บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 249 ขบวนสินค้า

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 249 ขบวนสินค้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 249 ขบวนสินค้า

 

“หวาอสูร…”เหล่าอดีตชาวเมืองอาณาจักรซุยร้องเสียงหลงหลังจากเห็นร่างแมงมุมของหลินหลินที่กําลังเดินทางผ่านเมืองของพวกมัน

 

“เจ้าบ้า ไม่เห็นคนนั่งอยู่บนหลังอสูรหรือยังไง นั้นเป็นอสูรเลี้ยงต่างหาก”ทหารในเมืองที่ใจเย็นหน่อยพูดพลางประกาศเรื่องอสูรเลี้ยงให้ชาวบ้านเข้าใจ

 

“ตกใจกันใหญ่เลยนะ” หงเยว่ว่าพลางมองลงมาจากร่า งของหลินหลิน

 

“ช่วยไม่ได้หรอก แต่เดิมอาณาจักรซุยไม่มีกลุ่มนักล่าอสูรเสียด้วยซ้ําพวกเขาไม่ชินกับการมีคนสามารถอยู่กับอสูรได้นี่นา”เหม่ยหลินตอบพลางลูบหลังของหลินหลินเบาๆทั้งๆที่การมีอสูรช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากแท้ๆแต่คนส่วนใหญ่ยังติดภาพลักษณ์ว่าอสูรทุกตนจะต้องดุร้ายอยู่ตรงกันข้ามกับเหล่านักล่าอสูรถึงแม้พวกมันจะฆ่าอสูรเพื่อทํามาหากินแต่พวกมันก็ศึกษาข้อมูลและเข้าใจในตัวอสูรเช่นกัน

 

“อีก 2 เมืองก็จะถึงชายแดนอาณาจักรซุยแล้ว เราควรเปลี่ยนไปขี่ม้าดีหรือไม่”ไปจูเหวินถามพลางมองมาทางเหม่ยหลินเพราะอาณาจักรชินมีการค้าขายกับอาณาจักร ซุยอยู่แล้วทําให้เขตชายแดนมีพ่อค้าของอาณาจักรชินเดิน ทามมาเป็นระยะๆ ต่อให้เป็นเมืองที่ไม่ได้ติดชายแดนแต่นานๆทีก็อาจจะมีพ่อค้าของอาราจักรชินเดินทางมาก็ได้

 

“เจ้าค่ะ ปลอดภัยเอาไว้ก่อนดีกว่า”เหม่ยหลินพยักหน้าพลางกระโดดลงจากหลังของหลินหลินเป็นคนแรก

 

วีดดดด เหม่ยหลินนําขลุ่ยหยกขาวออกมาเปาจนเสียงดังไปทั่วหุบเขาไม่นานม้าหลายสิบตัวก็วิ่งเข้ามาจุดที่เหม่ยหลินยืนอยู่แต่พอเจอร่างของหลินหลินเข้าพวกมันก็มีท่าทีหวาดกลัวทันที

 

ตุบ..หลินหลินกลับเป็นร่างของเด็กสาวทําให้พวกม้าค่อยๆเดินเข้ามาทีละตัวสองตัวราวกับยังหวาดระแวงอยู่นิ ดหน่อย

 

“ไม่เป็นไรๆ”เหม่ยหลินว่าพลางลูบแผงคอของพวกม้าอย่างช้าๆเพราะบริวารของนางเป็นม้าทําให้นางมักจะเรียกใช้พวกม้าเวลาเดินทางอยู่เสมอยิ่งพอพลังของนางเพิ่มขึ้นนางก็เริ่มเรียกม้าอสูรออกมาได้ทําให้การเดินทางยิ่งสะดวกมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เพราะคราวนี้พวกนางจงใจปลอมตัวนางเลยเลือกม้าธรรมดามา 2 ตัวเท่านั้น

 

“พี่ไป ท่านฝึกวิชาลดพลังเสร็จแล้วหรือ”เหม่ยหลินถามพลางสัมผัสพลังของไปจูเหวิน ตอนนี้พลังของไปจูเหวินอยู่ระดับหลอมรวมวิญญาณเท่านั้นนี่ขนาดเป็นวิชาพื้นฐานยังสามารถปิดบังพลังได้ขนาดนี้ พวกนักลอบสังหารที่ฝึกจนปิดบังพลังวิญญาณได้จนหมดนี้จะน่ากลัวแค่ไหนกันนะ?

 

“น่าจะสําเร็จแล้วนะ เจ้าล่ะ”ไปจูเหวินตอบเสียงเรียบ เพราะมันเป็นวิชาพื้นฐานกระมังเลยสามารถฝึกได้อย่างง่ายดาย

 

“เจ้าค่ะ ข้าฝึกสําเร็จแล้ว” เหม่ยหลินตอบพลางพยักหน้าช้าๆช่วยไม่ได้ที่พวกมันทั้งสองต่างเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่ ผ่านการฝึกฝนวิชายากๆมาแล้วมากมายเพียงวิชาพี่ นฐานของมือลอบสังการไม่ใช่เรื่องยากสําหรับพวกมันเลย

 

“พี่ไป ข้าอยากฝึกบ้าง” หลินหลินว่าพลางเกาะแขนไปจูเหวินเอาไว้แน่น

 

“เจ้าไม่มีพลังวิญญาณอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกหรอก”ไปจูเหวินหัวเราะพลางลูบหัวหลินหลินเบาๆ พวกหลินหลินเป็นอสูรอยู่แล้วสําหรับคนอื่นพวกนางเป็นเหมือนเด็กสาวธรรมดาที่ไม่มีพลังวิญญาณเลยเสียด้วยซ้ํา

 

“ขึ้นมาเถอะหลินหลิน เรายังต้องไปอีกไกลนะ” หงเยว่เรียกพลางนําข้าวของออกมาวางไว้บนรถม้าที่ไปจูเหวินนําออกมาจากมิติของมันโดยของที่นําออกมาต่างเป็นยาและสมุนไพรที่ได้มาจากสมาคมแพทย์ทั้งสิ้นหรือก็คือไปจูเหวินจงใจจะเป็นพ่อค้าขายยานั้นเอง

 

“แต่พ่อค้าเร่พาคนเดินทางมาด้วยมากมายขนาดนี้ไม่แปลกไปหน่อยหรือเจ้าคะนายท่าน” หงเยวถามพลางเอาผ้า ออกมาคลุมรถม้าเอาไว้เพราะรถม้าเป็นแบบซื้อมาถูกๆจึงไม่มีหลังคาเป็นเพียงรถม้าขนของธรรมดาเท่านั้นหงเยวจึงเหลือที่เอาไว้ให้พวกนางสามตนนั่งที่มุมหนึ่งของรถม้าและปล่อยให้เหม่ยหลินกับไปจูเหวินนั่งอยู่ด้านห น้าไป

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา”ไปจูเหวินว่าพลางส่ายหัวเบาๆก็พวกหางไม่ยอมอยู่ที่เมืองเลยสักคนนี่นาก็คงต้องไปเป็นขบวนใหญ่แบบนี้ล่ะ

 

การเดินทางด้วยรถม้า แม้ไม่เร็วเท่าการเดินของหลินหลินแต่ความสะดวกสบายก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่เพราะม้าที่เหม่ยหลินเรียกมาเขื่อฟังนางแทบไม่ต่างจากอสูรที่หลงไห ลพลังของไปจูเหวินหรือก็คือไปจูเหวินและเหม่ยหลินที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่จําเป็นต้องถือบังเหียนเลยเพราะพวกม้าที่เรียกมาจากป่าแถบนี้รู้ทางในแถวนี้ดีนั่นเอง

 

หลังจากเดินทางด้วยม้ามา 2 วัน ในที่สุดพวกไปจูเหวินก็ มาถึงเมืองชายแดนของอาณาจักรชินจนได้และเมื่อมาถึงที่นี่พวกมันก็เลี่ยงการเข้าเมืองไม่ได้เสียแล้ว

 

“สวัสดี พวกท่าน..” ทหารเฝ้าหน้าเมืองพูดพ ลางมองพวกไปจูเหวินนิ่ง จะบอกว่าพวกมันเป็นพ่อค้าผีวพันธุ์หน้าตาก็ออกจะดีเกินไปหน่อย แถมจํานวนคนยังมากเสียด้วย ปกติพ่อค้าจะไม่ค่อยเอาครอบครัวมาเพราะการเดินทางค่อนข้างลําบากและหากนําคนมาเยอะๆพื้นที่ขนเสบียงก็ต้องมากตามทําให้สินค้าที่เอามาได้มีน้อยลง

 

“พวกข้าเป็นพ่อค้าของสมาคมการค้าขอรับ”ไปจูเหวิน เห็นทหารมีท่าที่ไม่เชื่อ มันจึงเอาตราพ่อค้าให้ทหารดูตราเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถมีได้จะต้องเป็นพ่อค้าที่ลงทะเบียน กับสมาคมพ่อค้าของอาณาจักรภู่และมีผลประกอบการน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งจึงจะสามารถขอตราพ่อค้าได้เพราะมันจะช่วยให้พ่อค้าคนนั้นออกไปค้าขายต่างแดนได้นั่นเอง

 

“ขอรับ ขออภัยที่เสียมารยาท”ทหารหนุ่มว่าพลางก้มหัวลงเล็กน้อยพ่อค้าที่มีตราเช่นนี้ต้องเป็นพ่อค้ารายใหญ่อย่างแน่นอนในคนพวกนี้สามารถหาแหวนมิติได้อย่างง่ายดาย จะพาคนมาด้วยจึงไม่ใช่เรื่องยากถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทําไม ถึงเอารถม้าเก่าๆมาใช้ก็ตาม

 

“พวกท่านจะเดินทางไปค้าขายที่อาณาจักรชินถูกไหมขอรับ” ทหารคนเดิมพูดพลางเปิดประตูให้กับไปจูเหวิน

 

“ใช่ พวกเราวางแผนเอาไว้เช่นนั้น”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ

 

“ขอรับ ตอนนี้ที่หน้าประตูมีพวกพ่อค้าที่จะเดินทางไปขายของที่อาณาจักรชินกําลังรอเวลาเปิดประตูอยู่พวกท่านไปร่วมขบวนกับพวกเขาได้นะขอรับมันจะทําให้การเดิน ทางปลอดภัยขึ้น”ทหารหนุ่มว่าพลางโบกมือลาอย่างเป็นมิตรปกติแล้วพ่อค้าไม่มีทางพลาดแน่นอนเพราะนอกจากจะเกินทางได้ง่ายขึ้นแล้วยังสามารถติดต่อสื่อสารกับเหล่าพ่ อค้าที่กําลังจะเดินทางไปซื้อขายร่วมกันได้อีกด้วย ทําให้ไปจู เหวินไม่มีทางเลือกบังคับรถม้าให้ไปทางประตูกั้นระหว่างชายแดนทันที

 

“..” ที่หน้าประตูมีรถม้าจํานวนมากจอดเรียงรายอยู่ราวกับกองทหารที่เรียงยืนต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบนับคร่าวๆแล้วมีรถอยู่ราวๆ 40 คันเลยทีเดียวโดยรถเหล่า นี้ต่างมีสินค้ามากมายทําให้มีคนของโรงเตี้ยมออกมายืนเฝ้าจํานวนมาก

 

“ท่านเป็นพ่อค้าที่กําลังจะเดินทางไปอาณาจักรชินใช่หรือไม่ขอรับ” ชายคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าสินค้าอยู่พูดพลางเดินเข้ามา หาไปจูเหวิน

 

“ใช่ พวกเรากําลังจะเดินทางไปอาณาจักรชินจริงๆ”ไปจูเหวินตอบพลางมองไปรอบๆ ดูท่าโรงเตี้ยมของที่นี่จะเปิดเพื่อรองรับพวกพ่อค้าที่มารอเวลาประตูเปิดโดยเฉพาะดูจากแถวที่ตั้งเอาไว้เมื่อประตูเปิดพวกมันก็จะเดินรถอย่างเป็นระเบียบเข้าไปในประตูทันที

 

“น่าเสียดายที่ประตูพึ่งเปิดไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนพวกท่านมาพักที่โรงเตี้ยมก่อนเถอะขอรับ ประตูจะเปิดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้”ชายหนุ่มเสนอพลางผายมือไปทางรถม้า ที่จอดเรียงรายอยู่

 

“ในเมื่อประตูเปิดพรุ่งนี้ก็ช่วยไม่ได้นะเจ้าคะ”เหม่ยหลินว่าพลางมองไปทางไปจูเหวิน ท่าทางประตูจะเปิดแค่วันละครั้งเท่านั้นไปจูเหวินจึงเอารถม้าไปจอดต่อแถวกับ พวกรถม้าที่รออยู่ก่อนที่จะมีเสี่ยวเอ้อมาปลดม้าของไปจูเหวินเข้าไปในคอกอย่างรู้งาน

 

“เชิญทางนี้ขอรับ” เสี่ยวเอ้ออีกคนวิ่งออกมาพลางพาไปจูเหวินเข้าไปในโรงเตี้ยม ทันทีที่เข้าไปในร้านอาหารด้านล่างไปจูเหวินก็พบว่ามีกลุ่มพ่อค้าจํานวนมากนั่งกันอยู่ในร้าน ที่นี่ไม่เหมือนร้านที่พวกผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณไปเลย เพราะทุก โต๊ะจะมีคน 2 – 4 คนจับกลุ่มคุยกันเสมอทําให้ภายในร้านมีเสียงพูดคุยตลอด

 

“พวกเจ้าก็จะไปอาณาจักรชินใช่ไหม”ยังไม่ทันได้ขึ้นไปที่ห้องพักชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกไปจูเหวินพลางถามด้วยเสียงที่ดังมากจนกลบเสียงพูดคุยในร้านเสียมิด

 

“ขะ ขอรับ”ไปจเหวินตอบพลางถอยหลังออกมานิดหน่อยช่วยไม่ได้นี่นาก็ชายตรงหน้าเล่นเข้ามาทักทายเสียใกล้ชิดเลย

 

“เจ้าสนใจจะเดินทางไปกับพวกเราหรือไม่ขบวนของเรามีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคุ้มกันไม่ต้องกังวลเรื่องอสูรเลยนะ” ชายร่างใหญ่ยิ้มพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ

 

“…ขอรับ พวกเราจะเดินทางไปด้วย”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มรับการเดินทางคราวนี้ไปจูเหวินต้องการความแนบเนียนซึ่งการเดินทางไปกับขบวนสินค้าน่าจะช่วย

 

“ได้เลย พวกเราจะขอเก็บค่าคุ้มกันคนละ 1 เหรียญทองพวกเจ้าคงไม่ว่ากันนะ”ชายร่างใหญ่ถามพลางยิ้มกว้างสําหรับพ่อค้าธรรมดาแล้วการได้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมา คุ้มกันในราคา 1เหรียญทองนับว่าถูกมากยิ่งสําหรับไปจูเหวินแล้วเงินเพียงเท่านี้ไม่ได้มากมายอะไรเลย

 

ลึก…ขณะที่ไปจูเหวินกําลังเอาทองก้อนหนึ่งออกมาเหม่ยหลินก็หยอกเข้าที่แขนของมันทันทีเพื่อหยุดเอาไว้ มีพ่อค้าที่ไหนใช้ทองก้อนจ่ายค้าคุ้มกันบ้าง หลังจากหยุดไปจูเหวินเอาไว้แล้วนางจึงนําเหรียญทอง 5 เหรียญออกมายื่นให้ชาย ร่างใหญ่แทน

 

“นี่เจ้าค่ะ”เหม่ยหลินยิ้มหวานพลางวางเหรียญทองเอาไว้บนมือของอีกฝ่าย

 

“อะไรกัน เจ้าให้ภรรยาถือกระเป๋าเงินงั้นหรือ” ชายตรงหน้าพูดล้อเลียนพลางหัวเราะเสียงเบา

 

“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ หากให้ท่านพี่ใช้เงินเองท่านคงใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายอย่างแน่นอน”เหม่ยหลินแม้จะหน้าแดงเพ ราะคําพูดของอีกฝ่ายแต่นางก็ยิ้มและตอบออกไปอย่างเป็ นธรรมชาติ การมีผู้หญิงเดินทางมากับพ่อค้าด้วยนั้นมักจะถูกมองว่าเป็นภรรยาหรือคนในครอบครัวเอาไว้ก่อนอยู่แล้วเพราะพวกมันจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแถม เรียก ได้ว่านอนด้วยกันกินด้วยกันเลยก็ว่าได้แถมในรถของไปจู เหวินยังมีพวกหลินหลินและปิงปิงอีกทําให้เหมือนว่าพวกนางจะเป็นบุตรสาวของไปจูเหวินไม่มีผิด ส่วนหงเยว่นั้นหาก ไม่ใช่ภรรยาน้อยก็คงเป็นบ่าวรับใช้กระมังเพราะเหม่ยหลินเป็นผู้จ่ายเงินหากนางไม่ใช่ภรรยาหลวงแล้วจะเป็นอะไรกัน

 

“แบบนี้จะดีเหรอ”ไปจเหวินถามหลังจากพวกมันเดินขึ้นมาในห้องพักแล้ว

 

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ พวกเราไม่ได้หน้าตาเหมือนกันจน สามารถบอกว่าเป็นพี่น้องได้ ข้าคิดว่าบทภรรยาของพี่ไปก็ดูแนบเนียนดีนะเจ้าคะ”เหม่ยหลินยิ้มทั้งๆที่หน้ายังแดงไม่ หาย แต่หากนางรับบทเป็นภรรยาการปลอมเป็นพ่อค้าเช่น นี้ก็ง่ายดายขึ้น แม้จะไม่จําเป็นต้องให้แนบเนียนขนาดนี้ก็ตามและที่สําคัญนางเอกก็ดีใจด้วยที่นางถูกมองว่าเป็นภรรยาของไปจูเหวิน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 249 ขบวนสินค้า

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 249 ขบวนสินค้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 249 ขบวนสินค้า

 

“หวาอสูร…”เหล่าอดีตชาวเมืองอาณาจักรซุยร้องเสียงหลงหลังจากเห็นร่างแมงมุมของหลินหลินที่กําลังเดินทางผ่านเมืองของพวกมัน

 

“เจ้าบ้า ไม่เห็นคนนั่งอยู่บนหลังอสูรหรือยังไง นั้นเป็นอสูรเลี้ยงต่างหาก”ทหารในเมืองที่ใจเย็นหน่อยพูดพลางประกาศเรื่องอสูรเลี้ยงให้ชาวบ้านเข้าใจ

 

“ตกใจกันใหญ่เลยนะ” หงเยว่ว่าพลางมองลงมาจากร่า งของหลินหลิน

 

“ช่วยไม่ได้หรอก แต่เดิมอาณาจักรซุยไม่มีกลุ่มนักล่าอสูรเสียด้วยซ้ําพวกเขาไม่ชินกับการมีคนสามารถอยู่กับอสูรได้นี่นา”เหม่ยหลินตอบพลางลูบหลังของหลินหลินเบาๆทั้งๆที่การมีอสูรช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากแท้ๆแต่คนส่วนใหญ่ยังติดภาพลักษณ์ว่าอสูรทุกตนจะต้องดุร้ายอยู่ตรงกันข้ามกับเหล่านักล่าอสูรถึงแม้พวกมันจะฆ่าอสูรเพื่อทํามาหากินแต่พวกมันก็ศึกษาข้อมูลและเข้าใจในตัวอสูรเช่นกัน

 

“อีก 2 เมืองก็จะถึงชายแดนอาณาจักรซุยแล้ว เราควรเปลี่ยนไปขี่ม้าดีหรือไม่”ไปจูเหวินถามพลางมองมาทางเหม่ยหลินเพราะอาณาจักรชินมีการค้าขายกับอาณาจักร ซุยอยู่แล้วทําให้เขตชายแดนมีพ่อค้าของอาณาจักรชินเดิน ทามมาเป็นระยะๆ ต่อให้เป็นเมืองที่ไม่ได้ติดชายแดนแต่นานๆทีก็อาจจะมีพ่อค้าของอาราจักรชินเดินทางมาก็ได้

 

“เจ้าค่ะ ปลอดภัยเอาไว้ก่อนดีกว่า”เหม่ยหลินพยักหน้าพลางกระโดดลงจากหลังของหลินหลินเป็นคนแรก

 

วีดดดด เหม่ยหลินนําขลุ่ยหยกขาวออกมาเปาจนเสียงดังไปทั่วหุบเขาไม่นานม้าหลายสิบตัวก็วิ่งเข้ามาจุดที่เหม่ยหลินยืนอยู่แต่พอเจอร่างของหลินหลินเข้าพวกมันก็มีท่าทีหวาดกลัวทันที

 

ตุบ..หลินหลินกลับเป็นร่างของเด็กสาวทําให้พวกม้าค่อยๆเดินเข้ามาทีละตัวสองตัวราวกับยังหวาดระแวงอยู่นิ ดหน่อย

 

“ไม่เป็นไรๆ”เหม่ยหลินว่าพลางลูบแผงคอของพวกม้าอย่างช้าๆเพราะบริวารของนางเป็นม้าทําให้นางมักจะเรียกใช้พวกม้าเวลาเดินทางอยู่เสมอยิ่งพอพลังของนางเพิ่มขึ้นนางก็เริ่มเรียกม้าอสูรออกมาได้ทําให้การเดินทางยิ่งสะดวกมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เพราะคราวนี้พวกนางจงใจปลอมตัวนางเลยเลือกม้าธรรมดามา 2 ตัวเท่านั้น

 

“พี่ไป ท่านฝึกวิชาลดพลังเสร็จแล้วหรือ”เหม่ยหลินถามพลางสัมผัสพลังของไปจูเหวิน ตอนนี้พลังของไปจูเหวินอยู่ระดับหลอมรวมวิญญาณเท่านั้นนี่ขนาดเป็นวิชาพื้นฐานยังสามารถปิดบังพลังได้ขนาดนี้ พวกนักลอบสังหารที่ฝึกจนปิดบังพลังวิญญาณได้จนหมดนี้จะน่ากลัวแค่ไหนกันนะ?

 

“น่าจะสําเร็จแล้วนะ เจ้าล่ะ”ไปจูเหวินตอบเสียงเรียบ เพราะมันเป็นวิชาพื้นฐานกระมังเลยสามารถฝึกได้อย่างง่ายดาย

 

“เจ้าค่ะ ข้าฝึกสําเร็จแล้ว” เหม่ยหลินตอบพลางพยักหน้าช้าๆช่วยไม่ได้ที่พวกมันทั้งสองต่างเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่ ผ่านการฝึกฝนวิชายากๆมาแล้วมากมายเพียงวิชาพี่ นฐานของมือลอบสังการไม่ใช่เรื่องยากสําหรับพวกมันเลย

 

“พี่ไป ข้าอยากฝึกบ้าง” หลินหลินว่าพลางเกาะแขนไปจูเหวินเอาไว้แน่น

 

“เจ้าไม่มีพลังวิญญาณอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกหรอก”ไปจูเหวินหัวเราะพลางลูบหัวหลินหลินเบาๆ พวกหลินหลินเป็นอสูรอยู่แล้วสําหรับคนอื่นพวกนางเป็นเหมือนเด็กสาวธรรมดาที่ไม่มีพลังวิญญาณเลยเสียด้วยซ้ํา

 

“ขึ้นมาเถอะหลินหลิน เรายังต้องไปอีกไกลนะ” หงเยว่เรียกพลางนําข้าวของออกมาวางไว้บนรถม้าที่ไปจูเหวินนําออกมาจากมิติของมันโดยของที่นําออกมาต่างเป็นยาและสมุนไพรที่ได้มาจากสมาคมแพทย์ทั้งสิ้นหรือก็คือไปจูเหวินจงใจจะเป็นพ่อค้าขายยานั้นเอง

 

“แต่พ่อค้าเร่พาคนเดินทางมาด้วยมากมายขนาดนี้ไม่แปลกไปหน่อยหรือเจ้าคะนายท่าน” หงเยวถามพลางเอาผ้า ออกมาคลุมรถม้าเอาไว้เพราะรถม้าเป็นแบบซื้อมาถูกๆจึงไม่มีหลังคาเป็นเพียงรถม้าขนของธรรมดาเท่านั้นหงเยวจึงเหลือที่เอาไว้ให้พวกนางสามตนนั่งที่มุมหนึ่งของรถม้าและปล่อยให้เหม่ยหลินกับไปจูเหวินนั่งอยู่ด้านห น้าไป

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา”ไปจูเหวินว่าพลางส่ายหัวเบาๆก็พวกหางไม่ยอมอยู่ที่เมืองเลยสักคนนี่นาก็คงต้องไปเป็นขบวนใหญ่แบบนี้ล่ะ

 

การเดินทางด้วยรถม้า แม้ไม่เร็วเท่าการเดินของหลินหลินแต่ความสะดวกสบายก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่เพราะม้าที่เหม่ยหลินเรียกมาเขื่อฟังนางแทบไม่ต่างจากอสูรที่หลงไห ลพลังของไปจูเหวินหรือก็คือไปจูเหวินและเหม่ยหลินที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่จําเป็นต้องถือบังเหียนเลยเพราะพวกม้าที่เรียกมาจากป่าแถบนี้รู้ทางในแถวนี้ดีนั่นเอง

 

หลังจากเดินทางด้วยม้ามา 2 วัน ในที่สุดพวกไปจูเหวินก็ มาถึงเมืองชายแดนของอาณาจักรชินจนได้และเมื่อมาถึงที่นี่พวกมันก็เลี่ยงการเข้าเมืองไม่ได้เสียแล้ว

 

“สวัสดี พวกท่าน..” ทหารเฝ้าหน้าเมืองพูดพ ลางมองพวกไปจูเหวินนิ่ง จะบอกว่าพวกมันเป็นพ่อค้าผีวพันธุ์หน้าตาก็ออกจะดีเกินไปหน่อย แถมจํานวนคนยังมากเสียด้วย ปกติพ่อค้าจะไม่ค่อยเอาครอบครัวมาเพราะการเดินทางค่อนข้างลําบากและหากนําคนมาเยอะๆพื้นที่ขนเสบียงก็ต้องมากตามทําให้สินค้าที่เอามาได้มีน้อยลง

 

“พวกข้าเป็นพ่อค้าของสมาคมการค้าขอรับ”ไปจูเหวิน เห็นทหารมีท่าที่ไม่เชื่อ มันจึงเอาตราพ่อค้าให้ทหารดูตราเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถมีได้จะต้องเป็นพ่อค้าที่ลงทะเบียน กับสมาคมพ่อค้าของอาณาจักรภู่และมีผลประกอบการน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งจึงจะสามารถขอตราพ่อค้าได้เพราะมันจะช่วยให้พ่อค้าคนนั้นออกไปค้าขายต่างแดนได้นั่นเอง

 

“ขอรับ ขออภัยที่เสียมารยาท”ทหารหนุ่มว่าพลางก้มหัวลงเล็กน้อยพ่อค้าที่มีตราเช่นนี้ต้องเป็นพ่อค้ารายใหญ่อย่างแน่นอนในคนพวกนี้สามารถหาแหวนมิติได้อย่างง่ายดาย จะพาคนมาด้วยจึงไม่ใช่เรื่องยากถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทําไม ถึงเอารถม้าเก่าๆมาใช้ก็ตาม

 

“พวกท่านจะเดินทางไปค้าขายที่อาณาจักรชินถูกไหมขอรับ” ทหารคนเดิมพูดพลางเปิดประตูให้กับไปจูเหวิน

 

“ใช่ พวกเราวางแผนเอาไว้เช่นนั้น”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ

 

“ขอรับ ตอนนี้ที่หน้าประตูมีพวกพ่อค้าที่จะเดินทางไปขายของที่อาณาจักรชินกําลังรอเวลาเปิดประตูอยู่พวกท่านไปร่วมขบวนกับพวกเขาได้นะขอรับมันจะทําให้การเดิน ทางปลอดภัยขึ้น”ทหารหนุ่มว่าพลางโบกมือลาอย่างเป็นมิตรปกติแล้วพ่อค้าไม่มีทางพลาดแน่นอนเพราะนอกจากจะเกินทางได้ง่ายขึ้นแล้วยังสามารถติดต่อสื่อสารกับเหล่าพ่ อค้าที่กําลังจะเดินทางไปซื้อขายร่วมกันได้อีกด้วย ทําให้ไปจู เหวินไม่มีทางเลือกบังคับรถม้าให้ไปทางประตูกั้นระหว่างชายแดนทันที

 

“..” ที่หน้าประตูมีรถม้าจํานวนมากจอดเรียงรายอยู่ราวกับกองทหารที่เรียงยืนต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบนับคร่าวๆแล้วมีรถอยู่ราวๆ 40 คันเลยทีเดียวโดยรถเหล่า นี้ต่างมีสินค้ามากมายทําให้มีคนของโรงเตี้ยมออกมายืนเฝ้าจํานวนมาก

 

“ท่านเป็นพ่อค้าที่กําลังจะเดินทางไปอาณาจักรชินใช่หรือไม่ขอรับ” ชายคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าสินค้าอยู่พูดพลางเดินเข้ามา หาไปจูเหวิน

 

“ใช่ พวกเรากําลังจะเดินทางไปอาณาจักรชินจริงๆ”ไปจูเหวินตอบพลางมองไปรอบๆ ดูท่าโรงเตี้ยมของที่นี่จะเปิดเพื่อรองรับพวกพ่อค้าที่มารอเวลาประตูเปิดโดยเฉพาะดูจากแถวที่ตั้งเอาไว้เมื่อประตูเปิดพวกมันก็จะเดินรถอย่างเป็นระเบียบเข้าไปในประตูทันที

 

“น่าเสียดายที่ประตูพึ่งเปิดไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนพวกท่านมาพักที่โรงเตี้ยมก่อนเถอะขอรับ ประตูจะเปิดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้”ชายหนุ่มเสนอพลางผายมือไปทางรถม้า ที่จอดเรียงรายอยู่

 

“ในเมื่อประตูเปิดพรุ่งนี้ก็ช่วยไม่ได้นะเจ้าคะ”เหม่ยหลินว่าพลางมองไปทางไปจูเหวิน ท่าทางประตูจะเปิดแค่วันละครั้งเท่านั้นไปจูเหวินจึงเอารถม้าไปจอดต่อแถวกับ พวกรถม้าที่รออยู่ก่อนที่จะมีเสี่ยวเอ้อมาปลดม้าของไปจูเหวินเข้าไปในคอกอย่างรู้งาน

 

“เชิญทางนี้ขอรับ” เสี่ยวเอ้ออีกคนวิ่งออกมาพลางพาไปจูเหวินเข้าไปในโรงเตี้ยม ทันทีที่เข้าไปในร้านอาหารด้านล่างไปจูเหวินก็พบว่ามีกลุ่มพ่อค้าจํานวนมากนั่งกันอยู่ในร้าน ที่นี่ไม่เหมือนร้านที่พวกผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณไปเลย เพราะทุก โต๊ะจะมีคน 2 – 4 คนจับกลุ่มคุยกันเสมอทําให้ภายในร้านมีเสียงพูดคุยตลอด

 

“พวกเจ้าก็จะไปอาณาจักรชินใช่ไหม”ยังไม่ทันได้ขึ้นไปที่ห้องพักชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกไปจูเหวินพลางถามด้วยเสียงที่ดังมากจนกลบเสียงพูดคุยในร้านเสียมิด

 

“ขะ ขอรับ”ไปจเหวินตอบพลางถอยหลังออกมานิดหน่อยช่วยไม่ได้นี่นาก็ชายตรงหน้าเล่นเข้ามาทักทายเสียใกล้ชิดเลย

 

“เจ้าสนใจจะเดินทางไปกับพวกเราหรือไม่ขบวนของเรามีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคุ้มกันไม่ต้องกังวลเรื่องอสูรเลยนะ” ชายร่างใหญ่ยิ้มพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ

 

“…ขอรับ พวกเราจะเดินทางไปด้วย”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มรับการเดินทางคราวนี้ไปจูเหวินต้องการความแนบเนียนซึ่งการเดินทางไปกับขบวนสินค้าน่าจะช่วย

 

“ได้เลย พวกเราจะขอเก็บค่าคุ้มกันคนละ 1 เหรียญทองพวกเจ้าคงไม่ว่ากันนะ”ชายร่างใหญ่ถามพลางยิ้มกว้างสําหรับพ่อค้าธรรมดาแล้วการได้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมา คุ้มกันในราคา 1เหรียญทองนับว่าถูกมากยิ่งสําหรับไปจูเหวินแล้วเงินเพียงเท่านี้ไม่ได้มากมายอะไรเลย

 

ลึก…ขณะที่ไปจูเหวินกําลังเอาทองก้อนหนึ่งออกมาเหม่ยหลินก็หยอกเข้าที่แขนของมันทันทีเพื่อหยุดเอาไว้ มีพ่อค้าที่ไหนใช้ทองก้อนจ่ายค้าคุ้มกันบ้าง หลังจากหยุดไปจูเหวินเอาไว้แล้วนางจึงนําเหรียญทอง 5 เหรียญออกมายื่นให้ชาย ร่างใหญ่แทน

 

“นี่เจ้าค่ะ”เหม่ยหลินยิ้มหวานพลางวางเหรียญทองเอาไว้บนมือของอีกฝ่าย

 

“อะไรกัน เจ้าให้ภรรยาถือกระเป๋าเงินงั้นหรือ” ชายตรงหน้าพูดล้อเลียนพลางหัวเราะเสียงเบา

 

“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ หากให้ท่านพี่ใช้เงินเองท่านคงใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายอย่างแน่นอน”เหม่ยหลินแม้จะหน้าแดงเพ ราะคําพูดของอีกฝ่ายแต่นางก็ยิ้มและตอบออกไปอย่างเป็ นธรรมชาติ การมีผู้หญิงเดินทางมากับพ่อค้าด้วยนั้นมักจะถูกมองว่าเป็นภรรยาหรือคนในครอบครัวเอาไว้ก่อนอยู่แล้วเพราะพวกมันจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแถม เรียก ได้ว่านอนด้วยกันกินด้วยกันเลยก็ว่าได้แถมในรถของไปจู เหวินยังมีพวกหลินหลินและปิงปิงอีกทําให้เหมือนว่าพวกนางจะเป็นบุตรสาวของไปจูเหวินไม่มีผิด ส่วนหงเยว่นั้นหาก ไม่ใช่ภรรยาน้อยก็คงเป็นบ่าวรับใช้กระมังเพราะเหม่ยหลินเป็นผู้จ่ายเงินหากนางไม่ใช่ภรรยาหลวงแล้วจะเป็นอะไรกัน

 

“แบบนี้จะดีเหรอ”ไปจเหวินถามหลังจากพวกมันเดินขึ้นมาในห้องพักแล้ว

 

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ พวกเราไม่ได้หน้าตาเหมือนกันจน สามารถบอกว่าเป็นพี่น้องได้ ข้าคิดว่าบทภรรยาของพี่ไปก็ดูแนบเนียนดีนะเจ้าคะ”เหม่ยหลินยิ้มทั้งๆที่หน้ายังแดงไม่ หาย แต่หากนางรับบทเป็นภรรยาการปลอมเป็นพ่อค้าเช่น นี้ก็ง่ายดายขึ้น แม้จะไม่จําเป็นต้องให้แนบเนียนขนาดนี้ก็ตามและที่สําคัญนางเอกก็ดีใจด้วยที่นางถูกมองว่าเป็นภรรยาของไปจูเหวิน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+