[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 24: Dialog(1)

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 24: Dialog(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จากบรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

กองกำลังของทั้งสองฝ่ายที่ก่อนหน้านี้จ้องหน้า และอยู่ในท่าเตรียมต่อสู้ ตอนนี้กำลังเดินคู่กันไปบนถนนเส้นเล็กๆ ที่อยู่ภายในดินแดนต้องสาป

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไมน็อกกราห์ และผู้ครองคทาแห่งฟอว์นคาเวน กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงไมน็อกกราห์

อาโทวและผู้ติดตามของเธอกำลังนำทางผู้นำแห่งฟอว์นคาเวน ที่อยากเข้าพบกับทาคุโตะ

ที่จริงแล้ว สิ่งนี้มันขัดกับภารกิจสำคัญของพวกเขา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมสีหน้าของพวกเขาจึงดูซับซ้อน

“ฉันก็เลยบอกมันไป! เจ้าจอมวายร้ายที่รุกรานฟอว์นคาเวน! เอาเวทย์ของฉันไปกินซะ! ฟังอยู่รึเปล่า อาโทวซัง!”

“ใช่ ใช่ ข้าฟังอยู่”

“ถึงอย่างนั้น พวกกึ่งมนุษย์พวกนั้นก็กำลังลำบากกันสุดๆเลยล่ะ! ถ้าไม่มีฉันล่ะก็ ฟอว์นคาเวนต้องล่มสลายแน่ๆ!”

อาโทวอดที่จะขมวดคิ้วให้กับเสียงของเด็กชายที่ไร้เดียงสาคนนี้ไม่ได้จริงๆ

เธอไม่ได้ปิดหู และไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องของเขาอย่างจริงจัง ถึงอย่างนั้น อาโทวก็ยังได้ยินเรื่องราวอันกล้าหาญที่เขาเอาแต่เล่าซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

“ข้าเข้าใจแล้ว …ต้องลำบากมากแน่ๆเลยสินะ เจ้าพวกคนเถื่อนที่ไร้ซึ่งอารยธรรมนั่น บางครั้งพวกมันก็จู่โจมคนธรรมดา พวกมันเป็นเพียงแค่ขยะที่ทำเป็นแต่ทำร้ายคนอื่นเท่านั้น”

“ใช่เลย! นั่นแหละ อาโทวซัง! หวา! ฉันดีใจที่คุณเข้าใจนะ! รู้สึกเหมือนเราไม่ได้เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกเลยล่ะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” และเปเป้ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

ทั้งสองฝ่ายต่างก็คืบหน้าไป ต้องขอบคุณคำทักทายของเด็กชายผู้แปลกประหลาดคนนี้

 

ในที่สุดการเผชิญหน้าของพวกเขาก็จบลงด้วยความสงบ

ทั้งสองฝ่ายต่างตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต และเปเป้ก็ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนสถานการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าในหัวของเขาคิดอะไรอยู่

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงไปเลย ที่จะบอกว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความกังวลอยู่

หลังจากที่ทักทายกันแล้ว เขาก็ยังทำตัวแบบนี้มาตลอด

แม้จะไม่มีใครถาม แต่เขาก็ยังคงพล่ามต่อไป

“ท่านโทนุคาโปลีสินะ? เขานั้นใกล้…”

“ต้องขออภัยด้วย ท่านอาโทว เจ้านี่มันบ้าน่ะ”

“โอ้ เข้าใจล่ะ…”

อาโทวรับคำสั้นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับเธอ

เธอไม่สามารถคาดเดาการกระทำของชายที่ชื่อเปเป้ได้เลย

เธอถึงกับชะงักไป

ถึงแม้ว่านี่จะยังอยู่ในช่วงก่อนการเจรจา ที่ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง

แต่บรรยากาศผ่อนคลาย และร่าเริงนี้ ราวกับว่ามันเป็นเพียงช่วงบ่ายของวันทั่วๆไป

เป็นอันแน่ชัดเลยว่าสาเหตุของเรื่องนี้ก็คือ

เด็กชายผู้โง่เขลาที่อ่านบรรยากาศไม่เป็น

บางทีเขาอาจจะมีความสามารถในการผ่อนคลายบรรยากาศก็ได้

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่พอใจกับสถานการณ์นี้

เป็นเหตุการณ์ที่แปลก แต่สถานการณ์ที่จะเกิดการต่อสู้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว 

หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ก็ยังพอจะรับได้อยู่

ดังนั้น อาโทวจึงเชื่อว่าในโลกนี้คงมีคนอยู่หลากหลายประเภท

“แต่กลิ่นไอแห่งความมืดช่างหนาเหลือเกิน มันทำให้ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อย”

“ข้าเองก็ไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งนี้ได้เช่นกัน ท่านโทนุคาโปลี นี่เป็นธรรมชาติของอาณาจักรเรา หากท่านรู้สึกว่ามันลำบากสามารถแจ้งแก่ข้าได้เลย ขอบอกอีกครั้งว่าพวกเราสามารถนัดพบกันในสถานที่อื่นได้”

อาโทวอยากจะยืนยันสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะทำการนัดเจรจาระหว่างผู้นำของทั้งคู่

แต่อีกฝ่ายอยากเข้าพบทาคุโตะโดยเร็ว

อาโทวกังวลไปชั่วขณะว่าพวกเขากำลังวานแผนบางอย่างอยู่

แต่การอธิบายจากทาคุโตะที่เชื่อมต่อกับเธออยู่ ทำให้เธอเปลี่ยนความคิด

บางทีพวกเขาอาจกำลังมองหาความช่วยเหลือในการรับมือกับพวกคนเถื่อนโดยเร็วที่สุดก็เป็นได้…

เช่นนั้น นี่ก็เป็นเรื่องดี

ข้อมูลที่ว่าเมืองของพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตได้มาถึงหูผู้นำแห่งไมน็อกกราห์

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าฟอว์นคาเวนจะเอ่ยปากขออะไร…. ขอความช่วยเหลือ หรือสิ่งอื่น ไม่ก็ทั้งสองอย่าง

อย่างน้อยนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถต่อต้านไมน็อกกราห์ได้

นี่เป็นแค่การคาดการณ์ของทาคุโตะ จากท่าทีของโทนุคาโปลีมันมีความร้อนรอนที่ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้

“ไม่เป็นไร รีบทำเรื่องนี้โดยเร็วจะดีกว่า สำหรับทหารที่มากับพวกเราแล้วสิ่งนี้มันมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง ข้ากำลังขอสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล อย่างน้อยข้าก็ควรจะไปเข้าเฝ้าราชาของท่าน”

“ขอบคุรสำหรับความมีน้ำใจของท่าน กษัตริย์ของเรายินดีต้อนรับท่านเข้าสู่อาณาจักร”

เป็นเพราะอยุ่ในช่วงคับขันทำให้โทนุคาโปลีไม่อาจปกปิดความร้อนของเธอได้ หรือไม่ก็ เธออาจะไม่เก่งในเรื่องการปกปิดความรู้สึก

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ตาม

การที่ผู้นำของพวกเขาเข้ามาในนี้ ก็ทำให้ไมน็อกกกราห์อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบอยู่แล้ว

สำหรับพลังการต่อสู้ของอาโทว มันไ้ดมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นพลังอำนาจอันเด็ดขาด

ในกรณีที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ เธอแค่ต้องบดขยี้มันให้หมดก็พอ

“ยังไงก็เถอะ ฉันหิวแล้ว! บางทีอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่เท้าของฉันมันหนักขึ้นเรื่อยๆเลย!”

“เขา…จะเป็นอะไรไหม?”

“เขาช้าลง ก็เพราะเขาโง่ยังไงล่ะ”

อย่างไรก็ตาม จากสภาพของเปเป้แล้ว เธอคิดว่าไม่น่าจะใช่….

เปเป้ยังคงเดินต่อไปอย่างมีความสุข

เขาหยิบกิ่งไม้มาจากไหนไม่รู้ และหันไปพูดคุยมุขตลกกับดาร์คเอลฟ์ทุกตนที่พบ

พวกนั้นไม่อยากคุยกับเขาแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาถือเป็นแขก

ขณะที่กำลังสงสารเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่ต้องปวดหัวกับพฤติกรรมของเปเป้ หลังจากที่คอยดูแลเขา โทนุคาโปลีก็หันมาหาอาโทว

“โอ้ ใช่แล้ว ท่านอาโทว ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับราชาของท่านได้ไหม ว่าเขาเป็นคนอย่างไร? มันคงจะแย่ถ้าเราเสียมารยาทเนื่องจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน”

“ได้สิ! แน่นอน! มาพูดถึงความยิ่งใหญ่ขององค์ราชา ความสุขุม เมตตา และความสุดยอดของท่านกันเถอะ!!”

อาโทวที่ปกติจะดูเคร่งขึม เปลี่ยนท่าทีของเธอจากประโยคนั้น

โทนุคาโปลีเข้าใจโดยทันทีว่า หญิงสาวผู้นี้เคารพและเทิดทูนราชาของเธอมากแค่ไหนจากสถานการณ์นี้

หญิงสาวคนนี้เล่าถึงความยิ่งใหญ่ของราชา จากมุมมองของโทนุคาโปลี อาโทวเป็นสัตว์ประหลาด

ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ที่ดูน่ารักของเธอ พลังที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นไม่อาจเทียบกับสิ่งใดได้

ไม่แปลกใจเลยว่าสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวในตำนาน จะเป็นหญิงสาวผู้น่ารัก และอยู่ภายใต้ราชาได้

ขณะที่กลิ่นไอแห่งความมืดมากยิ่งขึ้น ความรู้เย็นยะเยือกได้เข้าจู่โจมโทนุคาโปลี

(มาดูกันเถอะ ว่ามีสิ่งใดรอเราอยู่…)

โทนุคาโปลีนึกถึงตำนานของราชาแห่งความพินาศ ที่เล่าขานว่าถูกผนึกอยู่ภายในดินแดนต้องสาป

ทางเลือกของพวกเขาถูกต้องหรือไม่? พวกเขาเข้ามาถึงนี่เพียงเพราะบรรยากาศของเปเป้งั้นหรือ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?

หญิงชราหัววัวส่ายหัวเพื่อขจัดความกังวลในจิตใจออกไป

 ◇   ◇   ◇ 

เมื่ออยู่เบื้องหน้าตัวตนของเขา หญิงชราที่ชื่อโทนุคาโปลีตระหนักได้ทันทีว่าตนเองนั้นช่างเล็กจ้อยเพียงใด ราวกับเพียงแค่ลมพัดก็สามารถลบตัวตนของเธอออกไปได้อย่างสิ้นเชิง

เพียงแค่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ตัวตนของเขาอยู่ห่างไกลจากทุกชีวิตในโลกหล้า

มันได้สลักความมืดลงบนจิตวิญญาณของเธอ และดูดกลืนมันเข้าไป

(โอ้ พระผู้เป็นเจ้า นี่มันเกิดขึ้นจริงๆ ตัวตนอันน่าเหลือเชื่อนี้ เพิ่งจะย้ายเข้ามาเป็นเพื่อนบ้านของเรา)

ในแวบแรก รูปร่างของเขาดูเหมือนกับมนุษย์

อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเขาเป็นสีดำสนิท เหมือนดั่งคราบที่เด็กๆทำเปื้อน

เพียงแค่คิดจะสัมผัสมัน ก็ทำให้โทนุคาโปลีกลัวว่าจิตวิญญาณของเธอจะฉีกเป็นชิ้นๆ

ราชาที่ได้รับการเคารพบูชาจากหญิงสาวที่ชื่ออาโทว

ราชาที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นสรรเสริญ

โทนุคาโปลีแทบจะหยุดหายใจ เพราะตัวตนของราชานั้นเป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายของเธอ ทั้งความรู้ และจินตนาการ เธอใช้พลังใจทั้งหมดที่มีในการสงบสติอารมณ์

(ตัวตนแห่งความมืดอยู่รอบปราสาทเต็มไปหมด เราหนีไม่ได้แน่ เขาเป็นปีศาจชั้นสูง…หรือราชาปีศาจผู้นำกองทัพแห่งความมืดกัน? โอ้ ไม่ว่าจะดูยังไง ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้คือเทพปีศาจหรอกรึ?)

พวกเขาสบตากันอย่างเงียบงัน

อีกฝ่ายคือตัวตนที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม โทนุคาโปลีไม่อาจก้มหัวให้เฉยๆได้

แม้ว่าเขาจะเป็นเทพปีศาจที่น่าหวาดกลัว เขาก็ยังเป็นผู้นำของอาณาจักร

และเธอคือผู้แทนจากฟอว์นคาเวน

ในจุดนี้พวกเขาถือได้ว่าเท่าเทียมกัน ดังนั้น โทนุคาโปลีจึงทำเพียงมองไปยังอีกฝ่ายเงียบๆ และรอให้เขาเอ่ยออกมา พร้อมๆกับระงับความกลัวของเธอไปด้วย

“นี่คือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านอิระ ทาคุโตะ ท่านอิระ ทาคุโตะ พวกเขาคือผู้นำแห่งฟอว์นคาเวน ผู้ครองคทา โทนุคาโปลี และเปเป้ ค่ะ”

“เยี่ยมมาก”

หัวใจของเธอถูกบดขยี้อย่างไม่ทันตั้งตัว

ไม่สิ มันเป็นแค่ภาพหลอน

คำพูดนั้คืออาคมคำสาปที่ถูกสืบทอดกันมาแต่โบราณ

เป็นเพราะคนเก่าแก่นั้นเข้าใจถึงพลังของคำพูด

พวกเขาว่ากันว่า มีคนที่ไม่เคยเอ่ยปากออกมาเลย เว้นแต่ว่าเขาจำเป็นจริงๆ โทนุคาโปลีในตอนเด็กคิดว่ามันช่างไร้สาระจริงๆ และหัวเราะให้กับตำนานพวกนั้น

แต่ตอนนี้เธอนึกถึงคำพูของผู้ครองคทาคนก่อน ที่สอนเธอในเรื่องพลังแห่งคำพูด

คำพูดของราชานั้นช่างอันตราย แม้ว่าเขาจะเอ่ยออกมาเพียงแค่คำเดียวก็ตาม

เธออยากจะวิ่งหนีไป และแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ลืมเลือนให้หมดทุกอย่าง

ความอ่อนแอในใจ สั่นสะเทือนจิตวิญญาณที่ฝึกฝนมาอย่างดีของโทนุคาโปลี

อย่างไรก็ตาม เธอคือหนึ่งในผู้ครองคทาทั้งสิบสอง ผู้ปกครองแห่งฟอว์นคาเวน

ในนามแห่งอาณาจักร และเทพแห่งธรรมชาติของเธอ เธอจะต้องไม่ลังเลที่จะพูดอย่างเด็ดขาดในการเจรจา

“องค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เข้าพบท่าน ตามที่ได้รับการแนะนำก่อนหน้านี้ ข้าคือ โทนุคาโปลี หนึ่งในผู้ครองคทาทั้งสิบสอง ด้วยเหตุนี้–”

แต่ว่า…

“ยินดีที่ได้รู้จัก! ฉันชื่อเปเป้! ฉันมาจากฟอว์นคาเวนล่ะ! มาเป็นเพื่อนกันเถอะ!”

“ไม่นะ เปเป้ป้ป้ป้ป้ป้!?”

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น

นี่แหละคือความหมายของการอ่านบรรยากาศไม่เป็น

เธอกรีดร้องออกมาอย่างลืมตัว แต่รีบปิดปากลงทันที

แม้แต่โทนุคาโปลีที่มีชีวิตมาหลายร้อยปี ยังรู้สึกหวาดกลัว แต่เปเป้มีความกล้าที่จะทักทายราชาแห่งไมน้อกกราห์

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากให้เขาหยุดการทักทายที่เป็นกันเองนี้ซะ

สำหรับโทนุคาโปลี นี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ เธอคิดว่าเปเป้จะต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

“เพื่อน….?”

“ไม่ ไม่บังอาจ ท่านอิระ ทาคุโตะ! เปเป้แค่พูดออกมามั่วๆ เพราะเขาหวาดกลัวเพคะ ข้าขอขอบพระทัยมาก หากพระองค์จะช่วยอภัยในความหยาบคาย เห็นแก่ที่เขายังเด็กด้วยเถิดเพคะ”

โทนุคาโปลี รีบพยายามกู้สถานการณ์โดยไม่รอฟังคำตอบของทาคุโตะ

โดยส่วนตัวแล้วเธอคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม มันมีความเป็นไปได้ที่ราชาอาจจะรู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติ

ความคิดที่ว่าผู้นำของสองอาณาจักรจะมาพบหน้ากันและเป็นเพื่อนนั้นช่างน่าหัวเราะ เกียรติของกษัตริย์นั้นจะถูกหยามเอาได้ หรือบางทีอาจจะแย่กว่านั้น อาณาจักรนั้นๆอาจจะไม่ได้รับความเคารพเลย

สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ สงครามบนโต๊ะเจรจา ที่แต่ละอาณาจักรขัดแย้งกัน

ถึงแม้จะไม่มีการชักดาบหรือธนูออกมา มันก็ยังอันตรายต่อชีวิตของประชาชนอยู่ดี

แล้วควรจะพูดคุยเรื่องอะไรในสถานที่สำคัญแห่งนี้ล่ะ?

ขณะที่พยายามคงสติในสถานการณ์ที่มืดบอดนี้ โทนุคาโปลีสำนึกเสียใจที่เปเป้เข้ามาแทรกเรื่องการเมือง เพราะเธอยังอบรมเขามาไม่มากพอ

อย่างไรก็ตาม เธอจะต้องเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง เพื่อขจัดความผิดพลาดนี้…

“เพื่อน…..ได้สิ”

“เย้!”

“เอ๋??”

ตรงกันข้ามกับสิ่งที่โทนุคาโปลีคิดไว้ คำตอบนั้นช่างน่าเหลือเชื่อ และแปลกประหลาดอย่างแท้จริง

ผู้นำอาณาจักรเป็นเพื่อนกัน? ถึงแม้จะโง่เขลาแค่ไหนก็ให้มันมีขีดจำกัดบ้างเถอะ

ราชาวางแผนอะไรอยู่กันแน่? จุดประสงค์ของเขาคืออะไร?

ขณะคิดหาคำตอบ โทนุคาโปลีก็หันไปยังอาโทว ที่เป็นข้ารับใช้ขององค์ราชา

ระหว่างทางที่มาที่นี่ เธอได้ประเมินนิสัยของหญิงสาวผู้นี้ไว้คร่าวๆ

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจ โทนุคาโปลีก็ตัดสินเธอจากวิธีคิด และท่าทีของเธอถือได้ว่าเป็นปกติ

เช่นนั้นแล้วคงไม่แปลกที่อาโทวจะเกิดคำถามกับสถานการณ์นี้

กล่าวอีกนัยนึงคือ โทนุคาโปลีหวังว่าอาโทวจะประหลาดใจเช่นเดียวกันกับที่เธอเป็น…

“โอ้! นั่นหมายความว่า!”

“ทะ ท่านอาโทว?”

“ยินดีด้วยค่ะที่ได้เพื่อนคนแรกแล้ว ท่านทาคุโตะ!! เฮ้ พวกเจ้าทำอะไรกันอยํู่ ปรบมือซะสิ!!”

เหล่าทหารดาร์คเอลฟ์ที่เฝ้ายามอยู่ต่างก็ปรบมือเป็นเสียงเดียวกัน

จากนั้น อาโทวก็ปรบมือด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันท่วมท้น

ราชาที่ได้รับการสรรเสริญนี้เกาหัวอย่างเขินอายเล็กน้อย

โทนุคาโปลีที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าก็ยังร่วมปรบมือไปด้วย

เธอเป็นคนเดียวที่ช้ากว่าคนอื่นๆ เพราะเปเป้เองก็ได้เริ่มปรบมือเสียงดังไปเรียบร้อยแล้ว

บรรยากาศแห่งความสุขอบอวลไปทั่ว

ความตึงเครียดได้หายไป นี่มันอะไรกัน?

ความสับสนได้แล่นไปทั่วร่างของโทนุคาโปลี และเธอไม่สามารถระบายมันออกไปได้

(บางอย่าง…บางอย่างที่ไร้สาระอย่างน่าเหลือเชื่อเพิ่งจะเกิดขึ้น)

พวกเขาใช้ความได้เปรียบจากความโง่ของเปเป้ และพยายามจะคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด? หรือว่าพวกเขาแค่ล้อพวกเราเล่นกัน?

บางทีเขาอาจจะจริงจังเรื่องการเป็นเพื่อนกันก็ได้

อย่างไรก็ตาม โทนุคาโปลียังมองท่าทีของราชาไม่ออก เขาดูเหมือนความมืดมิดที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ ซึ่งกำลังทำท่าทีราวกับเขินอายอยู่

ไม่ใช่ว่าพวกเขาเพิ่งจะปรบมือฉลองให้กับความว่างเปล่านั่นงั้นรึ?

ความคิดอันน่าหวาดหวั่นได้เข้าจู่โจมโทนุคาโปลี

ตัวตนของราชาแห่งไมน็อกกราห์ อิระ ทาคุโตะ นั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะประเมินได้

นั่นคือสิ่งเดียวที่เธอเข้าใจในตอนนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 24: Dialog(1)

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 24: Dialog(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จากบรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

กองกำลังของทั้งสองฝ่ายที่ก่อนหน้านี้จ้องหน้า และอยู่ในท่าเตรียมต่อสู้ ตอนนี้กำลังเดินคู่กันไปบนถนนเส้นเล็กๆ ที่อยู่ภายในดินแดนต้องสาป

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไมน็อกกราห์ และผู้ครองคทาแห่งฟอว์นคาเวน กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงไมน็อกกราห์

อาโทวและผู้ติดตามของเธอกำลังนำทางผู้นำแห่งฟอว์นคาเวน ที่อยากเข้าพบกับทาคุโตะ

ที่จริงแล้ว สิ่งนี้มันขัดกับภารกิจสำคัญของพวกเขา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมสีหน้าของพวกเขาจึงดูซับซ้อน

“ฉันก็เลยบอกมันไป! เจ้าจอมวายร้ายที่รุกรานฟอว์นคาเวน! เอาเวทย์ของฉันไปกินซะ! ฟังอยู่รึเปล่า อาโทวซัง!”

“ใช่ ใช่ ข้าฟังอยู่”

“ถึงอย่างนั้น พวกกึ่งมนุษย์พวกนั้นก็กำลังลำบากกันสุดๆเลยล่ะ! ถ้าไม่มีฉันล่ะก็ ฟอว์นคาเวนต้องล่มสลายแน่ๆ!”

อาโทวอดที่จะขมวดคิ้วให้กับเสียงของเด็กชายที่ไร้เดียงสาคนนี้ไม่ได้จริงๆ

เธอไม่ได้ปิดหู และไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องของเขาอย่างจริงจัง ถึงอย่างนั้น อาโทวก็ยังได้ยินเรื่องราวอันกล้าหาญที่เขาเอาแต่เล่าซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

“ข้าเข้าใจแล้ว …ต้องลำบากมากแน่ๆเลยสินะ เจ้าพวกคนเถื่อนที่ไร้ซึ่งอารยธรรมนั่น บางครั้งพวกมันก็จู่โจมคนธรรมดา พวกมันเป็นเพียงแค่ขยะที่ทำเป็นแต่ทำร้ายคนอื่นเท่านั้น”

“ใช่เลย! นั่นแหละ อาโทวซัง! หวา! ฉันดีใจที่คุณเข้าใจนะ! รู้สึกเหมือนเราไม่ได้เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกเลยล่ะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” และเปเป้ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

ทั้งสองฝ่ายต่างก็คืบหน้าไป ต้องขอบคุณคำทักทายของเด็กชายผู้แปลกประหลาดคนนี้

 

ในที่สุดการเผชิญหน้าของพวกเขาก็จบลงด้วยความสงบ

ทั้งสองฝ่ายต่างตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต และเปเป้ก็ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนสถานการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าในหัวของเขาคิดอะไรอยู่

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงไปเลย ที่จะบอกว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความกังวลอยู่

หลังจากที่ทักทายกันแล้ว เขาก็ยังทำตัวแบบนี้มาตลอด

แม้จะไม่มีใครถาม แต่เขาก็ยังคงพล่ามต่อไป

“ท่านโทนุคาโปลีสินะ? เขานั้นใกล้…”

“ต้องขออภัยด้วย ท่านอาโทว เจ้านี่มันบ้าน่ะ”

“โอ้ เข้าใจล่ะ…”

อาโทวรับคำสั้นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับเธอ

เธอไม่สามารถคาดเดาการกระทำของชายที่ชื่อเปเป้ได้เลย

เธอถึงกับชะงักไป

ถึงแม้ว่านี่จะยังอยู่ในช่วงก่อนการเจรจา ที่ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง

แต่บรรยากาศผ่อนคลาย และร่าเริงนี้ ราวกับว่ามันเป็นเพียงช่วงบ่ายของวันทั่วๆไป

เป็นอันแน่ชัดเลยว่าสาเหตุของเรื่องนี้ก็คือ

เด็กชายผู้โง่เขลาที่อ่านบรรยากาศไม่เป็น

บางทีเขาอาจจะมีความสามารถในการผ่อนคลายบรรยากาศก็ได้

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่พอใจกับสถานการณ์นี้

เป็นเหตุการณ์ที่แปลก แต่สถานการณ์ที่จะเกิดการต่อสู้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว 

หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ก็ยังพอจะรับได้อยู่

ดังนั้น อาโทวจึงเชื่อว่าในโลกนี้คงมีคนอยู่หลากหลายประเภท

“แต่กลิ่นไอแห่งความมืดช่างหนาเหลือเกิน มันทำให้ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อย”

“ข้าเองก็ไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งนี้ได้เช่นกัน ท่านโทนุคาโปลี นี่เป็นธรรมชาติของอาณาจักรเรา หากท่านรู้สึกว่ามันลำบากสามารถแจ้งแก่ข้าได้เลย ขอบอกอีกครั้งว่าพวกเราสามารถนัดพบกันในสถานที่อื่นได้”

อาโทวอยากจะยืนยันสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะทำการนัดเจรจาระหว่างผู้นำของทั้งคู่

แต่อีกฝ่ายอยากเข้าพบทาคุโตะโดยเร็ว

อาโทวกังวลไปชั่วขณะว่าพวกเขากำลังวานแผนบางอย่างอยู่

แต่การอธิบายจากทาคุโตะที่เชื่อมต่อกับเธออยู่ ทำให้เธอเปลี่ยนความคิด

บางทีพวกเขาอาจกำลังมองหาความช่วยเหลือในการรับมือกับพวกคนเถื่อนโดยเร็วที่สุดก็เป็นได้…

เช่นนั้น นี่ก็เป็นเรื่องดี

ข้อมูลที่ว่าเมืองของพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตได้มาถึงหูผู้นำแห่งไมน็อกกราห์

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าฟอว์นคาเวนจะเอ่ยปากขออะไร…. ขอความช่วยเหลือ หรือสิ่งอื่น ไม่ก็ทั้งสองอย่าง

อย่างน้อยนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถต่อต้านไมน็อกกราห์ได้

นี่เป็นแค่การคาดการณ์ของทาคุโตะ จากท่าทีของโทนุคาโปลีมันมีความร้อนรอนที่ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้

“ไม่เป็นไร รีบทำเรื่องนี้โดยเร็วจะดีกว่า สำหรับทหารที่มากับพวกเราแล้วสิ่งนี้มันมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง ข้ากำลังขอสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล อย่างน้อยข้าก็ควรจะไปเข้าเฝ้าราชาของท่าน”

“ขอบคุรสำหรับความมีน้ำใจของท่าน กษัตริย์ของเรายินดีต้อนรับท่านเข้าสู่อาณาจักร”

เป็นเพราะอยุ่ในช่วงคับขันทำให้โทนุคาโปลีไม่อาจปกปิดความร้อนของเธอได้ หรือไม่ก็ เธออาจะไม่เก่งในเรื่องการปกปิดความรู้สึก

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ตาม

การที่ผู้นำของพวกเขาเข้ามาในนี้ ก็ทำให้ไมน็อกกกราห์อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบอยู่แล้ว

สำหรับพลังการต่อสู้ของอาโทว มันไ้ดมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นพลังอำนาจอันเด็ดขาด

ในกรณีที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ เธอแค่ต้องบดขยี้มันให้หมดก็พอ

“ยังไงก็เถอะ ฉันหิวแล้ว! บางทีอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่เท้าของฉันมันหนักขึ้นเรื่อยๆเลย!”

“เขา…จะเป็นอะไรไหม?”

“เขาช้าลง ก็เพราะเขาโง่ยังไงล่ะ”

อย่างไรก็ตาม จากสภาพของเปเป้แล้ว เธอคิดว่าไม่น่าจะใช่….

เปเป้ยังคงเดินต่อไปอย่างมีความสุข

เขาหยิบกิ่งไม้มาจากไหนไม่รู้ และหันไปพูดคุยมุขตลกกับดาร์คเอลฟ์ทุกตนที่พบ

พวกนั้นไม่อยากคุยกับเขาแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาถือเป็นแขก

ขณะที่กำลังสงสารเหล่าดาร์คเอลฟ์ที่ต้องปวดหัวกับพฤติกรรมของเปเป้ หลังจากที่คอยดูแลเขา โทนุคาโปลีก็หันมาหาอาโทว

“โอ้ ใช่แล้ว ท่านอาโทว ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับราชาของท่านได้ไหม ว่าเขาเป็นคนอย่างไร? มันคงจะแย่ถ้าเราเสียมารยาทเนื่องจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน”

“ได้สิ! แน่นอน! มาพูดถึงความยิ่งใหญ่ขององค์ราชา ความสุขุม เมตตา และความสุดยอดของท่านกันเถอะ!!”

อาโทวที่ปกติจะดูเคร่งขึม เปลี่ยนท่าทีของเธอจากประโยคนั้น

โทนุคาโปลีเข้าใจโดยทันทีว่า หญิงสาวผู้นี้เคารพและเทิดทูนราชาของเธอมากแค่ไหนจากสถานการณ์นี้

หญิงสาวคนนี้เล่าถึงความยิ่งใหญ่ของราชา จากมุมมองของโทนุคาโปลี อาโทวเป็นสัตว์ประหลาด

ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ที่ดูน่ารักของเธอ พลังที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นไม่อาจเทียบกับสิ่งใดได้

ไม่แปลกใจเลยว่าสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวในตำนาน จะเป็นหญิงสาวผู้น่ารัก และอยู่ภายใต้ราชาได้

ขณะที่กลิ่นไอแห่งความมืดมากยิ่งขึ้น ความรู้เย็นยะเยือกได้เข้าจู่โจมโทนุคาโปลี

(มาดูกันเถอะ ว่ามีสิ่งใดรอเราอยู่…)

โทนุคาโปลีนึกถึงตำนานของราชาแห่งความพินาศ ที่เล่าขานว่าถูกผนึกอยู่ภายในดินแดนต้องสาป

ทางเลือกของพวกเขาถูกต้องหรือไม่? พวกเขาเข้ามาถึงนี่เพียงเพราะบรรยากาศของเปเป้งั้นหรือ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?

หญิงชราหัววัวส่ายหัวเพื่อขจัดความกังวลในจิตใจออกไป

 ◇   ◇   ◇ 

เมื่ออยู่เบื้องหน้าตัวตนของเขา หญิงชราที่ชื่อโทนุคาโปลีตระหนักได้ทันทีว่าตนเองนั้นช่างเล็กจ้อยเพียงใด ราวกับเพียงแค่ลมพัดก็สามารถลบตัวตนของเธอออกไปได้อย่างสิ้นเชิง

เพียงแค่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ตัวตนของเขาอยู่ห่างไกลจากทุกชีวิตในโลกหล้า

มันได้สลักความมืดลงบนจิตวิญญาณของเธอ และดูดกลืนมันเข้าไป

(โอ้ พระผู้เป็นเจ้า นี่มันเกิดขึ้นจริงๆ ตัวตนอันน่าเหลือเชื่อนี้ เพิ่งจะย้ายเข้ามาเป็นเพื่อนบ้านของเรา)

ในแวบแรก รูปร่างของเขาดูเหมือนกับมนุษย์

อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเขาเป็นสีดำสนิท เหมือนดั่งคราบที่เด็กๆทำเปื้อน

เพียงแค่คิดจะสัมผัสมัน ก็ทำให้โทนุคาโปลีกลัวว่าจิตวิญญาณของเธอจะฉีกเป็นชิ้นๆ

ราชาที่ได้รับการเคารพบูชาจากหญิงสาวที่ชื่ออาโทว

ราชาที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นสรรเสริญ

โทนุคาโปลีแทบจะหยุดหายใจ เพราะตัวตนของราชานั้นเป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายของเธอ ทั้งความรู้ และจินตนาการ เธอใช้พลังใจทั้งหมดที่มีในการสงบสติอารมณ์

(ตัวตนแห่งความมืดอยู่รอบปราสาทเต็มไปหมด เราหนีไม่ได้แน่ เขาเป็นปีศาจชั้นสูง…หรือราชาปีศาจผู้นำกองทัพแห่งความมืดกัน? โอ้ ไม่ว่าจะดูยังไง ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้คือเทพปีศาจหรอกรึ?)

พวกเขาสบตากันอย่างเงียบงัน

อีกฝ่ายคือตัวตนที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม โทนุคาโปลีไม่อาจก้มหัวให้เฉยๆได้

แม้ว่าเขาจะเป็นเทพปีศาจที่น่าหวาดกลัว เขาก็ยังเป็นผู้นำของอาณาจักร

และเธอคือผู้แทนจากฟอว์นคาเวน

ในจุดนี้พวกเขาถือได้ว่าเท่าเทียมกัน ดังนั้น โทนุคาโปลีจึงทำเพียงมองไปยังอีกฝ่ายเงียบๆ และรอให้เขาเอ่ยออกมา พร้อมๆกับระงับความกลัวของเธอไปด้วย

“นี่คือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านอิระ ทาคุโตะ ท่านอิระ ทาคุโตะ พวกเขาคือผู้นำแห่งฟอว์นคาเวน ผู้ครองคทา โทนุคาโปลี และเปเป้ ค่ะ”

“เยี่ยมมาก”

หัวใจของเธอถูกบดขยี้อย่างไม่ทันตั้งตัว

ไม่สิ มันเป็นแค่ภาพหลอน

คำพูดนั้คืออาคมคำสาปที่ถูกสืบทอดกันมาแต่โบราณ

เป็นเพราะคนเก่าแก่นั้นเข้าใจถึงพลังของคำพูด

พวกเขาว่ากันว่า มีคนที่ไม่เคยเอ่ยปากออกมาเลย เว้นแต่ว่าเขาจำเป็นจริงๆ โทนุคาโปลีในตอนเด็กคิดว่ามันช่างไร้สาระจริงๆ และหัวเราะให้กับตำนานพวกนั้น

แต่ตอนนี้เธอนึกถึงคำพูของผู้ครองคทาคนก่อน ที่สอนเธอในเรื่องพลังแห่งคำพูด

คำพูดของราชานั้นช่างอันตราย แม้ว่าเขาจะเอ่ยออกมาเพียงแค่คำเดียวก็ตาม

เธออยากจะวิ่งหนีไป และแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ลืมเลือนให้หมดทุกอย่าง

ความอ่อนแอในใจ สั่นสะเทือนจิตวิญญาณที่ฝึกฝนมาอย่างดีของโทนุคาโปลี

อย่างไรก็ตาม เธอคือหนึ่งในผู้ครองคทาทั้งสิบสอง ผู้ปกครองแห่งฟอว์นคาเวน

ในนามแห่งอาณาจักร และเทพแห่งธรรมชาติของเธอ เธอจะต้องไม่ลังเลที่จะพูดอย่างเด็ดขาดในการเจรจา

“องค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เข้าพบท่าน ตามที่ได้รับการแนะนำก่อนหน้านี้ ข้าคือ โทนุคาโปลี หนึ่งในผู้ครองคทาทั้งสิบสอง ด้วยเหตุนี้–”

แต่ว่า…

“ยินดีที่ได้รู้จัก! ฉันชื่อเปเป้! ฉันมาจากฟอว์นคาเวนล่ะ! มาเป็นเพื่อนกันเถอะ!”

“ไม่นะ เปเป้ป้ป้ป้ป้ป้!?”

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น

นี่แหละคือความหมายของการอ่านบรรยากาศไม่เป็น

เธอกรีดร้องออกมาอย่างลืมตัว แต่รีบปิดปากลงทันที

แม้แต่โทนุคาโปลีที่มีชีวิตมาหลายร้อยปี ยังรู้สึกหวาดกลัว แต่เปเป้มีความกล้าที่จะทักทายราชาแห่งไมน้อกกราห์

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากให้เขาหยุดการทักทายที่เป็นกันเองนี้ซะ

สำหรับโทนุคาโปลี นี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ เธอคิดว่าเปเป้จะต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

“เพื่อน….?”

“ไม่ ไม่บังอาจ ท่านอิระ ทาคุโตะ! เปเป้แค่พูดออกมามั่วๆ เพราะเขาหวาดกลัวเพคะ ข้าขอขอบพระทัยมาก หากพระองค์จะช่วยอภัยในความหยาบคาย เห็นแก่ที่เขายังเด็กด้วยเถิดเพคะ”

โทนุคาโปลี รีบพยายามกู้สถานการณ์โดยไม่รอฟังคำตอบของทาคุโตะ

โดยส่วนตัวแล้วเธอคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม มันมีความเป็นไปได้ที่ราชาอาจจะรู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติ

ความคิดที่ว่าผู้นำของสองอาณาจักรจะมาพบหน้ากันและเป็นเพื่อนนั้นช่างน่าหัวเราะ เกียรติของกษัตริย์นั้นจะถูกหยามเอาได้ หรือบางทีอาจจะแย่กว่านั้น อาณาจักรนั้นๆอาจจะไม่ได้รับความเคารพเลย

สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ สงครามบนโต๊ะเจรจา ที่แต่ละอาณาจักรขัดแย้งกัน

ถึงแม้จะไม่มีการชักดาบหรือธนูออกมา มันก็ยังอันตรายต่อชีวิตของประชาชนอยู่ดี

แล้วควรจะพูดคุยเรื่องอะไรในสถานที่สำคัญแห่งนี้ล่ะ?

ขณะที่พยายามคงสติในสถานการณ์ที่มืดบอดนี้ โทนุคาโปลีสำนึกเสียใจที่เปเป้เข้ามาแทรกเรื่องการเมือง เพราะเธอยังอบรมเขามาไม่มากพอ

อย่างไรก็ตาม เธอจะต้องเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง เพื่อขจัดความผิดพลาดนี้…

“เพื่อน…..ได้สิ”

“เย้!”

“เอ๋??”

ตรงกันข้ามกับสิ่งที่โทนุคาโปลีคิดไว้ คำตอบนั้นช่างน่าเหลือเชื่อ และแปลกประหลาดอย่างแท้จริง

ผู้นำอาณาจักรเป็นเพื่อนกัน? ถึงแม้จะโง่เขลาแค่ไหนก็ให้มันมีขีดจำกัดบ้างเถอะ

ราชาวางแผนอะไรอยู่กันแน่? จุดประสงค์ของเขาคืออะไร?

ขณะคิดหาคำตอบ โทนุคาโปลีก็หันไปยังอาโทว ที่เป็นข้ารับใช้ขององค์ราชา

ระหว่างทางที่มาที่นี่ เธอได้ประเมินนิสัยของหญิงสาวผู้นี้ไว้คร่าวๆ

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นปีศาจ โทนุคาโปลีก็ตัดสินเธอจากวิธีคิด และท่าทีของเธอถือได้ว่าเป็นปกติ

เช่นนั้นแล้วคงไม่แปลกที่อาโทวจะเกิดคำถามกับสถานการณ์นี้

กล่าวอีกนัยนึงคือ โทนุคาโปลีหวังว่าอาโทวจะประหลาดใจเช่นเดียวกันกับที่เธอเป็น…

“โอ้! นั่นหมายความว่า!”

“ทะ ท่านอาโทว?”

“ยินดีด้วยค่ะที่ได้เพื่อนคนแรกแล้ว ท่านทาคุโตะ!! เฮ้ พวกเจ้าทำอะไรกันอยํู่ ปรบมือซะสิ!!”

เหล่าทหารดาร์คเอลฟ์ที่เฝ้ายามอยู่ต่างก็ปรบมือเป็นเสียงเดียวกัน

จากนั้น อาโทวก็ปรบมือด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันท่วมท้น

ราชาที่ได้รับการสรรเสริญนี้เกาหัวอย่างเขินอายเล็กน้อย

โทนุคาโปลีที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าก็ยังร่วมปรบมือไปด้วย

เธอเป็นคนเดียวที่ช้ากว่าคนอื่นๆ เพราะเปเป้เองก็ได้เริ่มปรบมือเสียงดังไปเรียบร้อยแล้ว

บรรยากาศแห่งความสุขอบอวลไปทั่ว

ความตึงเครียดได้หายไป นี่มันอะไรกัน?

ความสับสนได้แล่นไปทั่วร่างของโทนุคาโปลี และเธอไม่สามารถระบายมันออกไปได้

(บางอย่าง…บางอย่างที่ไร้สาระอย่างน่าเหลือเชื่อเพิ่งจะเกิดขึ้น)

พวกเขาใช้ความได้เปรียบจากความโง่ของเปเป้ และพยายามจะคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด? หรือว่าพวกเขาแค่ล้อพวกเราเล่นกัน?

บางทีเขาอาจจะจริงจังเรื่องการเป็นเพื่อนกันก็ได้

อย่างไรก็ตาม โทนุคาโปลียังมองท่าทีของราชาไม่ออก เขาดูเหมือนความมืดมิดที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ ซึ่งกำลังทำท่าทีราวกับเขินอายอยู่

ไม่ใช่ว่าพวกเขาเพิ่งจะปรบมือฉลองให้กับความว่างเปล่านั่นงั้นรึ?

ความคิดอันน่าหวาดหวั่นได้เข้าจู่โจมโทนุคาโปลี

ตัวตนของราชาแห่งไมน็อกกราห์ อิระ ทาคุโตะ นั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะประเมินได้

นั่นคือสิ่งเดียวที่เธอเข้าใจในตอนนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+