[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 22: Meeting

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 22: Meeting at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใครๆก็ดูออก ว่าวันนี้ทาคุโตะอารมณ์ดีผิดปกติ

นั่นเป็นเพราะในที่สุดก็ถึงเวลาเรื่องโปรดของเขา การเมือง

เมื่อไม่นานมานี้ มีเหตุการณ์หลายๆอย่างคอยรบกวนเขาอยู่ อย่างเรื่องการสำรวจของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลีย และการตรวจสอบสถานการณ์ของอาณาจักรข้างเคียง

ตอนนี้เรื่องทั้งหมดได้คลี่คลายลงแล้ว ทำให้จิตใจของเขามีพื้นที่ให้กับเรื่องอื่นๆ เขาจึงอารมณ์ดีขึ้น

บางทีเหล่าข้าราชบริพารของเขาอาจจะสัมผัสได้ว่าราชากำลังอารมณ์ดี

ทำให้พวกเขาที่กำลังจะเริ่มการประชุมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

“ขอบคุณที่พวกเจ้าทุกคนมารวมกัน ถึงจะ”

ประธานการประชุมก็ยังคงเป็นอาโทว

เธอมองไปรอบๆ และยิ้มออกมาเล็กน้อย

เหล่าคนสำคัญของอาณาจักรต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่

ผู้เฒ่ามอลทาร์ หัวหน้านักรบไกอา และเอมัลที่ได้รับการเลื่อนขั้นจากการเป็นผู้ช่วยของไกอา

อีกทั้ง มีเรีย และซีเรีย และแน่นอนที่สุด ทาคุโตะ และอาโทวเองก็อยู่ที่นี่

“เช่นนั้นก็เริ่มการประชุมหารือเรื่องกิจการภายในที่น่าสนุกกันเถอะ เริ่มจากรายงานสถานะก่อนเลย ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องการก่อสร้าง เชิญ”

“ค่ะ ข้าคือเอมัล ผู้ที่รับผิดชอบด้านการก่อสร้าง การสร้างพระราชวังได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และทำให้ตอนนี้มีแรงงานจำนวนมากที่ยังว่างอยู่ ในเวลาที่ว่างอยู่นี้ ข้าตั้งใจที่จะสะสมไม้ให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้มีทรัพยากรเพียงพอที่จะเริ่มการก่อสร้างใหม่ค่ะ”

“เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก ข้าก็อยากจะสร้างสิ่งใหม่ๆในตอนที่เรายังสามารถใช้ได้”

ประโยคนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังของอาโทว เธอพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กับความสามารถในการเตรียมข้อมูลของเอมัล

อย่างที่เอมัลกล่าว ปัจจุบันปริมาณงานของคนงานก่อสร้างมีน้อย

การปล่อยให้แรงงานที่มีค่าอยู่เฉยๆ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งปลูกสร้างของไมน็อกกราห์จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่อาณาจักรมากมายมหาศาล

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์นี้ อาโทวอยากจะอัพเกรดสิ่งปลูกสร้างก่อน

“ท่านทาคุโตะ สำหรับอาคารต่อไป เอาตามที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ไหมคะ?”

“ใช่”

ทาคุโตะพยักหน้าให้กับคำถามของอาโทว

ที่จริง เธอได้คุยกับทาคุโตะเรื่องแนวทางของไมน็อกกราห์มาก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของการประชุมนี้ก็เพื่อแจกจ่ายงานให้กับเหล่าข้าราชบริพาร และป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ถ้าอาณาจักรขยายใหญ่ขึ้น งานพวกนี้คงจะเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับคนๆเดียว

ไม่เหมือนกับในเกม ในความเป็นจริง ความสามารถของคนๆหนึ่งมีจำกัด ทำให้ทาคุโตะและเหล่าข้าราชบริหารของเขาต้องทำแบบนี้

“เอมัล ต่อไปเจ้าจะต้องสร้างสถาบันเวทมนตร์ขึ้น พวกเจ้ามีคุณสมบัติด้านเวทมนตร์เป็นพิเศษ และกองกำลังเวทย์เองก็ใช้ทรัพยากรมนุษย์จำนวนไม่มาก ดังนั้นสำหรับอาณาจักรของเราแล้ว จะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดกว่าในการมุ่งไปทางวิทยาการด้านเวทมนตร์”

“ทราบแล้วค่ะ ข้าจะบอกกับผู้ที่รับผิดชอบทางภาคสนามทันทีที่การประชุมนี้สิ้นสุด”

ตัวเลือกในการสร้างเป็นปัญหาที่น่าปวดหัว

มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น ‘บ่อสาเกและป่าเนื้อ’ ที่จะเพิ่มอัตราการเติบโตของจำนวนประชากรโดยแลกกับการใช้ทรัพยากรอาหารที่มากขึ้น และเถาวัลย์มีชีวิต ที่จะให้ค่าพลังป้องกันพิเศษเมื่อถูกศัตรูโจมตีเมือง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอย่างที่ถูดปัดตกไปเพราะมันต้องใช้เวลาในการแสดงผล

ดังนั้นสถาบันเวทมนตร์จึงถูกเลือก เพื่อสร้างกองกำลังเวทย์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะช่วยเพิ่มการผลิตเวทมนตร์ของอาณาจักร

ต่อไปเป็นเรื่องของ สถานการณ์ด้านทรัพยากร…..ใครเป็นผู้รับผิดชอบ?

“ข้า เอมัล เป็นผู้รับผิดชอบค่ะ แหล่งอาหารนั้นดีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม้และหิน แต่เหล็กยังไม่สามารถผลิตได้นอกจากต้องพึ่งความช่วยเหลือจากองค์ราชา แต่ตราบใดที่มันยังกินพลังเวทย์อยู่ มันอาจจะไม่ส่งผลดีต่อความสมดุลย์ค่ะ”

ต้องขอบคุณความสามารถในการสร้างทรัพยากรของทาคุโตะ ทำให้เหล่าดาร์คเอลฟ์ที่มีสัมภาระติดตัวเพียงน้อยนิด สามารถสร้างเมืองขึ้นได้ในเวลาอันสั้น

ด้วยความสามารถของเขา ทาคุโตะสร้างสิ่งของจากโลกเดิม อย่างพวกเหล็ก เสื้อผ้า และอุปกรณ์อื่นๆที่ยากจะครอบครอง

แน่นอนว่า มันต้องใช้พลังเวทย์ แต่จากจำนวนประชากรในปัจจุบันของไมน็อกกราห์ที่มีเพียง 500 คนแล้ว

ในแง่ของการใช้จ่ายพลังเวทย์เพื่อทรัพยากร สำหรับจำนวนประชากรเท่านี้แล้ว มันไม่เป็นปัญหา

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ใช้ได้ผลเพราะจำนวนประชากรที่น้อยของพวกเขา

“การสร้างฉุกเฉินด้วยพลังเวทย์ค่อนข้างสะดวกเลยใช่ไหมล่ะ? ยังไงก็เถอะ มันเป็นเรื่องจำเป็น เพราะงั้นเราจะยังทำมันต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งปลูกสร้าง และการวิจัยจะต้องเพิ่มจำนวนความจุของการผลิตพลังเวทย์ ดังนั้น ข้าจะขึ้นค่าตอบแทนรายเดือนของเจ้าให้ ขอบใจสำหรับความเหนื่อยยากนะ…”

“ขอบคุณค่ะ”

อาโทวครุ่นคิดถึงการขาดทรัพยากรมนุษย์ขณะที่มองไปยังเอมัลที่โค้งคำนับอยู่

อย่างไรก็ตาม ปัญหานั้นจะต้องยกเอาไว้ก่อน อาโทวได้แต่หวังว่าเวลาหรือไม่ก็สถานการณ์บางอย่างจะแก้ปัญหานั้นได้

“ต่อไปก็เรื่องของพลังเวทย์ ขอฟังรายงานการวิจัยหน่อยสิ”

“นั่นเป็นความรับผิดชอบของข้าเองขอรับ ข้าได้ค้นคว้าเรื่องเวทมนตร์ทางยุทธิวิธีเสร็จสิ้นแล้ว และตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถใช้เวทมนตร์ในระดับยุทธิวิธีได้ ปัจจุบันมีข้าเพียงผู้เดียวที่สามารถใช้มันได้ แต่ด้วยมานาแห่งการทำลายล้างของ….พระราชวัง มันเป็นไปได้ที่จะสร้างเวทมนตร์โจมตีอันทรงพลัง! แต่ข้าไม่คิดว่าองค์ราชาจะอยากใช้มันเป็นเครื่องมือที่… แต่ว่า….”

“ใช่แล้ว มานาแห่งการทำลายล้างนั้นค่อนข้างสะดวก แต่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อกิจการภายใน…”

เวทมนตร์ทางยุทธวิธี ที่ผู้เฒ่ามอลทาร์ค้นคว้าและวิจัยนั้น เขามุ่งเป้าให้มันสามารถใช้ในการต่อสู้จริงได้

 

มันเสร็จทันเวลา – ไม่สิ เมื่อมันสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนด ไมน็อกกราห์จะได้ไพ่ตายอันทรงพลังที่สามารถนำมาใช้ได้ทันที เพิ่มขึ้นอีก

และเมื่อสิ่งปลูกสร้างถัดไป สถาบันเวทมนตร์ถูกสร้างเสร็จสิ้น ยูนิตเวทมนตร์ก็จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็จะสามารถคาดหวังได้ถึงความแข็งแกร่งของกองทัพที่มากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม อาโทวแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา มานาแห่งการทำลายล้างสามารถใช้ในการโจมตีได้เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นปัญหาสำหรับไมน็อกกราห์ที่มุ่งแต่เรื่องกิจการภายใน…

“สำหรับการวิจัย เริ่มด้วยเวทย์พื้นฐานอย่าง ‘ธาตุทั้งหก’ อย่างที่เราวางแผนกันไว้ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่…อันอื่นๆมันไม่ได้มีประโยชน์สักเท่าไหร่”

การวิจัย ‘การสกัด’ และ ‘เสริมกำลัง’ นั้นมีประดยชน์เพียงเล็กน้อย และมีเพียงไม่กี่เหตุการณ์เท่านั้นที่ต้องใช้มัน

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งทาคุโตะและอาโทวต่างก็คิดว่าการวิจัยเวทมนตร์มันน่าสนใจกว่า

นี่จะทำให้ไมน็อกกราห์เป็นอาณาจักรที่มุ่งเน้นในด้านเวทมนตร์มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงอย่างนั้น ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเองก็ยังถือเป็นกลยุทธ์ของอาณาจักรอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่จะมุ่งเน้นไปทางด้านนี้

“และท้ายสุด ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องกองทัพ”

“ข้า ไกอา หัวหน้าของเหล่านักรบ ขอรายงานด้วยความยินดี ถึงกองกำลังใหม่ที่ประกอบไปด้วยแมลงขายาวจำนวน 5 ตัว 

หน้าที่หลักของพวกเขาคือสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่พัฒนารอบๆอาณาจักรเรา อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับดินแดนต้องสาปที่เป็นป่า ดินแดนภายนอกเป็นที่ราบ เราให้ความสำคัญกับการลอบเร้น ดังนั้น เราจึงไม่สามารถสำรวจอย่างเปิดเผยได้”

“หืม ราชาได้รับรายงานเรื่องนั้นแล้ว มันจะอันตรายถ้าออกไปสำรวจพร้อมๆกับปกปิดตัวตนไปด้วย ช่วยส่งแมลงขายาวพวกนั้นไปลาดตระเวนรอบๆเขตแดนของอาณาจักรแทนแล้วกัน”

“ข้าเห็นด้วยครับ….และข้าอยากจะถามคำถามท่านสักหน่อย ในแง่ของการวิจัย จากที่ท่านบอกเราก่อนหน้านี้ ถ้าเราสามารถวิจัย ‘การล่าขั้นสูง’ ได้สำเร็จ แมลงขายาวจะสามารถพัฒนาไปเป็น ‘แมลงล่าหัว’ ข้าคิดว่ามันจะทำให้เรามีกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้น….”

ทาคุโตะและอาโทวได้แต่โอดครวญอยู่ในใจกับข้อเสนอของไกอา

นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ได้ถูกตัดสินใจไปแล้ว

จังหวะเวลาในการเสนอเรื่องนี้มันผิด ถึงแม้ว่าเนื้อหาของมันจะคุ้มค่ากับการพิจารณาก็ตาม

นี่เป็นหลักฐานว่าเหล่าผู้ติดตามของเขาได้เติบโตขึ้นแล้ว

ที่จริง ‘การล่าขั้นสูง’ ถูกระบุอยู่ในรายการการเล่นล่วงหน้า มันค่อนข้างจะเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาวิจัย

แต่ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ? เหตุผลง่ายๆก็คือ มันไม่มีสัตว์ป่าอยู่ในผืนป่าแห่งนี้

ไกอาไม่สามารถคิดถึงตรงนี้ได้แสดงว่าทักษะการจัดการของเขายังไม่ถึงขั้น

อาโทวตัดสินใจให้คำแนะนำแก่เขาเล็กน้อย และชื่นชมเขา จากนั้นจึงปฎิเสธ

“ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นความคิดที่น่าสนใจก็เถอะ มาเน้นเรื่องการวิจัยเวทมนตร์เป็นหลักกันดีกว่า มันมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปรับปรุงวิทยาการเวทมนตร์ แล้วเรื่องสถานะการสร้างอิสลาล่ะ?”

“ข้าจะเป็นคนรายงานเองค่ะ เรามีอาหารและทรัพยากรไม้เพียงพอแล้ว ผลผลิตของต้นเนื้อมนุษย์ และผลไม้ขององค์ราชาเองก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ในเรื่องของเวทมนตร์ เรายังช้ากว่ากำหนดการค่ะ”

“ท่านทาคุโตะ คิดว่ายังไงคะ?”

รายงานทั้งหมด และแนวทางของนโยบายต่างๆได้ถูกตัดสินแล้ว และคำถามที่ถูกโยนออกมาก็เพื่อยืนยันว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่

ทาคุโตะเฝ้ามองสถานการณ์อย่างตื่นเต้น

เขาได้อธิบายแผนคร่าวๆให้กับอาโทวแล้ว แต่ก็ยังต้องนำมาปรึกษากับพวกเขา

พวกเขาจงรักภักดีต่ออาณาจักร

ถือเป็นบุญที่ได้เห็นผู้ที่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะเติมเต็มหน้าที่นั้น แม้กระทั่งมีความรักปนอยู่ด้วยเล็กน้อย

“ไม่มีปัญหา ทุกคนทำได้ดีมาก”

และเหล่าลูกน้องของเขาทั้งหมดก็โค้งคำนับ ให้กับคำพูดที่ยาวผิดปกติ

ทุกคนเข้าใจดีว่าราชาของพวกเขาไม่ค่อยพูดมากนัก ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกถึงน้ำหนักในคำพูดของราชา

ขณะที่รู้สึกเปี่ยมล้นด้วยความสุขอยู่ในใจของพวกเขา การประชุมก็ดำเนินต่อไปด้วยการพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ

 ◇   ◇   ◇ 

 

ในที่สุดเวลาของกิจการภายในก็ได้จบลง และก็มาถึงข้อเท็จจริงที่พวกเขาไม่อยากยอมรับ

กล่าวอีกนัยนึงคือ ปัญหาบางอย่างที่รบกวนจิตใจของพวกเขา

“ทีนี้ก็มาพูดถึงอาณาจักรอื่นๆกัน เริ่มจาก อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลียยังไม่มีการเคลื่อนไหว”

“ใช่แล้วครับ ตอนนี้ข้ายังไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ บางทีพวกเขาอาจจะยุ่งอยู่กับปัญหาในเขตทางเหนือ”

อาโทวถามไกอา แต่คำตอบของเขาดูเหมือนจะเป็นการยืนยันการคาดการณ์ของเธอเท่านั้น

“เช่นนั้น ถึงแม้จะล่าช้าไปบ้าง แต่ถ้าเรายังดำเนินต่อไป การสร้างอิสลาก็จะเสร็จสิ้นลงโดยไร้ปัญหา สำหรับสถานการณ์ของฝ่ายที่อาจจะเป็นศัตรูกับเรา ยังถือว่าปลอดภัยอยู่ ตอนนี้หัวข้อที่เราจะต้องให้ความสนใจก็คือ การเติบโตของจำนวนประชากร มีความเห็นอะไรหรือไม่?”

“พวกเรายังมีเผ่าเดียวกันอยู่ขอรับ ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะช่วยลดความกังวลขององค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่โดยการรับพวกเขาเข้ามา –หากท่านปล่อยเรื่องนี้ให้ข้า มอลทาร์เป็นคนจัดการ ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะต้องก้มหัวให้กับความยิ่งใหญ่ และมีเมตตาขององค์ราชาขอรับ”

“ใช่แล้ว ราชาของข้าห่วงใยในสถานการณ์ของดาร์คเอลฟ์อย่างมาก วางใจเถอะ ราชาจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาแน่นอน เจ้าวางแผนจะพาพวกเขามามากขนาดไหนรึ?”

“ไม่มากนักขอรับ น่าจะประมาณ 1-2 พัน….”

“หืม…เข้าใจแล้ว ถึงแม้เราจะรับพวกเขาเข้ามา มันก็ยังคงไม่พอ –ท่านทาคุโตะ หากท่านสามารถชี้แนะพวกเราในเรื่องนี้ได้บ้าง…”

เรื่องนี้ถูกโยนไปให้ทาคุโตะ

ตามแผนเดิม พวกเขาคาดไว้ว่าจะมีประมาณสักห้าพัน

พวกเขาสามารถสร้างคนงานที่ฉลาดๆ และปล่อยงานเล็กๆ ให้กับพวกโฮมุนคูลัส และแมลงเด็กจำนวนมากทำได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจำนวนของดาร์คเอลฟ์จะน้อยกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้

ผู้เฒ่ามอลทาร์ไม่ได้คิดเกินเลยไป แต่มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะยังมีดาร์คเอลฟ์รอดชีวิตมากขนาดนั้น

กลยุทธ์ของทาคุโตะในการยอมรับดาร์กเอลฟ์ผู้ถูกกดขี่นั้นได้ผลดีเกินคาด

โชคร้ายที่โอกาสครั้งที่สองของเขาไม่ดีนัก

“เราคงต้องหยุดไว้ก่อน”

ทาคุโตะกำลังอธิบายบางอย่างให้กับฝาแฝดทั้งสองอยู่

เมื่ออาโทวถามความเห็นของเขา ทาคุโตะก็ครุ่นคิดขณะที่เอามือแตะคาง

ถึงแม้จะด้วยประสบการณ์และมันสมองระดับเขาก็ตาม การแก้ปัญหานี้ก็ยังเป็นเรื่องท้าทาย

ในทางตรงกันข้าม อาจกล่าวได้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

อย่างไรก็ตาม หากเป็นตอนที่ยังอยู่ในเกม จะแก้ไขด้วยการเร่งความเร็วในการเล่นไปสักสิบ หรือร้อยปี

มันเป็นเรื่องปกติที่จำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

แต่ในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มจำนวนประชากรขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ทำไมถึงไม่ราบรื่นกันนะ พวกเจ้าทำลูกกันให้มากกว่านี้หน่อยสิ”

จำนวนประชากรส่งผลต่อพลังอำนาจของอาณาจักรโดยตรง

แม้ว่าพวกเขาจะรวมหัวกันแก้ปัญหา แต่ก็ยังไร้ซึ่งหนทาง จนในที่สุดอาโทวก็นำความโกรธเกรี้ยวไปลงที่ผู้เฒ่ามอลทาร์และไกอา

ความโกรธของเธอได้รับการตอบรับโดยเอมัล

“ท่านอาโทวคะ สองคนนั้น…ยังไม่ได้แต่งงานค่ะ”

“เพราะว่างานนั้นคือครอบครัวของพวกเขาค่ะ”

เอมัลถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง และพวกเขาทั้งสองคนต่างก็ทุบอกด้วยความภาคภูมิใจ

โอ้ นี่คือคนประเภทที่เต็มใจจะเป็นโสด – พวกที่ไม่ได้ต้องการมีคู่ครองสินะ

อาโทวตัดสินใจยอมแพ้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอจึงถามเอมัลที่ดูจะมีศักยภาพมากกว่า

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้น เอมัล เจ้าจงพยายามให้ดีที่สุด…”

“ข้าเองก็ตามหาคู่อยู่เช่นกันค่ะ แต่ว่า…”

“…………..”

ไม่มีอะไรที่พวกทำได้ในเรื่องนี้แล้ว

นั่นคือความคิดของอาโทวเกี่ยวกับปัญหานี้ เธอคิดว่าเอมัลนั้นมีบรรยากาศหญิงสาวที่เป็นที่นิยม แต่ด้วยตำแหน่งของเธอมันทำให้อะไรๆค่อนข้างยาก

อาโทวเริ่มรู้สึกเสียใจที่ยกเรื่องความรักของพวกดาร์คเอลฟ์ขึ้นมาพูด เธอจึงรีบเปลี่ยนประเด็น

“เลิกพูดเรื่องนั้นกันเถอะ! เราไปทำเรื่องรองลงมาก่อน! เอาล่ะ ต่อไป เรื่องต่อไป! เราจะต้องหาแนวทางรับมือพวกที่เป็นกลาง ฟอว์นคาเวน นั่นแหละเป้าหมายต่อไป!”

บรรยากาศที่คลายลงไปได้กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

เนื่องจากนี่เป็นปัญหาเร่งด่วน อาจกล่าวได้ว่าการจัดการกับเมืองนี้ ที่อยู่นอกดินแดนต้องสาป จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของพวกเขา

หากพวกเขาทำพลาด หรือความเป็นไปได้ที่แย่ที่สุดคือเกิดสงครามขึ้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่รู้ถึงกำลังรบของพวกเขา จึงจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม

“ข้าขอแจ้งว่าเร็วๆนี้ เมืองแห่งนั้นกำลังเฝ้าระวังอะไรบางอย่างอยู่”

รายงานถูกส่งมาจากไกอา ในฐานะหัวหน้านักรบ เขาเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างของกองทัพ

พวกเขาต่างก็หน้าเสียเมื่อรับรู้เนื้อหาในรายงาน ที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์มันค่อนซับซ้อน

“กำลังเฝ้าระวัง? หมายความว่าตัวตนของพวกเราถูกเปิดโปงแล้วอย่างนั้นรึ?”

“ไม่ครับ จากการสังเกตการณ์จากระยะไกลแล้ว สามารถยืนยันได้ว่ามีพวกก๊อบลินที่คอยโจมตีอยู่รอบๆ พวกเขากำลังเฝ้าระวังของอมนุษย์และเหล่าคนเถื่อนอยู่”

คนเถื่อนคือยูนิตศัตรูที่ไม่ได้เป็นของชนชาติไหน

ใน “Eternal Nations” มันเป็นเรื่องน่ารำคาญที่มักจะพบเจอช่วงต้นเกม ขณะที่ฟังคำอธิบาย อาโทวก็คิดว่าโลกนี้เองก็มีอะไรที่คล้ายๆกันอยู่

สำหรับในเกม การจัดการพวกนี้มันไม่ได้ยากนัก แต่มันจะเป็นปัญหาถ้าพวกนั้นโจมตียูนิตสำรวจ

ดังนั้นผู้เล่นจะต้องจัดกองทัพ

อย่างไรก็ตาม ยูนิตคนเถื่อนบางตัวจะมีความสามารถพิเศษ

การกำจัดพวกนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าสนุก แต่มันจะไม่ทำให้อาณาจักรอื่นๆไม่พอใจ

อาโทวตั้งใจที่จะจัดการพวกเขาเมื่องถึงเวลาที่เหมาะสม

การเอาชนะยูนิตที่หลากลายจะช่วยเพิ่มพลังของอาโทว

ไม่ว่ายังไง เธอจะต้องทรงพลังมากกว่านี้ เพราะสิ่งนี้เป็นภารกิจที่เธอตั้งไว้กับตัวเอง

“แต่พวกเขามีปัญหาในกับรับมือกับพวกนั้น และการเห็นพวกเขาเป็นแบบนั้นทำให้ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”

“เช่นนั้นรึ?” อาโทวพยักหน้า

เธอเชื่อที่ไกอาบอกว่าการโจมตีพวกนั้นเป็นฝีมือของก๊อบลิน

ถ้าเป็นแบบนั้น น่าจะเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับพวกมัน ดูจากระดับของเทคโนโลยีบนโลกนี้

สถานการณ์แปลกๆนี้รบกวนจิตใจเธอ

“มีกำลังเสริมมาจากอาณาจักรแม่ของพวกเขารึเปล่า?”

“จากที่ข้าเห็น เมืองนั้นมีสภาพเหมือนถูกล้อมอยู่ ดังนั้นเลยอาจจะทำให้ส่งกำลังเสริมเข้ามาไม่ได้ หรือไม่ก็อาณาจักรแม่ของพวกเขาพบกับสถานการณ์เดียวกันอยู่ครับ”

“หืม… มันยากที่จะส่งกำลังทหารออกมาเพราะโดมล้อมสินะ ในพื้นที่แถบนี้ ความถี่ในการโจมตีของพวกคนเถื่อนสูงขนาดนั้นเลยรึ?”

“เพราะมันเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ทำให้มีพวกอมนุษย์อย่าง ก๊อบลิน ออร์ค และโคโบลท์อยู่เป็นจำนวนมากขอรับ”

“แต่มันยากที่จะจินตนาการได้นะว่าพวกคนเถื่อนจะโจมตีเมืองน่ะ ผู้เฒ่ามอลทาร์ พวกเขาน่าจะรู้สิว่ามันเป็นเรื่องบ้าขนาดไหน ถึงแม้จะบังเอิญพบกับกองทัพที่กำลังเดินขบวนก็เถอะ”

นี่และนั่น ไกอาและผู้เฒ่ามอลทาร์ต่างก็ถกเถียงกัน แต่ก็ไม่ได้บทสรุปอะไร สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็ตัดสินไม่ได้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนี้พวกเรายังมีข้อมูลไม่พอ หากพวกเขาถูกพวกคนเถื่อนโจมตี ก็แสดงว่าอาจจะมีเหล่าผู้ลี้ภัยที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ ถ้าพวกเราเกณฑ์พวกเขาเข้ามาได้ เราก็อาจจะเพิ่มจำนวนประชากรได้”

โดยปกติแล้ว ไม่ใช่ทุกเมืองที่จะมีความสามารถในการป้องกันฐานที่มั่น

 

เมืองที่มีขนาดเฉพาะสามารถป้องกันตัวเองจากภายนอกได้ด้วยกำแพงหินคอนกรีต แต่พวกหมู่บ้านเพาะปลูก และฟาร์มปศุสัตว์นั้นไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ

แน่นอนว่าถ้าพวกคนเถื่อนเหล่านั้นไม่ถูกกำจัดไป ชาวบ้านจะเป็นพวกแรกที่ทนทุกข์ทรมาน

มันเป็นสามัญสำนึกอยู่แล้วว่า ถ้าหากพวกเขาเหล่านั้นโชคดี สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะกลายเป็นผู้ลี้ภัย

พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่อาณาจักรไหนก็ไม่ต้อนรับ โชคดีที่ไมน็อกกราห์มีดินแดนและอาหารอยู่เหลือเฟือ

หากผู้ลี้ภัยพวกนี้เต็มใจที่จะกลายเป็นปีศาจ ที่พวกเขาต้องทำก็แค่ตัดสินใจ

ทาคุโตะมอบความคิดนี้ให้อาโทวอย่างลับๆ

“ท่านอาโทวขอรับ มีความเป็นไปได้ไหมที่พวกผู้ลี้ภัยนี้จะทรยศพวกเรา?”

“เราสามารถเฝ้าระวังพวกเขาได้ เรายังสามารถปล่อยยูนิตของไมน็อกกราห์เข้าไปปราบปรามได้ หากเกิดการก่อกบฎขึ้น…มันมียูนิตที่เหมาะกับหน้าที่นี้ ซึ่งอยู่ภายใต้ท่านทาคุโตะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้อัญเชิญมาเท่านั้น”

“โอ้! เช่นนั้นก็วางใจแล้ว!”

อาโทวละคำอธิบายเกี่ยวกับรูปร่างที่แปลกประหลาดของมันไว้

เพราะแม้กระทั่งอาโทวเอง ก็คิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่เห็นรูปร่างของมัน แน่นอนว่าเหล่าดาร์คเอลฟ์อาจจะคิดต่างจากเธอ

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของพวกมันก็น่าประทับใจ

ยูนิตที่เรียกว่า เบรนอีทเตอร์ สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้เมืองได้

มันเป็นยูนิตรักษาที่คอยฟื้นฟูบาดแผลของยูนิตอื่นๆ ทำให้มันมีประโยชน์มากในการเล่นรูปแบบตั้งรับ

“และหากเราสัญญาว่าจะมอบชีวิตที่สงบสุขให้ พวกนั้นคงไม่ทรยศเราหรอกกระมัง?”

“ใช่แล้ว ถูกอย่างที่ท่านว่าเลยขอรับ”

“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องติดต่อกับบางอาณาจักร และเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับพวกเขาแล้ว

หากเราสามารถทำให้พวกเขาสนับสนุนได้ก็เป็นเรื่องดี แต่หากพวกเขากลายเป็นศัตรู เราก็จะจัดการกับพวกเขาภายหลัง

มันเป็นเมืองที่เราอยากรักษาไว้ถ้าทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าตั้งความหวังมากเกินไปล่ะ”

พวกเขาพยักหน้าให้กับคำพูดของเธอ

พวกเขาเห็นด้วย และแสดงออกว่าสนับสนุนแนวทางนี้

และนั่นคือสัญญาณของการสิ้นสุดการประชุม

“เช่นนั้น เราก็ได้ผลสรุปกันแล้ว เทิร์นต่อไป – อุ๊บ แนวทางต่อไปคือการส่งสารไปยังอาณาจักรที่เป็นกลาง ฟอว์นคาเวน ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ พยายามหาทางติดต่อพวกเขาอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ถึงแม้ว่าอาโทวจะไม่ได้กล่าวในที่ประชุม ที่ทาคุโตะสนใจเมืองนั้นก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ

มันมีเส้นชีพจรมังกรอยู่ภายในเมือง

หลุมชีพจรมังกร ทรัพยากรแผนที่ซึ่งสามารถผลิตมานา จะต้องทำการครอบครองให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

คงจะดีถ้าหากสามารถเป็นมิตรกันได้ แต่มันก็ยังมีอีกหลายทางให้จัดการกับมัน

ทาคุโตะเพิ่มแนวทางรุนแรงผิดปกติลงในตัวเลือกของเขา

เวลาที่ไมน็อกกราห์จะได้รับการยอมรับในฐานะชาติเป็นครั้งแรกอยู่ใกล้แค่เอื้อม

 

=ข้อความ============= 

ทำการเลือกสิ่งปลูกสร้าง และหัวข้อการวิจัยใหม่

สถาบันเวทมนตร์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง!

ธาตุทั้งหก อยู่ระหว่างการวิจัย! 

[อิสลา ราชินีแห่งแมลงทั้งปวง] อยู่ระหว่างการผลิต!

————————————————— 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 22: Meeting

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 22: Meeting at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใครๆก็ดูออก ว่าวันนี้ทาคุโตะอารมณ์ดีผิดปกติ

นั่นเป็นเพราะในที่สุดก็ถึงเวลาเรื่องโปรดของเขา การเมือง

เมื่อไม่นานมานี้ มีเหตุการณ์หลายๆอย่างคอยรบกวนเขาอยู่ อย่างเรื่องการสำรวจของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลีย และการตรวจสอบสถานการณ์ของอาณาจักรข้างเคียง

ตอนนี้เรื่องทั้งหมดได้คลี่คลายลงแล้ว ทำให้จิตใจของเขามีพื้นที่ให้กับเรื่องอื่นๆ เขาจึงอารมณ์ดีขึ้น

บางทีเหล่าข้าราชบริพารของเขาอาจจะสัมผัสได้ว่าราชากำลังอารมณ์ดี

ทำให้พวกเขาที่กำลังจะเริ่มการประชุมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

“ขอบคุณที่พวกเจ้าทุกคนมารวมกัน ถึงจะ”

ประธานการประชุมก็ยังคงเป็นอาโทว

เธอมองไปรอบๆ และยิ้มออกมาเล็กน้อย

เหล่าคนสำคัญของอาณาจักรต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่

ผู้เฒ่ามอลทาร์ หัวหน้านักรบไกอา และเอมัลที่ได้รับการเลื่อนขั้นจากการเป็นผู้ช่วยของไกอา

อีกทั้ง มีเรีย และซีเรีย และแน่นอนที่สุด ทาคุโตะ และอาโทวเองก็อยู่ที่นี่

“เช่นนั้นก็เริ่มการประชุมหารือเรื่องกิจการภายในที่น่าสนุกกันเถอะ เริ่มจากรายงานสถานะก่อนเลย ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องการก่อสร้าง เชิญ”

“ค่ะ ข้าคือเอมัล ผู้ที่รับผิดชอบด้านการก่อสร้าง การสร้างพระราชวังได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และทำให้ตอนนี้มีแรงงานจำนวนมากที่ยังว่างอยู่ ในเวลาที่ว่างอยู่นี้ ข้าตั้งใจที่จะสะสมไม้ให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้มีทรัพยากรเพียงพอที่จะเริ่มการก่อสร้างใหม่ค่ะ”

“เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก ข้าก็อยากจะสร้างสิ่งใหม่ๆในตอนที่เรายังสามารถใช้ได้”

ประโยคนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังของอาโทว เธอพยักหน้าอย่างพึงพอใจ กับความสามารถในการเตรียมข้อมูลของเอมัล

อย่างที่เอมัลกล่าว ปัจจุบันปริมาณงานของคนงานก่อสร้างมีน้อย

การปล่อยให้แรงงานที่มีค่าอยู่เฉยๆ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งปลูกสร้างของไมน็อกกราห์จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่อาณาจักรมากมายมหาศาล

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์นี้ อาโทวอยากจะอัพเกรดสิ่งปลูกสร้างก่อน

“ท่านทาคุโตะ สำหรับอาคารต่อไป เอาตามที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ไหมคะ?”

“ใช่”

ทาคุโตะพยักหน้าให้กับคำถามของอาโทว

ที่จริง เธอได้คุยกับทาคุโตะเรื่องแนวทางของไมน็อกกราห์มาก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของการประชุมนี้ก็เพื่อแจกจ่ายงานให้กับเหล่าข้าราชบริพาร และป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ถ้าอาณาจักรขยายใหญ่ขึ้น งานพวกนี้คงจะเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับคนๆเดียว

ไม่เหมือนกับในเกม ในความเป็นจริง ความสามารถของคนๆหนึ่งมีจำกัด ทำให้ทาคุโตะและเหล่าข้าราชบริหารของเขาต้องทำแบบนี้

“เอมัล ต่อไปเจ้าจะต้องสร้างสถาบันเวทมนตร์ขึ้น พวกเจ้ามีคุณสมบัติด้านเวทมนตร์เป็นพิเศษ และกองกำลังเวทย์เองก็ใช้ทรัพยากรมนุษย์จำนวนไม่มาก ดังนั้นสำหรับอาณาจักรของเราแล้ว จะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดกว่าในการมุ่งไปทางวิทยาการด้านเวทมนตร์”

“ทราบแล้วค่ะ ข้าจะบอกกับผู้ที่รับผิดชอบทางภาคสนามทันทีที่การประชุมนี้สิ้นสุด”

ตัวเลือกในการสร้างเป็นปัญหาที่น่าปวดหัว

มีตัวเลือกที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น ‘บ่อสาเกและป่าเนื้อ’ ที่จะเพิ่มอัตราการเติบโตของจำนวนประชากรโดยแลกกับการใช้ทรัพยากรอาหารที่มากขึ้น และเถาวัลย์มีชีวิต ที่จะให้ค่าพลังป้องกันพิเศษเมื่อถูกศัตรูโจมตีเมือง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองอย่างที่ถูดปัดตกไปเพราะมันต้องใช้เวลาในการแสดงผล

ดังนั้นสถาบันเวทมนตร์จึงถูกเลือก เพื่อสร้างกองกำลังเวทย์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะช่วยเพิ่มการผลิตเวทมนตร์ของอาณาจักร

ต่อไปเป็นเรื่องของ สถานการณ์ด้านทรัพยากร…..ใครเป็นผู้รับผิดชอบ?

“ข้า เอมัล เป็นผู้รับผิดชอบค่ะ แหล่งอาหารนั้นดีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม้และหิน แต่เหล็กยังไม่สามารถผลิตได้นอกจากต้องพึ่งความช่วยเหลือจากองค์ราชา แต่ตราบใดที่มันยังกินพลังเวทย์อยู่ มันอาจจะไม่ส่งผลดีต่อความสมดุลย์ค่ะ”

ต้องขอบคุณความสามารถในการสร้างทรัพยากรของทาคุโตะ ทำให้เหล่าดาร์คเอลฟ์ที่มีสัมภาระติดตัวเพียงน้อยนิด สามารถสร้างเมืองขึ้นได้ในเวลาอันสั้น

ด้วยความสามารถของเขา ทาคุโตะสร้างสิ่งของจากโลกเดิม อย่างพวกเหล็ก เสื้อผ้า และอุปกรณ์อื่นๆที่ยากจะครอบครอง

แน่นอนว่า มันต้องใช้พลังเวทย์ แต่จากจำนวนประชากรในปัจจุบันของไมน็อกกราห์ที่มีเพียง 500 คนแล้ว

ในแง่ของการใช้จ่ายพลังเวทย์เพื่อทรัพยากร สำหรับจำนวนประชากรเท่านี้แล้ว มันไม่เป็นปัญหา

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ใช้ได้ผลเพราะจำนวนประชากรที่น้อยของพวกเขา

“การสร้างฉุกเฉินด้วยพลังเวทย์ค่อนข้างสะดวกเลยใช่ไหมล่ะ? ยังไงก็เถอะ มันเป็นเรื่องจำเป็น เพราะงั้นเราจะยังทำมันต่อไป ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งปลูกสร้าง และการวิจัยจะต้องเพิ่มจำนวนความจุของการผลิตพลังเวทย์ ดังนั้น ข้าจะขึ้นค่าตอบแทนรายเดือนของเจ้าให้ ขอบใจสำหรับความเหนื่อยยากนะ…”

“ขอบคุณค่ะ”

อาโทวครุ่นคิดถึงการขาดทรัพยากรมนุษย์ขณะที่มองไปยังเอมัลที่โค้งคำนับอยู่

อย่างไรก็ตาม ปัญหานั้นจะต้องยกเอาไว้ก่อน อาโทวได้แต่หวังว่าเวลาหรือไม่ก็สถานการณ์บางอย่างจะแก้ปัญหานั้นได้

“ต่อไปก็เรื่องของพลังเวทย์ ขอฟังรายงานการวิจัยหน่อยสิ”

“นั่นเป็นความรับผิดชอบของข้าเองขอรับ ข้าได้ค้นคว้าเรื่องเวทมนตร์ทางยุทธิวิธีเสร็จสิ้นแล้ว และตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถใช้เวทมนตร์ในระดับยุทธิวิธีได้ ปัจจุบันมีข้าเพียงผู้เดียวที่สามารถใช้มันได้ แต่ด้วยมานาแห่งการทำลายล้างของ….พระราชวัง มันเป็นไปได้ที่จะสร้างเวทมนตร์โจมตีอันทรงพลัง! แต่ข้าไม่คิดว่าองค์ราชาจะอยากใช้มันเป็นเครื่องมือที่… แต่ว่า….”

“ใช่แล้ว มานาแห่งการทำลายล้างนั้นค่อนข้างสะดวก แต่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อกิจการภายใน…”

เวทมนตร์ทางยุทธวิธี ที่ผู้เฒ่ามอลทาร์ค้นคว้าและวิจัยนั้น เขามุ่งเป้าให้มันสามารถใช้ในการต่อสู้จริงได้

 

มันเสร็จทันเวลา – ไม่สิ เมื่อมันสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนด ไมน็อกกราห์จะได้ไพ่ตายอันทรงพลังที่สามารถนำมาใช้ได้ทันที เพิ่มขึ้นอีก

และเมื่อสิ่งปลูกสร้างถัดไป สถาบันเวทมนตร์ถูกสร้างเสร็จสิ้น ยูนิตเวทมนตร์ก็จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็จะสามารถคาดหวังได้ถึงความแข็งแกร่งของกองทัพที่มากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม อาโทวแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา มานาแห่งการทำลายล้างสามารถใช้ในการโจมตีได้เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นปัญหาสำหรับไมน็อกกราห์ที่มุ่งแต่เรื่องกิจการภายใน…

“สำหรับการวิจัย เริ่มด้วยเวทย์พื้นฐานอย่าง ‘ธาตุทั้งหก’ อย่างที่เราวางแผนกันไว้ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่…อันอื่นๆมันไม่ได้มีประโยชน์สักเท่าไหร่”

การวิจัย ‘การสกัด’ และ ‘เสริมกำลัง’ นั้นมีประดยชน์เพียงเล็กน้อย และมีเพียงไม่กี่เหตุการณ์เท่านั้นที่ต้องใช้มัน

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งทาคุโตะและอาโทวต่างก็คิดว่าการวิจัยเวทมนตร์มันน่าสนใจกว่า

นี่จะทำให้ไมน็อกกราห์เป็นอาณาจักรที่มุ่งเน้นในด้านเวทมนตร์มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงอย่างนั้น ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเองก็ยังถือเป็นกลยุทธ์ของอาณาจักรอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่จะมุ่งเน้นไปทางด้านนี้

“และท้ายสุด ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องกองทัพ”

“ข้า ไกอา หัวหน้าของเหล่านักรบ ขอรายงานด้วยความยินดี ถึงกองกำลังใหม่ที่ประกอบไปด้วยแมลงขายาวจำนวน 5 ตัว 

หน้าที่หลักของพวกเขาคือสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่พัฒนารอบๆอาณาจักรเรา อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับดินแดนต้องสาปที่เป็นป่า ดินแดนภายนอกเป็นที่ราบ เราให้ความสำคัญกับการลอบเร้น ดังนั้น เราจึงไม่สามารถสำรวจอย่างเปิดเผยได้”

“หืม ราชาได้รับรายงานเรื่องนั้นแล้ว มันจะอันตรายถ้าออกไปสำรวจพร้อมๆกับปกปิดตัวตนไปด้วย ช่วยส่งแมลงขายาวพวกนั้นไปลาดตระเวนรอบๆเขตแดนของอาณาจักรแทนแล้วกัน”

“ข้าเห็นด้วยครับ….และข้าอยากจะถามคำถามท่านสักหน่อย ในแง่ของการวิจัย จากที่ท่านบอกเราก่อนหน้านี้ ถ้าเราสามารถวิจัย ‘การล่าขั้นสูง’ ได้สำเร็จ แมลงขายาวจะสามารถพัฒนาไปเป็น ‘แมลงล่าหัว’ ข้าคิดว่ามันจะทำให้เรามีกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้น….”

ทาคุโตะและอาโทวได้แต่โอดครวญอยู่ในใจกับข้อเสนอของไกอา

นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ได้ถูกตัดสินใจไปแล้ว

จังหวะเวลาในการเสนอเรื่องนี้มันผิด ถึงแม้ว่าเนื้อหาของมันจะคุ้มค่ากับการพิจารณาก็ตาม

นี่เป็นหลักฐานว่าเหล่าผู้ติดตามของเขาได้เติบโตขึ้นแล้ว

ที่จริง ‘การล่าขั้นสูง’ ถูกระบุอยู่ในรายการการเล่นล่วงหน้า มันค่อนข้างจะเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาวิจัย

แต่ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ? เหตุผลง่ายๆก็คือ มันไม่มีสัตว์ป่าอยู่ในผืนป่าแห่งนี้

ไกอาไม่สามารถคิดถึงตรงนี้ได้แสดงว่าทักษะการจัดการของเขายังไม่ถึงขั้น

อาโทวตัดสินใจให้คำแนะนำแก่เขาเล็กน้อย และชื่นชมเขา จากนั้นจึงปฎิเสธ

“ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นความคิดที่น่าสนใจก็เถอะ มาเน้นเรื่องการวิจัยเวทมนตร์เป็นหลักกันดีกว่า มันมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปรับปรุงวิทยาการเวทมนตร์ แล้วเรื่องสถานะการสร้างอิสลาล่ะ?”

“ข้าจะเป็นคนรายงานเองค่ะ เรามีอาหารและทรัพยากรไม้เพียงพอแล้ว ผลผลิตของต้นเนื้อมนุษย์ และผลไม้ขององค์ราชาเองก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ในเรื่องของเวทมนตร์ เรายังช้ากว่ากำหนดการค่ะ”

“ท่านทาคุโตะ คิดว่ายังไงคะ?”

รายงานทั้งหมด และแนวทางของนโยบายต่างๆได้ถูกตัดสินแล้ว และคำถามที่ถูกโยนออกมาก็เพื่อยืนยันว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่

ทาคุโตะเฝ้ามองสถานการณ์อย่างตื่นเต้น

เขาได้อธิบายแผนคร่าวๆให้กับอาโทวแล้ว แต่ก็ยังต้องนำมาปรึกษากับพวกเขา

พวกเขาจงรักภักดีต่ออาณาจักร

ถือเป็นบุญที่ได้เห็นผู้ที่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะเติมเต็มหน้าที่นั้น แม้กระทั่งมีความรักปนอยู่ด้วยเล็กน้อย

“ไม่มีปัญหา ทุกคนทำได้ดีมาก”

และเหล่าลูกน้องของเขาทั้งหมดก็โค้งคำนับ ให้กับคำพูดที่ยาวผิดปกติ

ทุกคนเข้าใจดีว่าราชาของพวกเขาไม่ค่อยพูดมากนัก ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกถึงน้ำหนักในคำพูดของราชา

ขณะที่รู้สึกเปี่ยมล้นด้วยความสุขอยู่ในใจของพวกเขา การประชุมก็ดำเนินต่อไปด้วยการพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ

 ◇   ◇   ◇ 

 

ในที่สุดเวลาของกิจการภายในก็ได้จบลง และก็มาถึงข้อเท็จจริงที่พวกเขาไม่อยากยอมรับ

กล่าวอีกนัยนึงคือ ปัญหาบางอย่างที่รบกวนจิตใจของพวกเขา

“ทีนี้ก็มาพูดถึงอาณาจักรอื่นๆกัน เริ่มจาก อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลียยังไม่มีการเคลื่อนไหว”

“ใช่แล้วครับ ตอนนี้ข้ายังไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ บางทีพวกเขาอาจจะยุ่งอยู่กับปัญหาในเขตทางเหนือ”

อาโทวถามไกอา แต่คำตอบของเขาดูเหมือนจะเป็นการยืนยันการคาดการณ์ของเธอเท่านั้น

“เช่นนั้น ถึงแม้จะล่าช้าไปบ้าง แต่ถ้าเรายังดำเนินต่อไป การสร้างอิสลาก็จะเสร็จสิ้นลงโดยไร้ปัญหา สำหรับสถานการณ์ของฝ่ายที่อาจจะเป็นศัตรูกับเรา ยังถือว่าปลอดภัยอยู่ ตอนนี้หัวข้อที่เราจะต้องให้ความสนใจก็คือ การเติบโตของจำนวนประชากร มีความเห็นอะไรหรือไม่?”

“พวกเรายังมีเผ่าเดียวกันอยู่ขอรับ ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะช่วยลดความกังวลขององค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่โดยการรับพวกเขาเข้ามา –หากท่านปล่อยเรื่องนี้ให้ข้า มอลทาร์เป็นคนจัดการ ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะต้องก้มหัวให้กับความยิ่งใหญ่ และมีเมตตาขององค์ราชาขอรับ”

“ใช่แล้ว ราชาของข้าห่วงใยในสถานการณ์ของดาร์คเอลฟ์อย่างมาก วางใจเถอะ ราชาจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาแน่นอน เจ้าวางแผนจะพาพวกเขามามากขนาดไหนรึ?”

“ไม่มากนักขอรับ น่าจะประมาณ 1-2 พัน….”

“หืม…เข้าใจแล้ว ถึงแม้เราจะรับพวกเขาเข้ามา มันก็ยังคงไม่พอ –ท่านทาคุโตะ หากท่านสามารถชี้แนะพวกเราในเรื่องนี้ได้บ้าง…”

เรื่องนี้ถูกโยนไปให้ทาคุโตะ

ตามแผนเดิม พวกเขาคาดไว้ว่าจะมีประมาณสักห้าพัน

พวกเขาสามารถสร้างคนงานที่ฉลาดๆ และปล่อยงานเล็กๆ ให้กับพวกโฮมุนคูลัส และแมลงเด็กจำนวนมากทำได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจำนวนของดาร์คเอลฟ์จะน้อยกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้

ผู้เฒ่ามอลทาร์ไม่ได้คิดเกินเลยไป แต่มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะยังมีดาร์คเอลฟ์รอดชีวิตมากขนาดนั้น

กลยุทธ์ของทาคุโตะในการยอมรับดาร์กเอลฟ์ผู้ถูกกดขี่นั้นได้ผลดีเกินคาด

โชคร้ายที่โอกาสครั้งที่สองของเขาไม่ดีนัก

“เราคงต้องหยุดไว้ก่อน”

ทาคุโตะกำลังอธิบายบางอย่างให้กับฝาแฝดทั้งสองอยู่

เมื่ออาโทวถามความเห็นของเขา ทาคุโตะก็ครุ่นคิดขณะที่เอามือแตะคาง

ถึงแม้จะด้วยประสบการณ์และมันสมองระดับเขาก็ตาม การแก้ปัญหานี้ก็ยังเป็นเรื่องท้าทาย

ในทางตรงกันข้าม อาจกล่าวได้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

อย่างไรก็ตาม หากเป็นตอนที่ยังอยู่ในเกม จะแก้ไขด้วยการเร่งความเร็วในการเล่นไปสักสิบ หรือร้อยปี

มันเป็นเรื่องปกติที่จำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

แต่ในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มจำนวนประชากรขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ทำไมถึงไม่ราบรื่นกันนะ พวกเจ้าทำลูกกันให้มากกว่านี้หน่อยสิ”

จำนวนประชากรส่งผลต่อพลังอำนาจของอาณาจักรโดยตรง

แม้ว่าพวกเขาจะรวมหัวกันแก้ปัญหา แต่ก็ยังไร้ซึ่งหนทาง จนในที่สุดอาโทวก็นำความโกรธเกรี้ยวไปลงที่ผู้เฒ่ามอลทาร์และไกอา

ความโกรธของเธอได้รับการตอบรับโดยเอมัล

“ท่านอาโทวคะ สองคนนั้น…ยังไม่ได้แต่งงานค่ะ”

“เพราะว่างานนั้นคือครอบครัวของพวกเขาค่ะ”

เอมัลถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง และพวกเขาทั้งสองคนต่างก็ทุบอกด้วยความภาคภูมิใจ

โอ้ นี่คือคนประเภทที่เต็มใจจะเป็นโสด – พวกที่ไม่ได้ต้องการมีคู่ครองสินะ

อาโทวตัดสินใจยอมแพ้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอจึงถามเอมัลที่ดูจะมีศักยภาพมากกว่า

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้น เอมัล เจ้าจงพยายามให้ดีที่สุด…”

“ข้าเองก็ตามหาคู่อยู่เช่นกันค่ะ แต่ว่า…”

“…………..”

ไม่มีอะไรที่พวกทำได้ในเรื่องนี้แล้ว

นั่นคือความคิดของอาโทวเกี่ยวกับปัญหานี้ เธอคิดว่าเอมัลนั้นมีบรรยากาศหญิงสาวที่เป็นที่นิยม แต่ด้วยตำแหน่งของเธอมันทำให้อะไรๆค่อนข้างยาก

อาโทวเริ่มรู้สึกเสียใจที่ยกเรื่องความรักของพวกดาร์คเอลฟ์ขึ้นมาพูด เธอจึงรีบเปลี่ยนประเด็น

“เลิกพูดเรื่องนั้นกันเถอะ! เราไปทำเรื่องรองลงมาก่อน! เอาล่ะ ต่อไป เรื่องต่อไป! เราจะต้องหาแนวทางรับมือพวกที่เป็นกลาง ฟอว์นคาเวน นั่นแหละเป้าหมายต่อไป!”

บรรยากาศที่คลายลงไปได้กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

เนื่องจากนี่เป็นปัญหาเร่งด่วน อาจกล่าวได้ว่าการจัดการกับเมืองนี้ ที่อยู่นอกดินแดนต้องสาป จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของพวกเขา

หากพวกเขาทำพลาด หรือความเป็นไปได้ที่แย่ที่สุดคือเกิดสงครามขึ้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่รู้ถึงกำลังรบของพวกเขา จึงจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม

“ข้าขอแจ้งว่าเร็วๆนี้ เมืองแห่งนั้นกำลังเฝ้าระวังอะไรบางอย่างอยู่”

รายงานถูกส่งมาจากไกอา ในฐานะหัวหน้านักรบ เขาเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างของกองทัพ

พวกเขาต่างก็หน้าเสียเมื่อรับรู้เนื้อหาในรายงาน ที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์มันค่อนซับซ้อน

“กำลังเฝ้าระวัง? หมายความว่าตัวตนของพวกเราถูกเปิดโปงแล้วอย่างนั้นรึ?”

“ไม่ครับ จากการสังเกตการณ์จากระยะไกลแล้ว สามารถยืนยันได้ว่ามีพวกก๊อบลินที่คอยโจมตีอยู่รอบๆ พวกเขากำลังเฝ้าระวังของอมนุษย์และเหล่าคนเถื่อนอยู่”

คนเถื่อนคือยูนิตศัตรูที่ไม่ได้เป็นของชนชาติไหน

ใน “Eternal Nations” มันเป็นเรื่องน่ารำคาญที่มักจะพบเจอช่วงต้นเกม ขณะที่ฟังคำอธิบาย อาโทวก็คิดว่าโลกนี้เองก็มีอะไรที่คล้ายๆกันอยู่

สำหรับในเกม การจัดการพวกนี้มันไม่ได้ยากนัก แต่มันจะเป็นปัญหาถ้าพวกนั้นโจมตียูนิตสำรวจ

ดังนั้นผู้เล่นจะต้องจัดกองทัพ

อย่างไรก็ตาม ยูนิตคนเถื่อนบางตัวจะมีความสามารถพิเศษ

การกำจัดพวกนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าสนุก แต่มันจะไม่ทำให้อาณาจักรอื่นๆไม่พอใจ

อาโทวตั้งใจที่จะจัดการพวกเขาเมื่องถึงเวลาที่เหมาะสม

การเอาชนะยูนิตที่หลากลายจะช่วยเพิ่มพลังของอาโทว

ไม่ว่ายังไง เธอจะต้องทรงพลังมากกว่านี้ เพราะสิ่งนี้เป็นภารกิจที่เธอตั้งไว้กับตัวเอง

“แต่พวกเขามีปัญหาในกับรับมือกับพวกนั้น และการเห็นพวกเขาเป็นแบบนั้นทำให้ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”

“เช่นนั้นรึ?” อาโทวพยักหน้า

เธอเชื่อที่ไกอาบอกว่าการโจมตีพวกนั้นเป็นฝีมือของก๊อบลิน

ถ้าเป็นแบบนั้น น่าจะเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับพวกมัน ดูจากระดับของเทคโนโลยีบนโลกนี้

สถานการณ์แปลกๆนี้รบกวนจิตใจเธอ

“มีกำลังเสริมมาจากอาณาจักรแม่ของพวกเขารึเปล่า?”

“จากที่ข้าเห็น เมืองนั้นมีสภาพเหมือนถูกล้อมอยู่ ดังนั้นเลยอาจจะทำให้ส่งกำลังเสริมเข้ามาไม่ได้ หรือไม่ก็อาณาจักรแม่ของพวกเขาพบกับสถานการณ์เดียวกันอยู่ครับ”

“หืม… มันยากที่จะส่งกำลังทหารออกมาเพราะโดมล้อมสินะ ในพื้นที่แถบนี้ ความถี่ในการโจมตีของพวกคนเถื่อนสูงขนาดนั้นเลยรึ?”

“เพราะมันเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ทำให้มีพวกอมนุษย์อย่าง ก๊อบลิน ออร์ค และโคโบลท์อยู่เป็นจำนวนมากขอรับ”

“แต่มันยากที่จะจินตนาการได้นะว่าพวกคนเถื่อนจะโจมตีเมืองน่ะ ผู้เฒ่ามอลทาร์ พวกเขาน่าจะรู้สิว่ามันเป็นเรื่องบ้าขนาดไหน ถึงแม้จะบังเอิญพบกับกองทัพที่กำลังเดินขบวนก็เถอะ”

นี่และนั่น ไกอาและผู้เฒ่ามอลทาร์ต่างก็ถกเถียงกัน แต่ก็ไม่ได้บทสรุปอะไร สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็ตัดสินไม่ได้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนี้พวกเรายังมีข้อมูลไม่พอ หากพวกเขาถูกพวกคนเถื่อนโจมตี ก็แสดงว่าอาจจะมีเหล่าผู้ลี้ภัยที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ ถ้าพวกเราเกณฑ์พวกเขาเข้ามาได้ เราก็อาจจะเพิ่มจำนวนประชากรได้”

โดยปกติแล้ว ไม่ใช่ทุกเมืองที่จะมีความสามารถในการป้องกันฐานที่มั่น

 

เมืองที่มีขนาดเฉพาะสามารถป้องกันตัวเองจากภายนอกได้ด้วยกำแพงหินคอนกรีต แต่พวกหมู่บ้านเพาะปลูก และฟาร์มปศุสัตว์นั้นไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ

แน่นอนว่าถ้าพวกคนเถื่อนเหล่านั้นไม่ถูกกำจัดไป ชาวบ้านจะเป็นพวกแรกที่ทนทุกข์ทรมาน

มันเป็นสามัญสำนึกอยู่แล้วว่า ถ้าหากพวกเขาเหล่านั้นโชคดี สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะกลายเป็นผู้ลี้ภัย

พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่อาณาจักรไหนก็ไม่ต้อนรับ โชคดีที่ไมน็อกกราห์มีดินแดนและอาหารอยู่เหลือเฟือ

หากผู้ลี้ภัยพวกนี้เต็มใจที่จะกลายเป็นปีศาจ ที่พวกเขาต้องทำก็แค่ตัดสินใจ

ทาคุโตะมอบความคิดนี้ให้อาโทวอย่างลับๆ

“ท่านอาโทวขอรับ มีความเป็นไปได้ไหมที่พวกผู้ลี้ภัยนี้จะทรยศพวกเรา?”

“เราสามารถเฝ้าระวังพวกเขาได้ เรายังสามารถปล่อยยูนิตของไมน็อกกราห์เข้าไปปราบปรามได้ หากเกิดการก่อกบฎขึ้น…มันมียูนิตที่เหมาะกับหน้าที่นี้ ซึ่งอยู่ภายใต้ท่านทาคุโตะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้อัญเชิญมาเท่านั้น”

“โอ้! เช่นนั้นก็วางใจแล้ว!”

อาโทวละคำอธิบายเกี่ยวกับรูปร่างที่แปลกประหลาดของมันไว้

เพราะแม้กระทั่งอาโทวเอง ก็คิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่เห็นรูปร่างของมัน แน่นอนว่าเหล่าดาร์คเอลฟ์อาจจะคิดต่างจากเธอ

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของพวกมันก็น่าประทับใจ

ยูนิตที่เรียกว่า เบรนอีทเตอร์ สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้เมืองได้

มันเป็นยูนิตรักษาที่คอยฟื้นฟูบาดแผลของยูนิตอื่นๆ ทำให้มันมีประโยชน์มากในการเล่นรูปแบบตั้งรับ

“และหากเราสัญญาว่าจะมอบชีวิตที่สงบสุขให้ พวกนั้นคงไม่ทรยศเราหรอกกระมัง?”

“ใช่แล้ว ถูกอย่างที่ท่านว่าเลยขอรับ”

“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องติดต่อกับบางอาณาจักร และเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับพวกเขาแล้ว

หากเราสามารถทำให้พวกเขาสนับสนุนได้ก็เป็นเรื่องดี แต่หากพวกเขากลายเป็นศัตรู เราก็จะจัดการกับพวกเขาภายหลัง

มันเป็นเมืองที่เราอยากรักษาไว้ถ้าทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าตั้งความหวังมากเกินไปล่ะ”

พวกเขาพยักหน้าให้กับคำพูดของเธอ

พวกเขาเห็นด้วย และแสดงออกว่าสนับสนุนแนวทางนี้

และนั่นคือสัญญาณของการสิ้นสุดการประชุม

“เช่นนั้น เราก็ได้ผลสรุปกันแล้ว เทิร์นต่อไป – อุ๊บ แนวทางต่อไปคือการส่งสารไปยังอาณาจักรที่เป็นกลาง ฟอว์นคาเวน ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ พยายามหาทางติดต่อพวกเขาอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ถึงแม้ว่าอาโทวจะไม่ได้กล่าวในที่ประชุม ที่ทาคุโตะสนใจเมืองนั้นก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ

มันมีเส้นชีพจรมังกรอยู่ภายในเมือง

หลุมชีพจรมังกร ทรัพยากรแผนที่ซึ่งสามารถผลิตมานา จะต้องทำการครอบครองให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

คงจะดีถ้าหากสามารถเป็นมิตรกันได้ แต่มันก็ยังมีอีกหลายทางให้จัดการกับมัน

ทาคุโตะเพิ่มแนวทางรุนแรงผิดปกติลงในตัวเลือกของเขา

เวลาที่ไมน็อกกราห์จะได้รับการยอมรับในฐานะชาติเป็นครั้งแรกอยู่ใกล้แค่เอื้อม

 

=ข้อความ============= 

ทำการเลือกสิ่งปลูกสร้าง และหัวข้อการวิจัยใหม่

สถาบันเวทมนตร์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง!

ธาตุทั้งหก อยู่ระหว่างการวิจัย! 

[อิสลา ราชินีแห่งแมลงทั้งปวง] อยู่ระหว่างการผลิต!

————————————————— 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+