บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ 103

Now you are reading บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ Chapter 103 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อีกฝ่ายจะคิดยังไงฟางเจิ้งไม่สนใจแล้ว ทำการบล๊อกเบอร์อีกฝ่ายไปจริงๆ เขาเป็นหลวงจีนจะขับรถทำไม? ถ้ามีเครื่องบินเขาจะลองตรึกตรองดู

อีกสองวันผ่านไปอย่างเงียบสงบ สามวันผ่านไปแล้ว ฟางเจิ้งกลับมามองเห็นจริงๆ อีกทั้งยังเห็นชัดเป็นพิเศษ! ความรู้สึกนั้นเหมือนกับทีวีขาวดำพลันกลายเป็นทีวีชัดระดับ4k รู้สึกดีสุดๆ!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางทีอาจเป็นเพราะการประลองศิลปะพู่กันจีน หรือเพราะคู่รักที่ขึ้นเขามาขอลูกสัมฤทธิผล อีกทั้งคิดสิ่งใดก็สำเร็จ เลยทำให้ชื่อเสียงวัดเอกดรรชนีเริ่มขยายออกไป

สรุปวัดเล็กของฟางเจิ้งเริ่มมีคนทยอยกันมา! แม้จะเป็นหน้าหนาว อากาศหนาว หิมะตกหนัก เส้นทางภูเขาเดินยาก คนที่มาเป็นชาวบ้านใกล้เคียง แต่ฟางเจิ้งก็ดีใจมาก

เขาปัดกวาดวัดทุกวัน คอยดูแขกที่มาโดยบังเอิญ หลังพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วก็เข้าไปจุดธูปขอพร

ทุกวันฟางเจิ้งจะมองอีกฝ่ายลากลับไปอย่างมีความสุขมาก จากนั้นปิดประตูวัด พลิกเบาะนั่งดูว่ามีอะไรอยู่ไหม…

แต่ส่วนใหญ่ฟางเจิ้งจะต้องผิดหวัง ไม่มีเงิน! ไม่มีสักนิดเดียว!

อีกอย่างธูปชั้นดีขายไม่ออก มีแต่ธูปธรรมดา ฟางเจิ้งจึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ทว่าไม่มีคนจุดธูปชั้นดีแล้วเขาจะไปบังคับได้ยังไง? ดังนั้นนอกจากส่ายหน้าแล้วก็ทำอะไรไม่ได้

หนึ่งเดือนผ่านไปแบบนี้ ธูปจุดถึงยี่สิบดอกเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ฟางเจิ้งมองธูปเหล่านี้พลางยกยิ้มมุมปาก! นี่คือผลของหนึ่งปีก่อนของวัดเอกดรรชนี! แต่ตอนนี้กลับทำสำเร็จในเดือนเดียว เขารู้แล้วว่าภารกิจธูปร้อยดอกก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น

เล่นกับหมาป่า เย้าแหย่กับกระรอกทุกวัน วันเวลาผ่านไปแบบสบายๆ

เดือนสิบสอง ในหมู่บ้านชอบเรียกกันว่าเดือนสิบสองของปีจันทรคติ

เข้าสู่เดือนสิบสอง ธูปในวัดฟางเจิ้งสว่างไสวกว่าเดิม แทบจะมีคนมาทุกวัน! เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าอาวาส ยืนอยู่ทางเข้าประตูทุกวัน ทักทายทุกคน มันก็ต้องสุขสบายใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

ตอนนี้เองหยางหวาขึ้นเขามา เห็นฟางเจิ้งแล้วก็หัวเราะเสียงดัง “ฟาง…เจ้าอาวาส! เอ่อ จะเรียกยังไงดี?”

ฟางเจิ้งยิ้มแห้งๆ “โยมหยาง โยมอยากเรียกยังไงก็เรียกเถอะ ฟังโยมเรียกเจ้าอาวาสแล้วมันไม่รื่นหู”

หยางหวาหัวเราะแหะๆ “คืออย่างนี้ อาท่านท้องยังไม่ถึงสามเดือนเลยขึ้นเขามาไม่ได้ เลยให้ฉันมาถามว่าอีกเดี๋ยวจะเทศกาลล่าปา[1]แล้ว วัดผาแดงข้างๆ ประกาศไว้นานแล้วว่าเทศกาลล่าปาปีนี้จะจัดพิธีสรงน้ำพระ แจกจ่ายโจ๊กล่าปา วัดเอกดรรชนีจัดไหม? ถ้าจัดอาท่านกลัวว่าท่านคนเดียวจะไม่ไหว เลยให้ฉันมาช่วย”

ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ชะงักงัน!

เทศกาลล่าปา? พิธีสรงน้ำพระ!

จากนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง หลายวันมานี้ธูปสว่างไสวจนเขาแทบจะลืมไปเลย!

พิธีสรงน้ำพระเป็นพิธีอย่างหนึ่งทางพุทธศาสนา ปกติวันงานจะจัดวันขึ้นแปดค่ำเดือนสิบสอง วันนี้ทุกคนเรียกว่าเทศกาลล่าปา พุทธศาสนากล่าวไว้ว่าเป็นวันที่เจ้าชายสิทธัตถะหรือพระโคตมพุทธเจ้าตรัสรู้ ดูจากความหมายของชื่อแล้ว นี่เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ดังนั้นทุกวันในโลกจะร่วมเฉลิมฉลองกัน!

แต่วันวิสาขบูชาจะขาดไม่ได้เลยคือนอกจากสรงน้ำพระแล้ว จะมีการเชิญทุกคนมากินโจ๊กล่าปา ทุกคนเรียกกันว่าโจ๊กล่าปา[2] แต่ทางพุทธศาสนาเรียกว่าโจ๊กเจ็ดสิ่งเลอค่าห้ารสชาติ

ต่อมาพุทธศาสนาส่งผลถึงทางโลก เลยมีประเพณีกินโจ๊กล่าปาในเทศกาลล่าปาวันนี้

แต่วัดเอกดรรชนีเป็นวัดเล็ก เมื่อก่อนวันนี้จะกินข้าวยังลำบาก แน่นอนว่าไม่มีทางจัดพิธีสรงน้ำพระได้ หลายปีมานี้หลวงจีนหนึ่งนิ้วไม่เคยจัดพิธีสรงน้ำพระมาก่อน แต่ทุกครั้งในวันนี้จะพึมพำว่า ‘ถ้าสักวันหนึ่งวัดเอกดรรชนีจัดพิธีสรงน้ำพระสักครั้งก็คงจะดี…เฮ้อ…’

พอนึกถึงเสียงถอนหายใจยาวของหลวงจีนหนึ่งนิ้ว ฟางเจิ้งก็ไม่คิดอะไรอีก “เทศกาลล่าปาในปีนี้อาตมาจะไม่แจกจ่ายแค่โจ๊กล่าปา แต่จะจัดพิธีสรงน้ำพระด้วย ชะล้างจิตใจร่วมกับปุถุชน ทำให้ร่างกายบริสุทธิ์!”

“อะไรนะ? ท่านจะจัดพิธีสรงน้ำพระ? คือ…เหมือนว่าท่านจะไม่เคยจัดสักครั้งเลยนี่?” หยางหวาถลึงตามองฟางเจิ้ง

ฟางเจิ้งยิ้ม “แน่นอนว่าอาตมาไม่เคยจัด แต่ไม่เคยกินเนื้อหมู จะไม่เคยเห็นหมูวิ่งหรือ? พิธีสรงน้ำพระไม่ได้ยากอะไร”

“ฟะ…ฟางเจิ้ง รู้เหรอว่าแจกโจ๊กล่าปาต้องใช้เงินเท่าไหร่?” หยางหวาถาม

ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงัน! เกือบลืมไปเลย นี่ไม่ได้จัดกันฟรีๆ การแจกโจ๊กล่าปาถ้ามากันสองสามคนไม่เป็นไร แต่ถ้ามากันเป็นสิบเป็นร้อยเขาคำนวณแล้วว่าเงินอาจจะไม่พอ!

ขณะที่ฟางเจิ้งกำลังขลาดกลัวอยู่นั้น…

“ติ๊ง! ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ระบบจะมอบวัตถุดิบให้ด้วย ให้สูตรลับกัลป์วิธีทำโจ๊กเจ็ดสิ่งเลอค่าห้ารสชาติให้ด้วย วัตถุดิบทั้งหมดคัดสรรใต้ภูเขาคุณหลุน ปลูกโดยพระอรหันต์! ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องวัตถุดิบโจ๊กล่าปา ที่นายควรกังวลคือวันนั้นจะมีคนมารึเปล่าเถอะ”

ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็แทบจะร้องไห้ กล่าวในใจ “ระบบ มีน้ำใจจริงๆ! รอฉันสึกก่อนจะให้ผู้หญิงนายสักคน!”

ระบบ “@+#…”

มีระบบหนุนหลังแล้วฟางเจิ้งจะกลัวอะไรอีก พลันร่ำรวยขึ้นมาในฉับพลัน แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า ยังคงทำท่าทีสูงส่งและลึกลับ ยิ้มตอบ “โยมไม่ต้องกังวล อาตมามีวิธี”

“เอ่อ จริงหรือเล่นเนี่ย?! ได้! ฉันสนับสนุนท่าน! แต่ว่าฉันคนเดียวไม่มีทางไหว กลับไปแล้วเดี๋ยวจะเรียกหยางผิงกับเมียมาช่วย คอยดูนะถ้าใครว่างจะลากมาให้หมดเลย!” หยางหวาเห็นว่าฟางเจิ้งจริงจังจึงตื่นเต้นดีใจใหญ่

ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็ตรึกตรองในใจ วัตถุดิบอาหารเตรียมพร้อมเรียบร้อย แค่สอนวิธีหุงข้าวแล้วตนก็ว่างไม่ใช่เหรอ? ฟางเจิ้งที่มะเร็งขี้เกียจกำเริบจึงพยักหน้าทันที

แต่ว่า…

“ติ๊ง! นายจะต้องทำพิธีสรงน้ำพระ แจกจ่ายโจ๊กล่าปา นายต้องเป็นคนทำโจ๊กล่าปาเองถึงจะมีความหมาย” ระบบกล่าว

ฟางเจิ้งมองค้อน “พี่ใหญ่ นายรู้ไหมว่าถึงตอนนั้นแล้วจะมีคนมาเท่าไร? ถ้ามากันหลายร้อยคนนายมั่นใจนะว่าจะหุงข้าวไม่ได้ตุ๋นฉัน? ถ้าฉันเหนื่อยตาย นายก็จะตบตูดหนีไป แล้วฉันล่ะ?’

ระบบกล่าวต่อ “ขอชี้แนะอย่างเป็นมิตร นายให้พวกเขาช่วยได้ แต่ฉันขอเตือนนะ โจ๊กล่าปาที่ระบบให้นายไม่ได้แค่ใช้กินอย่างเดียว แต่ยังชะล้างจิตใจคนได้ด้วย ขณะเดียวกันเป็นการจัดระเบียบเส้นเลือดและกำลังวังชา ให้คนหน้าตาสดใส ขจัดโรคภัยแฝงเร้น! ถ้าป่วยก็หายป่วย ไม่ป่วยจะมีภูมิคุ้มกัน! แต่ว่าถ้าให้คนอื่นทำ จะไม่มีผลพวกนี้ ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกนายนะ แต่หวังว่านายจะเห็นสถานการณ์ความจริงตอนนี้ มองจากชื่อเสียงวัดเอกดรรชนีแล้ว วันนั้นคงจะมากันไม่กี่คนจริงๆ”

ฟางเจิ้งคิดแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้น อีกอย่างคนที่มาอาจจะเป็นชาวบ้านตรงตีนเขา ทุกคนมีบุญคุณกับเขา ถ้าไม่ได้กินโจ๊กล่าปาดั้งเดิมสักมื้อก็อาจจะเกินไปหน่อย

…………………………………………..

[1] เทศกาลล่าปา คือวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในสมัยดึกดําบรรพ์ คําว่า ‘ล่า’ (腊) เป็นชื่อของพิธีกรรมเซ่นไหว้ มาจากคําที่หมายถึงการล่าสัตว์ เนื่องเพราะช่วงท้ายปีพืชผลถูกเก็บเกี่ยวตากแห้งเสร็จเรียบร้อย ผู้คนจึงเข้าป่าไปล่าสัตว์มาบูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้า เพื่อขอให้มีโชคมีลาภ ชีวิตยืนยาว หลีกเลี่ยงภัยพิบัติและเป็นสิริมงคล

[2] โจ๊กล่าปา มีสูตรแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น โดยทั่วไปแล้วมีข้าวเป็นส่วนประกอบหลัก ในค่ำคืนวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 12 แต่ละครอบครัวจะล้างข้าวสาร พุทราแห้ง องุ่นแห้ง ธัญพืชต่างๆ ถึงเที่ยงคืนแล้วค่อยนําส่วนผสมทั้งหมดมาต้มรวมกัน จากนั้นต้มด้วยไฟอ่อนข้ามคืนถึงเช้าตรู่ของวันใหม่ จึงถือว่าทําเสร็จเรียบร้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ 103

Now you are reading บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์ Chapter 103 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อีกฝ่ายจะคิดยังไงฟางเจิ้งไม่สนใจแล้ว ทำการบล๊อกเบอร์อีกฝ่ายไปจริงๆ เขาเป็นหลวงจีนจะขับรถทำไม? ถ้ามีเครื่องบินเขาจะลองตรึกตรองดู

อีกสองวันผ่านไปอย่างเงียบสงบ สามวันผ่านไปแล้ว ฟางเจิ้งกลับมามองเห็นจริงๆ อีกทั้งยังเห็นชัดเป็นพิเศษ! ความรู้สึกนั้นเหมือนกับทีวีขาวดำพลันกลายเป็นทีวีชัดระดับ4k รู้สึกดีสุดๆ!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางทีอาจเป็นเพราะการประลองศิลปะพู่กันจีน หรือเพราะคู่รักที่ขึ้นเขามาขอลูกสัมฤทธิผล อีกทั้งคิดสิ่งใดก็สำเร็จ เลยทำให้ชื่อเสียงวัดเอกดรรชนีเริ่มขยายออกไป

สรุปวัดเล็กของฟางเจิ้งเริ่มมีคนทยอยกันมา! แม้จะเป็นหน้าหนาว อากาศหนาว หิมะตกหนัก เส้นทางภูเขาเดินยาก คนที่มาเป็นชาวบ้านใกล้เคียง แต่ฟางเจิ้งก็ดีใจมาก

เขาปัดกวาดวัดทุกวัน คอยดูแขกที่มาโดยบังเอิญ หลังพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วก็เข้าไปจุดธูปขอพร

ทุกวันฟางเจิ้งจะมองอีกฝ่ายลากลับไปอย่างมีความสุขมาก จากนั้นปิดประตูวัด พลิกเบาะนั่งดูว่ามีอะไรอยู่ไหม…

แต่ส่วนใหญ่ฟางเจิ้งจะต้องผิดหวัง ไม่มีเงิน! ไม่มีสักนิดเดียว!

อีกอย่างธูปชั้นดีขายไม่ออก มีแต่ธูปธรรมดา ฟางเจิ้งจึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ทว่าไม่มีคนจุดธูปชั้นดีแล้วเขาจะไปบังคับได้ยังไง? ดังนั้นนอกจากส่ายหน้าแล้วก็ทำอะไรไม่ได้

หนึ่งเดือนผ่านไปแบบนี้ ธูปจุดถึงยี่สิบดอกเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ฟางเจิ้งมองธูปเหล่านี้พลางยกยิ้มมุมปาก! นี่คือผลของหนึ่งปีก่อนของวัดเอกดรรชนี! แต่ตอนนี้กลับทำสำเร็จในเดือนเดียว เขารู้แล้วว่าภารกิจธูปร้อยดอกก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น

เล่นกับหมาป่า เย้าแหย่กับกระรอกทุกวัน วันเวลาผ่านไปแบบสบายๆ

เดือนสิบสอง ในหมู่บ้านชอบเรียกกันว่าเดือนสิบสองของปีจันทรคติ

เข้าสู่เดือนสิบสอง ธูปในวัดฟางเจิ้งสว่างไสวกว่าเดิม แทบจะมีคนมาทุกวัน! เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าอาวาส ยืนอยู่ทางเข้าประตูทุกวัน ทักทายทุกคน มันก็ต้องสุขสบายใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

ตอนนี้เองหยางหวาขึ้นเขามา เห็นฟางเจิ้งแล้วก็หัวเราะเสียงดัง “ฟาง…เจ้าอาวาส! เอ่อ จะเรียกยังไงดี?”

ฟางเจิ้งยิ้มแห้งๆ “โยมหยาง โยมอยากเรียกยังไงก็เรียกเถอะ ฟังโยมเรียกเจ้าอาวาสแล้วมันไม่รื่นหู”

หยางหวาหัวเราะแหะๆ “คืออย่างนี้ อาท่านท้องยังไม่ถึงสามเดือนเลยขึ้นเขามาไม่ได้ เลยให้ฉันมาถามว่าอีกเดี๋ยวจะเทศกาลล่าปา[1]แล้ว วัดผาแดงข้างๆ ประกาศไว้นานแล้วว่าเทศกาลล่าปาปีนี้จะจัดพิธีสรงน้ำพระ แจกจ่ายโจ๊กล่าปา วัดเอกดรรชนีจัดไหม? ถ้าจัดอาท่านกลัวว่าท่านคนเดียวจะไม่ไหว เลยให้ฉันมาช่วย”

ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ชะงักงัน!

เทศกาลล่าปา? พิธีสรงน้ำพระ!

จากนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง หลายวันมานี้ธูปสว่างไสวจนเขาแทบจะลืมไปเลย!

พิธีสรงน้ำพระเป็นพิธีอย่างหนึ่งทางพุทธศาสนา ปกติวันงานจะจัดวันขึ้นแปดค่ำเดือนสิบสอง วันนี้ทุกคนเรียกว่าเทศกาลล่าปา พุทธศาสนากล่าวไว้ว่าเป็นวันที่เจ้าชายสิทธัตถะหรือพระโคตมพุทธเจ้าตรัสรู้ ดูจากความหมายของชื่อแล้ว นี่เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ดังนั้นทุกวันในโลกจะร่วมเฉลิมฉลองกัน!

แต่วันวิสาขบูชาจะขาดไม่ได้เลยคือนอกจากสรงน้ำพระแล้ว จะมีการเชิญทุกคนมากินโจ๊กล่าปา ทุกคนเรียกกันว่าโจ๊กล่าปา[2] แต่ทางพุทธศาสนาเรียกว่าโจ๊กเจ็ดสิ่งเลอค่าห้ารสชาติ

ต่อมาพุทธศาสนาส่งผลถึงทางโลก เลยมีประเพณีกินโจ๊กล่าปาในเทศกาลล่าปาวันนี้

แต่วัดเอกดรรชนีเป็นวัดเล็ก เมื่อก่อนวันนี้จะกินข้าวยังลำบาก แน่นอนว่าไม่มีทางจัดพิธีสรงน้ำพระได้ หลายปีมานี้หลวงจีนหนึ่งนิ้วไม่เคยจัดพิธีสรงน้ำพระมาก่อน แต่ทุกครั้งในวันนี้จะพึมพำว่า ‘ถ้าสักวันหนึ่งวัดเอกดรรชนีจัดพิธีสรงน้ำพระสักครั้งก็คงจะดี…เฮ้อ…’

พอนึกถึงเสียงถอนหายใจยาวของหลวงจีนหนึ่งนิ้ว ฟางเจิ้งก็ไม่คิดอะไรอีก “เทศกาลล่าปาในปีนี้อาตมาจะไม่แจกจ่ายแค่โจ๊กล่าปา แต่จะจัดพิธีสรงน้ำพระด้วย ชะล้างจิตใจร่วมกับปุถุชน ทำให้ร่างกายบริสุทธิ์!”

“อะไรนะ? ท่านจะจัดพิธีสรงน้ำพระ? คือ…เหมือนว่าท่านจะไม่เคยจัดสักครั้งเลยนี่?” หยางหวาถลึงตามองฟางเจิ้ง

ฟางเจิ้งยิ้ม “แน่นอนว่าอาตมาไม่เคยจัด แต่ไม่เคยกินเนื้อหมู จะไม่เคยเห็นหมูวิ่งหรือ? พิธีสรงน้ำพระไม่ได้ยากอะไร”

“ฟะ…ฟางเจิ้ง รู้เหรอว่าแจกโจ๊กล่าปาต้องใช้เงินเท่าไหร่?” หยางหวาถาม

ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงัน! เกือบลืมไปเลย นี่ไม่ได้จัดกันฟรีๆ การแจกโจ๊กล่าปาถ้ามากันสองสามคนไม่เป็นไร แต่ถ้ามากันเป็นสิบเป็นร้อยเขาคำนวณแล้วว่าเงินอาจจะไม่พอ!

ขณะที่ฟางเจิ้งกำลังขลาดกลัวอยู่นั้น…

“ติ๊ง! ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ระบบจะมอบวัตถุดิบให้ด้วย ให้สูตรลับกัลป์วิธีทำโจ๊กเจ็ดสิ่งเลอค่าห้ารสชาติให้ด้วย วัตถุดิบทั้งหมดคัดสรรใต้ภูเขาคุณหลุน ปลูกโดยพระอรหันต์! ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องวัตถุดิบโจ๊กล่าปา ที่นายควรกังวลคือวันนั้นจะมีคนมารึเปล่าเถอะ”

ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็แทบจะร้องไห้ กล่าวในใจ “ระบบ มีน้ำใจจริงๆ! รอฉันสึกก่อนจะให้ผู้หญิงนายสักคน!”

ระบบ “@+#…”

มีระบบหนุนหลังแล้วฟางเจิ้งจะกลัวอะไรอีก พลันร่ำรวยขึ้นมาในฉับพลัน แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า ยังคงทำท่าทีสูงส่งและลึกลับ ยิ้มตอบ “โยมไม่ต้องกังวล อาตมามีวิธี”

“เอ่อ จริงหรือเล่นเนี่ย?! ได้! ฉันสนับสนุนท่าน! แต่ว่าฉันคนเดียวไม่มีทางไหว กลับไปแล้วเดี๋ยวจะเรียกหยางผิงกับเมียมาช่วย คอยดูนะถ้าใครว่างจะลากมาให้หมดเลย!” หยางหวาเห็นว่าฟางเจิ้งจริงจังจึงตื่นเต้นดีใจใหญ่

ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็ตรึกตรองในใจ วัตถุดิบอาหารเตรียมพร้อมเรียบร้อย แค่สอนวิธีหุงข้าวแล้วตนก็ว่างไม่ใช่เหรอ? ฟางเจิ้งที่มะเร็งขี้เกียจกำเริบจึงพยักหน้าทันที

แต่ว่า…

“ติ๊ง! นายจะต้องทำพิธีสรงน้ำพระ แจกจ่ายโจ๊กล่าปา นายต้องเป็นคนทำโจ๊กล่าปาเองถึงจะมีความหมาย” ระบบกล่าว

ฟางเจิ้งมองค้อน “พี่ใหญ่ นายรู้ไหมว่าถึงตอนนั้นแล้วจะมีคนมาเท่าไร? ถ้ามากันหลายร้อยคนนายมั่นใจนะว่าจะหุงข้าวไม่ได้ตุ๋นฉัน? ถ้าฉันเหนื่อยตาย นายก็จะตบตูดหนีไป แล้วฉันล่ะ?’

ระบบกล่าวต่อ “ขอชี้แนะอย่างเป็นมิตร นายให้พวกเขาช่วยได้ แต่ฉันขอเตือนนะ โจ๊กล่าปาที่ระบบให้นายไม่ได้แค่ใช้กินอย่างเดียว แต่ยังชะล้างจิตใจคนได้ด้วย ขณะเดียวกันเป็นการจัดระเบียบเส้นเลือดและกำลังวังชา ให้คนหน้าตาสดใส ขจัดโรคภัยแฝงเร้น! ถ้าป่วยก็หายป่วย ไม่ป่วยจะมีภูมิคุ้มกัน! แต่ว่าถ้าให้คนอื่นทำ จะไม่มีผลพวกนี้ ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกนายนะ แต่หวังว่านายจะเห็นสถานการณ์ความจริงตอนนี้ มองจากชื่อเสียงวัดเอกดรรชนีแล้ว วันนั้นคงจะมากันไม่กี่คนจริงๆ”

ฟางเจิ้งคิดแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้น อีกอย่างคนที่มาอาจจะเป็นชาวบ้านตรงตีนเขา ทุกคนมีบุญคุณกับเขา ถ้าไม่ได้กินโจ๊กล่าปาดั้งเดิมสักมื้อก็อาจจะเกินไปหน่อย

…………………………………………..

[1] เทศกาลล่าปา คือวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในสมัยดึกดําบรรพ์ คําว่า ‘ล่า’ (腊) เป็นชื่อของพิธีกรรมเซ่นไหว้ มาจากคําที่หมายถึงการล่าสัตว์ เนื่องเพราะช่วงท้ายปีพืชผลถูกเก็บเกี่ยวตากแห้งเสร็จเรียบร้อย ผู้คนจึงเข้าป่าไปล่าสัตว์มาบูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้า เพื่อขอให้มีโชคมีลาภ ชีวิตยืนยาว หลีกเลี่ยงภัยพิบัติและเป็นสิริมงคล

[2] โจ๊กล่าปา มีสูตรแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น โดยทั่วไปแล้วมีข้าวเป็นส่วนประกอบหลัก ในค่ำคืนวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 12 แต่ละครอบครัวจะล้างข้าวสาร พุทราแห้ง องุ่นแห้ง ธัญพืชต่างๆ ถึงเที่ยงคืนแล้วค่อยนําส่วนผสมทั้งหมดมาต้มรวมกัน จากนั้นต้มด้วยไฟอ่อนข้ามคืนถึงเช้าตรู่ของวันใหม่ จึงถือว่าทําเสร็จเรียบร้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+