บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 177 พระจันทร์

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 177 พระจันทร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 177 พระจันทร์

ปุก! ร่างของอสูรปลาตัวหนึ่งพุ่งเข้าชนร่างของหลินหลินอย่างแรง แต่สําหรับหลินหลินแล้วการชนของมันคงไม่ต่างจากโดนลูกบอลเด็กเล่นกระทบเงินเท่าไหร่

 

“พี่ไป มันน่ารําคานอะ” หลินหลินว่าพลางส่งเสียงมาทาง ไป๋จูเหวิน แม้จะเป็นอสูรระดับต่ำ แต่ปลาอสูรเหล่านี้ก็พยายามกัดหรือโจมตีด้วยวิธีต่างๆใส่หลินหลินอย่างต่อเนื่อง

 

“เข้าใจแล้ว เจ้ากลับเป็นร่างมนุษย์เถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางบอกให้หลินหลินกลับเป็นร่างมนุษย์ ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะออกมาเดินนําหน้ากลุ่มด้วยตนเองแทน

 

แทนที่จะโจมตี คราวนี้พวกปลาอสูรกลับว่ายอากาศตามไป๋จูเหวินมาราวกับเป็นฝูงปลาหลากพันธ์ไม่มีผิด ทําเอาพวกเด็กใหม่ของกลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรชู ต่างพากันส่งเสียงประหลาดใจกันอย่างมาก ตั้งแต่เรื่องที่หลินหลินแปลงกายเป็นมนุษย์และเรื่องที่ไป๋จูเหวินโดนเหล่าอสูรตามราวกับเป็นจ่าฝูง

 

“เจอแล้ว”ในตอนเย็นของวันเดียวกัน หลังจากได้รับความคุ้มครองจากไป๋จูเหวิน ในที่สุดกลุ่มของนักล่าอสูรอาณาจักรชูก็สามารถหาเหรียญตราที่เป็นการทดสอบของ พวกมันได้สําเร็จ

 

“เท่านี้เราก็กลับไปหาพี่โจหยางได้แล้ว” ชายที่ใช้ดาบฟันหลินหลินว่าพลางยิ้มกว้าง

 

“ใช่ พี่ไป ขอโทษที่ทําให้ท่านเสียเวลานานนะ” ชายถือกระบี่หันมาหาไป๋จูเหวินราวกับจะบอกว่าพวกมันได้ของที่ต้องการแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาไป๋จูเหวินได้กลับไปหาพี่โจหยางเสีย

 

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ พวกเจ้าเหนื่อยกันมากแล้ว พักแรมกันที่นี่ก่อนก็ได้”ไป๋จูเหวินเสนอพลางใช้ดวงตาสีม่วงตรวจสอบพลังของเหล่ากลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรชู พวกมันเสียพลังในการเดินทางไปไม่น้อย คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มคงไม่มีแรงพอเดินทางต่อทั้งคืนแน่ๆ

 

“ขอรับ” เหล่านักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูยิ้มรับะลางเริ่มก่อกองไฟขึ้นมาเพื่อหุงหาอาหารทันที่ทําให้เกิดภาพที่ค่อนข้างแปลกตาทีเดียวที่เห็นพวกมันจุดไฟในสภาพคล้ายใต้ทะเลแบบนี้

 

“ยอดไปเลย แบบนี้ดูไม่ออกจริงๆด้วย” หลังจากได้รับการคุ้มครองจากหลินหลินมาทั้งวัน เหล่านักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูก็เริ่มคุ้นชินกับเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินมากขึ้นแล้ว 

 

“ใช่ๆ มิน่าล่ะอาจารย์ถึงเข้มงสดเรื่องวิชาสังเกตอสูรมากนัก” หญิงสาวคนหนึ่งว่าพลางมองหลินหลินอย่างทั้งๆ หากไม่สามารถสัมผัสพลังอสูรได้ การแยกแยะระหว่างมนุษย์และอสูรก็ทําได้เพียงสังเกตเอาด้วยสายตาเท่านั้น โดยเหล่าอสูรจะไม่มีพลังวิญญาณและจะมีพลังเหนือกว่ามนุษย์ปกติ แถมนอกจากนั้นหากทราบชนิดของเหล่าอสูรก็มีวิธีสังเกตท่าทีของพวกมันอีกด้วย

 

“วิชาสังเกตอสูร?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วพลางถามออกไปอย่างสนใจ

 

“เจ้าค่ะ พวกเราเหล่านักล่าอสูรจะต้องเรียนวิธีแยกแยะอสูรกับมนุษย์ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราก็ทํางานไม่ได้แน่ๆ” หญิงสาวในกลุ่มตอบ

 

“พวกเจ้าไม่ได้กลืนแก่นอสูรมั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามต่อเพราะกลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรอี้ใช้วิที่นี้เพื่อแยกแยะอสูรกันทั้งนั้น

 

“ไม่ได้หรอกเจ้าคะ พวกเราไม่ได้มียาที่ช่วยผสานระหว่างมนุษย์กับแก่นอสูรเหมือนของอาณาจักรอู่ หากกลืนแก่นอสูรลงไปก็เท่ากับตายแน่นอนเจ้าคะ” หญิงสาวคนเดิมตอบทําให้ไป๋จูเหวินนึกถึงท่าที่ตกใจของเหล่าคนของกลุ่มนักล่าอสูรที่ทราบว่ามันสามารถกลืนแก่นอสูรได้โดยไม่ต้องเข้ากลุ่ม เพราะสูตรยาผสานแก่นอสูรนั้นเป็นสิ่งจําเป็นและเป็นสมบัติผูกขาดของกลุ่มนักล่าอสูรของหวงหลงนั่นเอง หากบอกว่าไม่มีใครสามารถแยกแนะอสูรได้อย่างแม่นยําใดเท่ากับกลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรภู่แล้ว ความน่าเชื่อถือย่อมมากกว่าปกติเป็นแน่

 

“แบบนี้นี่เอง”ไปัจูเหวินพยักหน้าพลางเปลี่ยนดวงตาตัวเองเป็นสีม่วง ตัวมันนั้นนอกจากใช้พลังอสูรในร่างของตน ตรวจสอบแล้วมันยังมีดวงตาที่ได้รับสืบทอดมาจากมารดา อีกที่สามารถตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายได้ไม่ว่าจะเป็นพลังของมนุษย์ อสูร หรือแม้กระทั่งมาร แถมต่อให้อีกฝ่ายพลังเหนือกว่าตนเองมาก ไป๋จูเหวินก็ยังสามารถระบุได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ระดับใด ช่างเป็นความสามารถที่ขี้โกงจริงๆ

 

“พี่ไป ท่านก็รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับไปอีกไกลเลย” ชายถือกระบว่าพลางเดินเข้าเต้นท์ที่พวกตนกางเอาไว้เมื่อครู่

 

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าพักเถอะ”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางรับเพียง น้ำใจของอีกฝ่ายเท่านั้น ด้วยระดับพลังและพลังอสูรของไป๋จูเหวินในยามนี้ต่อให้ไม่นอนทั้งเดือนหรือไม่กินทั้งเดือนก็ไม่เป็นอะไร ยิ่งหากมันสามารถพัฒนาพลังขึ้นไประดับก่อกําเนิดพลังเซียนได้มันจะยิ่งไม่ต้องกินต้องนอนมากกว่านี้ ซึ่งหากเทียบกับพลังอสูรแล้วพลังวิญญาณของไป๋จูเหวิน ช่างเพิ่มระดับได้ช้าเสียเหลือเกิน แม้อีกไม่นานมันจะเข้าสู่ระดับชําระเส้นเอ็นแล้ว แต่อีกนานเลยกว่าจะถึงขั้นก่อกําเนิดพลังเซียนเสียที

 

วูบ…ขณะกําลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ดวงตาของไป๋จูเหวินก็มองเห็นพลังอสูรสายหนึ่งเสียก่อน อาจจะเพราะเมื่อครู่มันใช่ดวงตาสีม่วงไปทําให้สามารถมองเห็นกลิ่นอายพลังโดยรอบได้ และกลิ่นอายที่ไป๋จูเหวินมองเห็นก็มาจากด้านบนเสียด้วย

 

“พระจันทร์?”ไป๋จูเหวนขมวดคิวพลางมองภาพท้องฟ้าเบื้องบน ในยามกลางคืนเช่นนี้สิ่งที่เด่นชัดที่สุดย่อมเป็นพระจันทร์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดวงตาสีม่วงของไป๋จูเหวินกลับมองเห็นพระจันทร์ต่างออกไปจากปกติ เพราะพระจันทร์ลูกนี้กลับอัดแน่นไปด้วยพลังอสูร

 

วูบ… อยู่ๆพระจันทร์ก็เคลื่อนที่ออกมา ทําให้ยามนี้ไป๋จูเหวินสามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ 2 ดวงพร้อมกัน แต่ที่แน่ๆ มีดวงหนึ่งที่มีพลังอสูรหลั่งไหลออกมาหรือว่ามันจะคือราชาที่แท้จริงของเขตอสูรปะการังแห่งนี้

 

“ระดับบรรพกาล”ไป๋จูเหวินเหงื่อตกพลางมองพระจันทร์ดวงที่ 2 ด้วยท่าที่ตกตะลึง หากบันทึกของกลุ่มนักล่าอสูรไม่ผิดเพี้ยน อสูรระดับบรรพกาลสมควรมีเพียง 3 ตน เท่านั้น ซึ่งก็คือมารดาของมันและอสูรเต่ายักษ์ผู้เป็นที่ตั้งของกลุ่มผู้ฝึกอสูร ส่วนตนที่ 3 นั้นคือ

 

“อสูรปักเป้า”ไป๋จูเหวินตีความออกมาพลางเพ่งมองอสูรตรงหน้าอย่างพิจารณา มันเปลี่ยนดวงตาเป็นสีน้ำเงินเพื่อมองให้ใกลกว่าเดิม ทําให้มันสามารถมองเห็นพื้นผิวของอสูรทรงกลมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสิ่งที่ไป๋จูเหวินมองเห็นก็ทําให้มันเข้าใจทันทีว่ามันไม่ได้เข้าใจผิด สิ่งที่เหมือนพระจันทร์ดวงที่ 2 นั้นคืออสูรปักเป้านั่นเอง

 

พริบตานั้นความทรงจําของไป๋จูเหวินก็นึกถึงคําที่อสูรเต่ายักษ์เคยพูดเอาไว้ อสูรปักเป้าเหมือนสัตว์ป่าไร้ความคิด มันไม่อาจเจรจากับอสูรปักเป้าได้

 

“…”ต้องนับว่าโชคดีไม่น้อยที่อสูรปักเป้าลอยอยู่สูงมาก จนขนาดตัวของมันดูเล้กราวกับมองพระจันทร์จากพื้นโลก ไป๋จูเหวินแทบไม่อยากจะคิดเลยว่าหากมันลงมาจะเกิดอะไร

 

วูบ….ราวกับอสูรปักเป้าทราบว่าไป๋จูเหวินคิดอะไรอยู่ มันเลยค่อยๆลอยลงมาตรงที่ไปจูเหวินยืนอยู่ช้าๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างคล้ายการพุ่งชนโลกของดวงจันทร์ไม่มีผิด

 

“กิ้ว…” เสียงแปลกๆของอสูรปักเป้าดังขึ้นพร้อมร่างของมันที่หันกลับมามองไป๋จูเหวิน ดวงตากลมโตของมันก็ดูน่ารักดีหรอก หากไม่ใช่เพราะมันมีขนาดใหญ่จนมองเห็นได้ จากระยะไกลเช่นนี้

 

“…”ยามนี้ท้องฟ้าเบื้องหน้าไปัจูเหวินราวกับถูกบดบังด้วยแผ่นผิวหนังสีเหลืองที่มีหนามแหลมงอกออกมาทั่วทั้งแผ่น ขนาดตัวของอสูรปลาปักเป้านั้นใหญ่กว่าอสูรเต่ายักษ์เสียอีก

 

ไป๋จูเหวินมองร่างของอสูรปักเป้าที่ลอยใกล้เข้ามาด้วยความรู้สึกหวาดเสียว หากมันปล่อยตัวเองลงมาทับตรงๆละก็แม้แต่ไป๋จูเหวินก็คงไม่รอดเป็นแน่

 

วูบ!! ราวกับเปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน ท้องฟ้าสีเหลืองเมื่อครู่หายไปในพริบตา เหลือเพียงท้องฟ้ายามค่ําคืนเช่นเดิมไม่มีผิด

 

“กิ้ว..”ขณะกําลังสงสัยอยู่นั้นว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงของอสูรปาปักเป้าก็แว่วมาทางข้างหูของไป๋จูเหวิน ยามนี้อสูรปักเป้าที่ตัวใหญ่ราวกับพระจันทร์เหลือเพียงขนาเท่าลูกบอล เท่านั้น ตัวมันนั้นกําลังลอยอยู่บนอากาศด้วยรูปร่างกลมๆ ของมันดูแล้วไม่เหลือเค้าเจ้าก้อนยักษ์ที่กําลังจะกระแทกโลกเมื่อครู่เลย

 

“จะ เจ้า”ไป๋จูเหวินกําลังจะถามว่ามันต้องการอะไร แต่พลังอสูรที่แผ่ออกมาก็ทําเอาไป๋จูเหวินไม่กล้าถามอะไร

 

“กิ้ว…” เสียงร้องแปลกๆของอสูรปักเป้าดังขึ้นพร้อมร่างของมันที่ตรงเข้ามาคลอเคลียร่างของไป๋จูเหวิน

 

ครืดดด หนามบนตัวของมันกรีดผิวหนังของไป๋จูเหวิน เบาๆ ต้องนับว่าโชคดีมากที่ไป๋จูเหวินมีผิวหนังที่ทนทานกว่าคนทั่วไป และพิษก็ไม่ได้ผลกับมันด้วย ทําให้ไป๋จูเหวินสามารถโดนเจ้าอสูรปักเป้าสัมผัสตัวได้

 

“พี่ไป ปลาตัวนั้นน่ารักจังเลย” หลินหลินที่พึ่งตื่นขึ้นมา เมื่อครู่ว่าพลางมองมาทางอสูรปักเป้าอย่างสนอกสนใจ นางยืนมือของนางมาจับไปที่ตัวของมันในทันที

 

กีสสส เสียงปะทะของหนามปักเป้ากับผิวหนังของหลินหลินบาดแก้วหูเป็นอย่างมาก แม้หนามของมันจะคม แต่ด้วยขนาดตัวเพียงเท่านี้หนามของมันไม่อาจแทงทะลุแผ่น โลหะที่หลินหลินใช้เป็นเกราะไปได้เลย

 

“พี่ไป ข้าเลี้ยงเจ้าตัวนี้ได้ไหม” หลินหลินถามพลางถอดร่างของอสูรปักเป้าอย่างชอบใจ ไม่ทราบทําไมอสูรปักเป้าเองก็มีท่าทีชอบใจไม่น้อย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 177 พระจันทร์

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 177 พระจันทร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 177 พระจันทร์

ปุก! ร่างของอสูรปลาตัวหนึ่งพุ่งเข้าชนร่างของหลินหลินอย่างแรง แต่สําหรับหลินหลินแล้วการชนของมันคงไม่ต่างจากโดนลูกบอลเด็กเล่นกระทบเงินเท่าไหร่

 

“พี่ไป มันน่ารําคานอะ” หลินหลินว่าพลางส่งเสียงมาทาง ไป๋จูเหวิน แม้จะเป็นอสูรระดับต่ำ แต่ปลาอสูรเหล่านี้ก็พยายามกัดหรือโจมตีด้วยวิธีต่างๆใส่หลินหลินอย่างต่อเนื่อง

 

“เข้าใจแล้ว เจ้ากลับเป็นร่างมนุษย์เถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางบอกให้หลินหลินกลับเป็นร่างมนุษย์ ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะออกมาเดินนําหน้ากลุ่มด้วยตนเองแทน

 

แทนที่จะโจมตี คราวนี้พวกปลาอสูรกลับว่ายอากาศตามไป๋จูเหวินมาราวกับเป็นฝูงปลาหลากพันธ์ไม่มีผิด ทําเอาพวกเด็กใหม่ของกลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรชู ต่างพากันส่งเสียงประหลาดใจกันอย่างมาก ตั้งแต่เรื่องที่หลินหลินแปลงกายเป็นมนุษย์และเรื่องที่ไป๋จูเหวินโดนเหล่าอสูรตามราวกับเป็นจ่าฝูง

 

“เจอแล้ว”ในตอนเย็นของวันเดียวกัน หลังจากได้รับความคุ้มครองจากไป๋จูเหวิน ในที่สุดกลุ่มของนักล่าอสูรอาณาจักรชูก็สามารถหาเหรียญตราที่เป็นการทดสอบของ พวกมันได้สําเร็จ

 

“เท่านี้เราก็กลับไปหาพี่โจหยางได้แล้ว” ชายที่ใช้ดาบฟันหลินหลินว่าพลางยิ้มกว้าง

 

“ใช่ พี่ไป ขอโทษที่ทําให้ท่านเสียเวลานานนะ” ชายถือกระบี่หันมาหาไป๋จูเหวินราวกับจะบอกว่าพวกมันได้ของที่ต้องการแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาไป๋จูเหวินได้กลับไปหาพี่โจหยางเสีย

 

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ พวกเจ้าเหนื่อยกันมากแล้ว พักแรมกันที่นี่ก่อนก็ได้”ไป๋จูเหวินเสนอพลางใช้ดวงตาสีม่วงตรวจสอบพลังของเหล่ากลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรชู พวกมันเสียพลังในการเดินทางไปไม่น้อย คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มคงไม่มีแรงพอเดินทางต่อทั้งคืนแน่ๆ

 

“ขอรับ” เหล่านักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูยิ้มรับะลางเริ่มก่อกองไฟขึ้นมาเพื่อหุงหาอาหารทันที่ทําให้เกิดภาพที่ค่อนข้างแปลกตาทีเดียวที่เห็นพวกมันจุดไฟในสภาพคล้ายใต้ทะเลแบบนี้

 

“ยอดไปเลย แบบนี้ดูไม่ออกจริงๆด้วย” หลังจากได้รับการคุ้มครองจากหลินหลินมาทั้งวัน เหล่านักล่าอสูรแห่งอาณาจักรชูก็เริ่มคุ้นชินกับเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินมากขึ้นแล้ว 

 

“ใช่ๆ มิน่าล่ะอาจารย์ถึงเข้มงสดเรื่องวิชาสังเกตอสูรมากนัก” หญิงสาวคนหนึ่งว่าพลางมองหลินหลินอย่างทั้งๆ หากไม่สามารถสัมผัสพลังอสูรได้ การแยกแยะระหว่างมนุษย์และอสูรก็ทําได้เพียงสังเกตเอาด้วยสายตาเท่านั้น โดยเหล่าอสูรจะไม่มีพลังวิญญาณและจะมีพลังเหนือกว่ามนุษย์ปกติ แถมนอกจากนั้นหากทราบชนิดของเหล่าอสูรก็มีวิธีสังเกตท่าทีของพวกมันอีกด้วย

 

“วิชาสังเกตอสูร?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วพลางถามออกไปอย่างสนใจ

 

“เจ้าค่ะ พวกเราเหล่านักล่าอสูรจะต้องเรียนวิธีแยกแยะอสูรกับมนุษย์ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราก็ทํางานไม่ได้แน่ๆ” หญิงสาวในกลุ่มตอบ

 

“พวกเจ้าไม่ได้กลืนแก่นอสูรมั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามต่อเพราะกลุ่มนักล่าอสูรของอาณาจักรอี้ใช้วิที่นี้เพื่อแยกแยะอสูรกันทั้งนั้น

 

“ไม่ได้หรอกเจ้าคะ พวกเราไม่ได้มียาที่ช่วยผสานระหว่างมนุษย์กับแก่นอสูรเหมือนของอาณาจักรอู่ หากกลืนแก่นอสูรลงไปก็เท่ากับตายแน่นอนเจ้าคะ” หญิงสาวคนเดิมตอบทําให้ไป๋จูเหวินนึกถึงท่าที่ตกใจของเหล่าคนของกลุ่มนักล่าอสูรที่ทราบว่ามันสามารถกลืนแก่นอสูรได้โดยไม่ต้องเข้ากลุ่ม เพราะสูตรยาผสานแก่นอสูรนั้นเป็นสิ่งจําเป็นและเป็นสมบัติผูกขาดของกลุ่มนักล่าอสูรของหวงหลงนั่นเอง หากบอกว่าไม่มีใครสามารถแยกแนะอสูรได้อย่างแม่นยําใดเท่ากับกลุ่มนักล่าอสูรแห่งอาณาจักรภู่แล้ว ความน่าเชื่อถือย่อมมากกว่าปกติเป็นแน่

 

“แบบนี้นี่เอง”ไปัจูเหวินพยักหน้าพลางเปลี่ยนดวงตาตัวเองเป็นสีม่วง ตัวมันนั้นนอกจากใช้พลังอสูรในร่างของตน ตรวจสอบแล้วมันยังมีดวงตาที่ได้รับสืบทอดมาจากมารดา อีกที่สามารถตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายได้ไม่ว่าจะเป็นพลังของมนุษย์ อสูร หรือแม้กระทั่งมาร แถมต่อให้อีกฝ่ายพลังเหนือกว่าตนเองมาก ไป๋จูเหวินก็ยังสามารถระบุได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ระดับใด ช่างเป็นความสามารถที่ขี้โกงจริงๆ

 

“พี่ไป ท่านก็รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับไปอีกไกลเลย” ชายถือกระบว่าพลางเดินเข้าเต้นท์ที่พวกตนกางเอาไว้เมื่อครู่

 

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าพักเถอะ”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางรับเพียง น้ำใจของอีกฝ่ายเท่านั้น ด้วยระดับพลังและพลังอสูรของไป๋จูเหวินในยามนี้ต่อให้ไม่นอนทั้งเดือนหรือไม่กินทั้งเดือนก็ไม่เป็นอะไร ยิ่งหากมันสามารถพัฒนาพลังขึ้นไประดับก่อกําเนิดพลังเซียนได้มันจะยิ่งไม่ต้องกินต้องนอนมากกว่านี้ ซึ่งหากเทียบกับพลังอสูรแล้วพลังวิญญาณของไป๋จูเหวิน ช่างเพิ่มระดับได้ช้าเสียเหลือเกิน แม้อีกไม่นานมันจะเข้าสู่ระดับชําระเส้นเอ็นแล้ว แต่อีกนานเลยกว่าจะถึงขั้นก่อกําเนิดพลังเซียนเสียที

 

วูบ…ขณะกําลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ดวงตาของไป๋จูเหวินก็มองเห็นพลังอสูรสายหนึ่งเสียก่อน อาจจะเพราะเมื่อครู่มันใช่ดวงตาสีม่วงไปทําให้สามารถมองเห็นกลิ่นอายพลังโดยรอบได้ และกลิ่นอายที่ไป๋จูเหวินมองเห็นก็มาจากด้านบนเสียด้วย

 

“พระจันทร์?”ไป๋จูเหวนขมวดคิวพลางมองภาพท้องฟ้าเบื้องบน ในยามกลางคืนเช่นนี้สิ่งที่เด่นชัดที่สุดย่อมเป็นพระจันทร์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดวงตาสีม่วงของไป๋จูเหวินกลับมองเห็นพระจันทร์ต่างออกไปจากปกติ เพราะพระจันทร์ลูกนี้กลับอัดแน่นไปด้วยพลังอสูร

 

วูบ… อยู่ๆพระจันทร์ก็เคลื่อนที่ออกมา ทําให้ยามนี้ไป๋จูเหวินสามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ 2 ดวงพร้อมกัน แต่ที่แน่ๆ มีดวงหนึ่งที่มีพลังอสูรหลั่งไหลออกมาหรือว่ามันจะคือราชาที่แท้จริงของเขตอสูรปะการังแห่งนี้

 

“ระดับบรรพกาล”ไป๋จูเหวินเหงื่อตกพลางมองพระจันทร์ดวงที่ 2 ด้วยท่าที่ตกตะลึง หากบันทึกของกลุ่มนักล่าอสูรไม่ผิดเพี้ยน อสูรระดับบรรพกาลสมควรมีเพียง 3 ตน เท่านั้น ซึ่งก็คือมารดาของมันและอสูรเต่ายักษ์ผู้เป็นที่ตั้งของกลุ่มผู้ฝึกอสูร ส่วนตนที่ 3 นั้นคือ

 

“อสูรปักเป้า”ไป๋จูเหวินตีความออกมาพลางเพ่งมองอสูรตรงหน้าอย่างพิจารณา มันเปลี่ยนดวงตาเป็นสีน้ำเงินเพื่อมองให้ใกลกว่าเดิม ทําให้มันสามารถมองเห็นพื้นผิวของอสูรทรงกลมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสิ่งที่ไป๋จูเหวินมองเห็นก็ทําให้มันเข้าใจทันทีว่ามันไม่ได้เข้าใจผิด สิ่งที่เหมือนพระจันทร์ดวงที่ 2 นั้นคืออสูรปักเป้านั่นเอง

 

พริบตานั้นความทรงจําของไป๋จูเหวินก็นึกถึงคําที่อสูรเต่ายักษ์เคยพูดเอาไว้ อสูรปักเป้าเหมือนสัตว์ป่าไร้ความคิด มันไม่อาจเจรจากับอสูรปักเป้าได้

 

“…”ต้องนับว่าโชคดีไม่น้อยที่อสูรปักเป้าลอยอยู่สูงมาก จนขนาดตัวของมันดูเล้กราวกับมองพระจันทร์จากพื้นโลก ไป๋จูเหวินแทบไม่อยากจะคิดเลยว่าหากมันลงมาจะเกิดอะไร

 

วูบ….ราวกับอสูรปักเป้าทราบว่าไป๋จูเหวินคิดอะไรอยู่ มันเลยค่อยๆลอยลงมาตรงที่ไปจูเหวินยืนอยู่ช้าๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างคล้ายการพุ่งชนโลกของดวงจันทร์ไม่มีผิด

 

“กิ้ว…” เสียงแปลกๆของอสูรปักเป้าดังขึ้นพร้อมร่างของมันที่หันกลับมามองไป๋จูเหวิน ดวงตากลมโตของมันก็ดูน่ารักดีหรอก หากไม่ใช่เพราะมันมีขนาดใหญ่จนมองเห็นได้ จากระยะไกลเช่นนี้

 

“…”ยามนี้ท้องฟ้าเบื้องหน้าไปัจูเหวินราวกับถูกบดบังด้วยแผ่นผิวหนังสีเหลืองที่มีหนามแหลมงอกออกมาทั่วทั้งแผ่น ขนาดตัวของอสูรปลาปักเป้านั้นใหญ่กว่าอสูรเต่ายักษ์เสียอีก

 

ไป๋จูเหวินมองร่างของอสูรปักเป้าที่ลอยใกล้เข้ามาด้วยความรู้สึกหวาดเสียว หากมันปล่อยตัวเองลงมาทับตรงๆละก็แม้แต่ไป๋จูเหวินก็คงไม่รอดเป็นแน่

 

วูบ!! ราวกับเปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน ท้องฟ้าสีเหลืองเมื่อครู่หายไปในพริบตา เหลือเพียงท้องฟ้ายามค่ําคืนเช่นเดิมไม่มีผิด

 

“กิ้ว..”ขณะกําลังสงสัยอยู่นั้นว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงของอสูรปาปักเป้าก็แว่วมาทางข้างหูของไป๋จูเหวิน ยามนี้อสูรปักเป้าที่ตัวใหญ่ราวกับพระจันทร์เหลือเพียงขนาเท่าลูกบอล เท่านั้น ตัวมันนั้นกําลังลอยอยู่บนอากาศด้วยรูปร่างกลมๆ ของมันดูแล้วไม่เหลือเค้าเจ้าก้อนยักษ์ที่กําลังจะกระแทกโลกเมื่อครู่เลย

 

“จะ เจ้า”ไป๋จูเหวินกําลังจะถามว่ามันต้องการอะไร แต่พลังอสูรที่แผ่ออกมาก็ทําเอาไป๋จูเหวินไม่กล้าถามอะไร

 

“กิ้ว…” เสียงร้องแปลกๆของอสูรปักเป้าดังขึ้นพร้อมร่างของมันที่ตรงเข้ามาคลอเคลียร่างของไป๋จูเหวิน

 

ครืดดด หนามบนตัวของมันกรีดผิวหนังของไป๋จูเหวิน เบาๆ ต้องนับว่าโชคดีมากที่ไป๋จูเหวินมีผิวหนังที่ทนทานกว่าคนทั่วไป และพิษก็ไม่ได้ผลกับมันด้วย ทําให้ไป๋จูเหวินสามารถโดนเจ้าอสูรปักเป้าสัมผัสตัวได้

 

“พี่ไป ปลาตัวนั้นน่ารักจังเลย” หลินหลินที่พึ่งตื่นขึ้นมา เมื่อครู่ว่าพลางมองมาทางอสูรปักเป้าอย่างสนอกสนใจ นางยืนมือของนางมาจับไปที่ตัวของมันในทันที

 

กีสสส เสียงปะทะของหนามปักเป้ากับผิวหนังของหลินหลินบาดแก้วหูเป็นอย่างมาก แม้หนามของมันจะคม แต่ด้วยขนาดตัวเพียงเท่านี้หนามของมันไม่อาจแทงทะลุแผ่น โลหะที่หลินหลินใช้เป็นเกราะไปได้เลย

 

“พี่ไป ข้าเลี้ยงเจ้าตัวนี้ได้ไหม” หลินหลินถามพลางถอดร่างของอสูรปักเป้าอย่างชอบใจ ไม่ทราบทําไมอสูรปักเป้าเองก็มีท่าทีชอบใจไม่น้อย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+