[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 2 Scouting

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 2 Scouting at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การประกาศนั้นมีเพียงแค่สองคนที่เข้าร่วม หลังจากจบลง ต่อไปคือการประชุมภายใน

ทาคุโตะและอาโทวนั่งลงบนแท่นหิน คิดเกี่ยวกับก้าวแรกของพวกเขา

“ไมน็อกกราห์เป็นเผ่าที่ปกครองเหนือความชั่วร้ายและการทำลายล้าง แต่ก็เป็นเผ่าที่รักสงบเช่นกัน ก่อนอื่นเราต้องปฏิบัติโดยยึดถือตามนั้น”

“ถูกต้องค่ะ นายท่าน! กล่าวอีกอย่างคือ เราควรจะหลีกเลี่ยงการถูกพบโดยเผ่าอื่นๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือกฎพื้นฐานในช่วงเริ่มเกม”

“ใช่แล้ว เราไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกัน ลำดับแรกเลยคือต้องทำการรวบรวมข้อมูลโดยที่หลีกเลี่ยงจากการพบเจอกับเผ่าอื่นๆ”

“ทราบแล้วค่ะ! นายท่าน!”

เมื่อทาคุโตะเห็นอาโทวตอบสนองอย่างมีความสุข เขาได้แต่ยิ้มเล็กน้อย และทำการยืนยันสถานการณ์

ประมาณ 50 เมตร ห่างจากแท่นหินที่พวกเขานั่งกันอยู่ เป็นที่โล่งกว้าง ซึ่งปกคลุมไปด้วยดอกไม้ แต่นอกเหนือจากนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมาก

เขาไม่รู้ว่ามันเป็นต้นไม้พันธุ์ไหน รากของมันมีขนาดใหญ่ คดเคี้ยว และโตขึ้นมาเหนือพื้นในแบบแปลกๆ ดังนั้นการข้ามมันไปจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก

ต้นไม้พวกนั้นไม่ได้สูงมาก แต่แย่หน่อยที่ทาคุโตะปีนต้นไม้ไม่เป็น

การจะให้อดีตผู้ป่วยทำอะไรแบบนั้นเป็นเรื่องที่บ้ามาก….

(อาโทวก็ปีนไม่ได้ และฉันเองก็เป็นห่วงเรื่องที่เธอจะไปสำรวจลำพังด้วย…)

โดยปกติแล้ว มักจะมียูนิตสำรวจถูกมอบให้ในตอนเริ่มเกม แต่ตอนนี้ไม่มีของแบบนั้น

อาโทวไม่เหมาะกับการสำรวจ เพราะว่าเธอเป็นยูนิตต่อสู้

อย่างแรกก็คือ ความสามารถของเธอค่อนข้างต่ำ และทาคุโตะก็เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้น

—- กล่าวอีกอย่างคือ มีไม่กี่อย่างที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้

ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่มันจะต้องมีหนทาง มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ก่อนที่ประสบการณ์ของการเล่นเกมเป็นพันๆครั้ง จะให้ความคิดบางอย่างแก่ทาคุโตะ   

“ทำไมท่านถึงไม่ใช้ การผลิตฉุกเฉินล่ะคะ?”

อาโทวตอบกลับเสียงกระซิบนั้น

การผลิตฉุกเฉินคืออะไรน่ะหรอ? โดยปกติแล้ว ยูนิตทั่วไปจะถูกสร้างภายในเมืองนั้นๆ ส่วนนี่คือการสร้างยูนิต โดยใช้พลังเวทย์

ทาคุโตะมองไปยังดวงตาของอาโทว และพยักหน้า

เกมจำลองสถานการณ์ “Eternal Nations” มีทรัพยากรหลัก และอื่นๆ

‘พลังเวทย์’ คือ หนึ่งในนั้น พลังเวทย์ จะถูกจัดสรรอย่างระมัดระวังด้วยกันกับ ‘อาหาร’ และ ‘วัตถุดิบ’

ระบบพื้นฐานของเกมนี้ที่ใช้ในการสร้างอาณาจักรคือ สร้างสิ่งปลูกสร้าง ยูนิต และกิจการ

พลังเวทย์เป็นอะไรที่คล้ายกับเงิน การใช้พลังเวทย์เพื่อสร้างยูนิตโดยตรง เป็นวิธีที่เรียกว่าการผลิตฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีข้อเสียอยู่

“โอ้ การผลิตแบบฉุกเฉินจะเผาผลาญพลังเวทย์สินะ ฉันไม่อยากใช้มันเพราะว่า ไม่สามารถฟื้นฟูมันได้…”

นั่นคือความจริง ในขณะที่เกาหัว เขาก็ถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่มีไอเดียอื่นอีกแล้ว

อาโทวเองก็กอดอกพร้อมกับส่งเสียงด้วยความไม่พอใจเช่นกัน แต่ก็ยังไม่มีวิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้

อย่างแรกเลยก็คือ สถานการณ์มันต่างไปจากในเกม และมันเป็นเรื่องปกติที่คนทั้งสองที่เพิ่งจะมาถึงจะปวดหัวกับปัญหานี้

“ฉันไม่เคยถามมาก่อนเลย แต่ว่าท่านมีพลังเวทย์เท่าไหร่หรอคะ?”

“ถ้าเป็นในเกม ก็มีอยู่ประมาณ 200 น่ะ เราสามารถใช้มันเพื่อบินได้นะ”

ทรัพยากรจะถูกจัดเป็นตัวเลข เหมือนกับในเกม ทาคุโตะสามารถใช้ระบบนั้นได้แม้กระทั่งในโลกนี้

ถึงแม้ว่าเขาจะมีอยู่หลายครั้งที่เขาเล่นจนพลังเวทย์ยกระดับไปจนถึงแสนตอนจบเกม แต่ความจริงที่ว่าปัจจุบันเขามีพลังเวทย์แค่ 200 ก็ทำให้เขาปวดหัวเช่นกัน

“มันมีแค่ 200 ฉันต้องใช้มันอย่างระมัดระวัง แต่ว่าฉันจะผลิตอะไรก่อนดี?”

“ฉันคิดว่าควรจะสร้างฐาน แล้วก็โรงงานผลิตพลังเวทย์ แต่ก่อนอื่นเลย ฉันต้องการยูนิตสำรวจ” 

อย่างไรก็ตาม ทาคุโตะและอาโทว เข้าใจเป็นอย่างดีว่า ถ้าเอาแต่บ่นก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   

การที่มีพวกพ้องอยู่ด้วยอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเขายังใจเย็นได้อยู่

ทาคุโตะทำการวางแผนอย่างรอบคอบ ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งมาที่โลกนี้แบบไม่ทันตั้งตัวก็ตาม

การรวบรวมข้อมูลคืออย่างแรกที่เขาจะทำ

สถานการณ์ปัจจุบันของโลกนี้เป็นแบบไหน? ฉันไม่สามารถเคลื่อนไหวแบบไม่ระวังได้ นี่คือเหตุผลที่ฉันจะต้องรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ก่อน

ทาคุโตะเลื่อนสายตายังอาโทวและถาม มีปัญหาอะไรรึเปล่า?…..และคำตอบก็คือ ไม่

เป็นเพราะเธอมั่นใจในตัวทาคุโตะเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธการตัดสินใจของเขา…

“ถ้าอย่างนั้นก็…..การผลิตแบบฉุกเฉิน! — ยูนิทสำรวจ!”

ลูกเต๋าได้ถูกโยนออกไป

เมื่อเขาเปล่งเสียงออกไป กระแสพลังที่มองไม่เห็นได้หลั่งไหลมารวมกันอยู่เบื้องหน้าของทาคุโตะ มิติบิดเบี้ยวและมีบางสิ่งปรากฏขึ้น

รูปร่างของมันเหมือนกับตั๊กแตนที่ไม่มีเคียว

อย่างไรก็ตาม ขาของมันดูเหมือนจะหนายิ่งกว่าตั๊กแตน

ดวงตาที่ไม่สมประกอบของมันมองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวาย และเปล่งเสียงแสบแก้วหูออกมา

นี่คือยูนิตสำรวจที่ถูกอัญเชิญโดยทาคุโตะ — [แมลงขายาว]

“น่าขยะแขยงจัง”

“ใช่ค่ะ มันน่าขยะแขยงมาก”

สิ่งแรกที่ทาคุโตะพูดกับสิ่งมีชีวิตที่เขาสร้างขึ้นคือวิจารณ์มัน

อาโทวเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ถึงแม้ว่าแมลงตัวนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพแห่งความพินาศ แต่รูปร่างของมันก็ดูไม่น่าอภิรมย์เอาซะเลย

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทาคุโตะซึ่งกำลังสังเกตแมลงขายาวที่กำลังสั่นแปลกๆ อยู่ ทันใดนั้นได้เบนสายตาของเขาไปยังอาโทว

“อาโทว เธอจำเรื่องตอนที่ยังเป็นเกมได้ ดังนั้นเธอน่าจะค่อนข้างคุ้นเคยกับมัน ใช่ไหม?”

“ในกรณีนี้ ตอนที่เป็นเกม มันจะแสดงเป็นภาพสามมิติ…แต่การสัมผัสร่างมันโดยตรงเลยนี่มันค่อนข้างจะ…..”

“หืมม เธอจะมาจับมันเพื่อเป็นที่ระลึกหน่อยไหมล่ะ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ต้องการ ทำไมท่านทาคุโตะไม่ลองจับมันดูล่ะคะ”

“ฉันก็ไม่อยากจับมันเหมือนกันนี่!”

“แล้วทำไมท่านถึงบอกให้ฉันจับมันล่ะคะ!?”

“เปล่าซะหน่อยนี่”  

“นายท่าน.. ใจร้ายที่สุด!”

“ขอโทษ!”

ทั้งคู่เริ่มหยอกล้อกัน แมลงขายาวตัวนั้นแค่ยืนอยู่เฉยๆด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

แน่นอนว่า แมลงขายาวนั้นแค่กำลังรอคอยคำสั่ง…

ด้วยรูปร่างแปลกประหลาดที่มองพวกเขาทั้งสองคนหยอกล้อกันอยู่ เหมือนกับว่ามันกำลังสงสัย

ทาคุโตะและอาโทว รู้สึกถึงมัน และพวกเขาทั้งคู่ก็กระแอมออกมาในเวลาเดียวกัน

“เอาล่ะ ทีนี้ แมลงขายาวคุง! ฉันจะให้คำสั่งนาย! ไปสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆเราซะ และพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งมีชีวิต ให้ความสำคัญกับการรวบรวมข้อมูลมากที่สุด”

“เจ้าจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ อย่าทำให้ท่านอิระ ทาคุโตะผู้ยิ่งใหญ่ผิดหวังซะล่ะ”

“กิกิ้กิ้ แกย๊กกก !!”

แมลงขายาวได้เปล่งเสียงน่าขยะแขยงออกมา และวิ่งเข้าไปในป่า

ในขณะที่มองมันจากไป ทาคุโตะและอาโทวได้ถอยหายใจด้วยความคิดที่หลากหลาย

“ฉันค่อนข้างกังวล แต่ดูเหมือนว่ามันจะทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องในฐานะยูนิตสำรอง ท่านทาคุโตะคิดว่ายังไงคะ?”

“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าฉันจะดูผ่านสายตาของมันได้นะ เหมือนว่าข้อมูลที่ถูกรวบรวมโดยแมลงขายาวจะถูกเพิ่มมาโดยอัตโนมัติ… ฮ่าฮ่า นี่เหมือนกับในเกมเลย”

ภายในหัวของทาคุโตะ โลกรอบๆตัวเขาถูกแสดงออกมาเป็นแผนที่สามมิติ

เขาเข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่าภาพที่แมลงขายาวเห็นจะถูกนำมาทำเป็นแผนที่ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

“ยิ่งไกลยิ่งดี….ไม่ใช่หรอ? ยังไงก็ตาม มีพลังเวทย์เหลือเท่าไหร่หรอคะ?”

“เราใช้พลังเวทย์ไป 100 ทำให้พลังเวทย์ที่เหลือคือ 100 ปริมาณของพลังเวทย์ที่ใช้ในการสร้างฐานคือ 20 และเราต้องใช้อย่างระวัง”

“เราสามารถจ่ายได้ แต่ฉันไม่อยากเสียมันเพิ่มอีกแล้ว”

   

โดยปกติแล้ว หากคุณบังคับสร้างยูนิตที่ต้องใช้สิ่งปลูกสร้าง เวลา ทรัพยากร และปริมาณของพลังเวทย์จะถูกใช้ไปเป็นจำนวนมาก

ไม่เหมือนกับการสร้างฐาน ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่จำเป็นในการเริ่มต้น ปริมาณของพลังเวทย์และทรัพยากรที่ถูกใช้โดยยูนิตสำรวจจะแตกต่างกันอย่างมาก

แน่นอนว่าเราไม่สามารถสร้างยูนิตเพิ่มได้อีกแล้ว

“ที่จริงแล้ว ฉันเองก็อยากจะสร้างกองทัพของเราขึ้นมาล่ะนะ แต่ว่าดูจากปริมาณพลังเวทย์ที่เรามีแล้วคงเป็นไม่ได้ แน่นอนเลยว่าหลังจากนี้พวกเราคงเคลื่อนไหวกันยากแล้วล่ะ”

“ฉันจะพยายามชดเชยจุดอ่อนในด้านกำลังพลของเราเองค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะจัดการกับพวกสัตว์ป่าได้ แต่ถ้าพบกับกองกำลังของศัตรูเราคงจะลำบากค่ะ”

ตอนนี้อาโทวมีพลังต่อสู้ 3 ถึงแม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่ายูนิตที่ไม่ใช่สายต่อสู้อย่างแมลงขายาวที่มีพลังต่อสู้แค่ 1 แต่มันก็ยังต่ำอยู่ดี

นี่สามารถเห็นได้ชัดจากข้อเท็จจริงที่ว่า ยูนิตต่อสู้ในช่วงเริ่มต้นมีพลัง 3 ในขณะที่หมาป่ามีพลังต่อสู้อยู่ที่ 1.5

พูดอีกอย่างก็คือ ยูนิตผู้กล้าอย่าง [อาโทวแห่งโคลนเลน] และไมน็อกกราห์นั้น อยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดมีศัตรูปรากฏขึ้นล่ะก็ พวกเขาคงถูกทำลายโดยทันที

“ระดับความยากนี้มันสูงจัง….”

“ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้เช่นเคยค่ะ นายท่าน”

แน่นอนว่า ฉันเคยเจอกับสถานการณ์คล้ายแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ก็แค่ในเกมล่ะนะ

ทาคุโตะได้แต่คิดว่า ในชีวิตจริงมันน่าจะทำให้ง่ายกว่านี้หน่อย

สิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาเขาในตอนนี้คือคำพูดให้กำลังใจจากอาโทว

◇◇◇  

หลายนาทีผ่านไป

ดูเหมือนแมลงขายาวจะทำการสำรวจเสร็จแล้ว และสภาพแวดล้อมของพื้นที่รอบๆได้ถูกส่งเข้ามาในหัวของทาคุโตะ

สำหรับพวกเขาแล้ว ข้อมูลคือทรัพยากรที่มิอาจทดแทนได้

ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์แบบนี้ มันมีค่ายิ่งกว่าทองคำซะอีก

ทาคุโตะรู้สึกว่าความวิตกกังวลของเขาลดลงมาเล็กน้อย และเขาทำการลูบอกพร้อมกับแบ่งปันข้อมูลกับอาโทว

“เป็นยังไงบ้างคะ?”

“โอ้ ฉันเข้าใจสภาพพื้นที่รอบๆแล้ว มีแต่ป่าเต็มไปหมด คิดว่าที่นี่น่าจะเป็นป่าลึก ยังไงก็ตาม แมลงขายาวคุงไม่เจอสัตว์ป่าหรือมอนสเตอร์เลย”

ข้อมูลที่ส่งโดยแมลงขายาวนั้นไม่ค่อยได้รับความสนใจยกเว้น เรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเขา

ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ดูเหมือนว่าป่าจะค่อนข้างกว้างใหญ่

อาจมีบางสิ่งที่ยังไม่ถูกค้นพบ แต่ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เนื่องจากระดับการสำรวจในปัจจุบันยังไม่สูงมากพอ

เนื่องจากแมลงขายาวนั้นเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ทำให้แผนที่ในหัวของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย

“สภาพป่าโดยรอบเป็นยังไงบ้างคะ? ภูมิประเทศเป็นป่าทึบ ทำให้มีผลในการปิดกั้นมุมมองของยูนิตทั่วไปดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการซ่อนตัว … มันค่อนข้างแปลกที่ไม่มีสัตว์ป่าหรือมอนสเตอร์เลย”

“เจาะจงกว่านั้นก็คือ ไม่มีอาหาร ก็นะ เราไม่มีทางเลือกนอกจากสำรวจต่อไป”

“ฉันขอโทษด้วยนะคะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย….”

อาโทวขมวดคิ้ว และก้มหัวลง

ดูเหมือนเธอจะรู้สึกแย่ที่ไม่อาจช่วยเหลือทาคุโตะได้

เธอมีสภาพเหมือนหมาหงอย และเป็นไปไม่ได้ที่ทาคุโตะจะไม่สังเกตเห็น

“ไม่เป็นไรหรอกอาโทว เธอแค่คอยคุ้มกันฉันก็พอ”

มันเป็นประโยคปลุกใจสั้นๆ แต่ดูเหมือนมันจะส่งผลต่อเด็กสาวอย่างมาก

ตัวทาคุโตะเองไม่ได้คิดอะไรมากนัก ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเรียบง่าย แต่สำหรับอาโทวที่ได้ยินดังนั้น ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมกับดวงตาชุ่มชื้นอย่างทันทีทันใด

ในที่สุดทาคุโตะก็เข้าใจว่าอาโทวยกย่องเทิดทูน และเคารพรักเขาในฐานะราชามากขนาดไหน

เธอเป็นบุคคลประเภทที่จะยอมรับทุกคำพูดของทาคุโตะ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม

“หวาา นายท่าน…..ฉันประทับใจมากเลยค่ะ!”

“โอ้ จริงหรอ? ก็ดีแล้วล่ะนะ”

เมื่อเธอเข้าใกล้เขา ทาคุโตะก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความเคารพที่อยู่รอบๆตัว

เขา ผู้ที่ไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยความจริงใจแบบนี้มาก่อน ในใจเต็มไปด้วยความกังวล แต่ว่าเขาเองก็ยังมีความสุขมากที่ได้รับการยอมรับแบบนี้

(อาโทวนี่ช่างน่ารักจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้กล้าแห่งความชั่วร้ายก็ตามเถอะ….)

อาโทวมองทาคุโตะด้วยแววตาสดใส นอกไปจากดวงตาที่โดดเด่นของเธอแล้ว อาโทวเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเด็กสาวคนอื่นๆมากนัก

เธอควรจะเป็นผู้กล้าแห่งความชั่วร้าย ของอาณาจักรแห่งความพินาศ แต่ทาคุโตะไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะมีบุคลิกที่งดงามแบบนี้

(ยังไงก็เถอะ เขาควรจะเป็นคนแบบไหนกัน? ถ้าเป็นการตั้งค่า…..?)

ทาคุโตะพยายามจะนึกถึงบุคลิกของอาโทวที่ถูกตั้งค่าในเกม แต่น่าแปลกที่นึกอะไรไม่ออกเลย

“….บาท! ท่านทาคุโตะ!! ฟังอยู่หรือเปล่าคะ?”

“หวา!! อะไร!? ขอโทษที ฉันเหม่อนิดหน่อยนะ”

ความสงสัยได้จางหายไปในทันที

เขาตกใจที่จู่ๆอาโทวก็มายืนอยู่ข้างหน้า คอยสังเกตอารมณ์ของเขา

อาโทวไม่ได้ตระหนักเลยว่า หน้าอกของทาคุโตะเต้นแรงขนาดไหน บางทีเธออาจจะรู้สึกพอใจเพราะทาคุโตะกลับมาสนใจเธออีกครั้ง

“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า…?”

“ไม่เป็นไร ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก…..?  มีการติดต่อมาจากแมลงขายาวคุง”

“นั่นดีมากเลยค่ะ บางทีมันอาจจะพบอะไรบางอย่าง?”

ทาคุโตะเพ่งสมาธิและมองไปยังภาพในหัวเขา

เพราะเขาได้ทำการฝึกแบ่งปันภาพภายในหัวอยู่หลายครั้ง ทำให้เขาสามารถทำมันได้ทันที ภาพที่แมลงขายาวเห็นได้ถูกส่งเข้ามา

สถานที่อยู่บนต้นไม้ค่อนข้างสูง เขาอาจจะบาดเจ็บได้ถ้าตกลงมา ดังนั้นเขาจึงมองลงไปอย่างระมัดระวัง

ถึงแม้จะมองไม่เห็นรายละเอียด เพราะจุดที่มองนั้นเคลื่อนที่อย่างช้าๆ มันมีอาคารคล้ายหมู่บ้านและผู้คนอยู่ในระยะ

ผิวสีขาวอมน้ำเงิน ผมสีเงิน และหูที่ยาวออกมา

จากความทรงจำของเขา นี่คือเผ่าดาร์คเอล์ฟ

“นี่มันดาร์คเอล์ฟนี่? ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย ที่พัก? ดูเหมือนพวกเขากำลังรวมตัวกัน”

ทาคุโตะบอกอาโทวในขณะที่ยังหลับตา เพื่อทำการตั้งสมาธิไปยังภาพที่เห็น

อาโทวพยายามไม่ไปรบกวนเจ้านายของเธอ เธอทำการประมวลผลจากข้อมูลที่ได้ยินเท่านั้น

“นั่นหมายความว่า นี่คือโลกแฟนตาซีงั้นหรอ? ถึงจะถูกเรียกว่าชั่วร้าย แต่จริงๆดาร์คเอล์ฟนั้นมีคุณสมบัติเป็นกลาง ดังนั้นฉันคิดว่ามันน่าจะปลอดภัยค่ะ”  

หลังจากที่เสร็จสิ้นการสังเกตการณ์ ทาคุโตะก็ยกเลิกภาพที่ถูกส่งมา ในขณะที่นวดดวงตาไปด้วย

เขาไม่ได้ข้อมูลมากไปกว่า การที่มีดาร์คเอล์ฟมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในนี้ แต่นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา

นี่จะช่วยคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับโลกที่พวกเขาถูกส่งมา

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ปัญหาก็ไม่ได้ลดลงไปเลย….

“ถ้าที่นี่เป็นโลก [Eternal Nations] จริงๆล่ะ? เพื่อให้ปลอดภัยไว้ก่อน ฉันต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง บางทีพวกเขาอาจจะเป็นดาร์คเอล์ฟที่ดี แต่พวกเขาอยู่ใกล้เกินไป คงจะแย่ถ้านี่เป็นเขตของพวกเขา”

“มันเรื่องยุ่งยากเมื่อต้องอยู่ติดกับอาณาจักรอื่นตั้งแต่เริ่มต้น…”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่มันแย่มาก…..”

“อย่างเป็นอย่างนี้ล่ะก็… เราหนีไปที่ไกลๆกันเถอะค่ะ นายท่าน”

“ใช่แล้ว ถ้าหนีก็คงชนะ เพราะไมน็อกกราห์เป็นเผ่าที่รักความสงบล่ะนะ”

“มีแต่พวกคนเถื่อนเท่านั้นแหละที่ชอบทำสงครามน่ะ”

ฮ่าฮ่าฮ่า… พวกเราหัวเราะให้แก่กัน และเริ่มคิดว่าจะเอายังไงต่อดี

ในกรณีที่แย่ที่สุด ชีวิตเขาคงถูกคุมคาม ทาคุโตะคิดว่าถ้ามันเกิดขึ้นล่ะก็คงต้องเป็นไปตามนั้น

ถึงจะเป็นในสถานการณ์แบบนี้ ทาคุโตะก็ยังคงสงบอยู่ แม้จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจากกลิ่นอายแสดงความเคารพที่ถูกปล่อยออกมาจากอาโทว

สุดท้ายแล้ว เขาก็เชื่อว่าทุกอย่างคงจะผ่านไปได้ด้วยดีตราบใดที่อาโทวยังอยู่กับเขา

“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องรอจนกว่าจะได้ข้อมูลมากกว่านี้!! อย่างแรกเลย เราต้องคอยเฝ้าระวังพวกดาร์คเอล์ฟ และคอบเก็บข้อมูล ถ้าสถานการณ์เลวร้ายลง เราจะรีบหนีทันที”

“การหนีไปด้วยกันสองคน! เข้าใจแล้วค่ะ นายท่าน!”

เย่! เย่! ….พวกเขาทั้งคู่ตื่นเต้นและยกกำปั้นขึ้นมาชนกัน

เพราะทั้งสองคนไม่มีใครหยุดกัน ดังนั้นการกระทำแบบเด็กๆเล่นกัน จึงดำเนินต่อไป

–จนกระทั่ง   

เมื่ออาโทวสรรเสริญทาคุโตะอยู่หลายครั้ง

พวกเขาก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้ที่แกว่งไปมา

อาโทวหันไปทางที่มาของเสียง ด้วยดวงตาอันแหลมคมที่คล้ายกับงูพิษ ซึ่งแตกต่างไปจากท่าทีปกติของเธอโดยสิ้นเชิง

ทาคุโตะก็หยุดการกระทำของตัวเอง และเลื่อนสายตาไปยังที่เดียวกับอาโทว

“อ๊ะ…”

มันคือกลุ่มคน

พวกเขาเห็นทาคุโตะและอาโทว

แม้ว่าทาคุโตะจะพบกับพวกเขาเป็นครั้งแรก แต่พวกเขาก็ดูคุ้นหน้าคุ้นตา

พวกเขาคือดาร์คเอล์ฟที่ทาคุโตะและอาโทวพูดถึง

=สารานุกรม============  

   

[แมลงขายาว] ยูนิตสำรวจ  

 พลังต่อสู้ : 1   

ความคล่องตัว : 2  

《สำรวจ》《ความขั่วร้าย》  

   

――――――――――――――――  

   

~~ ขาของมันสามารถเคลื่อนที่ผ่านเส้นทางที่ขรุขระได้อย่างรวดเร็ว ตาของมันเฉียบคมและสามารถมองเห็นได้ไกลมาก

ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่เหมาะแก่การสำรวจมากไปกว่ามันอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม รูปร่างของมันน่าสยดสยอง และไม่น่าอภิรมย์เท่าไรนัก~

แมลงขายาวเป็นหน่วยสำรวจพิเศษสำหรับไมน็อกกราห์

ยูนิตสำรวจนั้นสามารถสร้างได้ตั้งแต่ต้นเกม และถึงแม้ว่ามันจะมีพลังต่อสู้ไม่สูง แต่มันมีความสามารถในการเคลื่อนที่และมุมมองที่สูงมาก

ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศ เขาสามารถลดช่องการเคลื่อนที่ลงได้

―――――――――――――――――

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด