[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 20: Twins (1)

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 20: Twins (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Chapter 2: The Heartbeat of Despair, Born and Sprouting

หลังจากจัดการกับคณะสำรจจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลียได้สำเร็จ ไมน็อกกราห์ได้ดื่มด่ำไปกับชีวิตประจำวันที่แสนสุขอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ตามที่คาดไว้ เวลาได้ทำหน้าที่ของมัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่สิ่งปลูกสร้างอันบ่งบอกถึงตำแหน่งของไมน็อกกราห์บนโลกใบนี้ได้เสร็จสิ้น

“ในที่สุดก็สำเร็จ!”

“ใช่แล้ว พระราชวังสร้างเสร็จแล้ว!!”

“[เวทเชิงกลยุทธ์] เองก็อยู่ในขั้นตอนทดสอบแล้ว ฐานที่มั่นพร้อมหรือยัง?”

ในเกม Eternal Nations ที่พวกเขาเล่นกัน มันมีวิทยาการที่เรียกว่าเวทเชิงกลยุทธ์

นี่เป็นองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ซึ่งทำให้สามารถใช้เวทย์มนตร์ที่ทรงพลังตามคุณสมบัติต่างๆ แต่มันก็ยังต้องใช้มานาสำหรับคุณสมบัติแต่ละอันอยู่ดี

โดยปกติแล้ว พวกเขาจะหาเส้นชีพจรมังกร และดึงมานาที่ต้องการออกมาใช้

พระราชวังหลวงสามารถสร้างมานาประเภทนี้ได้ด้วยตนเอง ในฐานะที่เป็นสิ่งปลูกสร้างสนับสนุนภายในเกม

มานาที่พระราชวังของไมน็อกกราห์ผลิตออกมาก็คือมานาแห่งการทำลายล้าง

นอกจากนั้น มันยังสามารถผลิตพลังเวทย์ออกมาได้เล็กน้อย

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะตัดสินใจรีบสร้างสิ่งปลูกสร้างชนิดนี้ ซึ่งทำประโยชน์ให้แก่อาณาจักรมากมายเพียงแค่สร้างมันขึ้นมา

ณ จุดๆนี้ พวกเขาเริ่มต้นได้ดี

ถ้าให้เจาะจงกว่านั้น มันเป็นปัญหาหลักของไมน็อกกราห์

ถึงแม้ว่าสถานการณ์นั้นยากที่จะคาดเดา แต่เมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ ทำให้พวกเขาสามารถหายใจหายคอได้บ้าง 

“ถึงอย่างนั้น เราก็ต้องการทรัพยากรมนุษย์มากกว่านี้ จะไปหามายังไงนะ….”

“ถ้าเรารอจนกว่ามันจะเพิ่มขึ้นเอง นั่นก็คงนานเกินไป”

ทาคุโตะและสมาชิกของเขามีปัญหารออยู่เป็นกอง

ปัญหาถัดมาก็คือพวกเขาขาดประชากร

โดยปกติแล้ว จำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นเองตามกาลเวลา แต่ดูจากสถานการณ์ของทวีปในปัจจุบันแล้ว พวกเขาไม่มีเวลามากนัก

“ฉันได้ยินมาว่ายังมีดาร์คเอลฟ์กลุ่มอื่นๆที่ถูกเนรเทศออกมาเหมือนกัน ถ้าเราดึงพวกเขามาได้ น่าจะพอมีคนให้ใช้สอยอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้มากมายนัก”

“มันจะต้องมีบางอย่างสิ…”

พวกเขาทั้งคู่ใช้เวลามากมายในการคิดหาทางออกอยู่ภายในพระราชวังที่สร้างเสร็จแล้ว

ทุกวันนี้ ผู้เฒ่ามอลทาร์และไกอาต่างก็ยุ่งอยู่กับงานมากมาย จนทำให้พวกเขาพูดคุยกันน้อยลงกว่าที่เคย

พูดง่ายๆคือ สาเหตุเป็นเพราะในงานด้านข่าวกรองของพวกเขามีคนไม่พอ

นอกจากนี้ยังเป็นข้อพิสูจน์อีกว่า จำเป็นจะต้องมีการสร้างกลไกต่างๆ เพื่อให้อาณาจักรเดินหน้าต่อไปได้

ยิ่งพวกเขาอยู่บนโลกใบนี้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมองเห็นว่าพวกเขาขาดอะไรไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคิดถึงเรื่องนี้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

เริ่มจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา และค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละนิด ปัญหาด้านจำนวนประชากรถูกเลื่อนออกไปก่อน ณ ตอนนี้

“แต่มันน่าประทับใจดีนะคะ ที่โลกของเรานั้นเริ่มจากที่นี่”

อาโทวมองไปรอบๆพระราชวัง ราวกับว่าเธอต้องการเปลี่ยนบทสนทนาที่มาถึงทางตันนี้

พระราชวังไม่ได้ใหญ่มาก เพราะมันยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม แต่มันก็สวยงามมากพอ

ทำขึ้นจากไม้อันเป็นเอกลักษณ์ และถักทอเข้าด้วยกันหลายๆชั้น สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ตัวเองดูราวกับว่าเป็นงานศิลปะ

แน่นอนว่าสิ่งที่ตกแต่งอยู่ด้านบนก็น่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย

ผ้าที่ทอขึ้นด้วยฝีมือของหญิงสาวชาวเอลฟ์นั้นสมบูรณ์แบบ

งดงามยิ่งนัก

ประวัติศาสตร์ของไมน็อกกราห์ที่ถูกสลักไว้ ทำให้ราวกับเห็นภาพลวงตาของเรื่องเล่าในตำนาน เพียงแค่จ้องมองมัน

มันดูสง่างามมากพอสำหรับการเป็นที่พักของกษัตริย์ แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งนี้ก็ยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม

ฉากสุดท้ายของพระราชวังหลวงที่พวกเขารู้จักดูกว้างใหญ่ และงดงามมากกว่านี้อีกหลายเท่า

“ใช่แล้ว เราจะทำให้มันใหญ่ขึ้นอีกในอนาคต ฉันชอบพระราชวังใหญ่ๆ!”

ทาคุโตะอารมณ์ดีขึ้น

อย่างที่เขาว่ากันว่า ‘หนึ่งแดนดิน หนึ่งเคหาสน์ เป็นความปรารถนาสูงสุดของมนุษย์’ ตั้งแต่พระราชวังสร้างเสร็จ เขาก็กระโดดโลดเต้นไปทั่วเหมือนกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่

ไม่แปลกใจที่อาโทวเองก็อารมณ์ดีขึ้นหลังจากที่เห็นเจ้านายของเธอ

“จริงที่สุดเลยค่ะ ราชาของฉัน! พระราชวังของเราจะต้องหยั่งรากลึกบนโลก และทะลวงไปถึงสวรรค์! เหล่าผู้รับใช้ของท่านต่างก็เป็นวีรบุรุษผู้กล้า! และสาวใช้อีกจำนวนนับไม่ถ้วน!”

“โอ้! น่าตื่นเต้นจังเลยนะ มันตื่นเต้นซะจนทำให้ฉันอยากลืมเรื่องร้ายๆนี่ไปให้หมดเลย”

อุหวาา! ทาคุโตะที่กำลังตื่นเต้นจนถึงขีดสุดได้กางแขน และเต้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้น ทาคุโตะก็รู้สึกได้ว่าอาโทวมองเข้ามาในตาของเขา ราวกับว่าเธออยากจะมองให้เห็นถึงภายใน

“มีอะไรรึเปล่า?”

“ไม่ค่ะ ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดไปเอง”

“โอ๊ะ! ฉันเองก็เข้าใจอะไรผิดอยู่บ่อยๆเหมือนกัน”

“ใช่แล้วค่ะ!!”

เกิดอะไรขึ้นนะ?

ทาคุโตะกังวลเพราะช่วงหลังมานี้เธอดูแปลกๆไป แต่ดูจากท่าทีของเธอตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงโดยไม่จำเป็น

ยังไงเธอก็ดีที่สุดเหมือนเดิม ทาคุโตะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่ถัดมา เสียงร้องของอาโทวแทบจะทำให้เขากระโดดออกจากบัลลังก์

“อ๊าาาาาา!!”

“เหวออออ!?”

เสียงของเธอดังสนั่นจนทำให้ทาคุโตะตกจากบัลลังก์

เกิดอะไรขึ้น?

ขณะที่พยายามทำให้จิตใจสงบลง เขามองไปยังอาโทว ที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่

“ฉันเพิ่งนึกเรื่องบางอย่างที่แย่มากๆออกค่ะ….”

“อะไรหรอ?”

“ท่านทาคุโตะยังไม่มีสาวใช้เลยนี่คะ!”

“โอ๊ะ? จะว่าไป ก็จริงนะ”

ด้วยคำพูดเหล่านั้น ทำให้ทาคุโตะตระหนักได้ว่า สาวใช้นั้นเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับราชา

จนถึงตอนนี้ เป็นเรื่องดีที่อาโทวคอยจัดการนู่นนี่ให้เขา

นอกจากนั้น ตัวทาคุโตะเองก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีปัญหาอะไร

แต่บ้านแห่งใหม่ของพวกเขาช่างกว้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าแค่พวกเขาสองคนในพระราชวังอันใหญ่โตแห่งนี้ จะทำให้ลำบากมากขึ้น

ไม่ใช่เรื่องดีที่จะใช้เวลาเหมือนเดิมในสภาวะที่มั่นคงในปัจจุบัน

เพราะเขาคือกษัตริย์แห่งไมน็อกกราห์ และผู้นำของเหล่าดาร์คเอลฟ์

การที่ราชาของอาณาจักรนั้นต้องมาทำทุกอย่างด้วยตัวเองก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว

อย่างน้อยความจริงข้อนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทนได้ สำหรับหญิงสาวผู้ที่เอ่ยว่าเธอจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้

“นี่คือความผิดพลาด! ฉันล้มเหลวในการเป็นบริวาร!!”

อาโทวเริ่มสาปแช่งความล้มเหลวของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความผิดพลาดเล็กน้อย แต่มันทำให้เธอเสียใจและอาละวาดไปทั่วราวกับเด็กๆ

ทาคุโตะพยายามปลอบเธอให้สงบลง

“นั่นมันก็เกินไป ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนะ”

“แต่ฉันเป็นค่ะ! -ท่านอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมคะ!?”

อาโทวร้องไห้ออกมา เธอร้องไห้ใส่ราชาของเธอ ผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร

ทาคุโตะพยายามใช้ถ้อยคำต่างๆ เพื่อปลอบใจเธอในขณะที่เขาเองก็คอยอยู่ข้างๆ

แต่เมื่ออารมณ์ของเธอได้ดิ่งไปครั้งนึงแล้ว มันก็ไม่ดีขึ้นง่ายๆ

เธอนั่งคุกเข่าอยู่บนบัลลังก์และพึมพำถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเสียใจออกมา

“เอ่อ ฉันยังคุยกับพวกดาร์คเอลฟ์ไม่ได้เลย รู้สึกโดดเดี่ยวจัง”

แต่ทันใดนั้นอาโทวก็เอ่ยประโยคที่ทาคุโตะไม่ทันคาดคิดออกมา

“ก็ท่านทาคุโตะสูงส่งเกินไปน่ะสิคะ…พวกเขาน่าจะกลัวท่านกัน”

“เอ๋???”

ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

ทำไมพวกนั้นถึงกลัวเขามากล่ะ?

ที่จริงแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่า ‘สูงส่ง’ ที่เธอพูดหมายถึงอะไร

อย่างไรก็ตาม ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ยังมีบางส่วนของเขาที่เข้าใจคำพูดนั้น

ถึงแม้ว่ามันจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีความกลัวผสมอยู่ในสายตาของดาร์คเอลฟ์เมื่อพวกนั้นมองมาที่เขา

มันเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่แสดงออกมาตอนที่พวกเขาคุยกับอาโทว

แต่ทาคุโตะไม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้น

“ฉันมันตัวคนเดียว”

คำพูดโอดครวญหลุดออกจากปากของเขา

ทันใดนั้น อาโทวก็เปลี่ยนอารมณ์ทันทีเมื่อเธอได้ยินนายท่านของเธอกล่าวออกมาว่าเขาตัวคนเดียว

“ฉันจะคอยอยู่ข้างๆท่านทาคุโตะตลอดไปเองค่ะ!”

อาโทวส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับกอดทาคุโตะ

ทาคุโตะพลางคิดว่า ถ้าไม่ใช่เพราะอาโทว เขาคงจมอยู่กับความสิ้นหวังแน่ๆ

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับผู้ติดตามที่จงรักภักดีและน่ารักขนาดนี้

โอ้ เขาช่างโชคดีเสียจริง

เป็นเรื่องดีจริงๆที่มีผู้หญิงที่คิดถึงเขามากขนาดนี้

ในใจของทาคุโตะเต็มไปด้วยความสุข

“ฮ่า! ฉันมีไอเดียดีๆแล้วค่ะ!”

แต่ทันใดนั้นความสุขก็หดหายไป และแทนที่ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ และทาคุโตะก็มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก

เขาจำสถานการณ์แบบนี้ได้

โดยปกติแล้ว ถ้าอาโทวตื่นเต้นมากเกินไป สิ่งที่ตามมาไม่ใช่เรื่องดีเลย

“ปล่อยให้ฉันจัดการเองได้ไหมคะ? ฉันมีความคิดดีๆอยู่ค่ะ!”

“เอ่อ เอ..โต… ใจเย็นๆก่อนนะ แล้วบอกรายละเอียดฉันก่อ—“

“ปล่อยให้อาโทวจัดการเถอะค่ะ! ปล่อยให้ฉันจัดการเองได้ไหมคะ!?”

แต่เขาถูกปฏิเสธ

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทาคุโตะมักจะใจอ่อนให้กับอาโทว

เขาใจดีกับเธอมากกว่าที่ตัวเองคิดไว้ซะอีก

ดังนั้น เมื่อเธอขอเขาอย่างมั่นใจ จึงไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธได้เลย

ทาคุโตะเลยยอมแพ้ ให้กับคำขอของเธอ

◇   ◇   ◇ 

“ผู้เฒ่ามอลทาร์ จงไปรวบรวมเด็กผู้หญิงทั้งหมดที่เจ้าหามาได้ มาซะ นี่คือความต้องการขององค์ราชา!”

“ดะ-เดี๋ยวขอรับ ท่านอาโทว! ทำไมท่านจึงออกคำสั่งเช่นนั้นล่ะขอรับ? องค์ราชาทรงมีความคิดอะไรอยู่งั้นหรือขอรับ?”

“องค์ราชานั้นโปรดปรานเด็กๆ!”

ทาคุโตะได้แต่สาปแช่งตัวเองที่ก่อนหน้านี้ยอมปล่อยให้อาโทวจัดการ

เขาสาปแช่งตัวเอง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อตั้งสมาธิกับการแก้ไขสถานการณ์นี้

“โอ้! องค์ราชาชื่นชอบเด็กผู้หญิง…”

ทาคุโตะรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมายังเขา

มันเป็นสายตาที่ไม่อาจอธิบายได้ ทาคุโตะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมาถึงทางแยก

“อาโทว!”

 

ดังนั้น เขาจึงตะโกนออกไป

ถ้าเขาไม่ปฏิเสธลงที่นี่ เขาคงได้ฉายาแย่ๆนอกจากผู้ป่วยด้านการสื่อสารเพิ่มแน่ๆ

เสียงที่ตะโกนออกไปดังอย่างน่าประหลาดใจ จนทาคุโตะยังรู้สึกว่าเขาเองก็สามารถทำได้ถ้าพยายาม

……….

“—ฮ่าฮ่าฮาา! ข้าเข้าใจแล้วการนำเด็กๆที่ไร้เดียงสามาไว้ข้างๆกาย จะทำให้พระองค์เป็นผู้ที่ไม่อาจนำสามัญสำนึกตามปกติมาใช้ด้วยได้ อย่างที่คาดไว้จากองค์ราชา”

“ใช่แล้ว พวกเด็กๆมักจะพูดอะไรออกมาสุ่มๆ แต่บางครั้งพวกเขาก็ทำให้ผู้ใหญ่ประหลาดใจได้”

เวลาผ่านไปได้ประมาณ 10 นาที

แต่สำหรับทาคุโตะ ช่วงเวลานั้นราวกับอยู่มาตลอดกาล

แต่ถึงอย่างนั้น ความสงสัยของผู้คนที่คิดว่าเขาเป็นโลลิค่อน ถูกเขาป้องกันเอาไว้ได้สำเร็จ

น่าจะคุยกับเด็กได้ง่ายกว่านะ แม้แต่กับคนโดดเดี่ยวอย่างเขา?

เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นแผนที่อาโทววางไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มากพอที่จะทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้าน

ผิดแค่เพียงก้าวเดียว เขาจะกลายเป็นคนโรคจิตไปเลย ไม่สิ ราชาผู้โรคจิตต่างหาก

ไม่แปลกใจเลยที่ทาคุโตะจะกรีดร้องออกมาอย่างสุดกำลัง

อนึ่ง ทาคุโตะเพิ่งคิดเรื่องนี้ออกหลังจากที่ใช้สมองอย่างหนัก

เขาอธิบายสถานการณ์ให้ผู้เฒ่ามอลทาร์ และไกอาฟังอย่างสิ้นหวัง พร้อมๆกับจ้องไปยังอาโทว

เขาไม่สามารถสลัดความรู้สึกอึดอัดนี่ออกไปได้เลย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปฏิเสธมันได้

มันไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว

มันเป็นความรับผิดชอบที่ยอดเยี่ยม

อาโทวจ้องมองด้วยรอยยิ้ม

มันจะดีกว่าถ้าทาคุโตะอธิบายตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นเขาจึงต้องอธิบายมันจนแทบขาดใจ

◇ ◇ ◇ ◇ 

“โอ้ ราชา… มันเป็นเพราะสิ่งที่เด็กๆทำ…”

“ไม่เป็นไร”

มาเริ่มกันที่ข้อสรุป ภารกิจเรียกตัวเด็กผู้หญิงมาเป็นสาวใช้กำลังจะล้มเหลว

มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตอนที่ปฏิบัติจริง

ในกรณีนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเพราะทาคุโตะเข้าใจสถานการณ์ผิดไป

กล่าวอีกนัยนึงคือ เหล่าเด็กหญิงชาวดาร์คเอลฟ์ที่พวกเขารวบรวมมา เมื่อพวกเขาเห็นทาคุโตะ ต่างพากันหวาดกลัว และร้องไห้กันหมด

แม้กระทั่งทาคุโตะเองก็ไม่สามารถซ่อนสีหน้าตกตะลึงเอาไว้ได้ สีหน้าหดหู่ของพวกเขายิ่งทำให้มันดูน่าสมเพชมากกว่าเดิม

“อย่าให้ราชาทรงกริ้วสิ! มีเด็กคนไหนที่ไม่ร้องไห้เมื่อได้พบกับองค์ราชาบ้างไหม?”

“ไม่เลยขอรับ เด็กๆทุกคนในอาณาจักรนี้….”

“อ่อนแอ! ช่างอ่อนแอยิ่งนัก!”

ทาคุโตะกำลังหดหู่ และอาโทวก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปมา

ผู้เฒ่ามอลทาร์รู้สึกลำบากและส่งสายตาไปยังไกอาที่กำลังกอดอกครุ่นคิดอยู่ข้างๆ ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ

“ผู้เฒ่ามอลทาร์ ท่านได้นำฝาแฝดพวกนั้นเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่ ไม่ เด็กพวกนั้น มันจะเป็นการลบหลู่ต่อองค์ราชา”

“…? มีอะไรอย่างนั้นรึ?”

อาโทวที่กำลังกระวนกระวายอยู่ข้างๆทาคุโตะ ได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสอง เธอพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง

ผู้เฒ่ามอลทาร์ที่ไม่อยากยอมรับคำแนะนำของไกอา ต้องจำใจอธิบายเกี่ยวกับเด็กหญิงฝาแฝดที่พวกเขาพูดถึง

“ข้าจะว่ายังไงดีล่ะขอรับ? มันมีเด็กหญิงฝาแฝดที่ไร้ญาติอยู่ พวกเขาทั้งคู่เป็นเด็กฉลาด แต่ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่เหมาะกับการเป็นสาวใช้ของราชาน่ะขอรับ”

“หืมม? พวกเขารู้มารยาทนี่ ใช่มั้ย? ก็ดี ข้าจะเป็นคนตัดสินเอง พาพวกเขาเข้ามา”

เมื่ออาโทวตัดสินแล้ว ผู้เฒ่ามอลทาร์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้

เขาโอดครวญ และหันกลับไป คำโตแย้งของเขามันไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตาม ตอนที่ผู้เฒ่ามอลทาร์กำลังจะออกไปพาเด็กๆเข้ามา ไกอาก็ตะโกนออกมา

“ข้าพาพวกเขามาแล้วครับ”

“ไกอา! เจ้านี่ทำงานเร็วซะจริงนะ!”

“ฮี่ฮี่ ไม่เหมือนกับตาแก่นั่น เพื่อองค์ราชาแล้ว ข้ามักจะคิดล่วงหน้าไปสองสามก้าวอยู่เสมอ สมองของข้าแล่นเร็วกว่าหัวแก่ๆนั่นแน่นอนครับ”

“ไอ้เด็กเวรนี่!”

อาโทวถอนหายใจให้กับทั้งสองคนที่กำลังส่งสายตาอาฆาตกันอยู่

สายตาของดาร์คเอลฟ์ทั้งสองคนที่กำลังแข่งขันกันอุทิศตัวให้กับราชา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันอยู่แล้ว

เมื่อพวกเขาเริ่มมันอีกครั้ง สีหน้าของอาโทวก็ดูมืดมน พวกเขาทั้งสองคนทะเลาะกันเป็นเด็กๆ และจากนั้นเธอก็เบนความสนใจไปยังผู้รับการคัดเลือกเป็นสาวใช้คนสุดท้าย

“ก็ได้ๆ พวกเจ้าทั้งคู่ก็แก่กันหมดนั่นล่ะ เพราะงั้นหยุดตีกันได้แล้ว – รีบๆไปพาฝาแฝดนั่นเข้ามาซะ”

“ครับ นายหญิง! ด้วยความยินดีครับ!”

หลังจากที่ได้รับการเรียกตัวจากหัวหน้านักรบไกอา ในที่สุด เด็กหญิงทั้งสองก็มาถึงห้องบัลลังก์

….เมื่อฝาแฝดทั้งสองเข้ามาด้านใน คิ้วของอาโทวก็กระตุกโดยที่ไม่มีใครสังเกตุ

พวกเขาน่าจะมีอายุประมาณ 12 – 13 ปี ได้

ในบรรดาเด็กหญิงที่เธอเคยเห็นมา พวกเขาน่าจะแก่กว่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

ด่านแรกที่ผ่านไปแล้วก็คือ พวกเธอไม่ร้องไห้เมื่อเห็นทาคุโตะ แต่บรรยากาศที่ปกคลุมพวกเธอนั้นต่างออกไป

ไม่สิ ไม่ใช่แค่บรรยากาศ มันเห็นได้ชัดเลยว่ารูปร่างของฝาแฝดพวกนั้นคงจะเป็นเพราะเหตุการณ์พิเศษบางอย่าง

“ถวายบังคมองค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ชื่อของฉันคือ ซีเรีย เอลเฟอร์ ค่ะ”

เด็กหญิงฝาแฝดก้าวเข้ามา ประสานมือด้วยท่าทีเป็นมิตร

สิ่งแรกที่เห็นคือ เด็กหญิงทางด้านขวามือก้มหัวทักทายอย่างสุภาพ

ผมสีเงินอันเป็นลักษณะเฉพาะของดาร์คเอลฟ์ถูกตัดให้สั้น และชุดที่เธอสวมใส่ก็เป็นชุดประจำเผ่าที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหว

อย่างไรก็ตาม ทางด้านขวาของผิวขาวกระจ่างใสของเธอ มีรอยแผลเป็นไหม้สีแดงดำที่มองเห็นได้ชัดเจนอยู่

ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้า แต่ที่แขนและขาก็เธอก็มีรอยแผลเป็นแบบเดียวกัน

เด็กหญิงไม่ได้ปิดบังมัน เหมือนกับเธอตั้งใจแสดงมันออกมาอย่างสง่างามจนราวกับจะอวด

“นี่คือพี่สาวของฉันค่ะ!”

“พี่สาวของฉันชื่อ มีเรีย-เอลเฟอร์”

ถัดมา เด็กหญิงที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ ทักทายทาคุโตะด้วยรอยยิ้มที่ดูสบายๆ

ผมสีเงินของยาวจรดเท้า และเธอแต่งตัวด้วยกระโปรงยาวฟูฟ่อง ไม่เหมือนกับน้องสาวของเธอที่ใส่ชุดสั้นกว่า การแต่งกายของเธอดูไร้เดียงสา ทำให้อาโทวสับสนเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการพูดคุยก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน

อาโทวคิดว่าพวกเขามีท่าทีไร้ซึ่งความเคารพ แต่จากนั้นเธอก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเด็กหญิง

รอยยิ้มที่ไร้เดียงสานั่น ไม่ผิดแน่

อาโทวคิดว่าภายในจิตใจของเด็กหญิงคนนั้นคงจะเด็กกว่ารูปร่างด้วยปัญหาบางอย่าง ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหา

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

ทาคุโตะส่งเสียงออกมา เหมือนกับว่าเขาพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อพูดมันออกมา

ดูเหมือนเขาจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ และเขาก็ส่งสายตาไปยังอาโทวเพื่อบอกให้เธอจัดการเรื่องที่เหลือ

จากการที่เห็นราชาของเธอไม่ได้สนใจเรื่องสภาพของเด็กหญิงทั้งสอง อาโทวจึงเริ่มประเมินว่าทั้งคู่เหมาะจะเป็นสาวใช้ที่ราชาต้องการหรือไม่

แต่ถึงอย่างนั้น

“เด็กหญิงผู้โง่เขลา และอัปลักษณ์….”

มีเรีย เด็กหญิงผู้โง่เขลา และซีเรีย เด็กหญิงหน้าตาอัปลักษณ์

พวกเขาเป็นเด็กที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันเป็นปริศนา

เธอไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะเหมาะกับการเป็นนางกำนัลหรือไม่

เด็กหญิงทั้งสองมองไปยังดวงตาของอาโทว ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่

 

=สารานุกรม ============ 

 

[พระราชวังไมน็อกกราห์ :  Lv1] อาคาร

ในทุกๆเทิร์น ผู้เล่นจะได้รับ

พลังเวทย์ 10

มานาแห่งการทำลายล้าง 1

*สิ่งปลูกสร้างนี้ไม่ต้องใช้ค่าบำรุงรักษา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 20: Twins (1)

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 20: Twins (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Chapter 2: The Heartbeat of Despair, Born and Sprouting

หลังจากจัดการกับคณะสำรจจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลียได้สำเร็จ ไมน็อกกราห์ได้ดื่มด่ำไปกับชีวิตประจำวันที่แสนสุขอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ตามที่คาดไว้ เวลาได้ทำหน้าที่ของมัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่สิ่งปลูกสร้างอันบ่งบอกถึงตำแหน่งของไมน็อกกราห์บนโลกใบนี้ได้เสร็จสิ้น

“ในที่สุดก็สำเร็จ!”

“ใช่แล้ว พระราชวังสร้างเสร็จแล้ว!!”

“[เวทเชิงกลยุทธ์] เองก็อยู่ในขั้นตอนทดสอบแล้ว ฐานที่มั่นพร้อมหรือยัง?”

ในเกม Eternal Nations ที่พวกเขาเล่นกัน มันมีวิทยาการที่เรียกว่าเวทเชิงกลยุทธ์

นี่เป็นองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ซึ่งทำให้สามารถใช้เวทย์มนตร์ที่ทรงพลังตามคุณสมบัติต่างๆ แต่มันก็ยังต้องใช้มานาสำหรับคุณสมบัติแต่ละอันอยู่ดี

โดยปกติแล้ว พวกเขาจะหาเส้นชีพจรมังกร และดึงมานาที่ต้องการออกมาใช้

พระราชวังหลวงสามารถสร้างมานาประเภทนี้ได้ด้วยตนเอง ในฐานะที่เป็นสิ่งปลูกสร้างสนับสนุนภายในเกม

มานาที่พระราชวังของไมน็อกกราห์ผลิตออกมาก็คือมานาแห่งการทำลายล้าง

นอกจากนั้น มันยังสามารถผลิตพลังเวทย์ออกมาได้เล็กน้อย

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะตัดสินใจรีบสร้างสิ่งปลูกสร้างชนิดนี้ ซึ่งทำประโยชน์ให้แก่อาณาจักรมากมายเพียงแค่สร้างมันขึ้นมา

ณ จุดๆนี้ พวกเขาเริ่มต้นได้ดี

ถ้าให้เจาะจงกว่านั้น มันเป็นปัญหาหลักของไมน็อกกราห์

ถึงแม้ว่าสถานการณ์นั้นยากที่จะคาดเดา แต่เมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ ทำให้พวกเขาสามารถหายใจหายคอได้บ้าง 

“ถึงอย่างนั้น เราก็ต้องการทรัพยากรมนุษย์มากกว่านี้ จะไปหามายังไงนะ….”

“ถ้าเรารอจนกว่ามันจะเพิ่มขึ้นเอง นั่นก็คงนานเกินไป”

ทาคุโตะและสมาชิกของเขามีปัญหารออยู่เป็นกอง

ปัญหาถัดมาก็คือพวกเขาขาดประชากร

โดยปกติแล้ว จำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นเองตามกาลเวลา แต่ดูจากสถานการณ์ของทวีปในปัจจุบันแล้ว พวกเขาไม่มีเวลามากนัก

“ฉันได้ยินมาว่ายังมีดาร์คเอลฟ์กลุ่มอื่นๆที่ถูกเนรเทศออกมาเหมือนกัน ถ้าเราดึงพวกเขามาได้ น่าจะพอมีคนให้ใช้สอยอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้มากมายนัก”

“มันจะต้องมีบางอย่างสิ…”

พวกเขาทั้งคู่ใช้เวลามากมายในการคิดหาทางออกอยู่ภายในพระราชวังที่สร้างเสร็จแล้ว

ทุกวันนี้ ผู้เฒ่ามอลทาร์และไกอาต่างก็ยุ่งอยู่กับงานมากมาย จนทำให้พวกเขาพูดคุยกันน้อยลงกว่าที่เคย

พูดง่ายๆคือ สาเหตุเป็นเพราะในงานด้านข่าวกรองของพวกเขามีคนไม่พอ

นอกจากนี้ยังเป็นข้อพิสูจน์อีกว่า จำเป็นจะต้องมีการสร้างกลไกต่างๆ เพื่อให้อาณาจักรเดินหน้าต่อไปได้

ยิ่งพวกเขาอยู่บนโลกใบนี้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมองเห็นว่าพวกเขาขาดอะไรไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคิดถึงเรื่องนี้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

เริ่มจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา และค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละนิด ปัญหาด้านจำนวนประชากรถูกเลื่อนออกไปก่อน ณ ตอนนี้

“แต่มันน่าประทับใจดีนะคะ ที่โลกของเรานั้นเริ่มจากที่นี่”

อาโทวมองไปรอบๆพระราชวัง ราวกับว่าเธอต้องการเปลี่ยนบทสนทนาที่มาถึงทางตันนี้

พระราชวังไม่ได้ใหญ่มาก เพราะมันยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม แต่มันก็สวยงามมากพอ

ทำขึ้นจากไม้อันเป็นเอกลักษณ์ และถักทอเข้าด้วยกันหลายๆชั้น สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ตัวเองดูราวกับว่าเป็นงานศิลปะ

แน่นอนว่าสิ่งที่ตกแต่งอยู่ด้านบนก็น่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย

ผ้าที่ทอขึ้นด้วยฝีมือของหญิงสาวชาวเอลฟ์นั้นสมบูรณ์แบบ

งดงามยิ่งนัก

ประวัติศาสตร์ของไมน็อกกราห์ที่ถูกสลักไว้ ทำให้ราวกับเห็นภาพลวงตาของเรื่องเล่าในตำนาน เพียงแค่จ้องมองมัน

มันดูสง่างามมากพอสำหรับการเป็นที่พักของกษัตริย์ แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งนี้ก็ยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม

ฉากสุดท้ายของพระราชวังหลวงที่พวกเขารู้จักดูกว้างใหญ่ และงดงามมากกว่านี้อีกหลายเท่า

“ใช่แล้ว เราจะทำให้มันใหญ่ขึ้นอีกในอนาคต ฉันชอบพระราชวังใหญ่ๆ!”

ทาคุโตะอารมณ์ดีขึ้น

อย่างที่เขาว่ากันว่า ‘หนึ่งแดนดิน หนึ่งเคหาสน์ เป็นความปรารถนาสูงสุดของมนุษย์’ ตั้งแต่พระราชวังสร้างเสร็จ เขาก็กระโดดโลดเต้นไปทั่วเหมือนกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่

ไม่แปลกใจที่อาโทวเองก็อารมณ์ดีขึ้นหลังจากที่เห็นเจ้านายของเธอ

“จริงที่สุดเลยค่ะ ราชาของฉัน! พระราชวังของเราจะต้องหยั่งรากลึกบนโลก และทะลวงไปถึงสวรรค์! เหล่าผู้รับใช้ของท่านต่างก็เป็นวีรบุรุษผู้กล้า! และสาวใช้อีกจำนวนนับไม่ถ้วน!”

“โอ้! น่าตื่นเต้นจังเลยนะ มันตื่นเต้นซะจนทำให้ฉันอยากลืมเรื่องร้ายๆนี่ไปให้หมดเลย”

อุหวาา! ทาคุโตะที่กำลังตื่นเต้นจนถึงขีดสุดได้กางแขน และเต้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้น ทาคุโตะก็รู้สึกได้ว่าอาโทวมองเข้ามาในตาของเขา ราวกับว่าเธออยากจะมองให้เห็นถึงภายใน

“มีอะไรรึเปล่า?”

“ไม่ค่ะ ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดไปเอง”

“โอ๊ะ! ฉันเองก็เข้าใจอะไรผิดอยู่บ่อยๆเหมือนกัน”

“ใช่แล้วค่ะ!!”

เกิดอะไรขึ้นนะ?

ทาคุโตะกังวลเพราะช่วงหลังมานี้เธอดูแปลกๆไป แต่ดูจากท่าทีของเธอตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงโดยไม่จำเป็น

ยังไงเธอก็ดีที่สุดเหมือนเดิม ทาคุโตะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่ถัดมา เสียงร้องของอาโทวแทบจะทำให้เขากระโดดออกจากบัลลังก์

“อ๊าาาาาา!!”

“เหวออออ!?”

เสียงของเธอดังสนั่นจนทำให้ทาคุโตะตกจากบัลลังก์

เกิดอะไรขึ้น?

ขณะที่พยายามทำให้จิตใจสงบลง เขามองไปยังอาโทว ที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่

“ฉันเพิ่งนึกเรื่องบางอย่างที่แย่มากๆออกค่ะ….”

“อะไรหรอ?”

“ท่านทาคุโตะยังไม่มีสาวใช้เลยนี่คะ!”

“โอ๊ะ? จะว่าไป ก็จริงนะ”

ด้วยคำพูดเหล่านั้น ทำให้ทาคุโตะตระหนักได้ว่า สาวใช้นั้นเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับราชา

จนถึงตอนนี้ เป็นเรื่องดีที่อาโทวคอยจัดการนู่นนี่ให้เขา

นอกจากนั้น ตัวทาคุโตะเองก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีปัญหาอะไร

แต่บ้านแห่งใหม่ของพวกเขาช่างกว้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าแค่พวกเขาสองคนในพระราชวังอันใหญ่โตแห่งนี้ จะทำให้ลำบากมากขึ้น

ไม่ใช่เรื่องดีที่จะใช้เวลาเหมือนเดิมในสภาวะที่มั่นคงในปัจจุบัน

เพราะเขาคือกษัตริย์แห่งไมน็อกกราห์ และผู้นำของเหล่าดาร์คเอลฟ์

การที่ราชาของอาณาจักรนั้นต้องมาทำทุกอย่างด้วยตัวเองก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว

อย่างน้อยความจริงข้อนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทนได้ สำหรับหญิงสาวผู้ที่เอ่ยว่าเธอจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้

“นี่คือความผิดพลาด! ฉันล้มเหลวในการเป็นบริวาร!!”

อาโทวเริ่มสาปแช่งความล้มเหลวของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความผิดพลาดเล็กน้อย แต่มันทำให้เธอเสียใจและอาละวาดไปทั่วราวกับเด็กๆ

ทาคุโตะพยายามปลอบเธอให้สงบลง

“นั่นมันก็เกินไป ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนะ”

“แต่ฉันเป็นค่ะ! -ท่านอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมคะ!?”

อาโทวร้องไห้ออกมา เธอร้องไห้ใส่ราชาของเธอ ผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร

ทาคุโตะพยายามใช้ถ้อยคำต่างๆ เพื่อปลอบใจเธอในขณะที่เขาเองก็คอยอยู่ข้างๆ

แต่เมื่ออารมณ์ของเธอได้ดิ่งไปครั้งนึงแล้ว มันก็ไม่ดีขึ้นง่ายๆ

เธอนั่งคุกเข่าอยู่บนบัลลังก์และพึมพำถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเสียใจออกมา

“เอ่อ ฉันยังคุยกับพวกดาร์คเอลฟ์ไม่ได้เลย รู้สึกโดดเดี่ยวจัง”

แต่ทันใดนั้นอาโทวก็เอ่ยประโยคที่ทาคุโตะไม่ทันคาดคิดออกมา

“ก็ท่านทาคุโตะสูงส่งเกินไปน่ะสิคะ…พวกเขาน่าจะกลัวท่านกัน”

“เอ๋???”

ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

ทำไมพวกนั้นถึงกลัวเขามากล่ะ?

ที่จริงแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่า ‘สูงส่ง’ ที่เธอพูดหมายถึงอะไร

อย่างไรก็ตาม ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ยังมีบางส่วนของเขาที่เข้าใจคำพูดนั้น

ถึงแม้ว่ามันจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีความกลัวผสมอยู่ในสายตาของดาร์คเอลฟ์เมื่อพวกนั้นมองมาที่เขา

มันเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่แสดงออกมาตอนที่พวกเขาคุยกับอาโทว

แต่ทาคุโตะไม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้น

“ฉันมันตัวคนเดียว”

คำพูดโอดครวญหลุดออกจากปากของเขา

ทันใดนั้น อาโทวก็เปลี่ยนอารมณ์ทันทีเมื่อเธอได้ยินนายท่านของเธอกล่าวออกมาว่าเขาตัวคนเดียว

“ฉันจะคอยอยู่ข้างๆท่านทาคุโตะตลอดไปเองค่ะ!”

อาโทวส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับกอดทาคุโตะ

ทาคุโตะพลางคิดว่า ถ้าไม่ใช่เพราะอาโทว เขาคงจมอยู่กับความสิ้นหวังแน่ๆ

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับผู้ติดตามที่จงรักภักดีและน่ารักขนาดนี้

โอ้ เขาช่างโชคดีเสียจริง

เป็นเรื่องดีจริงๆที่มีผู้หญิงที่คิดถึงเขามากขนาดนี้

ในใจของทาคุโตะเต็มไปด้วยความสุข

“ฮ่า! ฉันมีไอเดียดีๆแล้วค่ะ!”

แต่ทันใดนั้นความสุขก็หดหายไป และแทนที่ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ และทาคุโตะก็มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก

เขาจำสถานการณ์แบบนี้ได้

โดยปกติแล้ว ถ้าอาโทวตื่นเต้นมากเกินไป สิ่งที่ตามมาไม่ใช่เรื่องดีเลย

“ปล่อยให้ฉันจัดการเองได้ไหมคะ? ฉันมีความคิดดีๆอยู่ค่ะ!”

“เอ่อ เอ..โต… ใจเย็นๆก่อนนะ แล้วบอกรายละเอียดฉันก่อ—“

“ปล่อยให้อาโทวจัดการเถอะค่ะ! ปล่อยให้ฉันจัดการเองได้ไหมคะ!?”

แต่เขาถูกปฏิเสธ

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทาคุโตะมักจะใจอ่อนให้กับอาโทว

เขาใจดีกับเธอมากกว่าที่ตัวเองคิดไว้ซะอีก

ดังนั้น เมื่อเธอขอเขาอย่างมั่นใจ จึงไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธได้เลย

ทาคุโตะเลยยอมแพ้ ให้กับคำขอของเธอ

◇   ◇   ◇ 

“ผู้เฒ่ามอลทาร์ จงไปรวบรวมเด็กผู้หญิงทั้งหมดที่เจ้าหามาได้ มาซะ นี่คือความต้องการขององค์ราชา!”

“ดะ-เดี๋ยวขอรับ ท่านอาโทว! ทำไมท่านจึงออกคำสั่งเช่นนั้นล่ะขอรับ? องค์ราชาทรงมีความคิดอะไรอยู่งั้นหรือขอรับ?”

“องค์ราชานั้นโปรดปรานเด็กๆ!”

ทาคุโตะได้แต่สาปแช่งตัวเองที่ก่อนหน้านี้ยอมปล่อยให้อาโทวจัดการ

เขาสาปแช่งตัวเอง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อตั้งสมาธิกับการแก้ไขสถานการณ์นี้

“โอ้! องค์ราชาชื่นชอบเด็กผู้หญิง…”

ทาคุโตะรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมายังเขา

มันเป็นสายตาที่ไม่อาจอธิบายได้ ทาคุโตะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมาถึงทางแยก

“อาโทว!”

 

ดังนั้น เขาจึงตะโกนออกไป

ถ้าเขาไม่ปฏิเสธลงที่นี่ เขาคงได้ฉายาแย่ๆนอกจากผู้ป่วยด้านการสื่อสารเพิ่มแน่ๆ

เสียงที่ตะโกนออกไปดังอย่างน่าประหลาดใจ จนทาคุโตะยังรู้สึกว่าเขาเองก็สามารถทำได้ถ้าพยายาม

……….

“—ฮ่าฮ่าฮาา! ข้าเข้าใจแล้วการนำเด็กๆที่ไร้เดียงสามาไว้ข้างๆกาย จะทำให้พระองค์เป็นผู้ที่ไม่อาจนำสามัญสำนึกตามปกติมาใช้ด้วยได้ อย่างที่คาดไว้จากองค์ราชา”

“ใช่แล้ว พวกเด็กๆมักจะพูดอะไรออกมาสุ่มๆ แต่บางครั้งพวกเขาก็ทำให้ผู้ใหญ่ประหลาดใจได้”

เวลาผ่านไปได้ประมาณ 10 นาที

แต่สำหรับทาคุโตะ ช่วงเวลานั้นราวกับอยู่มาตลอดกาล

แต่ถึงอย่างนั้น ความสงสัยของผู้คนที่คิดว่าเขาเป็นโลลิค่อน ถูกเขาป้องกันเอาไว้ได้สำเร็จ

น่าจะคุยกับเด็กได้ง่ายกว่านะ แม้แต่กับคนโดดเดี่ยวอย่างเขา?

เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นแผนที่อาโทววางไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มากพอที่จะทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้าน

ผิดแค่เพียงก้าวเดียว เขาจะกลายเป็นคนโรคจิตไปเลย ไม่สิ ราชาผู้โรคจิตต่างหาก

ไม่แปลกใจเลยที่ทาคุโตะจะกรีดร้องออกมาอย่างสุดกำลัง

อนึ่ง ทาคุโตะเพิ่งคิดเรื่องนี้ออกหลังจากที่ใช้สมองอย่างหนัก

เขาอธิบายสถานการณ์ให้ผู้เฒ่ามอลทาร์ และไกอาฟังอย่างสิ้นหวัง พร้อมๆกับจ้องไปยังอาโทว

เขาไม่สามารถสลัดความรู้สึกอึดอัดนี่ออกไปได้เลย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปฏิเสธมันได้

มันไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว

มันเป็นความรับผิดชอบที่ยอดเยี่ยม

อาโทวจ้องมองด้วยรอยยิ้ม

มันจะดีกว่าถ้าทาคุโตะอธิบายตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นเขาจึงต้องอธิบายมันจนแทบขาดใจ

◇ ◇ ◇ ◇ 

“โอ้ ราชา… มันเป็นเพราะสิ่งที่เด็กๆทำ…”

“ไม่เป็นไร”

มาเริ่มกันที่ข้อสรุป ภารกิจเรียกตัวเด็กผู้หญิงมาเป็นสาวใช้กำลังจะล้มเหลว

มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตอนที่ปฏิบัติจริง

ในกรณีนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเพราะทาคุโตะเข้าใจสถานการณ์ผิดไป

กล่าวอีกนัยนึงคือ เหล่าเด็กหญิงชาวดาร์คเอลฟ์ที่พวกเขารวบรวมมา เมื่อพวกเขาเห็นทาคุโตะ ต่างพากันหวาดกลัว และร้องไห้กันหมด

แม้กระทั่งทาคุโตะเองก็ไม่สามารถซ่อนสีหน้าตกตะลึงเอาไว้ได้ สีหน้าหดหู่ของพวกเขายิ่งทำให้มันดูน่าสมเพชมากกว่าเดิม

“อย่าให้ราชาทรงกริ้วสิ! มีเด็กคนไหนที่ไม่ร้องไห้เมื่อได้พบกับองค์ราชาบ้างไหม?”

“ไม่เลยขอรับ เด็กๆทุกคนในอาณาจักรนี้….”

“อ่อนแอ! ช่างอ่อนแอยิ่งนัก!”

ทาคุโตะกำลังหดหู่ และอาโทวก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปมา

ผู้เฒ่ามอลทาร์รู้สึกลำบากและส่งสายตาไปยังไกอาที่กำลังกอดอกครุ่นคิดอยู่ข้างๆ ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ

“ผู้เฒ่ามอลทาร์ ท่านได้นำฝาแฝดพวกนั้นเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่ ไม่ เด็กพวกนั้น มันจะเป็นการลบหลู่ต่อองค์ราชา”

“…? มีอะไรอย่างนั้นรึ?”

อาโทวที่กำลังกระวนกระวายอยู่ข้างๆทาคุโตะ ได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสอง เธอพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง

ผู้เฒ่ามอลทาร์ที่ไม่อยากยอมรับคำแนะนำของไกอา ต้องจำใจอธิบายเกี่ยวกับเด็กหญิงฝาแฝดที่พวกเขาพูดถึง

“ข้าจะว่ายังไงดีล่ะขอรับ? มันมีเด็กหญิงฝาแฝดที่ไร้ญาติอยู่ พวกเขาทั้งคู่เป็นเด็กฉลาด แต่ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่เหมาะกับการเป็นสาวใช้ของราชาน่ะขอรับ”

“หืมม? พวกเขารู้มารยาทนี่ ใช่มั้ย? ก็ดี ข้าจะเป็นคนตัดสินเอง พาพวกเขาเข้ามา”

เมื่ออาโทวตัดสินแล้ว ผู้เฒ่ามอลทาร์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้

เขาโอดครวญ และหันกลับไป คำโตแย้งของเขามันไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตาม ตอนที่ผู้เฒ่ามอลทาร์กำลังจะออกไปพาเด็กๆเข้ามา ไกอาก็ตะโกนออกมา

“ข้าพาพวกเขามาแล้วครับ”

“ไกอา! เจ้านี่ทำงานเร็วซะจริงนะ!”

“ฮี่ฮี่ ไม่เหมือนกับตาแก่นั่น เพื่อองค์ราชาแล้ว ข้ามักจะคิดล่วงหน้าไปสองสามก้าวอยู่เสมอ สมองของข้าแล่นเร็วกว่าหัวแก่ๆนั่นแน่นอนครับ”

“ไอ้เด็กเวรนี่!”

อาโทวถอนหายใจให้กับทั้งสองคนที่กำลังส่งสายตาอาฆาตกันอยู่

สายตาของดาร์คเอลฟ์ทั้งสองคนที่กำลังแข่งขันกันอุทิศตัวให้กับราชา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันอยู่แล้ว

เมื่อพวกเขาเริ่มมันอีกครั้ง สีหน้าของอาโทวก็ดูมืดมน พวกเขาทั้งสองคนทะเลาะกันเป็นเด็กๆ และจากนั้นเธอก็เบนความสนใจไปยังผู้รับการคัดเลือกเป็นสาวใช้คนสุดท้าย

“ก็ได้ๆ พวกเจ้าทั้งคู่ก็แก่กันหมดนั่นล่ะ เพราะงั้นหยุดตีกันได้แล้ว – รีบๆไปพาฝาแฝดนั่นเข้ามาซะ”

“ครับ นายหญิง! ด้วยความยินดีครับ!”

หลังจากที่ได้รับการเรียกตัวจากหัวหน้านักรบไกอา ในที่สุด เด็กหญิงทั้งสองก็มาถึงห้องบัลลังก์

….เมื่อฝาแฝดทั้งสองเข้ามาด้านใน คิ้วของอาโทวก็กระตุกโดยที่ไม่มีใครสังเกตุ

พวกเขาน่าจะมีอายุประมาณ 12 – 13 ปี ได้

ในบรรดาเด็กหญิงที่เธอเคยเห็นมา พวกเขาน่าจะแก่กว่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

ด่านแรกที่ผ่านไปแล้วก็คือ พวกเธอไม่ร้องไห้เมื่อเห็นทาคุโตะ แต่บรรยากาศที่ปกคลุมพวกเธอนั้นต่างออกไป

ไม่สิ ไม่ใช่แค่บรรยากาศ มันเห็นได้ชัดเลยว่ารูปร่างของฝาแฝดพวกนั้นคงจะเป็นเพราะเหตุการณ์พิเศษบางอย่าง

“ถวายบังคมองค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ชื่อของฉันคือ ซีเรีย เอลเฟอร์ ค่ะ”

เด็กหญิงฝาแฝดก้าวเข้ามา ประสานมือด้วยท่าทีเป็นมิตร

สิ่งแรกที่เห็นคือ เด็กหญิงทางด้านขวามือก้มหัวทักทายอย่างสุภาพ

ผมสีเงินอันเป็นลักษณะเฉพาะของดาร์คเอลฟ์ถูกตัดให้สั้น และชุดที่เธอสวมใส่ก็เป็นชุดประจำเผ่าที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหว

อย่างไรก็ตาม ทางด้านขวาของผิวขาวกระจ่างใสของเธอ มีรอยแผลเป็นไหม้สีแดงดำที่มองเห็นได้ชัดเจนอยู่

ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้า แต่ที่แขนและขาก็เธอก็มีรอยแผลเป็นแบบเดียวกัน

เด็กหญิงไม่ได้ปิดบังมัน เหมือนกับเธอตั้งใจแสดงมันออกมาอย่างสง่างามจนราวกับจะอวด

“นี่คือพี่สาวของฉันค่ะ!”

“พี่สาวของฉันชื่อ มีเรีย-เอลเฟอร์”

ถัดมา เด็กหญิงที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ ทักทายทาคุโตะด้วยรอยยิ้มที่ดูสบายๆ

ผมสีเงินของยาวจรดเท้า และเธอแต่งตัวด้วยกระโปรงยาวฟูฟ่อง ไม่เหมือนกับน้องสาวของเธอที่ใส่ชุดสั้นกว่า การแต่งกายของเธอดูไร้เดียงสา ทำให้อาโทวสับสนเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการพูดคุยก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน

อาโทวคิดว่าพวกเขามีท่าทีไร้ซึ่งความเคารพ แต่จากนั้นเธอก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเด็กหญิง

รอยยิ้มที่ไร้เดียงสานั่น ไม่ผิดแน่

อาโทวคิดว่าภายในจิตใจของเด็กหญิงคนนั้นคงจะเด็กกว่ารูปร่างด้วยปัญหาบางอย่าง ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหา

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

ทาคุโตะส่งเสียงออกมา เหมือนกับว่าเขาพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อพูดมันออกมา

ดูเหมือนเขาจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ และเขาก็ส่งสายตาไปยังอาโทวเพื่อบอกให้เธอจัดการเรื่องที่เหลือ

จากการที่เห็นราชาของเธอไม่ได้สนใจเรื่องสภาพของเด็กหญิงทั้งสอง อาโทวจึงเริ่มประเมินว่าทั้งคู่เหมาะจะเป็นสาวใช้ที่ราชาต้องการหรือไม่

แต่ถึงอย่างนั้น

“เด็กหญิงผู้โง่เขลา และอัปลักษณ์….”

มีเรีย เด็กหญิงผู้โง่เขลา และซีเรีย เด็กหญิงหน้าตาอัปลักษณ์

พวกเขาเป็นเด็กที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันเป็นปริศนา

เธอไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะเหมาะกับการเป็นนางกำนัลหรือไม่

เด็กหญิงทั้งสองมองไปยังดวงตาของอาโทว ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่

 

=สารานุกรม ============ 

 

[พระราชวังไมน็อกกราห์ :  Lv1] อาคาร

ในทุกๆเทิร์น ผู้เล่นจะได้รับ

พลังเวทย์ 10

มานาแห่งการทำลายล้าง 1

*สิ่งปลูกสร้างนี้ไม่ต้องใช้ค่าบำรุงรักษา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+