะฮาจิที่เป็นตาลุงสกปรก แถมยังโดดเดี่ยวเหมือนกันแล้วรู้สึกสบายใจและสงบมากกว่า ถึงจริงๆแล้วคุมะฮาจิจะไม่ได้โดดเดี่ยว แถมไม่ได้เป็นตาลุงก็ตาม

"วันนี้ อากาศดี ฉัน ไม่ค่อย ออก ข้างนอก อิจฉา หมี ที่แข็งแรง"
"…อย่างนั้นหรือขอรับ"

สำหรับเซเลเน่ที่ไร้ความสามารถทางมนุษยสัมพันธ์นั้นไม่มีเรื่องที่จะพูดเลย พอนั่งข้างๆ แล้วคิดจะพูดกับคุมะฮาจิ สุดท้ายก็เลยพูดออกมาได้แค่เรื่องอากาศหรือถามสุขภาพเท่านั้น

แต่ว่าคุมะฮาจิที่ได้ยินไม่ได้คิดเช่นนั้น องค์หญิงคนนี้ถูกกักขังมาตลอด รู้จักเพียงแค่โลกแห่งความมืดมิด สำหรับท้องฟ้านี้ที่ตนไม่เห็นว่ามีอะไร สำหรับเธอมันจะสวยงามขนาดไหนกันนะ แล้วก็องค์หญิงที่รู้สึกเช่นนั้นก็เกิดอยากที่จะสอนให้รู้ว่าโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่เพียงใดและมีสถานที่ๆงดงามขนาดไหนอยู่ 

"หืม ถ้าอย่างนั้นนะท่านเซเลเน่ คุมะฮาจิผู้นี้จะสอนเกี่ยวกับโลกนี้ให้เองขอรับ"
"เอ๊ะ?"
"อะไรกัน เห็นข้าพเจ้าแบบนี้แต่จากการที่ต้องเป็นผู้ดูแลขององค์ชายมิราโนะทำให้รู้จักทวีปนี้ดีขอรับ สามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆที่ถูกต้องแม่นยำได้สนุกยิ่งกว่าพวกนักภูมิศาสตร์มากทฤษฎีตรงนั้นเยอะนะขอรับ"

คุมะฮาจิพูดติดตลก แล้วก็หยิบแผนที่เก่าๆออกมาจากบริเวณอกเอามากางบนพื้นหญ้า 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 7 บ่ายที่เจิดจ้าวันหนึ่ง

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 7 บ่ายที่เจิดจ้าวันหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนบัลลังก์สีทองที่เปล่งประกายอย่างต่ำช้า มิราโนะที่กำลังยิ้มอย่างต่ำช้าพร้อมกับนั่งไขว่ห้างอยู่ บนมือของเขากำโซ่ธรรมดาๆห่างจากเครื่องตกแต่งไร้รสนิยมที่ใช้ทองทำแขวนอยู่รอบๆอยู่ระดับหนึ่ง โซ่ที่ดูจะไว้นำทางสุนัขนั้นติดอยู่กับปลอกคอเหล็กที่คล้องอยู่บนคอของเซเลเน่ผู้บอบบาง  

"มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาคุกเข่าตรงนี้อีกเหรอ ยัยอัปลักษณ์"
"…ค่ะ"

เซเลเน่ใช้สายตามองบนไปยังมิราโนะ เซเลเน่ในตอนนี้อยู่ในสภาพเปิดให้เนื้อหนัง ถูกบังคับให้ใส่ชุดที่ดูแล้วเหมือนหญิงขายตัวมากกว่าชุดเมด ถูกกระทำราวกับทาส และก็ไม่สามารถคิดจะต่อต้านได้เลย 

"ยังทำสายตาต่อต้านอยู่อีกเหรอ ใครกันนะที่เป็นคนปล่อยแกที่ถูกขังในกรงออกมาน่ะ? ตอบมาซะสิ"
"…ท่าน…มิราโนะ ค่ะ ขอบคุณ มากค่ะ"

เซเลเน่ตัวสั่นเทา กล้ำกลืนพูดคำขอโทษโดยไม่เต็มใจออกมา สำหรับเธอแล้วไม่ได้อยากจะมาเป็นแบบนี้เลย มิราโนะที่ดูจะกำลังสนุกสนานกับท่าทางไม่เต็มใจของเซเลเน่ก็ยื่นมือไปยังโต๊ะที่อยู่ข้างๆแล้วหยิบถ้วยชาแดงขึ้นมา แล้วก็เอียงแก้วนั้นลงไปที่บริเวณเท้าของตัวเองจนชาที่ซื้อมาจากการขูดเลือดขูดเนื้อภาษีชาวประชาต้องสูญเปล่าไปโดยไร้ซึ่งประโยชน์แม้แต่อย่างเดียว 

"โอ๊ะ พื้นสกปรกหมดแล้วนะ ต้องทำความสะอาดหน่อยแล้ว"

มิราโนะนั้นยิ้มอย่างร่าเริง แล้วสะบัดแซ่ในมือเบาๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ร่างกายเล็กๆของเซเลเน่ทรุดลงจนหน้าลงไปยังพรมที่เปื้อน

"เอ้า เลียพรมนั่นซะ ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ? ในตอนนั้นจะให้พี่สาวของเธอทำแทนก็ได้ ฮ๊าฮะฮะฮะฮะ!!"

  ◆◇◆◇◆

"ไปตายซะ"

เซเลเน่สะบดเสียงเล็กๆใส่องค์ชายต่ำทรามในโลกจินตนาการ โดยที่ไม่ได้คิดสักนิดว่าตัวเองที่จินตนาการแบบนั้นไปได้นี่ล่ะที่ต่ำทรามที่สุด การเดินทางไปยังราชอาณาจักรเฮฟาลเต้ใช้เวลาอย่างเร็วก็สามวัน ในทุดวันบนรถม้าเซเลเน่ก็เหม่อลอยไปตามโลกที่บิดเบี้ยวของตัวเอง

สำหรับเซเลเน่ที่มีอคติว่าพวกคนรวยเป็นพวกตัวร้ายชอบแอบทำเรื่องโรคจิตอยู่เบื้องหลังนั้น พอจินตนาการถึงชีวิตหลังจากนี้ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว อยากที่จะหนีไปให้พ้นๆ แต่ว่าด้วยตัวคนเดียวก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ แล้วถ้าตัวเองหนีไปจนพี่สาวต้องเป็นตัวประกันล่ะก็ไม่ดีแน่ๆ สภาพจิตใจของเซเลเน่นั้นราวกับลูกแกะที่กำลังถูกส่งไปโรงเชือด ถ้าเกิดว่ามีปีกล่ะก็คงกลับไปยังคุกนรกอันแสนสบายใจได้แล้วแท้ๆ 

เซเลเน่อยู่ในวังวนของจินตนาการอันเลวร้าย ขณะที่กำลังทำตัวเองอยู่นั้น ทั้งพวกผู้ติดตามรถม้า ทั้งมิราโนะและคุมะฮาจิต่างก็หดหู่เผ้ามององค์หญิงตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง 

ความจริงแล้วรถม้าที่เซเลเน่นั่งอยู่ควรจะเป็นมิราโนะที่เป็นองค์ชายที่นั่งอยู่ แต่ว่าหลังจากห่างจากอัลเล พอเห็นสายตาของเซเลเน่ที่ราวกับลูกแกะในโรงเชือดแล้วก็เลยจะปล่อยให้เธอใจเย็นลง มิราโนะก็เลยมาขี่ม้าข้างๆกับคุมะฮาจิ 

"องค์ชายที่ยอมอ่อนให้ของถวายที่กรรโชกมา ก็แปลกคนเหมือนกันนะขอรับ"
"เด็กคนนั้นยังไม่ค่อยชินกับผู้คนน่ะ ให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ"

ถึงจะโดนยึดรถม้าของตัวเองไปก็ไม่ว่าอะไร มิราโนะไม่บ่นอะไรแม้แต่คำเดียว แล้วไปนั่งควบรถม้าคู่กับคุมะฮาจิ เพราะว่าเธอถูกแยกจากพี่สาวที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวไปและถูกพวกผู้ใหญ่พาไปยังต่างประเทศ ถึงจะอธิบายเหตุผลไปแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายเหงาได้ มิราโนะนั้นคิดว่าอยากจะให้เด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้มีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้  

ถึงอย่างนั้น ถ้าเป็นเด็กสาวรุ่นเดียวกับเซเลเน่ถ้าได้ยินว่าจะถูกพาไปยังราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ที่เป็นเมืองใหญ่โตงดงามอร่ามตาถึงจะรู้สึกกังวลอยู่บ้างแต่ต้องรู้สึกดีใจอย่างแน่นอน แต่ว่าเซเลเน่นั้นกลับทำตาเป็นปลาตายแล้วเอาแต่นอนกลิ้งอยู่ในรถม้าตลอด สำหรับเธอโลกใบนี้คงมีแต่สิ่งเลวร้ายที่ทำร้ายเธอไม่ผิดแน่ พอคิดแบบนั้นแล้วมิราโนะก็รู้สึกอย่างให้ราชินีที่ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเป็นขนาดนี้ให้ได้

"แต่ว่า ราชินีแห่งอาคุยล่าร์ส่งตัวให้ง่ายผิดคาดเลยนะขอรับ ทางนี้ก็อยากจะขอบคุณอยู่หรอก แต่พอคิดว่าเป็นแม่ลูกแล้ว ก็รู้สึกแปลกๆเลยนะขอรับ"
"ทางนั้นก็คงกำลังยิ้มดีใจ ที่กำจัดของคงคลังได้อยู่ล่ะมั้ง"

มิราโนะนึกถึงตอนที่นั่งตอนเจรจา พอคิดถึงพวกราชินีที่ยิ้มหัวเราะหน้ารังเกียจก็พาอารมณ์เสียสุดๆ มีแค่อัลเลที่ทำสีหน้าซับซ้อนเป็นที่พักพึงใจเพียงหนึ่งเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นการช่วยอะไรเซเลเน่เท่าไหร่  

ตอนที่มิราโนะขอรับตัวเซเลเน่ไปนั้น ราชินีแห่งอาคุยล่าร์ได้ยื่นเงื่อนไขมาสองข้อ

อย่างแรก ความจริงเรื่องที่เซเลเน่เป็นองค์หญิงลำดับที่สองนั้น ให้รู้กันแค่ในเบื้องบนของเฮฟาลเต้เท่านั้น เพราะว่าจะค่อนข้างเป็นปัญหา ก็เลยไม่อยากให้ความจริงว่าซ่อนองค์หญิงอันดับที่สองเอาไว้ในประเทศเป็นเวลายาวนานออกไป อีกอย่างก็คือการส่งตัวอัลเลไปศึกษาที่ราชอาณาจักรเฮฟาลเต้ โดยค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนทั้งหมดทางราชอาณาจักรเฮฟาลเต้จะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ  

มหาวิทยาลัยของราชอาณาจักรเฮฟาลเต้นั้นถือเป็นสถานที่ๆผู้เชี่ยวชาญทั่วทวีปต่างใฝ่ฝัน เพียงแค่ได้สมัครเข้าเรียนที่นั่นก็ได้หน้าแล้ว ผู้คนมีชื่อเสียงต่างๆจากแต่ละประเทศจึงมักจะส่งลูกตัวเองมาศึกษา แน่นอนว่าอาร์คุยล่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ประเทศนั้นก็เป็นเพียงประเทศเล็กๆ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะเข้ามาได้

ตรงส่วนนั้นพอองค์ชายมิราโนะได้บอกไปว่าต้องการตัวของเซเลเน่ ราชินีแห่งอาร์คุยล่าที่ปกติแล้วเห็นเซเลเน่เป็นตัวปัญหา กลับยอมเรียกว่าเป็นองค์หญิงลำดับที่สองแล้วใช้เป็นไพ่ในเจรจา แล้วก็ยื่นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับส่งตัวเซเลเน่เป็นหนังสือแนะนำสำหรับองค์หญิงลำดับที่หนึ่งอัลเล เพื่อที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับองค์หญิงลำดับหนึ่งคนโปรดนั่นเอง ทั้งที่บอกว่าเป็นองค์หญิงลำดับที่สองแท้ๆ แต่สั่งว่าห้ามเปิดเผยว่าเซเลเน่เป็นองค์หญิงลำดับสองแห่งอาร์คุยล่า ช่างเป็นอะไรที่ย้อนแย้งสุดๆ

"[ทั้งเป็นตัวตนผู้มากด้วยพรสรรค์ที่หาได้ยากและเป็นบุคคลผู้มีระดับสูงส่ง จะขอส่งมอบให้กับราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ผู้เป็นที่รักเพื่อให้บุตรสาวผู้นี้ได้เบ่งบานความเป็นอัจฉริยะให้ได้รับใช้ประเทศของท่านตามที่ปรารถนา]เหรอ…"

คุมะฮาจิหยิบกระดาษที่เขียนข้อสัญญาจากหน้าอกออกมาอ่านอีกครั้ง แล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

"อย่างกับประโยคของพวกสิบแปดมงกุฎเลยนะขอรับ มีที่มาจากไหน มีความสามารถอย่างไร ไม่เขียนไว้ให้เป็นรูปธรรมเลยนะขอรับ"
"เอาเถอะ นอกจากการทำสัญญาให้ส่งตัวเซเลเน่มาแล้ว จะให้ฝ่ายนั้นส่งตัวมาให้เลยก็ทำไม่ได้นี่น่า แล้วก็เกี่ยวกับองค์หญิงอัลเล เดิมทีแล้วก็จะเรียกตัวมาเพื่อเซเลเน่อยู่แล้ว พอคิดแบบนั้นแล้วการที่อยากจะให้มาเรียนก็พูดได้ว่าช่วยได้เยอะเลยล่ะนะ"
"ก็จริงว่าถ้าเป็นท่านอัลเลคนเดียวด้วยอำนาจขององค์ชายสามารถพาเข้าได้อยู่แล้ว แต่ว่าทำอะไรตามใจแบบนี้ ท่านพ่อจะไม่โกรธเอาหรือ?"
"โกรธแน่นอนอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าสิทธิพิเศษแค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วจะเป็นองค์ชายไปทำไมล่ะ"

มิราโนะตอบแกมล้อเล่น อัลเลก็เรื่อง แต่การช่วยเซเลเน่นั้นสำหรับราชอาณาจักรเฮฟาลเต้แล้วมีแต่ได้ผลเสีย เพราะว่าเป็นองค์หญิงที่ถูกทิ้งไม่มีค่าอะไร ถ้าให้พูดตรงๆก็คิดได้เลยว่าถูกทิ้งมาให้แน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้น มิราโนะก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ เรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานให้ท่านพ่อ ถึงการทำแบบนี้ของตนในต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ควรตำหนิ แต่ถ้าท่านพ่ออยู่จุดยืนเดียวกับตัวเองก็คงจะทำแบบเดียวกันแน่นอน

"จะยังไงก็การช่วยเหลือเจ้าหญิงที่ถูกขังออกมาจากคุกนรกก็สำเร็จแล้วนะขอรับ พอพวกผู้ใหญ่เริ่มทำหน้างอกันท่านเซเลเน่ก็คงจะสับสนล่ะนะขอรับ แล้วหลังจากเรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าองค์ชายยอมรับผิดชอบทั้งหมดแล้วให้ท่านพ่อต่อยสักหมัดก็คงจบเรื่องได้ล่ะขอรับ ขอให้โชคดีและมีชัย"
"พอเป็นเรื่องคนอื่นนี่สนุกเลยนะ"

มิราโนะยิ้มเจื่อนแล้วถอนหายใจออกมา เพราะว่าเป็นทางนี้เองที่ไปสร้างเรื่องในต่างประเทศมิราโนะจึงคิดว่ามันคงเป็นกรรมตามสนองตัวเอง ตามที่คุมะฮาจิพูดการชิงตัวเซเลเน่ก็สำเร็จแล้ว การที่ราชินีมองข้ามไปนั้นคิดแล้วก็ยังถือว่าเป็นผลดี เรื่องค่าใช้จ่ายเล่าเรียนขององค์หญิงอัลเลให้ขวักเองก็ได้ "การแลกเปลี่ยนนี้หากำไรเพิ่มขึ้นไม่ได้อีกแล้ว"ของราชินีแห่งอาร์คุยล่านั้นสำหรับองค์ชายแห่งเฮริฟาลเต้แล้วมัน"น้อยยิ่งกว่าเศษเงิน" ยิ่งกว่าปัญหาเรื่องเงินแล้วความโกรธของท่านพ่อน่ากลัวว่าเยอะ

"เอาล่ะ มาพูดคุยกันจริงจังหน่อย ท่านเซเลเน่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ได้ยินว่าเป็นเด็กฉลาดจากท่านอัลเล แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กล่ะนะขอรับ ถ้าฝากไว้ผิดคนก็มีโอกาสที่เรื่องที่เธอเป็นองค์หญิงแห่งอาร์คุยล่าอาจจะหลุดรอดจากที่นั้นได้"
"ก่อนอื่น จนกว่าองค์หญิงอัลเลจะมาประเทศผมจะเป็นดูแลเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดีกับหลายๆอย่างล่ะนะ"
"ข้าพเจ้าก็เห็นด้วย แบบน้นดีที่สุดขอรับ"

คุมะฮาจิพยักหน้า แล้วมิราโนะก็พูดต่อ 

"เรื่องการให้การศึกษาน่ะแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ให้ค่อยเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต สิ่งสำคัญสำหรับเด็กคนนั้นในตอนนี้ก็คือการขจัดความกลัวที่มีต่อโลกออกไปล่ะนะ"
"ตามที่ว่า ถึงจะได้รับความรู้จนสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้แล้ว แต่ถ้ายังคงมีความกลัวโลกจากช่วงวัยเรียนรู้แบบนี้อยู่คงจะใช้ชีวิตโดยเกลียดชังโลกไปชั่วชีวิตแน่ขอรับ"

พอพูดแบบนั้น คุมะฮาจิก็เห็นด้วยกันความคิดของมิราโนะ 

"สำหรับในตอนนี้ ก็คิดไว้ว่าจะให้เซเลเน่อยู่เล่นกับแม่รี่น่ะ"

ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น พอเข้าใจคำพูดของมิราโนะคุมะฮาจิก็ชักหน้าทันที

"คะ คุณน้องสาวเหรอขอรับ? ถึงจะเสียมารยาทที่จะพูด แต่กับท่านเซเลเน่ที่ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน จะให้รับมือกับเด็กสาวคนนั้นมันค่อนข้างหนักหนาไปหน่อยหรือเปล่า…"
"สำหรับเซเลเน่น่ะ ไม่ใช่แค่ต้องหลบหลีกจากพวกผู้ใหญ่แล้วเพื่อนเด็กๆก็จำเป็นนะ จะให้ไปพบกับลูกสาวของขุนนางคนอื่นๆจนที่มาของเซเลเน่หลุดไปก็ไม่ได้ ถ้าพูดถึงเรื่องอายุล่ะก็ แมรี่กับเซเลเน่ก็เหมาะสมกันแล้วล่ะ แล้วก็…"

มิราโนะสูดลมหายใจหนึ่งครั้ง แล้วพูดเสริมต่อ

"จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยรู้เรื่องของน้องสาวเท่าไหร่น่ะ สมัยก่อนเอาแต่ร้องเรียก[ท่านพี่ ท่านพี่]แท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้ ไม่รู้ทำไมเริ่มดิ้อใส่แล้ว? ไม่ค่อยแสดงความนับถือเลย อาจจะกำลังเหงาอยู่ก็ได้มั้ง เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าถ้ามีเซเลเน่ ก็น่าจะอ่อนๆลงไปบ้างน่ะ"
"นั่นคือเหตุผลที่รับองค์หญิงเซเลเน่มาหรือขอรับ"
"ก็นะ ก็แค่เหตุผลรองน่ะ"
"เดี๋ยวเดี๋ยว ยังมีเหตุผลอยู่อีกเหรอขอรับ"

คุมะฮาจิทำท่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกระซิบที่หูของมิราโนะ 

"เรื่องที่องค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิราโนะมีความสนใจเป็นพิเศษกับเด็กตัวเล็กๆ ข้าพเจ้า ไม่เคยคิดเคยฝันเลยขอรับ ก็ปฎิเสธคำเชิญของสาวงามมาตลอดเลยล่ะนะขอรับ แต่ว่า จะให้มาร่วมคืน ก็ดูจะเด็กไปนะขอรับ"
"อย่าพูดเรื่องบ้าๆน่า"

เป็นเรื่องแปลกที่มิราโนะโกรธอย่างจริงจัง คุมะฮาจิก็หัวเราะออกมา 

"แต่ว่าองค์ชาย สำหรับท่านเซเลเน่ในตอนนี้นั้นก็ถือเป็นสาวรูปงามที่หาไม่ได้อีกในทวีปนี้เลยนะขอรับ? ถ้าผ่านไปสักห้าปีก็ถึงเวลาที่จะบานสะพรั่ง แถมถ้าผ่านไปห้าปีแล้วจะบานออกมาเป็นดอกไม้เช่นไรกันนะ สาวงามใต้แสงจันทร์(โบวตั๋น)บางทีอาจจะเป็นคำที่มีเพื่อเด็กคนนั้นเลยก็ได้นะขอรับ ถึงตอนนั้นแล้วองค์ชายจะทำเมินเฉยได้หรือขอรับ?"
"…ไม่ขอปฏิเสธ"

พอพูดถึงตรงนั้นรถม้าที่นำคุมะฮาจิกับมิราโนะก็มาถึงที่ราบที่มีแม้น้ำเล็กๆใสบริสุทธิ์ไหลอยู่ เป็นจุดที่นักเดินทางมักใช้พักผ่อนหรือนอนข้างระหว่างทาง พวกมิราโนะเองก็เหมือนกับคนอื่นๆและทำการพักบริเวณนี้เช่นกัน 

"ถ้าอย่างนั้นก็มาพักกันสักหน่อยดีกว่า ทุกคน ฝากเตรียมอาหารด้วยนะ"

พอคุมะฮาจิออกคำสั่งพวกผู้ติดตามคนอื่นเสร็จ พวกผู้ติดตามก็หยิบเครื่องครัวออกมาจากรถม้าสำหรับเก็บของและเตรียมด้วยท่าทางที่เคยชิน ทั้งรวบรวมฟืน ทั้งทำครัว ทั้งหมดอยู่ในการควบคุม บรรดายอดฝีมือที่มิราโนะเลือกมานั้น ล้นเป็นผู้มากความสามารถ ไม่ใช่เพียงแค่ชำนาญในอาวุธ แต่เรื่องจิปาถะอย่างการทำอาหารก็สามารถทำได้   

มิราโนะที่เป็นองค์ชายนั้นไม่ได้เข้าร่วมในงานพวกนี้แน่นอน ส่วนคุมะฮาจินั้นคอยมองการทำงานอยู่ห่างๆ พอยืนยันว่าไม่มีปัญหาก็เดินยังริมฝั่งแม่น้ำแล้วนั่งลง พอพักไปได้สักพัก อยู่ๆก็มีสาวน้อยสีขาวซีดตามมาแตะตัวคุมะฮาจิจากข้างในรถม้า――เซเลเน่ที่ปิดตัวจากรอบข้างมาตลอดนั่นเอง 

เซเลเน่นั้นมีร่างกายสีขาวซีด สวมชุดโกธิกสีน้ำนมมีลูกไม้ติดอยู่ชายเสื้อยาวๆสวมหมวกปีกใหญ่สีขาวบริสุทธิ์เป็นประกาย ทั้งรูปร่างน่ารักราวกับเจ้าหญิงจากนิทาน แต่ว่าไม่ได้มีแค่ความงดงามเท่านั้น เพื่อปกป้องไม่ให้ผิวของเซเลเน่เวลาโดนแดดจ้าเป็นเวลานานจนผิวหนังไหม้จึงได้ใช้เวทคุ้มกันไว้ ในระหว่างการเจรจา มิราโนะได้สั่งให้ยอดฝีมือของอาร์คุยล่าให้สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ    

ดูเหมือนว่ามิราโนะได้บอกไว้ว่า"เพื่อพาตัวไป รีบสร้างให้เสร็จทันเวลาซะ" แต่ว่าแค่หมวกใบเดียวก็สามารถซื้อบ้านในอาร์คุยล่าได้หลายหลังแล้ว 

"หมี เป็นอะไรไหม?"
"หืม อา? ท่านเซเลเน่เองหรือขอรับ มีอะไรหรือขอรับ?"
"หมี ดูเหนื่อย สบายดีไหม?"

พอได้ยินเนื้อหาที่เซเลเน่ที่เดินมาหาชวนคุยนั้นก็ทำเอาคุมะฮาจิรู้สึกชื่นชม ทั้งที่คิดว่ากำลังโศกเศร้าเสียใจกับเรื่องของตัวเอง แต่สาวน้อยคนนี้กลับสามารถมองเห็นความเหนื่อยของตนเองได้ทันที 

"(ทั้งๆที่เป็นสาวน้อยที่อายุยังไม่เท่าไหร่แท้ๆแต่กลับรู้อะไรเยอะจริงๆ)"

อย่างที่เซเลเน่พูด ถึงจะไม่แสดงออกมาทางสีหน้าเพราะอยู่ต่อหน้าลูกน้องแต่คุมะฮาจิก็กำลังเหนื่อยอยู่ ถ้าออกจากเมืองมาแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่อาจจะพูดได้เต็มปากว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ถึงจะใช้ถนนที่ถูกเบิกทางเป็นทางหลวง แต่บางครั้งสองรอบข้างก็เป็นป่าปิด ถ้าประมาทแม้เพียงนิดจะโดนสัตว์ป่าบุกจู่โจมเมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ นอกจากนั้นพวกโจรที่เล็กนักเดินทางก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย  

แม้ที่ด้านข้างของรถม้าจะมีตรานกอินทรีย์สีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเฮริฟาลเต้อยู่ ทำให้โอกาสที่จะถูกพวกโจรจู่โจมจึงมีน้อย แต่ก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีเช่นกัน

คุมะฮาจิเป็นทั้งเพื่อนที่ดีของมิราโนะ และมีความสัมพันธ์แบบนายบ่างในเวลาเดียวกัน ถ้าผู้เป็นนายมีอันตราย ตัวเองก็ต้องต่อสู้ ถึงจะเห็นว่าเอาแต่พูดคุยเล่นกัน แต่ระหว่างที่ไปตามถนน คุมะฮาจิก็ระมัดระวังเฉียบคมดุจคมดาบอยู่ตลอดเวลา 

"ข้างๆ ได้?"
"อะ อา จะไม่เป็นอะไรหรือขอรับ ท่านเซเลเน่ คือว่า…ไม่คิดอะไรกับข้าพเจ้าเลยเหรอขอรับ?"
"อะไรเหรอ?"

เซเลเน่เงยหน้าขึ้นมองคุมะฮาจิด้วยสีหน้าไม่คิดอะไร เรื่องนี้ทำเอาคุมะฮาจิรู้สึกตกใจ ถึงภายในจะเป็นผู้ชายอ่อนโยน แต่คุมะฮาจินั้นเมื่อมองจากภายนอกแล้วจะให้เยินยอยังไงก็ไม่สามารถบอกว่ามีรูปร่างที่ดูดีได้ จากลักษณะของคนต่างชาติหน้าตาโทรมเต็มไปด้วยหนวดเครา ถ้าเด็กๆได้มองเขาก็คงจะร้องไห้เสียงดังวิ่งหนีไปแน่ๆ แต่กลับกันสาวน้อยที่ราวกับหิมะที่เพียงแค่สัมผัสก็ละลายหายไปคนนี้ดูเหมือนจะมีความกล้าที่จะเข้ามาหาโดยไม่เกรงกลัว

"ข้าพเจ้า ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะขอรับ ท่านเซเลเน่ไม่กลัวหรือขอรับ?"
"ไม่เป็นไร หมี คนดี"

เซเลเน่ที่ตอบอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดาก็ทำเอาคุมะฮาจิตกใจยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่าตัวเองจะไม่มีความมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนดีอะไร แต่ว่าการที่จะไม่มองคนที่ภายนอกแล้วมองเพียงภายนั้นแม้แต่ผู้ใหญ่เองยังเป็นเรื่องยาก 

"ท่านเซเลเน่มีความคิดที่ยืดหยุ่นและไม่สั่นคลอน ในอนาคต ต้องสามารถคนใหญ่คนโตได้แน่ขอรับ คุมะฮาจิคนนี้ขอรับประกันเลยขอรับ"
"ขอบคุณ"

เซเล่เน่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยดูน่ารักน่าชัง แล้วก็ตอบกลับมาสั้นๆ 

"(อย่างนี้นี่เอง…จะถูกเรียกว่าตัวประหลาดก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยขอรับ ด้วยอายุเท่านี้แต่กลับมีท่าทีเช่นนี้ก็เลยโดนพวกหัวแข็งทำการกีดกั้น)"

ถึงจะได้พูดคุยแค่สั้นๆ แต่คุมะฮาจิก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของมิราโนะ สาวน้อยคนนี้จะปล่อยให้ถูกขังไว้ในคุกมืดแคบๆจนเสียของไปไม่ได้ ถ้าได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมจะเป็นสาวอัจฉริยะขนาดไหนกัน คุมะฮาจิตัดสินใจอย่างซื่อตรงว่าจะให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้ 

แต่ว่า ไม่ใช่ว่าเซเลเน่จะเห็นเนื้อในอะไรของคุมะฮะจิหรอก แต่ตอนที่เซเลเน่มองลงมาจากรถม้า ทั้งๆที่ทุกคนกำลังเจี๊ยวจ๊าวร่าเริงกับการเตรียมแค๊มป์แท้ๆ แต่มีคุมะฮาจิคนเดียวที่ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่อื่นแล้วสักพักก็หันหลังนั่งมองแม่น้ำเล็กๆ หรือก็คือถูกคิดว่าเพื่อนไม่คบนั่นเอง

ถ้ามองจากภายนอกของคุมะฮาจิสำหรับเซเลเน่แล้วก็ถูกตัดสินไว้ว่าเป็น"แรงงานต่างด้าวค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกกดขี่" ถูกองค์ชายใจยักษ์นามมิราโน่ลากตัวพามาเป็นตัวแทน เป็นเพียงแกะดำในกลุ่ม

ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ เซเลเน่ที่เหลือจากการจับคู่กันเสมอๆนั้นไม่อาจจะปล่อยคุมะฮาจิที่ยืนอยู่คนเดียวไว้ได้ เพราะรู้ความขมขื่นจากการถูกพูดว่า"อะไรกัน เธออยู่คนเดียวเหรอ มาจับคู่กับอาจารย์ละกัน"ดี เลยไม่พูดว่า"เพราะอยู่คนเดียว" แต่เป็น"เพราะว่าดูเหนื่อย"แบบอ้อมๆแทน 

ยิ่งกว่านั้นสำหรับเซเลเน่ที่เคยเป็นตาลุงสกปรกอยู่คนเดียว แทนที่จะอยู่กับพวกผู้ติดตามที่แข็งแรงสดใสคนอื่นๆการมาอยู่ข้างคุมะฮาจิที่เป็นตาลุงสกปรก แถมยังโดดเดี่ยวเหมือนกันแล้วรู้สึกสบายใจและสงบมากกว่า ถึงจริงๆแล้วคุมะฮาจิจะไม่ได้โดดเดี่ยว แถมไม่ได้เป็นตาลุงก็ตาม

"วันนี้ อากาศดี ฉัน ไม่ค่อย ออก ข้างนอก อิจฉา หมี ที่แข็งแรง"
"…อย่างนั้นหรือขอรับ"

สำหรับเซเลเน่ที่ไร้ความสามารถทางมนุษยสัมพันธ์นั้นไม่มีเรื่องที่จะพูดเลย พอนั่งข้างๆ แล้วคิดจะพูดกับคุมะฮาจิ สุดท้ายก็เลยพูดออกมาได้แค่เรื่องอากาศหรือถามสุขภาพเท่านั้น

แต่ว่าคุมะฮาจิที่ได้ยินไม่ได้คิดเช่นนั้น องค์หญิงคนนี้ถูกกักขังมาตลอด รู้จักเพียงแค่โลกแห่งความมืดมิด สำหรับท้องฟ้านี้ที่ตนไม่เห็นว่ามีอะไร สำหรับเธอมันจะสวยงามขนาดไหนกันนะ แล้วก็องค์หญิงที่รู้สึกเช่นนั้นก็เกิดอยากที่จะสอนให้รู้ว่าโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่เพียงใดและมีสถานที่ๆงดงามขนาดไหนอยู่ 

"หืม ถ้าอย่างนั้นนะท่านเซเลเน่ คุมะฮาจิผู้นี้จะสอนเกี่ยวกับโลกนี้ให้เองขอรับ"
"เอ๊ะ?"
"อะไรกัน เห็นข้าพเจ้าแบบนี้แต่จากการที่ต้องเป็นผู้ดูแลขององค์ชายมิราโนะทำให้รู้จักทวีปนี้ดีขอรับ สามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆที่ถูกต้องแม่นยำได้สนุกยิ่งกว่าพวกนักภูมิศาสตร์มากทฤษฎีตรงนั้นเยอะนะขอรับ"

คุมะฮาจิพูดติดตลก แล้วก็หยิบแผนที่เก่าๆออกมาจากบริเวณอกเอามากางบนพื้นหญ้า 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ 7 บ่ายที่เจิดจ้าวันหนึ่ง

Now you are reading [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ Chapter 7 บ่ายที่เจิดจ้าวันหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนบัลลังก์สีทองที่เปล่งประกายอย่างต่ำช้า มิราโนะที่กำลังยิ้มอย่างต่ำช้าพร้อมกับนั่งไขว่ห้างอยู่ บนมือของเขากำโซ่ธรรมดาๆห่างจากเครื่องตกแต่งไร้รสนิยมที่ใช้ทองทำแขวนอยู่รอบๆอยู่ระดับหนึ่ง โซ่ที่ดูจะไว้นำทางสุนัขนั้นติดอยู่กับปลอกคอเหล็กที่คล้องอยู่บนคอของเซเลเน่ผู้บอบบาง  

"มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาคุกเข่าตรงนี้อีกเหรอ ยัยอัปลักษณ์"
"…ค่ะ"

เซเลเน่ใช้สายตามองบนไปยังมิราโนะ เซเลเน่ในตอนนี้อยู่ในสภาพเปิดให้เนื้อหนัง ถูกบังคับให้ใส่ชุดที่ดูแล้วเหมือนหญิงขายตัวมากกว่าชุดเมด ถูกกระทำราวกับทาส และก็ไม่สามารถคิดจะต่อต้านได้เลย 

"ยังทำสายตาต่อต้านอยู่อีกเหรอ ใครกันนะที่เป็นคนปล่อยแกที่ถูกขังในกรงออกมาน่ะ? ตอบมาซะสิ"
"…ท่าน…มิราโนะ ค่ะ ขอบคุณ มากค่ะ"

เซเลเน่ตัวสั่นเทา กล้ำกลืนพูดคำขอโทษโดยไม่เต็มใจออกมา สำหรับเธอแล้วไม่ได้อยากจะมาเป็นแบบนี้เลย มิราโนะที่ดูจะกำลังสนุกสนานกับท่าทางไม่เต็มใจของเซเลเน่ก็ยื่นมือไปยังโต๊ะที่อยู่ข้างๆแล้วหยิบถ้วยชาแดงขึ้นมา แล้วก็เอียงแก้วนั้นลงไปที่บริเวณเท้าของตัวเองจนชาที่ซื้อมาจากการขูดเลือดขูดเนื้อภาษีชาวประชาต้องสูญเปล่าไปโดยไร้ซึ่งประโยชน์แม้แต่อย่างเดียว 

"โอ๊ะ พื้นสกปรกหมดแล้วนะ ต้องทำความสะอาดหน่อยแล้ว"

มิราโนะนั้นยิ้มอย่างร่าเริง แล้วสะบัดแซ่ในมือเบาๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ร่างกายเล็กๆของเซเลเน่ทรุดลงจนหน้าลงไปยังพรมที่เปื้อน

"เอ้า เลียพรมนั่นซะ ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ? ในตอนนั้นจะให้พี่สาวของเธอทำแทนก็ได้ ฮ๊าฮะฮะฮะฮะ!!"

  ◆◇◆◇◆

"ไปตายซะ"

เซเลเน่สะบดเสียงเล็กๆใส่องค์ชายต่ำทรามในโลกจินตนาการ โดยที่ไม่ได้คิดสักนิดว่าตัวเองที่จินตนาการแบบนั้นไปได้นี่ล่ะที่ต่ำทรามที่สุด การเดินทางไปยังราชอาณาจักรเฮฟาลเต้ใช้เวลาอย่างเร็วก็สามวัน ในทุดวันบนรถม้าเซเลเน่ก็เหม่อลอยไปตามโลกที่บิดเบี้ยวของตัวเอง

สำหรับเซเลเน่ที่มีอคติว่าพวกคนรวยเป็นพวกตัวร้ายชอบแอบทำเรื่องโรคจิตอยู่เบื้องหลังนั้น พอจินตนาการถึงชีวิตหลังจากนี้ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว อยากที่จะหนีไปให้พ้นๆ แต่ว่าด้วยตัวคนเดียวก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ แล้วถ้าตัวเองหนีไปจนพี่สาวต้องเป็นตัวประกันล่ะก็ไม่ดีแน่ๆ สภาพจิตใจของเซเลเน่นั้นราวกับลูกแกะที่กำลังถูกส่งไปโรงเชือด ถ้าเกิดว่ามีปีกล่ะก็คงกลับไปยังคุกนรกอันแสนสบายใจได้แล้วแท้ๆ 

เซเลเน่อยู่ในวังวนของจินตนาการอันเลวร้าย ขณะที่กำลังทำตัวเองอยู่นั้น ทั้งพวกผู้ติดตามรถม้า ทั้งมิราโนะและคุมะฮาจิต่างก็หดหู่เผ้ามององค์หญิงตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง 

ความจริงแล้วรถม้าที่เซเลเน่นั่งอยู่ควรจะเป็นมิราโนะที่เป็นองค์ชายที่นั่งอยู่ แต่ว่าหลังจากห่างจากอัลเล พอเห็นสายตาของเซเลเน่ที่ราวกับลูกแกะในโรงเชือดแล้วก็เลยจะปล่อยให้เธอใจเย็นลง มิราโนะก็เลยมาขี่ม้าข้างๆกับคุมะฮาจิ 

"องค์ชายที่ยอมอ่อนให้ของถวายที่กรรโชกมา ก็แปลกคนเหมือนกันนะขอรับ"
"เด็กคนนั้นยังไม่ค่อยชินกับผู้คนน่ะ ให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ"

ถึงจะโดนยึดรถม้าของตัวเองไปก็ไม่ว่าอะไร มิราโนะไม่บ่นอะไรแม้แต่คำเดียว แล้วไปนั่งควบรถม้าคู่กับคุมะฮาจิ เพราะว่าเธอถูกแยกจากพี่สาวที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวไปและถูกพวกผู้ใหญ่พาไปยังต่างประเทศ ถึงจะอธิบายเหตุผลไปแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายเหงาได้ มิราโนะนั้นคิดว่าอยากจะให้เด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้มีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้  

ถึงอย่างนั้น ถ้าเป็นเด็กสาวรุ่นเดียวกับเซเลเน่ถ้าได้ยินว่าจะถูกพาไปยังราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ที่เป็นเมืองใหญ่โตงดงามอร่ามตาถึงจะรู้สึกกังวลอยู่บ้างแต่ต้องรู้สึกดีใจอย่างแน่นอน แต่ว่าเซเลเน่นั้นกลับทำตาเป็นปลาตายแล้วเอาแต่นอนกลิ้งอยู่ในรถม้าตลอด สำหรับเธอโลกใบนี้คงมีแต่สิ่งเลวร้ายที่ทำร้ายเธอไม่ผิดแน่ พอคิดแบบนั้นแล้วมิราโนะก็รู้สึกอย่างให้ราชินีที่ทำให้เธอรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเป็นขนาดนี้ให้ได้

"แต่ว่า ราชินีแห่งอาคุยล่าร์ส่งตัวให้ง่ายผิดคาดเลยนะขอรับ ทางนี้ก็อยากจะขอบคุณอยู่หรอก แต่พอคิดว่าเป็นแม่ลูกแล้ว ก็รู้สึกแปลกๆเลยนะขอรับ"
"ทางนั้นก็คงกำลังยิ้มดีใจ ที่กำจัดของคงคลังได้อยู่ล่ะมั้ง"

มิราโนะนึกถึงตอนที่นั่งตอนเจรจา พอคิดถึงพวกราชินีที่ยิ้มหัวเราะหน้ารังเกียจก็พาอารมณ์เสียสุดๆ มีแค่อัลเลที่ทำสีหน้าซับซ้อนเป็นที่พักพึงใจเพียงหนึ่งเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นการช่วยอะไรเซเลเน่เท่าไหร่  

ตอนที่มิราโนะขอรับตัวเซเลเน่ไปนั้น ราชินีแห่งอาคุยล่าร์ได้ยื่นเงื่อนไขมาสองข้อ

อย่างแรก ความจริงเรื่องที่เซเลเน่เป็นองค์หญิงลำดับที่สองนั้น ให้รู้กันแค่ในเบื้องบนของเฮฟาลเต้เท่านั้น เพราะว่าจะค่อนข้างเป็นปัญหา ก็เลยไม่อยากให้ความจริงว่าซ่อนองค์หญิงอันดับที่สองเอาไว้ในประเทศเป็นเวลายาวนานออกไป อีกอย่างก็คือการส่งตัวอัลเลไปศึกษาที่ราชอาณาจักรเฮฟาลเต้ โดยค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนทั้งหมดทางราชอาณาจักรเฮฟาลเต้จะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ  

มหาวิทยาลัยของราชอาณาจักรเฮฟาลเต้นั้นถือเป็นสถานที่ๆผู้เชี่ยวชาญทั่วทวีปต่างใฝ่ฝัน เพียงแค่ได้สมัครเข้าเรียนที่นั่นก็ได้หน้าแล้ว ผู้คนมีชื่อเสียงต่างๆจากแต่ละประเทศจึงมักจะส่งลูกตัวเองมาศึกษา แน่นอนว่าอาร์คุยล่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ประเทศนั้นก็เป็นเพียงประเทศเล็กๆ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะเข้ามาได้

ตรงส่วนนั้นพอองค์ชายมิราโนะได้บอกไปว่าต้องการตัวของเซเลเน่ ราชินีแห่งอาร์คุยล่าที่ปกติแล้วเห็นเซเลเน่เป็นตัวปัญหา กลับยอมเรียกว่าเป็นองค์หญิงลำดับที่สองแล้วใช้เป็นไพ่ในเจรจา แล้วก็ยื่นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับส่งตัวเซเลเน่เป็นหนังสือแนะนำสำหรับองค์หญิงลำดับที่หนึ่งอัลเล เพื่อที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับองค์หญิงลำดับหนึ่งคนโปรดนั่นเอง ทั้งที่บอกว่าเป็นองค์หญิงลำดับที่สองแท้ๆ แต่สั่งว่าห้ามเปิดเผยว่าเซเลเน่เป็นองค์หญิงลำดับสองแห่งอาร์คุยล่า ช่างเป็นอะไรที่ย้อนแย้งสุดๆ

"[ทั้งเป็นตัวตนผู้มากด้วยพรสรรค์ที่หาได้ยากและเป็นบุคคลผู้มีระดับสูงส่ง จะขอส่งมอบให้กับราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ผู้เป็นที่รักเพื่อให้บุตรสาวผู้นี้ได้เบ่งบานความเป็นอัจฉริยะให้ได้รับใช้ประเทศของท่านตามที่ปรารถนา]เหรอ…"

คุมะฮาจิหยิบกระดาษที่เขียนข้อสัญญาจากหน้าอกออกมาอ่านอีกครั้ง แล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

"อย่างกับประโยคของพวกสิบแปดมงกุฎเลยนะขอรับ มีที่มาจากไหน มีความสามารถอย่างไร ไม่เขียนไว้ให้เป็นรูปธรรมเลยนะขอรับ"
"เอาเถอะ นอกจากการทำสัญญาให้ส่งตัวเซเลเน่มาแล้ว จะให้ฝ่ายนั้นส่งตัวมาให้เลยก็ทำไม่ได้นี่น่า แล้วก็เกี่ยวกับองค์หญิงอัลเล เดิมทีแล้วก็จะเรียกตัวมาเพื่อเซเลเน่อยู่แล้ว พอคิดแบบนั้นแล้วการที่อยากจะให้มาเรียนก็พูดได้ว่าช่วยได้เยอะเลยล่ะนะ"
"ก็จริงว่าถ้าเป็นท่านอัลเลคนเดียวด้วยอำนาจขององค์ชายสามารถพาเข้าได้อยู่แล้ว แต่ว่าทำอะไรตามใจแบบนี้ ท่านพ่อจะไม่โกรธเอาหรือ?"
"โกรธแน่นอนอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าสิทธิพิเศษแค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วจะเป็นองค์ชายไปทำไมล่ะ"

มิราโนะตอบแกมล้อเล่น อัลเลก็เรื่อง แต่การช่วยเซเลเน่นั้นสำหรับราชอาณาจักรเฮฟาลเต้แล้วมีแต่ได้ผลเสีย เพราะว่าเป็นองค์หญิงที่ถูกทิ้งไม่มีค่าอะไร ถ้าให้พูดตรงๆก็คิดได้เลยว่าถูกทิ้งมาให้แน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้น มิราโนะก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ เรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานให้ท่านพ่อ ถึงการทำแบบนี้ของตนในต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ควรตำหนิ แต่ถ้าท่านพ่ออยู่จุดยืนเดียวกับตัวเองก็คงจะทำแบบเดียวกันแน่นอน

"จะยังไงก็การช่วยเหลือเจ้าหญิงที่ถูกขังออกมาจากคุกนรกก็สำเร็จแล้วนะขอรับ พอพวกผู้ใหญ่เริ่มทำหน้างอกันท่านเซเลเน่ก็คงจะสับสนล่ะนะขอรับ แล้วหลังจากเรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าองค์ชายยอมรับผิดชอบทั้งหมดแล้วให้ท่านพ่อต่อยสักหมัดก็คงจบเรื่องได้ล่ะขอรับ ขอให้โชคดีและมีชัย"
"พอเป็นเรื่องคนอื่นนี่สนุกเลยนะ"

มิราโนะยิ้มเจื่อนแล้วถอนหายใจออกมา เพราะว่าเป็นทางนี้เองที่ไปสร้างเรื่องในต่างประเทศมิราโนะจึงคิดว่ามันคงเป็นกรรมตามสนองตัวเอง ตามที่คุมะฮาจิพูดการชิงตัวเซเลเน่ก็สำเร็จแล้ว การที่ราชินีมองข้ามไปนั้นคิดแล้วก็ยังถือว่าเป็นผลดี เรื่องค่าใช้จ่ายเล่าเรียนขององค์หญิงอัลเลให้ขวักเองก็ได้ "การแลกเปลี่ยนนี้หากำไรเพิ่มขึ้นไม่ได้อีกแล้ว"ของราชินีแห่งอาร์คุยล่านั้นสำหรับองค์ชายแห่งเฮริฟาลเต้แล้วมัน"น้อยยิ่งกว่าเศษเงิน" ยิ่งกว่าปัญหาเรื่องเงินแล้วความโกรธของท่านพ่อน่ากลัวว่าเยอะ

"เอาล่ะ มาพูดคุยกันจริงจังหน่อย ท่านเซเลเน่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ได้ยินว่าเป็นเด็กฉลาดจากท่านอัลเล แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กล่ะนะขอรับ ถ้าฝากไว้ผิดคนก็มีโอกาสที่เรื่องที่เธอเป็นองค์หญิงแห่งอาร์คุยล่าอาจจะหลุดรอดจากที่นั้นได้"
"ก่อนอื่น จนกว่าองค์หญิงอัลเลจะมาประเทศผมจะเป็นดูแลเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดีกับหลายๆอย่างล่ะนะ"
"ข้าพเจ้าก็เห็นด้วย แบบน้นดีที่สุดขอรับ"

คุมะฮาจิพยักหน้า แล้วมิราโนะก็พูดต่อ 

"เรื่องการให้การศึกษาน่ะแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ให้ค่อยเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต สิ่งสำคัญสำหรับเด็กคนนั้นในตอนนี้ก็คือการขจัดความกลัวที่มีต่อโลกออกไปล่ะนะ"
"ตามที่ว่า ถึงจะได้รับความรู้จนสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้แล้ว แต่ถ้ายังคงมีความกลัวโลกจากช่วงวัยเรียนรู้แบบนี้อยู่คงจะใช้ชีวิตโดยเกลียดชังโลกไปชั่วชีวิตแน่ขอรับ"

พอพูดแบบนั้น คุมะฮาจิก็เห็นด้วยกันความคิดของมิราโนะ 

"สำหรับในตอนนี้ ก็คิดไว้ว่าจะให้เซเลเน่อยู่เล่นกับแม่รี่น่ะ"

ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น พอเข้าใจคำพูดของมิราโนะคุมะฮาจิก็ชักหน้าทันที

"คะ คุณน้องสาวเหรอขอรับ? ถึงจะเสียมารยาทที่จะพูด แต่กับท่านเซเลเน่ที่ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน จะให้รับมือกับเด็กสาวคนนั้นมันค่อนข้างหนักหนาไปหน่อยหรือเปล่า…"
"สำหรับเซเลเน่น่ะ ไม่ใช่แค่ต้องหลบหลีกจากพวกผู้ใหญ่แล้วเพื่อนเด็กๆก็จำเป็นนะ จะให้ไปพบกับลูกสาวของขุนนางคนอื่นๆจนที่มาของเซเลเน่หลุดไปก็ไม่ได้ ถ้าพูดถึงเรื่องอายุล่ะก็ แมรี่กับเซเลเน่ก็เหมาะสมกันแล้วล่ะ แล้วก็…"

มิราโนะสูดลมหายใจหนึ่งครั้ง แล้วพูดเสริมต่อ

"จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยรู้เรื่องของน้องสาวเท่าไหร่น่ะ สมัยก่อนเอาแต่ร้องเรียก[ท่านพี่ ท่านพี่]แท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้ ไม่รู้ทำไมเริ่มดิ้อใส่แล้ว? ไม่ค่อยแสดงความนับถือเลย อาจจะกำลังเหงาอยู่ก็ได้มั้ง เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าถ้ามีเซเลเน่ ก็น่าจะอ่อนๆลงไปบ้างน่ะ"
"นั่นคือเหตุผลที่รับองค์หญิงเซเลเน่มาหรือขอรับ"
"ก็นะ ก็แค่เหตุผลรองน่ะ"
"เดี๋ยวเดี๋ยว ยังมีเหตุผลอยู่อีกเหรอขอรับ"

คุมะฮาจิทำท่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกระซิบที่หูของมิราโนะ 

"เรื่องที่องค์ชายศักดิ์สิทธิ์มิราโนะมีความสนใจเป็นพิเศษกับเด็กตัวเล็กๆ ข้าพเจ้า ไม่เคยคิดเคยฝันเลยขอรับ ก็ปฎิเสธคำเชิญของสาวงามมาตลอดเลยล่ะนะขอรับ แต่ว่า จะให้มาร่วมคืน ก็ดูจะเด็กไปนะขอรับ"
"อย่าพูดเรื่องบ้าๆน่า"

เป็นเรื่องแปลกที่มิราโนะโกรธอย่างจริงจัง คุมะฮาจิก็หัวเราะออกมา 

"แต่ว่าองค์ชาย สำหรับท่านเซเลเน่ในตอนนี้นั้นก็ถือเป็นสาวรูปงามที่หาไม่ได้อีกในทวีปนี้เลยนะขอรับ? ถ้าผ่านไปสักห้าปีก็ถึงเวลาที่จะบานสะพรั่ง แถมถ้าผ่านไปห้าปีแล้วจะบานออกมาเป็นดอกไม้เช่นไรกันนะ สาวงามใต้แสงจันทร์(โบวตั๋น)บางทีอาจจะเป็นคำที่มีเพื่อเด็กคนนั้นเลยก็ได้นะขอรับ ถึงตอนนั้นแล้วองค์ชายจะทำเมินเฉยได้หรือขอรับ?"
"…ไม่ขอปฏิเสธ"

พอพูดถึงตรงนั้นรถม้าที่นำคุมะฮาจิกับมิราโนะก็มาถึงที่ราบที่มีแม้น้ำเล็กๆใสบริสุทธิ์ไหลอยู่ เป็นจุดที่นักเดินทางมักใช้พักผ่อนหรือนอนข้างระหว่างทาง พวกมิราโนะเองก็เหมือนกับคนอื่นๆและทำการพักบริเวณนี้เช่นกัน 

"ถ้าอย่างนั้นก็มาพักกันสักหน่อยดีกว่า ทุกคน ฝากเตรียมอาหารด้วยนะ"

พอคุมะฮาจิออกคำสั่งพวกผู้ติดตามคนอื่นเสร็จ พวกผู้ติดตามก็หยิบเครื่องครัวออกมาจากรถม้าสำหรับเก็บของและเตรียมด้วยท่าทางที่เคยชิน ทั้งรวบรวมฟืน ทั้งทำครัว ทั้งหมดอยู่ในการควบคุม บรรดายอดฝีมือที่มิราโนะเลือกมานั้น ล้นเป็นผู้มากความสามารถ ไม่ใช่เพียงแค่ชำนาญในอาวุธ แต่เรื่องจิปาถะอย่างการทำอาหารก็สามารถทำได้   

มิราโนะที่เป็นองค์ชายนั้นไม่ได้เข้าร่วมในงานพวกนี้แน่นอน ส่วนคุมะฮาจินั้นคอยมองการทำงานอยู่ห่างๆ พอยืนยันว่าไม่มีปัญหาก็เดินยังริมฝั่งแม่น้ำแล้วนั่งลง พอพักไปได้สักพัก อยู่ๆก็มีสาวน้อยสีขาวซีดตามมาแตะตัวคุมะฮาจิจากข้างในรถม้า――เซเลเน่ที่ปิดตัวจากรอบข้างมาตลอดนั่นเอง 

เซเลเน่นั้นมีร่างกายสีขาวซีด สวมชุดโกธิกสีน้ำนมมีลูกไม้ติดอยู่ชายเสื้อยาวๆสวมหมวกปีกใหญ่สีขาวบริสุทธิ์เป็นประกาย ทั้งรูปร่างน่ารักราวกับเจ้าหญิงจากนิทาน แต่ว่าไม่ได้มีแค่ความงดงามเท่านั้น เพื่อปกป้องไม่ให้ผิวของเซเลเน่เวลาโดนแดดจ้าเป็นเวลานานจนผิวหนังไหม้จึงได้ใช้เวทคุ้มกันไว้ ในระหว่างการเจรจา มิราโนะได้สั่งให้ยอดฝีมือของอาร์คุยล่าให้สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ    

ดูเหมือนว่ามิราโนะได้บอกไว้ว่า"เพื่อพาตัวไป รีบสร้างให้เสร็จทันเวลาซะ" แต่ว่าแค่หมวกใบเดียวก็สามารถซื้อบ้านในอาร์คุยล่าได้หลายหลังแล้ว 

"หมี เป็นอะไรไหม?"
"หืม อา? ท่านเซเลเน่เองหรือขอรับ มีอะไรหรือขอรับ?"
"หมี ดูเหนื่อย สบายดีไหม?"

พอได้ยินเนื้อหาที่เซเลเน่ที่เดินมาหาชวนคุยนั้นก็ทำเอาคุมะฮาจิรู้สึกชื่นชม ทั้งที่คิดว่ากำลังโศกเศร้าเสียใจกับเรื่องของตัวเอง แต่สาวน้อยคนนี้กลับสามารถมองเห็นความเหนื่อยของตนเองได้ทันที 

"(ทั้งๆที่เป็นสาวน้อยที่อายุยังไม่เท่าไหร่แท้ๆแต่กลับรู้อะไรเยอะจริงๆ)"

อย่างที่เซเลเน่พูด ถึงจะไม่แสดงออกมาทางสีหน้าเพราะอยู่ต่อหน้าลูกน้องแต่คุมะฮาจิก็กำลังเหนื่อยอยู่ ถ้าออกจากเมืองมาแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่อาจจะพูดได้เต็มปากว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ถึงจะใช้ถนนที่ถูกเบิกทางเป็นทางหลวง แต่บางครั้งสองรอบข้างก็เป็นป่าปิด ถ้าประมาทแม้เพียงนิดจะโดนสัตว์ป่าบุกจู่โจมเมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ นอกจากนั้นพวกโจรที่เล็กนักเดินทางก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย  

แม้ที่ด้านข้างของรถม้าจะมีตรานกอินทรีย์สีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเฮริฟาลเต้อยู่ ทำให้โอกาสที่จะถูกพวกโจรจู่โจมจึงมีน้อย แต่ก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีเช่นกัน

คุมะฮาจิเป็นทั้งเพื่อนที่ดีของมิราโนะ และมีความสัมพันธ์แบบนายบ่างในเวลาเดียวกัน ถ้าผู้เป็นนายมีอันตราย ตัวเองก็ต้องต่อสู้ ถึงจะเห็นว่าเอาแต่พูดคุยเล่นกัน แต่ระหว่างที่ไปตามถนน คุมะฮาจิก็ระมัดระวังเฉียบคมดุจคมดาบอยู่ตลอดเวลา 

"ข้างๆ ได้?"
"อะ อา จะไม่เป็นอะไรหรือขอรับ ท่านเซเลเน่ คือว่า…ไม่คิดอะไรกับข้าพเจ้าเลยเหรอขอรับ?"
"อะไรเหรอ?"

เซเลเน่เงยหน้าขึ้นมองคุมะฮาจิด้วยสีหน้าไม่คิดอะไร เรื่องนี้ทำเอาคุมะฮาจิรู้สึกตกใจ ถึงภายในจะเป็นผู้ชายอ่อนโยน แต่คุมะฮาจินั้นเมื่อมองจากภายนอกแล้วจะให้เยินยอยังไงก็ไม่สามารถบอกว่ามีรูปร่างที่ดูดีได้ จากลักษณะของคนต่างชาติหน้าตาโทรมเต็มไปด้วยหนวดเครา ถ้าเด็กๆได้มองเขาก็คงจะร้องไห้เสียงดังวิ่งหนีไปแน่ๆ แต่กลับกันสาวน้อยที่ราวกับหิมะที่เพียงแค่สัมผัสก็ละลายหายไปคนนี้ดูเหมือนจะมีความกล้าที่จะเข้ามาหาโดยไม่เกรงกลัว

"ข้าพเจ้า ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะขอรับ ท่านเซเลเน่ไม่กลัวหรือขอรับ?"
"ไม่เป็นไร หมี คนดี"

เซเลเน่ที่ตอบอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดาก็ทำเอาคุมะฮาจิตกใจยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่าตัวเองจะไม่มีความมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนดีอะไร แต่ว่าการที่จะไม่มองคนที่ภายนอกแล้วมองเพียงภายนั้นแม้แต่ผู้ใหญ่เองยังเป็นเรื่องยาก 

"ท่านเซเลเน่มีความคิดที่ยืดหยุ่นและไม่สั่นคลอน ในอนาคต ต้องสามารถคนใหญ่คนโตได้แน่ขอรับ คุมะฮาจิคนนี้ขอรับประกันเลยขอรับ"
"ขอบคุณ"

เซเล่เน่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยดูน่ารักน่าชัง แล้วก็ตอบกลับมาสั้นๆ 

"(อย่างนี้นี่เอง…จะถูกเรียกว่าตัวประหลาดก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยขอรับ ด้วยอายุเท่านี้แต่กลับมีท่าทีเช่นนี้ก็เลยโดนพวกหัวแข็งทำการกีดกั้น)"

ถึงจะได้พูดคุยแค่สั้นๆ แต่คุมะฮาจิก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดของมิราโนะ สาวน้อยคนนี้จะปล่อยให้ถูกขังไว้ในคุกมืดแคบๆจนเสียของไปไม่ได้ ถ้าได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมจะเป็นสาวอัจฉริยะขนาดไหนกัน คุมะฮาจิตัดสินใจอย่างซื่อตรงว่าจะให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้ 

แต่ว่า ไม่ใช่ว่าเซเลเน่จะเห็นเนื้อในอะไรของคุมะฮะจิหรอก แต่ตอนที่เซเลเน่มองลงมาจากรถม้า ทั้งๆที่ทุกคนกำลังเจี๊ยวจ๊าวร่าเริงกับการเตรียมแค๊มป์แท้ๆ แต่มีคุมะฮาจิคนเดียวที่ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่อื่นแล้วสักพักก็หันหลังนั่งมองแม่น้ำเล็กๆ หรือก็คือถูกคิดว่าเพื่อนไม่คบนั่นเอง

ถ้ามองจากภายนอกของคุมะฮาจิสำหรับเซเลเน่แล้วก็ถูกตัดสินไว้ว่าเป็น"แรงงานต่างด้าวค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกกดขี่" ถูกองค์ชายใจยักษ์นามมิราโน่ลากตัวพามาเป็นตัวแทน เป็นเพียงแกะดำในกลุ่ม

ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ เซเลเน่ที่เหลือจากการจับคู่กันเสมอๆนั้นไม่อาจจะปล่อยคุมะฮาจิที่ยืนอยู่คนเดียวไว้ได้ เพราะรู้ความขมขื่นจากการถูกพูดว่า"อะไรกัน เธออยู่คนเดียวเหรอ มาจับคู่กับอาจารย์ละกัน"ดี เลยไม่พูดว่า"เพราะอยู่คนเดียว" แต่เป็น"เพราะว่าดูเหนื่อย"แบบอ้อมๆแทน 

ยิ่งกว่านั้นสำหรับเซเลเน่ที่เคยเป็นตาลุงสกปรกอยู่คนเดียว แทนที่จะอยู่กับพวกผู้ติดตามที่แข็งแรงสดใสคนอื่นๆการมาอยู่ข้างคุมะฮาจิที่เป็นตาลุงสกปรก แถมยังโดดเดี่ยวเหมือนกันแล้วรู้สึกสบายใจและสงบมากกว่า ถึงจริงๆแล้วคุมะฮาจิจะไม่ได้โดดเดี่ยว แถมไม่ได้เป็นตาลุงก็ตาม

"วันนี้ อากาศดี ฉัน ไม่ค่อย ออก ข้างนอก อิจฉา หมี ที่แข็งแรง"
"…อย่างนั้นหรือขอรับ"

สำหรับเซเลเน่ที่ไร้ความสามารถทางมนุษยสัมพันธ์นั้นไม่มีเรื่องที่จะพูดเลย พอนั่งข้างๆ แล้วคิดจะพูดกับคุมะฮาจิ สุดท้ายก็เลยพูดออกมาได้แค่เรื่องอากาศหรือถามสุขภาพเท่านั้น

แต่ว่าคุมะฮาจิที่ได้ยินไม่ได้คิดเช่นนั้น องค์หญิงคนนี้ถูกกักขังมาตลอด รู้จักเพียงแค่โลกแห่งความมืดมิด สำหรับท้องฟ้านี้ที่ตนไม่เห็นว่ามีอะไร สำหรับเธอมันจะสวยงามขนาดไหนกันนะ แล้วก็องค์หญิงที่รู้สึกเช่นนั้นก็เกิดอยากที่จะสอนให้รู้ว่าโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่เพียงใดและมีสถานที่ๆงดงามขนาดไหนอยู่ 

"หืม ถ้าอย่างนั้นนะท่านเซเลเน่ คุมะฮาจิผู้นี้จะสอนเกี่ยวกับโลกนี้ให้เองขอรับ"
"เอ๊ะ?"
"อะไรกัน เห็นข้าพเจ้าแบบนี้แต่จากการที่ต้องเป็นผู้ดูแลขององค์ชายมิราโนะทำให้รู้จักทวีปนี้ดีขอรับ สามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆที่ถูกต้องแม่นยำได้สนุกยิ่งกว่าพวกนักภูมิศาสตร์มากทฤษฎีตรงนั้นเยอะนะขอรับ"

คุมะฮาจิพูดติดตลก แล้วก็หยิบแผนที่เก่าๆออกมาจากบริเวณอกเอามากางบนพื้นหญ้า 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+