บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 386 สืบข่าว

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 386 สืบข่าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 386 สืบข่าว “……..”อสูรกิ้งก่าที่ลอบเข้าไปในค่ายทหารของฝั่งอีมอร์อาศัยอยู่ในคลังเสบียงมาหลายวันแล้วเพื่อจับตามองการเคลื่อนไหวของศัตรู แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จำนวนทหารที่กลับมารวมตัวกันที่ค่ายก็มากขึ้นเรื่อยๆจนน่ากังวล ข่าวที่บอกว่ามี 20 กองทัพนั้นท่าทางจะไม่ใช่เรื่องโกหกเสียแล้ว “โชคดีจริงๆที่พวกทหารใช้พลังรูนได้ ไม่อย่างนั้นเสบียงเท่านี้ไม่พอแน่ๆ”นายทหารคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาในห้องเสบียงที่อสูรกิ้งก่าซ่อนตัวอยู่ เพราะเป็นกองทัพของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหรือผู้ใช้พลังรูน ทำให้ความต้องการอาหารค่อนข้างน้อย ทำไม่จำเป็นต้องใช้เสบียงมากมายอะไร หากเป็นกองทัพของมนุษย์ปกติละก็แค่วันเดียวก็เสียค่าอาหารไปหลายแสนเหรียญทองแล้วกระมัง “หืม…”ทหารคนหนึ่งมองมาทางอสูรกิ้งก่าที่กำลังเปลี่ยนสีตัวเองไม่ให้คนอื่นมองเห็นอยู่ “มีอะไรงั้นเหรอ”ทหารอีกคนถามพลางมองตามทหารคนแรก แต่ด้วยสายตาคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นอสูรกิ้งก่าได้อยู่แล้ว “เหมือนได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อย”ทหารคนแรกพูดพลางเดินดูรอบๆคลังเสบียง แม้แต่ทหารที่รับหน้าที่ขนของทั่วไปยังเป็นชนชั้นเทียนเซียน ประสาทสัมผัสของพวกมันไวกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า แม้จะไม่เห็นว่าอสูรกิ้งก่าอยู่ตรงไหน แต่เพียงการขยับตัวเล็กๆน้อยๆก็ทำให้มันสัมผัสได้แล้ว “หนูนี่เอง”ทหารคนแรกพูดเมื่อเห็นหนูอยู่ด้านหลังกระสอบข้าว มันจับหนูตัวนั้นพลางเดินออกไปข้างนอกทันทีเพื่อเอามันไปฆ่าที่อื่น “…..”อสูรกิ้งก่ามองพวกทหารเดินออกไปพลางเริ่มหายใจช้าๆหลังจากกลั้นหายใจมาได้พักใหญ่ แม้พวกมันจะสัมผัสพลังอสูรไม่ได้ และมองไม่เห็นตัวอสูรกิ้งก่า แต่อสูรกิ้งก่าก็ต้องระวังตัวอยู่ตลอดจริงๆ วูบ…เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมาแล้ว อสูรกิ้งก่าจึงออกจาคลังเสบียงเพื่อสืบข้อมูลอื่นเพิ่มเติม ตอนนี้จำนวนกองทัพของศัตรูนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีมากกว่า 2 แสนแน่นอน แถมชุดเกราะและโล่ก็ยังไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ท่าทางจะรวมคนมาจากหลายๆที่จริงๆ “…..”ระหว่างตรวจสอบกองกำลังของอีมอร์ อสูรกิ้งก่าก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรจุดหนึ่งที่มาจากภายในเต้นท์ใหญ่ของอาณาจักรอีมอร์ เต้นท์หลังนั้นเป็นเต้นท์ที่พวกขุนพลเข้าไปประชุมกัน ท่าทางจะเป็นเต้นท์ขององค์จักรพรรดิ แต่ทำไมถึงมีพลังอสูรอยู่ในนั้นได้ ทำให้อสูรกิ้งก่าอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้จริงๆ “……..”อสูรกิ้งก่าไม่ได้ตรงไปที่เต้นท์ใหญ่แต่อย่างไร มันออกมาจากค่ายทหารพลางเริ่มเขียนจดหมายรายงานก่อนเป็นอย่างแรก ตอนนี้มันต้องส่งข้อมูลที่มันได้มาไปให้องค์จักรพรรดิก่อน ฟุบ…อสูรปักษาตนหนึ่งกระโดดออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ด้านนอกของค่ายทหาร มันคืออสูรปักษาที่รับหน้าที่ส่งจดหมายให้อสูรกิ้งก่านั่นเอง แต่เพราะมันหายตัวไม่ได้มันเลยต้องรออสูรกิ้งก่าอยู่ด้านนอกแบบนี้ “ถ้าเจ้ากลับมาอีกครั้งแล้วข้าไม่มาพบเจ้าก่อนพวกอีมอร์เดินทัพ เจ้าไปรายงานได้เลยนะว่าข้าตายไปแล้ว”อสูรกิ้งก่าพูดพลางกระโดดกลับเข้าไปในค่ายทหารอีกรอบ มันไม่มั่นใจว่าอสูรในเต้นท์ใหญ่มีความหมายอะไรหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงขององค์จักรพรรดิ แต่รางสังหรณ์ของมันกลับไม่คิดเช่นนั้น ไม่ว่าจะบอกตัวเองว่ามันอันตราย และองค์จักรพรรดิก็ไม่ได้สั่งให้มันสืบเรื่องนี้ก็ตาม แต่ขาของมันก็พามันกลับมาที่เต้นท์ใหญ่จนได้ วูบ…อสูรกิ้งก่าเดินเข้าไปในตัวเต้นท์ด้วยเสียงที่เงียบกริบ ท่าย่องของกิ้งก่านั้นต่อให้อสูรระดับบรรพกาลก็ยังไม่ได้ยิน “ยังขาดใครอีกบ้าง”เสียงของชายวัยกลางคนดังออกมาจากห้องประชุมที่อสูรกิ้งก่ากำลังเดินผ่าน “เหลือท่านขุนพลลำดับที่ 12 และ 19 ขอรับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งรายงานพลางคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเกราะสีทองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยลวดลายสิงโต “อืม..ให้ทุกคนเตรียมเคลื่อนพล ทันทีที่ขุนพลที่ 12 และ 19 มาถึงเราจะบุกไปยังอาณาจักรไชน์ทันที เมื่อเรายึดอาณาจักรไชน์มาได้ แผ่นดินทั้งหมดก็จะเป็นของเรา”ชายคนนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางเดินไปนั่งที่บัลลังก์ มันคือองค์จักรพรรดิของอาณาจักรอีมอร์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย “องค์จักรพรรดิ ข้าได้ข่าวหนึ่งมาขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง “ข่าวอะไร”องค์จักรพรรดิถามด้วยท่าทีสนใจ “ข้าได้ทราบข่าวมาว่าหากเราข้ามทะเลจากอาณาจักรไชน์ไปอีก ยังมีแผ่นดินอีกแห่งอยู่ขอรับ”ได้ยินชายคนนั้นรายงาน องค์จักรพรรดิอีมอร์ก็มีท่าทีสนใจทันที “เป็นเกาะงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิถามออกมาก่อน เพราะหากเป็นแค่เกาะเล็กๆก็ไม่ได้คุ้มค่าที่จะไปบุกแต่อย่างไร “ไม่ขอรับ ได้ข่าวว่าเป็นแผ่นดินที่ใหญ่พอๆกับแผ่นดินของพวกเรา มีพื้นที่มากมายและอาณาจักรต่างๆอีกมากมายเช่นกันขอรับ”ได้ยินที่ชายคนนั้นพูด องค์จักรพรรดิก็ยิ้มออกมา “ดี หลังจากยึดไชน์ได้ พวกเราจะไปบุกแผ่นดินใหม่ต่อ พวกเราจะเป็นเจ้าผู้ครองโลก”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะเสียงดังลั่นทำเอาอสูรกิ้งก่ากลืนน้ำลายลงคอ เป็นอย่างที่องค์จักรพรรดิไป๋คิดจริงๆ พวกมันไม่คิดจะหยุดอยู่แค่อาณาจักรไชน์เท่านั้น แต่ยังจะข้ามไปที่อาณาจักรอู๋อีกต่างหาก “เอาล่ะ เช่นนั้นเรามาฉลองการค้นพบแผ่นดินใหม่กัน”องค์จักรพรรดิพูดจบชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากผ้าม่านด้านหลัง “กี๊สสสส”เสียงร้องของอสูรที่ชายคนนั้นถือมาด้วยเรียกร้อยยิ้มให้เหล่าขุนพลเป็นอย่างมาก แต่สำหรับอสูรกิ้งก่านั้นกลับทำให้มันพูดไม่ออก นี่คือที่มาของพลังอสูรที่มันสัมผัสได้นั่นเอง “กีสสสส”อสูรในมือของชายหนุ่มพยายามดิ้น แต่เพราะพลังของมันไม่ได้สูงมากทำให้ไม่สามารถดิ้นหลุดออกจากมือของชายหนุ่มได้ อสูรตนนั้นมีลักษณะเหมือนงูสีขาวเผือก แต่หากมองดีๆแล้วจะพบว่าที่หัวของมันมีเขาอยู่ และที่เด่นชัดที่สุดก็คือปีกนกที่สีขาวที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังกำเอาไว้แน่น ฟุบ…อยู่ๆชายหนุ่มที่จับตัวอสูรตนนั้นเอาไว้ก็ใช้มีดกรีดที่คอของอสูรตนจนเป็นแผลลึก ทำให้เลือดของอสูรตนนั้นไหลออกมา แต่แทนที่มันจะไหลลงพื้น มันกลับไหลลงไปในจอกทองคำที่องค์จักรพรรดิเอามารองเอาไว้ “กีสสส”แม้จะโดนเฉือนคอจนเหมือนจะขาด แต่เจ้าอสูรตัวน้อยกลับไม่ตาย แถมแผลที่คอยังเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก “ทุกท่าน เชิญ”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางเดินเข้าไปหาเหล่าขุนพล ไม่นานฉากกรีดคออสูรก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เหล่าขุนพลจะเอาจอกสุราของตนมารองเลือดกันอย่างรวดเร็วชนิดไม่ให้ตกพื้นแม่แต่หยดเดียว “……”อสูรกิ้งก่าที่มองอยู่ด้านหลังไม่ทราบจะทำเช่นไรดี มันไม่เข้าใจว่าพวกมันจะเอาเลือดของอสูรตนนั้นไปทำอะไร จะดื่มงั้นหรือ แต่มนุษย์ทนพิษในเลือดของอสูรได้อย่างไร แล้วพวกมันจะดื่มเลือดของอสูรจนนั้นไปทำไมกัน “อะไรกัน เริ่มกันโดยไม่รอพวกเรางั้นหรือ”ชายหนุ่มอีก 2 คนเดินเข้ามาในเต้นท์พลางเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ที่เว้นว่างเอาไว้ให้ตนเอง พวกมันท่าทางจะเป็นขุนพลลำกับที่ 12 และ 19 ที่พึ่งมาถึงแน่ๆ “พวกเรามีข่าวดีก็เลยฉลองกันก่อน แต่พวกเจ้ามาแล้วก็มาร่วมวงด้วยเลย”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางยื่นตัวอสูรที่บาดแผลบนร่างหายสนิทไปแล้วมาทางชายทั้งสอง “ดี”ชายทั้งสองคนเรียกจอกสุราออกมาจากมิติของตนเอง ก่อนจะรับเลือดของอสูรตนนั้นมา “ทุกท่าน ดื่ม”ได้ยินเสียงขององค์จักรพรรดิเหล่าขุนพลรวมทั้งตัวองค์จักรพรรดิเองก็ยกจอกเหล้าที่บรรจุเลือดของอสูรตัวน้อยขึ้นดื่มกันอย่างรวดเร็ว วูบ…พริบตานั้นราวกับอากาศภายในเต้นท์เบาบางลง แม้อสูรกิ้งก่าจะสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลังของพวกมันเพิ่มมากขึ้น พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็นึกถึงคำพูดของไป๋จูเหวินที่นึกสงสัยว่าทำไมอาณาจักรอีมอร์ถึงมีคนระดับเจ้าสวรรค์มากมายนัก “องค์จักรพรรดิ”อยู่ๆชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น มันคือคนที่พึ่งมาถึงนั่นเอง “มีอะไรโอเร็ม”องค์จักรพรรดิถามพลางมองมาทางชายที่ชื่อโอเร็ม “เหมือนเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ”ชายที่ชื่อโอเร็มพูดพลางชักดาบออกมา พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็ราวกับรู้ตัวว่าตนเองโดนจับได้ก็รีบพุ่งตัวออกไปหมายจะหนีออกจากเต้นท์ เคร๊ง!!! ดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลังของอสูรกิ้งก่า ทำให้มันต้องหันกลับไปรับการโจมตีเสียก่อน คนพวกนี้เหนือกว่าระดับยอดฝีมือเสียอีก แต่ไม่นึกว่าจะมีคนที่สามารถสัมผัสถึงตัวมันได้ “หนูของไชน์งั้นหรือ”ชายที่มาช้าที่สุดถามพลางมองมาทางดาบของโอเร็ม แม้จะมองไม่เห็น แต่ดาบของโอเร็มก็โดนอะไรบางอย่างขวางเอาไว้จริงๆ “น่าจะใช่”โอเร็มว่าพลางวาดดาบใส่อสูรกิ้งก่าอย่างแม่นยำ ทำเอาอสูรกิ้งก่าต้องตั้งรับจนถอยร้นไปข้างหลัง ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ทำให้พลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับอสูรกิ้งก่าที่อยู่ระดับมายาขั้นที่ 10 แต่มันกลับมีความสามารถตรวจจับที่เฉียบคมอย่างมาก ถึงขั้นสามารถหาตัวอสูรกิ้งก่าได้แบบนี้ บางทีมันอาจจะเป็นผู้ใช้เนตรจิตก็เป็นได้ ผลัก!!! อสูรกิ้งก่าตีลังกาเตะอัดใส่โอเร็มไปทีหนึ่งเพื่อจะดีดตัวหนี มันต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ขุนพลกิ้งก่าทราบ หากมีคนที่สามารถจับสัมผัสอสูรที่ล่องหนหายตัวได้อยู่ การให้ทัพของขุนพลกิ้งก่าลักลอบเข้าไปแนวหลังจะมีปัญหาได้ ตูม!!! อสูรกิ้งก่ายังไม่ทันจะลงพื้นหลังจากถีบตัวออกมาจากโอเร็ม ร่างของมันก็โดนคลื่นดาบสายหนึ่งกระแทกเข้าอย่างจังจนมันกระเด็นไปใส่เต้นท์ที่อยู่ด้านหลัง “โดนด้วยแฮะ”ชายร่างใหญ่ที่ซัดคลื่นดายใส่อสูรกิ้งก่าพูดพลางมองอสูรกิ้งก่าที่นอนอยู่บนเต้นท์ที่พังลงมา พลังโจมตีของระดับเจ้าสวรรค์นั้นรุ่นแรงมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้อสูรกิ้งก่าตายทันที เพียงแต่ยามนี้เลือดของมันไหลออกมาจากบาดแผล ทำให้ตัวมันไม่สามารถล่องหนหายตัวไปได้อีกแล้ว “มองไม่เห็นด้วยตาเปล่างั้นหรือ ทัพเสริมของอาณาจักรไชน์นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ”องค์จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางชักดาบออกมาจากฝัก “หึหึ ข้ามันแค่คนสืบข่าวเท่านั้น กองทัพของเราเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง พวกเจ้าไม่รอดแน่ๆ”อสูรกิ้งก่าว่าพลางพยายามลุกขึ้น ตัวมันไม่ได้มีพลังป้องกันที่มากมายอะไรอยู่แล้ว โดนระดับเจ้าสวรรค์โจมตีไปทีเดียวก็แทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว แต่เพราะก่อนจะมามันบอกอสูรปักษาเอาไว้แล้วว่าหากมันไม่กลับไปพบให้รายงานว่ามันตายไปแล้วได้เลย อย่างน้อยหากท่านขุนพลทราบว่ามันถูกจับได้และตายไปแล้ว ท่านก็จะทราบว่ามีคนที่สามารถมองความสามารถล่องหนออกได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นองค์จักรพรรดิก็จะไม่สั่งให้กองทัพของท่านขุนพลกิ้งก่าลอบเข้าไปด้านหลังของศัตรูให้เสี่ยงโดนล้อมโจมตีแน่ๆ “ดี ข้าคาดหวังเอาไว้เยอะทีเดียว”องค์จักรพรรดิอีมอร์ยิ้มพลางง้างดาบขึ้นสูง เคร๊ง!!! อสูรกิ้งก่ากัดฟันหมายจะใช้อาวุธในมือโจมตีใส่องค์จักรพรรดิอีมอร์ให้ได้สักครั้งก่อนตาย แต่ดาบของมันที่สร้างเลียนแบบอาวุธของชิงชิวกลับแทงใส่เกราะของจักรพรรดิอีมอร์ไม่เข้า “บัดซบเอ้ย”อสูรกิ้งก่ากัดฟันกรอดพลางมองดาบในมือของจักรพรรดิอีมอร์ที่กำลังจะโจมตีลงมา ตูม!!! เสียงกึกก้องดังไปทั่วค่ายทหาร ทำเอาเหล่าทหารต่างพากันเข้ามาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันยกใหญ่ เพียงแต่ยามนี้แม้แต่ศพของอสูรกิ้งก่าก็ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว เพราะเบื้องหน้าจักรพรรดิอีมอร์นั้นปรากฏหลุมลึกหลายเมตรแทนเสียแล้ว “กลับไปเตรียมตัวให้พร้อม โอเร็ม เจ้ารับหน้าที่เฝ้าแนวหลัง หากพวกหายตัวได้เข้ามาให้รายงานทันที”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะในลำคอ พลางเริ่มสั่งให้ทหารเคลื่อนทัพ

ตอนที่ 386

สืบข่าว

“……..”อสูรกิ้งก่าที่ลอบเข้าไปในค่ายทหารของฝั่งอีมอร์อาศัยอยู่ในคลังเสบียงมาหลายวันแล้วเพื่อจับตามองการเคลื่อนไหวของศัตรู แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จำนวนทหารที่กลับมารวมตัวกันที่ค่ายก็มากขึ้นเรื่อยๆจนน่ากังวล ข่าวที่บอกว่ามี 20 กองทัพนั้นท่าทางจะไม่ใช่เรื่องโกหกเสียแล้ว

“โชคดีจริงๆที่พวกทหารใช้พลังรูนได้ ไม่อย่างนั้นเสบียงเท่านี้ไม่พอแน่ๆ”นายทหารคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาในห้องเสบียงที่อสูรกิ้งก่าซ่อนตัวอยู่ เพราะเป็นกองทัพของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหรือผู้ใช้พลังรูน ทำให้ความต้องการอาหารค่อนข้างน้อย ทำไม่จำเป็นต้องใช้เสบียงมากมายอะไร หากเป็นกองทัพของมนุษย์ปกติละก็แค่วันเดียวก็เสียค่าอาหารไปหลายแสนเหรียญทองแล้วกระมัง

“หืม…”ทหารคนหนึ่งมองมาทางอสูรกิ้งก่าที่กำลังเปลี่ยนสีตัวเองไม่ให้คนอื่นมองเห็นอยู่

“มีอะไรงั้นเหรอ”ทหารอีกคนถามพลางมองตามทหารคนแรก แต่ด้วยสายตาคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นอสูรกิ้งก่าได้อยู่แล้ว

“เหมือนได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อย”ทหารคนแรกพูดพลางเดินดูรอบๆคลังเสบียง แม้แต่ทหารที่รับหน้าที่ขนของทั่วไปยังเป็นชนชั้นเทียนเซียน ประสาทสัมผัสของพวกมันไวกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า แม้จะไม่เห็นว่าอสูรกิ้งก่าอยู่ตรงไหน แต่เพียงการขยับตัวเล็กๆน้อยๆก็ทำให้มันสัมผัสได้แล้ว

“หนูนี่เอง”ทหารคนแรกพูดเมื่อเห็นหนูอยู่ด้านหลังกระสอบข้าว มันจับหนูตัวนั้นพลางเดินออกไปข้างนอกทันทีเพื่อเอามันไปฆ่าที่อื่น

“…..”อสูรกิ้งก่ามองพวกทหารเดินออกไปพลางเริ่มหายใจช้าๆหลังจากกลั้นหายใจมาได้พักใหญ่ แม้พวกมันจะสัมผัสพลังอสูรไม่ได้ และมองไม่เห็นตัวอสูรกิ้งก่า แต่อสูรกิ้งก่าก็ต้องระวังตัวอยู่ตลอดจริงๆ

วูบ…เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมาแล้ว อสูรกิ้งก่าจึงออกจาคลังเสบียงเพื่อสืบข้อมูลอื่นเพิ่มเติม ตอนนี้จำนวนกองทัพของศัตรูนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีมากกว่า 2 แสนแน่นอน แถมชุดเกราะและโล่ก็ยังไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ท่าทางจะรวมคนมาจากหลายๆที่จริงๆ

“…..”ระหว่างตรวจสอบกองกำลังของอีมอร์ อสูรกิ้งก่าก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรจุดหนึ่งที่มาจากภายในเต้นท์ใหญ่ของอาณาจักรอีมอร์ เต้นท์หลังนั้นเป็นเต้นท์ที่พวกขุนพลเข้าไปประชุมกัน ท่าทางจะเป็นเต้นท์ขององค์จักรพรรดิ แต่ทำไมถึงมีพลังอสูรอยู่ในนั้นได้ ทำให้อสูรกิ้งก่าอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้จริงๆ

“……..”อสูรกิ้งก่าไม่ได้ตรงไปที่เต้นท์ใหญ่แต่อย่างไร มันออกมาจากค่ายทหารพลางเริ่มเขียนจดหมายรายงานก่อนเป็นอย่างแรก ตอนนี้มันต้องส่งข้อมูลที่มันได้มาไปให้องค์จักรพรรดิก่อน

ฟุบ…อสูรปักษาตนหนึ่งกระโดดออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ด้านนอกของค่ายทหาร มันคืออสูรปักษาที่รับหน้าที่ส่งจดหมายให้อสูรกิ้งก่านั่นเอง แต่เพราะมันหายตัวไม่ได้มันเลยต้องรออสูรกิ้งก่าอยู่ด้านนอกแบบนี้

“ถ้าเจ้ากลับมาอีกครั้งแล้วข้าไม่มาพบเจ้าก่อนพวกอีมอร์เดินทัพ เจ้าไปรายงานได้เลยนะว่าข้าตายไปแล้ว”อสูรกิ้งก่าพูดพลางกระโดดกลับเข้าไปในค่ายทหารอีกรอบ มันไม่มั่นใจว่าอสูรในเต้นท์ใหญ่มีความหมายอะไรหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงขององค์จักรพรรดิ แต่รางสังหรณ์ของมันกลับไม่คิดเช่นนั้น ไม่ว่าจะบอกตัวเองว่ามันอันตราย และองค์จักรพรรดิก็ไม่ได้สั่งให้มันสืบเรื่องนี้ก็ตาม แต่ขาของมันก็พามันกลับมาที่เต้นท์ใหญ่จนได้

วูบ…อสูรกิ้งก่าเดินเข้าไปในตัวเต้นท์ด้วยเสียงที่เงียบกริบ ท่าย่องของกิ้งก่านั้นต่อให้อสูรระดับบรรพกาลก็ยังไม่ได้ยิน

“ยังขาดใครอีกบ้าง”เสียงของชายวัยกลางคนดังออกมาจากห้องประชุมที่อสูรกิ้งก่ากำลังเดินผ่าน

“เหลือท่านขุนพลลำดับที่ 12 และ 19 ขอรับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งรายงานพลางคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเกราะสีทองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยลวดลายสิงโต

“อืม..ให้ทุกคนเตรียมเคลื่อนพล ทันทีที่ขุนพลที่ 12 และ 19 มาถึงเราจะบุกไปยังอาณาจักรไชน์ทันที เมื่อเรายึดอาณาจักรไชน์มาได้ แผ่นดินทั้งหมดก็จะเป็นของเรา”ชายคนนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางเดินไปนั่งที่บัลลังก์ มันคือองค์จักรพรรดิของอาณาจักรอีมอร์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“องค์จักรพรรดิ ข้าได้ข่าวหนึ่งมาขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง

“ข่าวอะไร”องค์จักรพรรดิถามด้วยท่าทีสนใจ

“ข้าได้ทราบข่าวมาว่าหากเราข้ามทะเลจากอาณาจักรไชน์ไปอีก ยังมีแผ่นดินอีกแห่งอยู่ขอรับ”ได้ยินชายคนนั้นรายงาน องค์จักรพรรดิอีมอร์ก็มีท่าทีสนใจทันที

“เป็นเกาะงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิถามออกมาก่อน เพราะหากเป็นแค่เกาะเล็กๆก็ไม่ได้คุ้มค่าที่จะไปบุกแต่อย่างไร

“ไม่ขอรับ ได้ข่าวว่าเป็นแผ่นดินที่ใหญ่พอๆกับแผ่นดินของพวกเรา มีพื้นที่มากมายและอาณาจักรต่างๆอีกมากมายเช่นกันขอรับ”ได้ยินที่ชายคนนั้นพูด องค์จักรพรรดิก็ยิ้มออกมา

“ดี หลังจากยึดไชน์ได้ พวกเราจะไปบุกแผ่นดินใหม่ต่อ พวกเราจะเป็นเจ้าผู้ครองโลก”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะเสียงดังลั่นทำเอาอสูรกิ้งก่ากลืนน้ำลายลงคอ เป็นอย่างที่องค์จักรพรรดิไป๋คิดจริงๆ พวกมันไม่คิดจะหยุดอยู่แค่อาณาจักรไชน์เท่านั้น แต่ยังจะข้ามไปที่อาณาจักรอู๋อีกต่างหาก

“เอาล่ะ เช่นนั้นเรามาฉลองการค้นพบแผ่นดินใหม่กัน”องค์จักรพรรดิพูดจบชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากผ้าม่านด้านหลัง

“กี๊สสสส”เสียงร้องของอสูรที่ชายคนนั้นถือมาด้วยเรียกร้อยยิ้มให้เหล่าขุนพลเป็นอย่างมาก แต่สำหรับอสูรกิ้งก่านั้นกลับทำให้มันพูดไม่ออก นี่คือที่มาของพลังอสูรที่มันสัมผัสได้นั่นเอง

“กีสสสส”อสูรในมือของชายหนุ่มพยายามดิ้น แต่เพราะพลังของมันไม่ได้สูงมากทำให้ไม่สามารถดิ้นหลุดออกจากมือของชายหนุ่มได้ อสูรตนนั้นมีลักษณะเหมือนงูสีขาวเผือก แต่หากมองดีๆแล้วจะพบว่าที่หัวของมันมีเขาอยู่ และที่เด่นชัดที่สุดก็คือปีกนกที่สีขาวที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังกำเอาไว้แน่น

ฟุบ…อยู่ๆชายหนุ่มที่จับตัวอสูรตนนั้นเอาไว้ก็ใช้มีดกรีดที่คอของอสูรตนจนเป็นแผลลึก ทำให้เลือดของอสูรตนนั้นไหลออกมา แต่แทนที่มันจะไหลลงพื้น มันกลับไหลลงไปในจอกทองคำที่องค์จักรพรรดิเอามารองเอาไว้

“กีสสส”แม้จะโดนเฉือนคอจนเหมือนจะขาด แต่เจ้าอสูรตัวน้อยกลับไม่ตาย แถมแผลที่คอยังเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก

“ทุกท่าน เชิญ”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางเดินเข้าไปหาเหล่าขุนพล ไม่นานฉากกรีดคออสูรก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เหล่าขุนพลจะเอาจอกสุราของตนมารองเลือดกันอย่างรวดเร็วชนิดไม่ให้ตกพื้นแม่แต่หยดเดียว

“……”อสูรกิ้งก่าที่มองอยู่ด้านหลังไม่ทราบจะทำเช่นไรดี มันไม่เข้าใจว่าพวกมันจะเอาเลือดของอสูรตนนั้นไปทำอะไร จะดื่มงั้นหรือ แต่มนุษย์ทนพิษในเลือดของอสูรได้อย่างไร แล้วพวกมันจะดื่มเลือดของอสูรจนนั้นไปทำไมกัน

“อะไรกัน เริ่มกันโดยไม่รอพวกเรางั้นหรือ”ชายหนุ่มอีก 2 คนเดินเข้ามาในเต้นท์พลางเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ที่เว้นว่างเอาไว้ให้ตนเอง พวกมันท่าทางจะเป็นขุนพลลำกับที่ 12 และ 19 ที่พึ่งมาถึงแน่ๆ

“พวกเรามีข่าวดีก็เลยฉลองกันก่อน แต่พวกเจ้ามาแล้วก็มาร่วมวงด้วยเลย”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางยื่นตัวอสูรที่บาดแผลบนร่างหายสนิทไปแล้วมาทางชายทั้งสอง

“ดี”ชายทั้งสองคนเรียกจอกสุราออกมาจากมิติของตนเอง ก่อนจะรับเลือดของอสูรตนนั้นมา

“ทุกท่าน ดื่ม”ได้ยินเสียงขององค์จักรพรรดิเหล่าขุนพลรวมทั้งตัวองค์จักรพรรดิเองก็ยกจอกเหล้าที่บรรจุเลือดของอสูรตัวน้อยขึ้นดื่มกันอย่างรวดเร็ว

วูบ…พริบตานั้นราวกับอากาศภายในเต้นท์เบาบางลง แม้อสูรกิ้งก่าจะสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลังของพวกมันเพิ่มมากขึ้น พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็นึกถึงคำพูดของไป๋จูเหวินที่นึกสงสัยว่าทำไมอาณาจักรอีมอร์ถึงมีคนระดับเจ้าสวรรค์มากมายนัก

“องค์จักรพรรดิ”อยู่ๆชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น มันคือคนที่พึ่งมาถึงนั่นเอง

“มีอะไรโอเร็ม”องค์จักรพรรดิถามพลางมองมาทางชายที่ชื่อโอเร็ม

“เหมือนเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ”ชายที่ชื่อโอเร็มพูดพลางชักดาบออกมา พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็ราวกับรู้ตัวว่าตนเองโดนจับได้ก็รีบพุ่งตัวออกไปหมายจะหนีออกจากเต้นท์

เคร๊ง!!! ดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลังของอสูรกิ้งก่า ทำให้มันต้องหันกลับไปรับการโจมตีเสียก่อน คนพวกนี้เหนือกว่าระดับยอดฝีมือเสียอีก แต่ไม่นึกว่าจะมีคนที่สามารถสัมผัสถึงตัวมันได้

“หนูของไชน์งั้นหรือ”ชายที่มาช้าที่สุดถามพลางมองมาทางดาบของโอเร็ม แม้จะมองไม่เห็น แต่ดาบของโอเร็มก็โดนอะไรบางอย่างขวางเอาไว้จริงๆ

“น่าจะใช่”โอเร็มว่าพลางวาดดาบใส่อสูรกิ้งก่าอย่างแม่นยำ ทำเอาอสูรกิ้งก่าต้องตั้งรับจนถอยร้นไปข้างหลัง ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ทำให้พลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับอสูรกิ้งก่าที่อยู่ระดับมายาขั้นที่ 10 แต่มันกลับมีความสามารถตรวจจับที่เฉียบคมอย่างมาก ถึงขั้นสามารถหาตัวอสูรกิ้งก่าได้แบบนี้ บางทีมันอาจจะเป็นผู้ใช้เนตรจิตก็เป็นได้

ผลัก!!! อสูรกิ้งก่าตีลังกาเตะอัดใส่โอเร็มไปทีหนึ่งเพื่อจะดีดตัวหนี มันต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ขุนพลกิ้งก่าทราบ หากมีคนที่สามารถจับสัมผัสอสูรที่ล่องหนหายตัวได้อยู่ การให้ทัพของขุนพลกิ้งก่าลักลอบเข้าไปแนวหลังจะมีปัญหาได้

ตูม!!! อสูรกิ้งก่ายังไม่ทันจะลงพื้นหลังจากถีบตัวออกมาจากโอเร็ม ร่างของมันก็โดนคลื่นดาบสายหนึ่งกระแทกเข้าอย่างจังจนมันกระเด็นไปใส่เต้นท์ที่อยู่ด้านหลัง

“โดนด้วยแฮะ”ชายร่างใหญ่ที่ซัดคลื่นดายใส่อสูรกิ้งก่าพูดพลางมองอสูรกิ้งก่าที่นอนอยู่บนเต้นท์ที่พังลงมา พลังโจมตีของระดับเจ้าสวรรค์นั้นรุ่นแรงมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้อสูรกิ้งก่าตายทันที เพียงแต่ยามนี้เลือดของมันไหลออกมาจากบาดแผล ทำให้ตัวมันไม่สามารถล่องหนหายตัวไปได้อีกแล้ว

“มองไม่เห็นด้วยตาเปล่างั้นหรือ ทัพเสริมของอาณาจักรไชน์นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ”องค์จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางชักดาบออกมาจากฝัก

“หึหึ ข้ามันแค่คนสืบข่าวเท่านั้น กองทัพของเราเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง พวกเจ้าไม่รอดแน่ๆ”อสูรกิ้งก่าว่าพลางพยายามลุกขึ้น ตัวมันไม่ได้มีพลังป้องกันที่มากมายอะไรอยู่แล้ว โดนระดับเจ้าสวรรค์โจมตีไปทีเดียวก็แทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว แต่เพราะก่อนจะมามันบอกอสูรปักษาเอาไว้แล้วว่าหากมันไม่กลับไปพบให้รายงานว่ามันตายไปแล้วได้เลย อย่างน้อยหากท่านขุนพลทราบว่ามันถูกจับได้และตายไปแล้ว ท่านก็จะทราบว่ามีคนที่สามารถมองความสามารถล่องหนออกได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นองค์จักรพรรดิก็จะไม่สั่งให้กองทัพของท่านขุนพลกิ้งก่าลอบเข้าไปด้านหลังของศัตรูให้เสี่ยงโดนล้อมโจมตีแน่ๆ

“ดี ข้าคาดหวังเอาไว้เยอะทีเดียว”องค์จักรพรรดิอีมอร์ยิ้มพลางง้างดาบขึ้นสูง

เคร๊ง!!! อสูรกิ้งก่ากัดฟันหมายจะใช้อาวุธในมือโจมตีใส่องค์จักรพรรดิอีมอร์ให้ได้สักครั้งก่อนตาย แต่ดาบของมันที่สร้างเลียนแบบอาวุธของชิงชิวกลับแทงใส่เกราะของจักรพรรดิอีมอร์ไม่เข้า

“บัดซบเอ้ย”อสูรกิ้งก่ากัดฟันกรอดพลางมองดาบในมือของจักรพรรดิอีมอร์ที่กำลังจะโจมตีลงมา

ตูม!!! เสียงกึกก้องดังไปทั่วค่ายทหาร ทำเอาเหล่าทหารต่างพากันเข้ามาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันยกใหญ่ เพียงแต่ยามนี้แม้แต่ศพของอสูรกิ้งก่าก็ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว เพราะเบื้องหน้าจักรพรรดิอีมอร์นั้นปรากฏหลุมลึกหลายเมตรแทนเสียแล้ว

“กลับไปเตรียมตัวให้พร้อม โอเร็ม เจ้ารับหน้าที่เฝ้าแนวหลัง หากพวกหายตัวได้เข้ามาให้รายงานทันที”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะในลำคอ พลางเริ่มสั่งให้ทหารเคลื่อนทัพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 386 สืบข่าว

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 386 สืบข่าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 386 สืบข่าว “……..”อสูรกิ้งก่าที่ลอบเข้าไปในค่ายทหารของฝั่งอีมอร์อาศัยอยู่ในคลังเสบียงมาหลายวันแล้วเพื่อจับตามองการเคลื่อนไหวของศัตรู แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จำนวนทหารที่กลับมารวมตัวกันที่ค่ายก็มากขึ้นเรื่อยๆจนน่ากังวล ข่าวที่บอกว่ามี 20 กองทัพนั้นท่าทางจะไม่ใช่เรื่องโกหกเสียแล้ว “โชคดีจริงๆที่พวกทหารใช้พลังรูนได้ ไม่อย่างนั้นเสบียงเท่านี้ไม่พอแน่ๆ”นายทหารคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาในห้องเสบียงที่อสูรกิ้งก่าซ่อนตัวอยู่ เพราะเป็นกองทัพของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหรือผู้ใช้พลังรูน ทำให้ความต้องการอาหารค่อนข้างน้อย ทำไม่จำเป็นต้องใช้เสบียงมากมายอะไร หากเป็นกองทัพของมนุษย์ปกติละก็แค่วันเดียวก็เสียค่าอาหารไปหลายแสนเหรียญทองแล้วกระมัง “หืม…”ทหารคนหนึ่งมองมาทางอสูรกิ้งก่าที่กำลังเปลี่ยนสีตัวเองไม่ให้คนอื่นมองเห็นอยู่ “มีอะไรงั้นเหรอ”ทหารอีกคนถามพลางมองตามทหารคนแรก แต่ด้วยสายตาคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นอสูรกิ้งก่าได้อยู่แล้ว “เหมือนได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อย”ทหารคนแรกพูดพลางเดินดูรอบๆคลังเสบียง แม้แต่ทหารที่รับหน้าที่ขนของทั่วไปยังเป็นชนชั้นเทียนเซียน ประสาทสัมผัสของพวกมันไวกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า แม้จะไม่เห็นว่าอสูรกิ้งก่าอยู่ตรงไหน แต่เพียงการขยับตัวเล็กๆน้อยๆก็ทำให้มันสัมผัสได้แล้ว “หนูนี่เอง”ทหารคนแรกพูดเมื่อเห็นหนูอยู่ด้านหลังกระสอบข้าว มันจับหนูตัวนั้นพลางเดินออกไปข้างนอกทันทีเพื่อเอามันไปฆ่าที่อื่น “…..”อสูรกิ้งก่ามองพวกทหารเดินออกไปพลางเริ่มหายใจช้าๆหลังจากกลั้นหายใจมาได้พักใหญ่ แม้พวกมันจะสัมผัสพลังอสูรไม่ได้ และมองไม่เห็นตัวอสูรกิ้งก่า แต่อสูรกิ้งก่าก็ต้องระวังตัวอยู่ตลอดจริงๆ วูบ…เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมาแล้ว อสูรกิ้งก่าจึงออกจาคลังเสบียงเพื่อสืบข้อมูลอื่นเพิ่มเติม ตอนนี้จำนวนกองทัพของศัตรูนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีมากกว่า 2 แสนแน่นอน แถมชุดเกราะและโล่ก็ยังไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ท่าทางจะรวมคนมาจากหลายๆที่จริงๆ “…..”ระหว่างตรวจสอบกองกำลังของอีมอร์ อสูรกิ้งก่าก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรจุดหนึ่งที่มาจากภายในเต้นท์ใหญ่ของอาณาจักรอีมอร์ เต้นท์หลังนั้นเป็นเต้นท์ที่พวกขุนพลเข้าไปประชุมกัน ท่าทางจะเป็นเต้นท์ขององค์จักรพรรดิ แต่ทำไมถึงมีพลังอสูรอยู่ในนั้นได้ ทำให้อสูรกิ้งก่าอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้จริงๆ “……..”อสูรกิ้งก่าไม่ได้ตรงไปที่เต้นท์ใหญ่แต่อย่างไร มันออกมาจากค่ายทหารพลางเริ่มเขียนจดหมายรายงานก่อนเป็นอย่างแรก ตอนนี้มันต้องส่งข้อมูลที่มันได้มาไปให้องค์จักรพรรดิก่อน ฟุบ…อสูรปักษาตนหนึ่งกระโดดออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ด้านนอกของค่ายทหาร มันคืออสูรปักษาที่รับหน้าที่ส่งจดหมายให้อสูรกิ้งก่านั่นเอง แต่เพราะมันหายตัวไม่ได้มันเลยต้องรออสูรกิ้งก่าอยู่ด้านนอกแบบนี้ “ถ้าเจ้ากลับมาอีกครั้งแล้วข้าไม่มาพบเจ้าก่อนพวกอีมอร์เดินทัพ เจ้าไปรายงานได้เลยนะว่าข้าตายไปแล้ว”อสูรกิ้งก่าพูดพลางกระโดดกลับเข้าไปในค่ายทหารอีกรอบ มันไม่มั่นใจว่าอสูรในเต้นท์ใหญ่มีความหมายอะไรหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงขององค์จักรพรรดิ แต่รางสังหรณ์ของมันกลับไม่คิดเช่นนั้น ไม่ว่าจะบอกตัวเองว่ามันอันตราย และองค์จักรพรรดิก็ไม่ได้สั่งให้มันสืบเรื่องนี้ก็ตาม แต่ขาของมันก็พามันกลับมาที่เต้นท์ใหญ่จนได้ วูบ…อสูรกิ้งก่าเดินเข้าไปในตัวเต้นท์ด้วยเสียงที่เงียบกริบ ท่าย่องของกิ้งก่านั้นต่อให้อสูรระดับบรรพกาลก็ยังไม่ได้ยิน “ยังขาดใครอีกบ้าง”เสียงของชายวัยกลางคนดังออกมาจากห้องประชุมที่อสูรกิ้งก่ากำลังเดินผ่าน “เหลือท่านขุนพลลำดับที่ 12 และ 19 ขอรับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งรายงานพลางคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเกราะสีทองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยลวดลายสิงโต “อืม..ให้ทุกคนเตรียมเคลื่อนพล ทันทีที่ขุนพลที่ 12 และ 19 มาถึงเราจะบุกไปยังอาณาจักรไชน์ทันที เมื่อเรายึดอาณาจักรไชน์มาได้ แผ่นดินทั้งหมดก็จะเป็นของเรา”ชายคนนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางเดินไปนั่งที่บัลลังก์ มันคือองค์จักรพรรดิของอาณาจักรอีมอร์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย “องค์จักรพรรดิ ข้าได้ข่าวหนึ่งมาขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง “ข่าวอะไร”องค์จักรพรรดิถามด้วยท่าทีสนใจ “ข้าได้ทราบข่าวมาว่าหากเราข้ามทะเลจากอาณาจักรไชน์ไปอีก ยังมีแผ่นดินอีกแห่งอยู่ขอรับ”ได้ยินชายคนนั้นรายงาน องค์จักรพรรดิอีมอร์ก็มีท่าทีสนใจทันที “เป็นเกาะงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิถามออกมาก่อน เพราะหากเป็นแค่เกาะเล็กๆก็ไม่ได้คุ้มค่าที่จะไปบุกแต่อย่างไร “ไม่ขอรับ ได้ข่าวว่าเป็นแผ่นดินที่ใหญ่พอๆกับแผ่นดินของพวกเรา มีพื้นที่มากมายและอาณาจักรต่างๆอีกมากมายเช่นกันขอรับ”ได้ยินที่ชายคนนั้นพูด องค์จักรพรรดิก็ยิ้มออกมา “ดี หลังจากยึดไชน์ได้ พวกเราจะไปบุกแผ่นดินใหม่ต่อ พวกเราจะเป็นเจ้าผู้ครองโลก”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะเสียงดังลั่นทำเอาอสูรกิ้งก่ากลืนน้ำลายลงคอ เป็นอย่างที่องค์จักรพรรดิไป๋คิดจริงๆ พวกมันไม่คิดจะหยุดอยู่แค่อาณาจักรไชน์เท่านั้น แต่ยังจะข้ามไปที่อาณาจักรอู๋อีกต่างหาก “เอาล่ะ เช่นนั้นเรามาฉลองการค้นพบแผ่นดินใหม่กัน”องค์จักรพรรดิพูดจบชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากผ้าม่านด้านหลัง “กี๊สสสส”เสียงร้องของอสูรที่ชายคนนั้นถือมาด้วยเรียกร้อยยิ้มให้เหล่าขุนพลเป็นอย่างมาก แต่สำหรับอสูรกิ้งก่านั้นกลับทำให้มันพูดไม่ออก นี่คือที่มาของพลังอสูรที่มันสัมผัสได้นั่นเอง “กีสสสส”อสูรในมือของชายหนุ่มพยายามดิ้น แต่เพราะพลังของมันไม่ได้สูงมากทำให้ไม่สามารถดิ้นหลุดออกจากมือของชายหนุ่มได้ อสูรตนนั้นมีลักษณะเหมือนงูสีขาวเผือก แต่หากมองดีๆแล้วจะพบว่าที่หัวของมันมีเขาอยู่ และที่เด่นชัดที่สุดก็คือปีกนกที่สีขาวที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังกำเอาไว้แน่น ฟุบ…อยู่ๆชายหนุ่มที่จับตัวอสูรตนนั้นเอาไว้ก็ใช้มีดกรีดที่คอของอสูรตนจนเป็นแผลลึก ทำให้เลือดของอสูรตนนั้นไหลออกมา แต่แทนที่มันจะไหลลงพื้น มันกลับไหลลงไปในจอกทองคำที่องค์จักรพรรดิเอามารองเอาไว้ “กีสสส”แม้จะโดนเฉือนคอจนเหมือนจะขาด แต่เจ้าอสูรตัวน้อยกลับไม่ตาย แถมแผลที่คอยังเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก “ทุกท่าน เชิญ”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางเดินเข้าไปหาเหล่าขุนพล ไม่นานฉากกรีดคออสูรก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เหล่าขุนพลจะเอาจอกสุราของตนมารองเลือดกันอย่างรวดเร็วชนิดไม่ให้ตกพื้นแม่แต่หยดเดียว “……”อสูรกิ้งก่าที่มองอยู่ด้านหลังไม่ทราบจะทำเช่นไรดี มันไม่เข้าใจว่าพวกมันจะเอาเลือดของอสูรตนนั้นไปทำอะไร จะดื่มงั้นหรือ แต่มนุษย์ทนพิษในเลือดของอสูรได้อย่างไร แล้วพวกมันจะดื่มเลือดของอสูรจนนั้นไปทำไมกัน “อะไรกัน เริ่มกันโดยไม่รอพวกเรางั้นหรือ”ชายหนุ่มอีก 2 คนเดินเข้ามาในเต้นท์พลางเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ที่เว้นว่างเอาไว้ให้ตนเอง พวกมันท่าทางจะเป็นขุนพลลำกับที่ 12 และ 19 ที่พึ่งมาถึงแน่ๆ “พวกเรามีข่าวดีก็เลยฉลองกันก่อน แต่พวกเจ้ามาแล้วก็มาร่วมวงด้วยเลย”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางยื่นตัวอสูรที่บาดแผลบนร่างหายสนิทไปแล้วมาทางชายทั้งสอง “ดี”ชายทั้งสองคนเรียกจอกสุราออกมาจากมิติของตนเอง ก่อนจะรับเลือดของอสูรตนนั้นมา “ทุกท่าน ดื่ม”ได้ยินเสียงขององค์จักรพรรดิเหล่าขุนพลรวมทั้งตัวองค์จักรพรรดิเองก็ยกจอกเหล้าที่บรรจุเลือดของอสูรตัวน้อยขึ้นดื่มกันอย่างรวดเร็ว วูบ…พริบตานั้นราวกับอากาศภายในเต้นท์เบาบางลง แม้อสูรกิ้งก่าจะสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลังของพวกมันเพิ่มมากขึ้น พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็นึกถึงคำพูดของไป๋จูเหวินที่นึกสงสัยว่าทำไมอาณาจักรอีมอร์ถึงมีคนระดับเจ้าสวรรค์มากมายนัก “องค์จักรพรรดิ”อยู่ๆชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น มันคือคนที่พึ่งมาถึงนั่นเอง “มีอะไรโอเร็ม”องค์จักรพรรดิถามพลางมองมาทางชายที่ชื่อโอเร็ม “เหมือนเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ”ชายที่ชื่อโอเร็มพูดพลางชักดาบออกมา พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็ราวกับรู้ตัวว่าตนเองโดนจับได้ก็รีบพุ่งตัวออกไปหมายจะหนีออกจากเต้นท์ เคร๊ง!!! ดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลังของอสูรกิ้งก่า ทำให้มันต้องหันกลับไปรับการโจมตีเสียก่อน คนพวกนี้เหนือกว่าระดับยอดฝีมือเสียอีก แต่ไม่นึกว่าจะมีคนที่สามารถสัมผัสถึงตัวมันได้ “หนูของไชน์งั้นหรือ”ชายที่มาช้าที่สุดถามพลางมองมาทางดาบของโอเร็ม แม้จะมองไม่เห็น แต่ดาบของโอเร็มก็โดนอะไรบางอย่างขวางเอาไว้จริงๆ “น่าจะใช่”โอเร็มว่าพลางวาดดาบใส่อสูรกิ้งก่าอย่างแม่นยำ ทำเอาอสูรกิ้งก่าต้องตั้งรับจนถอยร้นไปข้างหลัง ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ทำให้พลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับอสูรกิ้งก่าที่อยู่ระดับมายาขั้นที่ 10 แต่มันกลับมีความสามารถตรวจจับที่เฉียบคมอย่างมาก ถึงขั้นสามารถหาตัวอสูรกิ้งก่าได้แบบนี้ บางทีมันอาจจะเป็นผู้ใช้เนตรจิตก็เป็นได้ ผลัก!!! อสูรกิ้งก่าตีลังกาเตะอัดใส่โอเร็มไปทีหนึ่งเพื่อจะดีดตัวหนี มันต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ขุนพลกิ้งก่าทราบ หากมีคนที่สามารถจับสัมผัสอสูรที่ล่องหนหายตัวได้อยู่ การให้ทัพของขุนพลกิ้งก่าลักลอบเข้าไปแนวหลังจะมีปัญหาได้ ตูม!!! อสูรกิ้งก่ายังไม่ทันจะลงพื้นหลังจากถีบตัวออกมาจากโอเร็ม ร่างของมันก็โดนคลื่นดาบสายหนึ่งกระแทกเข้าอย่างจังจนมันกระเด็นไปใส่เต้นท์ที่อยู่ด้านหลัง “โดนด้วยแฮะ”ชายร่างใหญ่ที่ซัดคลื่นดายใส่อสูรกิ้งก่าพูดพลางมองอสูรกิ้งก่าที่นอนอยู่บนเต้นท์ที่พังลงมา พลังโจมตีของระดับเจ้าสวรรค์นั้นรุ่นแรงมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้อสูรกิ้งก่าตายทันที เพียงแต่ยามนี้เลือดของมันไหลออกมาจากบาดแผล ทำให้ตัวมันไม่สามารถล่องหนหายตัวไปได้อีกแล้ว “มองไม่เห็นด้วยตาเปล่างั้นหรือ ทัพเสริมของอาณาจักรไชน์นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ”องค์จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางชักดาบออกมาจากฝัก “หึหึ ข้ามันแค่คนสืบข่าวเท่านั้น กองทัพของเราเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง พวกเจ้าไม่รอดแน่ๆ”อสูรกิ้งก่าว่าพลางพยายามลุกขึ้น ตัวมันไม่ได้มีพลังป้องกันที่มากมายอะไรอยู่แล้ว โดนระดับเจ้าสวรรค์โจมตีไปทีเดียวก็แทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว แต่เพราะก่อนจะมามันบอกอสูรปักษาเอาไว้แล้วว่าหากมันไม่กลับไปพบให้รายงานว่ามันตายไปแล้วได้เลย อย่างน้อยหากท่านขุนพลทราบว่ามันถูกจับได้และตายไปแล้ว ท่านก็จะทราบว่ามีคนที่สามารถมองความสามารถล่องหนออกได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นองค์จักรพรรดิก็จะไม่สั่งให้กองทัพของท่านขุนพลกิ้งก่าลอบเข้าไปด้านหลังของศัตรูให้เสี่ยงโดนล้อมโจมตีแน่ๆ “ดี ข้าคาดหวังเอาไว้เยอะทีเดียว”องค์จักรพรรดิอีมอร์ยิ้มพลางง้างดาบขึ้นสูง เคร๊ง!!! อสูรกิ้งก่ากัดฟันหมายจะใช้อาวุธในมือโจมตีใส่องค์จักรพรรดิอีมอร์ให้ได้สักครั้งก่อนตาย แต่ดาบของมันที่สร้างเลียนแบบอาวุธของชิงชิวกลับแทงใส่เกราะของจักรพรรดิอีมอร์ไม่เข้า “บัดซบเอ้ย”อสูรกิ้งก่ากัดฟันกรอดพลางมองดาบในมือของจักรพรรดิอีมอร์ที่กำลังจะโจมตีลงมา ตูม!!! เสียงกึกก้องดังไปทั่วค่ายทหาร ทำเอาเหล่าทหารต่างพากันเข้ามาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันยกใหญ่ เพียงแต่ยามนี้แม้แต่ศพของอสูรกิ้งก่าก็ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว เพราะเบื้องหน้าจักรพรรดิอีมอร์นั้นปรากฏหลุมลึกหลายเมตรแทนเสียแล้ว “กลับไปเตรียมตัวให้พร้อม โอเร็ม เจ้ารับหน้าที่เฝ้าแนวหลัง หากพวกหายตัวได้เข้ามาให้รายงานทันที”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะในลำคอ พลางเริ่มสั่งให้ทหารเคลื่อนทัพ

ตอนที่ 386

สืบข่าว

“……..”อสูรกิ้งก่าที่ลอบเข้าไปในค่ายทหารของฝั่งอีมอร์อาศัยอยู่ในคลังเสบียงมาหลายวันแล้วเพื่อจับตามองการเคลื่อนไหวของศัตรู แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จำนวนทหารที่กลับมารวมตัวกันที่ค่ายก็มากขึ้นเรื่อยๆจนน่ากังวล ข่าวที่บอกว่ามี 20 กองทัพนั้นท่าทางจะไม่ใช่เรื่องโกหกเสียแล้ว

“โชคดีจริงๆที่พวกทหารใช้พลังรูนได้ ไม่อย่างนั้นเสบียงเท่านี้ไม่พอแน่ๆ”นายทหารคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาในห้องเสบียงที่อสูรกิ้งก่าซ่อนตัวอยู่ เพราะเป็นกองทัพของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหรือผู้ใช้พลังรูน ทำให้ความต้องการอาหารค่อนข้างน้อย ทำไม่จำเป็นต้องใช้เสบียงมากมายอะไร หากเป็นกองทัพของมนุษย์ปกติละก็แค่วันเดียวก็เสียค่าอาหารไปหลายแสนเหรียญทองแล้วกระมัง

“หืม…”ทหารคนหนึ่งมองมาทางอสูรกิ้งก่าที่กำลังเปลี่ยนสีตัวเองไม่ให้คนอื่นมองเห็นอยู่

“มีอะไรงั้นเหรอ”ทหารอีกคนถามพลางมองตามทหารคนแรก แต่ด้วยสายตาคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นอสูรกิ้งก่าได้อยู่แล้ว

“เหมือนได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อย”ทหารคนแรกพูดพลางเดินดูรอบๆคลังเสบียง แม้แต่ทหารที่รับหน้าที่ขนของทั่วไปยังเป็นชนชั้นเทียนเซียน ประสาทสัมผัสของพวกมันไวกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า แม้จะไม่เห็นว่าอสูรกิ้งก่าอยู่ตรงไหน แต่เพียงการขยับตัวเล็กๆน้อยๆก็ทำให้มันสัมผัสได้แล้ว

“หนูนี่เอง”ทหารคนแรกพูดเมื่อเห็นหนูอยู่ด้านหลังกระสอบข้าว มันจับหนูตัวนั้นพลางเดินออกไปข้างนอกทันทีเพื่อเอามันไปฆ่าที่อื่น

“…..”อสูรกิ้งก่ามองพวกทหารเดินออกไปพลางเริ่มหายใจช้าๆหลังจากกลั้นหายใจมาได้พักใหญ่ แม้พวกมันจะสัมผัสพลังอสูรไม่ได้ และมองไม่เห็นตัวอสูรกิ้งก่า แต่อสูรกิ้งก่าก็ต้องระวังตัวอยู่ตลอดจริงๆ

วูบ…เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมาแล้ว อสูรกิ้งก่าจึงออกจาคลังเสบียงเพื่อสืบข้อมูลอื่นเพิ่มเติม ตอนนี้จำนวนกองทัพของศัตรูนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีมากกว่า 2 แสนแน่นอน แถมชุดเกราะและโล่ก็ยังไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ท่าทางจะรวมคนมาจากหลายๆที่จริงๆ

“…..”ระหว่างตรวจสอบกองกำลังของอีมอร์ อสูรกิ้งก่าก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรจุดหนึ่งที่มาจากภายในเต้นท์ใหญ่ของอาณาจักรอีมอร์ เต้นท์หลังนั้นเป็นเต้นท์ที่พวกขุนพลเข้าไปประชุมกัน ท่าทางจะเป็นเต้นท์ขององค์จักรพรรดิ แต่ทำไมถึงมีพลังอสูรอยู่ในนั้นได้ ทำให้อสูรกิ้งก่าอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้จริงๆ

“……..”อสูรกิ้งก่าไม่ได้ตรงไปที่เต้นท์ใหญ่แต่อย่างไร มันออกมาจากค่ายทหารพลางเริ่มเขียนจดหมายรายงานก่อนเป็นอย่างแรก ตอนนี้มันต้องส่งข้อมูลที่มันได้มาไปให้องค์จักรพรรดิก่อน

ฟุบ…อสูรปักษาตนหนึ่งกระโดดออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ด้านนอกของค่ายทหาร มันคืออสูรปักษาที่รับหน้าที่ส่งจดหมายให้อสูรกิ้งก่านั่นเอง แต่เพราะมันหายตัวไม่ได้มันเลยต้องรออสูรกิ้งก่าอยู่ด้านนอกแบบนี้

“ถ้าเจ้ากลับมาอีกครั้งแล้วข้าไม่มาพบเจ้าก่อนพวกอีมอร์เดินทัพ เจ้าไปรายงานได้เลยนะว่าข้าตายไปแล้ว”อสูรกิ้งก่าพูดพลางกระโดดกลับเข้าไปในค่ายทหารอีกรอบ มันไม่มั่นใจว่าอสูรในเต้นท์ใหญ่มีความหมายอะไรหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงขององค์จักรพรรดิ แต่รางสังหรณ์ของมันกลับไม่คิดเช่นนั้น ไม่ว่าจะบอกตัวเองว่ามันอันตราย และองค์จักรพรรดิก็ไม่ได้สั่งให้มันสืบเรื่องนี้ก็ตาม แต่ขาของมันก็พามันกลับมาที่เต้นท์ใหญ่จนได้

วูบ…อสูรกิ้งก่าเดินเข้าไปในตัวเต้นท์ด้วยเสียงที่เงียบกริบ ท่าย่องของกิ้งก่านั้นต่อให้อสูรระดับบรรพกาลก็ยังไม่ได้ยิน

“ยังขาดใครอีกบ้าง”เสียงของชายวัยกลางคนดังออกมาจากห้องประชุมที่อสูรกิ้งก่ากำลังเดินผ่าน

“เหลือท่านขุนพลลำดับที่ 12 และ 19 ขอรับ”ชายหนุ่มคนหนึ่งรายงานพลางคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเกราะสีทองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยลวดลายสิงโต

“อืม..ให้ทุกคนเตรียมเคลื่อนพล ทันทีที่ขุนพลที่ 12 และ 19 มาถึงเราจะบุกไปยังอาณาจักรไชน์ทันที เมื่อเรายึดอาณาจักรไชน์มาได้ แผ่นดินทั้งหมดก็จะเป็นของเรา”ชายคนนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางเดินไปนั่งที่บัลลังก์ มันคือองค์จักรพรรดิของอาณาจักรอีมอร์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“องค์จักรพรรดิ ข้าได้ข่าวหนึ่งมาขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง

“ข่าวอะไร”องค์จักรพรรดิถามด้วยท่าทีสนใจ

“ข้าได้ทราบข่าวมาว่าหากเราข้ามทะเลจากอาณาจักรไชน์ไปอีก ยังมีแผ่นดินอีกแห่งอยู่ขอรับ”ได้ยินชายคนนั้นรายงาน องค์จักรพรรดิอีมอร์ก็มีท่าทีสนใจทันที

“เป็นเกาะงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิถามออกมาก่อน เพราะหากเป็นแค่เกาะเล็กๆก็ไม่ได้คุ้มค่าที่จะไปบุกแต่อย่างไร

“ไม่ขอรับ ได้ข่าวว่าเป็นแผ่นดินที่ใหญ่พอๆกับแผ่นดินของพวกเรา มีพื้นที่มากมายและอาณาจักรต่างๆอีกมากมายเช่นกันขอรับ”ได้ยินที่ชายคนนั้นพูด องค์จักรพรรดิก็ยิ้มออกมา

“ดี หลังจากยึดไชน์ได้ พวกเราจะไปบุกแผ่นดินใหม่ต่อ พวกเราจะเป็นเจ้าผู้ครองโลก”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะเสียงดังลั่นทำเอาอสูรกิ้งก่ากลืนน้ำลายลงคอ เป็นอย่างที่องค์จักรพรรดิไป๋คิดจริงๆ พวกมันไม่คิดจะหยุดอยู่แค่อาณาจักรไชน์เท่านั้น แต่ยังจะข้ามไปที่อาณาจักรอู๋อีกต่างหาก

“เอาล่ะ เช่นนั้นเรามาฉลองการค้นพบแผ่นดินใหม่กัน”องค์จักรพรรดิพูดจบชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากผ้าม่านด้านหลัง

“กี๊สสสส”เสียงร้องของอสูรที่ชายคนนั้นถือมาด้วยเรียกร้อยยิ้มให้เหล่าขุนพลเป็นอย่างมาก แต่สำหรับอสูรกิ้งก่านั้นกลับทำให้มันพูดไม่ออก นี่คือที่มาของพลังอสูรที่มันสัมผัสได้นั่นเอง

“กีสสสส”อสูรในมือของชายหนุ่มพยายามดิ้น แต่เพราะพลังของมันไม่ได้สูงมากทำให้ไม่สามารถดิ้นหลุดออกจากมือของชายหนุ่มได้ อสูรตนนั้นมีลักษณะเหมือนงูสีขาวเผือก แต่หากมองดีๆแล้วจะพบว่าที่หัวของมันมีเขาอยู่ และที่เด่นชัดที่สุดก็คือปีกนกที่สีขาวที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังกำเอาไว้แน่น

ฟุบ…อยู่ๆชายหนุ่มที่จับตัวอสูรตนนั้นเอาไว้ก็ใช้มีดกรีดที่คอของอสูรตนจนเป็นแผลลึก ทำให้เลือดของอสูรตนนั้นไหลออกมา แต่แทนที่มันจะไหลลงพื้น มันกลับไหลลงไปในจอกทองคำที่องค์จักรพรรดิเอามารองเอาไว้

“กีสสส”แม้จะโดนเฉือนคอจนเหมือนจะขาด แต่เจ้าอสูรตัวน้อยกลับไม่ตาย แถมแผลที่คอยังเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก

“ทุกท่าน เชิญ”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางเดินเข้าไปหาเหล่าขุนพล ไม่นานฉากกรีดคออสูรก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เหล่าขุนพลจะเอาจอกสุราของตนมารองเลือดกันอย่างรวดเร็วชนิดไม่ให้ตกพื้นแม่แต่หยดเดียว

“……”อสูรกิ้งก่าที่มองอยู่ด้านหลังไม่ทราบจะทำเช่นไรดี มันไม่เข้าใจว่าพวกมันจะเอาเลือดของอสูรตนนั้นไปทำอะไร จะดื่มงั้นหรือ แต่มนุษย์ทนพิษในเลือดของอสูรได้อย่างไร แล้วพวกมันจะดื่มเลือดของอสูรจนนั้นไปทำไมกัน

“อะไรกัน เริ่มกันโดยไม่รอพวกเรางั้นหรือ”ชายหนุ่มอีก 2 คนเดินเข้ามาในเต้นท์พลางเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ที่เว้นว่างเอาไว้ให้ตนเอง พวกมันท่าทางจะเป็นขุนพลลำกับที่ 12 และ 19 ที่พึ่งมาถึงแน่ๆ

“พวกเรามีข่าวดีก็เลยฉลองกันก่อน แต่พวกเจ้ามาแล้วก็มาร่วมวงด้วยเลย”ชายที่จับตัวอสูรเอาไว้ว่าพลางยื่นตัวอสูรที่บาดแผลบนร่างหายสนิทไปแล้วมาทางชายทั้งสอง

“ดี”ชายทั้งสองคนเรียกจอกสุราออกมาจากมิติของตนเอง ก่อนจะรับเลือดของอสูรตนนั้นมา

“ทุกท่าน ดื่ม”ได้ยินเสียงขององค์จักรพรรดิเหล่าขุนพลรวมทั้งตัวองค์จักรพรรดิเองก็ยกจอกเหล้าที่บรรจุเลือดของอสูรตัวน้อยขึ้นดื่มกันอย่างรวดเร็ว

วูบ…พริบตานั้นราวกับอากาศภายในเต้นท์เบาบางลง แม้อสูรกิ้งก่าจะสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลังของพวกมันเพิ่มมากขึ้น พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็นึกถึงคำพูดของไป๋จูเหวินที่นึกสงสัยว่าทำไมอาณาจักรอีมอร์ถึงมีคนระดับเจ้าสวรรค์มากมายนัก

“องค์จักรพรรดิ”อยู่ๆชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น มันคือคนที่พึ่งมาถึงนั่นเอง

“มีอะไรโอเร็ม”องค์จักรพรรดิถามพลางมองมาทางชายที่ชื่อโอเร็ม

“เหมือนเราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ”ชายที่ชื่อโอเร็มพูดพลางชักดาบออกมา พริบตานั้นอสูรกิ้งก่าก็ราวกับรู้ตัวว่าตนเองโดนจับได้ก็รีบพุ่งตัวออกไปหมายจะหนีออกจากเต้นท์

เคร๊ง!!! ดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลังของอสูรกิ้งก่า ทำให้มันต้องหันกลับไปรับการโจมตีเสียก่อน คนพวกนี้เหนือกว่าระดับยอดฝีมือเสียอีก แต่ไม่นึกว่าจะมีคนที่สามารถสัมผัสถึงตัวมันได้

“หนูของไชน์งั้นหรือ”ชายที่มาช้าที่สุดถามพลางมองมาทางดาบของโอเร็ม แม้จะมองไม่เห็น แต่ดาบของโอเร็มก็โดนอะไรบางอย่างขวางเอาไว้จริงๆ

“น่าจะใช่”โอเร็มว่าพลางวาดดาบใส่อสูรกิ้งก่าอย่างแม่นยำ ทำเอาอสูรกิ้งก่าต้องตั้งรับจนถอยร้นไปข้างหลัง ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ทำให้พลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับอสูรกิ้งก่าที่อยู่ระดับมายาขั้นที่ 10 แต่มันกลับมีความสามารถตรวจจับที่เฉียบคมอย่างมาก ถึงขั้นสามารถหาตัวอสูรกิ้งก่าได้แบบนี้ บางทีมันอาจจะเป็นผู้ใช้เนตรจิตก็เป็นได้

ผลัก!!! อสูรกิ้งก่าตีลังกาเตะอัดใส่โอเร็มไปทีหนึ่งเพื่อจะดีดตัวหนี มันต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ขุนพลกิ้งก่าทราบ หากมีคนที่สามารถจับสัมผัสอสูรที่ล่องหนหายตัวได้อยู่ การให้ทัพของขุนพลกิ้งก่าลักลอบเข้าไปแนวหลังจะมีปัญหาได้

ตูม!!! อสูรกิ้งก่ายังไม่ทันจะลงพื้นหลังจากถีบตัวออกมาจากโอเร็ม ร่างของมันก็โดนคลื่นดาบสายหนึ่งกระแทกเข้าอย่างจังจนมันกระเด็นไปใส่เต้นท์ที่อยู่ด้านหลัง

“โดนด้วยแฮะ”ชายร่างใหญ่ที่ซัดคลื่นดายใส่อสูรกิ้งก่าพูดพลางมองอสูรกิ้งก่าที่นอนอยู่บนเต้นท์ที่พังลงมา พลังโจมตีของระดับเจ้าสวรรค์นั้นรุ่นแรงมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้อสูรกิ้งก่าตายทันที เพียงแต่ยามนี้เลือดของมันไหลออกมาจากบาดแผล ทำให้ตัวมันไม่สามารถล่องหนหายตัวไปได้อีกแล้ว

“มองไม่เห็นด้วยตาเปล่างั้นหรือ ทัพเสริมของอาณาจักรไชน์นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ”องค์จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางชักดาบออกมาจากฝัก

“หึหึ ข้ามันแค่คนสืบข่าวเท่านั้น กองทัพของเราเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง พวกเจ้าไม่รอดแน่ๆ”อสูรกิ้งก่าว่าพลางพยายามลุกขึ้น ตัวมันไม่ได้มีพลังป้องกันที่มากมายอะไรอยู่แล้ว โดนระดับเจ้าสวรรค์โจมตีไปทีเดียวก็แทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว แต่เพราะก่อนจะมามันบอกอสูรปักษาเอาไว้แล้วว่าหากมันไม่กลับไปพบให้รายงานว่ามันตายไปแล้วได้เลย อย่างน้อยหากท่านขุนพลทราบว่ามันถูกจับได้และตายไปแล้ว ท่านก็จะทราบว่ามีคนที่สามารถมองความสามารถล่องหนออกได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นองค์จักรพรรดิก็จะไม่สั่งให้กองทัพของท่านขุนพลกิ้งก่าลอบเข้าไปด้านหลังของศัตรูให้เสี่ยงโดนล้อมโจมตีแน่ๆ

“ดี ข้าคาดหวังเอาไว้เยอะทีเดียว”องค์จักรพรรดิอีมอร์ยิ้มพลางง้างดาบขึ้นสูง

เคร๊ง!!! อสูรกิ้งก่ากัดฟันหมายจะใช้อาวุธในมือโจมตีใส่องค์จักรพรรดิอีมอร์ให้ได้สักครั้งก่อนตาย แต่ดาบของมันที่สร้างเลียนแบบอาวุธของชิงชิวกลับแทงใส่เกราะของจักรพรรดิอีมอร์ไม่เข้า

“บัดซบเอ้ย”อสูรกิ้งก่ากัดฟันกรอดพลางมองดาบในมือของจักรพรรดิอีมอร์ที่กำลังจะโจมตีลงมา

ตูม!!! เสียงกึกก้องดังไปทั่วค่ายทหาร ทำเอาเหล่าทหารต่างพากันเข้ามาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันยกใหญ่ เพียงแต่ยามนี้แม้แต่ศพของอสูรกิ้งก่าก็ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว เพราะเบื้องหน้าจักรพรรดิอีมอร์นั้นปรากฏหลุมลึกหลายเมตรแทนเสียแล้ว

“กลับไปเตรียมตัวให้พร้อม โอเร็ม เจ้ารับหน้าที่เฝ้าแนวหลัง หากพวกหายตัวได้เข้ามาให้รายงานทันที”จักรพรรดิอีมอร์หัวเราะในลำคอ พลางเริ่มสั่งให้ทหารเคลื่อนทัพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+